ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 18 จากทั้งหมด 569 หน้า แสดงรายการที่ 341 - 360 จากข้อมูลทั้งหมด 11378 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
341 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ) | สทนช. | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย
ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.
รัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ประธานกรรมการ ๒. เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ รองประธานกรรมการ ๓. ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรรมการ ๔. ปลัดกระทรวงมหาดไทย กรรมการ ๕. ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรรมการ ๖. เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กรรมการ ๗. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กรรมการ ๘. เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการ ๙. ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรรมการ ๑๐. อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรรมการ ๑๑. อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กรรมการ ๑๒. อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กรรมการ ๑๓. อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก กรรมการ ๑๔. อธิบดีกรมชลประทาน กรรมการ ๑๕. อธิบดีกรมเจ้าท่า กรรมการ ๑๖. อธิบดีกรมประมง กรรมการ ๑๗. อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กรรมการ ๑๘. อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กรรมการ ๑๙. อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กรรมการ ๒๐. อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรรมการ ๒๑. เลขาธิการสำนักงานนโยบาย กรรมการ และแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๒๒. ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรรมการ ๒๓. ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ กรรมการ ๒๔. เจ้ากรมอุทกศาสตร์ กรรมการ ๒๕. อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กรรมการ ๒๖. นายชัยยุทธ สุขศรี กรรมการ (ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารจัดการน้ำ) ๒๗. นายวิจารย์ สิมาฉายา กรรมการ (ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการติดตามผลกระทบสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน) ๒๘. รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการ ๒๙. ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ๓๐. ผู้อำนวยการกองการต่างประเทศ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
342 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | นร.07 | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติให้หน่วยรับงบประมาณก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ จำนวน ๑,๖๑๒ รายการ เป็นวงเงินภาระผูกพัน รวมทั้งสิ้น ๓๕๒,๕๘๓
ล้านบาท สำหรับรายการที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐
ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๓๓ รายการ วงเงิน ๑๑๔,๖๖๖.๖ ล้านบาท
เมื่อทราบผลประกวดราคาแล้ว เห็นสมควรให้หน่วยรับงบประมาณนำเสนอนายกรัฐมนตรีทราบอีกครั้งหนึ่งก่อนดำเนินการต่อไป ๒.
อนุมัติให้หน่วยรับงบประมาณที่ไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (เรื่อง
การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง)
สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามที่เสนอได้ จำนวน ๑๐๒
หน่วยรับงบประมาณ ๓. อนุมัติให้สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้
(องค์การมหาชน) เพิ่มวงเงินรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
รายการค่าเช่าทรัพย์สิน จากวงเงินผูกพัน ๓,๔๐๗,๐๕๕,๔๐๐ บาท
เป็นวงเงินผูกพัน ๓,๔๐๗,๐๕๕,๕๐๐ บาท ๔.
รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่จะต้องจ่ายในรูปของเงินตราต่างประเทศ เช่น
รายการค่าเช่าบ้าน ค่าเช่าอาคารสำนักงาน และค่าเช่าทรัพย์สินในต่างประเทศ
ให้สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติวงเงินผูกพันที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้รับอนุมัติเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยน
ในกรณีที่หน่วยรับงบประมาณสามารถปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
343 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 เรื่อง โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 | กค. | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
เรื่อง โครงการฯ ปี ๒๕๖๕
ในประเด็นแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ได้บัตรฯ (Exclusion Error) จากเดิม “การแก้ไขปัญหาผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ได้บัตรฯ
จะเปิดรับลงทะเบียนตามโครงการฯ อย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง” เป็น “การแก้ไขปัญหาผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ได้บัตรฯ
จะเปิดรับลงทะเบียนตามโครงการฯ ครั้งต่อไปในระยะเวลาภายใน ๒ ปี นับจากวันที่เริ่มใช้สิทธิครั้งแรกในโครงการที่เปิดรับลงทะเบียนครั้งล่าสุด”
ตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเสนอ
และให้คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมและกระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ที่เห็นควรมีการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับผู้มีรายได้น้อยและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
พร้อมทั้งจัดให้มีเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาเพื่อลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ เป็นระยะ
ๆ อย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
344 | การขอความเห็นชอบร่างสัญญาความช่วยเหลือทางเทคนิค (Contract for Technical Assistance) โครงการศึกษาจัดทำแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์และการขนส่งต่อเนื่องอย่างบูรณาการของประเทศไทย (Thailand Integrated Logistics and Intermodal Transport Development Plan) ภายใต้ความช่วยเหลือทางวิชาการจากองค์การการค้าและการพัฒนาของสหรัฐอเมริกา (U.S. Trade and Development Agency) | คค. | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างสัญญาความช่วยเหลือทางเทคนิค โครงการศึกษาจัดทำแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์และการขนส่งต่อเนื่องอย่างบูรณาการของประเทศไทย
ภายใต้ความช่วยเหลือทางวิชาการจากองค์การการค้าและการพัฒนาของสหรัฐอเมริกา และมอบหมายให้ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรเป็นผู้ลงนามในร่างสัญญาความช่วยเหลือทางเทคนิคฯ
ดังกล่าว โดยร่างสัญญาความช่วยเหลือทางเทคนิคฯ
มีสาระสำคัญ เช่น ๑) สัญญาจะมีผลบังคับใช้เมื่อคู่สัญญาทั้ง ๒ ฝ่ายลงนาม ๒) USTDA จะเป็นผู้จ่ายค่าจ้างให้แก่บริษัทฯ โดยตรง โดยจะจ่ายค่าจ้างเมื่อบริษัทฯ
ดำเนินการตามเป้าหมายผลการดำเนินงานที่กำหนด และ ๓) การแก้ไขข้อพิพาทภายใต้สัญญานี้จะใช้บังคับตามกฎหมายของไทย
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างสัญญาความช่วยเหลือทางเทคนิคฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
345 | การเรียกให้ทุนหมุนเวียนนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ปีบัญชี 2565 (ครั้งที่ 2) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 | กค. | 15/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบการนำส่งทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ปีบัญชี ๒๕๖๕ (ครั้งที่ ๒)
ของกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร จำนวนเงิน ๑๗๔.๘๒ ล้านบาท และพิจารณาไม่เรียกให้กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
ปีบัญชี ๒๕๖๕ (ครั้งที่ ๒) จำนวนเงิน ๔๙๙.๑๙ ล้านบาท
และให้รายงานผลการใช้จ่ายเงินตามแผนงาน/โครงการให้คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนทราบทุกไตรมาส
ทั้งนี้ เริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่ ๓ (เดือนเมษายน - มิถุนายน ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนในคราวประชุมครั้งที่
๑/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๗ ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ
และให้คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน กระทรวงการคลัง
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กระทรวงการคลัง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
พิจารณาและให้มีการจัดทำรายงานสถานะและการใช้จ่ายเงินของกองทุนฯ เสนอต่อรัฐสภาตามมาตรา
๑๐ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
346 | ขอทบทวนหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2567 | มท. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน
ปี ๒๕๖๗ และให้ใช้แทนหลักเกณฑ์เดิมที่คณะรัฐมนตรีเคยมีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ ๑๗
กันยายน ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น สำนักงบประมาณ
เห็นควรเร่งดำเนินการตรวจสอบกลุ่มเป้าหมายผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยอย่างชัดเจน
ครอบคลุมในทุกพื้นที่ และปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี
และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
347 | การดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 มาตรา 4 วรรคสอง (มติคณะรัฐมนตรีที่มีลักษณะเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ในการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี) | นร.05 | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ยืนยันมติคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลชุดเดิมที่มีลักษณะเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ในการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี
เพื่อถือปฏิบัติต่อไป จำนวน ๒๖ มติ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมาตรา ๔ วรรคสอง
แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
348 | การจัดตั้งศูนย์อาเซียนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ASEAN Centre for Climate Change : ACCC) | ทส. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างความตกลงการจัดตั้งศูนย์อาเซียนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
และการร่วมลงนามในความตกลงการจัดตั้งศูนย์อาเซียนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
และมอบหมายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนลงนามในความตกลงการจัดตั้งศูนย์อาเซียนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ลงนามในความตกลงการจัดตั้งศูนย์อาเซียนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญเพื่อสนับสนุนการประสานงานและความร่วมมือด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระหว่างประเทศสมาชิกและองค์การระหว่างประเทศ
รวมถึงจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้กับประเทศสมาชิก
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า
ต้นทุน และผลประโยชน์เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้
หากการดำเนินการดังกล่าวจำเป็นต้องมีการขอรับจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมในอนาคตก็ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดด้วย สำนักงบประมาณ เห็นควรให้จัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่าย
รวมทั้งแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
349 | ให้เร่งรัดการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย | นร. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณากำหนดมาตรการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเพิ่มเติม
จากการดำเนินการตามระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่ได้ดำเนินการอยู่แล้วตามปกติในปัจจุบัน แล้วให้เร่งดำเนินการต่อไป
โดยให้ส่งเรื่องไปยังศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย
และดินโคลนถล่ม (ศปช.) เพื่อพิจารณาในภาพรวมโดยด่วน
เพื่อให้สามารถให้การช่วยเหลือเยียวยาประชาชนได้อย่างครบถ้วน ทั่วถึง
และบรรเทาทุกข์ของผู้ประสบภัยได้มากยิ่งขึ้น นั้น
โดยที่สถานการณ์อุทกภัยและดินโคลนตกค้างในที่พักอาศัยและสถานที่ราชการต่าง ๆ
ยังคงมีความรุนแรงอยู่ในหลายพื้นที่ ดังนั้น
จึงขอมอบหมายให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้การช่วยเหลือ
ดูแล ฟื้นฟู
และเยียวยาประชาชนในพื้นที่ตามหน้าที่และอำนาจที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องต่อไป
ให้ครอบคลุม ครบถ้วนทุกพื้นที่ที่ยังคงได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการซ่อมแซมบ้านเรือน
เส้นทางคมนาคม สถานที่ต่าง ๆ
รวมทั้งการสื่อสารโทรคมนาคมที่ชำรุดเสียหายในทุกพื้นที่ให้กลับคืนสู่สภาพปกติโดยเร็ว
เพื่อให้ประชาขนสามารถกลับมามีที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัยและสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
350 | โครงการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางและกรุงเทพมหานคร เพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า (โครงการ TIEC) ระยะที่ 3.1 (ภายใต้โครงการ TIEC ระยะที่ 3) | พน. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ดำเนินโครงการปรับปรุงระบบส่งไฟฟ้าบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือตอนล่าง
ภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร เพื่อเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า ระยะที่ ๓.๑ วงเงินลงทุน
๓๘,๕๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ให้กระทรวงพลังงาน (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย
สำนักงบประมาณ ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๑๐๖/๒๑๔๔
ลงวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๗) ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าหากมีการดำเนินการใด
ๆ ในเขตพื้นที่ป่า ขอให้ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำนักงบประมาณ เห็นควรให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยบริหารจัดการเรื่องการเงินและการลงทุนให้เหมาะสม
มีมาตรการรองรับในกรณีที่อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมีความผันผวน โดยพิจารณาจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงในกรณีที่การดำเนินงานไม่เป็นไปตามแผน
เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินในอนาคต รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ตลอดจนดำเนินการก่อหนี้และบริหารหนี้ในทุกมิติ ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
351 | ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมจากการติดตามข้อเสนอแนะแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตเกี่ยวกับประกาศนียบัตรวิชาชีพครู | ศธ. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๗ (เรื่อง
ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมจากการติดตามข้อเสนอแนะแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตเกี่ยวกับประกาศนียบัตรวิชาชีพครู)
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป ๒.
ให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๗ (เรื่อง
ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมจากการติดตามข้อเสนอแนะแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตเกี่ยวกับประกาศนียบัตรวิชาชีพครู)
โดยให้กระทรวงศึกษาธิการสรุปผลการพิจารณา/ผลการดำเนินการ/ความเห็นในภาพรวม
แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน ๒ สัปดาห์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
352 | ผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2567 การช่วยเหลือประชาชนที่อยู่อาศัยในเขตที่ดินของรัฐให้เข้าถึงสาธารณูปโภคไฟฟ้า ประปา และการเร่งรัดดำเนินการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐ | สคทช | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในการผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๘
เมษายน ๒๕๔๖ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่อยู่อาศัยในเขตที่ดินของรัฐให้เข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานต่าง
ๆ เช่น ไฟฟ้า ประปา เป็นต้น ในพื้นที่นำร่องจังหวัดกาญจนบุรีและแม่ฮ่องสอน
โดยมีกลุ่มเป้าหมาย แบ่งเป็น กลุ่มเป้าหมายที่ ๑
ประชาชนที่ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐ
ซึ่งอยู่ระหว่างการพิสูจน์สิทธิในที่ดิน หรือ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๖
พฤศจิกายน ๒๕๖๑ กลุ่มนี้ควรจะได้รับการพิจารณาผ่อนผันก่อนเป็นลำดับแรก และกลุ่มเป้าหมายที่ ๒
ประชาชนที่ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐประเภทอื่น ๆ ควรจะพิจารณาผ่อนผันตามเหตุผลและความจำเป็น
เป็นรายกรณี โดยไม่ขัดหรือแย้งกับมาตรการการบุกรุกที่ดินของรัฐ มาตรการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกิน
และการใช้ประโยชน์ตามภารกิจของหน่วยงานของรัฐนั้น ๆ และให้คณะอนุกรรมการพิสูจน์สิทธิในที่ดินของรัฐจังหวัด
(คพร.จังหวัด) กาญจนบุรีและแม่ฮ่องสอน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบ
รวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริง เพื่อเร่งรัดการพิสูจน์สิทธิในที่ดินให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี
หากมีเหตุผลความจำเป็นให้ สคทช.
ประสานกำหนดแผนการดำเนินการเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเสนอสำนักงบประมาณพิจารณาต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเสนอ ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และข้อเสนอแนะของกระทรวงมหาดไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่าหน่วยงานที่เข้าไปดำเนินการติดตั้งสาธารณูปโภคในพื้นที่
ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน แก้ไข และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด กระทรวงมหาดไทย ควรสนับสนุนการวางโครงสร้างสำหรับการเข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานต่าง
ๆ เช่น ไฟฟ้าและประปา ควรมีการผ่อนผันการขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้
(ทุกประเภท) สำหรับการวางท่อส่งน้ำและท่อจ่ายน้ำประปา
รวมทั้งการขยายเขตระบบไฟฟ้า ทั้งนี้ การพิจารณาผ่อนผันให้ประชาชนอยู่อาศัยหรือเข้าทำประโยชน์ในเขตที่ดินของรัฐ
ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมและสอดคล้องกับข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
โดยให้ความสำคัญกับการรักษาไว้ซึ่งพื้นที่สีเขียวและสภาพธรรมชาติของพื้นที่เพื่อป้องกันปัญหาการเสื่อมโทรมของพื้นที่ป่าอันเป็นต้นตอสำคัญของปัญหาโลกร้อนและภัยธรรมชาติต่าง
ๆ ที่เกิดขึ้น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
353 | การปรับเขตอาณาของสถานเอกอัครราชทูตในภูมิภาคแอฟริกาและที่ดูแลประเทศในภูมิภาคแอฟริกา | กต. | 08/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติปรับเขตอาณาของสถานเอกอัครราชทูตในภูมิภาคแอฟริกาและที่ดูแลประเทศในภูมิภาคแอฟริกา
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน
๒๕๒๖ (เรื่อง การขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตไปประจำประเทศแอลจีเรีย)
โดยปรับให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ มีเขตอาณาครอบคลุมสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย
แทนสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ๒. ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๔๙
(เรื่อง ความคืบหน้าของการเปิดสำนักงานในต่างประเทศ) โดยปรับให้สถานเอกอัครราชทูต
ณ กรุงมาปูโต สาธารณรัฐโมซัมบิก มีเขตอาณาครอบคลุมสาธารณรัฐมาลาวี
สาธารณรัฐแซมเบีย และสาธารณรัฐแองโกลา แทนสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพริทอเรีย
สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ๓. ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การปรับและกำหนดเขตอาณาของสถานเอกอัครราชทูตและกำหนดเขตกงสุลของสถานกงสุลใหญ่ในต่างประเทศ)
โดยปรับให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูจา สหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรีย
มีเขตอาณาครอบคลุมสาธารณรัฐไนเจอร์ แทนสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงดาการ์ สาธารณรัฐเซเนกัล
และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ มีเขตอาณาครอบคลุมรัฐลิเบีย
แทนสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโรม สาธารณรัฐอิตาลี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
354 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2562 เรื่อง การขยายระยะเวลาแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรตามโครงการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตร (คปร.) และโครงการแผนฟื้นฟูการเกษตร (ผกก.) | กษ. | 01/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบขยายระยะเวลาการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรตามโครงการแผนฟื้นฟูการเกษตร
และโครงการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตร ออกไปเป็นระยะเวลา ๕ ปี
จากเดิมจะสิ้นสุดโครงการในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗ เป็นสิ้นสุดโครงการในวันที่ ๓๐
กันยายน ๒๕๗๒ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรกำหนดแผนการดำเนินงานและระยะเวลาการดำเนินการตามมาตรการและแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรลูกหนี้ในโครงการแผนฟื้นฟูการเกษตร
และโครงการปรับโครงสร้างและระบบการผลิตการเกษตรให้ชัดเจน
และอาจพิจารณากำหนดให้ผลการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวเป็นตัวชี้วัดของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้สามารถเร่งรัดและติดตามผลการดำเนินงานได้อย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น กำหนดให้ส่วนราชการเจ้าของโครงการดำเนินการฟื้นฟู
พัฒนาและสร้างอาชีพเพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพียงพอชำระหนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรพิจารณาแนวทางและสนับสนุนให้เกษตรกรพัฒนาอาชีพและรายได้ที่เหมาะสมกับศักยภาพทางการผลิตในพื้นที่และความต้องการของตลาด
เพื่อให้มีรายได้ที่เพียงพอสำหรับการดำเนินชีวิตและการชำระหนี้คืน ตลอดจนเร่งรัดการติดตามหนี้สินที่ค้างอยู่ให้เป็นไปตามกำหนด
รวมทั้งการสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรรักษาวินัยทางการเงิน
เพื่อให้กองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรได้รับชำระหนี้คืนเพื่อนำไปสนับสนุนในโครงการอื่น
ๆ ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
355 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2566 | สคทช | 01/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
(คทช.) ครั้งที่ ๓/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม
๒๕๖๖ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเสนอ โดยที่ประชุมได้มีมติในเรื่องต่าง ๆ เช่น ๑. รับทราบผลการดำเนินงานของฝ่ายเลขานุการ
คทช. และคณะอนุกรรมการภายใต้ คทช. เช่น (๑) ภาพรวมผลการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๘ - ๒๕๖๖ มีพื้นที่เป้าหมาย ๑,๕๘๒ พื้นที่ ใน ๗๑ จังหวัด เนื้อที่ ๕.๘๙ ล้านไร่ โดยได้จัดคนเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินแล้ว
๘๕,๔๐๓ ราย ๑๐๕,๖๕๗ แปลง เนื้อที่ ๕๘๗,๓๕๗ แสนไร่ ใน ๓๙๓ พื้นที่ (๒) การสร้างมูลค่าที่ดินที่รัฐจัดให้กับประชาชนมีเป้าหมายให้เกษตรกรและคนยากจนที่ได้รับการจัดสรรที่ดินจากรัฐสามารถนำเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินหรือหนังสือ/เอกสารให้ใช้ที่ดินที่ได้รับจากรัฐไปใช้เป็นหลักประกันการเข้าถึงแหล่งทุนสำหรับการประกอบอาชีพ
(๓) การขับเคลื่อนนโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศไปสู่การปฏิบัติ
แบ่งเป็น ๒ ส่วน ได้แก่ ๑) เสริมสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้รับทราบทิศทางและกรอบแนวทางนโยบายและแผนผ่านการปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ
(พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) ระยะ ๕ ปี ๒) การขับคลื่อนการแก้ไขปัญหาที่ดินทิ้งร้างหรือไม่ได้ใช้ประโยชน์
เป็นต้น ๒.
เห็นชอบผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการมาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐
(One Map) และแก้ไขปัญหาแนวเขตที่ดินของรัฐของกลุ่มจังหวัดที่
๔ จำนวน ๑๑ จังหวัด ตามที่คณะอนุกรรมการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการมาตราส่วน
๑ : ๔๐๐๐ (One Map) และแก้ไขปัญหาแนวเขตที่ดินของรัฐเสนอ
และมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบเส้นแนวเขตที่ดินของรัฐต่อไป ๓. เห็นชอบในหลักการให้
สคทช.
กำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการมาตราส่วน
๑ : ๔๐๐๐ (One Map) และนำแนวทางปฏิบัติฯ
ดังกล่าว เสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาและเมื่อได้รับความเห็นชอบให้นำไปจัดทำแผนที่แนบท้ายกฎหมายโดยไม่ต้องแจ้งเวียนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบตามมติคณะรัฐมนตรี
(๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕) และมติคณะรัฐมนตรี (๒๒ มีนาคม ๒๕๖๕)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
356 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2567 | สคทช | 01/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
(คทช.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒๐
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเสนอ โดยที่ประชุมได้มีมติในเรื่องต่าง
ๆ เช่น ๑. รับทราบผลการดำเนินงานของฝ่ายเลขานุการ คทช. และคณะอนุกรรมการภายใต้
คทช. เช่น (๑) ภาพรวมผลการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ปีงบประมาณ ๒๕๕๘ - ปัจจุบัน
มีพื้นที่เป้าหมาย จำนวน ๑,๕๘๒
พื้นที่ ใน ๗๒ จังหวัด เนื้อที่ ประมาณ ๕.๘๙ ล้านไร่
โดยได้จัดคนเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินแล้ว ๘๖,๑๘๘ ราย ๑๐๖,๓๐๒ แปลง เนื้อที่ ๕๘๗,๔๓๙ ไร่ (๒) การปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ
มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map) อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยมอบหมายกรมแผนที่ทหาร
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันตรวจสอบเป็นการเร่งด่วน
เพื่อเสนอ คทช. พิจารณาต่อไป ๒. เห็นชอบการขอผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรี (๘ เมษายน ๒๕๔๖) เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่อยู่อาศัยในเขตที่ดินของรัฐให้เข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานต่าง
ๆ ในพื้นที่นำร่องจังหวัดกาญจนบุรีและจังหวัดแม่ฮ่องสอน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
357 | การผ่อนผันให้ส่วนราชการ หรือหน่วยงานของรัฐ ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ และดำเนินการซ่อมแซม ปรับปรุง และฟื้นฟูสิ่งก่อสร้างในพื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติที่อยู่ในเขตป่าอนุรักษ์ | ทส. | 01/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องดำเนินการซ่อมแซม
ปรับปรุง และฟื้นฟูสิ่งก่อสร้างในพื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติที่อยู่ในเขตพื้นที่ป่าไม้ในเขตป่าอนุรักษ์ได้
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ส่วนราชการ และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ที่ได้รับจัดสรรไว้แล้ว
และ/หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
จากรายการที่ดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์แล้วและมีงบประมาณเหลือจ่าย และหรือรายการที่หมดความจำเป็น
หรือรายการที่คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ทันในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
โดยโอนงบประมาณรายจ่าย โอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรแล้วแต่กรณี
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ในโอกาสแรกก่อน และควรมอบหมายส่วนราชการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ ที่กำหนดให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องส่งเรื่องเกี่ยวกับมาตรการหรือแนวทางในการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนผู้ประสบอุทกภัย
โดยรายงานต่อศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุกทภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม
(ศปช.) เพื่อบูรณาการฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยพิบัติ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
358 | ขอผ่อนผันยกเว้นมติคณะรัฐมนตรี เพื่อใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรี สำหรับโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 4027 สายท่าเรือ - เมืองใหม่ ตอน บ้านเมืองใหม่ - ทางแยกเข้าสนามบินภูเก็ต ตำบลเทพกระษัตรี อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต | คค. | 01/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี
ดังนี้ ๑) มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕
ธันวาคม ๒๕๓๐ (เรื่อง
การจำแนกเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ป่าชายเลนประเทศไทย) ๒) มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔ (เรื่อง รายงานการศึกษาสถานภาพปัจจุบันของป่าไม้ชายเลนและปะการังของประเทศ)
๓) มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ (เรื่อง มติคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ
เรื่อง การแก้ไขปัญหาการจัดการพื้นที่ป่าชายเลน) และ ๔) มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๓ (เรื่อง มติคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๔๓ เรื่อง
การแก้ไขปัญหาการจัดการพื้นที่ป่าชายเลน) เพื่อใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน
เนื้อที่ ๐-๒-๑๗ ไร่ สำหรับโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข ๔๐๒๗ สายท่าเรือ - เมืองใหม่
ตอน บ้านเมืองใหม่ - ทางแยกเข้าสนามบินภูเก็ต ตำบลเทพกระษัตรี อำเภอถลาง
จังหวัดภูเก็ต ของกรมทางหลวง (โครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข ๔๐๒๗)
เพื่อให้สามารถดำเนินการในขั้นตอนการขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องและดำเนินงานโครงการก่อสร้างตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นว่าค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นสำหรับการดำเนินการปลูกป่าทดแทนและบำรุงป่า
เห็นควรให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวงร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๕ เรื่อง
ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๖ เรื่อง การดำเนินการโครงการใด ๆ
ของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นจะต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่า
ให้ได้ข้อยุติก่อน หากมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการปลูกป่าทดแทนและบำรุงรักษาป่าดังกล่าว
ให้หน่วยงานจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามผลการสำรวจและคัดเลือกพื้นที่ดำเนินการตามระเบียบฯ
ก่อนเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
359 | ขออนุมัติใช้เงินบำรุงเพื่อก่อสร้างอาคารพักเจ้าหน้าที่ 160 ยูนิต 11 ชั้น (โครงสร้างต้านแผ่นดินไหว) โรงพยาบาลสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร จำนวน 1 หลัง | สธ. | 01/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติใช้เงินบำรุงโรงพยาบาลสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร
ก่อสร้างอาคารพักเจ้าหน้าที่ ๑๖๐ ยูนิต ๑๑ ชั้น (โครงสร้างต้านแผ่นดินไหว)
โรงพยาบาลสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร จำนวน ๑ หลัง ในวงเงิน ๒๑๗,๕๘๙,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข)
รับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามนัยมาตรา
๓๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
360 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง - ล้านช้าง ประจำปี พ.ศ. 2566 ระหว่างกระทรวงมหาดไทยกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย | มท. | 01/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง
- ล้านช้าง ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ระหว่างกระทรวงมหาดไทยกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย
และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการเพิ่มขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคระบาดอันตราย
โดยดำเนินการผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูล การฝึกอบรม เป็นต้น ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ดังนี้ กระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่าร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่ากระทรวงมหาดไทยควรวิเคราะห์และประเมินผลจากการร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ
รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์การดำเนินงานที่เกี่ยวข้องให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับด้วย
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |