ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 78 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 1541 - 1560 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1541 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 23 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2558 - 31 สิงหาคม 2559) | นร | 22/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๒๓ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๘-๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๙) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) เสนอ มีผลงานสำคัญโดยสรุป ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น การจัดงานประเพณี กิจกรรมทางศาสนา และกิจกรรมพัฒนาต่าง ๆ รวมทั้งการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน ร้องทุกข์ ๒. การปฏิรูปประเทศ กขร. ได้ติดตามขับเคลื่อนความคืบหน้าการดำเนินการตามประเด็นปฏิรูป โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงศึกษาธิการได้รายงานผลการดำเนินงานตามข้อเสนอประเด็นปฏิรูปที่นายกรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้วในเรื่องที่เกี่ยวกับด้านการท่องเที่ยวและการศึกษา เช่น การพัฒนาด้านการท่องเที่ยว การพัฒนาครู : กรณีการแก้ปัญหาวิกฤตผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) มีแนวโน้มลดต่ำลง และการบริหารจัดการศึกษาโรงเรียนขนาดเล็ก ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ๓.๑ ด้านความมั่นคง เช่น การใช้มาตรการทางกฎหมายและมาตรการทางระบบสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศในการดำเนินการและเฝ้าระวังเว็บไซต์ที่เข้าข่ายละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ การจัดบรรยายสรุปเกี่ยวกับผลการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญแก่คณะทูต ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ และหอการค้าต่างประเทศในไทย ๓.๒ ด้านสังคมจิตวิทยา เช่น การจัดหาที่ดินทำกินโดยการมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าชายเลน จังหวัดนครศรีธรรมราช โครงการเผยแพร่ป่าไม้อย่างยั่งยืนเพื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน การมอบขาเทียมคนพิการทั่วไทย โครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและการพัฒนาท้องถิ่น โดยมีสถาบันอุดมศึกษาเป็นพี่เลี้ยง และการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายประเทศไทย ๔.๐ ด้านวัฒนธรรม ๓.๓ ด้านเศรษฐกิจ เช่น โครงการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อรวบรวมยาง มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจของ SMEs (มาตรการพี่ช่วยน้อง) และมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในชนบท การเปิดเดินขบวนรถโดยสารรุ่นใหม่เที่ยวปฐมฤกษ์ เส้นทางกรุงเทพ-นครปฐม และการจัดงานมหกรรม Startup Thailand & Digital Thailand ภูมิภาค ๒๐๑๖ ใน ๓ ภูมิภาค ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ ขอนแก่น และภูเก็ต ๓.๔ ด้านการต่างประเทศ เช่น การเข้าร่วมการประชุม Blue Ocean Conference ของนายกรัฐมนตรีเพื่อส่งเสริมบทบาทของไทยในเวทีระหว่างประเทศ และการจัดเวที MFA CEO Forum ครั้งที่ ๕ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการไทย ๓.๕ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น การจัดกิจกรรม TICA Connect ครั้งที่ ๑ การให้บริการการชำระค่าปรับโดยวิธีการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์บัตรเครดิต หรือวิธีการอื่น โดยผ่านธนาคาร หรือหน่วยบริการชำระเงิน การขายทอดตลาด ณ คลองผดุงกรุงเกษม การจัดงานกระทรวงแรงงานรวมพลังต้านทุจริต และการปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัย ไม่เป็นธรรม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1542 | สรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง ข้อเสนอแนะนโยบายการคุ้มครองสิทธิที่จะมีชีวิตอย่างปลอดภัยบนท้องถนน | มท | 22/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง ข้อเสนอแนะนโยบายการคุ้มครองสิทธิที่จะมีชีวิตอย่างปลอดภัยบนท้องถนนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนได้จัดซื้อเครื่องตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ จำนวน ๒,๙๓๐ เครื่อง เพื่อสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ และได้มีมติเห็นชอบข้อเสนอแนวทางการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน รวมทั้งให้นำนโยบาย “ประชารัฐ” เป็นแนวทางในการสร้างความตระหนักจิตสำนึกและวัฒนธรรมความปลอดภัยให้กับประชาชน และมีการจัดเก็บข้อมูลสถิติอุบัติเหตุทางถนน โดยบูรณาการข้อมูลอุบัติเหตุทางถนน ๓ ฐาน ตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1543 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 22 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย - มาเลเซีย - ไทย (IMT - GT) | นร11 | 22/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๒๒ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) และการแก้ไขแถลงการณ์ร่วม ซึ่งการประชุมจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๑-๒๓ กันยายน ๒๕๕๙ ณ จังหวัดพังงา โดยมีความก้าวหน้าในการดำเนินการเกี่ยวกับ (๑) การจัดทำวิสัยทัศน์ระยะยาว (๒๐ ปี) และแผนดำเนินงานระยะ ๕ ปี แผนที่ ๓ ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๔ (๒) ความร่วมมือกับสภาธุรกิจ IMT-GT (๓) เครือข่ายมหาวิทยาลัย IMT-GT UNINET (๔) โครงสร้างพื้นฐาน (๕) โครงการสำคัญอื่น ๆ และ (๕) ความร่วมมือกับธนาคารพัฒนาเอเชีย และสำนักเลขาธิการอาเซียน ทั้งนี้ ในส่วนของการแก้ไขแถลงการณ์ร่วมได้มีการปรับปรุงประเด็นเพิ่มเติมเล็กน้อยจากร่างแถลงการณ์ร่วมที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๙ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง เพื่อเพิ่มความชัดเจนของแถลงการณ์ และส่งผลให้การประสานงานทั้งในระดับปฏิบัติและในระดับนโยบายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมฯ ต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และในคราวต่อไปให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจัดทำตารางมอบหมายภารกิจเฉพาะกรณีที่มีประเด็นภารกิจใหม่ โครงการใหม่ หรือระบุหน่วยงานที่รับผิดชอบเพิ่มเติม ๒. ให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญกับการดำเนินการตามแผนงานพัฒนาตามกรอบความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น แผนงาน IMT-GT และแผนงาน GMS รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณานำแผนงาน/โครงการดังกล่าวมาประกอบการวางแผนพัฒนาโครงการภายในประเทศ โดยเฉพาะด้านโครงสร้างพื้นฐานให้มีความสอดคล้องเชื่อมโยงกันด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1544 | ผลการประชุมรัฐมนตรีความมั่นคงอาหารเอเปค ครั้งที่ 4 | กษ | 22/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีความมั่นคงอาหารเอเปค ครั้งที่ ๔ ระหว่างวันที่ ๒๖-๒๗ กันยายน ๒๕๕๙ ณ เมืองเพียวร่า สาธารณรัฐเปรู ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมฯ ได้รับรองปฏิญญาเพียวร่าว่าด้วยความมั่นคงอาหารเอเปค ในระหว่างการประชุมฯ เพื่อเป็นแนวทางการดำเนินงานและความร่วมมือในการส่งเสริมความมั่นคงระหว่างสมาชิกเอเปค โดยไม่มีข้อผูกพันทางกฎหมาย มีสาระสำคัญประกอบด้วย ๗ หัวข้อหลัก คือ (๑) ความท้าทายและโอกาสสำหรับความมั่นคงอาหารในภูมิภาค (๒) ตลาดอาหารในภูมิภาคและการค้า (๓) ความยั่งยืนสำหรับระบบอาหารที่มีความยืดหยุ่นปรับตัวได้ (๔) นวัตกรรมและเทคโนโลยี (๕) การพัฒนาชนบทและเขตเมือง (๖) โครงสร้างพื้นฐาน การลงทุน และการบริการเพื่อความมั่นคงอาหาร และ (๗) การเข้าสู่ระบบอาหารในปี ค.ศ. ๒๐๒๐ โดยไม่มีการปรับปรุงแก้ไขปฏิญญาฯ ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญหรือมีนัยสำคัญที่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ๒. รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ) ในฐานะผู้แทนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้กล่าวถ้อยแถลงในหัวข้อ “การพัฒนาชนบทและเขตเมือง (Rural-Urban Development)” เพื่อแสดงแนวทางการดำเนินงานความมั่นคงอาหารของประเทศไทยที่ได้น้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในการวางแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเป็นแนวทางที่มีความยั่งยืน คำนึงถึงชุมชน ทรัพยากรธรรมชาติ และเป็นการจัดการความเสี่ยงให้กับเกษตรกร รวมถึงการดำเนินโครงการต่าง ๆ ผ่านโครงการประชารัฐในการพัฒนา การเกษตรอย่างยั่งยืน ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อยกระดับการผลิตและการค้าสินค้าเกษตรของไทยในระยะยาว ๓. ประเทศสมาชิกเอเปค ได้แก่ จีน รัสเซีย แคนาดา สหรัฐอเมริกา ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ได้กล่าวถ้อยแถลงที่สำคัญเพื่อส่งเสริมความมั่นคงอาหาร
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1545 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 22/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านความมั่นคง ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดทำแผนการดำเนินการด้านการปฏิรูปกิจการตำรวจ โดยให้ครอบคลุม ๖ ประเด็น ได้แก่ (๑) การปฏิรูปเชิงโครงสร้าง เช่น การถ่ายโอนภารกิจ เป็นต้น (๒) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เช่น การสรรหาและระบบการฝึกอบรม ค่าตอบแทน และสวัสดิการเพื่อดำรงชีพอย่างมีศักดิ์ศรี การปรับปรุงการบริหารงานบุคคลและเส้นทางการเจริญเติบโต เป็นต้น (๓) การปฏิรูประบบงานสอบสวนและการบังคับใช้กฎหมาย (๔) การนำระบบเทคโนโลยีดิจิทัลมาสนับสนุนงานด้านการรักษาความปลอดภัย (๕) การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน เช่น การร่วมเป็นอาสาสมัคร เป็นต้น และ (๖) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร ทั้งนี้ ให้นำเสนอแผนดังกล่าวต่อรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) พิจารณาก่อนนำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงมหาดไทยจัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำและแผนการระบายน้ำ โดยให้รายงานต่อคณะรัฐมนตรีภายใน ๒ สัปดาห์ นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงมหาดไทยเร่งรัดการดำเนินการดังกล่าวให้แล้วเสร็จและเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน ๒.๒ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และนายวิษณุ เครืองาม) กระทรวงมหาดไทย สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดประชุมชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับแนวทางการสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ (Local Economy) เพื่อยกระดับอาชีพ รายได้ และคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกภูมิภาค โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาในมิติเชิงพื้นที่ (Area based) เป็นหลัก เพื่อให้การดำเนินการสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ และสามารถนำศักยภาพของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดมาสนับสนุนการดำเนินการได้อย่างเต็มที่ ๒.๓ ให้ทุกส่วนราชการพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินการให้ข้าราชการในสังกัดทุกระดับทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลอย่างถูกต้อง ชัดเจน และสามารถนำนโยบายไปขับเคลื่อนได้อย่างเป็นรูปธรรมและเกิดผลสัมฤทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องประเทศไทย ๔.๐ และเศรษฐกิจดิจิทัล รวมทั้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอดำเนินการส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบได้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้มากขึ้นด้วย ๒.๔ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ และ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๙ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดดำเนินการนำระบบตั๋วร่วม (e-ticket) มาใช้ในการเชื่อมการเดินทางของประชาชนที่สัญจรโดยเรือโดยสาร รถไฟฟ้า และรถประจำทาง และให้คำนึงถึงการให้บริการแก่ผู้มีรายได้น้อยให้สามารถเข้าถึงระบบบริการขนส่งสาธารณะ นั้น ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว โดยหารือร่วมกับกระทรวงการคลังเพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถใช้ประโยชน์จากตั๋วร่วมในการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างแท้จริง ๒.๕ ให้กระทรวงพาณิชย์กำกับดูแลราคาสินค้าเพื่อมิให้มีผู้แสวงหาโอกาสจากการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของรัฐบาล ในปี ๒๕๖๐ ในการขึ้นราคาสินค้าและบริการอย่างไม่เป็นธรรม ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ร่วมกับกระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางและมาตรการในการอำนวยความสะดวกและจูงใจให้คนต่างชาติที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ในสาขาวิชาชีพต่าง ๆ ให้เข้ามาทำงานในประเทศไทยให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาที่มีความขาดแคลน เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ รวมทั้งเป็นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของไทยให้รองรับการดำเนินนโยบายสำคัญของรัฐบาล เช่น การขับเคลื่อนประเทศไทย ๔.๐ เศรษฐกิจดิจิทัล และการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical Hub) ทั้งนี้ ต้องไม่กระทบต่อการประกอบอาชีพของแรงงานไทยในวิชาชีพที่เกี่ยวข้องด้วย ๓.๒ ให้ทุกส่วนราชการจัดให้มีกิจกรรมการออกกำลังกายทุกวันพุธ ระหว่างเวลา ๑๕.๓๐ น. ถึง ๑๖.๓๐ น. เพื่อสร้างเสริมให้ข้าราชการมีสุขภาพพลานามัยที่ดี รวมทั้งจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีการออกกำลังกายหรือกิจกรรมทางกายมากขึ้นด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1546 | ขอแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2559 เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อการสนับสนุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย พ.ศ. .... | กค | 15/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ตัดข้อความในมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อการสนับสนุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย พ.ศ. .... ในส่วนที่ให้รับความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะพิเศษ ออก ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งยืนยันมติคณะรัฐมนตรีเรื่องดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อการสนับสนุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ในระยะแรกสำหรับการดำเนินการด้านธุรการและสนับสนุนการปฏิบัติงานของคณะกรรมการกองทุนเพื่อการสนับสนุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย ให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ส่วนในระยะต่อไป ในการจัดตั้งสำนักงานกองทุนเพื่อการสนับสนุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย ให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (๑๙ ธันวาคม ๒๕๔๙) (เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ) และให้พิจารณาดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1547 | ร่างกฎกระทรวงการสร้าง การตั้ง การรวม การย้าย การยุบเลิกวัด การขอรับพระราชทานวิสุงคามสีมา และการยกวัดร้างขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา พ.ศ. .... | พศ | 15/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการสร้าง การตั้ง การรวม การย้าย การยุบเลิกวัด การขอรับพระราชทานวิสุงคามสีมา และการยกวัดร้างขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการสร้าง การตั้ง การรวม การย้าย การยุบเลิกวัด การขอรับพระราชทานวิสุงคามสีมา และการยกวัดร้างขึ้นเป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1548 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกระติกน้ำร้อนไฟฟ้า คุณลักษณะที่ต้องการด้านความปลอดภัยต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 08/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกระติกน้ำร้อนไฟฟ้า คุณลักษณะที่ต้องการด้านความปลอดภัยต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกระติกน้ำร้อนไฟฟ้า คุณลักษณะที่ต้องการด้านความปลอดภัยต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูลให้กับผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์ให้ผู้บริโภคสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัย และให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1549 | รายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี 2559 และการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ 23 | กค | 08/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี ๒๕๕๙ ระหว่างวันที่ ๖-๙ ตุลาคม ๒๕๕๙ ณ สหรัฐอเมริกา รวมทั้งการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ ๒๓ ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๙ ณ สาธารณรัฐเปรู โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. การประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี ๒๕๕๙ ที่ประชุมได้เน้นความสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมีส่วนร่วมและการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์เพื่อขจัดความยากจนและลดความเสี่ยงที่ประชาชนจะกลับไปสู่ความยากจนอีกครั้งจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ๒. การประชุมร่วมของประเทศสมาชิกกลุ่มออกเสียงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) สภาวะเศรษฐกิจโลกอยู่ในสภาวะชะลอตัว ที่ประชุมแนะนำให้มีการใช้เครื่องมือนโยบายทางการเงินและนโยบายทางการคลังเพื่อกระตุ้นภาคอุปสงค์และลดความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก (๒) การดำเนินตามกรอบ Environment and Social Framework ซึ่งจะขยายการคุ้มครองคนและสิ่งแวดล้อมในโครงการที่ได้รับการสนับสนุนโดยธนาคารโลก โดยคาดว่าจะบังคับใช้ได้ในปี ๒๕๖๑ และ (๓) การหารือการเพิ่มทุนสมาคมพัฒนาการระหว่างประเทศ ครั้งที่ ๑๘ โดยสมาคมฯ จะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการระดมทุนให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการเงินทุนที่เพิ่มขึ้นมากเพื่อให้สามารถรองรับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในปี ค.ศ. ๒๐๓๐ ๓. การประชุมคณะกรรมการพัฒนาการของธนาคารโลก ครั้งที่ ๙๔ มีการหารือเกี่ยวกับ (๑) การสนับสนุนวิสัยทัศน์ของธนาคารโลกเพื่อรองรับการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในปี ค.ศ. ๒๐๓๐ ขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ และ (๒) การสนับสนุนข้อเสนอการคำนวณการถือหุ้นของประเทศสมาชิกในการเพิ่มทุนของธนาคารโลกเพื่อสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายของธนาคารโลกในการขจัดความยากจน ๔. การประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย (๑) การประชุมร่วมระหว่างผู้ว่าการธนาคารโลกและผู้ว่าการกองทุนการเงินระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียน โดยที่ประชุมมีข้อสังเกตว่า ไทยจำเป็นต้องเร่งรัดการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การส่งเสริมนวัตกรรม และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และ (๒) การประชุมหารือทวิภาคีกับรองประธานธนาคารโลกประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของรายงาน Systemic Country Diagnostic จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถกำหนดมาตรการพัฒนาเศรษฐกิจที่มีความยั่งยืน และได้กล่าวถึงความต้องการของประเทศไทยในการเพิ่มอันดับของประเทศในรายงาน Doing Business รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของภาคการเกษตรของไทย และความเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (CLMV) และ (๓) การประชุมหารือทวิภาคีกับสถาบันการเงินต่างประเทศ โดยสถาบันการเงินฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง ระบบการเงินและตลาดตราสารหนี้มีความเข้มแข็ง ส่งผลให้ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่น่าลงทุน ๕. การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ ๒๓ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) สถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินของโลกยังคงเผชิญความท้าทายต่าง ๆ สมาชิกเอเปคจะต้องร่วมมือกันเพื่อเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคควบคู่ไปกับการรักษาความยั่งยืนทางการคลัง (๒) เห็นชอบแนวทางการปรับปรุงกรอบการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค และเห็นชอบแผนกลยุทธ์การดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเซบู และ (๓) หารือประเด็นที่สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการเซบู ได้แก่ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานโดยเน้นการเชื่อมโยงศูนย์รวมข้อมูลความรู้การร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน การสนับสนุนการเข้าถึงบริการทางการเงินให้ประชาชนทุกภาคส่วน และการบริหารความเสี่ยงจากภัยพิบัติของประเทศสมาชิกผ่านการสนับสนุนให้มีการทำประกันภัย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1550 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อการสนับสนุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย พ.ศ. .... | กค | 08/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อการสนับสนุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการจัดตั้งกองทุนเพื่อการสนับสนุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย เพื่อคุ้มครองการจ่ายผลตอบแทนให้แก่ผู้มีสิทธิที่จะได้รับความคุ้มครองของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ ธนาคารแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะพิเศษ อาทิ การดำเนินการด้านธุรการและสนับสนุนการปฏิบัติงานของคณะกรรมการกองทุนเพื่อการสนับสนุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย ในระยะแรกอาจกำหนดให้สำนักนโยบายและแผนรัฐวิสาหกิจของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นส่วนราชการที่รับผิดชอบงานด้านการเสนอแนะนโยบาย จัดทำแผนยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องกับนโยบาย แผนพัฒนารัฐวิสาหกิจ และการประมวลผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจในภาพรวมของกระทรวงการคลังรับผิดชอบงานดังกล่าวโดยไม่จำเป็นต้องจัดตั้งส่วนราชการขึ้นใหม่ รวมทั้งประเด็นเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนเพื่อการสนับสนุนฯ และแหล่งเงินได้ของกองทุนเพื่อการสนับสนุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ในระยะแรกสำหรับการดำเนินการด้านธุรการและสนับสนุนการปฏิบัติงานของคณะกรรมการกองทุนเพื่อการสนับสนุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย ให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ส่วนในระยะต่อไป ในการจัดตั้งสำนักงานกองทุนเพื่อการสนับสนุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย ให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (๑๙ ธันวาคม ๒๕๔๙) (เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ) และให้พิจารณาดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการต่อไป รวมทั้งให้กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยรับความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะพิเศษ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงการคลังเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1551 | รายงานผลการปรับปรุงงบลงทุนระหว่างปีของรัฐวิสาหกิจ ประจำปี 2559 ไตรมาส 3 (เมษายน - มิถุนายน 2559) | นร11 | 08/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการปรับปรุงงบลงทุนระหว่างปีของรัฐวิสาหกิจ ประจำปี ๒๕๕๙ ไตรมาส ๓ (เมษายน-มิถุนายน ๒๕๕๙) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ดังนี้ ๑.๑ กรอบการลงทุนประจำปี ๒๕๕๙ ณ ไตรมาส ๓ มีการปรับปรุงกรอบการลงทุนของรัฐวิสาหกิจช่วงไตรมาส ๓ ส่งผลให้วงเงินเบิกจ่ายลงทุนในภาพรวมลดลงสุทธิ ๙๙,๘๔๔ ล้านบาท โดยรัฐวิสาหกิจที่ปรับลดวงเงินเบิกจ่ายที่สำคัญ เช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และการไฟฟ้านครหลวง ทำให้กรอบการเบิกจ่ายลงทุนประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ เปลี่ยนแปลงไปเป็น ๔๒๗,๙๙๙ ล้านบาท (ลดลง ๑๐๕,๑๖๘ ล้านบาท) ๑.๒ เป้าหมายการเบิกจ่ายลงทุนประจำปี ๒๕๕๙ ไตรมาส ๓ ตั้งเป้าเบิกจ่ายงบลงทุนรวม ๙๓,๖๖๙ ล้านบาท หรือร้อยละ ๒๑.๙ จากเป้าหมายทั้งปี คือ ๔๒๗,๙๙๙ ล้านบาท โดยสามารถเบิกจ่ายได้ ๕๖,๗๑๗ ล้านบาท หรือร้อยละ ๖๐.๖ จากเป้าหมาย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการว่า หากรัฐวิสาหกิจใดไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ตามเป้าหมายจะถูกยกเลิกการสนับสนุนงบประมาณ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณตรวจสอบรายละเอียดและเหตุผลของรัฐวิสาหกิจที่เบิกจ่ายลงทุนต่ำกว่าเป้าหมายแล้วรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1552 | ขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารที่จะมีการรับรองและลงนามระหว่างการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ 22 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | คค | 08/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารที่จะมีการรับรองและลงนามระหว่างการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ ๒๒ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๗-๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ จำนวน ๘ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างกรอบงานความร่วมมือสำหรับประกาศนียบัตรแสดงความรู้ความสามารถของการเดินเรือใกล้ฝั่งที่ออกโดยประเทศสมาชิกอาเซียน (๒) ร่างกรอบแนวทางการดำเนินงานระบบจราจรและขนส่งอัจฉริยะอาเซียน ๒.๐ (๓) ร่างแผนยุทธศาสตร์ความร่วมมือด้านการขนส่งอาเซียน-จีน (๔) ร่างยุทธศาสตร์การพัฒนาความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์การขนส่งอาเซียน-จีน (๕) ร่างแผนปฏิบัติการอาเซียน-ญี่ปุ่นด้านการปรับปรุงสิ่งแวดล้อมภาคการขนส่งฉบับใหม่ (๖) ร่างวิสัยทัศน์และแผนปฏิบัติการโลจิสติกส์สีเขียว (๗) ร่างแผนปฏิบัติการภูมิภาคว่าด้วยความปลอดภัยท่าเรือ และ (๘) ร่างกรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งผู้โดยสารข้ามพรมแดนโดยยานพาหนะทางถนน ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารในข้อ (๑)-(๗) ๑.๓ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมลงนามในเอกสารข้อ (๘) และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินการตามมาตรา ๒๓ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ การพิจารณาถึงแนวโน้มและความต้องการขนส่งสินค้าข้ามแดนระหว่างผู้ประกอบการไทยกับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน เพื่อเป็นข้อมูลในการเจรจากำหนดท่าทีของประเทศไทยภายใต้ความร่วมมือด้านการขนส่งระหว่างประเทศในภูมิภาคที่ชัดเจน และการกำหนดมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารจากต่างประเทศ พร้อมทั้งเปิดให้บริการศูนย์ข้อมูลเผยแพร่ข้อมูลสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ภายใต้กรอบความร่วมมือด้านการขนส่งระหว่างประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถใช้เป็นข้อมูลในการกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดและการเตรียมความพร้อมในการดำเนินธุรกิจที่เหมาะสม การพิจารณากำหนดท่าทีความร่วมมือด้านการพัฒนาระบบรางกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้ประเทศไทยสามารถเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าในอนุภูมิภาค โดยเฉพาะการเร่งกำหนดมาตรฐานของระบบรางเพื่อใช้ในการพัฒนาระบบรางในประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งเร่งกำหนดแผนพัฒนาและฝึกอบรมบุคลากรระบบราง เพื่อให้การพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องสามารถตอบสนองยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบรางให้เป็นโครงข่ายหลักของประเทศ และสามารถต่อยอดไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางได้ในอนาคต ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไป ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารที่จะมีการรับรองและลงนามระหว่างการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ ๒๒ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๔. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1553 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 01/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยกรณีเร่งรัดให้ดำเนินการปรับเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเป็นระบบช่วงเงินเดือน และแก้ไขกฎหมายว่าด้วยเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษานั้น กระทรวงศึกษาอยู่ระหว่างปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ส่วนกรณีการเยียวยาให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาให้ได้รับเงินเดือนเท่าเทียมข้าราชการครู กระทรวงการคลังและสำนักงาน ก.พ. เห็นว่าควรให้คณะกรรมการพิจารณาโครงสร้างหน่วยงานและระบบค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐพิจารณาทบทวนการปรับปรุงค่าตอบแทนทั้งระบบให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกัน เพื่อไม่สร้างภาระงบประมาณ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1554 | รายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปีที่ 2 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2558 - 12 กันยายน 2559) | นร04 | 01/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปีที่ ๒ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๘-๑๒ กันยายน ๒๕๕๙) และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ ดังนี้
๑. ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดทุกกระทรวงรับไปพิจารณารายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปีที่ ๒ (๑๒ กันยายน ๒๕๕๘-๑๒ กันยายน ๒๕๕๙) อีกครั้งหนึ่ง และส่งการปรับปรุงแก้ไขให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาดำเนินการภายในวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจัดพิมพ์รายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปีที่ ๒ (๑๒ กันยายน ๒๕๕๘-๑๒ กันยายน ๒๕๕๙) เพื่อเผยแพร่และนำเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศแปลบทสรุปสำหรับผู้บริหารเป็นฉบับภาษาอังกฤษเพื่อเผยแพร่ในต่างประเทศ ๔. ให้สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จัดพิมพ์บทสรุปสำหรับผู้บริหารฉบับภาษาอังกฤษ เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ และจัดทำรูปแบบการกำหนดที่ง่ายต่อการสื่อสารและสร้างความเข้าใจ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1555 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การปรับปรุงโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา) (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 01/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การปรับปรุงโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา) ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1556 | การขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในเรื่องความคืบหน้างานปฏิรูปการศึกษา | นร04 | 25/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบการขับเคลื่อนเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเรื่อง ความคืบหน้างานปฏิรูปการศึกษา และความเห็นของคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) ตามที่ กขร. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ แผนปฏิรูปเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาความล่าช้าการบริหารงานบุคคลของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... อยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้ไขร่างพระราชบัญญัติฯ ให้สอดคล้องกับคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๐/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๙ เรื่อง การขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการในภูมิภาค ๑.๒ การปฏิรูประบบการเรียนรู้เพื่อสร้างคนไทยให้เป็นพลเมืองดี วินัยเด่น : คนดี มีวินัย ภูมิใจในชาติ มีความรับผิดชอบต่อครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ เช่น การจัดการเรียนการสอนด้วยเทคนิคการเรียนรู้แบบเน้นกระบวนการคิดและการแก้ไขปัญหาจากสถานการณ์โดยการจัดตั้งศูนย์ STEMS จำนวน ๑๓ ศูนย์ โดยมีมหาวิทยาลัยเป็นพี่เลี้ยง และในปี ๒๕๖๐ จะขยายเพิ่มเขตการศึกษาละ ๑๐ โรงเรียน เห็นควรให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปพิจารณากำหนดหลักการเหล่านี้ไว้ในร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ด้วย ๑.๓ การจัดการศึกษาตลอดชีวิตและร่างพระราชบัญญัติการศึกษาตลอดชีวิต พ.ศ. .... ได้ให้ความสำคัญกับการให้การศึกษาก่อนวัยเรียนและการศึกษาอย่างทั่วถึงครอบคลุมประชากรทุกกลุ่มและทุกวัย โดยการจัดการศึกษาแบบการเรียนรู้ตามสถานการณ์จำลองหรือการเผชิญกับปัญหา เห็นควรให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณายกร่างพระราชบัญญัติการศึกษาตลอดชีวิต พ.ศ. .... โดยให้รับความเห็นของคณะกรรมการประสานงานรวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) เช่น เรื่องความซ้ำซ้อนระหว่างบทบาทของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาตลอดชีวิตกับหน่วยงานที่มีหน้าที่คาบเกี่ยว เช่น สพฐ. ไปพิจารณาประกอบด้วย ๑.๔ แผนปฏิรูปเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการประกันคุณภาพการศึกษาภายในและการประเมินคุณภาพการศึกษาภายนอก ควรสร้างความเข้าใจแก่บุคลากรทางการศึกษาทุกภาคส่วนในเรื่องการประเมินคุณภาพภายนอกและการประกันคุณภาพแนวใหม่ รวมทั้งให้ความสำคัญแก่การประเมินที่มุ่งเน้นคุณภาพมาตรฐานที่ดีอย่างแท้จริงของสถานศึกษา โดยให้มีข้อแนะนำเพื่อนำไปสู่การปรับปรุงให้ได้มาตรฐานและคุณภาพที่ดียิ่งขึ้นต่อไป ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการและสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) รับความเห็นของ กขร. ในส่วนที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาประกอบการดำเนินการ และรายงานความคืบหน้าให้ กขร. ทราบด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1557 | สรุปผลการพิจารณารายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิชุมชนและสิทธิในการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกรณีกล่าวอ้างว่าร่างพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. .... กระทบต่อสิทธิมนุษยชน | อก | 25/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณารายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิชุมชนและสิทธิในการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกรณีกล่าวอ้างว่าร่างพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. .... กระทบต่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยมีบางประเด็นที่ประชุมเห็นควรให้คงไว้ตามร่างเดิม เช่น การกำหนดให้ทรัพยากรแร่เป็นของรัฐหรือชุมชน ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาในการตีความ การกำหนดพื้นที่สงวนหวงห้ามหรือพื้นที่อนุรักษ์ตามกฎหมายเฉพาะให้เป็นพื้นที่ต้องห้ามทำเหมืองแร่ไว้ในร่างกฎหมายอย่างชัดเจน ซึ่งอาจเกิดปัญหาในทางปฏิบัติและการบังคับใช้กฎหมาย หากภายในอนาคตมีการกำหนดพื้นที่เพิ่มเติมนอกเหนือจากพื้นที่ที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชิาติเสนอ ทั้งนี้ บางประเด็นกระทรวงอุตสาหกรรมจะรับไปปรับปรุงแก้ไขให้รอบคอบและรัดกุมยิ่งขึ้น เช่น การกำหนดหลักเกณฑ์การแบ่งประเภทแร่ เป็นต้น ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1558 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 20 ครั้งที่ 21 และครั้งที่ 22 | นร | 25/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๒๐ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๘-๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙) ครั้งที่ ๒๑ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๘-๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๙) และครั้งที่ ๒๒ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๘-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๙) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) เสนอ มีผลงานสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น การชี้แจงและจัดกิจกรรมผ่านศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูประดับจังหวัด/อำเภอ/ท้องถิ่น รวมทั้งคณะกรรมการหมู่บ้านและแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน ร้องทุกข์ โดยล่าสุดถึงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๙ มีผู้เข้ารับบริการศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศ ๒,๘๓๗,๙๔๖ เรื่อง แก้ไขแล้วเสร็จ ๒,๗๕๑,๖๑๗ เรื่อง ร้อยละ ๙๖.๙๖ ๒. การปฏิรูปประเทศ คณะกรรมการประสานงานรวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) ได้พิจารณาประเด็นข้อเสนอการปฏิรูป รวม ๒๔ เรื่อง เช่น การปฏิรูปเศรษฐกิจดิจิทัล ธนาคารที่ดินและร่างพระราชบัญญัติธนาคารที่ดิน พ.ศ. .... การจัดการศึกษาตลอดชีวิตและร่างพระราชบัญญัติการศึกษาตลอดชีวิต พ.ศ. .... และการขับเคลื่อนการปฏิรูประบบวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการวิจัยเพื่อนวัตกรรม ทั้งนี้ กขร. ได้มีการติดตามขับเคลื่อนความคืบหน้าการดำเนินการตามประเด็นปฏิรูป เช่น การอนุรักษ์พลังงานโดยใช้ข้อบัญญัติเกณฑ์มาตรฐานอาคารด้านพลังงาน ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ๓.๑ ด้านความมั่นคง เช่น การจัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ การปฏิรูประบบข่าวกรอง การต่อต้านการก่อการร้าย และการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ๓.๒ ด้านสังคมจิตวิทยา เช่น การมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาตามหลักมนุษยธรรมแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง ปี ๒๕๕๖-๒๕๕๗ การลงนามความร่วมมือด้านแรงงานระหว่างไทย-เมียนมา และการเปิดจองพื้นที่เขาหัวโล้นเนื้อที่กว่า ๑๓,๐๐๐ ไร่ ให้ผู้สนใจจองปลูกป่า ๓.๓ ด้านเศรษฐกิจ เดือนกรกฎาคม ๒๕๕๙ ในภาพรวมมีผลการเบิกจ่ายจริงร้อยละ ๘๒.๙๓ สูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดร้อยละ ๒.๘๕ การส่งเสริมภาคเศรษฐกิจดิจิทัลและวางรากฐานของเศรษฐกิจดิจิทัล การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจฐานราก และการส่งเสริมการค้าการลงทุนและเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการไทย ๓.๔ ด้านการต่างประเทศ เช่น การสนับสนุนให้ปี ๒๕๖๐ เป็นปีแห่งความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวอาเซียน-จีน ซึ่งตั้งเป้าหมายให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางระหว่างอาเซียนกับจีน ๓๐ ล้านคน ภายในปี ๒๕๖๓ การเข้าร่วมการประชุมระหว่างประเทศ เช่น การประชุมสุดยอดเอเชีย-ยุโรป และการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา ๓.๕ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น โครงการตรวจสารพันธุกรรมแก่ราษฎรไร้สถานะและประสบปัญหาทางทะเบียนราษฎร์ การช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา และการปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัย ไม่เป็นธรรม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1559 | กรอบการเจรจาและลงนามในปฏิญญาร่วมของการประชุมอัยการสูงสุดจีน - อาเซียน ครั้งที่ 10 | อส | 25/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาร่วมของการประชุมอัยการสูงสุดจีน-อาเซียน ครั้งที่ ๑๐ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการส่งเสริมและสนับสนุนความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้ายาเสพติดและการค้ามนุษย์ โดยมุ่งเน้นในเรื่องต่าง ๆ เช่น การนำตัวผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมข้ามชาติมาลงโทษตามกฎหมาย การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานอัยการอย่างซื่อสัตย์และแข็งขันภายใต้กรอบกฎหมายภายในของแต่ละประเทศและอนุสัญญาสหประชาชาติเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติที่จัดตั้งในลักษณะองค์กร การปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวกับการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ การแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับอาชญากรรมข้ามชาติอย่างทันท่วงที โดยจะมีการลงนามในร่างปฏิญญาร่วมฯ ในการประชุมอัยการสูงสุดจีน-อาเซียน ครั้งที่ ๑๐ ระหว่างวันที่ ๙-๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ณ นครเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และมอบหมายให้สำนักงานอัยการสูงสุดเป็นผู้เจรจาร่างปฏิญญาร่วมฯ ภายในกรอบที่สอดคล้องกับกฎหมายภายใน โดยมีอัยการสูงสุดหรือรองอัยการสูงสุดผู้ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในปฏิญญาร่วมฯ ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างปฏิญญาร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานอัยการสูงสุดดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1560 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | นร07 | 25/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมต่ำกว่า ๕๐๐ ล้านบาท จำนวน ๑,๒๗๘ รายการ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๕๐๐ ล้านบาทขึ้นไป แต่ไม่เกิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท จำนวน ๕๑ รายการ และที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๔๖ รายการ โดยเป็นงบประมาณรายจ่ายของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๔๐,๓๘๘.๘ ล้านบาท จากวงเงินภาระผูกพันรวมทั้งสิ้นจำนวน ๒๓๑,๒๕๕.๙ ล้านบาท สำหรับรายการก่อหนี้ผูกพันรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๔๖ รายการ เห็นสมควรให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น เจ้าของเรื่องพิจารณาและนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบอีกครั้งหนึ่งก่อนดำเนินการต่อไป ๑.๒ อนุมัติให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นที่ไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามข้อ ๑.๓ และข้อ ๑.๖ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง) สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามที่เสนอได้ ๑.๓ รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่เสนอในครั้งนี้ หากเป็นรายการที่จะต้องจ่ายในรูปของเงินตราต่างประเทศ เช่น รายการค่าเช่าบ้าน ค่าเช่าอาคารสำนักงาน และค่าเช่าทรัพย์สินในต่างประเทศ ฯลฯ ให้สำนักงบประมาณสามารถพิจารณาอนุมัติวงเงินผูกพันที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้รับอนุมัติเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยน ในกรณีที่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ๆ นั้น สามารถปรับแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง ๑.๔ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นเร่งรัดดำเนินการให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยเฉพาะรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับดูแลและเร่งรัดการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนฯ และมีการติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
