ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 16 จากทั้งหมด 566 หน้า แสดงรายการที่ 301 - 320 จากข้อมูลทั้งหมด 11307 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
301 | หลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ การจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ และมอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | นร.07 | 24/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและรับทราบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ ยืนยันตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๔ (เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ
การจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ และมอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖) ๒. อนุมัติให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙
ธันวาคม ๒๕๖๖ (เรื่อง การจัดทำงประมาณรายจ่ายบูรณาการ และมอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๗ (เรื่อง
ปรับปรุงการมอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘) ๓. อนุมัติการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ จำนวน ๑๐ แผนงานบูรณาการ ซึ่งเป็นแผนงานต่อเนื่องจากปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ๔. อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยให้มีคณะกรรมการ จำนวนทั้งสิ้น ๖ คณะ
โดยนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
302 | ร่างพิธีสารแก้ไขและขยายระยะเวลาบันทึกความเข้าใจว่าด้วยโครงการเชื่อมโยงโครงข่ายท่อส่งก๊าซธรรมชาติอาเซียน (Protocol to Amend and Extend the ASEAN Memorandum of Understanding on the Trans-ASEAN Gas Pipeline Project) | พน. | 24/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพิธีสารแก้ไขและขยายระยะเวลาบันทึกความเข้าใจว่าด้วยโครงการเชื่อมโยงโครงข่ายท่อส่งก๊าซธรรมชาติอาเซียน
(Protocol to Amend and Extend the ASEAN Memorandum of Understanding on the Trans -
ASEAN Gas Pipeline Project) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
เป็นผู้ลงนามในพิธีสารฯ โดยร่างพิธีสารฯ มีสาระสำคัญเพิ่มเติมประเด็นเกี่ยวกับก๊าซธรรมชาติเหลว
สาธารณูปโภคด้านก๊าซธรรมชาติ ซึ่งรวมถึงระบบท่อก๊าซธรรมชาติดั้งเดิมและสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้อง
การจัดเก็บก๊าซธรรมชาติและสถานีแปรสภาพก๊าซ และระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติเหลวเสมือน (Virtual
pipeline system) และ ใช้คำว่า “รัฐสมาชิก” แทนคำว่า “ประเทศสมาชิก”
และเพิ่มความเชื่อมโยงระหว่างกัน ความยั่งยืนในอาเซียน การอำนวยความสะดวก ในการพัฒนาตลาดก๊าซเสรีในภูมิภาคอาเซียน
รวมทั้งการพัฒนาข้ามพรมแดนและการเชื่อมโยงระหว่างกันสำหรับธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างพิธีสารฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระพรวงพลังงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าการใช้ประโยชน์จากสาธารณูปโภคด้านก๊าซธรรมชาติต้องอยู่บนหลักการที่ได้คำนึงถึงความสามารถในการรองรับความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติภายในประเทศเป็นลำดับแรก
เพื่อไม่ให้กระทบต่อความมั่นคงทางพลังงานของประเทศและส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันในตลาดก๊าซธรรมชาติเหลวของประเทศ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
303 | ข้อเสนอแนะหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายเงินสินบนและรางวัลให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามระเบียบกรมศุลกากรว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและรางวัล | กค. | 24/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๗ (เรื่อง ข้อเสนอแนะหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายเงินสินบน และรางวัลให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามระเบียบกรมศุลกากรว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและรางวัล
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
304 | มาตรการช่วยเหลือด้านค่าไฟฟ้าแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ที่หน่วยงานราชการประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติจากอุทกภัย สำหรับค่าไฟฟ้าประจำเดือนกันยายนและเดือนตุลาคม 2567 | มท. | 24/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการมาตรการช่วยเหลือด้านค่าไฟฟ้าแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ที่หน่วยงานราชการประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติจากอุทกภัย
สำหรับค่าไฟฟ้าประจำเดือนกันยายนและเดือนตุลาคม ๒๕๖๗
และให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ไปดำเนินการต่อไป ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นว่าค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นควรปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก และการดำเนินมาตรการดังกล่าวจะต้องกระทำเท่าที่จำเป็น
และไม่ซ้ำซ้อนกับการช่วยเหลือจากภาครัฐในลักษณะประเภทเดียวกันด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
305 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 799.90 ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินชดเชยค่างานก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ของกรมทางหลวง | คค. | 24/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๗๙๙.๙๐
ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินชดเชยค่างานก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ของกรมทางหลวง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งควรเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณให้ทันภายในปีงบประมาณเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
สำหรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณและการจัดสรรงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
สำหรับความเหมาะสมของกรอบวงเงินและแหล่งเงินให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
306 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี | นร.05 | 17/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้คณะกรรมการต่าง ๆ
ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีของคณะรัฐมนตรีชุดเดิม จำนวน ๗๘ คณะ ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนถึงวันที่
๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ และหลังจากนั้นให้คณะกรรมการ ฯ ดังกล่าวสิ้นสุดลง ๒. ในกรณีที่ส่วนราชการใดพิจารณาเห็นว่าคณะกรรมการ
ฯ คณะใด (ตามข้อ ๑) ยังคงมีภารกิจสำคัญและจำเป็นที่จะต้องคงอยู่ต่อไป
เพื่อให้การดำเนินการตามภารกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ให้ส่วนราชการเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการคณะนั้น ๆ ขึ้นใหม่
โดยให้ตรวจสอบและปรับปรุงองค์ประกอบ หน้าที่และอำนาจให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน
แล้วส่งไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยด่วนเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้
ให้ส่วนราชการถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๔ (เรื่อง
แนวทางการใช้ระบบคณะกรรมการเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล)
อย่างเคร่งครัด
และหากเป็นกรณีที่มีการเสนอแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นกรรมการในคณะกรรมการที่จะเสนอแต่งตั้งด้วย
ให้ส่วนราชการเจ้าของเรื่องระบุชื่อ/ชื่อสกุล และตำแหน่ง (ถ้ามี)
ของบุคคลที่จะเสนอแต่งตั้งให้ชัดเจน พร้อมทั้งจัดทำเอกสารต่าง ๆ
ประกอบการพิจารณาด้วย ดังนี้ ๒.๑
แบบสรุปประวัติของผู้ที่จะเสนอแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนั้น ๆ ๒.๒
แบบตรวจสอบประวัติบุคคลเพื่อประกอบการนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่าง
ๆ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
307 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือว่าด้่วยการเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่แน่นแฟ้น และร่างแผนการดำเนินงานสหราชอาณาจักร - ไทย ฉบับที่ 2 | พณ. | 17/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่แน่นแฟ้น
(Memorandum of Understanding between the
Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the United Kingdom
of Great Britain and Northern Ireland for an Enhanced Trade Partnership) และร่างแผนการดำเนินงานสหราชอาณาจักร-ไทย ฉบับที่ ๒ (UK-TH Workplan
2.0) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างเอกสารทั้ง
๒ ฉบับ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเพื่อเป็นกลไกในการส่งเสริมการยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ
การค้า และการลงทุนของสองฝ่ายให้เป็นไปอย่างแน่นแฟ้นและใกล้ชิดยิ่งขึ้น ส่วนร่างแผนการดำเนินงานฯ
มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดกิจกรรมและรูปแบบความร่วมมือที่ต่อยอดจากแผนการดำเนินงานฯ
ฉบับแรก ในสาขายุทธศาสตร์สำคัญที่สองฝ่ายมีความสนใจร่วมกัน
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ และร่างแผนการดำเนินงานฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
308 | การให้ความช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม | นร. | 17/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์อุทกภัย
วาตภัย และดินโคลนถล่ม (คอส.) และจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ขึ้นแล้ว นั้น เพื่อให้การให้ความช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นไปอย่างรวดเร็ว
เหมาะสม และทั่วถึง เห็นควรให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการ
ดังนี้ ๑.
ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ประสบอุทกภัยอย่างใกล้ชิด
และเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาประชาชนตามแผนงานที่กำหนดไว้ให้บรรลุผลโดยเร็วและหากมีเหตุฉุกเฉินเกิดเพิ่มขึ้น
ก็ให้เร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้หมดไปอย่างรวดเร็วและทันท่วงทีด้วย ๒.
ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณากำหนดมาตรการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเพิ่มเติมจากการดำเนินการตามระเบียบ
หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่ได้ดำเนินการอยู่แล้วตามปกติในปัจจุบัน (ตามข้อ ๑)
แล้วให้เร่งดำเนินการต่อไป เพื่อให้สามารถให้การช่วยเหลือเยียวยาประชาชนได้อย่างครบถ้วน
ทั่วถึง และบรรเทาทุกข์ของผู้ประสบภัยได้มากยิ่งขึ้น โดยหากการดำเนินการเพิ่มเติมดังกล่าวในเรื่องใดมีความจำเป็นต้องเสนอคณะรัฐมนตรี
ก็ขอให้เร่งดำเนินการเสนอต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วน ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย ๓. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งเตือนภัย
เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กรมอุตุนิยมวิทยา) กระทรวงมหาดไทย
(กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)
ตรวจสอบระบบการแจ้งเตือนภัยในความรับผิดชอบให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเท่าทันสถานการณ์มากยิ่งขึ้นด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
309 | ร่างความตกลงระหว่างทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศกับคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เรื่อง การแต่งตั้งคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เป็น International Atomic Energy Agency Collaborating Centre - Anchor Centre | อว. | 17/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดทำร่างความตกลงระหว่างทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศกับคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล เรื่อง การแต่งตั้งคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล เป็น International Atomic
Energy Agency Collaborating Centre - Anchor Centre และมอบหมายให้คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นผู้แทนในการลงนามร่างความตกลงดังกล่าว
โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดกรอบความร่วมมือที่ไม่ผูกขาดระหว่างคู่สัญญา
ในด้านการเสริมสร้างศักยภาพและระบบสุขภาพในรูปแบบ Anchor Centre โดยคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะ Anchor
Centre จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการให้ความรู้ด้านการแพทย์รังสี
สาขาการถ่ายภาพมะเร็ง (รังสีวิทยาและเวชศาสตร์นิวเคลียร์) รังสีวิทยามะเร็ง
และฟิสิกส์การแพทย์ แก่ประเทศสมาชิกของ IAEA ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
รวมถึงประเทศสมาชิกในภูมิภาคอื่น
ตามแผนงานที่เป็นส่วนหนึ่งของร่างความตกลงฉบับนี้และการรายงานผลการดำเนินงานให้ IAEA
ทราบ โดยมีกิจกรรมภายใต้แผนงานครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ เช่น การฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญ
นักวิจัย หรือแพทย์ประจำบ้านตามคำแนะนำของ IAEA ในสาขาความเชี่ยวชาญของ
Anchor Centre การจัดหาผู้เชี่ยวชาญด้านรังสีวิทยา
เวชศาสตร์นิวเคลียร์ และฟิสิกส์การแพทย์ให้กับ IAEA เป็นต้น ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
(หนังสือกระทรวงการต่างประเทศ ที่ กต ๑๐๐๕/๑๖๙๕ ลงวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๗) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
310 | แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการขอรับร่างพระราชบัญญัติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและผู้มีสิทธิเลือกตั้งมาพิจารณาก่อนรับหลักการ | นร.05 | 17/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๗ (เรื่อง
แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการขอรับร่างพระราชบัญญัติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและผู้มีสิทธิเลือกตั้งมาพิจารณาก่อนรับหลักการ)
ต่อไป ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ๒. ให้รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติเป็นผู้ชี้แจงผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรจะลงมติรับหลักการต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
เพื่อเป็นข้อมูลและเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
311 | การมอบหมายให้นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อนุมัติ ให้ความเห็นชอบ หรือมีคำสั่งแทนคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับร่างพระราชกฤษฎีกาที่ต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญในความสัมพันธ์กับรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภา ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินการอันจำกัด ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 | นร.05 | 17/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๘ มกราคม ๒๕๖๓ (เรื่อง
การมอบหมายให้นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อนุมัติ ให้ความเห็นชอบ
หรือมีคำสั่งแทนคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับร่างพระราชกฤษฎีกาที่ต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญในความสัมพันธ์กับรัฐสภา
สภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภา ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินการอันจำกัดตามมาตรา ๗
แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘) ต่อไป ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
312 | การจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐคีร์กีซว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางพิเศษ/หนังสือเดินทางราชการ | กต. | 17/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อการจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐคีร์กีซว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางพิเศษ/หนังสือเดินทางราชการ
โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ
ทั้งนี้ ในกรณีมอบหมายผู้แทนให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนามที่ได้รับมอบหมายดังกล่าว
และให้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการมีผลใช้บังคับของความตกลงฯ
โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการยกเว้นการตรวจลงตราแก่บุคคลที่ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางพิเศษ/หนังสือเดินทางราชการของแต่ละฝ่ายในการเดินทางเข้า
ออก ผ่าน หรือพำนักอยู่ในดินแดนของอีกฝ่ายหนึ่งโดยจะไม่ต้องรับการตรวจลงตราเป็นระยะเวลาไม่เกิน
๙๐ วัน นับจากวันเดินทางเข้า โดยมีเงื่อนไขว่าบุคคลเหล่านั้นจะต้องไม่ทำงานใด ๆ
ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินกิจการของตนเองหรือกิจกรรมส่วนตัวอื่น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
ที่เห็นว่าหน่วยงานความมั่นคงควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
และหากพบพฤติการณ์ที่มีความเสี่ยงต่อความมั่นคง อาจเสนอให้ทบทวนความตกลงฯ ดังกล่าว
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
313 | การปรับปรุงกฎและระเบียบในการปฏิบัติราชการเพื่อให้การให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยเป็นไปอย่างรวดเร็วทันการณ์ | นร. | 17/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. มอบหมายให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงอื่น
ๆ ที่มีรัฐวิสาหกิจในสังกัด และรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้อง
รับไปพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการกำหนดให้รัฐวิสาหกิจออกระเบียบ
หลักเกณฑ์ และแนวปฏิบัติในการบริหารจัดการค่าบริการสาธารณูปโภคในพื้นที่ประสบภัยธรรมชาติไว้ล่วงหน้าเพื่อถือปฏิบัติต่อไป ๒.
มอบหมายให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่มีหน่วยงานในภูมิภาคพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการมอบอำนาจให้หัวหน้าหน่วยงานในสังกัดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ประสบภัยสามารถพิจารณาตัดสินใจในเรื่องใด
ๆ ที่จำเป็นเพื่อการป้องกันและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ที่ต้องประสบกับภัยธรรมชาติให้เท่าทันสถานการณ์
เช่น
กรณีการปิดโรงเรียนของกระทรวงศึกษาธิการและสถาบันการศึกษาของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ๓. มอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.
ร่วมกับคณะกรรมการบริหารงานบุคคลของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ เช่น
คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน
คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษารับไปพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการออกกฎ
ระเบียบ และแนวทางปฏิบัติเพื่ออนุญาตให้บุคลากรในสังกัดสามารถเดินทางไปให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ประสบภัยธรรมชาติได้ตามความจำเป็นเหมาะสมและความสมัครใจโดยไม่ถือเป็นวันลา ทั้งนี้
ให้พิจารณาดำเนินการดังกล่าวข้างต้นให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
314 | ขอความเห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 และขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 | มท. | 17/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี ๒๕๖๗ และอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณในการดำเนินการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน
กรณีอุทกภัย จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๓,๐๔๕,๕๑๙,๐๐๐ บาท เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี ๒๕๖๗
ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี
๒๕๖๗
โดยให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นหน่วยรับงบประมาณและจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยผ่านธนาคารออมสิน
ให้เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน ลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไป รวมทั้งให้สามารถถัวจ่ายข้ามจังหวัดได้
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี ๒๕๖๗
รวมทั้งขั้นตอนการดำเนินการแนวทางการปฏิบัติงาน และเอกสารหลักฐานต่าง ๆ
ให้เหลือเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
เพื่อให้สามารถดำเนินการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยได้เร็วที่สุดและเท่าทันสถานการณ์ ทั้งนี้
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด
ที่ นร ๐๗๐๔/๑๐๗๐๑ ลงวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๗)
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นควรเร่งดำเนินการตรวจสอบกลุ่มเป้าหมายผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยอย่างชัดเจน
ครอบคลุมในทุกพื้นที่ และปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี
และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยการใช้จ่ายและเบิกจ่ายงบประมาณในช่วงปลายปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
ให้เป็นไปตามหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค ๐๔๐๒.๕/ว ๑๔๔
ลงวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๗ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการขอกันเงินงบประมาณ
ปี ๒๕๖๗ ไว้เบิกเหลื่อมปี รวมถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีงบประมาณต่อไปด้วย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรให้ความสำคัญกับการกำหนดอัตราการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในปี ๒๕๖๗
ให้มีความสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและความเสียหายในปัจจุบัน
เนื่องจากพื้นที่ประสบอุทกภัยอยู่ในเขตเมือง ซึ่งมีภาคธุรกิจและพื้นที่อยู่อาศัยของประชาชนที่ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
และควรเร่งรัดขั้นตอนการสำรวจและตรวจสอบครัวเรือนเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยอย่างชัดเจน
ครอบคลุมพื้นที่ประสบอุทกภัย และกระบวนการจ่ายเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
โดยปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี
และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยได้อย่างทันสถานการณ์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
315 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างหอผู้ป่วยใน 7 ชั้น (จำนวน 156 เตียง) เป็นอาคาร คสล. 7 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 6,184 ตารางเมตร โรงพยาบาลสีคิ้ว ตำบลมิตรภาพ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา 1 หลัง | สธ. | 17/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างรายการหอผู้ป่วยใน ๗
ชั้น (จำนวน ๑๕๖ เตียง) เป็นอาคาร คสล. ๗ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๖,๑๘๔ ตารางเมตร โรงพยาบาลสีคิ้ว ตำบลมิตรภาพ อำเภอสีคิ้ว
จังหวัดนครราชสีมา ๑ หลัง จำนวนเงิน ๕๑,๔๖๓,๗๐๐ บาท ซึ่งจากเดิมได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
จำนวน ๑๐๖.๓ ล้านบาท เป็นวงเงินก่อสร้างรวมทั้งสิ้น ๑๕๗,๗๒๕,๒๐๐ บาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน
๑๕,๙๓๙,๓๐๐ บาท ที่ได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้แล้ว
ส่วนที่เหลือ จำนวน ๑๔๑,๗๘๕,๓๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ - พ.ศ. ๒๕๗๐ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุข
(สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข) เร่งรัดติดตามการดำเนินการก่อสร้างอาคารหอผู้ป่วยใน
๗ ชั้น โรงพยาบาลสีคิ้ว ตำบลมิตรภาพ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปดำเนินการด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรเร่งรัดดำเนินการเพื่อให้สามารถเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างได้โดยเร็ว
เพื่อไม่ให้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ พับไปโดยผลของกฎหมาย และขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรมีการเร่งรัดและกำกับการดำเนินการก่อสร้างให้เป็นไปตามมาตรฐานที่เกี่ยวข้องและข้อกำหนดในสัญญา
เพื่อให้โครงการสามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
316 | การมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ตรวจพิจารณาร่างมติคณะรัฐมนตรีและกลั่นกรองเรื่องก่อนเสนอนายกรัฐมนตรี | นร.05 | 07/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายชูศักดิ์ ศิรินิล)
เป็นผู้ตรวจพิจารณาร่างมติคณะรัฐมนตรีที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ๒. มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายชูศักดิ์ ศิรินิล) เป็นผู้พิจารณากลั่นกรองเรื่องดังต่อไปนี้ก่อนนำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป ๒.๑
เรื่องการดำเนินคดีในศาลปกครองในกรณีที่คณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีถูกฟ้องในคดีปกครองที่เกี่ยวข้องกับมติคณะรัฐมนตรี ๒.๒
เรื่องการดำเนินคดีในศาลรัฐธรรมนูญในกรณีที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้ถูกร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ๒.๓
เรื่องเกี่ยวกับกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
317 | แนวทางการประชุมคณะรัฐมนตรีและการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี | นร.05 | 07/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบการกำหนดวิธีการประชุมคณะรัฐมนตรี
ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้อนุมัติตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ วัน
เวลา และสถานที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ๑.๑.๑
จัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการกรณีปกติในทุกวันอังคาร ตั้งแต่เวลา ๑๐.๐๐
น. เป็นต้นไป ณ ห้องประชุม ๕๐๑ ตึกบัญชาการ ๑ ทำเนียบรัฐบาล ๑.๑.๒
การประชุมคณะรัฐมนตรีกรณีปกติอาจเปลี่ยนแปลงวัน เวลา
และสถานที่ได้ตามที่นายกรัฐมนตรีกำหนด ๑.๑.๓
การประชุมคณะรัฐมนตรีกรณีปกติจะดำเนินการโดยเชิญรัฐมนตรีมาเข้าร่วมประชุม ณ
สถานที่ที่กำหนดตามข้อ ๑.๑.๑ หรือข้อ ๑.๑.๒ ๑.๒
องค์ประกอบของการประชุมคณะรัฐมนตรี ๑.๒.๑
องค์ประชุมคณะรัฐมนตรี ๑.๒.๑.๑
การประชุมคณะรัฐมนตรีในกรณีปกติให้ดำเนินการได้เมื่อมีรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนคณะรัฐมนตรีทั้งหมดที่มีอยู่โดยจำนวนผู้เข้าร่วมประชุมให้รวมถึงผู้เข้าร่วมประชุมโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศซึ่งสามารถปรึกษาหารือกันได้แม้จะมิได้อยู่ในสถานที่เดียวกัน
๑.๒.๑.๒
ในกรณีจำเป็นเพื่อเป็นการรักษาประโยชน์สำคัญของประเทศหรือมีกรณีฉุกเฉินหรือเพื่อประโยชน์ในการรักษาความลับ
นายกรัฐมนตรีอาจพิจารณาเรื่องใดกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องตามที่นายกรัฐมนตรีเห็นสมควรเพื่อมีมติของคณะรัฐมนตรีในเรื่องนั้นได้
และเมื่อมีการประชุมเป็นกรณีปกติให้นายกรัฐมนตรีแจ้งให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีทราบมติของคณะรัฐมนตรีดังกล่าวด้วย ๑.๒.๒
ผู้เข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรี ประกอบด้วย
๑.๒.๒.๑ ข้าราชการการเมืองได้แก่ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี
และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
๑ ๒.๒.๒ ข้าราชการประจำระดับสูง ได้แก่ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และผู้ดำรงตำแหน่งตำแหน่งอื่น ๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีกำหนด ๑.๒.๓
ฝ่ายเลขานุการ ประกอบด้วย
๑.๒.๓.๑ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี
๑.๒.๓.๒ รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีมอบหมาย) ปฏิบัติหน้าที่ในการนำเสนอระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมกับเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
๑.๒.๓.๓ เจ้าหน้าที่ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีมอบหมาย)
ปฏิบัติหน้าที่ในห้องประชุมคณะรัฐมนตรี ๑.๓ ระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี
ประกอบด้วย ๑.๓.๑
เรื่องที่ประธานแจ้งที่ประชุม ๑.๓.๒
เรื่องวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา (ถ้ามี) ๑.๓.๓
เรื่องเพื่อพิจารณา ๑.๓.๔
เรื่องเพื่อทราบ (หากไม่มีข้อทักท้วงให้ถือเป็นมติคณะรัฐมนตรีตามที่เสนอ) ๑.๓.๕
เรื่องเพื่อทราบ ๑.๓.๖
เรื่องอื่น ๆ ๑.๔
ประเภทแฟ้มระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี ประกอบด้วย ๑.๔.๑
เรื่องเพื่อพิจารณา แฟ้มสีชมพู ๑.๔.๒
เรื่องเพื่อทราบ (หากไม่มีข้อทักท้วงฯ) แฟ้มสีส้ม ๑.๔.๓
เรื่องเพื่อทราบ แฟ้มสีฟ้า ๑.๕
การจัดส่งระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะจัดส่งระเบียบวาระการประชุมฯ
พร้อมด้วยเอกสารที่เกี่ยวข้องให้คณะรัฐมนตรีทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๑ วัน ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี
โดยสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะจัดส่งระเบียบวาระการประชุมฯ ให้คณะรัฐมนตรี ดังนี้ ๑.๕.๑
การประชุมคณะรัฐมนตรีในกรณีปกติทุกวันอังคาร จะจัดส่งระเบียบวาระการประชุมฯ (ปกติ) ให้คณะรัฐมนตรีภายในวันศุกร์
และจัดส่งระเบียบวาระการประชุมฯ (เพิ่มเติม) ภายในวันจันทร์ ส่วนระเบียบวาระการประชุมฯ
(วาระจร)
จะจัดส่งในวันประชุมคณะรัฐมนตรีผ่านระบบเรียกดูระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีด้วยเครื่องแท็บเล็ต
(M-VARA) เท่านั้น ๑.๕.๒
กรณีที่มีการเลื่อนวันประชุมคณะรัฐมนตรี จะจัดส่งระเบียบวาระการประชุมให้คณะรัฐมนตรีล่วงหน้าไม่น้อยกว่า
๑ วันก่อนวันประชุมคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะจัดส่งระเบียบวาระการประชุมฯ ในระบบ M-VARA อีกช่องทางหนึ่งด้วย ๑.๖
คณะกรรมการรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีจะแต่งตั้งคณะบุคคลประกอบด้วย รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและบุคคลอื่นที่มีความรู้ความชำนาญในเรื่องที่จะพิจารณาเพื่อพิจารณากลั่นกรองเรื่องใดก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีก็ได้
เพื่อให้เรื่องที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรีได้มีการพิจารณาอย่างละเอียด รอบคอบ และประหยัดเวลาการประชุมคณะรัฐมนตรี ๑.๗
การลาประชุมคณะรัฐมนตรี
ให้รัฐมนตรีแจ้งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อแจ้งให้นายกรัฐมนตรีและที่ประชุมคณะรัฐมนตรีทราบ
ซึ่งรวมถึงกรณีการลาประชุมเป็นช่วงเวลาหรือกรณีที่ไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมจนการประชุมสิ้นสุดได้ ๑.๘
สรุปผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ในการประชุมคณะรัฐมนตรีโดยเปิดเผย สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะจัดทำสรุปผลการประชุมคณะรัฐมนตรีทุกครั้งที่มีการประชุม
โดยจะจัดทำในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์และถ่ายโอนข้อมูลไปยังระบบ M-VARA แล้วแจ้งให้รัฐมนตรีทราบ กรณีมีข้อทักท้วงหรือแก้ไขประการใด
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องโดยเร็ว ๒.
เห็นชอบแนวทางปฏิบัติในการรักษาความลับของทางราชการที่เกี่ยวข้องกับการประชุมคณะรัฐมนตรี
และการให้ข่าวสารแก่สื่อมวลชน ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ โดยให้รัฐมนตรี
เจ้าหน้าที่ซึ่งเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการประชุมคณะรัฐมนตรีถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด
ดังนี้ ๒.๑
ให้รักษาความลับหรือเอกสารของทางราชการที่เกี่ยวข้องกับการประชุมคณะรัฐมนตรีตามประเภทชั้นความลับที่ได้กำหนดไว้ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยแบ่งออกเป็น ๓ ชั้น คือ ลับที่สุด ลับมาก และลับ
ซึ่งหากความลับดังกล่าวทั้งหมดหรือเพียงบางส่วนรั่วไหลไปถึงบุคคลผู้ไม่มีหน้าที่ได้ทราบจะทำให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงและผลประโยชน์แห่งรัฐ
ดังนั้น กรณีการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการประชุมคณะรัฐมนตรี เลขาธิการคณะรัฐมนตรีหรือรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้มีอำนาจสั่งให้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวตามเงื่อนไขที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีกำหนดตามนัยมาตรา
๒๐ (๑) แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ ๒.๒
การพิจารณาหารือหรืออภิปรายของคณะรัฐมนตรีในการประชุมคณะรัฐมนตรีให้ถือเป็นความลับของทางราชการ
ดังนั้น รัฐมนตรีทุกท่าน ผู้เข้าร่วมการประชุม
และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประชุมคณะรัฐมนตรี
พึงระมัดระวังและไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ
เกี่ยวกับเรื่องที่พิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ๒.๓
ในการจัดทำระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี
หากหน่วยงานเจ้าของเรื่องเห็นว่าเรื่องที่เสนอคณะรัฐมนตรีเป็นเรื่องที่มีชั้นความลับ
มีความอ่อนไหวและมีผลกระทบสูงเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เศรษฐกิจ
ความมั่นคง ประโยชน์สาธารณะ หรือประโยชน์ของประเทศชาติ หากถูกนำไปเปิดเผยต่อสาธารณชนแล้วจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผลประโยชน์ของชาติอย่างร้ายแรงให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องระบุไว้ในหนังสือนำส่งเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีให้ชัดเจนว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่มีชั้นความลับ
มีความอ่อนไหว และมีผลกระทบสูงอย่างไร หรือหากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่า
เป็นเรื่องที่เข้าลักษณะดังกล่าว
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะจัดทำระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีโดยจะแจกเอกสารระหว่างการพิจารณาเรื่องดังกล่าวในระบบ
M-VARA และหลังจากพิจารณาแล้วเสร็จจะถอนเรื่องดังกล่าวออกจากระบบ
M-VARA ทันที ๒.๔ ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐดูแลและระมัดระวังมิให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเอกสารการประชุมคณะรัฐมนตรีเปิดเผยเอกสารดังกล่าวก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ๒.๕
กรณีมีผู้นำเอกสารหรือข้อความซึ่งเป็นความลับของทางราชการไปเผยแพร่จนก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ
หรือเกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ
ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องที่ได้รับความเสียหายพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
(เช่น
กรณีข้าราชการพลเรือนฝ่าฝืนข้อปฏิบัติและถือเป็นผู้กระทำผิดวินัยหรือกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง)
อนึ่ง ตามประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๔
ได้วางหลักเกณฑ์ในการประพฤติปฏิบัติอย่างมีคุณธรรมในเรื่องการรักษาความลับของทางราชการไว้เช่นเดียวกัน
กล่าวคือ ตามข้อ ๗ (๓)
กำหนดให้ข้าราชการการเมืองต้องยึดถือประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ
โดยอย่างน้อยต้องไม่นำข้อมูลข่าวสาวอันเป็นความลับของทางราชการซึ่งตนได้มาในระหว่างอยู่ในตำแหน่งไปใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่เอกชนทั้งในระหว่างการดำรงตำแหน่งและเมื่อพ้นจากตำแหน่ง
และข้อ ๘ (๕) กำหนดให้ข้าราชการการเมืองต้องรักษาความลับของราชการ
เว้นแต่เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่และอำนาจตามกฎหมาย ๒.๖ เรื่องใดที่มีผลกระทบต่อประชาชนหรือประเทศชาติโดยส่วนรวม
เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติแล้ว ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องที่รับผิดชอบเป็นหน่วยงานหลักชี้แจงต่อสาธารณชนและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องและให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงเพิ่มเติมให้เป็นใปในทิศทางเดียวกัน
กรณีเป็นเรื่องที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหรืออนุมัติตามมติของคณะกรรมการต่าง ๆ
แล้ว
ให้ประธานกรรมการหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการชี้แจงในทำนองเดียวกันด้วย ๒.๗
ให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมีหน้าที่และอำนาจในการให้ข่าวสารเกี่ยวกับการประชุมคณะรัฐมนตรี
มติคณะรัฐมนตรี การดำเนินงานของคณะรัฐมนตรี รัฐมนตรี หรือกระทรวง กรม ตลอดจนชี้แจงเมื่อปรากฏว่ามีการเสนอข่าวคลาดเคลื่อนต่อความเป็นจริง
หรือไม่ถูกต้อง ครบถ้วน อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคลากรหรือรัฐบาล
หรือการปฏิบัติผิดพลาดได้ ทั้งนี้ อาจขอให้โฆษกกระทรวงเป็นผู้แถลงข่าวหรือออกคำชี้แจงเอง
หรือร่วมกันแถลงข่าว หรือชี้แจงด้วยก็ได้ ๓.
เห็นชอบแนวทางปฏิบัติของหน่วยงานของรัฐในการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
ดังนี้ ๓.๑
การเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี หน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี
พ.ศ. ๒๕๔๘ และระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี พ.ศ.
๒๕๔๘ อย่างเคร่งครัด ดังนี้ ๓.๑.๑
ผู้ลงนามในหนังสือนำส่งเรื่อง ให้หน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องดำเนินการให้เป็นไปตามนัยมาตรา
๖ แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘
ที่บัญญัติให้เป็นอำนาจของรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเป็นผู้ลงนามเสนอเรื่อง ๓.๑.๒
กรณีเรื่องที่จะเสนอคณะรัฐมนตรีเป็นเรื่องที่จะต้องได้รับความเห็นชอบหรืออนุมัติจากหน่วยงานของรัฐแห่งอื่นก่อน
(ตามระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ ข้อ ๙)
ให้หน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องขอความเห็นชอบหรือขออนุมัติจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องให้เสร็จสิ้นก่อน
แล้วจึงส่งเรื่องไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพร้อมกับความเห็นชอบหรือคำอนุมัตินั้น ๓.๒
กรณีเป็นเรื่องที่มีกรอบระยะเวลาในการดำเนินการอย่างชัดเจน
ซึ่งหน่วยงานเจ้าของเรื่องทราบล่วงหน้าอยู่แล้ว เช่น
เรื่องเกี่ยวกับการเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมนานาชาติ ให้เสนอเรื่องไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีก่อนถึงระยะเวลาที่กำหนดของเรื่องนั้น
ๆ อย่างน้อย ๑๕ วัน สำหรับกรณีที่เป็นเรื่องเร่งด่วน
ให้หน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องส่งเรื่องให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอย่างน้อย ๗
วัน ก่อนวันประชุมคณะรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
318 | รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet | นร. | 03/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล) รายงาน และมอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจให้ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไป ดังนี้ ๑. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายเผ่าภูมิ
โรจนสกุล) รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินโครงการเติมเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital Wallet (โครงการฯ) ว่า ปัจจุบันได้มีการเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ
ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม - ๑๕ กันยายน ๒๕๖๗ และในขั้นตอนต่อไป จะต้องมีการตรวจสอบสิทธิของผู้ลงทะเบียนให้ถูกต้อง
ครบถ้วน เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
จึงเสนอให้ที่ประชุมรับทราบและพิจารณาความเหมาะสมในการมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ
โดยให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ดังนี้ หน่วยงานที่รับผิดชอบ ภารกิจ กระทรวงมหาดไทย ตรวจสอบข้อมูลทะเบียนราษฎร กระทรวงการคลัง (กรมสรรพากร) ตรวจสอบข้อมูลรายได้ของประชาชน ณ ปีภาษี ๒๕๖๖ ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ นำส่งข้อมูลเงินฝาก ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม
๒๕๖๗ ไปยังสถาบันคุ้มครองเงินฝาก สถาบันคุ้มครองเงินฝาก ช่วยประสานงานกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
ในการจัดเตรียมข้อมูลเงินฝากและช่วยประมวลผลข้อมูลเงินฝากดังกล่าว กระทรวงยุติธรรม (กรมราชทัณฑ์) ตรวจสอบข้อมูลผู้อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกในเรือนจำ หน่วยงานผู้รับผิดชอบมาตรการ ตรวจสอบข้อมูลผู้ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนหรือฝ่าฝืนเงื่อนไขของมาตรการหรือโครงการอื่น ๆ ของรัฐ หรือโครงการอื่น ๆ ของรัฐ ๒. รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีความเห็นว่า กระทรวงการคลังควรเร่งจัดการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าวข้างต้น
เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินการตามภารกิจต่าง ๆ ให้ชัดเจน
ถูกต้องตรงกัน ๓. เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นว่า
การมอบหมายให้หน่วยงานดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ นั้น
แต่ละหน่วยงานสามารถปฏิบัติได้ตามหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายของหน่วยงานนั้น ๆ
อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม หน่วยงานต่าง ๆ ควรเร่งรัดดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
319 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... | ทส. | 03/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ.
๒๕๖๐ ที่จะสิ้นสุดระยะเวลาการใช้บังคับในวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๗ เพื่อกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ในเขตพื้นที่จังหวัดภูเก็ตให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
และเพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างการบังคับใช้กฎหมาย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทยไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เห็นควรให้บังคับใช้ตามกฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง
ในบริเวณจังหวัดภูเก็ต พ.ศ. ๒๕๖๕ เพื่อรักษาความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรในพื้นที่
ความเป็นอยู่และวิถีชีวิตของชาวประมงบริเวณพื้นที่ดังกล่าวอย่างยั่งยืนต่อไป กระทรวงมหาดไทย เห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตามระเบียบ
กฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
320 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับจ่ายเป็นเงินชดเชยค่างานก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) | กษ. | 03/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดยกรมชลประทาน ใช้จ่ายงประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน
๓๓๔,๐๐๑,๓๕๓.๖๑ บาท สำหรับจ่ายเป็นเงินชดเชยค่างานสิ่งก่อสร้าง
ตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) จำนวน ๗๐ รายการ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งควรเร่งรัดการเบิกจ่ายงประมาณให้ทันภายในปีงบประมาณ
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด |