ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 11 จากทั้งหมด 566 หน้า แสดงรายการที่ 201 - 220 จากข้อมูลทั้งหมด 11307 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
201 | ขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเพื่อใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน สำหรับเป็นที่ตั้งท่าอากาศยานชุมพร ตำบลชุมโค อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร | คค. | 13/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่
๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔ (เรื่อง รายงานการศึกษาสถานภาพปัจจุบันของป่าไม้ชายเลนและปะการังของประเทศ)
วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ เรื่อง มติคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ (เรื่อง
การแก้ไขปัญหาการจัดการพื้นที่ป่าชายเลน) และเมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๓ (เรื่อง
มติคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๔๓ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการจัดการพื้นที่ป่าชายเลน)
เพื่อใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลนในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และป่าชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรี
รวมเนื้อที่ ๑๔๗.๗๗ ไร่ สำหรับเป็นที่ตั้งท่าอากาศยานชุมพร ตามที่กรมท่าอากาศยานเสนอ
ก่อนดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่กำหนดไว้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ให้กระทรวงคมนาคม (กรมท่าอากาศยาน)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นควรให้ปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี ตลอดจนนโยบายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
202 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนย่านดินแดง–อิปัน–สินปุน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. .... | มท. | 13/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนย่านดินแดง - อิปัน - สินปุน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลอิปัน
และตำบลสินปุน อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท
ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินการคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค
บริการสาธารณะและสภาพแวดล้อม
เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ซึ่งมีนโยบายและมาตรการเพื่อจัดระบบการใช้ประโยชน์ที่ดิน โครงข่ายคมนาคมขนส่งและบริการสาธารณะให้มีประสิทธิภาพ
สามารถรองรับและสอดคล้องกับการขยายตัวของชุมชนในอนาคต
รวมทั้งส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เห็นว่าหากมีความประสงค์จะใช้ประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่า ต้องดำเนินการขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมาย
ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี ตลอดจนนโยบายที่เกี่ยวข้อง กระทรวงสาธารณสุข
เห็นว่าเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ต้องควบคุม กำกับ ดูแล สถานประกอบกิจการตามที่ราชการส่วนท้องถิ่นได้ตราข้อบัญญัติท้องถิ่นให้กิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเป็นกิจการที่ต้องควบคุมในเขตพื้นที่รับผิดชอบของราชการส่วนท้องถิ่นนั้น
เพื่อป้องกันผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
203 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงสาธารณสุข) | สธ. | 13/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการต่าง
ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีของกระทรวงสาธารณสุข จำนวน ๙ คณะ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๓ มกราคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.
คณะกรรมการควบคุมโรคขาดสารไอโอดีนแห่งชาติ ๒.
คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรนักศึกษาแพทย์ผู้ทำสัญญาการเป็นนักศึกษาแพทย์ ๓.
คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรนักศึกษาทันตแพทย์ผู้ทำสัญญาการเป็นนักศึกษาทันตแพทย์ ๔.
คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรนักศึกษาเภสัชศาสตร์ผู้ทำสัญญาการเป็นนักศึกษาเภสัชศาสตร์ ๕.
คณะกรรมการพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ๖.
คณะกรรมการอำนวยการเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Wellness and Medical Service Hub) ๗.
คณะกรรมการนโยบายการดื้อยาต้านจุลชีพแห่งชาติ ๘.
คณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุข
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
204 | มาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร | มท. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑.
รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ (เรื่อง
มาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
205 | วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 | นร.07 | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ และมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตและความเห็นของที่ประชุมร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ดังนี้ ๑) ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณามาตรการเพื่อรักษาระดับอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
๒) ให้กระทรวงการคลังพิจารณาแนวทางการเพิ่มรายได้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ๓) หน่วยรับงบประมาณควรพิจารณาการใช้จ่ายรายจ่ายประจำให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
โดยไม่กระทบค่าใช้จ่ายที่จำเป็นตามสิทธิและตามกฎหมาย และ ๔)
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๗ เรื่อง
แผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ ๒๕๖๙ - ๒๕๗๒) อย่างเคร่งครัด
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
206 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโซง และตำบลสีวิเชียร อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. .... | กษ. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลโซง และตำบลสีวิเชียร อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโซง
และตำบลสีวิเชียร อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำลำห้วยบอนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดอุบลราชธานี
และเพื่อนำที่ดินไปชดเชยให้เกิดความเป็นธรรมแก่เจ้าของที่ดินที่ถูกเวนคืน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เห็นควรให้กรมชลประทานเร่งรัดดำเนินการจ่ายค่าทดแทนให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการอ่างเก็บน้ำลำห้วยบอนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดอุบลราชธานี
โดยเร็วและเป็นธรรมเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและลดความขัดแย้งระหว่างส่วนราชการกับราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการของรัฐ
และการดำเนินการใด ๆ ในพื้นที่ป่า ขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
207 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินอุดหนุนตามโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด) | กค. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่กลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ที่จดทะเบียนวิสาหกิจชุมชนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน
สำหรับเงินอุดหนุนที่ได้รับตามโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาดที่ได้รับตั้งแต่วันที่
๑ มกราคม ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ ตามมติคณะรัฐมนตรี (๑๕ กันยายน ๒๕๖๓) เพื่อนำไปใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
ลดต้นทุนการผลิต ยกระดับการผลิตไปสู่สินค้าที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานสอดคล้องกับความต้องการของตลาด
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
208 | การขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีและขอปรับกรอบวงเงินโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีและขอปรับกรอบวงเงินโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม
ช่วงรังสิต - มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ในกรอบวงเงิน
๖,๔๗๓.๙๘
ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ ๗) ระยะเวลาดำเนินการ ๔ ปี โดยให้การรถไฟแห่งประเทศไทย
ดำเนินการประกวดราคาจ้างก่อสร้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (E -
Bidding) ตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๐ หรือที่ประกาศใช้ล่าสุด และรายละเอียดอื่นที่มิได้มีการเปลี่ยนแปลง
ให้ยึดถือตามมติคณะรัฐมนตรีเดิมเมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย) เร่งรัดการดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม
ช่วงรังสิต - มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในกรอบเวลาที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดการพิจารณาเสนอเรื่อง
การปรับเพิ่มกรอบวงเงินค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมของโครงการระบบรถไฟชานเมือง
(สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต และช่วงบางซื่อ - ตลิ่งชัน ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาในโอกาสแรก และสร้างความชัดเจนของนโยบายรูปแบบการดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมือง
(สายสีแดง) และในกรณีที่มีความเหมาะสมที่จะใช้รูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน
เห็นควรให้มีการกำหนดทิศทางการดำเนินงานของบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.)
ในอนาคต เนื่องจากปัจจุบัน รฟฟท. เป็นผู้ดำเนินการเดินรถในโครงการระบบรถไฟชานเมือง
(สายสีแดง) รวมทั้งเร่งดำเนินการให้ได้มาซึ่งเอกชนร่วมลงทุน
เพื่อให้การลงทุนก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมืองฯ มีความสอดคล้องกับการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน
และป้องกันไม่ให้เกิดภาระงบประมาณในการดูแลรักษาโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมจากความล่าช้า
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
209 | ขออนุมัติการเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการค่าก่อสร้างและค่าควบคุมงาน โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานเอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว | กต. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบความเหมาะสมของราคารายการค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการและสิ่งก่อสร้างประกอบสถานเอกอัครราชทูต
ณ เวียงจันทน์ สปป.ลาว เวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ๑ แห่ง
ในวงเงิน ๓๒๐,๒๓๒,๙๐๐ บาท และรายการค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการและสิ่งก่อสร้างประกอบ
สถานเอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ สปป.ลาว เวียงจันทน์
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ๑ งาน ในวงเงิน ๒๔,๐๑๗,๔๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ - พ.ศ. ๒๕๗๐
แต่เนื่องจากการดำเนินการดังกล่าวเป็นการเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณค่าก่อสร้างอาคารและค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารฯ
ซึ่งเกินกว่าวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้ ตามหนังสือที่อ้างถึง ๖ จึงขอให้กระทรวงการต่างประเทศนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติการเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ตามนัยข้อ ๗ (๓) ของระเบียบว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒
และเมื่อได้ผลการจัดซื้อจัดจ้างแล้ว
หากไม่เกินวงเงินที่สำนักงบประมาณให้ความเห็นชอบ ให้แจ้งสำนักงบประมาณทราบ
และดำเนินการทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้
ขอให้กระทรวงการต่างประเทศปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
และต่อรองราคาจนถึงที่สุดด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ
ที่ นร ๐๗๐๖/๘๓๒๗ ลงวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๗)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
210 | การขอขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme: UNDP) ในการดำเนินงานศูนย์นวัตกรรมระดับภูมิภาค กรุงเทพมหานคร-UNDP (Bangkok-UNDP Regional Innovation Center: RIC) หรือห้องปฏิบัติการนโยบายประเทศไทย (Thailand Policy Lab: TPLab) | นร.11 สศช | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development
Programme : UNDP) ในการดำเนินงานศูนย์นวัตกรรมระดับภูมิภาค กรุงเทพมหานคร - UNDP (Bangkok - UNDP Regional Innovation Center :
RIC) หรือห้องปฏิบัติการนโยบายประเทศไทย (TPLab) (โครงการความร่วมมือ RIC) นับแต่วันสิ้นสุดความตกลงความเป็นหุ้นส่วนระหว่างรัฐบาลไทยกับ
UNDP ในการดำเนินงานศูนย์ RIC ในประเทศไทย
ในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗ เป็นวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘
ภายใต้กรอบวงเงินโครงการความร่วมมือ RIC ที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม
และเห็นชอบร่างพิธีสารเพื่อแก้ไขความตกลงความเป็นหุ้นส่วนระหว่างรัฐบาลไทยกับ UNDPในการดำเนินงานศูนย์ RIC ในประเทศไทย โดยให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างพิธีสารฯ
ของฝ่ายไทย พร้อมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ จัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full
Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างพิธีสารฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
211 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 พ.ศ. .... | นร.01 | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ
พ.ศ. ๒๕๔๐ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้องค์การมหาชนตามกฎหมายว่าด้วยองค์การมหาชน
หน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะที่เป็นองค์การมหาชนตามมติคณะรัฐมนตรีตามข้อเสนอของคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน
สถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการแต่อยู่ในกำกับของรัฐและหน่วยธุรการขององค์การของรัฐที่เป็นอิสระ
ซึ่งเป็นหน่วยงานตามมติคณะรัฐมนตรี (๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๒) เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ
พ.ศ. ๒๕๔๐ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
212 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงการคลัง) | กค. | 07/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง
ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๑ คณะ ได้แก่
คณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศล ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ มกราคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
213 | โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ | กค. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ
(โครงการฯ) โดยมอบหมายกระทรวงการคลังดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเกิดประสิทธิภาพ
และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. .... งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ
จำนวนไม่เกิน ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท รวมทั้งเห็นชอบในหลักการการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินที่กลุ่มเป้าหมายได้รับตามโครงการฯ
และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ เช่น สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)
นำส่งฐานข้อมูลผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๓ เมษายน ๒๕๖๗ สำเร็จ ที่มีสัญชาติไทยและมีอายุตั้งแต่ ๖๐ ปีบริบูรณ์ขึ้นไป โดยสำนักงานปลัดกระทรวงการคลังเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
เป็นต้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สำหรับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้น
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ให้รับความเห็นและข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ธนาคารแห่งประเทศไทย
และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่ากระทรวงการคลังควรเตรียมแนวทางการประชาสัมพันธ์โครงการดังกล่าว
เพื่อสร้างความเข้าใจในวงกว้างและลดปัญหาการร้องเรียนที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมุ่งเน้นการกำกับดูแลการดำเนินการในเรื่องต่าง
ๆ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ข้อกฎหมาย
รวมถึงรักษากรอบวินัยการเงินการคลังอย่างรอบคอบ เคร่งครัด
และจัดให้มีการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และความคุ้มค่า รวมทั้งรายงานปัญหาอุปสรรค
และแนวทางการแก้ไขการดำเนินโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
214 | ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ | ตช. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ
ออกไปอีก ๕ ปี (พ.ศ.๒๕๖๘ - ๒๕๗๒) ในวงเงินตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม
๒๕๖๑ ได้อนุมัติไว้ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในกรอบระยะเวลาที่ได้รับการขยายในครั้งนี้
โดยดำเนินการให้ถูกต้อง โปร่งใส เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงพลังงาน
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงพลังงาน เห็นควรพิจารณาการใช้งบประมาณให้มีประสิทธิภาพ
ประหยัดคุ้มค่า และให้ดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นควรที่คณะรัฐมนตรีจะได้กำชับให้หน่วยงานที่รับผิดชอบกำหนดแผนการดำเนินงานในเรื่องนี้ให้ชัดเจน
มีกำหนดแล้วเสร็จแน่นอน เพื่อให้การดำเนินการตามกฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล
(องค์การมหาชน) เพื่อพิจารณาทบทวนและปรับปรุงรายละเอียดของโครงการฯ ให้เหมาะสม
ทันสมัย เป็นปัจจุบัน มีช่องทางการแจ้งเหตุฉุกเฉินที่หลากหลาย ครบถ้วน
แล้วให้กำหนดแผนการดำเนินงานต่าง ๆ
และกรอบระยะเวลาของแผนดังกล่าวให้ชัดเจนก่อนดำเนินการต่อไป
โดยไม่ควรมีการขยายระยะเวลาอีก |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
215 | ขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2566 [เรื่อง การลงทุนโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดลำพูน และเรื่อง การลงทุนโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)] | อก. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ มกราคม ๒๕๖๖ [เรื่อง การลงทุนโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดลำพูน
และเรื่อง การลงทุนโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(EEC)] ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรม
(การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม
กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ในการลงทุนจัดซื้อที่ดินเพื่อจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในคราวต่อไป การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยควรศึกษาและตรวจถึงกรรมสิทธิ์ของที่ดินในแต่ละพื้นที่
และพิจารณาข้อมูลและความเสี่ยงเกี่ยวกับที่ดินเป้าหมายอย่างรอบคอบก่อนที่จะดำเนินการเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
รวมทั้งประสานงานกับผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมทั้ง ๒ แห่ง ในการกำหนดกลุ่มอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพ
เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG) ตามแนวนโยบายของรัฐบาล เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ (เรื่อง
การตรวจสอบและจัดเตรียมความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ)
อย่างเคร่งครัดด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
216 | สรุปผลการพิจารณามาตรการป้องกันการทุจริตในกระบวนการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติ | รง. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณามาตรการป้องกันการทุจริตในกระบวนการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติ
ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ซึ่งกระทรวงแรงงานได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณามาตรการฯ
พร้อมทั้งจัดทำสรุปผลการพิจารณาดำเนินการในภาพรวมด้วยแล้ว เช่น
ข้อเสนอแนะด้านนโยบาย กระทรวงแรงงาน (กรมการจัดหางาน) ได้ดำเนินนโยบายโดยกำหนดให้แรงงานข้ามชาติทุกคนต้องอยู่ในระบบการจ้างงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย
และข้อเสนอแนะด้านการบริหารจัดการ เช่น การสนับสนุนนายจ้าง/สถานประกอบการสามารถจ้างคนต่างด้าวทำงานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
การต่ออายุใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวที่ถือหนังสือเดินทาง
หรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง ตามมติคณะรัฐมนตรีที่ได้รับอนุญาตทำงานถึงวันที่
๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ในลักษณะ MOU โดยคนต่างด้าวจะได้รับอนุญาตให้ทำงานเป็นเวลา
๒ ปี ต่ออายุได้อีกเป็นระยะเวลา ๒ ปี เป็นต้น ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
217 | การแก้ไขข้อขัดข้องให้กับคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 และการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวและประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว | รง. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
๑.๑ การแก้ไขข้อขัดข้องให้กับคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓
ตุลาคม ๒๕๖๖
ที่ดำเนินการครบทุกขั้นตอนแต่ไม่สามารถจัดทำหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติได้ตามระยะเวลาที่กำหนด
๑.๒
แนวทางการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวและประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว
ให้กับคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานตามมติคณะรัฐมนตรี
๑.๓ ให้กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจให้นายจ้าง/ผู้ประกอบการ
แรงงานต่างด้าว และผู้ที่เกี่ยวข้องรับทราบข้อมูลการดำเนินการดังกล่าวอย่างทั่วถึง ๒. เห็นชอบร่างประกาศ รวม ๓ ฉบับ
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
๒.๑ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๖
กรณีคนต่างด้าวไม่สามารถจัดทำหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติได้ตามระยะเวลาที่กำหนด
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ....................................
๒.๒ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ (ฉบับที่ ..)
๒.๓ ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานถึงวันที่
๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ (ฉบับที่ ..) ๓.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีแนวทางการปรับปรุงกระบวนการที่เกี่ยวข้องสำหรับแรงงานที่ต้องการจะเข้ามาทำงานยังประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
รวมถึงแนวทางความร่วมมือกับประเทศต้นทางในการลดค่าใช้จ่ายและระยะเวลาในการดำเนินการในแต่ละขั้นตอน
เพื่อให้การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวของประเทศมีความยั่งยืนในระยะยาว
และควรพิจารณาจัดทำรายงานสังเกตการณ์/เฝ้าระวัง
สถานการณ์และมาตรการด้านแรงงานของประเทศเพื่อนบ้าน
เพื่อประมาณการและประเมินผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที
รวมทั้งควรเร่งพัฒนาฐานข้อมูลแรงงานข้ามชาติและผู้ติดตาม
เพื่อนำมาใช้ประกอบการพิจารณาออกมาตรการ
และแนวทางในการบูรณาการกำลังแรงงานข้ามชาติที่มีศักยภาพเข้าเป็นส่วนหนึ่งของตลาดแรงงานของไทยอย่างเหมาะสมในอนาคต
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
218 | อนุสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรนอร์เวย์เพื่อการขจัดการเก็บภาษีซ้อนในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ และการป้องกันการหลบหลีกและการหลีกเลี่ยงรัษฎากร | กค. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างอนุสัญญาระหว่างราชอาณาจักไทยและราชอาณาจักรนอร์เวย์
เพื่อการขจัดการเก็บภาษีซ้อนในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้และการป้องกันการหลบหลีกและการหลีกเลี่ยงรัษฎากร
(ฉบับภาษาอังกฤษ) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างอนุสัญญาฯ
และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวด้วย
โดยร่างอนุสัญญาฯ เป็นการแก้ไขเพื่อแทนที่อนุสัญญาฉบับเดิม
และทำให้อนุสัญญาฉบับใหม่สอดคล้องกับกรอบความร่วมมือเพื่อป้องกันการกัดกร่อนฐานภาษีและโอนกำไรไปยังประเทศที่มีอัตราภาษีต่ำที่ไทยเข้าร่วม
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอนุสัญญาฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
219 | อนุสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์เพื่อการขจัดการเก็บภาษีซ้อนในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ และการป้องกันการหลบหลีกและการหลีกเลี่ยงรัษฎากร | กค. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างอนุสัญญาระหว่างราชอาณาจักไทยและราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์
เพื่อการขจัดการเก็บภาษีซ้อนในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้และการป้องกันการหลบหลีกและการหลีกเลี่ยงรัษฎากร
(ฉบับภาษาอังกฤษ)
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างอนุสัญญาฯ
และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวด้วย
โดยร่างอนุสัญญาฯ เป็นการแก้ไขเพื่อแทนที่อนุสัญญาฉบับเดิม
และทำให้อนุสัญญาฉบับใหม่สอดคล้องกับกรอบความร่วมมือเพื่อป้องกันการกัดกร่อนฐานภาษีและโอนกำไรไปยังประเทศที่มีอัตราภาษีต่ำที่ไทยเข้าร่วม
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอนุสัญญาฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
220 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน เพื่อให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัยใช้ประโยชน์พื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคลองกะลาเส และป่าคลองไม้ตาย ท้องที่ตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง เพื่อใช้ประโยชน์ด้านการศึกษาตามภารกิจของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย | อว. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|