ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 15 จากทั้งหมด 569 หน้า แสดงรายการที่ 281 - 300 จากข้อมูลทั้งหมด 11378 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
281 | ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ | ตช. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ
ออกไปอีก ๕ ปี (พ.ศ.๒๕๖๘ - ๒๕๗๒) ในวงเงินตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม
๒๕๖๑ ได้อนุมัติไว้ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในกรอบระยะเวลาที่ได้รับการขยายในครั้งนี้
โดยดำเนินการให้ถูกต้อง โปร่งใส เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงพลังงาน
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงพลังงาน เห็นควรพิจารณาการใช้งบประมาณให้มีประสิทธิภาพ
ประหยัดคุ้มค่า และให้ดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นควรที่คณะรัฐมนตรีจะได้กำชับให้หน่วยงานที่รับผิดชอบกำหนดแผนการดำเนินงานในเรื่องนี้ให้ชัดเจน
มีกำหนดแล้วเสร็จแน่นอน เพื่อให้การดำเนินการตามกฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล
(องค์การมหาชน) เพื่อพิจารณาทบทวนและปรับปรุงรายละเอียดของโครงการฯ ให้เหมาะสม
ทันสมัย เป็นปัจจุบัน มีช่องทางการแจ้งเหตุฉุกเฉินที่หลากหลาย ครบถ้วน
แล้วให้กำหนดแผนการดำเนินงานต่าง ๆ
และกรอบระยะเวลาของแผนดังกล่าวให้ชัดเจนก่อนดำเนินการต่อไป
โดยไม่ควรมีการขยายระยะเวลาอีก |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
282 | ขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2566 [เรื่อง การลงทุนโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดลำพูน และเรื่อง การลงทุนโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)] | อก. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ มกราคม ๒๕๖๖ [เรื่อง การลงทุนโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดลำพูน
และเรื่อง การลงทุนโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(EEC)] ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรม
(การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม
กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ในการลงทุนจัดซื้อที่ดินเพื่อจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในคราวต่อไป การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยควรศึกษาและตรวจถึงกรรมสิทธิ์ของที่ดินในแต่ละพื้นที่
และพิจารณาข้อมูลและความเสี่ยงเกี่ยวกับที่ดินเป้าหมายอย่างรอบคอบก่อนที่จะดำเนินการเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
รวมทั้งประสานงานกับผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมทั้ง ๒ แห่ง ในการกำหนดกลุ่มอุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพ
เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG) ตามแนวนโยบายของรัฐบาล เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ (เรื่อง
การตรวจสอบและจัดเตรียมความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ)
อย่างเคร่งครัดด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
283 | สรุปผลการพิจารณามาตรการป้องกันการทุจริตในกระบวนการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติ | รง. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณามาตรการป้องกันการทุจริตในกระบวนการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติ
ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ซึ่งกระทรวงแรงงานได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณามาตรการฯ
พร้อมทั้งจัดทำสรุปผลการพิจารณาดำเนินการในภาพรวมด้วยแล้ว เช่น
ข้อเสนอแนะด้านนโยบาย กระทรวงแรงงาน (กรมการจัดหางาน) ได้ดำเนินนโยบายโดยกำหนดให้แรงงานข้ามชาติทุกคนต้องอยู่ในระบบการจ้างงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย
และข้อเสนอแนะด้านการบริหารจัดการ เช่น การสนับสนุนนายจ้าง/สถานประกอบการสามารถจ้างคนต่างด้าวทำงานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
การต่ออายุใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวที่ถือหนังสือเดินทาง
หรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง ตามมติคณะรัฐมนตรีที่ได้รับอนุญาตทำงานถึงวันที่
๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ในลักษณะ MOU โดยคนต่างด้าวจะได้รับอนุญาตให้ทำงานเป็นเวลา
๒ ปี ต่ออายุได้อีกเป็นระยะเวลา ๒ ปี เป็นต้น ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
284 | การแก้ไขข้อขัดข้องให้กับคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 และการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวและประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว | รง. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
๑.๑ การแก้ไขข้อขัดข้องให้กับคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓
ตุลาคม ๒๕๖๖
ที่ดำเนินการครบทุกขั้นตอนแต่ไม่สามารถจัดทำหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติได้ตามระยะเวลาที่กำหนด
๑.๒
แนวทางการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวและประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว
ให้กับคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานตามมติคณะรัฐมนตรี
๑.๓ ให้กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจให้นายจ้าง/ผู้ประกอบการ
แรงงานต่างด้าว และผู้ที่เกี่ยวข้องรับทราบข้อมูลการดำเนินการดังกล่าวอย่างทั่วถึง ๒. เห็นชอบร่างประกาศ รวม ๓ ฉบับ
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
๒.๑ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๖
กรณีคนต่างด้าวไม่สามารถจัดทำหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติได้ตามระยะเวลาที่กำหนด
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ....................................
๒.๒ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ (ฉบับที่ ..)
๒.๓ ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานถึงวันที่
๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ (ฉบับที่ ..) ๓.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีแนวทางการปรับปรุงกระบวนการที่เกี่ยวข้องสำหรับแรงงานที่ต้องการจะเข้ามาทำงานยังประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
รวมถึงแนวทางความร่วมมือกับประเทศต้นทางในการลดค่าใช้จ่ายและระยะเวลาในการดำเนินการในแต่ละขั้นตอน
เพื่อให้การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวของประเทศมีความยั่งยืนในระยะยาว
และควรพิจารณาจัดทำรายงานสังเกตการณ์/เฝ้าระวัง
สถานการณ์และมาตรการด้านแรงงานของประเทศเพื่อนบ้าน
เพื่อประมาณการและประเมินผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที
รวมทั้งควรเร่งพัฒนาฐานข้อมูลแรงงานข้ามชาติและผู้ติดตาม
เพื่อนำมาใช้ประกอบการพิจารณาออกมาตรการ
และแนวทางในการบูรณาการกำลังแรงงานข้ามชาติที่มีศักยภาพเข้าเป็นส่วนหนึ่งของตลาดแรงงานของไทยอย่างเหมาะสมในอนาคต
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
285 | อนุสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรนอร์เวย์เพื่อการขจัดการเก็บภาษีซ้อนในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ และการป้องกันการหลบหลีกและการหลีกเลี่ยงรัษฎากร | กค. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างอนุสัญญาระหว่างราชอาณาจักไทยและราชอาณาจักรนอร์เวย์
เพื่อการขจัดการเก็บภาษีซ้อนในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้และการป้องกันการหลบหลีกและการหลีกเลี่ยงรัษฎากร
(ฉบับภาษาอังกฤษ) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างอนุสัญญาฯ
และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวด้วย
โดยร่างอนุสัญญาฯ เป็นการแก้ไขเพื่อแทนที่อนุสัญญาฉบับเดิม
และทำให้อนุสัญญาฉบับใหม่สอดคล้องกับกรอบความร่วมมือเพื่อป้องกันการกัดกร่อนฐานภาษีและโอนกำไรไปยังประเทศที่มีอัตราภาษีต่ำที่ไทยเข้าร่วม
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอนุสัญญาฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
286 | อนุสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์เพื่อการขจัดการเก็บภาษีซ้อนในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ และการป้องกันการหลบหลีกและการหลีกเลี่ยงรัษฎากร | กค. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างอนุสัญญาระหว่างราชอาณาจักไทยและราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์
เพื่อการขจัดการเก็บภาษีซ้อนในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้และการป้องกันการหลบหลีกและการหลีกเลี่ยงรัษฎากร
(ฉบับภาษาอังกฤษ)
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างอนุสัญญาฯ
และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวด้วย
โดยร่างอนุสัญญาฯ เป็นการแก้ไขเพื่อแทนที่อนุสัญญาฉบับเดิม
และทำให้อนุสัญญาฉบับใหม่สอดคล้องกับกรอบความร่วมมือเพื่อป้องกันการกัดกร่อนฐานภาษีและโอนกำไรไปยังประเทศที่มีอัตราภาษีต่ำที่ไทยเข้าร่วม
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอนุสัญญาฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
287 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน เพื่อให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัยใช้ประโยชน์พื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคลองกะลาเส และป่าคลองไม้ตาย ท้องที่ตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง เพื่อใช้ประโยชน์ด้านการศึกษาตามภารกิจของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย | อว. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
288 | ขออนุมัติผ่อนผันการเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ระมาด เพื่อสร้างวัดดอยภูกาล่าง ท้องที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก | พศ. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่
๑ เอ ตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๑๔
ไร่ ๓ งาน ๒๑ ตารางวา เพื่อสร้างวัดดอยภูกาล่าง ตำบลพะวอ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงมหาดไทยไปดำเนินการต่อไปอย่างเคร่งครัด
ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าจะต้องกำกับดูแลการดำเนินกิจกรรมต่าง
ๆ ให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะตามมาตรการการใช้ที่ดินในเขตลุ่มน้ำ
และมาตรการที่นำเสนอไว้ในรายงานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม (EAR) อย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะการอนุรักษ์ดูแลรักษาพื้นที่ป่าต้นน้ำตามวิถีพุทธ การปลูกต้นไม้ทดแทนในบริเวณที่ขออนุญาตและพื้นที่ข้างเคียงที่มีสภาพเสื่อมโทรม
และการปลูกพืชคลุมดินบริเวณที่มีความลาดชัน เป็นต้น
รวมทั้งควรมีมาตรการป้องกันการลักลอบเข้าไปตัดไม้ทำลายป่าบริเวณใกล้เคียงที่ยังมีสภาพป่าไม้สมบูรณ์
และมาตรการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินตามแนวเส้นทางเข้าสู่โครงการ กระทรวงมหาดไทย เห็นควรให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
289 | ขออนุมัติผ่อนผันการเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าภูแลนคาด้านทิศเหนือ เพื่อสร้างวัดชัยภูมิพิทักษ์ (ผาเกิ้ง) ท้องที่ตำบลกุดชุมแสง อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ | พศ. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่
๑ เอ ตามมติคณะรัฐนตรีที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๑๕ ไร่ เพื่อสร้างวัดชัยภูมิพิทักษ์
(ผาเกิ้ง) ตำบลกุดชุมแสง อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงมหาดไทยไปดำเนินการต่อไปอย่างเคร่งครัด
ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าหากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้รับอนุญาตให้เข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่แล้ว
ขอให้จำกัดพื้นที่ดำเนินการตามที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
และจะต้องปฏิบัติตามมาตรการการใช้ที่ดินในเขตลุ่มน้ำและมาตรการที่นำเสนอไว้ในรายงานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
290 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ครั้งที่ 1/2567 | นร.01 | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๖๗ ยกเว้นในส่วนของเรื่อง
เห็นชอบการขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการโดยรัฐ ด้านสวัสดิการกลุ่มเปราะบาง และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องตามหน้าที่และอำนาจต่อไป
ตามที่คณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมเสนอ ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม คณะอนุกรรมการ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงยุติธรรมไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าการดำเนินการใด
ๆ ในพื้นที่ป่า ขอให้ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย กระทรวงยุติธรรม เห็นว่าประเด็นที่ ๑ และประเด็นที่
๒ เห็นพ้องให้คณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย คดีความและกระบวนการยุติธรรม
ดำเนินการตามมติของการประชุมคณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม (เดิม)
และเห็นควรให้ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อแก้ไขปัญหาตามข้อเสนอประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมต่อไป ๒ ในส่วนของเรื่อง เห็นชอบการขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการโดยรัฐ
ด้านสวัสดิการกลุ่มเปราะบาง เห็นชอบให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับไปพิจารณาให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและข้อเสนอนโยบายตามมติคณะรัฐมนตรี
(๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๗) แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งต่อไป
ตามความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของของมนุษย์ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
291 | ความตกลงว่าด้วยกรอบข้อบังคับด้านความปลอดภัยอาหารอาเซียน (ASEAN Food Safety Regulatory Framework Agreement; AFSRF Agreement) | กษ. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบความตกลงว่าด้วยกรอบข้อบังคับด้านความปลอดภัยอาหารอาเซียน (ASEAN Food
Safety Regulatory Framework Agreement ; AFSRF Agreement) ซึ่งได้มีการลงนามแล้ว
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแนวทางการดำเนินการทั้งหมดที่ครอบคลุมและมีการบูรณาการเกี่ยวกับความปลอดภัยอาหารของประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการคุ้มครองสุขภาพของผู้บริโภคและอำนวยความสะดวกการเคลื่อนย้ายอย่างเสรีของอาหารปลอดภัยในอาเซียนบนพื้นฐานของหลักการ
๑๐ ข้อ ของนโยบายความปลอดภัยอาหารของอาเซียน (ASEAN Food Safety Policy :
AFSP) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา แล้วเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก่อนแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันต่อไป ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการมอบสัตยาบันสารของความตกลงฯ
ให้แก่เลขาธิการอาเซียนเพื่อรับทราบการให้สัตยาบัน
เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบความตกลงฯ ดังกล่าวแล้ว |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
292 | ร่างพระราชกำหนดภาษีส่วนเพิ่ม พ.ศ. .... | นร.09 | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีการายงานว่า
ได้ตรวจพิจารณาร่างพระราชกำหนดภาษีส่วนเพิ่ม พ.ศ. .... ตามมติคณะรัฐมนตรี (๑๑
ธันวาคม ๒๕๖๗) เสร็จแล้ว โดยแก้ไขบทอาศัยอำนาจให้ถูกต้อง
และปรับปรุงถ้อยคำและเนื้อหาให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑
ซึ่งทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องตราร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๐ พ.ศ. .... ๒. เห็นชอบร่างพระราชกำหนดภาษีส่วนเพิ่ม
พ.ศ. .... ของกระทรวงการคลัง ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการจัดเก็บภาษีส่วนเพิ่ม
(Top-Up
Tax) จากกลุ่มบริษัทข้ามชาติ (Multi-National Enterprises :
MNEs) ขนาดใหญ่ โดยมีการกำหนดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลขั้นต่ำ (Global
Minimum Tax : GMT) กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดเก็บภาษีส่วนเพิ่มตามหลักการของ
Pillar 2 โดยแก้ไขบทอาศัยอำนาจในการตราพระราชกำหนด จากมาตรา
๑๗๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เป็นมาตรา ๑๗๒
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และตัดบทบัญญัติที่กำหนดให้นำเงินที่ได้จากการจัดเก็บภาษีส่วนเพิ่มจัดสรรเงินดังกล่าวให้แก่กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายออก
และให้ดำเนินการต่อไปเป็นการด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
293 | มาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการขุดดินและถมดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย | มท. | 17/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ (เรื่อง
มาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการขุดดินและถมดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย)
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
294 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (สำนักงาน ก.พ.) | นร.10 | 17/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการต่าง ๆ
ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๒ คณะ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ
(คปร.)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
295 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การออกหนังสือคนประจำเรือตามกฎหมายว่าด้วยการประมง พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม เพื่อทำงานกับนายจ้างในกิจการประมงทะเล ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2567 รวม 2 ฉบับ | กษ. | 17/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง
การออกหนังสือคนประจำเรือตามกฎหมายว่าด้วยการประมง พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม
หรือสัญชาติอื่น
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประกาศกำหนดมาขึ้นทะเบียนและยื่นคำขอรับหนังสือคนประจำเรือ
กรณีที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน (Seabook เล่มสีเหลือง)
ได้ตลอดทั้งปี ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
296 | ขออนุมัติผ่อนผันยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีห้ามใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลนโดยเด็ดขาดตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2530 วันที่ 23 กรกฎาคม 2534 วันที่ 22 สิงหาคม 2543 และวันที่ 17 ตุลาคม 2543 เพื่อก่อสร้างโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร และศูนย์สำรวจและเฝ้าระวังชายฝั่ง | มท. | 17/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการห้ามใช้พื้นที่ป่าชายเลน
(มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔ วันที่
๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ และวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๓) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายในการปลูกป่าทดแทนเพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อมไม่น้อยกว่า
๒๐ เท่าของพื้นที่ป่าชายเลนที่ใช้ประโยชน์ตามระเบียบกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
ว่าด้วยการปลูกและบำรุงป่าชายเลนทดแทนเพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อม
กรณีการดำเนินการโครงการใด ๆ ของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลน
พ.ศ. ๒๕๖๖ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) ใช้จ่ายจากเงินรายได้ของกรุงเทพมหานครเป็นลำดับแรก
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าหากได้รับการยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวแล้ว
ขอให้ดำเนินการตามระเบียบและขั้นตอนของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
พร้อมจัดสรรงบประมาณให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปลูกป่าทดแทนเพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อม
ไม่น้อยกว่า ๒๐ เท่าของพื้นที่ป่าชายเลนที่ใช้ประโยชน์ตามระเบียบกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งว่าด้วยการปลูกและบำรุงป่าชายเลนทดแทนเพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อม
กรณีการดำเนินการโครงการใด ๆ
ของหน่วยงานของรัฐเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่ายเลน พ.ศ. ๒๕๖๖
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๖ อย่างเคร่งครัด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าหน่วยงานเจ้าของโครงการควรดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอน
ระเบียบ กฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
297 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงคมนาคม) | คค. | 11/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง
ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๖ คณะ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.
คณะกรรมการแห่งชาติเพื่อประสานงานกับองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ ๒. คณะกรรมการร่วมถาวรไทย - มาเลเซีย
ว่าด้วยการขนส่งสินค้าเน่าเสียง่ายผ่านแดนมาเลเซียไปยังสิงคโปร์ ๓. คณะกรรมการผู้แทนรัฐบาลเพื่อพิจารณาทำความตกลงเกี่ยวกับการขนส่งทางบกกับรัฐบาลต่างประเทศเป็นประจำ ๔.
คณะกรรมการผู้แทนรัฐบาลเพื่อพิจารณาทำความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศกับรัฐบาลต่างประเทศ ๕. คณะกรรมการอำนวยความสะดวกการขนส่งแห่งชาติ ๖. คณะกรรมการประสานการขนส่งผ่านแดนแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
298 | ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อว. | 11/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นยกเลิกมาตรา
๓๘ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่กำหนดให้ดำเนินการตราพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันวิทยาศาสตร์บริการตามกฎหมายว่าด้วยองค์การมหาชนให้แล้วเสร็จภายใน
๓ ปี นับแต่วันที่พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษาฯ
มีผลใช้บังคับ และให้ยุบเลิกกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น สำนักงาน ก.พ. เห็นว่ากรมวิทยาศาสตร์บริการควรพิจารณาทบทวนบทบาทภารกิจและการบริหารอัตรากำลัง
ตามติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๖ เรื่อง
แนวทางการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ ตามที่คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ
(คปร.) กำหนดไว้ในมาตรการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรจัดทำแผนบริหารและแนวทางการปฏิบัติราชการให้มีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
299 | ร่างกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551 จำนวน 4 ฉบับ | วธ. | 11/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๔ ฉบับ
ได้แก่ ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการขอและการออกใบอนุญาตประกอบกิจการโรงภาพยนตร์ พ.ศ.
.... ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการขอและการออกใบอนุญาตประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายภาพยนตร์และวีดิทัศน์
พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตและการประกอบกิจการร้านวีดิทัศน์ พ.ศ.
.... (เกม/คาราโอเกะ) และร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการประกอบกิจการภาพยนตร์และกิจการวีดิทัศน์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการขออนุญาตประกอบกิจการโรงภาพยนตร์ กิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน
หรือจำหน่ายภาพยนตร์และวีดิทัศน์ และกิจการร้านวีดิทัศน์
รวมทั้งปรับปรุงค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการขออนุญาตในกิจการดังกล่าวให้เหมาะสมกับบริบทในปัจจุบัน
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรพิจารณายกเลิกการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการตรวจพิจารณาสื่อโฆษณา
และการออกใบแทนใบอนุญาตตามร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการประกอบกิจการภาพยนตร์และกิจการวีดิทัศน์
(ฉบับที่..) พ.ศ. .... ซึ่งได้ปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมเป็น ๑ บาท เพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒ มกราคม ๒๕๖๓ เรื่อง การทบทวนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมในการอนุมัติ
อนุญาตของทางราชการ
ในกรณีที่หากรายได้จัดเก็บค่าธรรมเนียมต่ำกว่าต้นทุนการดำเนินการให้พิจารณายกเลิกการจัดเก็บค่าธรรมเนียม
และเร่งดำเนินการตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ
พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยจัดทำคู่มือสำหรับประชาชนและเผยแพร่ตามช่องทางที่กำหนดรวมถึงในเว็บไซต์ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อติดต่อราชการ
(www.info.go.th) ไปประกอบการพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
300 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงแรงงาน) | รง. | 11/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ ธันวาคม
๒๕๖๗) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ประธานกรรมการ ๒. ปลัดกระทรวงแรงงาน รองประธานกรรมการ ๓. ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กรรมการ ๔. ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรรมการ ๕. ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคม กรรมการ และความมั่นคงของมนุษย์ ๖. ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรรมการ ๗. ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กรรมการ ๘. ปลัดกระทรวงมหาดไทย กรรมการ ๙. ปลัดกระทรวงยุติธรรม กรรมการ ๑๐. ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กรรมการ ๑๑. ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรรมการ ๑๒. ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กรรมการ ๑๓. ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรรมการ ๑๔. ปลัดกรุงเทพมหานคร กรรมการ ๑๕. อัยการสูงสุด กรรมการ ๑๖. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กรรมการ ๑๗. เลขาธิการคณะกรรมการป้องกัน กรรมการ และปราบปรามยาเสพติด ๑๘. เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กรรมการ ๑๙. อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง กรรมการ ๒๐. อธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน กรรมการ ๒๑.
ผู้อำนวยการสำนักประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ กรรมการ สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน
กระทรวงแรงงาน ๒๒. ประธานมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก กรรมการ ๒๓. ผู้อำนวยการมูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก กรรมการ ๒๔. ประธานสภาองค์การนายจ้าง กรรมการ แห่งประเทศไทย ๒๕. ประธานสภาองค์การลูกจ้างแรงงาน กรรมการ แห่งประเทศไทย ๒๖. หัวหน้าทีมนโยบายเพื่อการพัฒนาสังคม กรรมการ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย ๒๗. ผู้อำนวยการสำนักงานแรงงานระหว่างประเทศ กรรมการ ประจำประเทศไทย กัมพูชา
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ๒๘. อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กรรมการและเลขานุการ
กระทรวงแรงงาน ๒๙. ผู้อำนวยการกองคุ้มครองแรงงาน กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
กระทรวงแรงงาน ๓๐. ผู้อำนวยการกลุ่มงานแรงงานหญิง เด็ก กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ และเครือข่ายการคุ้มครองแรงงาน
กองคุ้มครองแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
กระทรวงแรงงาน
|