ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 80 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 1581 - 1600 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1581 | ขอขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2556 และปี พ.ศ. 2557 | กต | 04/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ และปี พ.ศ. ๒๕๕๗ กรณีการจัดซื้ออาคารที่ทำการคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก แห่งใหม่ และกรณีโครงการปรับปรุงวังสราญรมย์ จำนวน ๗ รายการ วงเงิน ๕๓๗,๘๐๓,๘๑๗.๖๗ บาท โดยให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำแผนการดำเนินการและแผนการเบิกจ่ายงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีดังกล่าวให้ชัดเจน เพื่อการติดตามและเร่งรัดการดำเนินการและเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1582 | ขอรับการสนับสนุนเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงอาคารสำนักงาน อาคารชุด บ้านพัก และสิ่งก่อสร้างประกอบของสำนักงานอัยการสูงสุด) | นร07 | 27/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาการขอรับการสนับสนุนเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงอาคารสำนักงาน อาคารชุด บ้านพัก และสิ่งก่อสร้างประกอบของสำนักงานอัยการสูงสุด จำนวน ๖ รายการ วงเงิน ๘.๒๘๑ ล้านบาท ประกอบด้วย (๑) ค่าปรับปรุงอาคารที่พักอาศัยและบ้านพัก สำนักงานคดีศาลสูงภาค ๗ (๒) ค่าปรับปรุงอาคารสำนักงานและอาคารที่พักอาศัย สำนักงานอัยการจังหวัดสว่างแดนดิน (๓) ค่าซ่อมแซมอาคารที่พักอาศัยและบ้านพัก สำนักงานอัยการจังหวัดปัตตานี (๔) ค่าปรับปรุงบ้านพัก สำนักงานคดีปกครองเชียงใหม่ (๕) ค่าก่อสร้างกำแพงกันดินและวางระบบท่อระบายน้ำ สำนักงานอัยการภาค ๒ และ (๖) ค่าปรับปรุงซ่อมแซมอาคารสำนักงาน อาคารที่พักอาศัยและบ้านพัก สำนักงานคดีปกครองอุดรธานี ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1583 | ร่างพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กห | 27/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิ่มองค์ประกอบของคณะกรรมการควบคุมยุทธภัณฑ์ แก้ไขชื่อตำแหน่งของส่วนราชการในกระทรวงกลาโหมและส่วนราชการอื่น กำหนดเงื่อนไขการทำหน้าที่ประธานในการประชุมคณะกรรมการควบคุมยุทธภัณฑ์ของกรรมการ และเพิ่มเติมบทบัญญัติเพื่อรับรองอาวุธซึ่งผู้ได้รับใบอนุญาตมีไว้ในครอบครองโดยได้รับอนุญาต ตามคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ ๓๗ ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๙ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เห็นควรพิจารณาทบทวนตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์ พ.ศ. .... เกี่ยวกับการดำเนินการปรับปรุงกฎหมายเพื่อควบคุมกิจการทางทหารที่เกี่ยวเนื่องด้วยพลังงานนิวเคลียร์ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1584 | ขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2526 เรื่อง นโยบายการเดินรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานคร และเสนอร่างกฎหมาย จำนวน 4 ฉบับ | คค | 27/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๒๖ (เรื่อง นโยบายการเดินรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานคร) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมอายุใบอนุญาตประกอบการ อัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบการท้ายร่างพระราชบัญญัติและการระงับการใช้รถหรือพักใช้ใบอนุญาตประกอบการเป็นการชั่วคราว) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขออนุญาต การอนุญาต และการต่ออายุใบอนุญาตประกอบการขนส่ง พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ (ปรับปรุงค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบการ) รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๔. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๕. ให้กระทรวงคมนาคมรับร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. ให้ได้ข้อยุติ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงโครงสร้างภายในของกรมการขนส่งทางบก ก็ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๔๙ (เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ) และให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า เมื่อได้ดำเนินการตามขั้นตอนแล้ว หากกรมการขนส่งทางบกได้รับอนุมัติกรอบโครงสร้างหรือกรอบอัตรากำลังใหม่ และไม่ได้จัดสรรงบประมาณรองรับไว้ ก็เห็นควรพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีเพื่อดำเนินการดังกล่าวก่อนเป็นอันดับแรก หากไม่เพียงพอจึงขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ไปดำเนินการด้วย ๖. ให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมการขนส่งทางบกเร่งพิจารณาจัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการในการขออนุญาต การอนุญาต และการต่อใบอนุญาตประกอบการขนส่งให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ตลอดจนพิจารณาแนวทางการลดผลกระทบจากการปฏิรูประบบรถโดยสารสาธารณะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลต่อองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดจากการยกเลิกสัญญาระหว่าง ขสมก. กับรถเอกชนร่วมบริการ เพื่อให้กรมการขนส่งทางบกสามารถออกใบอนุญาตประกอบการขนส่งใหม่ และให้ ขสมก. เร่งพิจารณาทบทวนแผนปรับปรุงการบริหารจัดการและการบริการของ ขสมก. เสนอคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพิจารณาก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป รวมทั้งให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และกรมการขนส่งทางบกร่วมกันพิจารณากำหนดโครงสร้างอัตราค่าโดยสารในระบบขนส่งสาธารณะ รวมถึงกลไกการสนับสนุนทางการเงินเพื่อชดเชยผลการดำเนินงานขาดทุนของผู้ให้บริการที่เป็นธรรม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๗. ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดการดำเนินการเกี่ยวกับการออกใบอนุญาตต่าง ๆ และปรับปรุงมาตรการการชำระค่าปรับโดยให้มีข้อมูลเชื่อมโยงกับการต่อทะเบียนรถยนต์ประจำปี ให้แล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1585 | ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ [ร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | สว | 27/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตและผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ [ร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งพลเรือเอก ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ กับคณะ เป็นผู้เสนอ] มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ ประเภท ๒ ประเภท ๔ และประเภท ๕ ที่มียาเสพติดให้โทษเกินปริมาณที่กำหนดให้มีลักษณะเป็นเพียงข้อสันนิษฐานว่าเป็นการผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เพื่อให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยมีโอกาสพิสูจน์ความจริงได้ นอกจากนี้ได้แก้ไขอัตราโทษความผิดเกี่ยวกับการผลิต นำเข้า หรือส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒. ให้ส่งคืนร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (พลเรือเอก ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ กับคณะ เป็นผู้เสนอ) ที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ภายในกำหนดเวลา พร้อมแจ้งข้อสังเกตดังกล่าว ไปเพื่อประกอบการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1586 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบการนำเข้า - ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | กษ | 27/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบการนำเข้า-ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้พิจารณาข้อเสนอแนะในประเด็นต่าง ๆ ร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยที่ประชุมเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ และมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ ควรให้มีการถ่ายโอนภารกิจการตรวจสอบการนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหาร ควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการถ่ายโอนภารกิจ และควรมีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป ๒. เห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการต่อไป ดังนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงการคลังดำเนินการร่วมกันในการถ่ายโอนภารกิจการตรวจสอบการนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารเพิ่มเติมตามข้อเสนอของคณะกรรมาธิการฯ ๒.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ รวมทั้งจัดระบบการบริหารงานภายในเพื่อรองรับภารกิจที่ได้รับการถ่ายโอนอย่างเต็มรูปแบบ ๒.๓ ให้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายหลัก ๒ ฉบับ ได้แก่ พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. ๒๕๒๒ และพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑ ในส่วนที่เกี่ยวกับการตรวจสอบและกำกับดูแลการนำเข้า-ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร รวมทั้งพิจารณากฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ระบบการตรวจสอบการนำเข้า-ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของไทยเป็นไปอย่างมีเอกภาพและมีประสิทธิภาพ โดยมอบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักดำเนินการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำร่างแก้ไขกฎหมายดังกล่าว เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1587 | การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2554 เรื่อง การจำหน่ายหลักทรัพย์ของรัฐ | กค | 27/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ ๒. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.๑ ขอปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ เรื่อง การจำหน่ายหลักทรัพย์ของรัฐ โดยขออนุมัติหลักการให้จำหน่ายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และจดทะเบียนใน ตลท. และกระทรวงการคลังถือต่ำกว่าร้อยละ ๕๐ ที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ ๒.๑.๑ หลักทรัพย์ที่ได้จากการยึดทรัพย์ หรือหลักทรัพย์ที่ได้มาโดยนิติเหตุ ๒.๑.๒ หลักทรัพย์ที่ได้รับโอนมาจากส่วนราชการอื่นเนื่องจากหมดความจำเป็นตามนโยบายของภาครัฐ ๒.๑.๓ หลักทรัพย์ที่ภาครัฐไม่มีความจำเป็นในการถือครอง ได้แก่ หลักทรัพย์ที่ภาครัฐไม่มีความจำเป็นต้องถือไว้เพื่อการพัฒนาประเทศ หรือหลักทรัพย์ของบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่เอกชนสามารถดำเนินการได้ดีอยู่แล้ว ๒.๒ ในการจำหน่ายหลักทรัพย์ตามข้อ ๒.๑ เห็นสมควรมอบอำนาจให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาวิธีการจำหน่าย ราคาที่จะจำหน่าย สัดส่วนการถือครอง และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ในทางที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อภาครัฐ และนำเงินเข้าบัญชีเงินฝากเพื่อการซื้อหุ้นตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจำหน่ายหุ้นและซื้อหุ้นของส่วนราชการ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อนำเงินที่ได้ไปลงทุนในกิจการต่าง ๆ ตามแผนของกระทรวงการคลังต่อไป ทั้งนี้ การขออนุมัติในครั้งนี้เป็นการดำเนินการตามข้อ ๖ ข้อ ๘/๑ และข้อ ๑๐ แห่งระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจำหน่ายหุ้นและซื้อหุ้นของส่วนราชการ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรจัดทำรายงานรายรับจากการจำหน่ายหลักทรัพย์ของรัฐที่ได้ดำเนินการในแต่ละปีเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อรับทราบ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ในการดำเนินการจำหน่ายหลักทรัพย์ของรัฐจะต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจะต้องเป็นประโยชน์สูงสุดต่อภาครัฐและไม่เอื้อประโยชน์แก่ผู้มีส่วนได้เสียรายใดรายหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1588 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสสอง ปี 2559 | นร11 | 27/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสสอง ปี ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์ทางสังคม ประกอบด้วย ๑๑ ประเด็น โดยความเคลื่อนไหวที่สำคัญในเชิงบวก ได้แก่ ด้านรายได้และผลิตภาพแรงงานเฉลี่ยเพิ่มขึ้น ผู้ป่วยโรคเฝ้าระวังโดยรวมลดลง คนไทยมีความสุขเพิ่มขึ้น การตั้งครรภ์ในวัยรุ่นลดลง ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินดีขึ้น การเกิดอุบัติเหตุจราจรทางบกลดลง การร้องเรียนสินค้าและบริการลดลง สำหรับสถานการณ์ที่ต้องติดตามและเฝ้าระวัง ได้แก่ สถานการณ์การจ้างงาน การว่างงาน การเร่งพัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยเฉพาะภาษาต่างประเทศ การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ และสถานการณ์ขยะที่เพิ่มขึ้น ๒. บทความเรื่อง การประกอบอาชีพค้าขายรายย่อยของแรงงานต่างด้าวในประเทศไทย จากการสำรวจร้านค้า จำนวน ๑๐,๔๕๓ แห่ง พบว่ามีคนต่างด้าวเป็นเจ้าของร้อยละ ๓.๒ โดยลักษณะที่ทำงานเป็นร้านค้าและแผงลอยในห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด ตลาดสดและตลาดชุมชน ซึ่งมีเพียงครึ่งหนึ่งที่ทราบว่าการประกอบอาชีพค้าขายของแรงงานต่างด้าวเป็นเรื่องผิดกฎหมาย จึงเสนอให้มีการปรับปรุงฐานข้อมูลแรงงานต่างด้าวให้ทันสมัย ปรับปรุงและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด รวมถึงประชาสัมพันธ์และรณรงค์ผ่านสื่อเพื่อสร้างความเข้าใจเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของคนต่างด้าวให้แรงงานต่างด้าวเข้าใจก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงานไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1589 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเชียงคำ - สบบง - บ้านทราย จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... | มท | 20/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเชียงคำ-สบบง-บ้านทราย จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ตำบลสบบง อำเภอภูซาง และตำบลหย่วน ตำบลเวียง ตำบลฝายกวาง อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม เกี่ยวกับการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ และแหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ การกำหนดพื้นที่การใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่น ๆ ที่เป็นการใช้ประโยชน์ที่ดินรองของการใช้ประโยชน์ที่ดินหลักในแต่ละประเภท เมื่อมีการใช้ประโยชน์ที่ดินในแต่ละบริเวณแล้ว ควรจัดทำฐานข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและเผยแพร่ต่อสาธารณะให้ทราบว่ามีการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่นไปแล้วเท่าใด และใช้ฐานข้อมูลดังกล่าวเป็นฐานในการกำหนดผังเมืองรวมฉบับที่จะมีการปรับปรุงของแต่ละเมืองด้วย สำหรับการบังคับใช้ร่างกฎกระทรวงฯ ต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงาน นอกจากนี้ เห็นควรเพิ่มประเภทโรงงานอุตสาหกรรมในร่างกฎกระทรวงฯ ให้สอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ร่างกฎกระทรวงฯ มีเขตดำเนินการทับซ้อนกับเขตปฏิรูปที่ดินในบางท้องที่ ควรให้มีการตรวจสอบรูปแผนที่ให้ชัดเจน ก่อนมีการประกาศใช้บังคับ นอกจากนี้ อำเภอเชียงคำและอำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศและมีความเสี่ยงจากปัญหาน้ำท่วม จึงเห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองพิจารณาสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามผังเมืองรวม ให้ความสำคัญต่อการรักษาพื้นที่เกษตรกรรม แหล่งน้ำและพื้นที่รับน้ำ รวมทั้งรักษาสภาพแวดล้อมชุมชนให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของผังเมืองรวมฉบับนี้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1590 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเตาย่าง เตาปิ้ง และเครื่องทำอาหารเคลื่อนย้ายได้ที่คล้ายกันต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 20/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเตาย่าง เตาปิ้ง และเครื่องทำอาหารเคลื่อนย้ายได้ที่คล้ายกันต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเตาย่าง เตาปิ้ง และเครื่องทำอาหารเคลื่อนย้ายได้ที่คล้ายกันต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับไปพิจารณาดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมควรประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูลให้กับผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง เพื่อประโยชน์ให้ผู้บริโภคสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัย และให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1591 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 57/2559 เรื่อง การปรับปรุงการบริหารเพื่อแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และคำสั่งหัวหน้าคณะ รักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 58/2559 เรื่อง การรับบริการสาธารณสุขของคนพิการตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและกฎหมาย ว่าด้วยการประกันสังคม | สลธ.คสช. | 20/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๕๗/๒๕๕๙ เรื่อง การปรับปรุงการบริหารเพื่อแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สั่ง ณ วันที่ ๑๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ๒. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๕๘/๒๕๕๙ เรื่อง การรับบริการสาธารณสุขของคนพิการตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม สั่ง ณ วันที่ ๑๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1592 | ร่างพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. .... | มท | 20/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ เกี่ยวกับประเด็นองค์ประกอบของคณะกรรมการผังเมือง ข้อกำหนดการใช้พื้นที่ในการดำเนินโครงการด้านพลังงาน และระยะเวลาในการพิจารณาอุทธรณ์ กระบวนการแจ้งสิทธิและข้อมูลให้ผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่วางผังรับทราบเป็นการล่วงหน้า การรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชนจะต้องประกอบด้วยการจัดประชุมประชาชนเพื่อรับฟังข้อคิดเห็นเกี่ยวกับผังเมืองอย่างน้อยหนึ่งครั้ง รวมทั้งการจัดทำผังเมืองจะต้องมีความสมดุลระหว่างด้านการพัฒนาและการควบคุมการใช้พื้นที่อย่างเหมาะสม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๙ (เรื่อง การดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองและแผนการเสนอกฎหมายลำดับรอง และการเร่งรัดดำเนินการเสนอกฎหมายหรือปรับปรุงกฎหมายสำคัญ) และให้กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดการเสนอแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเพื่อเสนอสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการควบคุมการวางผังเมืองให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด รวมทั้งคำนึงถึงปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่เดิม และประสานกับกรมชลประทานเรื่องปริมาณความต้องการใช้น้ำที่คาดว่าจะใช้เพิ่มขึ้นในพื้นที่ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาวางแผนการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป และให้กรมโยธาธิการและผังเมืองกำหนดแนวเขตปฏิรูปที่ดินพร้อมทั้งสัญลักษณ์สีแสดงการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมในผังแสดงการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อความสะดวกชัดเจนในการตรวจสอบ นอกจากนี้ ควรกำหนดลักษณะการใช้ประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินต้องเป็นไปตามกฎหมายปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1593 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 20/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือและเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเรือล่ม บริเวณหน้าวัดสนามไชย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๙ และให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ประกอบการและผู้ควบคุมเรือ รวมทั้งพิจารณาแก้ไข ปรับปรุง กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือในน่านน้ำไทยให้มีความปลอดภัยตามหลักมาตรฐานสากล โดยเฉพาะการกำกับดูแลผู้ประกอบการและผู้ควบคุมเรืออย่างเคร่งครัด การปรับปรุงบทลงโทษให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และการพิจารณาการออกใบอนุญาตให้กับเจ้าของเรือและผู้ควบคุมเรืออย่างเข้มงวด ตลอดจนการปลูกจิตสำนึกทุกภาคส่วนทั้งผู้ประกอบการ ผู้ควบคุมเรือ และประชาชนผู้ใช้บริการในการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการแก้ไขปัญหาการจราจรในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน ๑ เดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดกรณีการเกิดอุบัติเหตุ การใช้ถนนของรถจักรยานยนต์และรถสาธารณะ การกำหนดมาตรการที่เข้มงวดในการชำระค่าปรับก่อนการขอต่อใบอนุญาตขับขี่และการชำระภาษีประจำปี รวมทั้งการสร้างจิตสำนึกเรื่องการรักษาวินัยจราจรแก่ผู้ใช้รถและประชาชนทั่วไปอย่างต่อเนื่อง ๓. ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง สรุปรายงานสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำน่านและยม) ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยจัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำให้มีความชัดเจน เข้าใจง่าย รวมทั้งประชาสัมพันธ์หรือชี้แจงผ่านช่องทางต่าง ๆ ให้ประชาชนทราบถึงสถานการณ์น้ำ ตลอดจนการบริหารจัดการน้ำที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญ โดยระบุพื้นที่เสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วม แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ชุมชน พื้นที่เกษตรกรรมและพื้นที่ราชการ และมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐเมื่อเกิดน้ำท่วม นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวและนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป ๔. โดยที่ในขณะนี้ปริมาณน้ำในเขื่อนและอ่างเก็บน้ำต่าง ๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังมีปริมาณน้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขื่อนลำตะคอง จึงให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาแนวทางการดำเนินการเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ดังกล่าว ให้มีปริมาณเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค และการทำการเกษตรของประชาชนในพื้นที่ในช่วงระยะเวลาต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1594 | สรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีผู้ต้องหาในคดีความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ขอความช่วยเหลือให้ได้รับสิทธิตามมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 | นร51 | 13/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีผู้ต้องหาในคดีความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ขอความช่วยเหลือให้ได้รับสิทธิตามมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) รายงานว่า สถานการณ์ในห้วงที่ผ่านมานั้นยังคงมีความจำเป็นในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่เดิมไว้ก่อน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้มีเครื่องมือทางกฎหมายในการควบคุมและระงับยับยั้งการก่อเหตุรุนแรง ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินได้เสนอขอขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีเครื่องมือทางกฎหมายในการควบคุมสถานการณ์ป้องกันหรือระงับยับยั้งการเกิดเหตุการณ์ความรุนแรง และหากในอนาคตสถานการณ์ในบางพื้นที่คลี่คลายลง กอ.รมน. จะพิจารณาประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ ในพื้นที่ที่เหมาะสมต่อไป ตามที่ กอ.รมน. เสนอ และให้แจ้งสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1595 | หลักเกณฑ์การออกสลากการกุศล | กค | 13/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการปรับปรุงหลักเกณฑ์และแนวทางการพิจารณาการออกสลากการกุศล ตามมติคณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศล ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ลักษณะหน่วยงานเจ้าของโครงการที่ขอรับการสนับสนุน (๑) ส่วนราชการ และ (๒) มูลนิธิ องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร ๒. ลักษณะของโครงการที่ขอรับการสนับสนุน (๑) เป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาด้านสาธารณสุขหรือลดความเหลื่อมล้ำด้านสังคม เช่น กลุ่มผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส เด็กและผู้สูงอายุ (๒) เป็นโครงการที่ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากภาครัฐหรือได้รับการจัดสรรแต่ไม่เพียงพอ (๓) เป็นโครงการที่ไม่มีการดำเนินงานซ้ำซ้อนกับโครงการที่เสนอขอรับเงินงบประมาณจากภาครัฐ ทั้งทางตรงและทางอ้อม และไม่มีลักษณะเป็นเงินหมุนเวียนเพื่อใช้ในการบริหารจัดการหรือดำเนินกิจกรรมส่งเสริมทั่วไป และ (๔) เป็นโครงการที่ไม่เคยได้รับการสนับสนุนการออกสลากการกุศลมาก่อน ๓. กำหนดให้มีการพิมพ์สลากการกุศลไม่เกินจำนวน งวดละ ๑๑ ล้านฉบับคู่ ๔. วงเงินที่จะให้การสนับสนุนโครงการต้องไม่เกินโครงการละ ๑,๐๐๐ ล้านบาท และการพิจารณาสนับสนุนโครงการที่ขอออกสลากการกุศลในแต่ละครั้งจะต้องมีวงเงินรวมไม่เกินครั้งละ ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ๕. การพิจารณาออกสลากการกุศลในครั้งต่อไป จะดำเนินการภายหลังจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้จ่ายเงินสนับสนุนโครงการให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติครั้งก่อนแล้วเสร็จ ๖. รายละเอียดของโครงการที่จะขอรับการสนับสนุน ๗. ให้มีการติดตาม และรายงานผลการดำเนินงานของโครงการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1596 | สรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง กรณีกล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐสลายการชุมนุมเกษตรกรสวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช และอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ | ยธ | 13/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง กรณีกล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐสลายการชุมนุมเกษตรกรสวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช และอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแล้วเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่เสนอให้มีหลักเกณฑ์ในการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบหรือความเสียหายจากการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐเป็นการเฉพาะโดยให้มีความเชื่อมโยงกับพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อเป็นหลักประกันสิทธิให้กับประชาชน รวมทั้งมีการจัดฝึกอบรมความรู้เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องด้านสิทธิมนุษยชน รวมถึงพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนแก่เจ้าหน้าที่รัฐและเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้แจ้งสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1597 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 13/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ดังนี้
๑. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) กำกับ เร่งรัด และติดตามการปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดิน โดยให้ส่วนราชการที่มีแผนที่จะปรับปรุงโครงสร้าง ขั้นตอน หรือวิธีปฏิบัติราชการให้ดำเนินการได้โดยคำนึงถึงการทำงานแบบบูรณาการด้วย ทั้งนี้ หากเป็นการปรับปรุงวิธีปฏิบัติราชการในภารกิจการให้บริการประชาชนให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายใน ๑ เดือน ส่วนการปรับปรุงโครงสร้างของส่วนราชการให้เตรียมการไว้ล่วงหน้า เพื่อให้มีความพร้อมดำเนินการได้ทันทีเมื่อการปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดินตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับใหม่มีผลใช้บังคับ ๒. ตามที่ได้มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) (คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๒๖/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗) และคณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๕) เห็นชอบให้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต (ศปท.) ในทุกส่วนราชการ นั้น ขณะนี้ได้มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเกี่ยวกับเรื่อง การตรวจสอบการปฏิบัติราชการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในระบบราชการ (คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๗/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๙) โดยการดำเนินการตามคำสั่งดังกล่าวกำหนดให้มี ศอตช. และ ศปท. เป็นกลไกในการประสานงานและตรวจสอบ ดังนั้น จึงให้ทุกส่วนราชการให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงานของ ศอตช. และ ศปท. เพื่อไม่ให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชันในระบบราชการ รวมทั้งให้ทุกส่วนราชการกำกับดูแลบุคลากรในสังกัดที่ปฏิบัติหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการและการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรวดเร็ว เท่าเทียม และเป็นธรรม โดยไม่ให้มีการแสวงประโยชน์จากการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ๓. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาการรวมชุดสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อป้องกันการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคาที่กำหนด ๔. ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทยเร่งดำเนินการปรับปรุงตู้โดยสารรถไฟชั้นสามให้มีความปลอดภัย ทันสมัย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งปรับปรุงความสะอาดของตู้รถไฟทุกขบวน ห้องน้ำภายในรถไฟและในสถานีให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1598 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 12 กันยายน 2559) | นร05 | 13/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การจัดทำแบบจำลองด้านเครดิต) ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการปรับปรุงยกเว้นเงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทน) และการจัดทำสัตยาบันสารความตกลงปารีส ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ๒. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1599 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการปรับปรุงการยกเว้นเงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทน) (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 13/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการปรับปรุงการยกเว้นเงินได้จากการโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่มีค่าตอบแทน) ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1600 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องอบผ้าต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ..... | อก | 06/09/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องอบผ้าต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องอบผ้าต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับไปพิจารณาดำเนินการเผยแพร่ข้อมูลและสร้างความเข้าใจให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว เพื่อให้ผู้ประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องสามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
