ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 71 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 1401 - 1420 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1401 | ความคืบหน้าการดำนินงานด้านการปฏิรูปประเทศ ณ วันที่ 5 มิถุนายน 2560 | นร | 06/06/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานด้านการปฏิรูปประเทศ ณ วันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๐ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) ประธานกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) เสนอ ดังนี้
๑. สรุปผลการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูประเทศ ครั้งที่ ๑๙/๒๕๖๐ วันจันทร์ที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๐ รวม ๒ เรื่อง ๑.๑ รายงานของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน และคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เรื่อง แนวทางส่งเสริมและขจัดอุปสรรคในการนำขยะมูลฝอยไปเป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตไฟฟ้า ๑.๒ รายงานของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดิน เรื่อง การปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินและข้อเสนอการปฏิรูปอื่นที่เกี่ยวข้อง ๒. สรุปสถานะข้อเสนอประเด็นปฏิรูปตามแผนการปฏิรูปของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๐) รวม ๑๕๓ เรื่อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1402 | ขอความเห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือด้านระบบราง ระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และ การท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น | คค | 30/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือด้านระบบราง ระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น (Memorandum of Cooperation between the Ministry of Transport of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Land, Infrastructure, Transport and Tourism of Japan on the Railway Sector : MLIT) มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงประเด็นความร่วมมือเดิมทั้ง ๕ ด้าน ได้แก่ (๑) การพัฒนารถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ (๒) การพัฒนาเส้นทางรถไฟตามแนวเศรษฐกิจด้านใต้ (๓) การให้บริการขนส่งสินค้าทางรถไฟ (๔) การพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (EWEC) และ (๕) ระบบการขนส่งมวลชนทางราง ให้สอดคล้องกับความคืบหน้าในการดำเนินการในปัจจุบัน และเพิ่มเติมประเด็นความร่วมมือใหม่อีก ๓ ด้าน ได้แก่ (๑) แผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ระยะที่ ๒ (๒) การพัฒนาพื้นที่สถานีกลางบางซื่อ และ (๓) ความร่วมมือเพิ่มเติมสำหรับรถไฟความเร็วสูง ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยสำหรับการลงนามดังกล่าว ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้แทนสำหรับการลงนามดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความร่วมมือฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๓. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1403 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ข้อเสนอเชิงนโยบายเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาและยกระดับสมรรถนะมาตรฐานวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา ของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 30/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง ข้อเสนอเชิงนโยบายเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาและยกระดับสมรรถนะมาตรฐานวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา โดยกระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ แล้ว ได้แก่ (๑) การดำเนินการด้านการสรรหาผู้บริหารสถานศึกษา ได้กำหนดให้มีการประเมินเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา โดยมีการประเมินความรู้ความสามารถทั่วไป สมรรถนะทางการบริหาร และความเหมาะสมกับตำแหน่ง และกำหนดให้คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดหรือคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาแต่งตั้งเป็นผู้ดำเนินการคัดเลือก (๒) การปรับปรุงมาตรฐานตำแหน่งและมาตรฐานวิทยฐานะผู้บริหารสถานศึกษา โดยการกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบ ลักษณะงานที่ปฏิบัติ คุณลักษณะและสมรรถนะที่จำเป็น คุณสมบัติเฉพาะสำหรับผู้ดำรงตำแหน่งและผลงานที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ (๓) การดำเนินการด้านการพัฒนาผู้บริหารสถานศึกษา โดยกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาก่อนแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษาและผู้อำนวยการสถานศึกษา และกำหนดให้มีระยะเวลาการพัฒนาไม่น้อยกว่า ๖๐ ชั่วโมง หากผ่านการพัฒนาจะได้รับการบรรจุและแต่งตั้งตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากำหนด และจะต้องได้รับการประเมินผลการปฏิบัติงานในหน้าที่เป็นระยะเวลาอีก ๑ ปี ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1404 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลเขื่อน ตำบลยางน้อย และตำบลยางท่าแจ้ง อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 30/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลเขื่อน ตำบลยางน้อย และตำบลยางท่าแจ้ง อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดินเพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าทำการสำรวจพื้นที่ที่จะจัดทำเป็นโครงการจัดรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประเมินผลการดำเนินโครงการจัดรูปที่ดินและการนำที่สาธารณะไปจัดรูปที่ดินที่ผ่านมา โดยเฉพาะปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้ในการปรับปรุงและวางแผนการดำเนินงานในระยะต่อไปให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1405 | การแต่งตั้งกรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอัยการ | อส | 30/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๐ เรื่อง การแต่งตั้งกรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอัยการ ที่อนุมัติแต่งตั้งให้ นายดิสทัต โหตระกิตย์ เป็นกรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) อีกวาระหนึ่ง เนื่องจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๗๗ วรรคสอง บัญญัติให้ ก.อ. ที่มีอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ทำหน้าที่ ก.อ. ไปพลางก่อน ในระหว่างที่ยังไม่มีการปรับปรุงหรือแก้ไขกฎหมายให้มี ก.อ. ตามมาตรา ๒๔๘ วรรคสาม ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1406 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันงบประมาณ สำหรับโครงการปรับปรุงทำเนียบเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี | กต | 30/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันงบประมาณสำหรับโครงการปรับปรุงทำเนียบเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ แผนงานขับเคลื่อนนโยบายการต่างประเทศและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ผลผลิตความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับประเทศต่าง ๆ ในกรอบทวิภาคี กิจกรรมที่ ๑ การดำเนินกิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์ในระดับทวิภาคี งบลงทุน รายการค่าปรับปรุงทำเนียบเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี จากเดิมวงเงิน ๘๐,๖๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๘๔,๙๔๙,๐๐๐ บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ส่วนเรื่องงบประมาณให้เป็นตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยวงเงินงบประมาณที่เพิ่มขึ้นจากสัญญาดังกล่าวให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ของกระทรวงการต่างประเทศที่เหลือจ่ายจากการดำเนินงานที่บรรลุวัตถุประสงค์แล้ว ทั้งนี้ การดำเนินโครงการและการขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ให้กระทรวงการต่างประเทศปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1407 | ขอปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่คณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน 3 คณะ | คค | 30/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่คณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีของกระทรวงคมนาคม จำนวน ๓ คณะ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. คณะกรรมการผู้แทนรัฐบาลเพื่อพิจารณาทำความตกลงเกี่ยวกับการขนส่งทางบกกับรัฐบาลต่างประเทศเป็นประจำ ๑.๑ ปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการ ลำดับที่ ๗ จาก ผู้แทนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็น ผู้แทนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ๑.๒ ปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ให้สอดคล้องและครอบคลุมการดำเนินงานในปัจจุบัน รวมทั้งความตกลงด้านการขนส่งทางบกที่ประเทศไทยจะจัดทำกับรัฐบาลต่างประเทศอื่น ๆ ในอนาคต ๒. คณะกรรมการอำนวยความสะดวกการขนส่งแห่งชาติ โดยปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ให้สอดคล้องและครอบคลุมการดำเนินงานในปัจจุบัน รวมทั้งการดำเนินการตามความตกลงด้านการขนส่งทางถนนระหว่างประเทศที่ประเทศไทยจะเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงภายใต้กรอบอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงในอนาคต สำหรับองค์ประกอบของคณะกรรมการคงเดิม ๓. คณะกรรมการประสานการขนส่งผ่านแดนแห่งชาติ ๓.๑ ปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการ ลำดับที่ ๑๖ จาก ผู้แทนกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็น ผู้แทนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ๓.๒ ปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ให้สอดคล้องและครอบคลุมการดำเนินงานในปัจจุบัน รวมทั้งการดำเนินการตามความตกลงด้านการขนส่งทางถนนระหว่างประเทศที่ประเทศไทยจะเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงภายใต้กรอบอาเซียน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1408 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การมหาชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ขององค์การมหาชน จำนวน 8 แห่ง | นร12 | 23/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การมหาชน จำนวน ๘ ฉบับ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการปรับปรุงบทอาศัยอำนาจตามร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การมหาชนทั้ง ๘ แห่ง ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบัน การกำหนดให้องค์การมหาชนแจ้งแผนการบริหารหนี้สาธารณะ และรายงานสถานะหนี้สาธารณะตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๙ ตลอดจนความชัดเจนในการใช้มาตรฐานการบัญชีที่นำมาจัดทำบัญชีขององค์การมหาชน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งโรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๗ ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๘ ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่เห็นควรกำหนดแนวทางการกำหนดเครื่องแบบขององค์การมหาชนเพื่อให้การกำหนดเครื่องแบบของทุกองค์การมหาชนเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1409 | ร่างกฎกระทรวงควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. .... | สธ | 23/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างกฎกระทรวงควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และมาตรการในการควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นว่า การกำหนดนิยามในร่างกฎกระทรวงฯ ข้อ ๒ ควรเพิ่มเติมนิยาม “มลพิษทางกลิ่น”หมายความว่า สภาวะของกลิ่นอันเกิดจากการประกอบกิจการของสถานประกอบกิจการที่ทำให้มีผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน สำหรับการนำร่างกฎกระทรวงฯ ไปบังคับใช้กรณี ข้อ ๓ ค่ามาตรฐานมลพิษที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยคำแนะนำของคณะกรรมการสาธารณสุข หากเป็นประเภทและขนาดกิจการเดียวกันกับกิจการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีการประกาศกำหนดมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดตามมาตรา ๕๕ โดยค่ามาตรฐานนั้นจะต้องไม่ต่ำกว่าค่ามาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดตามมาตรา ๕๖ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ไปพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1410 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. .... | นร09 | 23/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๕๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการ และอำนาจหน้าที่ของสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1411 | สรุปสาระสำคัญการประชุมคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ ครั้งที่ 6/2560 | นร05 | 23/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปสาระสำคัญการประชุมคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ (บยศ.) ครั้งที่ ๖/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๐ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ตามที่ฝ่ายเลขานุการ บยศ. เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ พระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ที่ประชุมเห็นชอบมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก และเห็นชอบร่างคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก โดยให้คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกนำร่างคำสั่งดังกล่าวเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ๑.๒ การปรับโครงสร้างสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการปรับโครงสร้างสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตินำแนวทางการปรับโครงสร้างดังกล่าว รวมทั้งข้อสังเกตของที่ประชุมไปดำเนินการปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. .... และดำเนินการตามขั้นตอนของมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและขั้นตอนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๓ ข้อเสนอการพัฒนาระบบอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจแบบครบวงจร (Doing Business Portal) ที่ประชุมอนุมัติหลักการแนวทางการพัฒนาระบบอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจแบบครบวงจร (Doing Business Portal) และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด โดยให้สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของที่ประชุมไปประกอบการดำเนินการ รวมทั้งจัดทำรายละเอียดการดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว โดยพิจารณาดำเนินการในส่วนของกิจกรรมที่ต้องแก้ไขเร่งด่วนให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน และให้รายงานผลการดำเนินงานภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๐ รวมทั้งให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบระบบงาน และทำหน้าที่เชื่อมโยงข้อมูลกับ Project Manager Officer (PMO) และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ๑.๔ เรื่องอื่น ๆ ได้แก่ การติดตามการบริหารงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่ประชุมเห็นชอบให้สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางจัดทำรายละเอียดการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ (งบกลางปี) โดยให้สรุปเป็นข้อมูลของแต่ละกระทรวงให้ชัดเจนและระบุปัญหาที่ก่อให้เกิดความล่าช้าในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างด้วย และกำหนดการประชุม บยศ. ในครั้งต่อไปคือ วันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๐ เวลา ๐๙.๓๐ น. เรื่อง การขับเคลื่อนด้านสาธารณสุข ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตินำแนวทางการปรับโครงสร้างสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติตามที่ บยศ. เห็นชอบ และที่คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตเพิ่มเติมในส่วนของการปรับโครงสร้างสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่ง บยศ. ได้เห็นชอบในหลักการให้มีการตั้งคณะกรรมการ ๖ คณะตามยุทธศาสตร์ชาติ ๖ ด้าน นั้น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติควรพิจารณาตั้งคณะกรรมการเพิ่มอีก ๑ คณะ เพื่อทำหน้าที่ประเมินการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับยุทธศาสตร์ โดยให้ครอบคลุมทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี (Strategic Environmental Assessments) ไปดำเนินการปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. .... และดำเนินการตามขั้นตอนของมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและขั้นตอนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1412 | ร่างพระราชกำหนดเรือไทย พ.ศ. .... และร่างพระราชกำหนดการเดินเรือ พ.ศ. .... | คค | 23/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกำหนดเรือไทย พ.ศ. .... และร่างพระราชกำหนดการเดินเรือ พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายว่าด้วยเรือไทย และกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือในน่านน้ำไทยทั้งระบบ โดยมีการปรับปรุงโครงสร้างของกฎหมายตามหลักการเรื่องรัฐเจ้าของธง (Flag State Jurisdiction) กำหนดบทบัญญัติเรื่องการกำกับดูแลกองเรือไทย ระบบทะเบียนเรือไทย การจดทะเบียนเรือไทย การโอนกรรมสิทธิ์เรือไทย การตรวจสภาพเรือไทย การจัดการความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยของเรือและอุปกรณ์ประจำเรือ การจดทะเบียนจำนองและบุริมสิทธิเหนือเรือไทย การจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อ สิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบของเรือไทย รวมถึงคนประจำเรือและการจัดคนเข้าทำการในเรือ และปรับปรุงโครงสร้างของกฎหมายตามหลักการเรื่องรัฐชายฝั่ง (Coastal State Jurisdiction) และรัฐเมืองท่า (Port State Jurisdiction) ให้มีความทันสมัย เป็นไปตามมาตรฐานสากลและสอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในการตราพระราชกำหนดฯ ควรพิจารณาและคำนึงถึงความสอดคล้องตามข้อเสนอแนะของผู้แทนสหภาพยุโรป และการรองรับพันธกรณีตามอนุสัญญาระหว่างประเทศที่ไทยเป็นภาคีแล้วและที่จะเข้าเป็นภาคีในอนาคตอย่างครบถ้วน เพื่อป้องกันหรือลดโอกาสในการถูกบ่งชี้ข้อบกพร่องจากการตรวจประเมินข้างต้นได้ ไปประกอบการพิจารณา และให้พิจารณาความเหมาะสมของรูปแบบในการตรากฎหมายด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรและเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่ ประสานงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมประมง เป็นต้น อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินการตามพระราชกำหนดฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทราบและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเมื่อมีการบังคับใช้พระราชกำหนดฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. อนุมัติให้ถอนร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติเรือไทย พุทธศักราช ๒๔๘๑ พ.ศ. .... และร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ตามมติคณะรัฐมนตรี (๗ มีนาคม ๒๕๖๐) ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1413 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานทางหลวงสำหรับทางหลวงท้องถิ่น พ.ศ. .... | มท | 16/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานทางหลวงสำหรับทางหลวงท้องถิ่น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแบบบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานทางหลวงเพื่อใช้สำหรับเจ้าพนักงานทางหลวงท้องถิ่น ให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงในปัจจุบันที่ได้มีการแก้ไข “ทางหลวงเทศบาลและทางหลวงสุขาภิบาล” เป็น “ทางหลวงท้องถิ่น” ตามมาตรา ๖ (๔) แห่งพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1414 | การเข้าร่วมโครงการ Base Erosion and Profit Shifting Project (BEPS Project) ของ OECD ในฐานะ Associate Country ภายใต้ Inclusive Framework | กค | 16/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการเข้าร่วมโครงการ Base Erosion and Profit Shifting Project (BEPS Project) ขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา [Organisation for Economic Co-operation and Development (OECD)] ในฐานะประเทศสมาชิก (Associate Country) ภายใต้กรอบความร่วมมือ (Inclusive Framework) เพื่อให้ประเทศไทยมีการดำเนินการเพื่อป้องกันการวางแผนเพื่อกัดกร่อนฐานภาษีและโอนกำไรไปต่างประเทศของบริษัทข้ามชาติ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเกี่ยวกับงบประมาณเพื่อเป็นค่าธรรมเนียม จำนวน ๒๐,๐๐๐ ยูโรต่อปี หรือประมาณ ๘๐๐,๐๐๐ บาทต่อปี และค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการเข้าร่วมโครงการฯ ให้ใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณของกรมสรรพากร รวมทั้งให้ทำการศึกษาถึงความรุนแรงของปัญหาการหลบเลี่ยงภาษีของธุรกิจข้ามชาติที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และศึกษาเปรียบเทียบถึงรายได้ภาษีที่รัฐบาลจะสูญเสียจากการหลบเลี่ยงภาษีระหว่างประเทศดังกล่าวทั้งก่อนและหลังการดำเนินโครงการฯ นอกจากนี้ ในการเข้าร่วมโครงการฯ จะต้องระมัดระวังไม่ให้มีผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายและมาตรการเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจเฉพาะด้านของประเทศไทยในอนาคต และหากการเข้าร่วมโครงการฯ มีการระบุถึงมาตรการส่งเสริมการลงทุนที่มีการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ให้แจ้งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนทราบด้วย และความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรมีแผนเตรียมการรองรับการเข้าร่วมโครงการฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายภายในของประเทศไทยที่เกี่ยวข้องให้มีความสอดคล้องกับหลักปฏิบัติสากล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1415 | การบริจาคข้าวให้รัฐบาลสาธารณรัฐโมซัมบิก | กต | 16/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการบริจาคข้าวสารในสต็อกของรัฐบาลชนิดข้าวขาว ๕% ปีการผลิต ๒๕๕๖/๕๗ ปริมาณ ๑,๐๐๐ ตัน บรรจุลงถุงขนาด ๕ กิโลกรัม ให้รัฐบาลสาธารณรัฐโมซัมบิกบนพื้นฐานการให้ความช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรม (ตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว) โดยรัฐบาลโมซัมบิกจะจัดส่งเรือขนสินค้ามารับข้าวที่ท่าเรือ ณ ประเทศไทย ๒. รับทราบการชำระค่าใช้จ่ายในการดำเนินการปรับปรุงคุณภาพข้าวให้เหมาะสมสำหรับการบริจาค การบรรจุลงถุง และการส่งมอบลงเรือที่รัฐบาลโมซัมบิกจะส่งมารับมอบ โดยชำระเป็นข้าวสารในสต็อกของรัฐบาล (ตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว) ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงคุณภาพข้าวให้เหมาะสมสำหรับการบรรจุลงถุงและส่งมอบลงเรือที่รัฐบาลโมซัมบิกจะส่งมารับมอบมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง เห็นควรที่กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาดำเนินการด้วยความประหยัดและไม่ทำให้ทางราชการเสียหาย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับผิดชอบการดำเนินการจัดส่งข้าวให้แก่ฝ่ายโมซัมบิก โดยประสานงานรายละเอียดการดำเนินการดังกล่าวกับกระทรวงการต่างประเทศ ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศประสานงานกับฝ่ายโมซัมบิกเกี่ยวกับรายละเอียดในการจัดส่ง เช่น กำหนดเวลาในการส่งมอบ ประเภทของเรือที่จะมารับมอบ รูปแบบของการส่งมอบ (แบบตู้คอนเทนเนอร์ หรือแบบเรือใหญ่) และพิธีการส่งมอบข้าวต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1416 | โครงการเพื่อการพัฒนา ปี 2560 ของการประปาส่วนภูมิภาค | มท | 16/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการดำเนินโครงการเพื่อการพัฒนา ปี ๒๕๖๐ ของการประปาส่วนภูมิภาค จำนวน ๖ โครงการ วงเงินลงทุนรวม ๑,๓๑๔.๕๑๖ ล้านบาท เพื่อดำเนินการปรับปรุงระบบประปาทั้งระบบ โดยจะมีการก่อสร้างระบบน้ำดิบ (ปรับปรุงสระพักน้ำดิบและวางท่อส่งน้ำดิบเพิ่ม) ระบบผลิตน้ำประปา (โรงกรองน้ำ ระบบจ่ายสารเคมี ถังน้ำใส โรงสูบน้ำและหอถังสูง) และระบบจ่ายน้ำ (วางท่อส่งน้ำ ท่อจ่ายน้ำ และท่อบริการขนาดต่าง ๆ ) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ส่วนงบประมาณในการดำเนินโครงการที่ยังไม่มีแหล่งเงินงบประมาณรองรับ จำนวน ๑ โครงการ [โครงการปรับปรุงกิจการประปาภายหลังรับโอน (การประปาส่วนภูมิภาค สาขาเชียงคาน) วงเงินลงทุน ๕๘.๖๗๗ ล้านบาท] ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้การประปาส่วนภูมิภาคจัดทำรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าใช้จ่าย และแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อประกอบการพิจารณาขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามกำลังเงินของประเทศต่อไป ๓. ให้กระทรวงมหาดไทย (การประปาส่วนภูมิภาค) ดำเนินการตามมติคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ รวมทั้งรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรดำเนินการขอใช้น้ำต่อกรมชลประทานตามระเบียบและขั้นตอนของทางราชการหลังจากได้รับอนุมัติโครงการ ควรศึกษารูปแบบและแนวทางจัดหาแหล่งเงินทุนอื่นเพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการต่าง ๆ เช่น การศึกษาแนวทางการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (Public - Private - Partnership : PPP) เป็นต้น และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าจากการลงทุนทางด้านการเงิน การควบคุมค่าใช้จ่ายในการผลิต การเพิ่มรายได้จากการให้บริการและการลดอัตราน้ำสูญเสียให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1417 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 (เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงหอประชุมกองทัพเรือ) | กห | 16/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๔๐,๒๖๓,๐๐๐ บาท ให้กองทัพเรือ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงหอประชุมกองทัพเรือตามนโยบายรัฐบาล ตามแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่จะดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงกลาโหมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1418 | สรุปผลการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2560 และข้อเสนอเพื่อขับเคลื่อนงานด้านความปลอดภัยทางถนน | มท | 16/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. ๒๕๖๐ และข้อเสนอเพื่อขับเคลื่อนงานด้านความปลอดภัยทางถนน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑. ผลการดำเนินการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๗ เมษายน ๒๕๖๐ จำนวนอุบัติเหตุ ๓,๖๙๐ ครั้ง จำนวนผู้เสียชีวิต ๓๙๐ ราย จำนวนยานพาหนะที่ถูกเรียกตรวจ ๕,๓๘๐,๔๘๒ คัน และจำนวนผู้ถูกดำเนินคดี ๙๑๔,๑๗๒ ราย สำหรับผลการปฏิบัติตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๖/๒๕๕๘ (เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาอันเกิดจากการขับขี่ยานพาหนะ) ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๗ เมษายน ๒๕๖๐ ตรวจพบผู้กระทำผิด ๗๐๙,๔๔๑ ราย มีการดำเนินคดี ๔๔๗,๑๙๘ ราย ยึดรถจักรยานยนต์และรถยนต์ส่วนบุคคล ๕,๖๗๗ คัน รถโดยสารสาธารณะ ๑,๘๓๕ คัน และยึดใบอนุญาตขับรถ ๑๒,๖๔๙ คัน ทั้งนี้ จากผลการวิเคราะห์การดำเนินการ พบว่า การดื่มสุราแล้วขับ เป็นมูลเหตุสันนิษฐานในการเกิดอุบัติเหตุสูงสุด สำหรับพฤติกรรมของผู้ขับขี่ในการใช้รถใช้ถนนยังคงเป็นปัญหาที่สำคัญแม้จะมีมาตรการต่าง ๆ และมีการบังคับใช้กฎหมายเพิ่มขึ้น โดยจะต้องสร้างจิตสำนึกและวินัยในการใช้รถใช้ถนน มุ่งเน้นในระบบการศึกษาของกลุ่มเด็กและเยาวชน และรณรงค์การใช้รถใช้ถนนที่ปลอดภัยควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมาย ๒. ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายเพื่อวิเคราะห์ผลการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยที่ประชุมมีข้อเสนอการดำเนินการในเชิงนโยบาย ได้แก่ (๑) การปรับปรุงแนวทางและมาตรการเพื่อลดปัจจัยเสี่ยง ประกอบด้วย การเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมาย และการรณรงค์สร้างความตระหนักรู้ และจิตสำนึก และ (๒) การปรับปรุงการบริหารจัดการ เช่น กำหนดให้เรื่อง ความปลอดภัยทางถนนเป็นวาระจังหวัด อำเภอ และท้องถิ่น จัดสรรงบประมาณ เครื่องมือ เพื่อส่งเสริมการดำเนินงานในพื้นที่ และปรับปรุงระบบฐานข้อมูลให้เป็นเอกภาพ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1419 | รายงานผลการพิจารณาและการดำเนินการเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิและเสรีภาพในการประกอบอาชีพ กรณีกล่าวอ้างว่าพระราชบัญญัติธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ. 2558 กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของพนักงานรักษาความปลอดภัยมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพในการประกอบอาชีพ | ตช | 09/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาและผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิและเสรีภาพในการประกอบอาชีพกรณีกล่าวอ้างว่าพระราชบัญญัติธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ. ๒๕๕๘ กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของพนักงานรักษาความปลอดภัยมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพในการประกอบอาชีพ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยมีสาระสำคัญ เช่น (๑) กรณีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเห็นควรให้มีการทบทวนโดยยกเลิกกำหนดคุณสมบัติพนักงานรักษาความปลอดภัยต้องสำเร็จการศึกษาภาคบังคับตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาภาคบังคับ ที่ประชุมร่วมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นว่าคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๖๗/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยธุรกิจรักษาความปลอดภัย ได้ยกเว้นในเรื่องวุฒิการศึกษาของพนักงานรักษาความปลอดภัยที่เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยอยู่ก่อนพระราชบัญญัติธุรกิจรักษาความปลอดภัยฯ ใช้บังคับแล้ว และ (๒) กรณีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเห็นควรให้มีการทบทวนโดยยกเลิกเงื่อนไขการกำหนดให้พนักงานรักษาความปลอดภัยมีคุณสมบัติสัญชาติไทย ที่ประชุมร่วมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นว่าควรกำหนดให้เป็นบุคคลที่ต้องมีสัญชาติไทยตามที่พระราชบัญญัติธุรกิจรักษาความปลอดภัยฯ บัญญัติไว้ เนื่องจากหากบุคคลต่างด้าวมาทำหน้าที่เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยจะเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายหลายฉบับ และในการปฏิบัติหน้าที่อาจทำให้เกิดปัญหาในเรื่องของการติดต่อสื่อสารด้านภาษา เป็นต้น ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1420 | การให้สัตยาบันอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 111 ว่าด้วยการเลือกปฏิบัติในการจ้างงานและอาชีพ ค.ศ. 1958 (พ.ศ. 2501) | รง | 09/05/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการให้สัตยาบันอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization : ILO) ฉบับที่ ๑๑๑ ว่าด้วยการเลือกปฏิบัติในการจ้างงานและอาชีพ ค.ศ. ๑๙๕๘ (พ.ศ. ๒๕๐๑) มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมให้มีนโยบายและมาตรการระดับชาติเพื่อป้องกันและขจัดการเลือกปฏิบัติในการจ้างงานและอาชีพ และมุ่งส่งเสริมโอกาสและการปฏิบัติที่ทัดเทียมในการจ้างงานและการประกอบอาชีพ ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำสัตยาบันสารเพื่อการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงแรงงานจดทะเบียนสัตยาบันสารเพื่อการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ ต่อองค์การแรงงานระหว่างประเทศต่อไป ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นว่า การปฏิบัติตามอนุสัญญาฯ ให้เกิดผลนั้นจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากองค์การของนายจ้าง และของลูกจ้าง และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การยอมรับและปฏิบัติตามนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ที่ได้กำหนดขึ้น และหากกระทรวงแรงงานยืนยันได้ว่าพื้นฐานของการเลือกปฏิบัติตามที่ระบุไว้ในอนุสัญญาฯ นั้น ไม่รวมถึงประเด็นเรื่องสัญชาติ (คนต่างชาติ) และจะไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกปฏิบัติระหว่างคนในชาติและคนต่างชาติ ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ทั้งนี้ หากไทยต้องมีการดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎ และระเบียบในประเทศที่มีอยู่เพื่อให้การเป็นไปตามอนุสัญญาฯ เห็นควรดำเนินการให้สอดคล้องกับมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
