ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 12 จากทั้งหมด 566 หน้า แสดงรายการที่ 221 - 240 จากข้อมูลทั้งหมด 11307 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
221 | ขออนุมัติผ่อนผันการเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ระมาด เพื่อสร้างวัดดอยภูกาล่าง ท้องที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก | พศ. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่
๑ เอ ตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๑๔
ไร่ ๓ งาน ๒๑ ตารางวา เพื่อสร้างวัดดอยภูกาล่าง ตำบลพะวอ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงมหาดไทยไปดำเนินการต่อไปอย่างเคร่งครัด
ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าจะต้องกำกับดูแลการดำเนินกิจกรรมต่าง
ๆ ให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะตามมาตรการการใช้ที่ดินในเขตลุ่มน้ำ
และมาตรการที่นำเสนอไว้ในรายงานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม (EAR) อย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะการอนุรักษ์ดูแลรักษาพื้นที่ป่าต้นน้ำตามวิถีพุทธ การปลูกต้นไม้ทดแทนในบริเวณที่ขออนุญาตและพื้นที่ข้างเคียงที่มีสภาพเสื่อมโทรม
และการปลูกพืชคลุมดินบริเวณที่มีความลาดชัน เป็นต้น
รวมทั้งควรมีมาตรการป้องกันการลักลอบเข้าไปตัดไม้ทำลายป่าบริเวณใกล้เคียงที่ยังมีสภาพป่าไม้สมบูรณ์
และมาตรการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินตามแนวเส้นทางเข้าสู่โครงการ กระทรวงมหาดไทย เห็นควรให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
222 | ขออนุมัติผ่อนผันการเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าภูแลนคาด้านทิศเหนือ เพื่อสร้างวัดชัยภูมิพิทักษ์ (ผาเกิ้ง) ท้องที่ตำบลกุดชุมแสง อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ | พศ. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่
๑ เอ ตามมติคณะรัฐนตรีที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๑๕ ไร่ เพื่อสร้างวัดชัยภูมิพิทักษ์
(ผาเกิ้ง) ตำบลกุดชุมแสง อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงมหาดไทยไปดำเนินการต่อไปอย่างเคร่งครัด
ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าหากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้รับอนุญาตให้เข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่แล้ว
ขอให้จำกัดพื้นที่ดำเนินการตามที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
และจะต้องปฏิบัติตามมาตรการการใช้ที่ดินในเขตลุ่มน้ำและมาตรการที่นำเสนอไว้ในรายงานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
223 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ครั้งที่ 1/2567 | นร.01 | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๖๗ ยกเว้นในส่วนของเรื่อง
เห็นชอบการขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการโดยรัฐ ด้านสวัสดิการกลุ่มเปราะบาง และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องตามหน้าที่และอำนาจต่อไป
ตามที่คณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมเสนอ ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม คณะอนุกรรมการ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงยุติธรรมไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าการดำเนินการใด
ๆ ในพื้นที่ป่า ขอให้ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย กระทรวงยุติธรรม เห็นว่าประเด็นที่ ๑ และประเด็นที่
๒ เห็นพ้องให้คณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย คดีความและกระบวนการยุติธรรม
ดำเนินการตามมติของการประชุมคณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม (เดิม)
และเห็นควรให้ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อแก้ไขปัญหาตามข้อเสนอประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมต่อไป ๒ ในส่วนของเรื่อง เห็นชอบการขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการโดยรัฐ
ด้านสวัสดิการกลุ่มเปราะบาง เห็นชอบให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับไปพิจารณาให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและข้อเสนอนโยบายตามมติคณะรัฐมนตรี
(๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๗) แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งต่อไป
ตามความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของของมนุษย์ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
224 | ความตกลงว่าด้วยกรอบข้อบังคับด้านความปลอดภัยอาหารอาเซียน (ASEAN Food Safety Regulatory Framework Agreement; AFSRF Agreement) | กษ. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบความตกลงว่าด้วยกรอบข้อบังคับด้านความปลอดภัยอาหารอาเซียน (ASEAN Food
Safety Regulatory Framework Agreement ; AFSRF Agreement) ซึ่งได้มีการลงนามแล้ว
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแนวทางการดำเนินการทั้งหมดที่ครอบคลุมและมีการบูรณาการเกี่ยวกับความปลอดภัยอาหารของประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการคุ้มครองสุขภาพของผู้บริโภคและอำนวยความสะดวกการเคลื่อนย้ายอย่างเสรีของอาหารปลอดภัยในอาเซียนบนพื้นฐานของหลักการ
๑๐ ข้อ ของนโยบายความปลอดภัยอาหารของอาเซียน (ASEAN Food Safety Policy :
AFSP) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา แล้วเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก่อนแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันต่อไป ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการมอบสัตยาบันสารของความตกลงฯ
ให้แก่เลขาธิการอาเซียนเพื่อรับทราบการให้สัตยาบัน
เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบความตกลงฯ ดังกล่าวแล้ว |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
225 | ร่างพระราชกำหนดภาษีส่วนเพิ่ม พ.ศ. .... | นร.09 | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีการายงานว่า
ได้ตรวจพิจารณาร่างพระราชกำหนดภาษีส่วนเพิ่ม พ.ศ. .... ตามมติคณะรัฐมนตรี (๑๑
ธันวาคม ๒๕๖๗) เสร็จแล้ว โดยแก้ไขบทอาศัยอำนาจให้ถูกต้อง
และปรับปรุงถ้อยคำและเนื้อหาให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑
ซึ่งทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องตราร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๐ พ.ศ. .... ๒. เห็นชอบร่างพระราชกำหนดภาษีส่วนเพิ่ม
พ.ศ. .... ของกระทรวงการคลัง ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการจัดเก็บภาษีส่วนเพิ่ม
(Top-Up
Tax) จากกลุ่มบริษัทข้ามชาติ (Multi-National Enterprises :
MNEs) ขนาดใหญ่ โดยมีการกำหนดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลขั้นต่ำ (Global
Minimum Tax : GMT) กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดเก็บภาษีส่วนเพิ่มตามหลักการของ
Pillar 2 โดยแก้ไขบทอาศัยอำนาจในการตราพระราชกำหนด จากมาตรา
๑๗๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เป็นมาตรา ๑๗๒
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และตัดบทบัญญัติที่กำหนดให้นำเงินที่ได้จากการจัดเก็บภาษีส่วนเพิ่มจัดสรรเงินดังกล่าวให้แก่กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายออก
และให้ดำเนินการต่อไปเป็นการด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
226 | มาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการขุดดินและถมดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย | มท. | 17/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ (เรื่อง
มาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการขุดดินและถมดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย)
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
227 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (สำนักงาน ก.พ.) | นร.10 | 17/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการต่าง ๆ
ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๒ คณะ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ
(คปร.)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
228 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การออกหนังสือคนประจำเรือตามกฎหมายว่าด้วยการประมง พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม เพื่อทำงานกับนายจ้างในกิจการประมงทะเล ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2567 รวม 2 ฉบับ | กษ. | 17/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง
การออกหนังสือคนประจำเรือตามกฎหมายว่าด้วยการประมง พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม
หรือสัญชาติอื่น
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประกาศกำหนดมาขึ้นทะเบียนและยื่นคำขอรับหนังสือคนประจำเรือ
กรณีที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน (Seabook เล่มสีเหลือง)
ได้ตลอดทั้งปี ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
229 | ขออนุมัติผ่อนผันยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีห้ามใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลนโดยเด็ดขาดตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2530 วันที่ 23 กรกฎาคม 2534 วันที่ 22 สิงหาคม 2543 และวันที่ 17 ตุลาคม 2543 เพื่อก่อสร้างโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร และศูนย์สำรวจและเฝ้าระวังชายฝั่ง | มท. | 17/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการห้ามใช้พื้นที่ป่าชายเลน
(มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔ วันที่
๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ และวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๓) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายในการปลูกป่าทดแทนเพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อมไม่น้อยกว่า
๒๐ เท่าของพื้นที่ป่าชายเลนที่ใช้ประโยชน์ตามระเบียบกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
ว่าด้วยการปลูกและบำรุงป่าชายเลนทดแทนเพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อม
กรณีการดำเนินการโครงการใด ๆ ของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลน
พ.ศ. ๒๕๖๖ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) ใช้จ่ายจากเงินรายได้ของกรุงเทพมหานครเป็นลำดับแรก
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าหากได้รับการยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวแล้ว
ขอให้ดำเนินการตามระเบียบและขั้นตอนของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
พร้อมจัดสรรงบประมาณให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปลูกป่าทดแทนเพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อม
ไม่น้อยกว่า ๒๐ เท่าของพื้นที่ป่าชายเลนที่ใช้ประโยชน์ตามระเบียบกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งว่าด้วยการปลูกและบำรุงป่าชายเลนทดแทนเพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อม
กรณีการดำเนินการโครงการใด ๆ
ของหน่วยงานของรัฐเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่ายเลน พ.ศ. ๒๕๖๖
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๖ อย่างเคร่งครัด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าหน่วยงานเจ้าของโครงการควรดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอน
ระเบียบ กฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
230 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงคมนาคม) | คค. | 11/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง
ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๖ คณะ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.
คณะกรรมการแห่งชาติเพื่อประสานงานกับองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ ๒. คณะกรรมการร่วมถาวรไทย - มาเลเซีย
ว่าด้วยการขนส่งสินค้าเน่าเสียง่ายผ่านแดนมาเลเซียไปยังสิงคโปร์ ๓. คณะกรรมการผู้แทนรัฐบาลเพื่อพิจารณาทำความตกลงเกี่ยวกับการขนส่งทางบกกับรัฐบาลต่างประเทศเป็นประจำ ๔.
คณะกรรมการผู้แทนรัฐบาลเพื่อพิจารณาทำความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศกับรัฐบาลต่างประเทศ ๕. คณะกรรมการอำนวยความสะดวกการขนส่งแห่งชาติ ๖. คณะกรรมการประสานการขนส่งผ่านแดนแห่งชาติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
231 | ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อว. | 11/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นยกเลิกมาตรา
๓๘ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่กำหนดให้ดำเนินการตราพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันวิทยาศาสตร์บริการตามกฎหมายว่าด้วยองค์การมหาชนให้แล้วเสร็จภายใน
๓ ปี นับแต่วันที่พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษาฯ
มีผลใช้บังคับ และให้ยุบเลิกกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น สำนักงาน ก.พ. เห็นว่ากรมวิทยาศาสตร์บริการควรพิจารณาทบทวนบทบาทภารกิจและการบริหารอัตรากำลัง
ตามติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๖ เรื่อง
แนวทางการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ ตามที่คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ
(คปร.) กำหนดไว้ในมาตรการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรจัดทำแผนบริหารและแนวทางการปฏิบัติราชการให้มีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
232 | ร่างกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551 จำนวน 4 ฉบับ | วธ. | 11/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๔ ฉบับ
ได้แก่ ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการขอและการออกใบอนุญาตประกอบกิจการโรงภาพยนตร์ พ.ศ.
.... ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการขอและการออกใบอนุญาตประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายภาพยนตร์และวีดิทัศน์
พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตและการประกอบกิจการร้านวีดิทัศน์ พ.ศ.
.... (เกม/คาราโอเกะ) และร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการประกอบกิจการภาพยนตร์และกิจการวีดิทัศน์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการขออนุญาตประกอบกิจการโรงภาพยนตร์ กิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน
หรือจำหน่ายภาพยนตร์และวีดิทัศน์ และกิจการร้านวีดิทัศน์
รวมทั้งปรับปรุงค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการขออนุญาตในกิจการดังกล่าวให้เหมาะสมกับบริบทในปัจจุบัน
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรพิจารณายกเลิกการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการตรวจพิจารณาสื่อโฆษณา
และการออกใบแทนใบอนุญาตตามร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการประกอบกิจการภาพยนตร์และกิจการวีดิทัศน์
(ฉบับที่..) พ.ศ. .... ซึ่งได้ปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมเป็น ๑ บาท เพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒ มกราคม ๒๕๖๓ เรื่อง การทบทวนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมในการอนุมัติ
อนุญาตของทางราชการ
ในกรณีที่หากรายได้จัดเก็บค่าธรรมเนียมต่ำกว่าต้นทุนการดำเนินการให้พิจารณายกเลิกการจัดเก็บค่าธรรมเนียม
และเร่งดำเนินการตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ
พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยจัดทำคู่มือสำหรับประชาชนและเผยแพร่ตามช่องทางที่กำหนดรวมถึงในเว็บไซต์ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อติดต่อราชการ
(www.info.go.th) ไปประกอบการพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
233 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงแรงงาน) | รง. | 11/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ ธันวาคม
๒๕๖๗) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการ ๒. ปลัดกระทรวงแรงงาน รองประธานกรรมการ ๓. ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กรรมการ ๔. ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรรมการ ๕. ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคม กรรมการ และความมั่นคงของมนุษย์ ๖. ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรรมการ ๗. ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กรรมการ ๘. ปลัดกระทรวงมหาดไทย กรรมการ ๙. ปลัดกระทรวงยุติธรรม กรรมการ ๑๐. ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กรรมการ ๑๑. ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรรมการ ๑๒. ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กรรมการ ๑๓. ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรรมการ ๑๔. ปลัดกรุงเทพมหานคร กรรมการ ๑๕. อัยการสูงสุด กรรมการ ๑๖. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กรรมการ ๑๗. เลขาธิการคณะกรรมการป้องกัน กรรมการ และปราบปรามยาเสพติด ๑๘. เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กรรมการ ๑๙. อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง กรรมการ ๒๐. อธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน กรรมการ ๒๑.
ผู้อำนวยการสำนักประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ กรรมการ สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน
กระทรวงแรงงาน ๒๒. ประธานมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก กรรมการ ๒๓. ผู้อำนวยการมูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก กรรมการ ๒๔. ประธานสภาองค์การนายจ้าง กรรมการ แห่งประเทศไทย ๒๕. ประธานสภาองค์การลูกจ้างแรงงาน กรรมการ แห่งประเทศไทย ๒๖. หัวหน้าทีมนโยบายเพื่อการพัฒนาสังคม กรรมการ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ๒๗. ผู้อำนวยการสำนักงานแรงงานระหว่างประเทศ กรรมการ ประจำประเทศไทย กัมพูชา
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ๒๘. อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กรรมการและเลขานุการ
กระทรวงแรงงาน ๒๙. ผู้อำนวยการกองคุ้มครองแรงงาน กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
กระทรวงแรงงาน ๓๐. ผู้อำนวยการกลุ่มงานแรงงานหญิง เด็ก กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ และเครือข่ายการคุ้มครองแรงงาน
กองคุ้มครองแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
กระทรวงแรงงาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
234 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นางมาฆวดี สุมิตรเหมาะ ฯลฯ จำนวน 4 ราย) | กต. | 11/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะว่างตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๗
ซึ่งอยู่ระหว่างการนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง
และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
โดยในจำนวนดังกล่าวเป็นการแต่งตั้งข้าราชการให้ไปดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศ
จำนวน ๓ ราย ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. นางมาฆวดี สุมิตรเหมาะ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมะนิลา
สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ (แทนตำแหน่งจะว่าง) ๒. นางสาวชวนาถ ทั่งสัมพันธ์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย (แทนตำแหน่งจะว่าง) ๓. นายวรวุฒิ พงษ์ประภาพันธ์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮลซิงกิ สาธารณรัฐฟินแลนด์ (สับเปลี่ยนหมุนเวียน)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
235 | ขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี กรณีการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิเฉพาะราย (นางสาวทัศลาภา แดงสุวรรณ) | สธ. | 11/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๖ สิงหาคม ๒๕๖๗ [เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวทัศลาภา แดงสุวรรณ และนายวิทยา
พลสีลา)] เฉพาะราย นางสาวทัศลาภา แดงสุวรรณ เนื่องจากสำนักงาน ก.พ. ได้รับหนังสือร้องเรียนเกี่ยวกับผลงานของ
นางสาวทัศลาภา แดงสุวรรณ และ สำนักงาน ก.พ. มีมติยกเลิกผลการประเมินผลงานของนางสาวทัศลาภา แดงสุวรรณ
เพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
236 | ขอยกเลิกโครงการสนับสนุนปุ๋ยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว และขอเสนอโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2567/68 | กษ. | 03/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยกเลิกโครงการสนับสนุนปุ๋ยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๗ (เรื่อง โครงการสนับสนุนปุ๋ยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
ภายใต้มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๖๗/๖๘) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒.
เห็นชอบโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต
๒๕๖๗/๖๘ ภายในกรอบวงเงิน ๓๘,๕๗๘.๒๒ ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นและเป็นภาระต่องบประมาณนั้น
ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามผลการดำเนินงานจริงตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ รวมทั้งให้นำข้อสังเกตของคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ
(นบข.) ไปประกอบการพิจารณาด้วย ทั้งนี้
การชดเชยต้นทุนเงินให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
ให้คงหลักเกณฑ์ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการชดเชยอัตราต้นทุนทางการเงินที่ต้องขอรับชดเชยจากภาครัฐในอัตราต้นทุนทางการเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
ประจำไตรมาส บวก ๑ เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา และหากจะมีการเปลี่ยนแปลงอัตราการชดเชยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์หารือร่วมกับกระทรวงการคลัง
กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนการดำเนินโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลกข้าว
ปีการผลิต ๒๕๖๗/๖๘ ดังกล่าว ตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นควรจัดทำระบบหรือกลไกในการตรวจสอบที่มีมาตรฐาน
เพื่อให้สามารถรวบรวมข้อมูลได้อย่างถูกต้องและทันสถานการณ์ รวมทั้งบูรณาการข้อมูลการลงทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
จำนวนเกษตรกร จำนวนพื้นที่เพาะปลูก ราคาซื้อขายในตลาด ปริมาณผลผลิตต่อไร่
ต้นทุนการผลิตต่อไร่ เพื่อจัดทำอัตราการช่วยเหลือเกษตรกรให้มีความเหมาะสมตามความจำเป็น
ข้อมูลเกษตรกรไม่ตกหล่นและไม่ซ้ำซ้อนในทุกมิติ
โดยดำเนินการในพื้นที่ที่อนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดิน
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๖
รวมทั้งการปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนจัดทำระบบการรายงาน การติดตาม
และการประเมินผลสัมฤทธิ์ และประโยชน์ที่เกษตรกรจะได้รับจากการดำเนินโครงการ
เพื่อให้มีข้อมูลในการบริหารงานอย่างถูกต้องครบถ้วน และการกำหนดนโยบายภาครัฐที่เหมาะสมและยั่งยืนต่อไป ธนาคารแห่งประเทศไทย เห็นควรติดตามการปฏิบัติตามเงื่อนไขของเกษตรกรผู้รับเงินสนับสนุนอย่างใกล้ชิด
เพื่อให้เกิดการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตข้าวตามวัตถุประสงค์ของโครงการ และในระยะต่อไป
ควรกำหนดแผนในการยกระดับผลิตภาพเกษตรกรผู้ปลูกข้าวทั้งการลดต้นทุนการผลิต
และเพิ่มผลิตภาพผ่านการใช้เทคโนโลยีให้มีความต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
รวมถึงจะช่วยลดการใช้ทรัพยากรของภาครัฐ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
237 | การอนุญาตให้ผู้ควบคุมอากาศยานต่างชาติ (นักบิน) ทำการบินในเส้นทางการบินภายในประเทศเป็นการชั่วคราว | รง. | 03/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการอนุญาตให้ผู้ควบคุมอากาศยานต่างชาติ
(นักบิน) ทำการบินในเส้นทางการบินภายในประเทศเป็นการชั่วคราว
โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๑๔ แห่งพระระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๖๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อยกเว้นให้ผู้ควบคุมอากาศยานต่างชาติ
(นักบิน) ที่มาพร้อมอากาศยาน (เครื่องบิน) สามารถทำงานได้เป็นการชั่วคราว และเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงแรงงาน
เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักร เป็นกรณีพิเศษ
สำหรับคนต่างด้าวที่จะเข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้ประจำหน้าที่นักบิน
หรือผู้ควบคุมอากาศยานในอากาศยานด้วยวิธีการเช่าพร้อมผู้ประจำหน้าที่ (Wet Lease) และประชาสัมพันธ์
สร้างการรับรู้และความเข้าใจให้นายจ้าง ผู้ประกอบการ คนต่างด้าว
และผู้ที่เกี่ยวข้อง รับทราบข้อมูลการดำเนินการดังกล่าวอย่างทั่วถึง ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
สำหรับคนต่างด้าวที่จะเข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้ประจำหน้าที่นักบินประจำอากาศยานด้วยวิธีการเช่าพร้อมผู้ประจำหน้าที่
(Wet Lease) ตามกฎหมายว่าด้วยการเดินอากาศ
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงแรงงาน กระทรวงคมนาคม
สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ดังนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมชื่อร่างประกาศเป็น
“ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวซึ่งจะเข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้ประจำหน้าที่นักบินประจำอากาศยานด้วยวิธีการเช่าพร้อมผู้ประจำหน้าที่
(Wet Lease) ตามกฎหมายว่าด้วยการเดินอากาศ”
เพื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพิ่มการกำหนดขอบเขตการได้รับอนุญาตให้ทำงานตามร่างประกาศนี้ให้ชัดเจนว่าคนต่างด้าวมีสิทธิทำงานเฉพาะงานขับขี่เครื่องบินในประเทศกับผู้ดำเนินการเดินอากาศและอากาศยานที่ระบุไว้ในหนังสือแจ้งที่ได้รับจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย
และจะทำงานอื่นหรือทำงานกับนายจ้างรายอื่นมิได้ (ร่างข้อ ๔) เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
238 | รายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | นร.12 | 03/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการตามรายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๖) และรายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ และเห็นชอบข้อเสนอแนะที่สำคัญของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ
จำนวน ๗๒ ข้อเสนอแนะ โดยให้รัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงและกรม
ที่มีประเด็นสมควรปรับปรุงแก้ไข รับข้อเสนอแนะไปพิจารณาดำเนินการ
พร้อมทั้งรายงานผลความก้าวหน้าในการดำเนินการต่อคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการต่อไป
ตามที่คณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการเสนอ และให้คณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เห็นควรกำหนดให้มีหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการกำกับดูแลฐานข้อมูลกลางและมีการเชื่อมโยงฐานข้อมูลร่วมกับหน่วยงานเจ้าของข้อมูลในข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการเร่งรัดดำเนินการจัดทำฐานข้อมูลกลางของกลุ่มเปราะบางอย่างเป็นระบ กระทรวงแรงงาน เห็นควรนำประเด็นข้อเสนอแนะจากรายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ มาดำเนินการปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันและยกระดับงานบริการของส่วนราชการให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรมีการบูรณาการฐานข้อมูลให้เป็นรูปแบบมาตรฐานเดียวกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
และนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในทุกขั้นตอนเพื่อให้การปฏิบัติงานของภาครัฐ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
239 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ให้เศษพลาสติกเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ. | 03/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์
เรื่อง ให้เศษพลาสติกเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรการควบคุมการนำเข้าเศษพลาสติกเข้ามาในราชอาณาจักร
โดยกำหนดให้เศษพลาสติก (เศษ เศษตัดและของที่ใช้ไม่ได้ที่เป็นพลาสติก เช่น
ฝาขวดน้ำดื่ม ขวดน้ำอัดลม ขวดน้ำมันพืช)
เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร
เพื่อให้การบริหารจัดการและการแก้ไขปัญหาเศษพลาสติกทั้งที่นำเข้าและที่มีอยู่เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสอดคล้องกับมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นควรแก้ไขชื่อร่างประกาศฯ
เป็น “ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง
กำหนดให้เศษพลาสติกเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. ....”
เพื่อให้สอดคล้องกับบทอาศัยอำนาจตามมาตรา ๕ (๑)
แห่งพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า
พ.ศ. ๒๕๒๒ และสอดคล้องกับชื่อประกาศกระทรวงพาณิชย์ฉบับอื่นที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัตินี้
เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
240 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ให้เศษพลาสติกเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ. | 03/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์
เรื่อง ให้เศษพลาสติกเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรการกำกับดูแลการนำเข้าเศษพลาสติกเข้ามาในราชอาณาจักร
โดยกำหนดให้เศษพลาสติก (เศษ เศษตัดและของที่ใช้ไม่ได้ที่เป็นพลาสติก เช่น ฝาขวดน้ำดื่ม
ขวดน้ำอัดลม ขวดน้ำมันพืช) เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร
เพื่อให้การบริหารจัดการและการแก้ไขปัญหาเศษพลาสติกทั้งที่นำเข้าและที่มีอยู่เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสอดคล้องกับมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นควรแก้ไขชื่อร่างประกาศฯ เป็น “ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์
เรื่อง กำหนดให้เศษพลาสติกเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ.
....” เพื่อให้สอดคล้องกับบทอาศัยอำนาจตามมาตรา ๕ (๒)
แห่งพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. ๒๕๒๒
และสอดคล้องกับชื่อประกาศกระทรวงพาณิชย์ฉบับอื่นที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัตินี้
และร่างข้อ ๔ เห็นควรใช้คำว่า “พิกัดอัตราศุลกากร”
เพื่อให้เป็นไปตามพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงมหาดไทย เห็นควรให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง |