ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 164 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 3261 - 3280 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 3261 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การเพิ่มความปลอดภัยในการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ" | สสป | 07/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะ ของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "การเพิ่มความปลอดภัยในการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ" สรุปได้ดังนี้ 1.1 การพัฒนามาตรฐานรถโดยสารสาธารณะ อาทิ การตรากฎระเบียบว่าด้วยมาตรฐานพนักงาน ขับรถ ระบบค่าจ้าง สวัสดิการ ระยะเวลาการทำงาน การพักผ่อนที่เหมาะสม วินัย และมาตรฐานวิชาชีพของพนัก งานขับรถ การกำหนดมาตรฐานรถโดยสารสาธารณะและมาตรฐานอู่ต่อรถโดยสารสาธารณะ รวมทั้งมีกระบวน การในการตรวจสภาพรถโดยมีการออกใบรับรองมาตรฐานเป็นระยะทุก 3 เดือน ส่วนพนักงานบริการบนรถโดย สารสาธารณะต้องได้รับการอบรม การตรวจสอบประวัติ และมีข้อกำหนดว่าด้วยวินัยและมารยาท เป็นต้น 1.2 การพัฒนามาตรฐานที่ปลอดภัยของรถโดยสารสาธารณะ อาทิ สนับสนุนให้องค์กรผู้ประกอบ การและองค์กรของพนักงานมีส่วนร่วมในการควบคุม พัฒนามาตรฐาน และจัดทำแนวทางหรือข้อปฏิบัติที่ดี และ การใช้มาตรการทางภาษีเพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาคุณภาพรถโดยสารสาธารณะ จัดสรรเงิน จากภาษีน้ำมัน หรือกองทุนอื่นของรัฐให้ผู้ประกอบการกู้ยืมระยะยาวในอัตราดอกเบี้ยต่ำ เป็นต้น 1.3 ควรปรับปรุงระบบการเดินรถให้เป็นธรรม โดยให้ความสำคัญกับระบบการให้สัมปทานเดินรถ ที่เป็นธรรมอย่างน้อยให้มีผู้ประกอบการตั้งแต่ 2 รายขึ้นไปในทุกเส้นทาง 1.4 ตรากฎระเบียบกำหนดมาตรฐานการประกันภัยผู้เสียหายจากรถโดยสารสาธารณะ 1.5 จัดตั้งส่วนงานที่รับเรื่องร้องเรียนจากผู้โดยสาร 1.6 ส่งเสริมสิทธิของผู้ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะและการเข้าถึงสิทธิของผู้ใช้บริการ โดยให้ตรา เป็นกฎระเบียบว่าด้วยสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้โดยสาร 1.7 ตรากฎระเบียบว่าด้วยมาตรฐานรถที่ปลอดภัยที่ทางราชการจะเช่าหรือซื้อเพื่อใช้ในราชการเพื่อ ความปลอดภัยของข้าราชการ หรือผู้เข้าร่วมกิจกรรมของส่วนราชการ 2. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาด ไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน กระทรวงสาธารณสุข สำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนัก งานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และผู้ประกอบการรถโดยสาร ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมไปดำเนินการตาม มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2551 (เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง แนวทางการดำเนินการ ของคณะรัฐมนตรีในเรื่องที่สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้คำปรึกษา ข้อเสนอแนะ หรือความเห็นต่อ คณะรัฐมนตรี) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3262 | ข้อเสนอมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ (โครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด) | นร | 24/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ (โครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด) สำหรับ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 (ออกจากราชการวันที่ 1 ตุลาคม 2552) ที่คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบาย กำลังคนภาครัฐ (คปร.) มีมติเห็นชอบในคราวประชุม ครั้งที่ 1/2552 วันที่ 2 มีนาคม 2552 โดยมีสาระสำคัญและ หลักการตามมาตรการปรัปบรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2550 และ ปรับรายละเอียดเพิ่มเติม ดังนี้ 1.1 ปรับจำนวนสูงสุดของผู้เข้าร่วมมาตรการ ฯ ตามสัดส่วนของข้าราชการอายุ 50 ปีขึ้นไปที่มีใน ส่วนราชการ (จากตั้งแต่ร้อยละ 10 จนถึงร้อยละ 20 ขึ้นไปของข้าราชการอายุ 50 ปีขึ้นไป) และใช้กลไกของ อ.ก.พ. กระทรวงในการเกลี่ยโควตาผู้เข้าร่วมมาตรการ ฯ ภายในกระทรวงโดยให้ใช้งบประมาณเงินก้อนของส่วนราชการที่ ผู้เข้าร่วมมาตรการ ฯ สังกัด 1.2 เพิ่มเติมการกำหนดคุณสมบัติของผู้ออกจากราชการตามมาตรการ ฯ โดยจะต้องไม่เป็นจำเลยใน คดีอาญาซึ่งมิใช่ความผิดลหุโทษหรือความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของมาตรการ ฯ ที่กำหนดคุณสมบัติเฉพาะผู้ไม่มีข้อกล่าวหาใด ๆ เป็นคุณสมบัติของผู้ออกจากราชการตามมาตรการ ฯ ซึ่งจะมีสิทธิ ได้รับสิทธิประโยชน์เงินก้อน 8-15 เท่า 2. ให้สำนักงาน ก.พ. รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการศึกษาวิจัยผลการดำเนินงานโครง การ ฯ ไปพิจารณาดำเนินการ สำหรับในขั้นการดำเนินโครงการของส่วนราชการ ให้ส่วนราชการให้ความสำคัญกับ กระบวนการคัดกรองผู้เข้าร่วมโครงการอย่างมีประสิทธิภาพโดยให้ความสำคัญกับกลุ่มที่มีปัญหาด้านสุขภาพเพื่อให้ เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่าต่อองค์กรร่วมทั้งป้องกันการสูญเสียกำลังคนที่มีคุณภาพซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติ งานขององค์กรในระยะยาวต่อไป ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3263 | การปรับปรุงอัตราภาษีป้ายตามแผนปฏิบัติการในการจัดระเบียบป้าย | กค | 24/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนเรื่อง การปรับปรุงอัตราภาษีป้ายตามแผนปฏิบัติการในการจัดระเบียบ
ป้าย คืนไปได้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3264 | แผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยจากคลื่นสึนามิ (ระยะ 5 ปี) | มท | 24/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
1. แผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยจากคลื่นสึนามิ (ระยะ 5 ปี) มีเป้าหมายเพื่อลดความสูญเสีย ชีวิตและทรัพย์สินของผู้ประสบภัย ฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยและสร้างความมั่นคงของผู้ประสบภัยให้กลับสู่ภาวะปกติ โดยเร็วที่สุด ตลอดจนบูรณาการปฏิบัติงานระหว่างหน่วยงาน เครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน และให้ หน่วยงานต่าง ๆ สามารถนำไปสู่การจัดทำแผนปฏิบัติการและแผนงบประมาณ ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ 4 ยุทธศาสตร์ คือ 1.1 ยุทธศาสตร์ที่ 1 การป้องกันและลดผลกระทบ มี 9 กลยุทธ์ (44 กิจกรรมหลัก) 1.2 ยุทธศาสตร์ที่ 2 การเตรียมพร้อมรับภัย มี 6 กลยุทธ์ (21 กิจกรรมหลัก) 1.3 ยุทธศาสตร์ที่ 3 การจัดการในภาวะฉุกเฉิน มี 7 กลยุทธ์ (31 กิจกรรมหลัก) 1.4 ยุทธศาสตร์ที่ 4 การจัดการหลังเกิดภัย มี 5 กลยุทธ์ (36 กิจกรรมหลัก) 2. ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นหน่วยงานประสานหลักร่วม กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการและแผนงบประมาณรองรับแผนแม่บทดังกล่าว รวมทั้งให้รับความ เห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่ควรมีการกำหนดเป้าหมายของแผนแม่บท ฯ ให้มี ลักษณะเป็นรูปธรรมหรือมีเป้าหมายเชิงปริมาณมากขึ้น เช่น จำนวนระบบเตือนภัยที่จะต้องดำเนินการ จำนวน ระบบสื่อสารที่จำเป็นต้องจัดหา จำนวนศูนย์อำนวยการที่จะต้องจัดตั้ง จำนวนโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ที่ต้อง ดำเนินการปรับปรุงหรือพัฒนา เพื่อให้เกิดความชัดเจนในขั้นตอนการแปลงแผนไปสู่การปฏิบัติ รวมทั้งกระบวน การจัดทำงบประมาณ และการจัดทำแผนแม่บท ฯ ควรสอดคล้องกับกรอบแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณ ภัยแห่งชาติ กรอบแผนปฏิบัติการการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแบบบูรณาการระดับกระทรวง และแผน การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และให้นำผลการฝึกซ้อมการบริหารวิกฤตการณ์ด้านสาธารณภัย ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2550 และวันที่ 11 พฤศจิกายน 2551 เรื่อง การฝึกซ้อมการ บริหารวิกฤตการณ์ด้านสาธารณภัย โดยเฉพาะการฝึกซ้อมระดับชาติกรณีภัยพิบัติสึนามิ ไปประกอบแผนแม่ บท ฯ เพื่อให้แผนมีความรอบด้านยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3265 | แผนปฏิบัติการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งชาติในเชิงยุทธศาสตร์ | มท | 24/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบแผนปฏิบัติการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งชาติในเชิงยุทธศาสตร์ พ.ศ. 2553-พ.ศ. 2562 (Strategic National Action Plan (SNAP) on Disaster Risk Reduction 2010-2019) เพื่อกำหนดทิศทางการลด ความเสี่ยงจากภัยพิบัติของประเทศไทยให้เป็นระบบที่บูรณาการและเสริมกำลังกัน โดยให้หน่วยงานทุกภาคส่วน มีแผนปฏิบัติการระยะยาวสอดรับกับแผนปฏิบัติการ ฯ และให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย เป็นหน่วยประสานงาน กำกับ ดูแลทิศทางการนำแผนปฏิบัติการดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติและติดตาม ประเมินผล ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ 2. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ที่เห็นควรให้กรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยเป็นหน่วยงานประสานงาน กำกับ ดูแล ทิศทางการนำแผนปฏิบัติการ ฯ ไปสู่การปฏิบัติและตรวจ สอบติดตามประเมินผลดำเนินการกำหนดตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อให้สามารถติดตามความก้าวหน้าได้ อย่างต่อเนื่อง และเป็นข้อมูลย้อนกลับในการปรับปรุงแผนในแต่ละช่วงเวลา (3 ปี 5 ปี 8 ปี และ 10 ปี) และ ควรพิจารณาความชัดเจนเชิงนโยบายเพื่อเพิ่มศักยภาพแผนปฏิบัติการ ฯ กับแผนปฏิบัติการป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยแบบบูรณาการภายใต้แผนป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งชาติให้สามารถสนับสนุนการดำเนินงานซึ่งกัน และกัน และเห็นควรจัดตั้งคลังข้อมูลด้านการบริหารจัดการภัยพิบัติที่เชื่อมต่อกับระบบข้อมูลสารสนเทศภัยพิบัติ ระหว่างฝ่ายพลเรือน กองทัพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ควรเพิ่มเติมกิจกรรมภายใต้แผนปฏิบัติการ ฯ เพื่อรองรับภัยพิบัติขนาดใหญ่ โดยเน้นการสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาคหรือนานาชาติเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ ระบบบริหารจัดการภัยพิบัติอย่างเป็นระบบ เป็นต้น ไปพิจารณดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3266 | ขออนุมัติเปิดโครงการโดยใช้เงินกู้จากต่างประเทศเพื่อดำเนินโครงการปรับปรุงและบำรุงรักษาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการส่งน้ำ (โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามหาราช) | กษ | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้กรมชลประทานเปิดโครงการปรับปรุงและบำรุงรักษาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการส่งน้ำ โดย ปรับปรุงอาคารชลประทาน ระบบส่งน้ำ ระบบระบายน้ำของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามหาราชให้มีประสิทธิ ภาพสูงขึ้น สามารถใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการน้ำของโครงการ ฯ ได้สูงสุด และช่วยแก้ไขปัญหาอุทกภัยที่ เกิดขึ้นในเขตพื้นที่โครงการ ฯ โดยใช้เงินกู้จากต่างประเทศมาดำเนินโครงการตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ โครงการเงินกู้ประจำปี 2552 และอนุมัติกรอบวงเงินสำหรับดำเนินโครงการ ฯ รวมทั้งสิ้น 1,463.03 ล้านบาท แยกเป็นเงินกู้ต่างประเทศ 1,000.70 ล้านบาท เงินงบประมาณสมทบ 462.33 ล้านบาท โดยให้กรมชลประทาน ดำเนินโครงการ ฯ ตามแผนปี พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2556 ระยะเวลา 5 ปี ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยในส่วนของการขอใช้เงินกู้ ให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง และการใช้เงินงบประมาณ ให้เป็นไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) รับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เห็นว่า การใช้เงินกู้จากต่างประเทศมาดำเนินโครงการ ฯ ควรพิจารณาค่าคืนทุนทางตรงหรือทางอ้อม เช่น การมีส่วน ร่วมของประชาชนผู้ได้รับประโยชน์ในการปรับปรุงและการบำรุงรักษา เป็นต้น เพื่อลดภาระงบประมาณในการ ลงทุนและบำรุงรักษาในระยะยาว และควรปรับปรุงต้นทุนค่าก่อสร้างให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ปรับปรุงวิธี ดำเนินการโครงการ ฯ เพื่อสนับสนุนให้มีการจ้างงานในพื้นที่ให้มากขึ้น และกำหนดกระบวนการติดตามประเมิน ผลหลังสิ้นสุดโครงการและจัดทำแผนป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่อาจจะเกิดจากการดำเนินโครงการ ฯ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3267 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2552 | ทส | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการ
สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2551 เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2552 สรุปมติที่สำคัญดังนี้ 1. เห็นชอบให้ใช้อำนาจประกาศกำหนดให้ท้องที่เขตเทศบาลเมืองมาบตาพุดและพื้นที่บริเวณใกล้เคียง เป็นเขตควบคุมมลพิษ เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในท้องที่ที่ได้ประกาศกำหนดให้เป็นเขตควบคุมมลพิษจัด ทำแผนปฏิบัติการเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัด และดำเนินการตามข้อกำหนดในพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษา คุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 2. เห็นชอบนโยบายสร้างจิตสำนึกเยาวชนด้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามความ เห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 3. เห็นชอบมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม โดยให้กระทรวง กรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตราการ ฯ และรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะรัฐมนตรี สำหรับ มาตรการแก้ไขปัญหามลพิษจากการประกอบกิจการรับกำจัดกากอุตสาหกรรมของบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) มอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมประสานกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการสำรวจพื้นที่และจัดทำข้อมูลรายงานต่อประธานกรรมการสิ่งแวดล้อม แห่งชาติ ภายใน 7 วัน 4. เห็นชอบในหลักการโครงการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ของประเทศ โดยในส่วนของวงเงินงบประมาณให้ประสานสำนักงบประมาณเพื่อตกลงในรายละเอียดต่อไป กรณีที่ไม่สามารถ สนับสนุนงบประมาณจากกลางปี พ.ศ. 2552 ได้ ให้นำเสนอคณะกรรมการกองทุนสิ่งแวดล้อมเพื่อพิจารณาตาม ขั้นตอนต่อไป 5. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภทและขนาด โครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบ ปฏิบัติ และแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีการปรับปรุงเอกสารท้ายประกาศ 1 ในลำดับที่ 28 โดยกำหนดให้โครงการจัดสรรที่ดิน จำนวนที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ 500 แปลงขึ้นไปหรือเนื้อที่เกิน กว่า 100 ไร่ ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการจัดสรรที่ดินแปลงย่อยขนาด 250 แปลง แต่ไม่ถึง 500 แปลง ให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประมวลข้อ มูล และให้เสนอแนวทางในการดำเนินการให้มีมาตรการจัดการสิ่งแวดล้อมก่อนเริ่มโครงการตามหลักวิชาการที่ เหมาะสมเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติต่อไป 6. เห็นชอบให้กำหนดอัตราค่าบริการบำบัดน้ำเสียเทศบาลเมืองแม่สอด จังหวัดตาก เทศบาลตำบลหัว ขวาง จังหวัดมหาสารคาม เทศบาลเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร เทศบาลเมืองหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และเทศบาลเมืองป่าตอง จังหวัดภูเก็ต โดยให้จัดเก็บค่าบริการบำบัดน้ำเสียตามอัตราขั้นต่ำในปีแรกที่เริ่มจัดเก็บ ก่อน กับเห็นชอบให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 5 พื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมความพร้อมและวาง แผนงานต่าง ๆ ตามความเห็นของคณะกรรมการควบคุมมลพิษ โดยมีเงื่อนไขให้มีการพิจารณาทบทวนอัตราค่า บริการบำบัดน้ำเสียทุก 5 ปี 7. เห็นชอบให้กำหนดอัตราค่าบริการจัดการขยะมูลฝอยเทศบาลเมืองตราด จังหวัดตราด เทศบาล เมืองสะเดา จังหวัดสงขลา เทศบาลตำบลเมืองแกลง จังหวัดระยอง และเทศบาลตำบลเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม เป็นอัตราค่าบริการที่เป็นช่วง (ขั้นต่ำ-ขั้นสูง) โดยเทศบาลดังกล่าวจะต้องจัดให้มีกระบวนการสร้างความรู้เพื่อทำ ความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับการจัดเก็บอัตราค่าบริการด้วย และให้มีการพิจารณาทบทวนอัตราค่าบริการทุก 5 ปี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3268 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2552 ครั้งที่ 2 | กค | 10/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการ
บริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ 1. อนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ครั้งที่ 2 ที่มี วงเงินรวมของแผน ฯ เพิ่มขึ้นจำนวน 117,690.81 ล้านบาท จากวงเงินเดิม 1,195,191.89 ล้านบาท เป็น 1,312,882.70 ล้านบาท 2. อนุมัติกรอบวงเงินรวมของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 วงเงิน 1,400,000 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นกรอบรองรับการปรับปรุงแผน ฯ ในครั้งต่อไป 3. อนุมัติการกู้เงินและการค้ำประกันเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศของรัฐบาล และรัฐวิสาหกิจภาย ใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ปรับปรุงครั้งที่ 2 4. อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินและการค้ำประกันในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นภายใต้แผนการบริหารนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ปรับปรุงครั้งที่ 2 และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่า การกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงิน และหรือการค้ำประกันเงินกู้ และเอกสารที่เกี่ยว ข้อง 5. รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ครั้งที่ 2 ของ รัฐวิสาหกิจที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องอยู่ภายใต้กรอบวงเงินแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3269 | โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต | คค | 10/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้ปรับกรอบวงเงินลงทุนค่าก่อสร้างโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) บางซื่อ- รังสิต ภายใต้ความรับผิดชอบของการรถไฟแห่งประเทศไทย จากเดิมที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2550 [เรื่อง ขออนุมัติดำเนินการก่อสร้างโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพมหานครและ ปริมณฑล : โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต] อนุมัติไว้ในวงเงิน 59,888 ล้าน บาท โดยให้มีกรอบวงเงินเพิ่มขึ้นในจำนวนที่เหมาะสมเพียงพอแก่การดำเนินโครงการ ฯ และให้กระทรวงการ คลังรับไปประสานในรายละเอียดกับกระทรวงคมนาคมเพื่อดำเนินการต่อไป 2. ให้กระทรวงคมนาคมเร่งพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์สูงสุด ที่จะนำมาใช้ในโครงการ ฯ ว่าสมควรจะใช้ในรูปแบบใด เช่น รูปแบบ Public Private Partnerships (PPPs) ซึ่ง ให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน และเป็นผู้บริหารจัดการโครงการ โดยรัฐบาลเป็นผู้รับซื้อบริการจากภาคเอกชนตาม ปริมาณและคุณภาพงานที่กำหนด และรูปแบบที่ภาครัฐเป็นผู้ลงทุนทั้งหมด และจ้างภาคเอกชนเป็นผู้บริหาร โครงการ เป็นต้น แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป 3. ให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟ ฯ) และกระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรม การพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้การรถไฟ ฯ ศึกษาและจัดทำประมาณการวงเงินลงทุนและแผน ดำเนินการก่อสร้างในเส้นทางส่วนต่อขยายจากรังสิตถึงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อให้สามารถดำเนินการ ประกวดราคาได้ทันทีหากมีเงินเหลือจ่ายจากการประกวดราคาช่วงบางซื่อ-รังสิต และเร่งศึกษาแนวทางการ บริหารจัดการด้านการเดินรถ ทั้งด้านความเหมาะสมของรูปแบบการเดินรถทั้งในเชิงเทคนิค ความพร้อมของ แหล่งเงิน บุคลากร และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและบำรุงรักษา พร้อมทั้งแผนบริหารจัดการใช้ประโยชน์ ทางรถไฟร่วมกันระหว่างการเดินรถไฟประเภทต่าง ๆ เช่น รถไฟทางไกล รถไฟชานเมือง เป็นต้น นอกจากนี้ เห็นควรเร่งดำเนินการตามแนวทางของแผนการปรับปรุงโครงสร้างการบริหารจัดการ เพื่อฟื้นฟูฐานะการเงิน ของการรถไฟ ฯ ตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2550 โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างและ บทบาทของการรถไฟ ฯ ให้มีความชัดเจนในด้านการกำกับดูแลและการปฏิบัติงาน การแก้ไขปัญหาทางการ เงิน โดยให้ความสำคัญกับการบริการเชิงพาณิชย์ การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพย์สิน รวมทั้ง การเพิ่มบทบาท และเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้าร่วมดำเนินงานเพื่อลดภาระการลงทุนของการรถไฟ ฯ และ ภาระเงินอุดหนุนจากภาครัฐ ไปพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3270 | ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ 5/2552 | นร | 24/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรม
การและเลขานุการคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (รศก.) เสนอ ดังนี้ 1. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการ รศก. ครั้งที่ 5/2552 เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2552 และเห็นชอบมติคณะกรรมการ รศก. ดังนี้ 1.1 แนวทางการระดมทุนในรูปแบบ Public Private Partnerships (PPPs) ที่ประชุมมีมติเห็น ชอบแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาแนวทางการเพิ่มบทบาทภาคเอกชนในรูปบบ PPPs มีหน้าที่พิจารณา แนวนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการลงทุนภาครัฐในรูปแบบ PPPs กำหนดขั้นตอน และกระบวน การทำงานในการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนให้มีความชัดเจนและสอดคล้องกับพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอก ชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง และศึกษาแนวทาง การปรับปรุงระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และนำผลการพิจารณาเสนอให้คณะกรรมการ รศก. และคณะ รัฐมนตรีพิจารณาต่อไป 1.2 กรอบแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะปานกลาง ที่ประชุมมีมติเห็นชอบสาขาการลงทุนสำคัญใน 5 สาขา และมอบหมายให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องจัดส่งรายละเอียดแผนการลงทุนให้สำนักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รวบรวมและกลั่นกรองและให้ สศช. ร่วมกับกระทรวงการคลัง พิจารณากรอบวงเงินให้สอดคล้องกับข้อกฎหมาย และการรักษาวินัยการคลังที่ยั่งยืน โดยดำเนินการให้แล้ว เสร็จภายใน 1 เดือน และนำเสนอรองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) พิจารณาก่อนนำเสนอคณะ กรรมการ รศก. ต่อไป 1.3 ผลกระทบจากพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2551 ต่ออุตสาหกรรม ผลิตและซ่อมอากาศยานและชิ้นส่วน ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวง พาณิชย์ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกันพิจารณาความเหมาะสมของการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยว ข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมผลิตและซ่อมอากาศยานและชิ้นส่วนของประเทศ ต่อไป แล้วรายงานคณะกรรมการ รศก. และคณะรัฐมนตรี และให้กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงคมนา คมร่วมกันจัดทำแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตและซ่อมอากาศยานและชิ้นส่วนของประเทศเพื่อใช้เป็น กรอบแนวทางการพัฒนาและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอากาศยานทั้งระบบต่อไป 1.4 มอบหมายให้ส่วนราชการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ดังนี้ 1.4.1 มอบให้ สศช. ประสานกับธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการต่างประเทศ และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้จัดส่งข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ให้ สศช. รวบรวม และนำเสนอคณะกรรมการ รศก. 1.4.2 มอบให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานมาตรการกีดกันทางการค้าในทุกรูปแบบของประเทศคู่ค้าสำคัญเพื่อเป็นข้อมูล สำหรับนายกรัฐมนตรีในการเดินทางไปเจรจาในต่างประเทศ 2. รับทราบและเห็นชอบข้อเสนอเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนตามกรอบแผนฟื้นฟู ฯ ที่จะลงทุนใน 5 สาขาหลักที่สำคัญ โดยปรับเพิ่มเป็น 6 สาขาหลัก ฯ โดยแยก "เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์" ออกจาก "อุตสาห กรรมท่องเที่ยวและเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์" ใน (3) เป็นอีก 1 สาขา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3271 | รายงานผลการดำเนินการแผนพัฒนาหอสมุดแห่งชาติให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ทันสมัย | วธ | 17/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมรายงานผลการดำเนินการแผนพัฒนาหอสมุด
แห่งชาติให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ทันสมัย โดยผลการดำเนินการขนย้ายหนังสือและสิ่งของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วน การประมูลการจ้างด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2551 บริษัทที่ให้ราคาต่ำสุดเสนอราคาที่ 438,000,000 บาท ด้านการก่อสร้างอาคารยังไม่ได้ดำเนินการ สำหรับการจัดทำแผนพัฒนาเทคโนโลยีสาร สนเทศเพื่อของบประมาณได้ร่างแผนพัฒนาเสร็จเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างนำเสนอกรมศิลปากร รวมทั้งดำเนิน การแบบรูปรายการในการปรับปรุงอาคารหลังเดิมเสร็จเรียบร้อยแล้วเพื่อของบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3272 | ขอยกเว้นกรอบวงเงินรวมสำหรับค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร | พน | 17/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2547 (เรื่อง การปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราเงินเดือน ฯ หลักเกณฑ์การ กำหนดเบี้ยประชุม ฯ และการพัฒนาการดำเนินงานและการประเมินผลองค์การมหาชน) โดยให้กำหนดกรอบวง เงินรวมสำหรับค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรเกินร้อยละ 30 ของเงินอุดหนุนประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ถึงปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2553 ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ เป็นการเฉพาะราย ทั้งนี้ ให้สถาบัน ฯ ควบคุมอัตราการเพิ่ม ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป มิให้สูงกว่าอัตราการเพิ่มค่าใช้จ่ายบุคลากรในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 รวมทั้งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2547 โดยคำนึงถึงตัวชี้วัดผลการดำเนิน งานที่ชัดเจนและความคุ้มค่าต่อภารกิจภาครัฐที่ต้องดำเนินการ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการ ตามความ เห็นของสำนักงบประมาณ และสำนักงาน ก.พ. 2. โดยที่การบริหารรูปแบบองค์การมหาชนได้ดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว ควรมีการพิจารณาทบทวน ความจำเป็นและความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณ โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร เพื่อพิจารณาปรับปรุงให้ เหมาะสมกับสภาพการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป จึงมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) รับไป พิจารณา แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3273 | นโยบายการพัฒนาระบบราชการ | นร | 17/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอมติคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการในการประชุม ครั้งที่ 1/2552 วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2552 เรื่อง นโยบายการพัฒนาระบบราชการ โดยกำหนดให้มีมาตรการระงับ การดำเนินการใด ๆ ที่มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงจำนวนหน่วยงานที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยให้ส่วนราชการ ต่าง ๆ ระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงาน รวมทั้งการขอจัดตั้งองค์การมหาชน หรือหน่วย งานอื่นของรัฐในสังกัดฝ่ายบริหาร และหน่วยบริการรูปแบบพิเศษ เพิ่มใหม่ชั่วคราวตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึง สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ยกเว้นกรณีดังต่อไปนี้ 1.1 กรณีการจัดตั้งหน่วยงานตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติ 1.2 กรณีการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ หรือขยายหน่วยงาน เพื่อรับผิดชอบงานตามนโยบายสำคัญ เร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้สั่งการให้ดำเนินการ 1.3 กรณีการยกฐานะจากกองเป็นสำนักซึ่งมีการปรับปรุงงานให้มีคุณภาพสูงขึ้น โดยไม่มีผลทำ ให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 1.4 กรณีการยุบ รวม โอน หน่วยงานภายในส่วนราชการ/จังหวัดเดียวกัน หรือระหว่างส่วนราช การในกระทรวงเดียวกันหรือต่างกระทรวง หรือระหว่างจังหวัดและกลุ่มจังหวัด โดยไม่มีผลทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่ม ขึ้น 1.5 กรณีการถ่ายโอนภารกิจตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้ แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ซึ่งส่งผลให้ต้องมีการปรับปรุงหน่วยงานใหม่ 2. การจัดตั้งหน่วยงานใหม่ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ในกรณีร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการที่คณะ รัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแล้ว และร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมทั้งการจัดตั้งองค์การมหาชน 2 แห่ง ได้แก่ สำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิม พระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ (องค์การมหาชน) และหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ให้ดำเนินการ ต่อไปได้ 3. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับไปดำเนินการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานขององค์การมหาชน แต่ละแห่ง หากพบว่า องค์การมหาชนใดไม่สามารถดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ ไม่คุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายที่ใช้ ในการดำเนินงาน หรือหมดความจำเป็น ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณายุบเลิก
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3274 | ขออนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) และอาคารที่พักอาศัยและอาคารผู้ป่วยให้กับข้าราชการตำรวจ | ตช | 17/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) อาคารที่พักอาศัย และ อาคารผู้ป่วยให้กับข้าราชการตำรวจ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตช.) เสนอ ทั้งนี้ เนื่องจากโครงการก่อ สร้างอาคารผู้ป่วยดังกล่าวอยู่ระหว่างการเตรียมการรื้อถอนอาคารเดิมคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ ประมาณ 7-8 เดือน ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาใกล้สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จึงเห็นควรเริ่มดำเนินการในปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2553 โดยให้ ตช. เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 และโดยที่ โครงการอยู่ระหว่างการออกแบบและขาดประมาณราคาก่อสร้างที่ชัดเจนจึงยังไม่สามารถพิจารณาความเหมาะ สมของราคาได้ รวมทั้งเป็นรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินรวมเกินกว่า 1,000 ล้านบาท จึง เห็นควรให้ ตช. จัดทำรายละเอียดดังกล่าวให้ชัดเจน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้ ตช. พิจารณาใช้จ่ายจากเงินบำรุงโรงพยาบาลตำรวจตามกำลังเงินที่จะสนับสนุนได้ อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 525 ล้าน บาท ตามที่ได้ขอทำความตกลง เพื่อแบ่งเบาภาระงบประมาณให้มากที่สุดมาสมทบกับเงินงบประมาณในการ ดำเนินโครงการต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2552 เรื่อง การปรับปรุง แก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้าม ปีงบประมาณ และมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้องในส่วนที่เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันงบประมาณ ในข้อ 1.2 และข้อ 1.6 ตามหนังสือสำนักงบประมาณ ที่ นร 0704/097 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2551 2. ให้ ตช. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า เมื่อ ตช. ก่อสร้างอาคารใหม่ทดแทนเรียบร้อยแล้ว ควรดำเนินการรื้อถอนอาคารเดิมเพื่อความปลอดภัยในการ ใช้อาคาร และเพื่อมิให้เป็นภาระแก่ภาครัฐในการจัดสรรงบประมาณซ่อมแซมและดูแลรักษา ไปพิจารณาดำเนิน การด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3275 | การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง | นร | 10/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติการปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2551 (เรื่อง การปรับปรุง แก้ไขมติ คณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ และมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง) ตามที่สำนักงบ ประมาณเสนอ และให้ส่วนราชการถือปฏิบัติต่อไป 2. ให้สำนักงบประมาณรับข้อสังเกตของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับกรณีที่ให้สำนักงบประมาณสามารถ ปรับเปลี่ยนสัดส่วนภาระผูกพันงบประมาณในการเสนอตั้งงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณในกรณีส่วนราชการ ดำเนินงานล่าช้านั้น ควรมีการกำหนดขอบเขตระยะเวลาการดำเนินงานที่ล่าช้าให้ชัดเจน เพื่อเป็นแนวทางให้ส่วน ราชการทราบและปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ไปพิจารณาด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3276 | ญัตติด่วน เรื่อง ปัญหาชายแดนภาคใต้และการปรับปรุงประสิทธิภาพของกองทัพเพื่อความมั่นคง | สผ | 10/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอผลการดำเนินการตามญัตติด่วนเรื่อง ปัญหา
ชายแดนภาคใต้และการปรับปรุงประสิทธิภาพของกองทัพเพื่อความมั่นคง และให้แจ้งสำนักงานเลขาธิการสภาผู้ แทนราษฎรทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3277 | การประชุมเศรษฐกิจโลกประจำปี 2552 ณ เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ | นร | 03/02/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในการประชุมเศรษฐกิจโลกประจำปี 2552 ณ
เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีประเด็นแจ้งให้ทราบและให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการ ในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ดังนี้ 1. รับทราบปัญหาแรงงานไทยเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ซึ่งแรงงานดังกล่าวเมื่อถูกส่งกลับประเทศไทย ก็เปลี่ยนชื่อแล้วเดินทางกลับเข้าประเทศนั้น ๆ ใหม่ ทำให้เสียภาพลักษณ์ เพราะประเทศต่าง ๆ มีระบบตรวจสอบ บุคคลที่ดีแต่ประเทศไทยยังไม่มีระบบตรวจสอบในเรื่องนี้ ซึ่งเรื่องนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกำลัง ประมวลปัญหาทั้งหมดเพื่อพิจารณาหาแนวทางแก้ไขต่อไป 2. ผู้ประกอบการท่องเที่ยวรายใหญ่ได้เสนอให้ประเทศไทยดำเนินการปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อจะได้ช่วยประชาสัมพันธ์ว่าประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่ง จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวให้ดีขึ้น 3. ได้ประชุมร่วมกับผู้แทนรัฐบาลประเทศต่าง ๆ ส่วนใหญ่เป็นประเทศในกลุ่ม G 20 ในเรื่องนโยบาย กระตุ้นเศรษฐกิจ โดยที่ประชุมเห็นว่า วิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้จะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้ ในด้านการท่องเที่ยว ปริมาณ การเดินทางระหว่างประเทศลดลงกว่าร้อยละ 20 4. นายกรัฐมนตรีประเทศญี่ปุ่นแจ้งว่ายินดีที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศในทวีปเอเชีย ดังนั้น ช่วงที่ นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2552 คงจะได้หารือกันต่อไป 5. มีการอภิปรายในประเด็นการฟื้นเศรษฐกิจโลก การผลิตและการพัฒนา และปัญหาเรื่องความมั่นคง ทางอาหารของโลกว่าหากประเทศที่พัฒนาแล้วบิดเบือนกลไกการตลาด และแทรกแซงราคา ประเทศกำลังพัฒนา จะไม่กระตือรือร้นในการพัฒนาคุณภาพอาหาร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3278 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กำหนดบทนิยามคำว่า "เจ้าพนักงาน" ความผิดเกี่ยวกับศพ ความผิดเกี่ยวกับการคุกคาม และแก้ไขอัตราโทษปรับสำหรับความผิดลหุโทษ) | นร | 28/01/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ โดยร่างพระราชบัญญัติ ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1.1 เพิ่มบทนิยามคำว่า "เจ้าพนักงาน" เพื่อกำหนดความหมายของคำว่าเจ้าพนักงานให้มีความชัด เจนและสะดวกในการตีความมากขึ้น 1.2 เพิ่มลักษณะความผิดเกี่ยวกับศพ รวม 4 ฐานความผิด ได้แก่ การกระทำชำเราศพ การกระทำ อนาจารศพ การกระทำให้ศพเสียหาย และการดูหมิ่นเหยียดหยามศพ ทั้งนี้ เพื่อคุ้มครองเกียรติยศ ชื่อเสียง ของผู้ ตายและญาติของผู้ตาย รวมทั้งเอาผิดกับการกระทำอันมิบังควรต่อศพ 1.3 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 397 ให้ครอบคลุมการกระทำผิดในที่รโหฐาน การคุกคาม การกระทำอัน มีลักษณะส่อไปในทางที่จะล่วงเกินทางเพศ และการกระทำโดยอาศัยเหตุที่ผู้กระทำมีอำนาจเหนือผู้ถูกกระทำ 1.4 ปรับปรุงความหมายของความผิดลหุโทษ รวมทั้งอัตราโทษปรับสำหรับความผิดลหุโทษให้สอด คล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน 2. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็นว่าการปรับปรุง กฎหมายในความผิดเกี่ยวกับศพฐานกระทำชำเราศพ การกระทำอนาจารศพ การทำลาย หรือการทำให้ศพเสีย หาย หรือการดูหมิ่นเหยียดหยามศพ ไม่น่ามีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขกฎหมาย และในการกำหนดให้การ กระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามศพ เป็นความผิดตามร่างมาตรา 366/4 อาจมีปัญหา ในการบังคับใช้กฎหมายว่าการกระทำของบุคคลที่กฎหมายจะถือว่าเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามศพนั้นจะมีลักษณะ หรือข้อเท็จจริงอย่างไร นอกจากนี้ความผิดดังกล่าวยังได้กำหนดอัตราโทษจำคุกไว้สูงกว่าความผิดฐานดูหมิ่นบุคคล ธรรมดาตามร่างมาตรา 393 ที่ขอแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งไม่น่าจะถูกต้องและสอดคล้องกับหลักการกำหนดอัตราโทษใน ทางอาญา จึงเห็นควรตัดความในร่างมาตรา 366/4 ออก เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วนำ เสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3279 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2552 (ครั้งที่ 123) | พน | 28/01/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบและรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในการประชุมครั้งที่ 1/ 2552 (ครั้งที่ 123) เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2552 ซึ่งที่ประชุม กพช. ได้พิจารณาเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ 1.1 เรื่อง แผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี 1.2 เรื่อง ข้อเสนอการปรับปรุงแนวทางการแก้ไขปัญหาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) 1.3 เรื่อง นโยบายราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) 1.4 เรื่อง นโยบาย 6 มาตรการ 6 เดือน : มาตรการด้านภาษีสรรพสามิตน้ำมัน 1.5 เรื่อง การชดเชยรายได้ระหว่างการไฟฟ้า ปี 2552 2. ยกเว้นเรื่อง แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2551-2564 (PDP 2007 : ฉบับ ปรับปรุงครั้งที่ 2) ให้กระทรวงพลังงานรับไปตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนว่าเรื่องดังกล่าวเป็นกรณีที่ต้องดำเนินการ ให้เป็นไปตามข้อกฎหมายที่อาจเกี่ยวข้องก่อนด้วยหรือไม่ประการใด เช่น การจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของ ประชาชน เป็นต้น แล้วให้เสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3280 | การตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นพิเศษ (Special Entry Visa) | กก | 28/01/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอเกี่ยวกับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว เป็นกรณีพิเศษ (Special Entry Visa) โดยอนุญาตให้สมาชิก Thailand Elite Card มีสิทธิได้รับการตรวจลงตรา ประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นพิเศษ (Special Entry Visa) ต่อไปได้ครั้งละ 5 ปี ตลอดอายุบัตรสมาชิกและยกเว้นค่า ธรรมเนียมการตรวจลงตราเหมือนที่ผ่านมา กับให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาปรับปรุงแก้ไขประกาศกระทรวง มหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ต่อไป ทั้งนี้ ให้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับผลสำเร็จของการประกอบโครงการบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) ทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม ความเหมาะสมของโครงการเปรียบเทียบกับประโยชน์ของรัฐที่ได้รับ การปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจและการบริหารจัดการโครงการเพื่อลดปัญหาการขาดทุนสะสม และ สร้างผลตอบแทนทางธุรกิจระยะยาวควบคู่ไปกับการดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาด และความเห็นของสำนักเลขา ธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการติดตามและรายงานผลการดำเนินโครงการให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะๆ ไป ดำเนินการด้วย 2. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำทางเลือกต่าง ๆ พร้อมข้อมูล รายละเอียดประกอบในแต่ละทางเลือกในกรณีการยุติโครงการให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายใน 2 สัปดาห์ แล้วให้นำ เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
