ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 19 จากทั้งหมด 569 หน้า แสดงรายการที่ 361 - 380 จากข้อมูลทั้งหมด 11378 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
361 | ขออนุมัติใช้เงินบำรุงเพื่อก่อสร้างอาคารพักเจ้าหน้าที่ 160 ยูนิต 11 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 10 ,149 ตารางเมตร (โครงสร้างต้านแผ่นดินไหว) โรงพยาบาลปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี จำนวน 1 หลัง | สธ. | 01/10/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติใช้เงินบำรุงโรงพยาบาลปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี
ก่อสร้างอาคารพักเจ้าหน้าที่ ๑๖๐ ยูนิต ๑๑ ชั้น พื้นที่ใช้สอย ๑๐,๑๔๙ ตารางเมตร
(โครงสร้างต้านแผ่นดินไหว) โรงพยาบาลปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี จำนวน ๑ หลัง วงเงิน
๒๑๐,๒๑๐,๗๐๐ บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข)
รับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามนัยมาตรา
๓๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
362 | การให้ความเห็นชอบแต่งตั้งบุคคลเพื่อเข้าดำรงตำแหน่งหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (Chief Executive Officer, CEO) ขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย (นายพิพัฒน์ จิรพงศ์พิพัฒน์) | พน. | 24/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายพิพัฒน์
จิรพงศ์พิพัฒน์ วิศวกรปิโตรเลียมชำนาญการพิเศษ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการ
กองสัญญาแบ่งปันผลผลิต สังกัดกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ
ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (Chief
Executive Officer, CEO) ขององค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย โดยมีวาระการดำรงตำแหน่ง ๔ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ - ๓๐ กันยายน
๒๕๗๑ และในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ที่องค์กรร่วมไทย
- มาเลเซีย ให้ นายพิพัฒน์ ฯ ได้รับการพิจารณาความดีความชอบจากทางราชการต้นสังกัดด้วย
และในกรณีที่จำเป็นกระทรวงพลังงานอาจให้กลับมาปฏิบัติงานในหน่วยงานต้นสังกัดก่อนระยะเวลาที่สั่งให้ไปสิ้นสุดลงเพื่อประโยชน์แก่ราชการได้
ทั้งนี้ ในระหว่างที่ไปปฏิบัติงานให้ได้รับเงินเดือน ค่าตอบแทน
และสวัสดิการจากองค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย โดยไม่รับเงินเดือนจากทางราชการ ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงาน
ก.พ. ไปดำเนินการต่อไป ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นว่าการสั่งให้ข้าราชการไปทำการที่มีระยะเวลาเกิน
๑ ปี นั้น มาตรา ๔ วรรค ๒
แห่งพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์การสั่งให้ข้าราชการไปทำการ
ซึ่งให้นับเวลาระหว่างนั้นเหมือนเต็มเวลาราชการ พ.ศ. ๒๕๕๐
กำหนดให้ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตามกฎหมายต้องสั่งให้ข้าราชการผู้นั้นออกจากราชการและให้ถือเป็นการออกจากราชการเพื่อไปฏิบัติงานตามติคณะรัฐมนตรี
ดังนั้น กระทรวงพลังงานจึงต้องดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว สำนักงาน ก.พ. เห็นว่าการพิจารณาความดีความชอบให้ นายพิพัฒน์
จิรพงศ์พิพัฒน์ เมื่อข้าราชการรายดังกล่าวกลับมาปฏิบัติราชการแล้ว
ให้ส่วนราชการต้นสังกัดดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่ ก.พ. กำหนด
สำหรับผู้ไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
363 | การขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 มาตรา 40 วรรคสาม และมาตรา 42 วรรคหนึ่ง สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | กก. | 24/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๖๕๖๘ - พ.ศ. ๒๕๗๐
เพื่อเป็นค่าเช่าอาคารสำนักงาน ค่าเช่ารถยนต์ ค่าเช่า ที่จอดรถยนต์
และค่าเช่าคลังเก็บวัสดุ รวมทั้งสิ้น ๒๐ รายการ วงเงินงบประมาณ ๒๑๔,๖๒๖,๙๐๐ บาท หรือไม่เกินวงเงินตามสกุลเงินท้องถิ่น
สำหรับกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนได้
โดยให้ดำเนินการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายก่อนได้รับการจัดสรรงบประมาณ
เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ตามนัยมาตรา ๔๐ วรรคสาม และมาตรา ๔๒ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
สำนักงบประมาณได้เสนอตั้งบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับไว้แล้วในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ สำหรับรายการค่าเช่าอาคารสำนักงาน ๑๑ แห่ง รายการค่าเช่ารถยนต์ ๖ คัน รายการค่าเช่าที่จอดรถยนต์
๒ แห่ง และรายการค่าเช่าคลังเก็บวัสดุ ๑ แห่ง ดังกล่าวข้างต้น ขอให้ ททท.
ใช้จ่ายตามรายการและวงเงินงบประมาณรายจ่ายของ ททท.
เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ประกาศใช้บังคับ
ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
แล้วแต่กรณี ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้ ททท.
จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับค่าเช่าที่จะต้องจ่ายจริงตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรกำกับ ดูแล ติดตาม และรายงานผลการดำเนินงานของ ททท. สำนักงานสาขาต่างประเทศอย่างเป็นระยะ
เพื่อประโยชน์ด้านความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณสำหรับการยกระดับการท่องเที่ยวไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางการเดินทางในระดับสากล
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
364 | การเสนอมาตรการหรือแนวทางในการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย | นร. | 24/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๑๗
กันยายน ๒๕๖๗) ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณากำหนดมาตรการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเพิ่มเติมจากการดำเนินการตามระเบียบ
หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่ได้ดำเนินการอยู่แล้วตามปกติในปัจจุบัน
โดยหากการดำเนินการเพิ่มเติมดังกล่าวในเรื่องใดมีความจำเป็นต้องเสนอคณะรัฐมนตรี
ก็ขอให้เร่งดำเนินการเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน นั้น เพื่อให้การดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนผู้ประสบอุทกภัยดังกล่าวเป็นไปอย่างรวดเร็ว
ทั่วถึง เป็นเอกภาพ ไม่ซ้ำซ้อน และครอบคลุมทุกมิติ
ขอให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐส่งเรื่องเกี่ยวกับมาตรการหรือแนวทางในการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนผู้ประสบอุทกภัยดังกล่าวข้างต้น
ไปที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม
(ศปช.) เพื่อพิจารณาในภาพรวมโดยด่วน ก่อนนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
365 | การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2567 | รง. | 24/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. อนุมัติในหลักการ ๒.๑
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ... ๒.๒
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม
ซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานถึงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ... รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. เห็นชอบในหลักการ ๓.๑
ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ... ๓.๒
ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม
ซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานถึงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ... ๓.๓
ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การขยายระยะเวลาการเปลี่ยนนายจ้างและระยะเวลาการทำงานกับนายจ้างรายใหม่
สำหรับคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
ภายใต้บันทึกความตกลงหรือบันทึกความเข้าใจที่รัฐบาลไทยทำไว้กับรัฐบาลต่างประเทศ ๓.๔
ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การยกเว้นการแจ้งข้อมูลการทำงานของคนต่างด้าวตามมาตรา ๖๔/๒ รวม
๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข
ที่เห็นว่าการทำประกันสุขภาพกับบริษัทประกันภัยจะต้องมีสิทธิประโยชน์ไม่น้อยกว่าการทำประกันสุขภาพตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข
และอายุความคุ้มครองต้องไม่น้อยกว่าระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตทำงาน
รวมทั้งในกรณีที่นายจ้างได้รับการยกเว้นไม่ต้องเข้าประกันสังคม
คนต่างด้าวต้องทำประกันสุขภาพตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๔.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการต่างประเทศ เห็นควรสนับสนุนการบริหารจัดการให้แรงงานต่างด้าวในไทยมีสถานะที่ถูกต้องตามกฎหมาย
เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ
และเพื่อให้แรงงานต่างด้าวได้รับการคุ้มครองและเข้าถึงสิทธิที่พึงได้ตามกฎหมาย และอาจพิจารณาแจ้งแนวทางดังกล่าวให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของราชอาณาจักรกัมพูชา
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามทราบและปฏิบัติให้สอดคล้องกันด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
366 | แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินการตามมาตรการ ความเห็น และข้อเสนอแนะขององค์กรอิสระ และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับญัตติ รายงาน และข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา | นร 05 | 24/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบ ๑.๑
แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินการตามมาตรการ ความเห็น
และข้อเสนอแนะขององค์กรอิสระ ๑.๒
แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับญัตติ รายงาน
และข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา จำนวน
๒ เรื่อง ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
และให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติต่อไป
๒.
เห็นชอบให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง
แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินการตามข้อเสนอแนะขององค์กรอิสระ
และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับญัตติ รายงาน
และข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา)
โดยให้ใช้แนวทางปฏิบัติตามข้อ ๑
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
367 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 และขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการศึกษาความเหมาะสมและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมอ่างเก็บน้ำบ้านปากช่อง จังหวัดเพชรบูรณ์ | กษ. | 24/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๗ จากรายการโครงการศึกษาความเหมาะสมและผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นอ่างเก็บน้ำห้วยส้มป่อย
จังหวัดกาฬสินธุ์ วงเงิน ๒๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นรายการโครงการศึกษาความเหมาะสมและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมอ่างเก็บน้ำบ้านปากช่อง
จังหวัดเพรชบูรณ์ วเงิน ๑๙,๑๑๕,๕๐๐ บาท
และอนุมัติรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
โครงการศึกษาความเหมาะสมและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมอ่างเก็บน้ำบ้านปากช่อง
จังหวัดเพชรบูรณ์ วงเงิน ๑๙,๑๑๕,๕๐๐
บาท ผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๖๗ - ๒๕๖๘ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีให้ถูกต้อง
ครบถ้วนทุกขั้นตอนเพื่อประโยชน์ต่อประชาชนเป็นสำคัญ ตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
368 | หลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ การจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ และมอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | นร.07 | 24/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและรับทราบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ ยืนยันตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๔ (เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ
การจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ และมอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖) ๒. อนุมัติให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙
ธันวาคม ๒๕๖๖ (เรื่อง การจัดทำงประมาณรายจ่ายบูรณาการ และมอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๗ (เรื่อง
ปรับปรุงการมอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘) ๓. อนุมัติการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ จำนวน ๑๐ แผนงานบูรณาการ ซึ่งเป็นแผนงานต่อเนื่องจากปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ๔. อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ โดยให้มีคณะกรรมการ จำนวนทั้งสิ้น ๖ คณะ
โดยนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
369 | ร่างพิธีสารแก้ไขและขยายระยะเวลาบันทึกความเข้าใจว่าด้วยโครงการเชื่อมโยงโครงข่ายท่อส่งก๊าซธรรมชาติอาเซียน (Protocol to Amend and Extend the ASEAN Memorandum of Understanding on the Trans-ASEAN Gas Pipeline Project) | พน. | 24/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพิธีสารแก้ไขและขยายระยะเวลาบันทึกความเข้าใจว่าด้วยโครงการเชื่อมโยงโครงข่ายท่อส่งก๊าซธรรมชาติอาเซียน
(Protocol to Amend and Extend the ASEAN Memorandum of Understanding on the Trans -
ASEAN Gas Pipeline Project) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
เป็นผู้ลงนามในพิธีสารฯ โดยร่างพิธีสารฯ มีสาระสำคัญเพิ่มเติมประเด็นเกี่ยวกับก๊าซธรรมชาติเหลว
สาธารณูปโภคด้านก๊าซธรรมชาติ ซึ่งรวมถึงระบบท่อก๊าซธรรมชาติดั้งเดิมและสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้อง
การจัดเก็บก๊าซธรรมชาติและสถานีแปรสภาพก๊าซ และระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติเหลวเสมือน (Virtual
pipeline system) และ ใช้คำว่า “รัฐสมาชิก” แทนคำว่า “ประเทศสมาชิก”
และเพิ่มความเชื่อมโยงระหว่างกัน ความยั่งยืนในอาเซียน การอำนวยความสะดวก ในการพัฒนาตลาดก๊าซเสรีในภูมิภาคอาเซียน
รวมทั้งการพัฒนาข้ามพรมแดนและการเชื่อมโยงระหว่างกันสำหรับธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างพิธีสารฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระพรวงพลังงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าการใช้ประโยชน์จากสาธารณูปโภคด้านก๊าซธรรมชาติต้องอยู่บนหลักการที่ได้คำนึงถึงความสามารถในการรองรับความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติภายในประเทศเป็นลำดับแรก
เพื่อไม่ให้กระทบต่อความมั่นคงทางพลังงานของประเทศและส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันในตลาดก๊าซธรรมชาติเหลวของประเทศ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
370 | ข้อเสนอแนะหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายเงินสินบนและรางวัลให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามระเบียบกรมศุลกากรว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและรางวัล | กค. | 24/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๗ (เรื่อง ข้อเสนอแนะหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายเงินสินบน และรางวัลให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามระเบียบกรมศุลกากรว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและรางวัล
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
371 | มาตรการช่วยเหลือด้านค่าไฟฟ้าแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ที่หน่วยงานราชการประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติจากอุทกภัย สำหรับค่าไฟฟ้าประจำเดือนกันยายนและเดือนตุลาคม 2567 | มท. | 24/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการมาตรการช่วยเหลือด้านค่าไฟฟ้าแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ที่หน่วยงานราชการประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติจากอุทกภัย
สำหรับค่าไฟฟ้าประจำเดือนกันยายนและเดือนตุลาคม ๒๕๖๗
และให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ไปดำเนินการต่อไป ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นว่าค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นควรปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก และการดำเนินมาตรการดังกล่าวจะต้องกระทำเท่าที่จำเป็น
และไม่ซ้ำซ้อนกับการช่วยเหลือจากภาครัฐในลักษณะประเภทเดียวกันด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
372 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 799.90 ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินชดเชยค่างานก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ของกรมทางหลวง | คค. | 24/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๗๙๙.๙๐
ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินชดเชยค่างานก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ของกรมทางหลวง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งควรเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณให้ทันภายในปีงบประมาณเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
สำหรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณและการจัดสรรงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
สำหรับความเหมาะสมของกรอบวงเงินและแหล่งเงินให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
373 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี | นร.05 | 17/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้คณะกรรมการต่าง ๆ
ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีของคณะรัฐมนตรีชุดเดิม จำนวน ๗๘ คณะ ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนถึงวันที่
๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ และหลังจากนั้นให้คณะกรรมการ ฯ ดังกล่าวสิ้นสุดลง ๒. ในกรณีที่ส่วนราชการใดพิจารณาเห็นว่าคณะกรรมการ
ฯ คณะใด (ตามข้อ ๑) ยังคงมีภารกิจสำคัญและจำเป็นที่จะต้องคงอยู่ต่อไป
เพื่อให้การดำเนินการตามภารกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ให้ส่วนราชการเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการคณะนั้น ๆ ขึ้นใหม่
โดยให้ตรวจสอบและปรับปรุงองค์ประกอบ หน้าที่และอำนาจให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน
แล้วส่งไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยด่วนเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้
ให้ส่วนราชการถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๔ (เรื่อง
แนวทางการใช้ระบบคณะกรรมการเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล)
อย่างเคร่งครัด
และหากเป็นกรณีที่มีการเสนอแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นกรรมการในคณะกรรมการที่จะเสนอแต่งตั้งด้วย
ให้ส่วนราชการเจ้าของเรื่องระบุชื่อ/ชื่อสกุล และตำแหน่ง (ถ้ามี)
ของบุคคลที่จะเสนอแต่งตั้งให้ชัดเจน พร้อมทั้งจัดทำเอกสารต่าง ๆ
ประกอบการพิจารณาด้วย ดังนี้ ๒.๑
แบบสรุปประวัติของผู้ที่จะเสนอแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนั้น ๆ ๒.๒
แบบตรวจสอบประวัติบุคคลเพื่อประกอบการนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่าง
ๆ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
374 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือว่าด้่วยการเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่แน่นแฟ้น และร่างแผนการดำเนินงานสหราชอาณาจักร - ไทย ฉบับที่ 2 | พณ. | 17/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่แน่นแฟ้น
(Memorandum of Understanding between the
Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the United Kingdom
of Great Britain and Northern Ireland for an Enhanced Trade Partnership) และร่างแผนการดำเนินงานสหราชอาณาจักร-ไทย ฉบับที่ ๒ (UK-TH Workplan
2.0) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างเอกสารทั้ง
๒ ฉบับ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเพื่อเป็นกลไกในการส่งเสริมการยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ
การค้า และการลงทุนของสองฝ่ายให้เป็นไปอย่างแน่นแฟ้นและใกล้ชิดยิ่งขึ้น ส่วนร่างแผนการดำเนินงานฯ
มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดกิจกรรมและรูปแบบความร่วมมือที่ต่อยอดจากแผนการดำเนินงานฯ
ฉบับแรก ในสาขายุทธศาสตร์สำคัญที่สองฝ่ายมีความสนใจร่วมกัน
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ และร่างแผนการดำเนินงานฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
375 | การให้ความช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม | นร. | 17/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์อุทกภัย
วาตภัย และดินโคลนถล่ม (คอส.) และจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ขึ้นแล้ว นั้น เพื่อให้การให้ความช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นไปอย่างรวดเร็ว
เหมาะสม และทั่วถึง เห็นควรให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการ
ดังนี้ ๑.
ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ประสบอุทกภัยอย่างใกล้ชิด
และเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาประชาชนตามแผนงานที่กำหนดไว้ให้บรรลุผลโดยเร็วและหากมีเหตุฉุกเฉินเกิดเพิ่มขึ้น
ก็ให้เร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้หมดไปอย่างรวดเร็วและทันท่วงทีด้วย ๒.
ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณากำหนดมาตรการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเพิ่มเติมจากการดำเนินการตามระเบียบ
หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่ได้ดำเนินการอยู่แล้วตามปกติในปัจจุบัน (ตามข้อ ๑)
แล้วให้เร่งดำเนินการต่อไป เพื่อให้สามารถให้การช่วยเหลือเยียวยาประชาชนได้อย่างครบถ้วน
ทั่วถึง และบรรเทาทุกข์ของผู้ประสบภัยได้มากยิ่งขึ้น โดยหากการดำเนินการเพิ่มเติมดังกล่าวในเรื่องใดมีความจำเป็นต้องเสนอคณะรัฐมนตรี
ก็ขอให้เร่งดำเนินการเสนอต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วน ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย ๓. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งเตือนภัย
เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กรมอุตุนิยมวิทยา) กระทรวงมหาดไทย
(กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)
ตรวจสอบระบบการแจ้งเตือนภัยในความรับผิดชอบให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเท่าทันสถานการณ์มากยิ่งขึ้นด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
376 | ร่างความตกลงระหว่างทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศกับคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เรื่อง การแต่งตั้งคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เป็น International Atomic Energy Agency Collaborating Centre - Anchor Centre | อว. | 17/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดทำร่างความตกลงระหว่างทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศกับคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล เรื่อง การแต่งตั้งคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล เป็น International Atomic
Energy Agency Collaborating Centre - Anchor Centre และมอบหมายให้คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นผู้แทนในการลงนามร่างความตกลงดังกล่าว
โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดกรอบความร่วมมือที่ไม่ผูกขาดระหว่างคู่สัญญา
ในด้านการเสริมสร้างศักยภาพและระบบสุขภาพในรูปแบบ Anchor Centre โดยคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะ Anchor
Centre จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการให้ความรู้ด้านการแพทย์รังสี
สาขาการถ่ายภาพมะเร็ง (รังสีวิทยาและเวชศาสตร์นิวเคลียร์) รังสีวิทยามะเร็ง
และฟิสิกส์การแพทย์ แก่ประเทศสมาชิกของ IAEA ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
รวมถึงประเทศสมาชิกในภูมิภาคอื่น
ตามแผนงานที่เป็นส่วนหนึ่งของร่างความตกลงฉบับนี้และการรายงานผลการดำเนินงานให้ IAEA
ทราบ โดยมีกิจกรรมภายใต้แผนงานครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ เช่น การฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญ
นักวิจัย หรือแพทย์ประจำบ้านตามคำแนะนำของ IAEA ในสาขาความเชี่ยวชาญของ
Anchor Centre การจัดหาผู้เชี่ยวชาญด้านรังสีวิทยา
เวชศาสตร์นิวเคลียร์ และฟิสิกส์การแพทย์ให้กับ IAEA เป็นต้น ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
(หนังสือกระทรวงการต่างประเทศ ที่ กต ๑๐๐๕/๑๖๙๕ ลงวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๗) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
377 | แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการขอรับร่างพระราชบัญญัติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและผู้มีสิทธิเลือกตั้งมาพิจารณาก่อนรับหลักการ | นร.05 | 17/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๗ (เรื่อง
แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการขอรับร่างพระราชบัญญัติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและผู้มีสิทธิเลือกตั้งมาพิจารณาก่อนรับหลักการ)
ต่อไป ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ๒. ให้รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติเป็นผู้ชี้แจงผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรจะลงมติรับหลักการต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
เพื่อเป็นข้อมูลและเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
378 | การมอบหมายให้นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อนุมัติ ให้ความเห็นชอบ หรือมีคำสั่งแทนคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับร่างพระราชกฤษฎีกาที่ต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญในความสัมพันธ์กับรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภา ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินการอันจำกัด ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 | นร.05 | 17/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๘ มกราคม ๒๕๖๓ (เรื่อง
การมอบหมายให้นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อนุมัติ ให้ความเห็นชอบ
หรือมีคำสั่งแทนคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับร่างพระราชกฤษฎีกาที่ต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญในความสัมพันธ์กับรัฐสภา
สภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภา ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินการอันจำกัดตามมาตรา ๗
แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘) ต่อไป ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
379 | การจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐคีร์กีซว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางพิเศษ/หนังสือเดินทางราชการ | กต. | 17/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อการจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐคีร์กีซว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางพิเศษ/หนังสือเดินทางราชการ
โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ
ทั้งนี้ ในกรณีมอบหมายผู้แทนให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนามที่ได้รับมอบหมายดังกล่าว
และให้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการมีผลใช้บังคับของความตกลงฯ
โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการยกเว้นการตรวจลงตราแก่บุคคลที่ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางพิเศษ/หนังสือเดินทางราชการของแต่ละฝ่ายในการเดินทางเข้า
ออก ผ่าน หรือพำนักอยู่ในดินแดนของอีกฝ่ายหนึ่งโดยจะไม่ต้องรับการตรวจลงตราเป็นระยะเวลาไม่เกิน
๙๐ วัน นับจากวันเดินทางเข้า โดยมีเงื่อนไขว่าบุคคลเหล่านั้นจะต้องไม่ทำงานใด ๆ
ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินกิจการของตนเองหรือกิจกรรมส่วนตัวอื่น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
ที่เห็นว่าหน่วยงานความมั่นคงควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
และหากพบพฤติการณ์ที่มีความเสี่ยงต่อความมั่นคง อาจเสนอให้ทบทวนความตกลงฯ ดังกล่าว
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
380 | การปรับปรุงกฎและระเบียบในการปฏิบัติราชการเพื่อให้การให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยเป็นไปอย่างรวดเร็วทันการณ์ | นร. | 17/09/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. มอบหมายให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงอื่น
ๆ ที่มีรัฐวิสาหกิจในสังกัด และรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้อง
รับไปพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการกำหนดให้รัฐวิสาหกิจออกระเบียบ
หลักเกณฑ์ และแนวปฏิบัติในการบริหารจัดการค่าบริการสาธารณูปโภคในพื้นที่ประสบภัยธรรมชาติไว้ล่วงหน้าเพื่อถือปฏิบัติต่อไป ๒.
มอบหมายให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่มีหน่วยงานในภูมิภาคพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการมอบอำนาจให้หัวหน้าหน่วยงานในสังกัดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ประสบภัยสามารถพิจารณาตัดสินใจในเรื่องใด
ๆ ที่จำเป็นเพื่อการป้องกันและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ที่ต้องประสบกับภัยธรรมชาติให้เท่าทันสถานการณ์
เช่น
กรณีการปิดโรงเรียนของกระทรวงศึกษาธิการและสถาบันการศึกษาของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ๓. มอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.
ร่วมกับคณะกรรมการบริหารงานบุคคลของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ เช่น
คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน
คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษารับไปพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการออกกฎ
ระเบียบ และแนวทางปฏิบัติเพื่ออนุญาตให้บุคลากรในสังกัดสามารถเดินทางไปให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ประสบภัยธรรมชาติได้ตามความจำเป็นเหมาะสมและความสมัครใจโดยไม่ถือเป็นวันลา ทั้งนี้
ให้พิจารณาดำเนินการดังกล่าวข้างต้นให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|