ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 72 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 1421 - 1440 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1421 | ผลการประชุมคณะมนตรีภายใต้กรอบความตกลงด้านการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับสหรัฐ (TIFA JC) | พณ | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะมนตรีภายใต้กรอบความตกลงด้านการค้าและการลงทุนระหว่างไทย-สหรัฐอเมริกา [Trade and Investment Framework Agreement between the United States and the Kingdom of Thailand (TIFA) Joint Council : TIFA JC] ระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส เมื่อวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๐ ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฯ ณ กรุงเทพมหานคร มีวัตถุประสงค์เพื่อหารือเกี่ยวกับการแก้ไขอุปสรรคทางการค้าและความร่วมมือเพื่อขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกัน และมอบหมายส่วนราชการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ได้แก่ (๑) การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาตามแผนงานร่วมด้านทรัพย์ทางปัญญา ไทย-สหรัฐอเมริกา (๒) การปรับสถานะของไทยจากกลุ่มประเทศที่น่ากังวลลำดับรองในเรื่องการค้างาช้างผิดกฎหมายภายใต้ CITES (๓) การทบทวนสิทธิ GSP ไทยตามคำร้องของสมาพันธ์สหภาพแรงงานสหรัฐอเมริกา (AFL-CIO) (๔) ความคืบหน้าการปรับปรุงตารางข้อผูกพันสาขาโทรคมนาคมของไทยรอบอุรุกวัยของ WTO ภายใต้ความตกลงทั่วไปว่าด้วยการค้าบริการ (GATS) (๕) การเปิดตลาดเนื้อวัวและผลิตภัณฑ์ของไทย (๖) ร่างพระราชบัญญัติควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก (๗) มาตรการฉลากภาพเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (๘) การเปิดตลาดเนื้อสุกรและผลิตภัณฑ์ที่ตรวจพบสารเร่งเนื้อแดงตกค้างตามมาตรฐาน Codex และ (๙) ค่าธรรมเนียมการตรวจสอบเนื้อสัตว์นำเข้า ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1422 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการร่วมไทย - สาธารณรัฐเกาหลี สำหรับความร่วมมือโครงการพัฒนาลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนล่าง จังหวัดอุดรธานีและหนองคาย | กษ | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมไทย-สาธารณรัฐเกาหลี สำหรับความร่วมมือโครงการพัฒนาลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนล่าง จังหวัดอุดรธานีและหนองคาย ซึ่งที่ประชุมเห็นควรให้มีการปรับปรุงรายละเอียดขององค์ประกอบโครงการตามผลการศึกษาของกรมชลประทาน จำนวน ๓ รายการ ได้แก่ สถานีสูบน้ำบ้านแดนเมือง ประตูระบายน้ำในลำน้ำห้วยหลวง และพิจารณาเพิ่มงานด้าน Smart Flood Control System (ระบบควบคุมอุทกภัยแบบอัจฉริยะ) รวมทั้งรายการที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน โดยไม่ต้องปรับปรุงจากเดิม ได้แก่ อาคารบังคับน้ำในลำน้ำสาขา จำนวน ๑๒ แห่ง พนังกั้นน้ำระยะทาง ๔๗.๐๒ กิโลเมตร และระบบชลประทาน จำนวน ๑๓ โครงข่าย และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาข้อมูลผลการประชุมคณะกรรมการร่วมฯ ดังกล่าว เพื่อประกอบการจัดทำ “พิมพ์เขียวข้อริเริ่มความร่วมมือใหม่ทางเศรษฐกิจไทย-เกาหลี” (Korea-Thailand Blueprint for New Economic Cooperation Initiatives) ต่อไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำผลที่ได้จากความร่วมมือในทางวิชาการระหว่างไทย-สาธารณรัฐเกาหลี มาประยุกต์ใช้กับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศไทย ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและประหยัดงบประมาณของประเทศ สำหรับการจัดทำพิมพ์เขียวข้อริเริ่มฯ ควรระบุให้ชัดเจนว่าความร่วมมือใหม่ทางเศรษฐกิจไทย-เกาหลี เป็นความร่วมมือในทางวิชาการเท่านั้น ไม่มีข้อผูกพันใด ๆ เกี่ยวกับการลงทุนในโครงการหรือการทำสัญญาว่าจ้างดำเนินโครงการในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1423 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด สมัยที่ 60 | ยธ | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด (Commission on Narcotic Drugs : CND) สมัยที่ ๖๐ ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๗ มีนาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ได้เสด็จเข้าร่วมการประชุมฯ และทรงเป็นองค์ประธานเปิดกิจกรรมพิเศษ (นิทรรศการ) ของรัฐบาลไทย เพื่อนำเสนอกระบวนการพัฒนาทางเลือกในบริบทของประเทศไทย โดยได้มีพระราชดำรัสในพิธีเปิดฯ มีสาระสำคัญกล่าวถึงเวลากว่า ๗๐ ปีที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงส่งเสริมการปลูกพืชเมืองหนาวเพื่อทดแทนการปลูกฝิ่น เนื่องจากทรงเห็นสภาพปัญหาความเป็นอยู่และการขาดโอกาสของชาวไทยภูเขาในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการพัฒนาทางเลือกของไทย ซึ่งเน้นการพัฒนาแบบองค์รวม และเน้นคนเป็นศูนย์กลาง จนประสบความสำเร็จ อีกทั้งสหประชาชาติได้รับรองแนวปฏิบัติสหประชาชาติว่าด้วยพัฒนาทางเลือกสู่การปฏิบัติ ที่ประเทศไทยผลักดันจนเป็นต้นแบบที่ส่งเสริมให้ประเทศต่าง ๆ นำไปปฏิบัติเพื่อลดอุปทานยาเสพติดโลกอย่างยั่งยืน ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้กล่าวถ้อยแถลงในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ การแก้ไขปัญหายาเสพติดตามอนุสัญญาสหประชาชาติ การเทิดพระเกียรติและถวายเป็นพระราชสดุดีแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในฐานะทรงเป็นกษัตริย์นักพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหาพื้นที่ปลูกพืชเสพติด การนำเสนอความคืบหน้าในการดำเนินการปฏิรูปนโยบายแก้ไขปัญหายาเสพติดของไทย และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง นอกจากนี้ ได้ร่วมการหารือทวิภาคีกับผู้บัญชาการงานยาเสพติดแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี หัวหน้าคณะผู้แทนเยอรมนี เช่น การชื่นชมความร่วมมือในด้านการพัฒนาทางเลือกที่ดำเนินการร่วมกับรัฐบาลไทยมาอย่างยาวนาน โดยปัจจุบันดำเนินงานร่วมกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ ฝ่ายเยอรมนีให้ความสนใจในการปรับปรุงกฎหมายและนโยบายยาเสพติดของไทย รวมทั้งประเด็นการลดอันตรายจากการใช้ยาเสพติด เป็นต้น ๓. การกล่าวถ้อยแถลงของผู้แทนไทยจากหน่วยงานที่ร่วมเป็นคณะผู้แทนไทย การร่วมพิจารณาร่างข้อมติ จำนวน ๑๐ ฉบับ และร่างข้อตัดสินใจ จำนวน ๒ ฉบับ รวมทั้งการพิจารณาควบคุมสารระหว่างประเทศ จำนวนทั้งสิ้น ๑๒ ชนิด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1424 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. .... | นร09 | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการ และอำนาจหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามอำนาจหน้าที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ที่ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาเกลี่ยอัตรากำลังที่มีอยู่เดิมเพื่อรองรับส่วนราชการซึ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ตามร่างกฎกระทรวงดังกล่าว ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ ก.พ. กำหนด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1425 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 28 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2559 - 31 มกราคม 2560) | นร | 25/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๒๘ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๙-๓๑ มกราคม ๒๕๖๐) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ มีผลงานสำคัญโดยสรุป ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น การจัดงานประเพณี กิจกรรมทางศาสนา และกิจกรรมพัฒนาต่าง ๆ รวมทั้งการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน ร้องทุกข์ เป็นต้น ๒. การปฏิรูปประเทศ เช่น การปฏิรูปทนายความอาสา ทนายความขอแรงและที่ปรึกษากฎหมายของเด็กและเยาวชน การปฏิรูปประสิทธิภาพกระบวนการยุติธรรมทางอาญา เรื่องร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมพลังงานทดแทน พ.ศ. .... และ (ร่าง) ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารการประชาสัมพันธ์ในภาครัฐเพื่อความโปร่งใส พ.ศ. .... เป็นต้น ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ๓.๑ ด้านความมั่นคง เช่น การเชิดชูสถาบันนี้ไว้ด้วยความจงรักภักดีและปกป้องรักษาพระบรมเดชานุภาพ โดยการใช้มาตรการทางกฎหมายและมาตรการทางระบบสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ การน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและร่วมแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดช โดยการจัดนิทรรศการ “ในดวงใจนิรันดร์” จัดงานมหกรรม “ตามรอยพ่อบนดอยสูง” และพิพิธภัณฑ์เรียนรู้ราษฎรบนพื้นที่สูง เป็นต้น ๓.๒ ด้านสังคมจิตวิทยา เช่น การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมมือกับ UN HABITAT จัดการประชุมหุ้นส่วนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิคเพื่อการขับเคลื่อนวาระใหม่แห่งการพัฒนาเมือง การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม การบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กที่อยู่ใกล้เคียงมาเรียนรวมกัน และการส่งเสริมกลไกประชารัฐ โดยจัดทำ VDO Infographic และ Logo “อาชีวะฝีมือชนคนสร้างชาติ” เป็นต้น ๓.๓ ด้านเศรษฐกิจ เช่น การเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ การเร่งรัดติดตามการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ การกำหนดมาตรการสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับของโลก การจัดงาน “ค้าส่งรวมใจ โชห่วยไทยคู่สังคม” และการเร่งผลักดันมันสำปะหลังสู่ตลาดต่างประเทศการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยาง เป็นต้น ๓.๔ ด้านการต่างประเทศ เช่น การเชื่อมต่อเส้นทางคมนาคมขนส่งและระบบโลจิสติกส์จากฐานการผลิตในชุมชนสู่แหล่งแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าทั้งภายในประเทศและการเชื่อมโยงกับอาเซียน โดยกรมทางหลวงได้ดำเนินการสานต่อโครงการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงเชื่อมโยงระหว่างประเทศ เป็นต้น ๓.๕ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น การส่งเสริมและการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ การจัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนสำหรับนักลงทุนชาวต่างชาติ การตรวจสอบเรื่องร้องเรียนการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐผ่านเว็บไซต์ “ภาษีไปไหน” การป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ และการปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัย ไม่เป็นธรรม เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1426 | มติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2560 | ดศ | 25/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ สรุปได้ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการพัฒนากฎหมายอวกาศ ซึ่งอยู่ระหว่างพัฒนากฎหมายให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การบริหารและยุทธศาสตร์อวกาศแห่งชาติ และเห็นชอบให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (สทอภ.) จัดตั้งคณะทำงาน ซึ่งสทอภ. ได้ดำเนินการแล้ว ๒. รับทราบมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ เกี่ยวกับแนวทางการบริหารกิจการดาวเทียมสื่อสารของประเทศ ๓. รับทราบความคืบหน้าโครงการระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา (THEOS-2) ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ มีนาคม ๒๕๖๐) อนุมัติการดำเนินโครงการแล้ว ๔. เห็นชอบในหลักการของร่างยุทธศาสตร์อวกาศแห่งชาติ ปี ๒๕๖๐-๒๕๗๙ และให้คณะอนุกรรมการปรับปรุงแนวทางการพัฒนากิจการอวกาศของประเทศไทยปรับปรุงเนื้อหาให้สอดคล้องกับข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ เช่น ปรับแก้วิสัยทัศน์ของยุทธศาสตร์ ควรเพิ่มยุทธศาสตร์การสื่อสาร และควรคำนึงถึงการพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับภารกิจต่าง ๆ เป็นต้น ๕. เห็นชอบในหลักการให้ดำเนินโครงการดาวเทียมสื่อสารภาครัฐภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ และเห็นควรให้คณะอนุกรรมการดาวเทียมสื่อสารภาครัฐเพื่อความมั่นคงเชิญหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมดำเนินการจัดทำรายละเอียดของโครงการให้มีความสมบูรณ์ เพื่อให้คณะกรรมการฯ พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ขอให้ผ่านหลักเกณฑ์การจัดทำโครงการที่มีงบประมาณสูงของภาครัฐ โดยการจัดทำโครงการจะต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และให้เสนอผู้รับผิดชอบดำเนินโครงการมาพร้อมกันในการประชุมครั้งต่อไป ๖. รับทราบความคืบหน้าผลการดำเนินงานของคณะทำงานพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการการดำเนินงานกิจการดาวเทียมสื่อสาร ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และมีข้อเสนอแนะให้คณะทำงานสอบถามความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เพื่อประกอบการพิจารณากำหนดแนวทางการบริหารจัดการการดำเนินงานกิจการดาวเทียมสื่อสารต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1427 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เพิ่มช่องทางชำระค่าปรับ) | ตช | 25/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เพิ่มช่องทางชำระค่าปรับ) โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติเห็นว่า หน่วยบริการโครงการชำระค่าปรับโดยวิธีการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์นั้น มีทั้งที่เป็นและไม่เป็นธนาคารพาณิชย์สามารถเข้าร่วมโครงการดั้งกล่าวได้ และกรณีการกำหนดค่าธรรมเนียมในการชำระค่าปรับโดยวิธีการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย ส่วนการออกกฎหมายอนุบัญญัติเกี่ยวกับการชำระค่าปรับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ออกเป็นข้อกำหนด เรื่อง สถานที่ในการชำระค่าปรับโดยวิธีการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ บัตรเครดิต หรือวิธีการอื่นตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๙ แล้ว สำหรับข้อสังเกตกรณีควรให้มีการพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน รวมทั้งกรณีควรมีการหารือร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดอัตราค่าปรับให้เป็นอัตราเดียวกันในกฎหมายทุกฉบับที่เกี่ยวข้องกันและใช้อัตราค่าปรับเดียวกันในทุกช่องทางการชำระค่าปรับนั้น โดยที่ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้เป็นการแก้ไขอัตราโทษปรับให้สอดคล้องกับอัตราโทษปรับสำหรับความผิดลหุโทษที่ได้แกไขแล้วจากเดิม “ปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท” เป็น “ไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท” และได้แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๑๔๕ วรรคสาม จากเดิมเป็น “การกำหนดจำนวนค่าปรับตามที่เปรียบเทียบตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำหนด” การให้อำนาจดังกล่าวแก่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะทำให้การกำหนดค่าปรับสำหรับความผิดแต่ละข้อหามีมาตรฐานเดียวกันด้วยแล้ว นอกจากนี้ ข้อสังเกตที่ให้มีการบูรณาการร่วมกันกับหน่วยงานอื่นเกี่ยวกับการออกไปสั่งเพื่อให้มีการชำระค่าปรับและการนำมาตรการบันทึกคะแนน การพักใช้และการยึดใบอนุญาตขับขี่มาใช้บังคับกับผู้ขับขี่อย่างเคร่งครัดนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ และข้อสังเกตเกี่ยวกับการรวบรวมกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจราจรทางบกให้เป็นกฎหมายฉบับเดียว เนื่องจากกฎหมายที่เกี่ยวกับการจราจรทางบกมีหลายฉบับ การบังคับใช้กฎหมายเหล่านี้เป็นความรับผิดชอบของต่างหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่โดยเฉพาะตามที่กฎหมายกำหนด หากจะรวบรวมกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจราจรทางบกทุกฉบับให้เป็นกฎหมายฉบับเดียว ซึ่งจะทำให้การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวอยู่ภายใต้หน่วยงานเดียว จะต้องมีการปรับโครงสร้างและแก้ไขอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานก่อน ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1428 | การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | นร07 | 25/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๐ ในลำดับที่ ๑๔-๑๙ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ จากเดิมเป็น ดังนี้ ๑.๑ วันที่ ๑ กุมภาพันธ์-๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐ (จากเดิม วันที่ ๑ กุมภาพันธ์-๒๑ เมษายน ๒๕๖๐) สำนักงบประมาณพิจารณาจัดทำรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี ๑.๒ วันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๐ คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ (จากเดิม คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ พร้อมหลักเกณฑ์การปรับปรุงงบประมาณฯ) ๑.๓ วันที่ ๒๖ เมษายน-๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๐ สำนักงบประมาณประสานส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น พิจารณารายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และดำเนินการรับฟังความคิดเห็นเรื่องการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จากผู้ที่เกี่ยวข้อง ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๗๗ วรรค ๒ ๑.๔ วันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐ คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบรายละเอียดงบประมาณฯ และข้อเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1429 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อดำเนินโครงการพักชำระหนี้ต้นเงินและลดดอกเบี้ยให้สมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่ปลูกข้าว ปีการผลิต 2559/60 | กษ | 18/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อดำเนินโครงการพักชำระหนี้ต้นเงินและลดดอกเบี้ยให้สมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรตรวจสอบรายชื่อสมาชิกกลุ่มเกษตรกรและสมาชิกสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการฯ ให้เป็นผู้ที่กู้เงินโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการผลิตข้าวอย่างแท้จริงและไม่มีความซ้ำซ้อนเป็นลูกค้าของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร รวมทั้งควรพิจารณาการอบรมให้ความรู้แก่สมาชิกที่เข้าร่วมโครงการฯ ให้มีความรู้ด้านปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การจัดทำบัญชี และแผนการจัดการหนี้ในครัวเรือน เพื่อลดปัญหาหนี้สินได้อย่างยั่งยืนในอนาคต นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการปรับปรุงระบบข้อมูลของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรให้มีความทันสมัย และมีการบูรณาการข้อมูล กระบวนการทำงาน และเป้าหมายการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนทุกกลุ่มของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันก่อนการดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ในส่วนของการชดเชยดอกเบี้ยเพื่อดำเนินโครงการฯ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับไปหารือในรายละเอียดร่วมกับสำนักงบประมาณให้ได้ข้อยุติก่อน โดยหากเห็นชอบตามความเห็นของสำนักงบประมาณก็ให้ดำเนินการต่อไปได้ แต่หากยังมีความเห็นแตกต่างกัน ให้นำเรื่องนี้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1430 | การปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการบ้านประชารัฐและโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ | กค | 18/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินโครงการบ้านประชารัฐและโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ ซึ่งผลการดำเนินโครงการฯ พบว่าทั้ง ๒ โครงการมียอดการอนุมัติสินเชื่อต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากมีข้อจำกัดในทางปฏิบัติ ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนและสภาพความเป็นจริง กระทรวงการคลังเห็นควรปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ ดังนี้ ๑.๑ โครงการบ้านประชารัฐ ๑.๑.๑ ขอยกเลิกการกำหนดคุณสมบัติผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ จากที่กำหนดว่า “ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยมาก่อน” เป็น “ปัจจุบันไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย” ๑.๑.๒ ขอแก้ไขเงื่อนไขของมาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Post Finance) กรณีการกู้เพื่อปลูกสร้างที่อยู่อาศัย วงเงินสินเชื่อไม่เกิน ๑.๕ ล้านบาทต่อหน่วย จากที่กำหนดให้รวมราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างด้วย เป็น ไม่ต้องนำราคาประเมินที่ดินมารวมพิจารณาด้วย ๑.๒ โครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ ๑.๒.๑ โครงการเช่าระยะสั้น (Rental) ขอแก้ไข จาก “เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยมาก่อนและมีรายได้ไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาทต่อเดือน ในวันที่ยื่นจองสิทธิ” เป็น “เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีรายได้ไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาทต่อเดือน ในวันที่ยื่นจองสิทธิ” ๑.๒.๒ โครงการเช่าระยะยาว (Leasehold) จาก “เจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชนที่ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยมาก่อน” เป็น “เจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชนที่ปัจจุบันไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย” ๒. ให้กระทรวงการคลังและสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่เข้าร่วมโครงการบ้านประชารัฐและโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐเร่งประชาสัมพันธ์โครงการให้กลุ่มเป้าหมายได้รับทราบถึงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขใหม่ที่ผ่อนปรนขึ้นเพื่อดึงดูดให้กลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมโครงการมากยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1431 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษามาตรการการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | มท | 18/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษามาตรการการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยกระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว สรุปได้ว่า ในประเด็นเรื่องการศึกษาติดตามการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ โดยการปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญาในความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรให้สอดคล้องกับกฎหมายของต่างประเทศ เป็นข้อเสนอที่มีความละเอียดอ่อนของสังคมไทย กระทรวงยุติธรรมจะได้นำเสนอคณะอนุกรรมการพัฒนาและบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาคและเป็นธรรม ภายใต้คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พิจารณาศึกษาเพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามข้อเสนอแนะดังกล่าวต่อไป สำหรับประเด็นเรื่องการศึกษามาตรการส่งเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในฐานะประมุขของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และการติดตามและตรวจสอบการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่มีผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ นั้น ส่วนใหญ่ได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ แล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1432 | ร่างพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. .... (มีการแก้ไขเอกสารรอจากเจ้าของเรื่อง) | นร09 | 11/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการร่างพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. ... ของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้พื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง และพื้นที่อื่นใดที่อยู่ในภาคตะวันออกตามที่จะได้กำหนดเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาเป็นเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่งให้เป็นตามความเห็นของคณะรัฐมนตรี ดังนี้ ๑.๑ เพื่อให้มีกฎหมายที่เอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออกใช้บังคับให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เห็นควรเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาใช้อำนาจของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติออกคำสั่งตามมาตรา ๒๖๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ๑.๒ ควรกำหนดให้คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกมีอำนาจในการกำหนดนโยบายเพื่อการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกส่วนการดำเนินการตามนโยบายของคณะกรรมการให้เป็นหน้าที่และอำนาจของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๓ ควรเพิ่มรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ในร่างมาตรา ๑๐ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย อาทิ การกำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษีและการทำธุรกรรมทางการเงิน การดำเนินการปรับปรุงถ้อยคำและพิจารณาเพิ่มเติมข้อความบางประการในร่างพระราชบัญญัติฯ ให้เรียบร้อยก่อนนำเข้าสู่กระบวนการในขั้นตอนต่อไป ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่าเพื่อให้มีกฎหมายที่เอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออกใช้บังคับให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เห็นควรเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาใช้อำนาจของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติออกคำสั่งตามมาตรา ๒๖๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ไปดำเนินการต่อไป ๔. มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่ให้เตรียมความพร้อมในส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๕. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1433 | ผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ 1/2560 | นร11 | 11/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศเสนอ ซึ่งที่ประชุมมีมติสรุปได้ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินงานของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สิ้นสุดลงแล้ว ได้แก่ โครงการสนับสนุนสินเชื่อเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยเพื่อประกอบอาชีพเสริม โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 5 (ปรับปรุงใหม่) มาตรการเพื่อส่งเสริมการให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแก่ผู้มีรายได้น้อยและปานกลางของธนาคารอาคารสงเคราะห์ โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ และมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในชุมชนเมืองตามแนวทางประชารัฐ ๒. รับทราบสรุปผลการดำเนินงานในปี ๒๕๕๙ ของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง ระยะเร่งด่วน (Action Plan) พ.ศ. ๒๕๕๙ ๓. รับทราบความก้าวหน้าในเรื่องต่าง ๆ เช่น การขับเคลื่อนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมการลงทุนผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและมาตรการเร่งรัดการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย มาตรการการเงินการคลังเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในระยะเร่งด่วน โครงการบ้านประชารัฐ โครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ และมาตรการสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจและสังคมภายในท้องถิ่น เป็นต้น ๔. มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังประสานสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเพื่อเร่งรัดการดำเนินงานในส่วนของมาตรการฟื้นฟู SMEs ผ่านกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อให้สามารถดำเนินการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ได้โดยเร็ว ๕. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยหารือกับสำนักงบประมาณเพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับแนวทางการปรับปรุงเงื่อนไขและข้อจำกัดของการใช้เงินสนับสนุนของมาตรการสนับสนุนการลงทุนร่วมระหว่างรัฐบาลและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (Matching Fund) ภายใต้มาตรการสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจและสังคมภายในท้องถิ่น และรายงานผลการหารือต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ต่อไป ๖. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมรายงานความก้าวหน้า ปัญหาและอุปสรรค รวมทั้งแนวทางแก้ไขในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง (Action Plan) ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๖๐ และการดำเนินการตามแนวทางการขับเคลื่อนมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางตามมาตรการใหม่ต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ทุกสามเดือน ๗. ให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ (ดำเนินการใกล้สิ้นสุดโครงการแล้ว) และมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (สิ้นสุดมาตรการแล้ว) ออกจากกรอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่คณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ใช้ในการติดตามความคืบหน้า
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1434 | การปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติ และผลการคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิทดแทนตำแหน่งที่ลาออก (นายพรชัย พูลสุขสมบัติ) | กษ | 11/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอให้เพิ่มเติมองค์ประกอบคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติ โดยเพิ่ม ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นกรรมการ โดยให้ นายพรชัย พูลสุขสมบัติ เป็นกรรมการในส่วนของผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติ ทดแทนตำแหน่งที่ลาออก
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1435 | ผลการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 15 | กต | 04/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ ๑๕ ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๗ มกราคม ๒๕๖๐ ณ กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ภายใต้หัวข้อ “กรุงอาบูดาบี เมืองหลวงแห่งพลังงานที่ยั่งยืน” โดยที่ประชุมฯ ได้รับรองปฏิญญาอาบูดาบีเป็นเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ และเห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านพลังงาน รวมทั้งการติดตามผลการขับเคลื่อนความร่วมมือใน ๖ เสาหลักของกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue : ACD) ทั้งนี้ ปฏิญญาอาบูดาบีจะช่วยผลักดันความร่วมมือในสาขาความเชื่อมโยงระหว่างความมั่นคงทางทรัพยากรพลังงาน น้ำ และอาหารของ ACD ให้มีความคืบหน้าเพื่อความเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนของไทยและภูมิภาคเอเชีย สำหรับแผนปฏิบัติการด้านพลังงาน ACD จะเป็นโอกาสให้ไทยสามารถขยายและต่อยอดความร่วมมือด้านการพัฒนาพลังงานที่ยั่งยืนในภูมิภาค และมอบหมายให้ส่วนราชการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรผลักดันการดำเนินงานให้เห็นผลเป็นรูปธรรมในกรอบเวทีระดับโลกที่คาบเกี่ยวด้านอาหาร น้ำ และพลังงาน และการนำเทคโนโลยีจากโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางทรัพยากรอาหาร น้ำ และพลังงานมาผลักดันสู่คณะทำงานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของ ACD เช่น โครงการไบโอดีเซล โครงการด้านการพัฒนาแหล่งน้ำเข้าเป็นส่วนหนึ่งในโครงการสำคัญ (Flagship Project) ผ่านกลไกหลักสูตรฝึกอบรมนานาชาติด้านปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และผ่านการประชุมคณะทำงานด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพที่จะจัดขึ้นในเดือนสิงหาคม ๒๕๖๐ เพื่อขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวกับประเทศสมาชิกของ ACD รวมทั้งการปรับปรุงหน่วยงานที่รับผิดชอบตามตารางติดตามผลการประชุมฯ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1436 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบูเก๊ะตา จังหวัดนราธิวาส พ.ศ. .... | มท | 04/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบูเก๊ะตา จังหวัดนราธิวาส พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลโล๊ะจูด อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรเพิ่มประเภทโรงงาน เช่น โรงงานประเภท ๓(๒) การขุดหรือลอก กรวด ทราย ดิน ในร่างกฎกระทรวงฯ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุมการวางผังเมืองให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงฯ และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด โดยคำนึงถึงปริมาณน้ำต้นทุนและปริมาณการใช้น้ำในพื้นที่ และในการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรม และพิจารณามิให้เป็นอุปสรรคต่อการจัดสร้างระบบรวบรวมหรือระบบบำบัด/กำจัดมลพิษ รวมทั้งการกำหนดพื้นที่การใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่น ๆ ที่เป็นการใช้ประโยชน์ที่ดินรองของการใช้ประโยชน์ที่ดินหลักในแต่ละประเภท เมื่อมีการใช้ประโยชน์ที่ดินในแต่ละบริเวณแล้ว ควรมีการจัดทำฐานข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและเผยแพร่ต่อสาธารณะให้ทราบว่ามีการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่นไปแล้วเท่าใด และใช้ฐานข้อมูลดังกล่าวเป็นฐานในการกำหนดผังเมืองรวมฉบับที่จะมีการปรับปรุงของแต่ละเมือง นอกจากนี้ ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองควรพิจารณากำกับดูแลเจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินและกำกับการขยายตัวของเมืองอย่างเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1437 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 1/2560 | กค | 04/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๐ ซึ่งประกอบด้วย ๔ เรื่อง คือ (๑) การแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจ ๗ แห่ง ได้แก่ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการรถไฟแห่งประเทศไทย (๒) แผนยุทธศาสตร์รัฐวิสาหกิจ (๓) แนวทางกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อใช้ในการพิจารณากำหนดค่าตอบแทนระบบแรงจูงใจ และสวัสดิการต่าง ๆ ของรัฐวิสาหกิจในภาพรวม และ (๔) ข้อสังเกตของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน กรณีการปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และมอบหมายผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่าง ๆ ดำเนินการตามมติ คนร. ดังกล่าวต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ในฐานะฝ่ายเลขานุการ คนร. เสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการปรับปรุงค่าตอบแทน ระบบแรงจูงใจและสวัสดิการต่าง ๆ ของรัฐวิสาหกิจในภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีมาตรฐานเดียวกัน มีความเสมอภาคและเป็นธรรมยิ่งขึ้น โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อภาระงบประมาณที่จะเพิ่มขึ้นในระยะยาวด้วย รวมทั้งเห็นควรให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการให้ร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... มีผลบังคับใช้โดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1438 | การปรับปรุงแนวทางการจัดส่วนราชการในภูมิภาค | นร12 | 04/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับปรุงแนวทางการจัดส่วนราชการในภูมิภาค ตาม (ร่าง) แนวทางการจัดส่วนราชการในภูมิภาค (ฉบับปรับปรุง) รวมทั้งเงื่อนไขที่จะไม่กระทบกับการจัดส่วนราชการในภูมิภาคที่กำหนดไว้เดิม และการจัดตั้งหน่วยงานตามมติคณะรัฐมนตรีเพื่อรับผิดชอบงานตามนโยบายสำคัญเร่งด่วนของรัฐบาล มีประเด็นสำคัญในการปรับปรุง ได้แก่ (๑) หน่วยงานของราชการบริหารส่วนภาคกลางในภูมิภาคต้องไม่มีหน่วยงานของกรมที่เป็นราชการส่วนภูมิภาคหรือราชการส่วนกลางในภูมิภาค และ (๒) หน่วยงานของราชการบริหารส่วนภูมิภาคของกระทรวง ทบวง กรม ให้มีส่วนราชการประจำจังหวัดที่เป็นผู้แทนกระทรวงเพียงส่วนราชการเดียว (One Roof) และในการกำหนดให้มีส่วนราชการดังกล่าวไม่จำเป็นต้องจัดตั้งให้ครบทุกจังหวัดหรืออำเภอก็ได้ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นและข้อสังเกตเพิ่มเติมของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี อาทิ กรณีการจัดตั้งส่วนราชการที่เป็นราชการส่วนภูมิภาคของกระทรวง ทบวง กรม กำหนดให้มีส่วนราชการประจำจังหวัดเป็นผู้แทนกระทรวงเพียงส่วนราชการเดียว อาจไม่เหมาะสมกับกระทรวงขนาดใหญ่ และเห็นควรทบทวนประเด็นการพิจารณา “ต้องไม่มีหน่วยงานของกรมที่เป็นราชการส่วนภูมิภาคหรือราชการส่วนกลางในภูมิภาค” รวมทั้งควรพิจารณาถึงการมองมิติภาพรวมของประเทศเป็นอันดับแรกเพื่อให้ได้โครงสร้างที่มุ่งตอบสนองประโยชน์แก่ประชาชนและประเทศชาติแท้จริง ตลอดจนควรพิจารณาความจำเป็นและความสำคัญต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานภาครัฐ สร้างความพึงพอใจให้กับประชาชนโดยรวม รวมทั้งควรพิจารณาให้มีการประเมินผลการจัดโครงสร้างและระบบบริหารราชการในส่วนภูมิภาคที่จะปรับปรุงใหม่ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1439 | ข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) | ทส | 28/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาและผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เรื่อง ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ (เรื่อง ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๔๓ เรื่อง ทะเบียนรายนามพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติและระดับชาติของประเทศไทย และมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ) ข้อ ๑๐ “ให้มีการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) สำหรับโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ที่ออกตามมาตรา ๔๖ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕” นั้น ขอยืนยันตามเดิมเนื่องจากมีความชัดเจนเพียงพอในการนำไปสู่การปฏิบัติ ๒. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีแผนการปรับปรุงประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการที่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เป็นแผนระยะสั้นภายใน ๓ ปี ซึ่งจะได้นำประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ชุ่มน้ำและทางหลวงหรือถนนตามข้อเสนอแนะไปประกอบการปรับปรุงประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการที่ต้องจัดทำรายงานฯ ให้มีความเหมาะสมต่อไป ๓. ข้อเสนอให้มีแนวทางการบูรณาการการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) หรือการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ของโครงการใด ๆ ที่มีการดำเนินการตั้งแต่ ๒ โครงการขึ้นไป ซึ่งเป็นโครงการที่เกี่ยวเนื่องกันโดยรวมจัดทำเป็นรายงานฉบับเดียวกัน นั้น เห็นควรให้เจ้าของโครงการเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมเป็นกรณีไป ๔. ข้อเสนอเกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองไม่ให้เกิดช่องว่างในการใช้บังคับกฎหมาย กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองอยู่ระหว่างเสนอร่างพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. .... เพื่อปรับปรุงพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. ๒๕๑๘ ทั้งฉบับ โดยปรับรูปแบบและวิธีการวางและจัดทำผังเมืองทั้งระบบ รวมทั้งกำหนดให้ผังเมืองแต่ละประเภทไม่มีอายุการใช้บังคับ แต่ใช้ระบบประเมินผลผังในรอบระยะเวลา ๕ ปี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1440 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนหนองสระ จังหวัดอุทัยธานี พ.ศ. .... | มท | 28/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนหนองสระ จังหวัดอุทัยธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลหนองสระ อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรเพิ่มประเภทโรงงาน เช่น โรงงานประเภท ๑๐๑ โรงงานปรับคุณภาพของเสียรวม โรงงานประเภท ๑๐๖ โรงงานนำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ไม่ใช้แล้วหรือของเสียจากโรงงานมาผลิตเป็นวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยผ่านกรรมวิธีการผลิตทางอุตสาหกรรม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรม และพิจารณามิให้เป็นอุปสรรคต่อการจัดสร้างระบบรวบรวม หรือระบบบำบัด/กำจัดมลพิษ รวมทั้งการกำหนดพื้นที่การใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่น ๆ ที่เป็นการใช้ประโยชน์ที่ดินรองของการใช้ประโยชน์ที่ดินหลักในแต่ละประเภท เมื่อมีการใช้ประโยชน์ที่ดินในแต่ละบริเวณแล้ว ควรมีการจัดทำฐานข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและเผยแพร่ต่อสาธารณะให้ทราบว่ามีการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่นไปแล้วเท่าใด และใช้ฐานข้อมูลดังกล่าวเป็นฐานในการกำหนดผังเมืองรวมฉบับที่จะมีการปรับปรุงของแต่ละเมืองด้วย นอกจากนี้ กรมโยธาธิการและผังเมืองควรสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำกับดูแล และควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
