ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 73 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 1441 - 1460 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1441 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนจอมบึง จังหวัดราชบุรี พ.ศ. .... | มท | 28/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนจอมบึง จังหวัดราชบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลจอมบึง อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ลุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรม และพิจารณามิให้เป็นอุปสรรคต่อการจัดสร้างระบบรวบรวม หรือระบบบำบัด/กำจัดมลพิษ ควรมีการจัดทำฐานข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและเผยแพร่ต่อสาธารณะให้ทราบว่ามีการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่นไปแล้วเท่าใดและใช้ฐานข้อมูลดังกล่าวเป็นฐานในการกำหนดผังเมืองรวมฉบับที่จะมีการปรับปรุงของแต่ละเมืองด้วย และแผนที่ท้ายกฎกระทรวงฯ ปรากฏว่า มีพื้นที่ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน ๒ ป่า คือ ป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำชี และป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาบิน ในภายหลังหากมีการส่งมอบพื้นที่กลับคืนกรมป่าไม้ ควรกำหนดให้เป็นที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่าไม้ รวมทั้งควรเพิ่มประเภทโรงงาน เช่น โรงงานประเภท ๑๐๑ ปรับคุณภาพของเสียรวม โรงงานประเภท ๑๐๕ โรงงานคัดแยก ฝังกลบสิ่งปฏิกูล โรงงานประเภท ๑๐๖ โรงงานนำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ไม่ใช้แล้วหรือของเสียจากโรงงานมาผลิตเป็นวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์ใหม่โดยผ่านกรรมวิธีการผลิตทางอุตสาหกรรม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุมการวางผังเมืองให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎกระทรวงฯ และเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด โดยควรคำนึงถึงปริมาณต้นทุนและปริมาณการใช้น้ำในพื้นที่ด้วย และควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองพิจารณาสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำกับดูแลและควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการบุกรุกพื้นที่ชนบทและเกษตรกรรม และแหล่งน้ำสาธารณะโดยเฉพาะบริเวณริมอ่างเก็บน้ำบ้านรางม่วง เพื่อรักษาสภาพแวดล้อมของชุมชนให้มีคุณภาพดีอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1442 | รายงานผลการให้บริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2558 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย | กค | 28/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการให้บริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ซึ่งมีผลการขาดทุนจากการให้บริการ จำนวน ๑,๐๓๗.๙๗๕ ล้านบาท และของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งมีผลการขาดทุนจากการให้บริการ จำนวน ๒,๖๒๒.๙๗๓ ล้านบาท และเห็นควรให้ดำเนินการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งวดที่ ๒ ในส่วนของ ขสมก. จำนวน ๑๕๙.๗๗๓ ล้านบาท และ รฟท. จำนวน ๒๕๐.๐๗๕ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้ ขสมก. และ รฟท. รับความเห็นของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการปรับปรุงการให้บริการของ ขสมก. และให้ รฟท. จัดหารถจักร รถพ่วงโดยสาร และขบวนรถไฟให้เพียงพอต่อการให้บริการ พร้อมทั้งเร่งปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน รถจักรและล้อเลื่อน เพื่อให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน และยกระดับคุณภาพการให้บริการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งจัดทำแนวทางการปรับปรุงผลการดำเนินงานการให้บริการสาธารณะสำหรับตัวชี้วัดที่ไม่ผ่านเกณฑ์ค่าเป้าหมาย นอกจากนี้ ให้ ขสมก. และ รฟท. เร่งดำเนินการลงทุนตามที่ได้รับอนุมัติไว้แล้ว รวมถึงการปรับปรุงคุณภาพการให้บริการและควบคุมค่าใช้จ่ายที่ไม่มีประสิทธิภาพเพื่อลดภาระเงินงบประมาณอุดหนุนของภาครัฐ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป และให้คณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับการคำนวณเงินอุดหนุนบริการสาธารณะงวดที่ ๒ ในอนาคต อาจพิจารณามาตรการอื่น ๆ แทนการตัดเงินอุดหนุน หรือกรณีที่ประสงค์จะตัดเงินอุดหนุนต่อไป อาจพิจารณากำหนดเพดานสูงสุดไว้ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อกิจการของ รฟท. ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามและเร่งรัดการดำเนินการประเมินผลและการจัดทำรายงานผลการให้บริการสาธารณะของ ขสมก. และ รฟท. ให้แล้วเสร็จภายใน ๑ ปีถัดจากปีงบประมาณที่ได้รับอนุมัติกรอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ๔. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางประเมินผลการดำเนินงานและการกำกับดูแลการดำเนินงานของ รฟท. ให้มีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับ ขสมก. ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง ขออนุมัติกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่จะครบกำหนดในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ เพิ่มเติม ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1443 | ยุทธศาสตร์การพัฒนาบุคลากรด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ปี พ.ศ. 2560 - 2564 | รง | 28/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบยุทธศาสตร์การพัฒนาบุคลากรด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ปี พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ซึ่งประกอบด้วย ๓ ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ (๑) พัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนให้มีมาตรฐานสู่ความเป็นมืออาชีพ (๒) ปรับระบบบริหารการพัฒนาบุคลากรให้ได้มาตรฐานระดับสากล และ (๓) พัฒนาเครือข่ายและกลไกความร่วมมือพัฒนาบุคลากรโลจิสติกส์และซัพพลายเชน และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามยุทธศาสตร์ดังกล่าวต่อไป ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการพัฒนาเครือข่ายและกลไกความร่วมมือพัฒนาบุคลากรโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ควรขยายเครือข่ายกับองค์กรในประเทศต่าง ๆ เพื่อช่วยพัฒนาบุคลากรของไทย และควรประสานความร่วมมือในด้านต่าง ๆ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ดังกล่าวบรรลุตามเป้าประสงค์ที่กำหนดไว้ รวมทั้งควรมีความชัดเจนเกี่ยวกับปริมาณความต้องการกำลังคนและคุณภาพของบุคลากรด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชน นอกจากนี้ ควรหารือในรายละเอียดเพื่อให้มีการปรับปรุงให้มีความชัดเจนแก่หน่วยงานที่รับผิดชอบ รวมถึงกำหนดตัวชี้วัดหรือค่าเป้าหมายในแต่ละยุทธศาสตร์ ตลอดจนแนวทางในการบูรณาการการดำเนินงานของทุกหน่วยงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายและเป็นไปตามยุทธศาสตร์การพัฒนาบุคลากรด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งเรื่อง ยุทธศาสตร์การพัฒนาบุคลากรด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ปี พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ให้คณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติทราบเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการเตรียมการยุทธศาสตร์ในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1444 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 (การกำหนดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดที่เหมาะสม) | ตช | 28/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ (การกำหนดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดที่เหมาะสม) มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงเกณฑ์ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดที่ให้ถือว่าเมาสุราในขณะขับรถ สำหรับผู้ขับขี่ซึ่งมีอายุไม่ถึง ๒๐ ปีบริบูรณ์ ผู้ขับขี่ซึ่งไม่มีใบอนุญาตขับรถ หรือผู้ขับขี่ซึ่งได้รับใบอนุญาตขับรถชั่วคราว ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1445 | ขอความเห็นชอบในการขอขยายระยะเวลาการทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคลตามพันธกรณีของอนุสัญญาออตตาวา ครั้งที่ 2 | กห | 28/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการยื่นคำขอขยายระยะเวลาการทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคลตามพันธกรณีของอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ สะสม ผลิตและโอน และการทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) ครั้งที่ ๒ ตามพันธกรณีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ไทยเป็นภาคี ออกไปอีก ๕ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ๑.๒ เห็นชอบร่างคำขอขยายระยะเวลาการทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคลตามพันธกรณีของอนุสัญญาออตตาวา ครั้งที่ ๒ ของไทย เพื่อนำส่งผ่านกระทรวงการต่างประเทศไปยังฝ่ายเลขานุการอนุสัญญาฯ ภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐ ทั้งนี้ ตามขั้นตอนการพิจารณาของที่ประชุมรัฐภาคีฯ ซึ่งไทยยังสามารถปรับปรุงร่างคำขอฯ เพิ่มเติมตามข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของฝ่ายเลขานุการอนุสัญญาฯ และคณะกรรมการประจำฯ ที่เกี่ยวข้องก่อนการประชุมรัฐภาคีฯ เพื่อให้สมบูรณ์และครบถ้วนมากขึ้น ดังนั้น หากการปรับปรุงร่างคำขอฯ ดังกล่าวไม่กระทบกับสาระสำคัญที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้ ให้กระทรวงการกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหารือร่วมกันเพื่อปรับปรุงถ้อยคำให้สมบูรณ์เพื่อเสนอที่ประชุมรัฐภาคีฯ พิจารณา และรายงานคณะรัฐมนตรีทราบในโอกาสแรกต่อไป ๑.๓ มอบหมายให้ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และส่วนราชการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติ และแจ้งผลการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการต่างประเทศทราบ เพื่อประโยชน์ในการรายงานต่อฝ่ายเลขานุการอนุสัญญาฯ ต่อไป ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการจัดสรรงบประมาณตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถให้กับศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ เพื่อให้สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลาที่ขอขยาย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1446 | หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต | สธ | 28/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตสามารถเข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุดได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย รวมทั้งจะทำให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับอัตราค่าใช้จ่ายและหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ในกรณีที่ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตมีสิทธิได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถหรือตามกฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิต ให้ใช้สิทธิดังกล่าวก่อน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการประเมินและคาดการณ์ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น และให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบส่งต่อเมื่อพ้นภาวะวิกฤตในกรณีต้องย้ายกลับโรงพยาบาลรัฐ รวมทั้งความเห็นของกระทรวงการคลังในประเด็นการสร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. เห็นชอบให้สถานพยาบาลภาครัฐทุกแห่งปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ฯ และให้สถานพยาบาลภาครัฐรับย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตหลังเวลา ๗๒ ชั่วโมง ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลัง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานประกันสังคม หน่วยงานของรัฐ และกองทุนต่าง ๆ ที่มีวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดบริการด้านการแพทย์หรือสาธารณสุขดำเนินการตามหลักเกณฑ์ฯ และจ่ายค่าใช้จ่ายในอัตราตามบัญชีและอัตราค่าใช้จ่ายแนบท้ายหลักเกณฑ์ฯ โดยให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการเพื่อให้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎ ระเบียบของหน่วยงานหรือกองทุนต่าง ๆ โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้รองรับการจ่ายเงินคืนแก่สถานพยาบาลตามหลักเกณฑ์ฯ ได้ โดยเร็วต่อไป ตามความเห็นของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ๔. หากมีการทบทวนปรับปรุงบัญชีและอัตราค่าใช้จ่าย ตามข้อ ๑๒ ของหลักเกณฑ์ฯ ให้กระทรวงสาธารณสุขนำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้เป็นไปตามนัยมาตรา ๓๖ วรรคห้า แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๕. ในส่วนที่ขอความเห็นชอบให้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติดำเนินการตามหลักเกณฑ์ฯ เพื่อทำหน้าที่บริหารจัดการการแพทย์ฉุกเฉินทั้งระบบเพื่อให้เกิดความร่วมมือในการปฏิบัติงานด้านการแพทย์ฉุกเฉินร่วมกันทั้งภาครัฐและเอกชน นั้น ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขรับไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1447 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าสายลวด และตำบลแม่สอด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก พ.ศ. .... | คค | 21/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าสายลวด และตำบลแม่สอด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอนตามโครงการปรับปรุงขยายท่าอากาศยานแม่สอด ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลกระทบด้านการระบายน้ำภายหลังจากการก่อสร้าง และพิจารณาตรวจสอบผลการศึกษาการปรับปรุงขยายท่าอากาศยานแม่สอดซึ่งจัดทำแล้วเสร็จตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ เพื่อให้การปรับปรุงของท่าอากาศยานดังกล่าวสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1448 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 27 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2559 - 31 ธันวาคม 2559) | นร | 21/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๒๗ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๙-๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ มีผลงานสำคัญโดยสรุป ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น การจัดงานประเพณีกิจกรรมทางศาสนาและกิจกรรมพัฒนาต่าง ๆ และการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน ร้องทุกข์ ๒. การปฏิรูปประเทศ เช่น การปฏิรูปกฎหมายแข่งขันทางการค้า และร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. .... การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. .... การยกร่างแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ๒๐ ปี การยกร่างยุทธศาสตร์การจัดการคุณภาพน้ำของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ การปฏิรูปกฎหมายและระบบบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชน การปฏิรูปการประกันภัยการเกษตร การปฏิรูประบบสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน การปฏิรูประบบงบประมาณและการคลังภาครัฐ เศรษฐกิจผู้สูงวัย การอนุรักษ์พลังงานโดยใช้ข้อบัญญัติเกณฑ์มาตรฐานอาคารด้านพลังงาน (Building Energy Code : BEC) ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ๓.๑ ด้านความมั่นคง เช่น การเชิดชูสถาบันนี้ไว้ด้วยความจงรักภักดีและปกป้องรักษาพระบรมเดชานุภาพ โดยการใช้มาตรการทางกฎหมาย การจัดทำร่างพระราชบัญญัติรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ. .... การประชุมหารือด้านการทหารระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงกลาโหมอินเดีย ครั้งที่ ๕ การฝึกผสม COPE TIGER 2017 การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม การดำเนินงานด้านการป้องกันและการแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา ๓.๒ ด้านสังคมจิตวิทยา เช่น การลดความเหลื่อมล้ำของสังคมกลุ่มคนพิการและผู้ด้อยโอกาส การจัดงานวันคนพิการสากล ประจำปี ๒๕๕๙ การจัดนิทรรศการในงาน Thailand Friendly Design Expo 2016 : มหกรรมอารยสถาปัตย์ และนวัตกรรมสุขภาพเพื่อคนทั้งมวล ครั้งที่ ๑ การมอบสุขภาพดีเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทยทุกคนตรวจสุขภาพฟรี การจัดโปรแกรมตรวจสุขภาพสำหรับกลุ่มผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะฟรี การจัดทำระบบสมุนไพรไทยสำหรับประชาชน Version 1.0 (Mobile Application) ๓.๓ ด้านเศรษฐกิจ เช่น การเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี ๒๕๕๙ โครงการของขวัญปีใหม่ ๒๕๖๐ ให้แก่ประชาชนผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ การจัดทำมาตรฐานการท่องเที่ยวไทยขั้นพื้นฐาน 4Q การขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลตามนโยบายรัฐบาล การเร่งปั้นผู้ประกอบการรายใหม่สู่การเป็นมืออาชีพ การหารือกรอบความร่วมมือด้านการค้า ๓.๔ ด้านการต่างประเทศ เช่น การพัฒนาด่านการค้าชายแดนและโครงข่ายการคมนาคมขนส่งบริเวณประตูการค้าหลักของประเทศ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ไทย-จีน โครงการพัฒนาระบบรางระหว่างไทย-ญี่ปุ่น โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ๒ เส้นทาง ๓.๕ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น การส่งเสริมและการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ การช่วยเหลือประชาชนให้เข้าถึงความเป็นธรรม การป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ และการปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัย ไม่เป็นธรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1449 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ปช | 21/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ช. ได้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการให้ความคุ้มครองสิทธิของผู้ถูกกล่าวหาในเรื่องการใช้สิทธิคัดค้านบุคคลที่จะได้รับการแต่งตั้งและมอบหมายเป็นพนักงานไต่สวน รวมทั้งหลักเกณฑ์การพิจารณามอบหมายให้พนักงานไต่สวนดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงต้องคำนึงถึงความเชี่ยวชาญและความเหมาะสมเป็นหลัก และระเบียบคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่าด้วยการตรวจรับคำกล่าวหา การแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้นำหลักการดังกล่าวมากำหนดไว้ในระเบียบฯ ด้วย สำหรับการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแต่งตั้งพนักงานไต่สวน การแต่งตั้งหัวหน้าพนักงานไต่สวน และการลงนามแทนในหนังสือ สำนักงาน ป.ป.ช. ได้ออกระเบียบที่เกี่ยวข้องประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วบางฉบับ โดยกำหนดให้การปรับปรุงระเบียบและหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือนนับแต่วันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๐ มีผลใช้บังคับ อีกทั้งการเร่งรัดดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนหรือมอบหมายพนักงานไต่สวนให้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง ตั้งแต่วันที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๙ แล้ว และจะต้องดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายใน ๑ ปี นับแต่วันที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ หากไม่แล้วเสร็จจะต้องชี้แจงเหตุผลต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1450 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การปรับปรุงโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา) | กค | 21/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การปรับปรุงโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา) ซึ่งกระทรวงการคลังได้มีการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๔) พ.ศ. ๒๕๖๐ (การปรับปรุงโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา) ทางเว็บไซต์กรมสรรพากรและสื่อต่าง ๆ และจะดำเนินการประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมโดยเฉพาะในช่วงเวลาก่อนยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รวมทั้งได้มีการพิจารณาทบทวนบทบัญญัติของกฎหมายเป็นระยะ ๆ มาโดยตลอด และจะนำข้อเสนอความเป็นไปได้ในการเพิ่มทางเลือกในการหักค่าใช้จ่ายมาพิจารณาศึกษาความเหมาะสมต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1451 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสถานพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สธ | 21/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสถานพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นว่า การดำเนินการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินตามแนวทาง EMCO (Emergency Claim Online) จะได้ดำเนินการปรับปรุงระบบสำรองเตียงในระบบหลักประกันสุขภาพ ระบบประกันสังคม และระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการให้มีความชัดเจน โดยจะบูรณาการร่วมกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานประกันสังคม สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และกรมบัญชีกลาง กำหนดมาตรการในการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินให้มีประสิทธิภาพต่อไป สำหรับการกำหนดอัตราค่าบริการการแพทย์ฉุกเฉิน สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติได้พิจารณาจัดทำอัตราค่าบริการการแพทย์ฉุกเฉินตาม Fee schedule ซึ่งเป็นการกำหนดอัตราค่าบริการการแพทย์ฉุกเฉินให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการรักษาผู้ป่วยฉุกเฉิน เพื่อใช้สำหรับอ้างอิงในการจ่ายค่าบริการทางการแพทย์แบบเรียกเก็บตามรายการที่ให้บริการจริง รวมทั้งได้กำหนดหลักเกณฑ์การประเมินเพื่อคัดแยกระดับความฉุกเฉินของผู้ป่วย เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติเกณฑ์การคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1452 | ร่างพระราชบัญญัติการปฏิบัติการตามความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อความร่วมมือในการปรับปรุงการปฏิบัติตามการภาษีอากรระหว่างประเทศ พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ 20 มีนาคม 2560) | นร | 21/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๐ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการปฏิบัติการตามความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อความร่วมมือในการปรับปรุงการปฏิบัติตามการภาษีอากรระหว่างประเทศ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1453 | (ร่าง) แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 - 2579 | ศธ | 14/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบ (ร่าง) แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙ เพื่อให้คนไทยทุกคนได้รับการศึกษาและเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ ดำรงชีวิตอย่างเป็นสุข สอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการเปลี่ยนแปลงของโลกศตวรรษที่ ๒๑ ประกอบด้วย ๖ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) การจัดการศึกษาเพื่อความมั่นคงของสังคมและประเทศชาติ (๒) การผลิตและพัฒนากำลังคน การวิจัย และนวัตกรรมเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (๓) การพัฒนาศักยภาพคนทุกช่วงวัยและการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ (๔) การสร้างโอกาส ความเสมอภาค และความเท่าเทียมทางการศึกษา (๕) การจัดการศึกษาเพื่อสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ (๖) การพัฒนาประสิทธิภาพของระบบบริหารจัดการศึกษา และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบแนวทางในการพัฒนาการศึกษาในช่วงระยะเวลาดังกล่าวต่อไป ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามแผนฯ และให้ติดตามและประเมินผลเป็นระยะ ๆ เพื่อให้สามารถปรับปรุงแนวทางการดำเนินการตามแผนฯ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี รวมทั้งให้สร้างความเข้าใจให้แก่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องและชัดเจนด้วย ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรส่งเสริมให้มีการพัฒนาหลักสูตรหรือวิชาเกี่ยวกับการสร้างความรู้ความเข้าใจแก่เด็กและเยาวชนให้เรียนรู้เรื่องแหล่งท่องเที่ยว ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี เอกลักษณ์ไทย และส่งเสริมให้มีกิจกรรม เช่น การสร้างมัคคุเทศก์น้อย และการเป็นเจ้าบ้านที่ดี เพื่อรองรับการท่องเที่ยว เป็นต้น การส่งเสริมให้มีหน่วยงานคลังสมองด้านสิ่งแวดล้อมในสถาบันการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยเพื่อทำหน้าที่ผลิตข้อมูลการวิเคราะห์และประเมินผลกระทบด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การปรับปรุงหลักสูตรสะเต็มศึกษา (STEM Education) โดยเพิ่มการเรียนรู้เพื่อสนับสนุนการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุลและยั่งยืน การให้ภาคอุตสาหกรรมและองค์กรวิจัยมีบทบาทในการฝึกทักษะวิจัยและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านให้กับบัณฑิตเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีอย่างเป็นระบบ การกระจายอำนาจให้หน่วยงานสามารถบริหารและตัดสินใจในหลักสูตรของการเรียนการสอนภายใต้ข้อกำหนดของกระทรวงศึกษาธิการ การกำหนดบทบาทให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมจัดทำแผนการศึกษา และขับเคลื่อนแผนสู่การปฏิบัติ การให้ความสำคัญกับการศึกษาอบรม ศีลธรรม จริยธรรม รวมทั้งมีระบบการติดตามประเมินผลแผนงาน/กิจกรรม/โครงการ สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการตามแผนฯ เห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม นอกจากนี้ เห็นควรพิจารณากำหนดจุดเน้นการพัฒนาในระยะต่อไปช่วงละ ๕ ปี ให้ตอบสนองกับบริบทการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งเรื่อง (ร่าง) แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙ ให้คณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติทราบเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการเตรียมการยุทธศาสตร์ในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1454 | ขออนุมัติกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่จะครบกำหนดในปีงบประมาณ 2560 เพิ่มเติม ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | คค | 14/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่จะครบกำหนดในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ เพิ่มเติม จำนวน ๖,๒๐๖.๖๖๐ ล้านบาท (ปรับโครงสร้างหนี้ โดยการไถ่ถอนพันธบัตรและชำระคืนเงินต้นเงินกู้ที่จะครบกำหนด) และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ รวมทั้งพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ในการกู้เงิน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้กระทรวงคมนาคม และ ขสมก. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ขสมก. มีผลการดำเนินงานที่ขาดทุนอย่างต่อเนื่องและการกู้เงินใหม่เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจะส่งผลให้ ขสมก. ไม่สามารถชำระคืนต้นเงินกู้ได้ และมีแนวโน้มเป็นภาระของภาครัฐอย่างชัดเจนในอนาคต โดยให้ ขสมก. เร่งพิจารณาหาแนวทางในการบริหารจัดการหนี้สินคงค้างที่มีจำนวนมาก ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไป ๒. ให้ ขสมก. ปรับปรุงแผนฟื้นฟูกิจการของ ขสมก. โดยให้คำนึงถึงการปฏิรูประบบรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๙ ที่เห็นชอบการยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๒๖ (เรื่อง นโยบายการเดินรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานคร) จากเดิมที่กำหนดหลักการให้ ขสมก. มีหน้าที่กำกับดูแลและเป็นผู้ให้บริการสาธารณะไปพร้อมกัน เป็นแยกหน้าที่การกำกับดูแล (Regulator) ให้กรมการขนส่งทางบก และให้ ขสมก. ดำเนินการในฐานะผู้ประกอบการ (Operator) ร่วมกับเอกชน และให้เสนอการปรับปรุงแผนดังกล่าวให้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพิจารณาตามขั้นตอนต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางการประเมินผลการดำเนินงานและการกำกับดูแลการดำเนินงานของ ขสมก. ให้มีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น เช่น กำหนดให้ตัวชี้วัดการดำเนินงานของ ขสมก. ที่มีผลต่อการประเมินผลงานของผู้บริหาร การประเมินผลตอบแทน และสภาพการจ้าง รวมทั้งเพิ่มความถี่ในการประเมินผลการดำเนินงานจากเดิมรายปี เป็นรายไตรมาส เป็นต้น ๔. ให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะและกระทรวงคมนาคมกำกับดูแลและติดตามการนำเงินกู้ไปใช้จ่ายให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ตามมติคณะรัฐมนตรีและการชำระคืนเงินกู้อย่างใกล้ชิด และให้ ขสมก. ชี้แจงรายละเอียดการใช้จ่ายเงินกู้ต่อสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะทุกครั้งที่มีการนำเงินกู้ไปใช้จ่าย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1455 | ยุทธศาสตร์การจัดการมลพิษ 20 ปี และแผนจัดการมลพิษ พ.ศ. 2560 - 2564 | ทส | 14/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบยุทธศาสตร์การจัดการมลพิษ ๒๐ ปี และแผนจัดการมลพิษ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกัน ลด และควบคุมมลพิษที่มีประสิทธิผล สร้างระบบและกลไกการบริหารจัดการมลพิษที่มีประสิทธิภาพ พัฒนาองค์ความรู้ นวัตกรรม และบุคลากรให้มีศักยภาพในการจัดการมลพิษ รวมทั้งสร้างหุ้นส่วนการมีส่วนร่วมในการจัดการมลพิษ ประกอบด้วย ๓ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) การป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง (๒) เพิ่มประสิทธิภาพในการบำบัด กำจัดของเสียและควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิด และ (๓) การพัฒนาระบบการบริหารจัดการมลพิษ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปี โดยเฉพาะในระยะ ๕ ปีแรก และดำเนินการตามยุทธศาสตร์ฯ และแผนการจัดการดังกล่าวต่อไป ตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ที่เห็นควรมีการปรับปรุงเป้าหมายของยุทธศาสตร์การจัดการมลพิษ ๒๐ ปี ให้สะท้อนภาพอนาคตในระยะ ๒๐ ปี ซึ่งกำหนดว่า “การพัฒนาประเทศเป็นไปตามหลักสังคมคาร์บอนต่ำ (Low Cabon Society) และไร้ของเสีย (Zero Waste)” รวมทั้งควรเพิ่มตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายเพื่อวัดการดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ ๓ เนื่องจากไม่สามารถสะท้อนความก้าวหน้าในการดำเนินงานเพื่อใช้ในการติดตามประเมินผล และในส่วนของแผนจัดการมลพิษ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ หน่วยงานที่รับผิดชอบและทิศทางการดำเนินงานในระยะยาวควรมีความสอดคล้องกับโครงการ/กิจกรรมสำคัญในระยะ ๕ ปี ควรมีการกำหนดหน่วยงานสนับสนุนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมนอกจากหน่วยงานหลักเพื่อความชัดเจนในการดำเนินงานร่วมกัน และควรมีการประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำแผนปฏิบัติการและการดำเนินงานตามแผนจัดการดังกล่าว เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง สำหรับงบประมาณในการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อดำเนินการในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอและมีความจำเป็นเร่งด่วนก็ให้เสนอขอรับการสนับสนุนจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป เห็นควรให้จัดทำข้อเสนองบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์เชื่อมโยงผ่านการจัดทำแผนพัฒนาภาค แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด แผนพัฒนาจังหวัด และแผนปฏิบัติราชการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นให้ครอบคลุมครบถ้วน รวมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แก่ทุกภาคส่วนให้ตระหนักถึงโทษและอันตรายที่เกิดขึ้นจากมลพิษต่าง ๆ หากไม่ดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือและเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการปัญหามลพิษที่เกิดขึ้นในปัจจุบันให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม ๔. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งเรื่อง ยุทธศาสตร์การจัดการมลพิษ ๒๐ ปี และแผนจัดการมลพิษ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ให้คณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติทราบเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการเตรียมการยุทธศาสตร์ในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1456 | โครงการระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา (THEOS-2) | วท | 14/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการดำเนินโครงการระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา (THEOS-2) วงเงิน ๗,๘๐๐ ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรศุลกากร) ระยะเวลาดำเนินการ ๕ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-พ.ศ. ๒๕๖๔) โดยมอบหมายให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (สทอภ.) รับผิดชอบโครงการ THEOS-2 ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ส่วนรายละเอียดค่าใช้จ่ายของโครงการ THEOS-2 ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้ สทอภ. ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ และเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๑,๐๕๙ ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหาระบบดาวเทียมสำรวจพร้อมระบบภาคพื้นดินและระบบแอปพลิเคชันภูมิสารสนเทศ และการก่อสร้างอาคารประกอบและทดสอบดาวเทียม สำหรับการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ICT และงบดำเนินงานบริหารโครงการ เห็นควรให้ สทอภ. จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย สทอภ. ดำเนินการตามมติคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๙ เช่น จัดทำแผนเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงของโครงการการส่งเสริมงานวิจัยและพัฒนาและการสร้างรายได้ เป็นต้น และให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เช่น ให้จัดทำข้อเสนอเกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ICT ให้คณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐพิจารณาให้ความเห็นชอบ เนื่องจากเป็นกรณีการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมูลค่าเกินกว่า ๑๐๐ ล้านบาท และควรขยายขอบข่ายการพัฒนาเทคโนโลยีให้ครอบคลุมในด้านอื่น ๆ ด้วย เช่น ด้านระบบนำทางผ่านระบบสัญญาณเซ็นเซอร์ GPS และด้านสาธารณสุข เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบการลงทุนของโครงการ THEOS-2 จากเดิมที่เป็นการลงทุนของรัฐเพื่อการพัฒนาระบบสำรวจโลกของประเทศผ่านการถ่ายทอดเทคโนโลยีขั้นสูงจากประเทศเจ้าของเทคโนโลยีแบบรัฐต่อรัฐ (Government to Government : G to G) เป็นการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๕๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย สทอภ. ตรวจสอบระเบียบสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๕๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติมด้วยว่าจะต้องดำเนินการประการใดหรือไม่เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามกฎหมาย/ระเบียบที่เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน เช่น พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นต้น และให้ สทอภ. ดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเร่งรัดติดตามการดำเนินโครงการ THEOS-2 ให้เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ต่อไป รวมทั้งติดตามการดำเนินการเพื่อให้บุคลากรของไทยได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาดาวเทียมในการปฏิบัติงานจริงทุกขั้นตอน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาดาวเทียมเป็นของตนเองและพัฒนาบุคลากรในสาขานี้อย่างครบวงจรด้วย ๕. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประสานงานกับส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ รวมทั้งจัดฝึกอบรมในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถนำเทคโนโลยีและข้อมูลต่าง ๆ จากโครงการ THEOS-2 มาใช้ประโยชน์ร่วมกันและเกิดความคุ้มค่าแก่ทางราชการในภาพรวมให้มากที่สุด รวมทั้งให้พิจารณาจัดทำแผนการสร้างรายได้และกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อจำหน่ายภาพถ่ายดาวเทียมให้แก่ประเทศต่าง ๆ ที่ดาวเทียม THEOS-2 โคจรผ่านเพื่อให้มีรายได้กลับมาชดเชยการลงทุนของโครงการ THEOS-2 ได้อย่างต่อเนื่อง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1457 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 14/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการด้านเศรษฐกิจ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเกี่ยวกับการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ได้แก่ ๑.๑ เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาราคามันสำปะหลังตกต่ำเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังที่ได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๑.๒ ส่งเสริมการปลูกมันสำปะหลังที่ให้ผลผลิตที่มีคุณภาพดีขึ้นและมีต้นทุนการผลิตที่ลดลง เช่น การปรับปรุงพันธุ์มันสำปะหลัง การส่งเสริมการทำการเกษตรแปลงใหญ่ ๑.๓ สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง อาจพิจารณาดำเนินการโดยส่งเสริมการปลูกมันชนิดอื่น เช่น มันเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีราคาสูงขึ้น มันฝรั่ง ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดในการนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่น เช่น มันฝรั่งทอดกรอบ เพื่อเพิ่มมูลค่าและลดการนำเข้า ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการเร่งสำรวจเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่สถาบันการศึกษาต่าง ๆ ได้ประดิษฐ์คิดค้นและสามารถนำมาใช้ในกระบวนการผลิตยาจากพืชสมุนไพรทั้งในขั้นต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยให้รวบรวมข้อมูลทั้งหมด แล้วส่งให้กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทยพิจารณาเพื่อสร้างการรับรู้และให้มีการใช้ประโยชน์จากเครื่องมือและอุปกรณ์ดังกล่าวอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ให้พิจารณานำกลไกประชารัฐมาส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป ๓. ให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพัฒนาเส้นทางการคมนาคมขนส่งเพื่อรองรับการค้าการลงทุนของภูมิภาค โดยเฉพาะโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก โดยการเชื่อมโยงเส้นทางจากกรุงเทพมหานครไปสู่นิคมอุตสาหกรรม ในจังหวัดปราจีนบุรีและจังหวัดใกล้เคียง ท่าเรือแหลมฉบัง และประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ด้วย ๔. ให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาการนำรถยนต์ส่วนบุคคลมาให้บริการรับจ้างขนส่งประชาชนผ่านแอปพลิเคชันให้มีการดำเนินการที่ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องทั้งในด้านยานพาหนะและผู้ขับขี่ ทั้งนี้ โดยให้คำนึงถึงการพัฒนาการให้บริการและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการรถยนต์รับจ้างสาธารณะที่มีอยู่ในปัจจุบันด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1458 | การปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติธนาคารออมสิน พ.ศ. 2489 และที่แก้ไขเพิ่มเติม [ร่างพระราชบัญญัติธนาคารออมสิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | กค | 14/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๐ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติธนาคารออมสิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1459 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดลำปาง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดลำปาง พ.ศ. 2556) | มท | 14/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดลำปาง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดลำปาง พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยแก้ไขเพิ่มเติมข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในที่ดินประเภทชุมชน และที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม และยกเลิกบัญชีท้ายกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดลำปาง พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ และพิจารณามิให้เป็นอุปสรรคต่อการจัดสร้างระบบรวบรวม หรือระบบบำบัด/กำจัดมลพิษ และการกำหนดคำนิยามของคำว่า “การใช้ที่ดินที่เกี่ยวข้องกับนันทนาการ” และ “การใช้ที่ดินที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรรม” ที่ระบุไว้ในการใช้ที่ดินแต่ละประเภทให้ชัดเจน รวมทั้งการกำหนดพื้นที่การใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่น ๆ ที่เป็นการใช้ประโยชน์ที่ดินรองของการใช้ประโยชน์ที่ดินหลักในแต่ละประเภท เมื่อมีการใช้ประโยชน์ที่ดินในแต่ละบริเวณแล้ว ควรมีการจัดทำฐานข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและเผยแพร่ต่อสาธารณะให้ทราบว่ามีการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่นไปแล้วเท่าใด และใช้ฐานข้อมูลดังกล่าวเป็นฐานในการกำหนดผังเมืองรวมฉบับที่จะมีการปรับปรุงของแต่ละเมืองด้วย นอกจากนี้ กรมโยธาธิการและผังเมืองควรกำกับดูแลเจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ควบคุม บังคับและอนุญาตการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามผังเมืองรวมอย่างเข้มงวด โดยเฉพาอย่างยิ่งในพื้นที่เว้นว่างและพื้นที่กันชน เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมชุมชนให้เหมาะสมเป็นไปตามผังเมืองรวม และสามารถเอื้ออำนวยต่อการอยู่อาศัยของประชาชนอย่างมีคุณภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1460 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอและการออกใบอนุญาตขับรถ และการขอต่ออายุและการอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาตขับรถ พ.ศ. .... | คค | 14/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอและการออกใบอนุญาตขับรถและการขอต่ออายุ และการอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาตขับรถ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอและการออกใบอนุญาตขับรถ และการขอต่ออายุและการอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาตขับรถให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในกรณีที่เขตพื้นที่จังหวัดไม่มีโรงเรียนการขนส่งทางบกหรือโรงเรียนสอนขับรถของเอกชน หรือโรงเรียนดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ห่างไกล และกรณีโรคประจำตัว โดยเฉพาะโรคลมชัก ผู้มีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง ควรกำหนดเงื่อนไขให้รัดกุม โดยอาจมีการตรวจเพื่อขอการรับรองทุกปี และกำหนดชื่อของโรคที่ต้องห้ามในการขับขี่เพื่อความปลอดภัยเช่นเดียวกับการกำหนดชื่อของโรคติดต่อที่น่ารังเกียจ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
