ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 79 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 1561 - 1580 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1561 | ร่างพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กษ | 18/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาร่วมกับร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย พ.ศ. .... โดยให้เป็นไปตามหลักนิติธรรม ธรรมาภิบาล และนโยบายของรัฐบาล และให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐที่เห็นควรมีมาตรการหรือหลักเกณฑ์ในการตรวจสอบการได้มาของที่ดินที่จะนำไปปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมอย่างละเอียดรอบคอบ และกำหนดเรื่องการเปลี่ยนมือการถือครองที่ดินเพื่อแก้ไขการเปลี่ยนมือไปสู่กลุ่มทุนและการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในรูปแบบแปลงรวมให้มีความชัดเจน รวมทั้งควรพิจารณาการบริหารจัดการพื้นที่ปฏิรูปที่ไม่เหมาะสมต่อการประกอบเกษตรกรรมให้รอบคอบ และเพิ่มเติมข้อความในมาตรา ๒๙/๑ (ร่างมาตรา ๗) เป็น “ในกรณีมีผู้ประสงค์จะขายที่ดินเพื่อเกษตรกรรมซึ่งมิได้อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน และอยู่นอกเขตที่ดินของรัฐ ให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมมีอำนาจจัดซื้อที่ดินนั้น เพื่อนำมาดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ได้ และให้ถือเสมือนว่าเป็นที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน โดยไม่ต้องดำเนินการกำหนดเขตที่ดินนั้นให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดินตามมาตรา ๒๕” และไม่ขัดข้องหากเป็นที่ดินที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมได้มาโดยการจัดซื้อ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการวางแผนและลำดับความสำคัญในการดำเนินงานโดยเฉพาะในระยะเร่งด่วนที่ต้องเร่งดำเนินการในรัฐบาลปัจจุบัน ให้ความสำคัญกับการเร่งนำคืนที่ดินที่ถูกนำไปใช้อย่างไม่ถูกต้อง เร่งปรับปรุงและพัฒนาที่ดินที่มีอยู่และที่ได้รับคืนมาเพื่อจัดสรรให้กับเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกิน การจัดหาที่ดินที่อยู่นอกเขตปฏิรูปที่ดินควรพิจารณาตามความจำเป็นเฉพาะในพื้นที่ที่มีศักยภาพทางการเกษตรและมีราคาที่เป็นธรรม โดยในการดำเนินงานควรต้องยึดพระราชบัญญัติฯ กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เป็นกรอบแนวทางปฏิบัติอย่างเคร่งครัดและมีความต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1562 | ร่างพระราชบัญญัติสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... | ยธ | 18/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับเปลี่ยนสถานภาพสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) จากเดิมซึ่งจัดตั้งตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๔ มาเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐซึ่งจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติเฉพาะ เพื่อรองรับภารกิจด้านวิชาการเกี่ยวกับการป้องกันอาชญากรรมและกระบวนการยุติธรรมทางอาญาและระบบงานยุติธรรมที่เพิ่มขึ้นจากการที่สถาบันฯ ได้รับรองสถานะเป็นสถาบันในเครือข่ายแผนงานสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรม และความยุติธรรมทางอาญา ของสำนักงานสหประชาชาติว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรม (The United Nations Office on Drugs and Crime : UNODC) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการเสนอร่างกฎหมาย) ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๙ (เรื่อง การดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองและแผนการเสนอกฎหมายลำดับรอง และการเร่งรัดดำเนินการเสนอกฎหมาย หรือปรับปรุงกฎหมายสำคัญ) และให้กระทรวงยุติธรรมเร่งรัดการเสนอแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติฯ ตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1563 | การปรับปรุงค่าตอบแทน ระบบแรงจูงใจ และสวัสดิการต่างๆ ของรัฐวิสาหกิจในภาพรวม | นร | 18/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดค่าตอบแทน ระบบแรงจูงใจ และสวัสดิการต่าง ๆ ของรัฐวิสาหกิจในภาพรวม โดยคำนึงถึงสถานะทางการเงินของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งและให้เทียบเคียงกับหน่วยงานของรัฐทั้งระบบด้วย และให้นำเสนอคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ ในระหว่างที่กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการดำเนินการดังกล่าว หากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้รับเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการขอปรับปรุงค่าตอบแทน ระบบแรงจูงใจ และสวัสดิการต่าง ๆ ของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งเรื่องให้กระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1564 | รายงานผลการพัฒนาระบบคำนวณราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการด้วยอิเล็กทรอนิกส์ | กค | 11/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพัฒนาระบบคำนวณราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการด้วยอิเล็กทรอนิกส์ และการทบทวนและปรับปรุงหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้าง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การพัฒนาระบบคำนวณราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการด้วยอิเล็กทรอนิกส์ กำหนดให้ผู้มีหน้าที่คำนวณราคากลางต้องถอดแบบก่อสร้างให้ได้รายการและปริมาณงานเพื่อนำเข้าไปคำนวณราคากลางในระบบ จากนั้นระบบจะเชื่อมโยงข้อมูลราคาวัสดุก่อสร้างจากกระทรวงพาณิชย์ และข้อมูลรายละเอียดประกอบการคำนวณราคากลางงานก่อสร้าง เช่น ค่าแรงงานจากบัญชีค่าแรงงาน ค่าดำเนินการจากตารางค่า Operating Cost และค่าขนส่งจากตารางค่าขนส่งวัสดุก่อสร้าง มาใช้ในการคำนวณ ส่วนงานก่อสร้างที่ต้องคำนวณค่างานต้นทุนต่อหน่วย (Unit Cost) ระบบจะประมวลผลโดยใช้สูตรที่กำหนดไว้แล้วในระบบมาคำนวณค่างานต้นทุนต่อหน่วยตามที่หลักเกณฑ์กำหนดให้โดยอัตโนมัติ และเมื่อรวมค่างานต้นทุนทั้งโครงการก่อสร้างแล้ว ระบบจะประมวลและนำค่า Factor F มาคำนวณเป็นราคากลางงานก่อสร้างของโครงการนั้น ๆ และเมื่อคำนวณได้ราคากลางเรียบร้อยแล้ว ระบบจะส่งข้อมูลราคากลางและรายงานการคำนวณราคากลางไปยังระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (e-GP) เพื่อดำเนินการจัดจ้างก่อสร้างต่อไป โดยจะใช้นำร่องกับ ๔ หน่วยงาน ได้แก่ กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และกรมชลประทาน ในวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ สำหรับส่วนราชการอื่น ๆ จะเริ่มใช้งานตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป ๒. การปรับปรุงหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้างตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๕ กระทรวงการคลังได้กำหนดให้หน่วยงานที่จะมีการจัดจ้างก่อสร้างต้องประกาศเปิดเผยข้อมูลราคากลางทางเว็บไซต์ของหน่วยงาน และเว็บไซต์การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐของกรมบัญชีกลาง (www.gprocurement.go.th) รวมทั้งได้ทบทวนและปรับปรุงข้อกำหนดต่าง ๆ ได้แก่ บัญชีค่าแรงงาน ข้อกำหนดเกี่ยวกับราคาและแหล่งวัสดุก่อสร้าง อัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับใช้เป็นเกณฑ์ในการคำนวณค่าดอกเบี้ย ปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายพิเศษ ค่าใช้จ่ายอื่นที่จำเป็น และโครงสร้างค่าใช้จ่าย รวมถึงได้จัดทำตาราง Factor F เพื่อให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานก่อสร้างที่เป็นปัจจุบัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1565 | การขยายระยะเวลาการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) | ยธ | 11/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการขยายกรอบระยะเวลาในการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map) จากเดิมคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในวันที่ ๕ กันยายน ๒๕๕๙ เป็นวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ เนื่องจากการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐดังกล่าวยังคงเหลือการดำเนินการในอีก ๓ ขั้นตอน ซึ่งแต่ละขั้นตอนจะต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษาวิเคราะห์ รวบรวมข้อมูล จัดทำและจัดพิมพ์เอกสารที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ตามที่คณะกรรมการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map) เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1566 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การมหาชน รวม 4 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ) (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ) | ทส | 11/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการ แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ โดยให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้อำนวยการ เจ้าหน้าที่ และลูกจ้างขององค์การ เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรปรับแก้ไขข้อความในร่างพระราชกฤษฎีกาเกี่ยวกับการบัญชีเพื่อให้มีความชัดเจนในการเลือกใช้มาตรฐานการบัญชี ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นจากการดำเนินงานดังกล่าว เห็นควรให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ หรือเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1567 | ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กห | 11/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงบัญชีอัตราเงินประจำตำแหน่งประเภทวิชาการในสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาสังกัดกระทรวงกลาโหม และกำหนดเพิ่มบัญชีอัตราเงินประจำตำแหน่งประเภทวิทยฐานะ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้แก้ไขบัญชีอัตราเงินประจำตำแหน่งข้าราชการทหาร ๕. ประเภทวิทยฐานะ ท้ายพระราชบัญญัติฯ ให้สอดคล้องกับบัญชีอัตราเงินวิทยฐานะสำหรับตำแหน่งครูที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการได้รับเงินประจำตำแหน่งประเภทวิชาการและประเภทวิทยฐานะเพื่อให้เป็นไปตามร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรเพิ่มบทบัญญัติในการกำหนดตำแหน่ง การแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง และการให้ได้รับเงินประจำตำแหน่งทางวิชาการของข้าราชการทหารในสถาบันการศึกษาสังกัดกระทรวงกลาโหมให้มีมาตรฐานที่เทียบเคียงได้ไม่ต่ำกว่ามาตรฐานที่คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษากำหนด และควรเพิ่มบทบาทให้ข้าราชการทหารที่ทำหน้าที่สอนในสถาบันการศึกษาระดับต่ำกว่าอุดมศึกษา หรือหน่วยงานที่จัดการเรียนการสอนวิชาเฉพาะสาขาหรือวิชาเฉพาะทางตามความต้องการของกองทัพ ผู้ที่จะได้รับเงินประจำตำแหน่งประเภทวิทยฐานะ ต้องมีใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อให้การได้รับเงินประจำตำแหน่งประเภทวิทยฐานะของข้าราชการครูผู้ทำหน้าที่สอนมีมาตรฐานเดียวกัน หรือใกล้เคียงกับทุกกระทรวง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้ร่างพระราชกฤษฎีกานี้มีผลใช้บังคับไม่ก่อนวันที่ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีผลใช้บังคับ ๓. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ การกำหนดระเบียบ หรือหลักเกณฑ์และวิธีการในการเบิกจ่ายเงินวิทยฐานะสำหรับผู้มีสิทธิได้รับเงินวิทยฐานะให้ชัดเจนและสอดคล้องกับกฎหมายการเบิกจ่ายเงินวิทยฐานะและเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สำหรับภาระงบประมาณที่จะเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มอัตราเงินประจำตำแหน่งประเภทวิทยฐานะของข้าราชการทหารที่ทำการสอนในสถาบันการศึกษาสังกัดกระทรวงกลาโหมระดับต่ำกว่าอุดมศึกษา ซึ่งไม่ได้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับไว้ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบบุคลากรของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงกลาโหมที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป นอกจากนี้ ควรพิจารณาวางแผนกำหนดกรอบอัตรากำลังของตำแหน่งดังกล่าวเพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายในด้านบุคลากรไม่ให้เพิ่มสูงขึ้น และให้ความสำคัญกับการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการและการกำหนดมาตรฐานวิทยฐานะและหลักเกณฑ์วิธีการในการประเมินวิทยฐานะ ให้เหมาะสม เป็นธรรม มีมาตรฐาน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1568 | แผนการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบ | อก | 11/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔ โดยกำหนดแผนงาน เป้าหมาย กิจกรรมการดำเนินการ และระยะเวลาดำเนินการตามแผนฯ ประกอบด้วย ๕ แผนงาน ได้แก่ (๑) การปรับปรุงพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย รวมทั้งกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ครอบคลุมการนำอ้อยไปผลิตเป็นเอทานอลและผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องอื่น ๆ ได้ (๒) การเพิ่มผลิตภาพอ้อยและน้ำตาลทราย (๓) การกำหนดมาตรฐานน้ำตาลทรายต้นทุนมาตรฐานการผลิตอ้อยและน้ำตาลทราย (๔) การรักษาเสถียรภาพกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย (๕) การจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาอ้อยและน้ำตาลทรายและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งรัดการดำเนินการให้เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดและเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย โดยหากเรื่องใดมีความจำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ให้กระทรวงอุตสาหกรรมนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ การกำหนดต้นทุนมาตรฐานเอทานอลและผลิตภัณฑ์จากอ้อยอื่น ๆ เพื่อรองรับการแบ่งปันผลประโยชน์ และการจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาอ้อยและน้ำตาลทราย และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมจัดทำแนวทาง/แผนปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนแผนการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมฯ รวมทั้งเร่งหาข้อสรุปและความเป็นไปได้ในการปรับปรุงพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ และให้สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายเร่งศึกษาและหาข้อยุติในการกำหนดต้นทุนการผลิตมาตรฐานของอ้อย น้ำตาลทรายและอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่น อีกทั้งให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายให้ความสำคัญในการรักษาเสถียรภาพของราคาอ้อยและน้ำตาลทราย โดยพิจารณาแนวทางการจัดเก็บรายได้ของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายให้เพียงพอกับการชำระหนี้ของกองทุนฯ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ทั้งให้มีการประสานและทำงานร่วมกันกับหน่วยงานที่ให้เงินทุนสนับสนุนการวิจัยของประเทศในการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและอุตสาหกรรมต่อเนื่องทั้งระบบ นอกจากนี้ ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองและกระทรวงอุตสาหกรรมเร่งหาข้อยุติเกี่ยวกับที่ตั้งโรงงานน้ำตาลโดยเร็ว โดยคำนึงถึงความถูกต้อง เหมาะสม และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายก่อนเป็นอันดับแรก ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. การปรับปรุงพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อตกลงทางการค้าภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) นั้น ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการป้องกัน แก้ไข หรือเยียวยาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นแก่ชาวไร่อ้อย โรงงานน้ำตาล ผู้บริโภค รวมทั้งกิจการอื่นที่อาจได้รับผลกระทบด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1569 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ครั้งที่ 1/2559 | กษ | 11/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๙ ซึ่งมีมติเกี่ยวกับ (๑) การขยายระยะเวลาโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง และโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง (๒) การทบทวนเงื่อนไขการกำหนดราคาขายยางโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง และ (๓) การปรับปรุงองค์ประกอบ กนย. ตามที่ กนย. เสนอ ๒. เห็นชอบการขยายระยะเวลาโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง และโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐ และยกเว้นค่าธรรมเนียมในการค้ำประกันเงินกู้ โดยให้กระทรวงการคลังขยายระยะเวลาค้ำประกันเงินกู้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ออกไปตามระยะเวลาการขยายชำระเงินกู้ให้ ธ.ก.ส. พร้อมชดเชยต้นทุนเงินในอัตราดอกเบี้ย FDR+1 ตามที่ กนย. เสนอ ๓. รับทราบการทบทวนเงื่อนไขการกำหนดราคาขายยางโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง โดยปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการกำหนดราคาขายยาง จากเดิมกำหนดให้ขายในราคาไม่ต่ำกว่า ๖๐ บาท/กิโลกรัม (ยางแผ่นรมควันชั้น ๓) เป็นขายในราคาตลาด การระบายยางในช่วงเวลาที่เหมาะสม ๔. เห็นชอบการปรับปรุงองค์ประกอบ กนย. จาก “กรรมการและผู้จัดการตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย” เป็น “กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)” ตามที่ กนย. เสนอ ๕. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การยางแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการขยายระยะเวลาโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง และโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายางนั้น การยางแห่งประเทศไทยควรมีการบริหารจัดการสต็อกยางให้บรรลุผลตามที่ กนย. ได้วางไว้ และชำระคืนเงินกู้ให้ทันตามเวลาที่กำหนดไว้คือ วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐ โดยไม่ควรขยายระยะเวลาชำระคืนเงินกู้อีก และให้การยางแห่งประเทศไทยเร่งคัดแยกคุณภาพของยางพาราที่จัดเก็บไว้ และนำออกจำหน่ายให้ได้ราคาดีที่สุดสำหรับยางพาราในระดับคุณภาพนั้น ๆ โดยเร็ว เพื่อป้องกันความเสียหายและเสื่อมสภาพที่อาจเกิดกับยางที่จัดเก็บในโกดังทั่วประเทศมากขึ้นตามระยะเวลาที่ล่วงเลยไป และจำหน่ายยางในสต็อกออกให้หมดภายในกำหนดระยะเวลาโครงการที่ขออนุมัติขยายในครั้งนี้ รวมถึงมีการตรวจสอบตัวเลขสต็อกยางอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมข้อมูลเพื่อดำเนินการปิดบัญชีทั้ง ๒ โครงการ ตามระยะเวลาที่กำหนด และรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบเป็นระยะ ๆ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1570 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 11/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๖ จากเดิมที่มีคณะกรรมการฯ จำนวน ๓๐ คน เป็นให้มีจำนวน ๔๐ คน ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1571 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 11/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านความมั่นคง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) กำกับให้กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดที่มีแรงงานต่างด้าวอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น ระนอง สมุทรสาคร เป็นต้น โดยอาจพิจารณาจัด Zoning พื้นที่ที่พักอาศัย รวมทั้งสวัสดิการต่าง ๆ ตามความเหมาะสมและจำเป็นต่อไป ๒. ด้านเศรษฐกิจ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพิจารณาความเชื่อมโยงในการดำเนินการตามภารกิจของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้านการวิจัยและพัฒนาสินค้าเกษตร เช่น สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ สถาบันส่งเสริมสินค้าเกษตรนวัตกรรม โดยให้มีการบูรณาการ มิให้มีความซ้ำซ้อนกัน เพื่อให้มีการวิจัยและพัฒนาสินค้าเกษตรทั้งระบบตั้งแต่เมล็ดพันธุ์ การแปรรูปสินค้าเกษตรเชิงพาณิชย์ สินค้าเกษตรนวัตกรรม ที่เป็นรูปธรรมและสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างแท้จริง อันจะทำให้การพัฒนาสินค้าเกษตรเกิดประสิทธิภาพและเป็นไปอย่างยั่งยืนต่อไป ๓. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมพิจารณาจัดทำกฎหมายเพื่อกำหนดมาตรการในการดูแลช่วยเหลือ ส่งเสริมและสนับสนุนศิลปินแห่งชาติ ซึ่งเป็นปูชนียบุคคลผู้ซึ่งสร้างสรรค์ผลงานอันทรงคุณค่าของแผ่นดินไทย นั้น ให้กระทรวงวัฒนธรรมเร่งรัดดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวโดยด่วน ๔. ด้านสังคม ๔.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณากำหนดมาตรการหรือหลักเกณฑ์ในการดูแลช่วยเหลือนักกีฬาอาชีพที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยโดยให้ครอบคลุมถึงอดีตนักกีฬาและนักกีฬาคนพิการ โดยคำนึงถึงความเหมาะสม เป็นธรรม และความเท่าเทียมกันเป็นสำคัญ นั้น ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเร่งรัดดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวโดยด่วน ๔.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดระเบียบการทำประมงน้ำจืดและน้ำเค็ม ทั้งนี้ อาจพิจารณาดำเนินการในลักษณะเดียวกับการจัดรูปที่ดิน โดยจัดทำเป็นแผนระยะสั้นและระยะยาวเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น การบุกรุกพื้นที่เพื่อทำการประมง การนำน้ำทะเลเข้ามาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่ตอนในซึ่งทำให้เกิดปัญหาดินเสื่อมสภาพ เป็นต้น ๔.๓ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการตรวจสอบและหาสาเหตุการตายของปลาในแม่น้ำแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม โดยเฉพาะปลากระเบนราหูน้ำจืด ซึ่งถือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง รวมทั้งตรวจสอบโรงงานที่มีการปล่อยน้ำเสียซึ่งอาจเป็นสาเหตุหลักของปัญหาดังกล่าวด้วย ๕. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๕.๑ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมร่วมดำเนินการทั้งในด้านกฎ ระเบียบ และระบบพื้นฐานสนับสนุน (platform) ที่จะรองรับให้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ เช่น ระบบ e-Payment ระบบ Fin Tech มีความพร้อมในการดำเนินการเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้ประเทศไทยเข้าสู่ประเทศไทย ๔.๐ ต่อไป ๕.๒ ให้กระทรวงกลาโหมร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาการปรับปรุงหอประชุมกองทัพเรือ ถนนอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร เพื่อใช้เป็นสถานที่จัดการประชุม ระดับนานาชาติ โดยให้จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นให้เหมาะสมและเพียงพอต่อการใช้งาน เช่น สถานที่พักรับรอง สุขาเคลื่อนที่ โดยอาจประสานความร่วมมือจากภาคเอกชนเพื่อสนับสนุนการดำเนินการที่เกี่ยวข้องด้วย ๕.๓ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๘ [เรื่อง (ร่าง) ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ และแผนปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๕๙] ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนในชุมชนที่อาศัยในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวหรือพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อให้ได้รับประโยชน์ โดยมีรายได้และอาชีพจากการท่องเที่ยวด้วย นั้น ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับกระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป ๕.๔ ให้กระทรวงแรงงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดให้มีการลงทะเบียนผู้ที่ไม่มีงานทำ และนิสิต นักศึกษาที่ต้องการหารายได้เสริม โดยจัดกลุ่มตามความสามารถและทักษะในการประกอบอาชีพประเภทต่าง ๆ เช่น บุคคลที่มีความสามารถในการสื่อสารภาษาต่างประเทศ อาจคัดเลือกให้เป็นมัคคุเทศก์ หรือตัวแทนสำหรับแนะนำสินค้าและผลิตภัณฑ์ให้แก่ชาวต่างชาติในงานออกร้านจำหน่ายสินค้า เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1572 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การมหาชน รวม 4 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน )(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....) | รง | 11/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการ แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ โดยให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้อำนวยการ เจ้าหน้าที่ และลูกจ้างขององค์การ เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรปรับแก้ไขข้อความในร่างพระราชกฤษฎีกาเกี่ยวกับการบัญชีเพื่อให้มีความชัดเจนในการเลือกใช้มาตรฐานการบัญชี ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1573 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การมหาชน รวม 4 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ...) | ศธ | 11/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการ แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ โดยให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้อำนวยการ เจ้าหน้าที่ และลูกจ้างขององค์การ เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรปรับแก้ไขข้อความในร่างพระราชกฤษฎีกาเกี่ยวกับการบัญชีเพื่อให้มีความชัดเจนในการเลือกใช้มาตรฐานการบัญชี ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1574 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การมหาชน รวม 4 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....) | ศธ | 11/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการ แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ โดยให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้อำนวยการ เจ้าหน้าที่ และลูกจ้างขององค์การ เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรปรับแก้ไขข้อความในร่างพระราชกฤษฎีกาเกี่ยวกับการบัญชีเพื่อให้มีความชัดเจนในการเลือกใช้มาตรฐานการบัญชี ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1575 | ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์เกี่ยวกับมาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ รวม 3 ฉบับ | รง | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์เกี่ยวกับมาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ รวม ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๑ ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง ยกเลิกประกาศคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ค่าทำศพกรณีตาย อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน ค่าช่วยเหลือบุตรและค่าช่วยเหลือการศึกษาของบุตร ๑.๒ ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง หลักเกณฑ์การจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ค่าทำศพกรณีตาย อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน ๑.๓ ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง หลักเกณฑ์การจ่ายค่าช่วยเหลือบุตรและค่าช่วยเหลือการศึกษาของบุตร ๒. ให้รับข้อสังเกตของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ค่าทำศพกรณีตาย อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน ซึ่งในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขมีการยกเลิกแล้ว ได้แก่ กฎกระทรวงว่าด้วยลักษณะของสถานพยาบาลและลักษณะการให้บริการของสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๕ และใช้กฎกระทรวงลักษณะของสถานพยาบาลและลักษณะการให้บริการของสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นฉบับปัจจุบัน รวมถึงพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑ ได้มีแก้ไขเพิ่มเติมเรื่อง “สถานพยาบาล” ตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๗ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่ารัฐวิสาหกิจควรกำหนดแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานเพื่อเพิ่มรายได้ชดเชยกับรายจ่ายที่จะเพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงอัตราค่าใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ค่าทำศพกรณีตายอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน ตลอดจนการจ่ายค่าช่วยเหลือบุตร และค่าช่วยเหลือการศึกษาบุตรดังกล่าว เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจที่มีผลประกอบการขาดทุน ให้สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่เป็นภาระทางการเงินต่อไปในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1576 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... | นร09 | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการและอำนาจหน้าที่ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ให้สอดคล้องกับภารกิจและเหมาะสมกับสภาพงาน อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามอำนาจหน้าที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้นายกรัฐมนตรีลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1577 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 59/2559 เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 8 และการปรับปรุงการบริหารงานบุคคลในบางหน่วยงานของรัฐ | สลธ.คสช. | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๕๙/๒๕๕๙ เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ ๘ และการปรับปรุงการบริหารงานบุคคลในบางหน่วยงานของรัฐ สั่ง ณ วันที่ ๒๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1578 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้กระบวนการช่วยเหลือ ส่งเสริมและสนับสนุนครอบคลุมถึงวิสาหกิจภาคการเกษตร กำหนดลักษณะของ SMEs โดยเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การพิจารณาเรื่องรายได้ และแก้ไขเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับการโอนย้ายสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรเพิ่มเติมหลักเกณฑ์เกี่ยวกับวาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของประธานกรรมการบริหารสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้ครบถ้วนชัดเจน เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและสร้างความเชื่อมั่นให้กับสาธารณชน รวมทั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการกำหนดลักษณะอื่นของ SMEs และองค์ประกอบคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการเพิ่มจำนวนรายได้เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา SMEs ควรมีการกำหนดจำนวนรายได้ให้สอดคล้องกับนิยามของ SMEs ที่กรมสรรพากรกำหนดไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1579 | โครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 9 ของการประปานครหลวง | มท | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้การประปานครหลวง (กปน.) ดำเนินงานโครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ ๙ วงเงินลงทุนรวม ๔๒,๗๕๐ ล้านบาท โดยใช้เงินรายได้ของ กปน. จำนวน ๑๙,๗๕๐ ล้านบาท และเงินกู้ในประเทศ จำนวน ๒๓,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๒ ให้ กปน. กู้เงินในประเทศ ภายในกรอบวงเงิน ๒๓,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อเป็นเงินลงทุนของโครงการฯ โดย กปน. จะทยอยดำเนินการกู้เงินตามความจำเป็นจนกว่างานจะแล้วเสร็จ ๒. ให้ กปน. ปรับระยะเวลาของโครงการฯ ให้สอดคล้องกับการดำเนินการจริงที่จะสามารถเริ่มได้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยและ กปน. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการจัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำสูญเสียขององค์กรให้เป็นไปตามเป้าหมาย ควรบริหารความเสี่ยงและควบคุมการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ รวมถึงให้ความสำคัญต่อการวางแผนการเตรียมความพร้อมในขั้นตอนของแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินที่ชัดเจน ตลอดจนมีการติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง และให้ กปน. พิจารณาดำเนินการ เช่น ประสานการขอใช้พื้นที่ระหว่างหน่วยงานสาธารณูปโภคและหน่วยงานเจ้าของพื้นที่ให้สอดคล้องและเป็นไปตามแผนงานที่กำหนด ศึกษาความเหมาะสมการปรับโครงสร้างอัตราค่าน้ำสำหรับกลุ่มผู้ใช้น้ำประเภทต่าง ๆ รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาดำเนินการ เช่น พิจารณาความเหมาะสมของกฎหมายควบคุมอาคารที่เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรน้ำของอาคาร กำกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการควบคุมการก่อสร้างอาคารให้มีการบำบัดน้ำเสียอย่างเข้มงวด และพิจารณากำหนดอัตราและแนวทางการจัดเก็บค่าบำบัดน้ำเสียตามหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย นอกจากนี้ กปน. ควรมีการกำกับและติดตามการเบิกจ่ายงบลงทุนให้เป็นไปตามแผนอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเสนอแผนการขอใช้น้ำต่อกรมชลประทานทั้งระยะสั้นและระยะยาวเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาวางแผนการจัดสรรน้ำดิบตามความเหมาะสมของปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมให้กับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น แนวทางการลดน้ำสูญเสีย การบำบัดน้ำเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1580 | มติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2559 เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2559 | นร | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ ตามที่ประธานกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงแก้ไขกฎหมายความปลอดภัยทางถนน จำนวน ๕ ประเด็น ได้แก่ (๑) เมาแล้วขับ (๒) ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด (๓) การได้มาซึ่งใบอนุญาตขับรถ (๔) รถโดยสารสาธารณะ และ (๕) การคาดเข็มขัดนิรภัย และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๑.๑.๑ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบในการแก้ไขกฎหมายทั้ง ๕ ประเด็น ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎกระทรวง ระเบียบ และข้อบังคับที่อยู่ในอำนาจหน้าที่เพื่อให้มีผลบังคับใช้ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๖๐ ๑.๑.๒ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติเป็นแนวทางปฏิบัติในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน โดยให้ความสำคัญในการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ๑.๑.๓ ให้กระทรวงมหาดไทยสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน โดยนำนโยบายประชารัฐมาเป็นแนวทางในการดำเนินงานในพื้นที่อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ๑.๑.๔ ให้ทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนร่วมกันรณรงค์และประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยทางถนนอย่างเข้มข้น จริงจัง ให้เกิดความตระหนักและเกิดเป็นวัฒนธรรมการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัยโดยเร่งด่วน ๑.๒ เห็นชอบในหลักการให้จัดทำแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๓ และให้ใช้แผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๙ เป็นแนวทางการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพลางก่อน จนกว่าแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๓ จะแล้วเสร็จ ทั้งนี้ ให้พิจารณาปรับกรอบระยะเวลาการดำเนินการจัดทำแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๓ ให้มีระยะเวลาสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ด้วย ๒. ในการจัดหาเครื่องมือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนแห่งชาติพิจารณาดำเนินการให้เกิดความชัดเจนในเรื่องของแผนความต้องการและแผนการจัดสรรเครื่องมือดังกล่าว ตลอดจนเรื่องของคุณลักษณะเฉพาะและราคาที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงหลักความประหยัดและคุ้มค่า เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้คณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในลักษณะของการบูรณาการเพื่อลดความซ้ำซ้อน โดยกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบ ตัวชี้วัด และเป้าหมายให้ชัดเจน รวมทั้งให้ความสำคัญกับการสร้างกลไกการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนตั้งแต่กระบวนการจัดทำแผนจนถึงการประเมินผลการดำเนินงาน และพิจารณาถึงคุณสมบัติและความคุ้มค่าที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การใช้งานเครื่องตรวจวัดความเร็ว เพื่อความมีประสิทธิภาพของการดำเนินงานอย่างแท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
