ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 169 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 3361 - 3380 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 3361 | การปรับปรุงค่ารักษาพยาบาลบิดา - มารดาของพนักงานสำนักงานธนานุเคราะห์ | พม | 03/06/2551 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอการปรับปรุง
ค่ารักษาพยาบาลบิดา-มารดาของพนักงานสำนักงานธนานุเคราะห์ (สธค.) จากเดิมไม่เกินปีละ 12,000 บาท เป็นไม่เกินปีละ 20,000 บาท โดยให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2550
|
||||||||||||||||||||||||
| 3362 | รายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง - บางแค และช่วงบางซื่อ - ท่าพระ | นร | 27/05/2551 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอให้ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ในส่วนของการก่อสร้างงานโยธา (Civil Work) โดยมีกรอบวงเงิน 48,821 ล้านบาท งาน จัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน กรอบวงเงิน 5,900 ล้านบาท และงานจ้างที่ปรึกษาระหว่างก่อสร้าง กรอบวงเงิน 2,174 ล้าน บาท รวมกรอบวงเงินทั้งสิ้น 56,895 ล้านบาท โดยให้ รฟม. เริ่มดำเนินโครงการในส่วนงานโยธาในช่วงบางซื่อ-ท่า พระ ได้เมื่อรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมได้รับความเห็นชอบของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ทั้งนี้ ให้ กระทรวงคมนาคมและ รฟม. รับความเห็นของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปเร่งรัดดำเนิน การด้วย อาทิ ประเด็นการดำเนินการก่อสร้างงานโยธา ในส่วนของการก่อสร้างสถานีสนามไชย ให้พิจารณาศึกษา เทคนิคการออกแบบและก่อสร้างอย่างละเอียดรอบคอบ โดยพิจารณาเทคนิคที่เหมาะสม ทันสมัยและเป็นสากล มี การตรวจสอบ และควบคุมงานก่อสร้างให้ได้มาตรฐาน เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อโบราณสถานและอาคารในบริเวณ ใกล้เคียง และให้มีมาตรการและกลไกตรวจสอบ ควบคุมติดตามและประเมินผลกระทบทั้งในช่วงระหว่างการก่อสร้าง และภายหลังเปิดให้บริการ และพิจารณาความเหมาะสมในการเจรจากับผู้รับสัมปทานโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ให้เกิดความเป็นธรรมต่อทั้งภาครัฐและผู้รับสัมปทาน รวมทั้งประเด็นการจัดทำระบบตั๋วโดยสาร ร่วม ระบบค่าโดยสารร่วม การลงทุนก่อสร้าง จุดเปลี่ยนถ่ายผู้โดยสาร และการปรับปรุงศูนย์ซ่อมบำรุงเพื่อรองรับ จำนวนรถไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากการขยายเส้นทาง นอกจากนี้ ให้จัดทำแผนการรับถ่ายทอดเทคโนโลยีทั้งในด้านการ ออกแบบ การก่อสร้างโครงสร้างสถานีและอุโมงค์ใต้ดิน และการบำรุงรักษา โดยกำหนดเป็นเงื่อนไขในสัญญาการ ก่อสร้างงานโยธาและสัญญาจ้างที่ปรึกษาตามโครงการ โดยอาจกำหนดให้มีการจ้างบุคลากรหรือนักวิชาการไทย เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีทั้งในด้านการผลิต และการบริหารจัดการแก่บุคลากรไทยในระยะยาว และให้ รฟม. เร่งศึกษารายละเอียดและเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของทางเลือกรูปแบบการลงทุนและการเดินรถที่ชัด เจน และจัดทำข้อเสนอรูปแบบที่เหมาะสมสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบาง ซื่อ-ท่าพระ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาให้ความเห็นชอบ และนำเสนอตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมกำหนดหน่วยงานหลักรับผิด ชอบบูรณาการ (Integrate) การพัฒนาระบบรถไฟฟ้าเป็นการเร่งด่วนทั้งในด้านการกำหนดเส้นทาง และการเชื่อม โยงโครงข่าย การกำหนดศูนย์ซ่อมบำรุง/ศูนย์ควบคุม การกำหนดมาตรฐานทางเทคนิคในการเชื่อมต่อระบบรถไฟ ฟ้าที่ให้บริการในปัจจุบัน และที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง การจัดทำระบบตั๋วโดยสารร่วม การกำหนดอัตราค่าโดย สาร รวมทั้งการติดตามประเมินผลและการกำกับการก่อสร้างงานโยธาให้สอดคล้องกับแผนการจัดหาขบวนรถและ ผู้เดินรถ เพื่อให้การพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้าในภาพรวมเกิดความชัดเจนและมีประสิทธิภาพ เป็นต้น และรายงาน ให้คณะกรรมการพัฒนาระบบขนส่งทางรางและระบบขนส่งมวลชนและคณะรัฐมนตรีทราบโดยลำดับ
|
||||||||||||||||||||||||
| 3363 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 | นร | 20/05/2551 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอการกำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี
งบประมาณ พ.ศ. 2552 จำนวน 1,835,000 บาท โดยเป็นนโยบายงบประมาณขาดดุล จำนวน 249,500 บาท และรายได้ จำนวน 1,585,500 บาท รวมทั้งรายละเอียดงบประมาณรายจ่าย ฯ ของกระทรวง ส่วนราชการ รัฐ วิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น และการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ใน ส่วนของนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเจ้าสังกัดแต่ละกระทรวงให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การ จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 และให้สำนักงบประมาณพิจารณาและปรับปรุงรายละ เอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 และนำรายละเอียดงบประมาณที่ได้รับอนุมัติจากนายก รัฐมนตรีไปจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 และเอกสารประกอบ โดยให้ส่งร่างพระราชบัญญัติ ฯ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน และแจ้งผลการ พิจารณาให้สำนักงบประมาณทราบโดยตรงก่อนนำไปจัดพิมพ์เป็นรางพระราชบัญญัติ ฯ และเอกสารประกอบ เพื่อ นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบในวันอังคารที่ 17 มิถุนายน 2551 เพื่อนำเสนอสภาผู้แทนราษฎร ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 3364 | ขอแก้ไขเพิ่มเติมเอกสารประกอบการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2551 วาระเพื่อพิจารณาจร เรื่องที่ 4 การยุติการดำเนินโครงการยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข และขอรับการจัดสรรงบประมาณตามโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน (SML) ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง | นร | 13/05/2551 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี) เสนอขอแก้ไขเพิ่มเติมเอก
สารประกอบการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2551 วาระเพื่อพิจารณาจร เรื่องที่ 4 การยุติการ ดำเนินโครงการยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข และขอรับการจัดสรรงบประมาณตามโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน และชุมชน (SML) ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยแก้ไขเพิ่มเติมรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ของโครงการยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข ซึ่งเป็นการปรับปรุง ข้อมูลในส่วนของเรื่องเดิมให้สอดคล้องตรงกับข้อเท็จจริง
|
||||||||||||||||||||||||
| 3365 | ร่างกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาภาค | นร | 06/05/2551 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอร่าง
กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาภาค ที่ยึดกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนจากทุกจังหวัดทั้ง 4 ภูมิภาค เพื่อสนับ สนุนจังหวัดและกลุ่มจังหวัดให้สามารถใช้เป็นกรอบแนวทางในการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด โดยร่างกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาภาค มีหลักการเพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมโยงของทิศทางการพัฒนาเชิงพื้นที่ให้สอด คล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ นโยบายรัฐบาล แผนการบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2554 แผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 10 และแผนพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ ภายใต้บริบทการเปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างโอกาสในการพัฒนาภูมิภาคของประเทศให้สอดรับกับศักยภาพและภูมิสังคมของพื้นที่ ส่วนยุทธศาสตร์การ พัฒนาภาค จะใช้ศักยภาพที่มีอยู่ และโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงของโลกาภิวัฒน์ เพื่อสร้างความเจริญทางเศรษฐกิจ และสังคมในพื้นที่ภูมิภาคต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์ที่สมดุลและยั่งยืนในระยะยาว โดยกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนา ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รองรับทิศทางการพัฒนาเชิงพื้นที่ของประเทศ และเชื่อม โยงกับการพัฒนากลุ่มจังหวัดและจังหวัด ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับ ความเห็นและข้อสังเกตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาประกอบการปรับปรุงร่างกรอบยุทธศาสตร์ ฯ และให้รับ ความเห็นของคณะรัฐมนตรี ไปพิจารณาดำเนินการด้วยว่า การเสริมสร้างศักยภาพการพัฒนาเมืองและพื้นที่ชายแดน ตามแนวเส้นทางเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน ควรคำนึงถึงความสอดคล้องเชื่อมโยงกับศักยภาพและ ความพร้อมในด้านต่าง ๆ ของประเทศเพื่อนบ้านด้วย เช่น สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในด้านพลังงาน ไฟฟ้า และสหภาพพม่าในด้านก๊าซธรรมชาติ เป็นต้น ส่วนเป้าหมายการขนส่งทางน้ำ ควรเน้นการพัฒนาการขนส่ง ทางน้ำเชื่อมโยงชายฝั่งทะเลบริเวณรอบอ่าวไทย รวมทั้งการพัฒนาท่าเรือต่าง ๆ ให้ชัดเจน สำหรับยุทธศาสตร์การ พัฒนากลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง (ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม และร้อยเอ็ด) ควรเพิ่มเติมแนว ทางในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่กลุ่มจังหวัดดังกล่าวด้วย และให้ทุกจังหวัดและ 18 กลุ่มจังหวัดทั่วประเทศยึด กรอบยุทธศาสตร์ ฯ เป็นแนวทางการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด รวมทั้งแผนปฏิบัติราชการ 4 ปี และแผนปฏิบัติราชการประจำปี เพื่อจัดทำคำของบประมาณประจำปีในปีต่อไป (2553) และให้กระทรวงและ หน่วยงานอื่นของรัฐใช้กรอบยุทธศาสตร์ดังกล่าวประกอบการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ แผนปฏิบัติราชการ 4 ปี และ แผนปฏิบัติราชการประจำปี เพื่อสนับสนุนการพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดในปีต่อไป (2553) ตามความเห็นของ สำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
| 3366 | ขอทุนประเดิมให้แก่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย | กค | 29/04/2551 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ดำเนินการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี) และรัฐมนตรี
ว่าการกระทรวงการคลังเสนอให้กระทรวงการคลังรับเรื่อง ขอทุนประเดิมให้แก่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและ ส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ไปหารือในรายละเอียดกับ สำนักงาน คปภ. กระทรวง พาณิชย์ สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการขอเลื่อนกำหนดการขนย้ายสำนักงาน คปภ. ใน ส่วนกลางซึ่งมีกำหนดจะต้องย้ายออกจากที่ทำการของกรมการประกันภัยในวันที่ 1 กันยายน 2551 ออกไปอีก ระยะหนึ่ง โดยให้กระทรวงการคลัง (สำนักงาน คปภ.) รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการปรับปรุงอาคาร Thailand Export Mart เพื่อใช้เป็นอาคารสำนักงานของสำนักงาน คปภ. นั้น ควรพิจารณาใช้ประโยชน์ของเดิมที่มี อยู่แล้วให้มากที่สุดและรื้อถอนเปลี่ยนแปลงใหม่เท่าที่จำเป็นเพื่อประหยัดงบประมาณค่าใช้จ่าย ส่วนทุนประเดิมที่ จะขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาลควรกำหนดวัตถุประสงค์ให้ใช้เพื่อการคุ้มครองและรักษาประโยชน์ของประชาชน ผู้รับบริการด้านประกันภัยเป็นสำคัญ และให้สำนักงาน คปภ. กำกับดูแลให้บริษัทประกันภัยจ่ายค่าสินไหมทด แทนให้ผู้เอาประกันภัยโดยเร็ว และกำหนดกรอบระยะเวลาให้ชัดเจนและเหมาะสม ไปพิจารณาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
| 3367 | คณะกรรมการต่างๆ ที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง (สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา) | นร | 29/04/2551 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอการปรับปรุงองค์ประกอบของ
คณะกรรมการต่าง ๆ รวม 4 คณะ ได้แก่ คณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ แพ่ง คณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา คณะกรรมการพิจารณาปรับปรุง ประมวลกฎหมายอาญา และคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วน บริษัท และองค์กร ทางธุรกิจ ยกเว้นรายนายอรรถนิติ ดิษฐอำนาจ ซึ่งขอลาออกจากการเป็นกรรมการในคณะกรรมการพิจารณา ปรับปรุงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และนายจรัญ ภักดีธนากุล ซึ่งขอลาออกจากการเป็นกรรมการ ในคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงประมวลกฎหมายอาญา
|
||||||||||||||||||||||||
| 3368 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 12/2550 | ทส | 29/04/2551 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการสิ่ง
แวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 12/2550 เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2550 ซึ่งที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบการปรับ ปรุงการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการลดและขจัดมลพิษในพื้นที่จังหวัดระยอง พ.ศ. 2550-พ.ศ. 2554 โดยมอบให้ กรมโรงงานอุตสาหกรรมพิจารณาปรับแผนดำเนินงานศูนย์ตรวจสอบและเฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่จังหวัด ระยองหรือพิจารณาหาแหล่งเงินสนับสนุนอื่นเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการที่ไม่ได้รับจัดสรรงบประมาณ และให้คณะกรรมการกองทุนสิ่งแวดล้อมให้การสนับสนุนงบประมาณในลักษณะเงินอุดหนุน เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ ด้านสุขภาพอนามัยของประชาชนกับปริมาณสารมลพิษในพื้นที่จังหวัดระยอง จำนวน 3 โครงการ วงเงิน 75 ล้าน บาท และเห็นชอบการปรับปรุงคณะอนุกรรมการจัดทำรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม รวมทั้งรับทราบ (ร่าง) รายงานสถานการณ์มลพิษของประเทศไทย ปี พ.ศ. 2549 และเห็นชอบการมอบอำนาจให้กระทรวงทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษ เป็นผู้ดำเนินการแทนคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเกี่ยวกับ คดีหมายเลขดำที่ 192/2550 โดยให้ประธานกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติลงนามในหนังสือมอบอำนาจแทนคณะ กรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และมอบให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทำหนังสือ ถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อหารือว่า กรณีที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติถูกฟ้องร้องในทางคดีปก ครอง คำสั่งทางปกครองจะบังคับเป็นรายบุคคลหรือไม่ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ ฯ ถือเป็นเจ้าหน้าที่ รัฐหรือไม่ และจะได้รับการคุ้มครองด้วยหรือไม่ และให้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติในหลักการเรื่องการถูกฟ้องร้อง คดีของคณะกรรมการ ฯ ซึ่งหากต้องมีการจ่ายค่าปรับ รัฐจะเป็นผู้ดำเนินการจ่ายให้ทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐและ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||
| 3369 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยเหลือผู้ซึ่งออกจากราชการตามมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ พ.ศ. .... | กค | 22/04/2551 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยเหลือผู้ซึ่งออกจากราช
การตามมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ซึ่งออกจากราชการตามมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วน ราชการ โดยให้จ่ายเงินช่วยเหลือแก่ข้าราชการซึ่งได้รับอนุญาตให้ลาออกจากราชการตามโครงการ เป็นจำนวน = (จำนวนปีของเวลาราชการที่เหลือ + 8) X เงินเดือนเดือนสุดท้าย แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 15 เท่าของเงินเดือน เดือนสุดท้าย และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 3370 | การปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการบริหารโครงการเงินสนับสนุนจากการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อการพัฒนากีฬาของชาติ | กก | 08/04/2551 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการบริหาร
โครงการเงินสนับสนุนจากการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อการพัฒนากีฬาของชาติ ชุดใหม่ จำนวน 14 ราย โดยมีนายสมบัติ คุรุพันธ์ เป็นประธานกรรมการ และรองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายบริหาร เป็น กรรมการและเลขานุการ
|
||||||||||||||||||||||||
| 3371 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการศึกษาและการเรียนรู้ ครั้งที่ 1/2551 | นร | 25/03/2551 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอมติ
คณะกรรมการพัฒนาระบบการศึกษาและการเรียนรู้ ในการประชุมครั้งที่ 1/2551 เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2551 โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ปรับเพิ่มงบประมาณเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายต่อรายหัวสำหรับการศึกษาขั้นพื้นฐานตาม อัตราที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการไว้แล้วเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2549 โดยให้จ่ายให้ครบในปีการศึกษา 2551 เริ่มตั้งแต่ภาคเรียนที่ 1/2551 สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อการนี้ ให้ใช้จ่ายจากงบกลางรายการเงินสำรองเพื่อกรณีฉุก เฉินหรือจำเป็น จำนวน 2,917,323,376 บาท และเห็นชอบให้ดำเนินโครงการขยายบทบาทศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อ ชุมชน (Fix-it Center) โดยในปี พ.ศ. 2551 ให้นำร่องใน 500 จุด ใช้งบประมาณรายจ่ายจากงบกลางรายการเงิน สำรองเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 150,000,000 บาท และขอจัดตั้งงบประมาณในปี พ.ศ. 2552 และปี ต่อ ๆ ไป เพื่อดำเนินการปีละ 2,500 จุด ครบเป้าหมายรวม 4 ปี จำนวน 8,000 จุด ในทุกตำบลทั่วประเทศ ภาย ในวงเงิน 1,600,000,000 บาท รวมทั้งเห็นชอบในหลักการโครงการกองทุนเงินกู้ยืมที่ผูกพันกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) โดยให้ดำเนินโครงการดังกล่าวขึ้นมาใหม่สำหรับผู้กู้ยืมที่เข้าเรียนชั้นปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2551 ที่เน้นสาขาที่เป็นความต้องการหลักและมีความชัดเจนในการผลิตกำลังคนร่วมกับภาคเอกชนเป็นลำดับแรก และให้กระทรวงการคลัง คณะกรรมการกองทุนเพื่อการศึกษา คณะกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาร่วม กับกระทรวงศึกษาธิการปรับปรุงและเตรียมการในการแก้กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนเตรียมความ พร้อมด้านต่าง ๆ เพื่อให้มีการกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาที่มีเอกภาพเพียงระบบเดียวที่สามารถตอบสนองวัตถุประสงค์ ด้านต่าง ๆ ได้ โดยให้ทันสำหรับภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2552
|
||||||||||||||||||||||||
| 3372 | รายงานการประชุมคณะมนตรีประศาสน์การของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติสมัยพิเศษ ที่ 10 | ทส | 25/03/2551 | |||||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับผลการ
ประชุมคณะมนตรีประศาสน์การของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยพิเศษที่ 10 (The Tenth Special Session of the United Nations Environment Programme Governing Council/Global Ministerial Environment Forum ; UNEPGCSS.X/GMEF) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-22 กุมภาพันธ์ 2551 ณ ราชรัฐโมนาโก โดยที่ประชุมได้ หารือเรื่อง การระดมเงินทุนเพื่อสนองต่อความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Mobiilizing Finance to Meet the Climate Challenge) โดยเห็นควรบูรณาการการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเข้า เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาทางเศรษฐกิจ และการแก้ไขปัญหาความยากจนของทุกประเทศ โดยกำหนดกรอบการ ดำเนินงานในระดับนานาชาติที่มีเป้าหมายชัดเจน รวมทั้งมีการลงทุนเพื่อการป้องกัน แก้ไขปัญหาอย่างเพียงพอและ และมั่นคง โดยเฉพาะในส่วนของกลไกทางการเงินเพื่อการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และได้หารือ ถึงธรรมาภิบาลการจัดการสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศและการปฏิรูปสหประชาชาติ ซึ่งที่ประชุมได้ให้ความสำคัญกับ ธรรมาภิบาลการจัดการสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศในการปรับปรุงการดำเนินงานเพื่อคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมของโลก และเสริมสร้างประสิทธิภาพในการดำเนินงานดังกล่าวของ UNEP โดยสนับสนุนและส่งเสริม ความร่วมมือระหว่างองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้สหประชาชาติ และบทบาทของกลุ่ม Environmental Management Group ซึ่งเป็นกลุ่มขององค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ ภายใต้สหประชาชาติที่มีการดำเนินงานที่เกี่ยว ข้องกับการจัดการสิ่งแวดล้อม และให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการดำเนินงานของสำนักงานใหญ่ของ UNEP ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา
|
||||||||||||||||||||||||
| 3373 | ผลการประชุมการท่องเที่ยวอาเซียน ประจำปี 2551 (ASEAN Tourism Forum 2008) | กก | 11/03/2551 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานสรุปผลการประชุมการท่องเที่ยว
อาเซียน ประจำปี พ.ศ. 2551 (ASEAN Tourism Forum 2008) ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระหว่างวัน ที่ 18-26 มกราคม 2551 ณ กรุงเทพ ฯ ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ประกอบด้วยการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน ครั้งที่ 11 (11th M-ATM) ที่ประชุมเห็นชอบแถลงการณ์ร่วมกัน (Joint Media Statement) และได้เน้นย้ำถึงวิสัยทัศน์ ของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community) โดยจะเร่งรัดการดำเนินงานตามแผนการรวมกลุ่ม ทางเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว (Roadmap for Tourism Integration) เพื่อส่งเสริมการเป็นจุดหมายปลายทางเดียว กันของภูมิภาคอาเซียน (Single Destination) การประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน+3 (จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้) ครั้งที่ 7 ที่ประชุมได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการท่องเที่ยวของอาเซียนสนับสนุนเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน ด้านการขนส่งคมนาคมในการดำเนินงาน เพื่อให้เป้าหมายของการเปิดเสรีด้านการบินระหว่างอาเซียน-จีนไปสู่การ ปฏิบัติจริง รวมทั้งกระตุ้นให้กระทรวงด้านขนส่งคมนาคมของแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียนได้ทำงานร่วมกันเพื่อการ ขยายความร่วมมือเกี่ยวกับการเปิดเสรีการบิน โดยครอบคลุมประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี การประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยว อาเซียน+อินเดีย ครั้งที่ 1 ที่ประชุมได้มีการหารือเพื่อหาแนวทางในการอำนวยความสะดวกแก่การประกอบธุรกิจ ท่องเที่ยวระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและอินเดีย และการปรับปรุงระเบียบกฎหมายทีเกี่ยวข้องในเรื่องการตรวจ ลงตราหนังสือเดินทางระหว่างกัน และการประชุมระดับรัฐมนตรีท่องเที่ยวอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ 1 (The 1st GMS Tourism Ministers Meeting) ที่ประชุมเห็นชอบแผนส่งเสริมการตลาดด้านการท่องเที่ยวโดยเน้นการส่งเสริม การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การท่องเที่ยวเชิงมรดกทางวัฒนธรรม และการท่องเที่ยวผจญภัย นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทย ได้หารือกับรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมของอินเดีย โดย การหารือทวิภาคีครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวในลักษณะ package tour ในแหล่งท่องเที่ยว สำคัญทางพุทธศาสนา (Buddhist Circuit) ร่วมกัน การส่งเสริมให้ผู้ถ่ายทำภาพยนตร์ของอินเดียเดินทางมาถ่าย ทำในประเทศไทย และความร่วมมือเรื่องสปาในประเทศไทย โดยการแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญในเรื่องอายุรเวทกับ สมุนไพรของไทย
|
||||||||||||||||||||||||
| 3374 | หลักเกณฑ์และแนวทางการจัดสรรเงินเพิ่มพิเศษสำหรับผู้บริหารและการจัดสรรเงินรางวัลของส่วนราชการ จังหวัดและสถาบันอุดมศึกษาที่มีการจัดทำคำรับรองการปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 และการนำร่องเพื่อพัฒนาระบบการประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการ | นร | 11/03/2551 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอผลการดำเนินการพิจารณาหลักเกณฑ์และแนวทาง
การจัดสรรเงินเพิ่มพิเศษสำหรับผู้บริหาร และการจัดสรรเงินรางวัลของส่วนราชการ จังหวัดและสถาบันอุดมศึกษา ที่ มีการจัดทำคำรับรองการปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 รวมทั้งความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ใน ประเด็นดังนี้ การปรับปรุงวิธีการจัดสรรเงินรางวัลประจำปีให้ส่วนราชการ สถาบันอุดมศึกษา และจังหวัดที่มีการจัด ทำคำรับรองการปฏิบัติราชการปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ที่มีผลการประเมินที่ครบถ้วนทุกตัวชี้วัดและผ่านเกณฑ์การ ประเมินผลจากการแบ่งจ่ายสองครั้งเป็นจ่ายครั้งเดียวภายในเดือนเมษายน 2551 ในวงเงินงบประมาณที่จะจัดสรรทั้ง หมด 5,550 ล้านบาท โดยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเพิ่มสำหรับผู้บริหารปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ยังคงเป็นไปตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2550 สำหรับการศึกษาเพื่อจัดทำรูปแบบและแนวทางการดำเนินการและการ กำหนดกรอบการประเมินผล ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ซึ่งจะดำเนินการเป็นการนำร่องร่วมกับกระทรวงการ คลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพลังงาน และส่วนราชการระดับกรมในสังกัด รวม 22 กรม จะดำเนินการ แต่งตั้งคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ คณะกรรมการกำกับและติดตามการจัดทำคำรับรองและการประเมินผลการ ปฏิบัติราชการของกระทรวง คณะกรรมการเจรจาข้อตกลงและประเมินผลระหว่างกระทรวงและกรม และคณะกรรม การส่งเสริมธรรมาภิบาลในส่วนราชการ (ระดับกรม) และให้ส่วนราชการจัดทำแผนปฏิบัติราชการ 4 ปี ให้สอดรับ กับแผนบริหารราชการแผ่นดิน 4 ปี พร้อมทั้งจัดทำแผนปฏิบัติราชการประจำปีเพื่อขอจัดสรรงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2552 รวมทั้งเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการเจรจาข้อตกลงความเหมาะสมของตัวชี้วัดในการลงนามคำรับรองการ ปฏิบัติราชการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 3375 | รายงานผลการดำเนินการตามแผนพัฒนาหอสมุดแห่งชาติให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ทันสมัย | วธ | 22/01/2551 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมรายงานผลการดำเนินการตามแผนพัฒนาหอสมุด
แห่งชาติให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ทันสมัย โดยในส่วนของการขนย้ายหนังสือและสิ่งของ ดำเนินการได้ร้อยละ 95 แล้ว เสร็จภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2550 ส่วนการดำเนินการตามระเบียบพัสดุ ฯ ยังไม่ได้ดำเนินการเนื่องจากกำลัง เขียน TOR สำหรับการดำเนินการพัฒนางานสารสนเทศ อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำแผนพัฒนาเทคโนโลยีสาร สนเทศ เพื่อของบประมาณปี พ.ศ. 2553 จำนวน 222,730,000 บาท และการดำเนินการปรับปรุงอาคารหอ สมุดแห่งชาติหลังเดิม ดำเนินการจัดทำรูปแบบรายการในการปรับปรุงอาคารหลังเดิมเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อขอ งบประมาณปี พ.ศ. 2553 จำนวน 286,750,000 บาท
|
||||||||||||||||||||||||
| 3376 | การกู้เงินชำระหนี้ค่าน้ำมันพร้อมดอกเบี้ยและค่าเหมาซ่อมพร้อมดอกเบี้ยขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | คค | 22/01/2551 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กู้เงินเพื่อชำระหนี้ค่าน้ำมันพร้อมดอก
เบี้ยและหนี้ค่าเหมาซ่อมแซมพร้อมดอกเบี้ยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 และปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จนถึงสิ้น เดือนมกราคม พ.ศ. 2551 ตามที่เกิดขึ้นจริง ประกอบด้วย หนี้ค่าน้ำมันพร้อมดอกเบี้ย วงเงินงบประมาณ 4,700 ล้านบาท และหนี้ค่าเหมาซ่อมพร้อมดอกเบี้ย วงเงินประมาณ 2,300 ล้านบาท รวมวงเงินทั้งสิ้นประมาณ 7,000 ล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้และกำหนดเงื่อนไขในการกู้ และให้ ขสมก. เป็นผู้ชำระต้น เงินกู้ ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายในการกู้เงินตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง (ขสมก.) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ให้ ขสมก. เร่งดำเนินการปรับ โครงสร้างองค์กร จัดทำระบบบัญชีเชิงสังคม เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายและมีต้นทุนการให้บริการสาธารณะที่ได้มาตร ฐานที่เป็นยอมรับ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการขอรับเงินงบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐต่อไป รวมทั้งให้ ขสมก. และ กระทรวงคมนาคมหารือร่วมกับกระทรวงการคลังเพื่อหาแนวทางการบริหารจัดการภาระหนี้ของ ขสมก. เนื่องจาก เป็นเรื่องที่มีความสำคัญและจำเป็นต้องตัดสินใจในเชิงนโยบาย โดยพิจารณาแนวทางต่าง ๆ เช่น รัฐรับภาระหนี้ทั้ง หมดหรือเฉพาะบางส่วนที่เป็นผลจากนโยบายการควบคุมราคาค่าโดยสาร เป็นต้น โดยกำหนดเงื่อนไขการขอสนับ สนุนจากรัฐที่ชัดเจน เช่น การกำหนดตัวชี้วัดที่แสดงถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน และฐานะการเงิน ของ ขสมก. เพื่อเป็นหลักประกันว่า ขสมก. จะสามารถดำเนินกิจการได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ เรื่องการบริหารจัดการ หนี้ของ ขสมก. ควรให้ ขสมก. จัดทำข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องการแยกรายละเอียดทางบัญชีระหว่างผลประกอบการที่เกิด จากประสิทธิภาพในการดำเนินงานกับผลประกอบการที่เกิดจากการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล เพื่อประกอบ การพิจารณาของกระทรวงการคลังด้วย ไปดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 3377 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - ฝรั่งเศส | คค | 22/01/2551 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Under
standing) ระหว่างไทย-ฝรั่งเศส ตามผลการเจรจาการบินระหว่างคณะผู้แทนทั้งสองประเทศ และได้ลงนามร่วม กันเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2550 โดยหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำเพียงเล็กน้อยซึ่งไม่ขัดกับหลัก การและสาระสำคัญ ให้กระทรวงคมนาคมสามารถดำเนินการได้โดยประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ ก่อนมอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับในเรื่อง การปรับปรุงความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศและเส้นทางบินต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 3378 | การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับเรื่อง แนวทางปฏิบัติในการติดตั้งแผ่นป้ายแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับงานก่อสร้างของทางราชการ | นร | 22/01/2551 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอขออนุมัติให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี
เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการติดตั้งแผ่นป้ายแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับงานก่อสร้างของทางราชการ จำนวน 3 มติ ได้แก่ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2522 เรื่อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการก่อสร้างสิ่งสาธารณูป โภคในกรุงเทพมหานคร มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2535 เรื่อง การให้ข่าวสารเกี่ยวกับงานก่อสร้าง ของทางราชการแก่ประชาชน และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2538 เรื่อง การประชาสัมพันธ์การจัด เก็บภาษีสรรพากร รวมทั้งเห็นชอบแนวทางปฏิบัติในการติดตั้งแผ่นป้ายแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับงานก่อสร้างของ ทางราชการ กรณีงานก่อสร้างสาธารณูปโภคในกรุงเทพมหานครที่ต้องขุดเจาะผิวถนน หรือทางเท้าซึ่งอยู่ในความ รับผิดชอบของกรุงเทพมหานคร และกรณีงานก่อสร้างทุกประเภทซึ่งมีค่างานตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป (และมิใช่งาน สาธารณูปโภคที่ต้องขุดเจาะถนน หรือทางเท้า ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกรุงเทพมหานคร) และแบบแผ่นป้าย แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับงานก่อสร้างของทางราชการ
|
||||||||||||||||||||||||
| 3379 | การปรับปรุงโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการภายในระดับกรมหรือเทียบเท่าสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม | นร | 22/01/2551 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราช
การสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงวัฒนธรรม พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณาเสร็จแล้ว มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงการ แบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงวัฒนธรรม โดยยกฐานะกองการสัมพันธ์ต่างประเทศ เป็นสำนัก ความสัมพันธ์ต่างประเทศ เพื่อรองรับภารกิจที่เพิ่มปริมาณมากขึ้น รวมทั้งกำหนดให้มีกลุ่มพัฒนาระบบบริหารและ กลุ่มตรวจสอบภายใน ทำหน้าที่สนับสนุนการบริหารราชการให้มีประสิทธิภาพ
|
||||||||||||||||||||||||
| 3380 | การปรับปรุงร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. .... | นร | 22/01/2551 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมป้องกัน
และบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการกรมป้อง กันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย โดยจัดตั้งสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเป็น ราชการส่วนภูมิภาคขึ้นในกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และกำหนดอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานดังกล่าว ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
