ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 165 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 3281 - 3300 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 3281 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ 1/2552 | นร | 28/01/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและ
เลขานุการคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) เสนอ ดังนี้ 1. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการ กรอ. ครั้งที่ 1/2552 วันที่ 21 มกราคม 2552 2. เห็นชอบมติคณะกรรมการ กรอ. เกี่ยวกับแนวทางการทำงานของคณะกรรมการ กรอ. และผลการ พิจารณาข้อเสนอด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ แล้วรายงานคณะ กรรมการ กรอ. และคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป โดยสรุปดังนี้ 2.1 การสร้างความเชื่อมั่นทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในการแต่งตั้งคณะ กรรมการต่าง ๆ ประกอบด้วย คณะกรรมการ กรอ. ระดับจังหวัดและกลุ่มจังหวัด คณะกรรมการพัฒนาโลจิสติกส์ และคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก 2.2 การเสริมสร้างสภาพคล่องและภาษี ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงการคลังพิจารณาศึกษาเรื่องการ ลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือร้อยละ 20-25 และการปรับปรุงโครงสร้างภาษีในระยะต่อไป และพิจารณาเกี่ยวกับ การเร่งรัดการคืนภาษี โดยให้ภาคเอกชนรวบรวมประเด็นปัญหาและข้อมูลวงเงินที่คงค้าง และเรื่องการขอชะลอ การชำระหรือผ่อนชำระภาษีเป็นรายกรณี รวมทั้งเร่งดำเนินการตามแนวคิดที่จะให้ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุน ดอกเบี้ยผ่อนปรนโดยผ่านสถาบันการเงินที่มีการระดมทุนในลักษณะ Matching Fund 2.3 การแก้ไขปัญหาการว่างงาน ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงมหาดไทยรับนโยบายการอัดฉีดเงินภาค รัฐ เพื่อกระตุ้นอุปสงค์ด้านการท่องเที่ยวภายในประเทศไปพิจารณา กับเห็นชอบงบประมาณประชาสัมพันธ์และ การจัดมหกรรมลดราคา Amazing Thailand 2009 โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการ และให้ กระทรวงการคลังรับไปพิจารณามาตรการภาษีสำหรับบุคคลธรรมดา ในการนำค่าใช้จ่ายเดินทางท่องเที่ยวภาย ในประเทศ หรือใช้บริการโรงแรมมาหักลดหย่อนภาษี และการขออนุญาตผ่อนชำระภาษีประเภทต่าง ๆ ของเอก ชน รวมทั้งให้กระทรวงแรงงานซึ่งได้รับจัดสรรงบประมาณเร่งด่วนเพื่อการฝึกอบรมบุคลากรเร่งดำเนินการฝึก อบรมโดยให้ใช้สถานประกอบการภาคเอกชน เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 3282 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (โครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 8 และโครงการก่อสร้างและปรับปรุงเสริมระบบจำหน่าย ระยะที่ 7) | มท | 28/01/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินโครงการปรับปรุงกิจการ
ประปาแผนหลัก ครั้งที่ 8 ของการประปานครหลวง และโครงการก่อสร้างและปรับปรุงเสริมระบบจำหน่าย ระยะ ที่ 7 ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สรุปได้ดังนี้ 1. โครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 8 ของการประปานครหลวง การก่อสร้างวางท่อ ประปาอยู่ระหว่างสำรวจออกแบบเพื่อจัดทำเอกสารประกวดราคา สำหรับแหล่งเงินกู้ต่างประเทศ กระทรวงการ คลังได้ยืนยันความต้องการกู้เงินจาก JBIC ทั้งนี้ จำนวนเงินที่ใช้จ่ายในปี พ.ศ. 2552 เป็นจำนวน 225.0 ล้าน บาท คาดว่าจะดำเนินโครงการแล้วเสร็จปี พ.ศ. 2557 2. โครงการก่อสร้างและปรับปรุงเสริมระบบจำหน่าย ระยะที่ 7 ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ผลการ ดำเนินโครงการในปี พ.ศ. 2551 สำรวจออกแบบแล้ว 30% จัดสรรงบลงทุน ปี พ.ศ. 2551 จำนวน 1,742.255 ล้านบาท และปี พ.ศ. 2552 จำนวน 1,150.005 ล้านบาท ผลการดำเนินงานคิดเป็น 0.1% ของโครงการ คาด ว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จปี พ.ศ. 2556
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 3283 | การปรับปรุงระบบการบริหารจัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา | ศธ | 28/01/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติแนวทางการปรับปรุงระบบการบริหารจัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา โดยการ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการกองทุน การขยายฐานเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา การเพิ่มโอกาสการชำระ เงินกู้คืนของผู้สำเร็จการศึกษา และการเพิ่มช่องทางการบริหารเงินกองทุน ทั้งนี้ แนวทางการปรับปรุงระบบ การบริหารจัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาดังกล่าว จะให้นักเรียน นิสิต นักศึกษาสามารถเข้าถึง แหล่งทุนเพื่อการศึกษากว้างขวางขึ้น มีโอกาสศึกษาในสาขาวิชาที่เป็นความต้องการของประเทศ มีโอกาสได้ งานทำมากขึ้น และสามารถนำเงินมาชำระหนี้เงินกู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย ของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2551 และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ 2. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรกำหนดมาตรการและกระบวน การไกล่เกลี่ยกรณีที่เกิดปัญหาข้อพิพาทในการกู้ยืมให้ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ เพื่อใช้ดำเนินการแทนการ ฟ้องร้องดำเนินดคีซึ่งต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการยาวนาน และเป็นภาระในกระบวนการยุติธรรม และให้เร่ง รัดติดตามการชำระหนี้เงินกู้ยืมคงค้างให้รวดเร็วขึ้นเพื่อนำเงินที่ได้รับชำระนั้นมาใช้ประโยชน์แก่ผู้ประสงค์จะ กู้ยืมรายใหม่ได้มากยิ่งขึ้น ตลอดจนเร่งรัดการดำเนินการแจ้งข้อมูลที่เกี่ยวแก่สถาบันการเงินให้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อให้กระบวนการกู้ยืมและชำระเงินยืมแล้วเสร็จโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 3284 | มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล | กค | 20/01/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลรวม 4 มาตรการ ได้แก่ 1.1 มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพ และสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดย่อม และ วิสาหกิจชุมชน 1.2 มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 1.3 มาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นธุรกิจการท่องเที่ยว 1.4 มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และโครงสร้างองค์กร 2. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา 5 ฉบับ และร่างกฎกระทรวง 3 ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 2.1 ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 5 ฉบับ 2.2 ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎา กร รวม 2 ฉบับ 2.3 ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการจำหน่ายหนี้ สูญจากบัญชีลูกหนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 3285 | การแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายด้านการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา | พณ | 13/01/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายด้านการป้องกัน
และปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ และมีคณะกรรมการ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวม 10 หน่วยงาน โดยมีอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาเป็นกรรมการและเลขานุการ มี อำนาจหน้าที่กำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของ ประเทศ รวมทั้งกำหนดแนวทางและมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพบุคลากร งบประมาณ อำนาจหน้าที่ของส่วน ราชการ ตลอดจนหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของ ประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 3286 | แผนการบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2552 - 2554 (รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี) | นร | 13/01/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) ประธานคณะกรรมการจัดทำแผนการ บริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2554 เสนอ ดังนี้ 1.1 แผนการบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2554 (รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายก รัฐมนตรี) และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำความเห็นของคณะกรรมการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน ฯ ที่ เห็นควรปรับเพิ่มกรอบความต้องการใช้เงินสำหรับการปฏิรูปการศึกษา และการพัฒนาทรัพยากรน้ำทั้งระบบ รวม ทั้งจัดทำรายละเอียดของแผนพัฒนา และงบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ โดยกำหนดกรอบ วงเงินเบื้องต้นสำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 จำนวน 50,000 ล้านบาท และปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 จำนวน 60,000 ล้านบาท และให้สำนักงบประมาณพิจารณารายละเอียดความต้องการใช้เงินในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและวินัยการคลังตามขั้นตอนในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ไปดำเนินการต่อไป 1.2 มอบหมายให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาตามพระ ราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 ตามขั้นตอนต่อไป 1.3 มอบหมายให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐนำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน ฯ ไปประกอบ การจัดทำแผนปฏิบัติราชการ 4 ปี และแผนปฏิบัติราชการประจำปีต่อไป 1.4 มอบหมายให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณรับไปพิจารณาแหล่งเงินที่เหมาะสม สำหรับ แผนงาน/โครงการ ตามแผนการบริหารราชการแผ่นดิน โดยคำนึงถึงข้อจำกัดด้านงบประมาณและรักษาวินัยการ คลัง 1.5 มอบหมายให้คณะกรรมการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน ฯ เป็นผู้พิจารณาความจำเป็น ในการปรับปรุงแผนการบริหารราชการแผ่นดิน ฯ เพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นจริง และความเป็นไปได้ของการ ดำเนินการตามแผนการบริหารราชการแผ่นดิน ฯ รวมทั้งสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และนำเสนอ คณะรัฐมนตรีพิจารณา และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานรับผิด ชอบหลักประสานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารราช การแผ่นดิน ฯ และรายงานคณะรัฐมนตรีทราบ สำหรับการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรม การติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ของกระทรวงการคลัง 1.6 เห็นชอบหลักการกรณีคณะรัฐมนตรีอนุมัติแผนงาน/โครงการเพิ่มเติมให้คณะกรรมการจัดทำแผน การบริหารราชการแผ่นดิน ฯ ปรับปรุงแผนการบริหารราชการแผ่นดินให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีต่อไป 2. คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่ายังมีนโยบายหรือโครงการสำคัญบางเรื่องที่ไม่สามารถกำหนดกรอบวงเงิน รองรับได้อย่างครบถ้วนเพียงพอ เช่น การปฏิรูปการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรน้ำทั้งระบบ เนื่องจากยังมีข้อ จำกัดด้านงบประมาณ จึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาจัดเตรียมแผนงาน/โครงการต่าง ๆ เพื่อการปร้บ ปรุงแผนบริหารราชการแผ่นดินหรือแผนปฏิบัติราชการแล้วแต่กรณีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 3287 | แนวทางและรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 | นร | 13/01/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบและอนุมัติการจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จำนวน 115,000 ล้านบาท ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ทั้งนี้ ให้เพิ่มกรอบวงเงินงบประมาณในภาพรวมเป็นจำนวน 116,700 ล้านบาท โดยให้เพิ่มวงเงินในงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 2. เห็นชอบให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องใช้คำของบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ฯ ดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่ง ของแผนปฏิบัติราชการประจำปีของส่วนราชการ 3. ให้กระทรวงศึกษาธิการปรับปรุงรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานตามนโยบาย การจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี ให้ครบถ้วน ภายในวงเงินของกระทรวงศึกษาธิการ โดยให้ประสาน รายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 3288 | การปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงประมวลกฎหมายรวม 4 คณะ (คณะกรรมการ ๆ ที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง) | นร | 09/12/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้คงคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงประมวลกฎหมายรวม 4 คณะ
เพื่อให้การพิจารณาปรับปรุงประมวลกฎหมายดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ดังนี้ 1. คณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง 2. คณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา 3. คณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วน บริษัท และองค์กรทางธุรกิจ 4. คณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงประมวลกฎหมายอาญา
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 3289 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - คูเวต | นร | 02/12/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบผลการเจรจาตามบันทึกความเข้าใจลับ (Confidential Memorandum of Understanding) ระหว่างไทย-คูเวต ก่อนมอบกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผล ใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจลับ ฯ ต่อไป โดยสาระสำคัญของการเจรจาตามบันทึก ฯ ได้แก่ การปรับปรุงความ ตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศ ข้อบทว่าด้วยการกำหนดสายการบิน ข้อบทว่าด้วยการยอมรับใบอนุญาตและใบ สำคัญ ข้อบทว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยการบิน สิทธิความจุความถี่และสิทธิรับขนการจราจร เส้นทางบิน และการทำการบินโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญที่เปลี่ยนแปลงไปจาก เดิมในบันทึกความเข้าใจและความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นผู้ใช้ดุลพินิจในเรื่อง นั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีได้ 2. ให้กระทรวงคมนาคมเสนอรายงานผลการเจรจาตามบันทึก ฯ ไปเพื่อรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็น ชอบโดยด่วนต่อไป โดยให้ส่งรายงานฉบับภาษาไทยให้รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบ และให้ส่งฉบับภาษา อังกฤษเป็นเอกสารประกอบการพิจารณา พร้อมทั้งให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ไปในคราวเดียวกัน
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 3290 | การปรับปรุงบริการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจ (Doing Business) ตามรายงานผลการวิจัยของธนาคารโลก | นร | 02/12/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 3291 | การขอรับเงินชดเชยค่าดำเนินการในการให้บริการเชิงสังคมของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) | มท | 02/12/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติเงินชดเชยค่าดำเนินการในการให้บริการเชิงสังคมของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ประจำ ปี พ.ศ. 2550 ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองงบการเงินแล้ว จำนวน 1,011.065 ล้านบาท 2. สำหรับการชดเชยค่าดำเนินการในการให้บริการเชิงสังคมของ กปภ. ประจำปี พ.ศ. 2551 จำนวน 1,103.575 ล้านบาท นั้น ให้กระทรวงการคลังพิจารณาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางและหลักเกณฑ์ในการคำนวณ เงินชดเชยที่จะจ่ายให้แก่ กปภ. ให้ได้ข้อยุติที่เหมาะสม สอดคล้องกับความเป็นจริง ตามที่เคยถือปฏิบัติตามนัยมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2547 [เรื่อง การปรับปรุงโครงสร้าง (Restructure) รัฐวิสาหกิจที่มีผลประกอบ การขาดทุน] ก่อน เมื่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองงบการเงินแล้ว ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีก ครั้งหนึ่ง และสำหรับเงินชดเชยค่าดำเนินการในการให้บริการเชิงสังคม ประจำปี พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2553 รวมทั้งปี ต่อ ๆ ไป ให้ กปภ. ดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐ วิสาหกิจ พ.ศ. 2551 ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 3292 | ข้อเสนอเพื่อทบทวนมติคณะรัฐมนตรีโครงการจัดหาเครื่องบิน A330-300 จำนวน 8 ลำ ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) | คค | 27/11/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2550 [เรื่อง โครงการจัด
หาเครื่องบิน A330-300 จำนวน 8 ลำ ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)] โดยปรับเปลี่ยนวิธีการจัดหา จากการเช่าดำเนินงาน (Operation Lease) เป็นการเช่าทางการเงิน (Financial Lease) ตามที่กระทรวงคมนาคม เสนอ โดยให้มีการบันทึกรายจ่ายเป็นค่าเงินต้นและดอกเบี้ยจากการกู้ยืมมูลค่าเครื่องบินที่จัดหาโดยวิธีการเช่าทาง การเงินดังกล่าวเป็นทรัพย์สินของบริษัท การบินไทย ฯ ด้วย และให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวง การคลังและสำนักงบประมาณไปประสานให้บริษัท การบินไทย ฯ พิจารณาดำเนินการต่อไป รวมตลอดถึงการเร่ง รัดปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการองค์กรในภาพรวม โดยพิจารณาแยกการบริหารออกเป็นแต่ละธุรกิจให้ ชัดเจน การจัดทำแผนบริหารความเสี่ยง การปรับปรุงระบบการจำหน่ายบัตรโดยสาร และการจัดซื้อน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับเครื่องบินให้มีประสิทธิภาพเพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันได้มากยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 3293 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การจัดระบบการให้บริการและคุ้มครองทางสังคมแก่แรงงานนอกระบบ | สสป | 27/11/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การจัดระบบการให้บริการและคุ้มครองทางสังคมแก่แรงงานนอกระบบ ตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ รวมทั้งผลการพิจารณาและผลการดำเนินการของกระทรวงแรงงานร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ทั้งนี้ ให้กระทรวงแรงงานพิจารณาดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๑ (เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีในเรื่องที่สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้คำปรึกษา ข้อเสนอแนะ หรือความเห็นต่อคณะรัฐมนตรี) ด้วย
โดยในส่วนความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มีดังนี้ ๑. ด้านนโยบาย ๑.๑ ควรดำเนินการขยายความคุ้มครองการประกันสังคมไปสู่แรงงานนอกระบบโดยการบังคับด้วยกฎหมาย เพื่อจะได้สามารถขยายความคุ้มครองไปสู่แรงงานนอกระบบได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ ควรเริ่มกับกลุ่มอาชีพที่มีความพร้อมด้านฐานข้อมูลและมีความพร้อมในการจ่ายเงินสมทบ ซึ่งเป็นการดำเนินการระยะ ๓ ปีแรก กำหนดให้เข้าร่วมกองทุนด้วยความสมัครใจ และตั้งแต่ปีที่ ๔ เป็นต้นไป ควรบังคับโดยกฎหมาย ๑.๒ รัฐควรสนับสนุนให้แรงงานนอกระบบมีการรวมกลุ่มในรูปแบบต่าง ๆ เช่น รูปของสมาพันธ์ สหกรณ์ เพื่อก่อให้เกิดการสนับสนุนกระบวนการเพิ่มผลผลิต ควบคุมการจ้างงานที่เป็นธรรม และพัฒนาตลาดเฉพาะ รวมทั้งปรับบทบาทภาครัฐให้สนับสนุนการเชื่อมโยงวงจรการผลิต การจ้างงาน ตั้งแต่วัตถุดิบจนถึงการตลาด และการพัฒนาแบบรวมกลุ่มการผลิต ได้แก่ การสนับสนุนเงินทุนประกอบอาชีพ การส่งเสริมกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต การส่งเสริมศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบลให้สามารถดำเนินการได้ครบวงจร การปรับเปลี่ยนระบบการผลิตพืชไปสู่การผลิตที่ปลอดสารพิษและการส่งเสริมการเกษตรผสมผสาน การปรับปรุงพันธุ์พืชและสัตว์เศรษฐกิจเพื่อนำพันธุ์ดีส่งเสริมให้เกษตรกรไปใช้ในการผลิตและขยายพันธุ์ ส่งเสริมกระบวนการพัฒนาเกษตรยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง และดำเนินโครงการฟื้นฟูเกษตรหลังการพักชำระหนี้ ๒. ด้านกฎหมาย ๒.๑ ควรแก้ไขพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ เพื่อให้แรงงานทุกสาขาอาชีพสามารถเข้าสู่ระบบการประกันสังคมได้ทั้งหมดโดยไม่มีการยกเว้น ๒.๒ ควรกำหนดให้มีการตราพระราชกฤษฎีกา โดยเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีสงเคราะห์บุตร โดยกำหนดให้รับเงินสงเคราะห์บุตรแบบเหมาจ่ายรายเดือน ๆ ละ ๓๕๐ บาท ต่อบุตร ๑ คน สำหรับบุตรที่มีอายุไม่เกิน ๖ ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน ๒ คน ๒.๓ ควรมีการปรับปรุงพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ โดยเพิ่มคำจำกัดความของแรงงานนอกระบบให้หมายความรวมถึงแรงงานในทุกสาขาอาชีพที่มิใช่ลูกจ้างประจำของสถานประกอบการ เพื่อคุ้มครองแรงงานที่อยู่นอกเหนือจากแรงงานในระบบได้อย่างครอบคลุม ๓. ด้านการจัดตั้งกองทุนแรงงานนอกระบบ ๓.๑ ควรจัดตั้งกองทุนแรงงานนอกระบบ แยกออกจากกองทุนประกันสังคมอย่างชัดเจน และมีคณะกรรมการบริหารกองทุนโดยเฉพาะ ทั้งนี้ ควรแยกประเภทกองทุนตามประเภทกลุ่มอาชีพของแรงงานนอกระบบ เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองที่มีความเฉพาะและตรงตามความต้องการของแรงงานแต่ละกลุ่มอาชีพมากที่สุด ๓.๒ รัฐควรสนับสนุนเงินงบประมาณประเดิมเพื่อการจัดตั้งกองทุนประกันสังคมสำหรับแรงงานนอกระบบอย่างเพียงพอ รวมทั้งสนับสนุนการดำเนินงานควบคู่ไปด้วย ๓.๓ รัฐควรมีส่วนร่วมในการสมทบเงินเข้ากองทุนเช่นเดียวกับการสมทบเงินให้กับแรงงานในระบบ ๓.๔ กองทุนควรมีหลักเกณฑ์ด้านความคุ้มครองผู้ประกันตนเกี่ยวกับโรคที่ไม่สามารถรับบริการหรือได้รับการยกเว้นเช่นเดียวกับผู้ประกันตนของระบบประกันสังคม ๓.๕ ควรแก้ไขพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบ ประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของผู้ประกันตนซึ่งมิใช่ลูกจ้าง พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๖ โดยเพิ่มประเภทของประโยชน์ทดแทนจากกองทุนนอกระบบให้เท่าเทียมกับแรงงานในระบบประกันสังคม ๔. ด้านการบริหารจัดการกองทุน ๔.๑ ควรมีการเลือกตั้งกรรมการเพื่อบริหารกองทุนประกันสังคมสำหรับแรงงานนอกระบบเป็นการเฉพาะ โดยให้มีคณะกรรมการในจำนวนที่เหมาะสม มีองค์ประกอบจากหลากหลายอาชีพ รวมทั้งให้มีผู้ประกันตนมีส่วนร่วมเป็นกรรมการด้วย ๔.๒ ควรแก้ไขพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบฯ มาตรา ๕ ซึ่งระบุเกี่ยวกับการจ่ายเงินสมทบให้กับสำนักงานประกันสังคมแต่ไม่ได้ระบุกองทุนที่ต้องจ่ายเงินเข้าสมทบ โดยระบุประเภทผู้จ่ายเงินสมทบและประเภทกองทุนอย่างชัดเจน ๔.๓ สำนักงานประกันสังคมและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติควรนำฐานข้อมูลของผู้รับบริการมาใช้ร่วมกัน เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการสืบค้นข้อมูลอันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้รับบริการในอันที่จะได้รับบริการที่มีคุณภาพและมีมาตรฐานอย่างเดียวกัน ๔.๔ องค์กรที่ทำหน้าที่ในการบริหารจัดการกองทุนประกันสังคมสำหรับแรงงานนอกระบบควรมีความคล่องตัวด้านระเบียบการเบิกจ่ายเงินและการจัดซื้อจัดจ้างหรืออาจเป็นองค์กรมหาชน
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 3294 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2552 ครั้งที่ 1 | กค | 19/11/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2552 ครั้งที่ 1 ตาม ที่กระทรวงการคลังเสนอดังนี้ 1.1 มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2551 ที่อนุมัติกรอบและหลักเกณฑ์การรับจำนำข้าว เปลือกนาปี และมติเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2551 ที่อนุมัติจัดหาเงินกู้เพื่อดำเนินการรับจำนำข้าวและผล ผลิตทางการเกษตรวงเงิน 110,000 ล้านบาท โดยมีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นผู้ดำเนินการ และมีกระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ย รวมทั้งให้รัฐบาลรับภาระต้นเงินและ ดอกเบี้ยจากการกู้เงินและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง 1.2 กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินแจ้งว่า ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินกู้ดัง กล่าวอีก เนื่องจากกองทุน ฯ มีสภาพคล่องเพียงพอ คณะกรรมการ ฯ จึงเห็นสมควรปรับปรุงวงเงินรวมของ แผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2552 เพิ่มขึ้น 100,000 ล้านบาท และได้พิจารณากฎ หมายที่เกี่ยวข้องกับการกู้เงินและการค้ำประกันเงินกู้แล้ว สามารถดำเนินการได้ 2. คณะกรรมการ ฯ พิจารณาปรับเพิ่มวงเงินกู้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2552 จำนวน 100,000 ล้านบาท สามารถดำเนินการได้โดยไม่มีข้อขัดข้องทางกฎหมาย ทำให้วงเงินใน แผน ฯ เพิ่มขึ้นจาก 1,095,191.89 ล้านบาท เป็น 1,195,191.89 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 3295 | การกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2550/2551 และการกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2549/2550 | กค | 19/11/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้กระทรวงการคลังจัดหาเงินกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรให้แก่กอง ทุนอ้อยและน้ำตาลทราย จำนวน 5,227.48 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินสมทบชดเชยส่วนต่างราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและ ผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2549/2550 ตามนัยมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2551 (เรื่อง การกำหนดราคาอ้อยและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้น ต้น ฤดูการผลิตปี 2550/2551 และการกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำ ตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2549/2550) 2. รับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2551 ของกระทรวง การคลังเกี่ยวกับการจัดหาเงินกู้ให้กองทุน ฯ และการอนุโลมให้โรงงานชำระภาษีเงินได้ในส่วนของเครดิตโรงงาน เมื่อได้รับเงินคืนจากกองทุน ฯ 3. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องตรวจสอบสถานะของ กองทุน ฯ และพิจารณาแนวทางในการปรับปรุงพัฒนากองทุน ฯ ให้มีศักภาพในการดำเนินงานเพื่อแก้ไขภาระหนี้ ของกองทุน ฯ รวมทั้งพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมในการปรับปรุงระบบแบ่งปันผลประโยชน์ของอุตสาหกรรม อ้อยและน้ำตาลทรายให้มีประสิทธิภาพเกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ประกอบการและเกษตรกรมากยิ่งขึ้น เช่น ความ เป็นไปได้ในการจัดเก็บรายได้เพื่อนำเข้ากองทุน ฯ จากน้ำตาลทรายที่ส่งออกไปขายยังต่างประเทศ การแบ่งปัน ผลประโยชน์จากเอทานอลซึ่งใช้อ้อยเป็นวัตถุดิบในการผลิตและผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องอื่น ๆ เป็นต้น |
|||||||||||||||||||||||||||
| 3296 | ขออนุมัติโครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า จำนวน 20 คัน และรถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า (บทต.) จำนวน 308 คัน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 11/11/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า ขนาดน้ำหนักกดเพลาสูงสุด 20 ตัน/เพลา จำนวน 7 คัน และรถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า (บทต.) ขนาดน้ำหนักกดเพลาสูงสุด 20 ตัน/เพลา จำนวน 308 คัน โดยให้ รฟท. เป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่าย และให้ รฟท. กู้เงินจากต่างประเทศเพื่อดำเนินโครงการ ฯ โดย กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ โดย รฟท. เป็นผู้รับภาระการลงทุนทั้งหมด เนื่องจากเป็นการลงทุนในส่วน ของระบบรถ (Rolling Stocks) รวมทั้งให้ รฟท.จัดทำแผนการปรับปรุงทางและสะพานให้สามารถรองรับน้ำหนัก ของรถจักรและอุปกรณ์ล้อเลื่อนและแผนการจัดหารถจักรให้มีความสอดคล้องกัน ตามความเห็นของคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 2. ให้กระทรวงการคมนาคม และ รฟท. เร่งรัดดำเนินการตามแนวทางของแผนการปรับปรุงโครงสร้าง การบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะการเงินของ รฟท. ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2550 (เรื่องแผน ปฏิบัติการปรับปรุงโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะการเงินของ รฟท.) ร่วมกับกระทรวงการคลังเพื่อให้ มีความคืบหน้าเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และเป็นไปตามมติคณะอนุกรรมการกำกับการดำเนินการแผนยุทธศาสตร์การ ปรับปรุงโครงสร้างบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะทางการเงินของ รฟท. ภายใต้คณะกรรมการกำกับนโยบายด้าน รัฐวิสาหกิจ เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2551 ซึ่งมีมติให้ปรับโครงสร้างการรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นผู้บริหารจัดการ โครงสร้างพื้นฐาน และจัดตั้งบริษัทลูก 2 บริษัท คือ บริษัทเดินรถและบริษัทบริหารทรัพย์สินภายในปี 2551 และ เห็นควรให้ รฟท. เร่งรัดปรับปรุงเส้นทาง โดยเฉพาะหมอนและทางที่มีอยู่ในสภาพทรุดโทรมในเส้นทางต่าง ๆ ที่ ผ่านย่านกองเก็บตู้สินค้าคอนเทรนเนอร์ (Container Yard : CY) ตามความเห็นกระทรวงการคลังด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 3297 | การใช้พื้นที่ท่าอากาศยานดอนเมืองเพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติราชการของทำเนียบรัฐบาลเพิ่มเติม | นร | 11/11/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอขออนุมัติใช้เงินงบประมาณประจำ
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงิน 8,000,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงพื้นที่และจัดหาครุภัณฑ์สำนักงานเพื่อใช้ในการปฏิบัติงานของข้าราชการการ เมืองข้าราชการประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย ค่าปรับปรุงห้องคณะรัฐมนตรีห้องใหม่ ค่าปรับปรุงห้องข้า ราชการการเมืองและข้าราชการประจำ สนับสนุนค่าสาธารณูปโภคของบริษัท การท่าอากาศยานไทย จำกัด ค่าเช่า ครุภัณฑ์และอุปกรณ์สำนักงาน เพิ่มเติม และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ โดยสามารถถัวเฉลี่ยจ่ายภายในวงเงินได้ และเนื่องจากมี ความจำเป็นเร่งด่วนจึงขออนุมัติดำเนินการโดยวิธีพิเศษตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และแก้ไขเพิ่มเติม
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 3298 | การเดินทางไปราชการรัฐสุลต่านโอมาน ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รัฐกาตาร์ และราชอาณาจักรบาห์เรน | มท | 11/11/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการรัฐสุลต่านโอมาน ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รัฐกาตาร์ และราชอาณาจักรบาห์เรน ตามโครงการพัฒนาศักยภาพเยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อการมีงานทำในต่างประเทศ ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๑ เพื่อติดตามผลการดำเนินงานจากโครงการต้นแบบดังกล่าว จากการเยือนในครั้งนี้ประสบผลสำเร็จในระดับดีได้รับการต้อนรับจากประเทศที่ไปเยือนเป็นอย่างดี และได้รับทราบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงการบริหารจัดการในด้านแรงงาน การศาสนา การเศรษฐกิจ และการศึกษา ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. เห็นชอบให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ได้แก่ ๒.๑ กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงแรงงานดำเนินการร่วมกันในภาพรวมอย่างใกล้ชิดในการผลิตบุคลากร โดยเฉพาะจากจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าสู่ตลาดแรงงานทั้งในด้านความรู้ด้านภาษาต่างประเทศ ทักษะฝีมือ และทัศนคติที่พร้อมสำหรับการทำงานในทุกระดับให้สามารถแข่งขันกับแรงงานชาติอื่นได้ ๒.๒ กระทรวงแรงงานพิจารณาเปิดสำนักงานในภูมิภาคตะวันออกกลางเพิ่ม เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานด้านการส่งเสริมและคุ้มครองแรงงานไทย รวมถึงแรงงานจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่จะมีการสนับสนุนให้มีการทำงานมากขึ้นได้อย่างทั่วถึง ๒.๓ กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนไทยในประเทศซาอุดีอาระเบีย ที่บิดาและมารดาอาศัยอยู่ในประเทศดังกล่าวอย่างผิดกฎหมาย ๒.๔ สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกระทรวงการต่างประเทศร่วมกันหามาตรการสกัดกั้นไม่ให้คนไทย โดยเฉพาะหญิงไทยไปกระทำความผิดในราชอาณาจักรบาห์เรน เพราะอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และต่อความร่วมมือที่ได้รับจากราชอาณาจักรบาห์เรนในการสนับสนุนการช่วยเหลือในเรื่องการแก้ไขความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ๒.๕ ศอ.บต. ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงศึกษาธิการร่วมกันเป็นเจ้าภาพรับรองอธิบดีมหาวิทยาลัยบาห์เรนที่จะมาเยือนประเทศไทยเป็นการส่วนตัวในโอกาสพิเศษเป็นกรณีพิเศษ และเชิญเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านกิจการศาสนาอิสลามของรัฐกาตาร์และราชอาณาจักรบาห์เรนมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อประโยชน์ในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสอง และสร้างมิตรกับประเทศมุสลิมสายกลาง ๒.๖ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงาน ก.พ. รับผิดชอบดูแลนักเรียนไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลบาห์เรนไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยบาห์เรน จำนวน ๑๐ ทุน ๓. ให้ ศอ.บต. ติดตามและประสานการดำเนินงานกับหน่วยงานต่าง ๆ อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องด้วย เช่น การอบรมแรงงานไทยของกระทรวงแรงงานให้มีความพร้อมในการทำงานในต่างประเทศทั้งในด้านทัศนคติ ฝีมือแรงงาน การติดต่อสื่อสาร และการดำรงชีวิตประจำวัน เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถแข่งขันกับแรงงานชาติอื่นได้ เป็นต้น |
|||||||||||||||||||||||||||
| 3299 | การปรับปรุงโครงสร้างองค์การสถาบันการเงินเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม | กค | 04/11/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภา ผู้แทนราษฎรพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไป ดังนี้ 1.1 ร่างพระราชบัญญัติบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ คือ ให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมสามารถควบกิจการกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อมแห่งประเทศไทยได้ 1.2 ร่างพระราชบัญญัติธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยสามารถควบหรือรับ โอนกิจการจากบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมได้ 2. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย กรณีการควบรวมและโอนกิจการระหว่าง ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยและบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม เมื่อมีการควบรวมกันแล้ว จะต้องดำรงพันธกิจทั้งด้านการให้สินเชื่อและการค้ำประกันสินเชื่อให้ยังคงอยู่ และมีความ สำคัญควบคู่กันไป และเนื่องจากการควบรวมต้องใช้เวลา ในระหว่างนี้ควรต้องดำเนินการมิให้พันธกิจการค้ำประกัน สินเชื่อที่บรรษัทประกันสินเชื่อ ฯ ดำเนินการอยู่ และมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจต้องถูกละเลย หรือลดบทบาท และความสำคัญลงไป ไปพิจารณาด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 3300 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการโครงการปรับปรุงถนนสาย นว.3008 แยกทางหลวงหมายเลข 333 -บ้านโกรกพระ อำเภอพยุหคีรี จังหวัดนครสวรรค์ | คค | 04/11/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้กรมทางหลวงชนบทเปลี่ยนแปลงรายการ จาก
รายการโครงการปรับปรุงถนนสาย นว.3008 แยกทางหลวงหมายเลข 333-บ้านโกรกพระ อำเภอพยุหคีรี จังหวัด นครสวรรค์ ระยะทาง 18.145 กิโลเมตร เป็นรายการปรับปรุงถนน สาย นว. 3008 แยกทางหลวงหมายเลข 333 -บ้านโกรกพระ อำเภอพยุหคีรี จังหวัดนครสวรรค์ พร้อมก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งเลียบแม่น้ำ ระยะทาง 1.200 กิโลเมตร ส่วนงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ ฯ ให้กรมทางหลวงชนบทเบิกจ่ายจากงบประมาณราย จ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จำนวน 18,000,000 บาท ส่วนที่ขาดอยู่อีกจำนวน 101,990,000 บาท ให้ เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อ ๆ ไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
.....
