ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 162 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 3221 - 3240 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 3221 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การบริหารจัดการลุ่มน้ำยม : กรณีโครงการเขื่อนแก่งเสือเต้น | สสป | 30/06/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะ ของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง การบริหารจัดการลุ่มน้ำยม : กรณีโครงการเขื่อนแก่งเสือเต้น สรุปได้ดังนี้ 1.1 การบริหารจัดการทรัพยากรลุ่มน้ำยมทั้งระบบ 1.1.1 การแก้ไขปัญหาภัยแล้ง อาทิ พัฒนาระบบประปาหมู่บ้านในลุ่มน้ำยม ให้มีน้ำสะอาดเพื่อ การอุปโภคอย่างเพียงพอและทั่วถึง พัฒนาแหล่งน้ำต้นทุนและระบบชลประทานเพิ่มเติมโดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบ ต่อการใช้น้ำในพื้นที่ตอนล่าง ทบทวนโครงการผันน้ำจากลุ่มน้ำยมไปสู่ลุ่มน้ำน่านที่จะเกิดขึ้นใหม่โดยมีการศึกษา ผลกระทบต่อการขาดแคลนน้ำในลุ่มน้ำยมตอนล่างและต่อระบบนิเวศน์พื้นที่ชุ่มน้ำในลุ่มน้ำยม เป็นต้น 1.1.2 การป้องกันอุทกภัย อาทิ ส่งเสริมและสนับสนุนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมโดยชุมชนในแต่ ละพื้นที่ เพื่อให้ชุมชนมีบทบาทสำคัญในการป้องกันน้ำท่วมด้วยตนเอง และพัฒนาการไปสู่ความเข้มแข็งของชุมชน ในการป้องกันภัยธรรมชาติ ส่งเสริมและสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทำการสำรวจพื้นที่รับน้ำตามธรรม ชาติหรือแก้มลิง ขุดคูคลองเชื่อมระหว่างแม่น้ำยมกับแก้มลิง และพัฒนาพื้นที่แก้มลิงให้สามารถรองรับน้ำได้อย่าง เต็มที่ รวมทั้งดำเนินการปรับปรุงโดยขุดลอกลำน้ำเดิมที่ถูกพัฒนาจนเปลี่ยนสภาพไป เป็นต้น 1.1.3 การอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ ทรัพยากรน้ำและคุณภาพน้ำ โดยให้มีมาตรการรักษา ป่าธรรมชาติเพื่อให้คงสภาพสมบูรณ์ และฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรมในเขตต้นน้ำยมและลุ่มน้ำสาขาให้กลับคืนเป็นแหล่ง น้ำต้นน้ำตามธรรมชาติดังเดิม ตลอดจนส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดทำแผนการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ ทรัพยากรป่าไม้อย่างยั่งยืนเพื่อรักษาพื้นที่ป่าต้นน้ำตามจารีตประเพณี วัฒนธรรมท้องถิ่น และดำเนินการเพื่อหา มาตรการลดการชะล้างและการพังทลายของดินในบริเวณต้นน้ำยมและลำน้ำสาขา โดยให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการ กำหนดมาตรการดังกล่าว 1.1.4 การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในลุ่มน้ำยม โดยปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้น้ำ ทั้งใน ด้านอุปโภคและบริโภคและระบบชลประทาน และปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติและแหล่งน้ำที่สร้างขึ้นอย่างมี ประสิทธิภาพ ปรับปรุงแผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในลุ่มน้ำยมในด้านการพัฒนาแหล่งน้ำ และบรรเทา ภัยแล้ง ด้านบรรเทาน้ำท่วม ด้านการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรน้ำให้สอดคล้องกับสภาพที่เป็นจริง 1.2 โครงการสาธารณะที่เกี่ยวกับการสร้างแหล่งกักเก็บน้ำหรือทางน้ำไหลที่มีผลกระทบต่อประชา ชน อาทิ 1.2.1 มีหลักประกันให้แก่ชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนด้วยการจัดหาพื้นที่รองรับ การย้ายถิ่นฐานของชุมชน มีการพัฒนาที่ดินพัฒนาอาชีพ มีระบบโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภค-สาธารณูป การ การสาธารณสุข การศึกษาอย่างต่อเนื่องเป็นธรรมและมีส่วนร่วมของประชาชน 1.2.2 การจ่ายค่าชดเชยที่ดินและทรัพย์สินที่เหมาะสมและคุ้มค่าแก่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ ให้คิดมูลค่าที่ดินตามราคาที่ดินที่ประมาณการว่าจะสูงขึ้นเมื่อสร้างเขื่อนเสร็จแล้ว 1.2.3 จัดทำแผนมวลชนสัมพันธ์ เพื่อประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจกับชาวบ้านในพื้นที่ที่ได้ รับผลกระทบ 1.3 การสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ 1.3.1 ลดความสูงของระดับสันเขื่อนและระดับกักเก็บในระดับที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดผลกระทบ ต่อประชาชน ระบบนิเวศน์ และทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่น้อยที่สุด 1.3.2 พิจารณาก่อสร้างเขื่อนขนาดเล็ก หรือฝายกั้นลำน้ำยมเพิ่มขึ้นให้มีระยะห่างจากจุดที่วาง แผนสร้างเขื่อนไว้เดิมอย่างเหมาะสมกับสภาพของแต่ละพื้นที่เพื่อช่วยรองรับน้ำจากการลดความสูงระดับสันเขื่อน แก่งเสือเต้นลง 1.3.3 จัดหาพื้นที่สร้างอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดย่อมเพื่อให้มีปริมาณมากพอที่จะรองรับ ปริมาณน้ำท่า และน้ำต้นทุนของแต่ละลุ่มน้ำสาขาท้ายเขื่อน 2. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับ ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||
| 3222 | ร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. .... | นร | 30/06/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการปฏิรูป
กระบวนการยุติธรรม พ.ศ. .... ของกระทรวงยุติธรรม ไปพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากมีความเห็นสอดคล้องกับข้อ สังเกตของคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 1 ที่เห็นว่า อำนาจหน้าที่บางประการของคณะกรรมการปฏิรูปกระบวน การยุติธรรมตามร่างพระราชบัญญัติ ฯ อาจซ้ำซ้อนกับคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติตาม พระราชบัญญัติพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2549 ซึ่งมีอำนาจหน้าที่เสนอแนะและให้ความเห็น ชอบเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายและแนวทางการบริหารงานยุติธรรมต่อคณะรัฐมนตรีเช่นเดียวกัน ดังนั้น เพื่อให้ การปฏิบัติภารกิจของคณะกรรมการทั้ง 2 คณะไม่ซ้ำซ้อนกัน อาจต้องมีการปรับปรุงแก้ไขเฉพาะพระราชบัญญัติ พัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2549 หรือรวมร่างพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับเป็นฉบับเดียวกัน แล้ว นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
| 3223 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพัน เกินกว่าวงเงินและระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ รายการปรับปรุงเรือนจำกลางปัตตานี | ยธ | 30/06/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมถอนเรื่อง ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะ
เวลาก่อหนี้ผูกพัน เกินกว่าวงเงินและระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติรายการปรับปรุงเรือนจำกลางปัตตานี คืนไปได้ ตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 3224 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยผู้แทนการค้าไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 30/06/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้ถอนร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยผู้แทนการค้าไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อ นำกลับไปพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ 2. ให้รับข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ. และสำนักงบประมาณเกี่ยวกับสถานะของหัวหน้าสำนักงานผู้ แทนการค้าไทยซึ่งเป็นหน่วยงานภายในสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี การกำหนดให้หัวหน้าสำนักงานผู้แทน การค้าไทยเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง อาจไม่สอดคล้องกับสาระสำคัญของ การกำหนดตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตามกฎ ก.พ. ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดประเภทตำแหน่งและระดับ ตำแหน่ง พ.ศ. 2551 ข้อ 3(2) สำหรับการปรับปรุงข้อ 5(3) เสนอและให้ความเห็นแก่นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับการจัดทำแผนงานและงบประมาณรายจ่ายด้านการค้าและการลงทุนระหว่าง ประเทศของส่วนราชการและหน่วยงานอื่นของรัฐที่เกี่ยวข้อง นั้น การให้ข้อเสนอแนะและความเห็นดังกล่าว ควร ได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรี ก่อนที่ผู้แทนการค้าไทยจะให้ความเห็นชอบหรือข้อเสนอแนะแก่รัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สอดคล้องเป็นไปในทิศทางเดียวกับนโยบายรัฐบาล ไปพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 3225 | รายงานเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 | นร | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ (กขร.) เสนอ ดังนี้
1. รับทราบรายงานผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ของ กขร. อาทิ การปรับปรุงแก้ไข พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้ มีผลในทางปฏิบัติมากขึ้น การเยียวยารักษาสิทธิให้ประชาชน โดยให้ความสำคัญต่อการดำเนินการเพื่อลดขั้นตอน การดำเนินงานเกี่ยวกับเรื่องร้องเรียน เรื่องอุทธรณ์ และการตอบข้อหารือตามกฎหมาย รวมทั้งการเผยแพร่ความ รู้ความเข้าใจให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องทั้งในด้านการปฏิบัติหน้าที่ และการใช้ สิทธิตามกฎหมาย เป็นต้น 2. รับทราบเป้าหมายการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 โดย กขร. ได้กำหนดแนวทางในการ ดำเนินการในเรื่องสำคัญ คือ การติดตามเร่งรัดการตรากฎหมาย 2 ฉบับ การแนะนำและติดตามผลการปฏิบัติ งานของศูนย์ข้อมูลข่าวสารของหน่วยงานของรัฐ การสร้างหน่วยงานตัวอย่าง และการขยายผลการกำหนดให้การ ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร ฯ เป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพหน่วยงานในราชการบริหารส่วนท้องถิ่น 3. เห็นชอบแนวทางดำเนินการเพื่อให้หน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติ ดังนี้ 3.1 ให้หน่วยงานของรัฐในทุกระดับถือเป็นนโยบายสำคัญที่จะต้องดูแลและกำชับในการปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร ฯ ของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะการปฏิบัติตามตัวชี้วัด "ระดับความสำเร็จในการเปิดเผย ข้อมูลข่าวสาร" ให้มีการปฏิบัติได้ครบถ้วนถูกต้องตามขั้นตอนที่กำหนดโดยเคร่งครัด เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ สิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้น 3.2 ห้ามมิให้หน่วยงานของรัฐฟ้องคดีปกครองเพื่อเพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการ เปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่มีคำวินิจฉัยให้หน่วยงานของรัฐเปิดเผยข้อมูลข่าวสารแก่ผู้อุทธรณ์ และต้องดำเนินการตาม คำวินิจฉัยภายใน 7 วัน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2542 โดยเคร่งครัด หากเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ ปฏิบัติตามโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการพิจารณาลงโทษทางวินัยทุกกรณี
|
|||||||||||||||||||||
| 3226 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยพะเยา พ.ศ. .... | ศธ | 23/06/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยพะเยา พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ มีสาระสำคัญคือ จัดตั้งมหาวิทยาลัยพะเยา เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐมีฐานะเป็นนิติบุคคล อยู่ในกำกับของรัฐและ ไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน กฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการ กระทรวงศึกษาธิการ กฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม และไม่เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมาย ว่าด้วยวิธีงบประมาณหรือกฎหมายอื่น และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วนำเสนอ สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป 2. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการกำหนดให้มหาวิทยา ลัยพะเยาที่จะจัดตั้งขึ้นและมีฐานะเป็นนิติบุคคลในกำกับของรัฐรับโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบ ประมาณของมหาวิทยาลัยนเรศวร วิทยาเขตสารสนเทศพะเยา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยนเรศวร ที่เป็น สถาบันอุดมศึกษาของทางราชการในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ดังนั้น สิทธิที่จะโอนไปจึง หมายความรวมถึงสิทธิการใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุ ประกอบกับมหาวิทยาลัยพะเยาที่จะจัดตั้งขึ้นตามร่างพระ ราชบัญญัติ ฯ ถือเป็นองค์การอื่นของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุ มหาวิทยาลัยพะเยาต้องทำความตกลง เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุดังกล่าวกับกรมธนารักษ์ด้วย สำหรับการกำหนดให้มหาวิทยาลัยพะเยามี อำนาจกู้ยืมเงิน และให้กู้ยืมเงินโดยมีหลักประกันด้วยบุคคลหรือทรัพย์ได้นั้น หากพิจารณาตามพระราชบัญญัติ การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 4 มหาวิทยาลัยมีสถานะเป็นหน่วยงานใน กำกับดูแลของรัฐ และตามมาตรา 19 กำหนดห้ามมิให้กระทรวงการคลังหรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐเข้ารับผิด ชอบหรือค้ำประกัน หรือตั้งงบประมาณรายจ่ายเพื่อชำระหนี้ต้นเงิน หรือดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับหน่วยงานในกำกับ ดูแลของรัฐ ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงไม่อาจเข้าค้ำประกันหนี้เงินกู้หรือหนี้ใด ๆ ของมหาวิทยาลัยได้ และไม่ สามารถจัดสรรงบประมาณเพื่อชำระหนี้เงินกู้ทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยให้แก่มหาวิทยาลัยได้ แต่ตามนัยมาตรา 25 กระทรวงการคลังมีอำนาจกู้เงินมาเพื่อให้มหาวิทยาลัยพะเยาซึ่งเป็นหน่วยงานในกำกับดูแลของรัฐกู้ต่อได้ นอก จากนี้ ในการยกร่างพระราชบัญญัตินี้ควรยึดถือมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2546 เรื่อง ร่างพระราช บัญญัติของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่จะออกนอกระบบที่กำหนดหลักการกลางที่จะบัญญัติไว้ในร่างพระราชบัญญัติ มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐทุกฉบับเป็นแนวทางในการยกร่าง จึงควรตรวจแก้ไขร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวให้ สอดคล้องกับหลักการกลางต่อไป ไปประกอบการพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 3227 | ร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (ร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) | มท | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม 3 ฉบับ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ 1.1 ร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 1.2 ร่างพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 1.3 ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 2. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม 5 ฉบับ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ 2.1 ร่างพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.2 ร่างพระราชบัญญัติรายได้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.3 ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.4 ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... และร่างประมวล กฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2.5 ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 3. ให้ส่งร่างกฎหมายทั้ง 8 ฉบับดังกล่าว ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณารวมกับร่าง พระราชบัญญัติเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวม 7 ฉบับ ตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2548 ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดย รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็นว่า อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการในการกำหนดแนวทางการพัฒนา การบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นเพื่อรองรับการกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบ ที่เกี่ยวกับการพัฒนาระบบราชการในด้านการจัดและพัฒนาโครงสร้างส่วนราชการ และระบบบริหารจัดการขององค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการเชื่อมโยงระบบบุคลากรของท้องถิ่นให้สอดคล้องกับระบบบริหารงานบุคคลภาครัฐ ในภาพรวม นอกจากนี้ ควรพิจารณาถึงความเหมาะสมและสอดรับกับการบูรณาการความสัมพันธ์ในการบริหารราช การระหว่างส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ส่วนการกำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการมาตรฐานการ บริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น มีจำนวนผู้แทนของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องจำนวน 6 คน ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 5 คน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 5 คน และผู้แทนข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นจำนวน 5 คน ซึ่งมี ผลทำให้จำนวนผู้แทนแต่ละฝ่ายไม่เท่ากัน จึงเห็นควรแก้ไขให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณา จักรไทยที่กำหนดให้มีจำนวนผู้แทนของแต่ละฝ่ายเท่ากัน เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย สำหรับการยกเลิก ตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ให้ใช้ในกรณีท้องถิ่นใดที่ยกฐานะเป็นเทศบาลนคร ส่วนท้องถิ่นใดที่ยกฐานะเป็น เทศบาลเมือง การยกเลิกตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ให้อยู่ในดุลพินิจของกระทรวงมหาดไทยที่จะประกาศยก เลิกตำแหน่งดังกล่าว ทั้งนี้ การปรับปรุงกฎหมายในเรื่องนี้ไม่ให้มีผลย้อนหลัง แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||
| 3228 | ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) | มท | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม 3 ฉบับ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ 1.1 ร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 1.2 ร่างพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 1.3 ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 2. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม 5 ฉบับ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ 2.1 ร่างพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.2 ร่างพระราชบัญญัติรายได้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.3 ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.4 ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... และร่างประมวล กฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2.5 ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 3. ให้ส่งร่างกฎหมายทั้ง 8 ฉบับดังกล่าว ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณารวมกับร่าง พระราชบัญญัติเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวม 7 ฉบับ ตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2548 ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดย รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็นว่า อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการในการกำหนดแนวทางการพัฒนา การบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นเพื่อรองรับการกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบ ที่เกี่ยวกับการพัฒนาระบบราชการในด้านการจัดและพัฒนาโครงสร้างส่วนราชการ และระบบบริหารจัดการขององค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการเชื่อมโยงระบบบุคลากรของท้องถิ่นให้สอดคล้องกับระบบบริหารงานบุคคลภาครัฐ ในภาพรวม นอกจากนี้ ควรพิจารณาถึงความเหมาะสมและสอดรับกับการบูรณาการความสัมพันธ์ในการบริหารราช การระหว่างส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ส่วนการกำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการมาตรฐานการ บริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น มีจำนวนผู้แทนของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องจำนวน 6 คน ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 5 คน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 5 คน และผู้แทนข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นจำนวน 5 คน ซึ่งมี ผลทำให้จำนวนผู้แทนแต่ละฝ่ายไม่เท่ากัน จึงเห็นควรแก้ไขให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณา จักรไทยที่กำหนดให้มีจำนวนผู้แทนของแต่ละฝ่ายเท่ากัน เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย สำหรับการยกเลิก ตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ให้ใช้ในกรณีท้องถิ่นใดที่ยกฐานะเป็นเทศบาลนคร ส่วนท้องถิ่นใดที่ยกฐานะเป็น เทศบาลเมือง การยกเลิกตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ให้อยู่ในดุลพินิจของกระทรวงมหาดไทยที่จะประกาศยก เลิกตำแหน่งดังกล่าว ทั้งนี้ การปรับปรุงกฎหมายในเรื่องนี้ไม่ให้มีผลย้อนหลัง แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||
| 3229 | การปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) | นร | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม 3 ฉบับ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ 1.1 ร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 1.2 ร่างพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 1.3 ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 2. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม 5 ฉบับ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ 2.1 ร่างพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.2 ร่างพระราชบัญญัติรายได้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.3 ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... 2.4 ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... และร่างประมวล กฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2.5 ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 3. ให้ส่งร่างกฎหมายทั้ง 8 ฉบับดังกล่าว ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณารวมกับร่าง พระราชบัญญัติเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวม 7 ฉบับ ตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2548 ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดย รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็นว่า อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการในการกำหนดแนวทางการพัฒนา การบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นเพื่อรองรับการกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบ ที่เกี่ยวกับการพัฒนาระบบราชการในด้านการจัดและพัฒนาโครงสร้างส่วนราชการ และระบบบริหารจัดการขององค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการเชื่อมโยงระบบบุคลากรของท้องถิ่นให้สอดคล้องกับระบบบริหารงานบุคคลภาครัฐ ในภาพรวม นอกจากนี้ ควรพิจารณาถึงความเหมาะสมและสอดรับกับการบูรณาการความสัมพันธ์ในการบริหารราช การระหว่างส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ส่วนการกำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการมาตรฐานการ บริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น มีจำนวนผู้แทนของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องจำนวน 6 คน ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 5 คน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 5 คน และผู้แทนข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นจำนวน 5 คน ซึ่งมี ผลทำให้จำนวนผู้แทนแต่ละฝ่ายไม่เท่ากัน จึงเห็นควรแก้ไขให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณา จักรไทยที่กำหนดให้มีจำนวนผู้แทนของแต่ละฝ่ายเท่ากัน เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย สำหรับการยกเลิก ตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ให้ใช้ในกรณีท้องถิ่นใดที่ยกฐานะเป็นเทศบาลนคร ส่วนท้องถิ่นใดที่ยกฐานะเป็น เทศบาลเมือง การยกเลิกตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ให้อยู่ในดุลพินิจของกระทรวงมหาดไทยที่จะประกาศยก เลิกตำแหน่งดังกล่าว ทั้งนี้ การปรับปรุงกฎหมายในเรื่องนี้ไม่ให้มีผลย้อนหลัง แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||
| 3230 | งบการเงินและรายงานประจำปี 2550 ขององค์การสะพานปลา | กษ | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบงบการเงินและรายงานประจำปี พ.ศ. 2550 ขององค์การสะพานปลา ตามที่
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ดังนี้ 1. ผลการดำเนินงานปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 องค์การสะพานปลามีรายได้ทั้งสิ้น 294.20 ล้านบาท มีรายจ่าย 292.54 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1.66 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานที่สำคัญขององค์การสะพาน ปลา ได้แก่ งานให้บริการสะพานปลาและท่าเทียบเรือประมง งานสินเชื่อการประมง และงานส่งเสริมการประมง 2. การดำเนินงานปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 องค์การสะพานปลาได้กำหนดแผนปฏิบัติการประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2551 ได้แก่ โครงการพัฒนาสะพานปลากรุงเทพ โครงการปรับปรุงสุขอนามัยท่าเทียบเรือประมง ระนอง โครงการพัฒนาศักยภาพท่าเทียบเรือประมงสตูล และโครงการอบรมความรู้ด้านสุขอนามัยแก่ชาวประมง และผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการประมง
|
|||||||||||||||||||||
| 3231 | การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการชี้แจงต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี | นร | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
1. ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2549 เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับ แนวทางปฏิบัติในการชี้แจงต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี 2. อนุมัติแนวทางปฏิบัติในการชี้แจงต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ดังนี้ 2.1 กำหนดวิธีการชี้แจงไว้ 2 วิธี คือ การชี้แจงในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และการชี้แจงด้วยระบบ ประชุมทางไกล (Video Conference) 2.2 กำหนดเกี่ยวกับการรักษาความลับ เช่น ห้ามนำอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิดเข้าไปในห้องประชุม คณะรัฐมนตรี หรือในห้องที่มีการชี้แจงด้วยระบบประชุมทางไกล ห้ามแพร่ภาพและเสียงการประชุมคณะรัฐมนตรี 2.3 กำหนดคุณสมบัติของผู้ชี้แจง โดยให้หัวหน้าหน่วยงานเป็นผู้ชี้แจง เว้นแต่กรณีจำเป็น ให้รองหัว หน้าหน่วยงานเป็นผู้ชี้แจงแทนได้ 2.4 กำหนดจำนวนผู้ชี้แจง ให้มีเท่าที่จำเป็น
|
|||||||||||||||||||||
| 3232 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การยกระดับคุณธรรมจริยธรรมของสังคมไทย" | สสป | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะของ สภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "การยกระดับคุณธรรม จริยธรรมของสังคมไทย" สรุปได้ดังนี้ 1.1 นโยบายเร่งด่วนที่ควรดำเนินการ อาทิ 1.1.1 ควรกำหนดให้การยกระดับคุณธรรม จริยธรรม เป็นนโยบายที่สำคัญและเป็นวาระแห่งชาติ 1.1.2 ควรปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2550 โดยปรับปรุงคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ เป็นคณะกรรมการยกระดับคุณธรรม จริยธรรมของสังคมไทย แห่งชาติ 1.1.3 ควรเร่งรัดการปฏิบัติตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2550- 2554) ในการพัฒนาคนให้มีคุณภาพ คุณธรรม 1.1.4 ควรเร่งรัดการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด 11 เกี่ยวกับจริยธรรม ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ 1.1.5 ควรยกย่องนักการเมือง ข้าราชการ นักธุรกิจ ประชาชนที่ประพฤติปฏิบัติตามคุณธรรม จริย ธรรม ผู้ได้รับการยอมรับจากสังคมเพื่อให้เป็นตัวอย่างและแบบฉบับที่ดี 1.1.6 ควรเร่งรัดการปฏิรูปเศรษฐกิจ เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศมีความมั่นคง ประชาชนมีรายได้ อย่างพอเพียงและเหมาะสมโดยมีปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นรากฐานที่สำคัญ 1.1.7 ควรเร่งรัดการปฏิรูปสังคมเพื่อให้สังคมมีความสงบเรียบร้อย มีความเป็นธรรม เป็นสังคมที่ อยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันโดยมีศาสนาและการศึกษาเป็นรากฐานที่สำคัญ 1.2 นโยบายที่รัฐบาลควรดำเนินการในระยะยาว อาทิ 1.2.1 ควรสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนในสังคม มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการสร้างจิตสำนึกด้านคุณ ธรรมและจริยธรรมในการยกระดับคุณธรรม จริยธรรมของสังคมไทย 1.2.2 ควรสร้างรากฐานที่มั่นคงของสังคม รากฐานที่สำคัญคือ จิตใจที่ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต 1.2.3 ควรส่งเสริมค่านิยมที่พึงประสงค์ โดยดำเนินการเป็นกระบวนการอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง ค่านิยมที่พึงประสงค์ ได้แก่ ค่านิยมพื้นฐาน 5 ประการ ของคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ 1.2.4 ควรปฏิรูปการศึกษา และให้มีการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาให้เหมาะสมยิ่ง ขึ้น โดยให้ทุกภาคส่วนของสังคมที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง และเปลี่ยนปรัชญาการศึกษาที่ว่า "ความรู้คู่คุณ ธรรม" เป็น "ศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม นำความรู้สู่การพัฒนา" 1.2.5 ควรกำหนดวิธีการและมาตรการที่จะให้มีการปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมหรือจรรยา บรรณที่กำหนด 2. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับกระทรวง การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กรมการ ศาสนา ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม (ศูนย์คุณธรรม) รวมทั้งสำนักบริหารและพัฒนาองค์ความ รู้ (องค์การมหาชน)
|
|||||||||||||||||||||
| 3233 | ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (รชต.) ครั้งที่ รชต.2/2552 | นร | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบและเห็นชอบมติคณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้ง ที่ รชต. 2/2552 เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2552 ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องต่าง ๆ รวม 4 เรื่อง ได้แก่ 1.1 แนวทางการจัดสรรงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2553 ตามแผนการพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ 1.2 มาตรการพิเศษเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ ประชาชน และการให้สิทธิประโยชน์จูงใจนักลง ทุนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ 1.3 การปรับปรุงเงื่อนไขการจ้างพนักงานราชการตามกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการ (ปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2555) ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา 1.4 โครงการเพิ่มกรอบอัตรากำลังพลสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนเพื่อรักษาความปลอดภัยใน เขตเมืองในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 2. เห็นชอบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอเพิ่มเติม เกี่ยว กับโครงการเพิ่มกรอบอัตรากำลังพลสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนเพื่อรักษาความปลอดภัยในเขตเมืองในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในหนังสือสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ นร 1112/2548 ลงวันที่ 15 มิถุนายน 2552 หน้า 5 เห็นควรแก้ไขมติคณะกรรมการ รชต. จากเดิม "เห็น ชอบในหลักการโครงการเพิ่มกรอบอัตรากำลังพลสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนเพื่อรักษาความปลอดภัยในเขต เมืองในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยให้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยปรับเพิ่มงบประมาณในขั้นการ พิจารณาของคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2553 ของสภา ผู้แทนราษฎร" เป็น "เห็นชอบในหลักการโครงการเพิ่มกรอบอัตรากำลังพลสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนเพื่อ รักษาความปลอดภัยในเขตเมืองในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยให้เพิ่มอัตรากำลังพลสมาชิกกองอาสารักษา ดินแดนในเขตเมืองในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวม 6 อำเภอๆ ละ 240 อัตรา วงเงิน 399.32 ล้านบาท โดย ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) ขอแปรญัตติเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2553 ต่อไป" |
|||||||||||||||||||||
| 3234 | ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 1/2552 | กค | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) ครั้งที่ 1/2552 เมื่อวัน ที่ 9 มีนาคม 2552 ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาเรื่อง การปรับโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฐานะทางการเงิน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) ประธานกรรมการ กนร. เสนอ 2. อนุมัติในหลักการเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะทางการเงินของ รฟท. ที่กระทรวงคมนาคมเสนอ (หนังสือกระทรวงคมนาคม ด่วนที่สุด ที่ คค (ปคร.) 0804/143 ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2552 และหนังสือกระทรวงคมนาคม ด่วนที่สุด ที่ คค (ปคร.) 0804/149 ลงวันที่ 18 พฤษภาคม 2552) ส่วนเงิน ทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัทเดินรถและบริษัทบริหารสินทรัพย์นั้น อนุมัติงบประมาณให้เฉพาะบริษัท เดินรถ จำนวน 140 ล้านบาท เพื่อใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 เท่านั้น และให้ รฟท. ปรับแผนปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ไปดำเนินการ ส่วนปีต่อ ๆ ไป ให้ใช้จ่าย จากรายได้ที่จะเกิดขึ้นตามประมาณการทางการเงินของบริษัทต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 3. ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการตามข้อสังเกตของรองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ ฯ) ประธาน กรรมการ กนร. ที่ให้กระทรวงคมนาคมกำกับดูแลการดำเนินงานของ รฟท. อย่างใกล้ชิดและรายงานความคืบหน้า ต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป และให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ให้ รฟท. พิจารณาทบทวนโครงสร้างอัตรากำลังสำหรับหน่วยธุรกิจเดิน รถโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Airport Rail Link : ARL) ให้สอดคล้องกับกรณี การจ้างบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ โดยเฉพาะฝ่ายปฏิบัติการ และจัดทำแผนในการโอนหน่วยธุรกิจ การเดินรถโดยสารและสินค้าให้ชัดเจนเพื่อให้สามารถดำเนินการได้ภายในปี พ.ศ. 2554 และให้กระทรวงคมนาคม พิจารณาแนวทางและกลไกกำกับดูแลระบบขนส่งทางรางทำหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์ มาตรฐานการให้บริการ และ การกำกับการให้บริการระบบขนส่งทางรางเพื่อคุ้มครองผู้ใช้บริการ และเพื่อสร้างความเป็นธรรมระหว่างผู้มีส่วนได้ ส่วนเสียทั้งรัฐบาล ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานและผู้ให้บริการเดินรถ และให้ รฟท. เร่งจัดเตรียมรายละเอียดของ โครงการลงทุนภายใต้แผนยุทธศาสตร์การปรับปรุงโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะการเงิน ของ รฟท. โดยให้ศึกษาความเหมาะสมของโครงการทั้งทางด้านเทคนิค เศรษฐกิจ การเงิน แผนธุรกิจและแผนการตลาด ทาง เลือกการเพิ่มบทบาทของภาคเอกชน เพื่อให้โครงการมีรายละเอียดที่สมบูรณ์ และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 3235 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - บังกลาเทศ | คค | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอบันทึกความเข้าใจลับ (Confidential Memoran
dum of Understanding) ระหว่างไทย-บังกลาเทศ ลงนามเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2551 โดยสาระสำคัญของบันทึก ความเข้าใจลับ ฯ ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงแก้ไขปรับปรุงใบพิกัดเส้นทางบินและสิทธิความจุความถี่ ทั้งนี้ ในส่วนของสิทธิ รับขนการจราจรเสรีภาพที่ 5 ตกลงให้คงการระบุชื่อจุดระหว่างทาง และจุดพ้นในการใช้สิทธิรับขนการจราจรเสรี ภาพที่ 5 ไว้ฝ่ายละ 4 จุด เช่นเดิม โดยคณะผู้แทนไทยได้ยื่นร่างข้อบทใหม่ว่าด้วยเรื่องพิกัดอัตราค่าขนส่งให้ฝ่ายบัง กลาเทศพิจารณา ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะยืนยันการตกลงผ่านทางการทูตโดยวิธีแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตต่อไป และ ให้เสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนมอบกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการ ทูตยืนยันการปรับปรุงใบพิกัดเส้นทางบินและสิทธิความจุความถี่ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 3236 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - อินเดีย | คค | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Under
standing) ระหว่างไทย-อินเดีย ลงนามเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2551 โดยสาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจ ฯ ทั้ง สองฝ่ายได้ตกลงปรับปรุงสิทธิความจุความถี่ของเที่ยวบินผู้โดยสาร ปรับปรุงข้อบทว่าด้วยพิกัดอัตราค่าขนส่ง ปรับ ปรุงข้อบทว่าด้วยการใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน และเพิ่มเติมข้อบทว่าด้วยความปลอดภัยการบินไว้ในความตกลง ฯ และ ให้เสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนมอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทาง การทูตยืนยันการปรับปรุงสิทธิความจุความถี่ รวมทั้งการแก้ไขปรับปรุงข้อบทว่าด้วยพิกัดอัตราค่าขนส่ง (ข้อ 8 ใน ความตกลง ฯ) ข้อบทว่าด้วยความปลอดภัย (ข้อ 7 ทวิ) และเพิ่มเติมข้อบทว่าด้วยความร่วมมือด้านการตลาด (ข้อ 8 ทวิ) ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 3237 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ 4/2552 | นร | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐ กิจ (กรอ.) ครั้งที่ 4/2552 เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2552 ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการ กรอ. เสนอ โดยที่ประชุมมีมติในเรื่องต่างๆ สรุปได้ดังนี้ 1.1 ปัญหาการใช้ระบบจัดซื้อจัดจ้างด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) ที่ประชุมมีมติมอบหมาย กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) รับข้อเสนอของประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ไป ประกอบการพิจารณาดำเนินการประเมินผลการบังคับใช้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการ อิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 ตลอดจนปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และแนวทางการปรับปรุง /แก้ไขระเบียบ ฯ ให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยหารือกับหน่วยงานปฏิบัติระดับกระทรวง หน่วยงาน กลาง (เช่น กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงบประมาณ) และภาคเอกชน ให้แล้วเสร็จ ภายใน 2 เดือน และรายงานต่อคณะกรรมการ กรอ. ต่อไป 1.2 แนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจสำหรับอุตสาหกรรมแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางพารา ที่ประชุมมี มติมอบหมายสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยรับไปพิจารณาจัดทำข้อเสนอที่ชัดเจนและครบถ้วน ตลอดห่วงโซ่ การผลิต กรณีที่มีข้อเสนอเกี่ยวข้องกับภารกิจของคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ให้นำเข้าสู่การพิจารณา ของคณะกรรมการนโยบายยาง ฯ ก่อนที่จะนำเสนอคณะกรรมการ กรอ. ต่อไป 1.3 ผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและการลงทุนอันเนื่องมาจากความไม่ชัดเจนในแนวปฏิบัติของภาค รัฐ กรณีการประกาศเขตควบคุมมลพิษในพื้นที่มาบตาพุด ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเล ตะวันออกประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาหาแนวทางแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับประเด็นความไม่ชัดเจนใน แนวทางปฏิบัติของภาครัฐจากการประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษ 1.4 ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง โรงงานที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ที่ ประชุมมีมติมอบหมายกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นเจ้าภาพหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาข้อยุติในแนวทาง ปฏิบัติที่ชัดเจนตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ภายใน 1 เดือน และให้นำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ต่อไป 1.5 ความคืบหน้าโครงการปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ประชุมมีมติรับทราบ และมอบหมายธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลัง ติดตามความคืบหน้าในการ ปล่อยสินเชื่อให้แก่ SMEs รวมทั้งปรับปรุงและผ่อนปรนหลักเกณฑ์การปล่อยเงินกู้เพื่อสร้างโอกาสให้ SMEs ที่มี ศักยภาพมีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจในภาวะเศรษฐกิจหดตัวในปัจจุบัน 1.6 ความคืบหน้าการดำเนินงานตามมาตรการภาษีเพื่อการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ที่ประชุมมีมติรับ ทราบและมอบหมายสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานกับสำนักเลขาธิการ คณะรัฐมนตรีนำเรื่อง การลดหย่อนค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมอสังหาริมทรัพย์ ของกรมที่ดิน เพื่อบรรจุเข้าเป็นวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพุธที่ 3 มิถุนายนศกนี้ 1.7 ความคืบหน้าการดำเนินงานตามมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยว ที่ประชุมมีมติรับทราบ และ มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พิจารณา ความเป็นไปได้ในการขยายระยะเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราออกไปอีก หลังพ้นกำหนด 3 เดือน ในวันที่ 4 มิถุนายน 2552 รวมถึงระยะเวลาที่อนุญาตให้พำนักในประเทศไทย โดยให้ครอบคลุมภึงกลุ่มเป้าหมาย ต่าง ๆ เช่น ผู้เข้ามาใช้บริการทางการแพทย์ นักศึกษาต่างชาติในไทย และนักธุรกิจ เป็นต้น และให้สำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติสำรวจและศึกษาศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวของประเทศเพื่อกำหนด แนวทางการส่งเสริมพัฒนาให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด รวมทั้งทบทวนโครงการพัฒนาตามแผนฟื้นฟู เศรษฐกิจระยะที่ 2 ให้รองรับการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ 2. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเร่งรัดการสำรวจศึกษาศักยภาพ แหล่งท่องเที่ยวของประเทศ รวมทั้งทบทวนโครงการพัฒนาตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||
| 3238 | มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล | กค | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิ และนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด และ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วย อาคารชุด กรณีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด รวม 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงการ คลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา 2. ให้แก้ไขวันใช้บังคับของร่างประกาศทั้ง 2 ฉบับ จาก "...ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2552" เป็น "...ตั้งแต่วันที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยลงนามในประกาศกระทรวงมหาดไทย เป็นต้นไป ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2552" แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 3239 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 (การกำหนดประเภทหรือชนิดของโรงงานตามบัญชีท้ายกฎกระทรวง) | อก | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดย ร่างกฎกระทรวง ฯ มีสาระสำคัญคือ ยกเลิกกฎกระทรวง (พ.ศ. 2535) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรง งาน พ.ศ. 2535 และปรับปรุงการกำหนดประเภทหรือชนิดของโรงงาน เป็นดังนี้ 1.1 ลดความเข้มงวดในการกำกับดูแลกว่าเดิมโดยปรับปรุงประเภทโรงงานจำนวน 19 ประเภท โรงงาน 1.2 เพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแลกว่าเดิมโดยปรับปรุงประเภทโรงงานจำนวน 3 ประเภท โรงงาน 1.3 เปลี่ยนแปลง แก้ไข เพิ่มเติมข้อความให้ชัดเจนกว่าเดิมโดยปรับปรุงประเภทโรงงาน จำนวน 39 ประเภทโรงงาน 2. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการปรับปรุงประเภท โรงงานจากจำพวกที่ 3 เป็นจำพวกที่ 2 และจากจำพวกที่ 2 เป็นจำพวกที่ 1 อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวด ล้อมและประชาชนเนื่องจากปัจจุบันมีการประกอบกิจการขนาดเล็กหรืออุตสาหกรรมชุมชนที่ไม่ถือว่าเป็น "โรง งาน" ตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 เป็นจำนวนมากแล้วซึ่งกรมโรงงานอุตสาหกรรมควรเตรียมความ พร้อมให้กับหน่วยงานอื่น เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามารับหน้าที่ในการควบคุมดูแลการประกอบกิจ การนั้น ๆ ด้วย ส่วนโรงงานผลิตก๊าซหรือแยกก๊าซ ควรเพิ่มคำว่า "ที่ไม่ใช้ก๊าซธรรมชาติ" เพื่อมิให้ซ้ำซ้อนกับ โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม และโรงงานแยกก๊าซธรรมชาติ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||
| 3240 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินค่าเช่าบ้าน ข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะ ที่ 2 ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยร่างระเบียบ ฯ มีสาระสำคัญคือ 1.1 เพิ่มเติมกระบวนการขอรับค่าเช่าบ้านของข้าราชการในครั้งแรกของการขอใช้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้าน โดยให้ผู้ขอใช้สิทธิแจ้งข้อมูลต่าง ๆ ของตนเองว่าเป็นผู้มีสิทธิและไม่เป็นผู้ต้องห้ามตามที่กฎหมายกำหนด 1.2 แก้ไขเพิ่มเติมการกำหนดประเภทตำแหน่งใหม่ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงการกำหนดตำแหน่ง ของข้าราชการพลเรือนสามัญตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ในส่วนของหลักเกณฑ์ การรับรองสิทธิและการอนุมัติให้เบิกค่าเช่าบ้าน 1.3 แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบสิทธิการเบิกค่าเช่ากรณีข้าราชการได้ รับคำสั่งให้เดินทางไปประจำสำนักงานในต่างท้องที่ โดยไม่เปลี่ยนสำนักเบิกเงินเดือน โดยให้ผู้บังคับบัญชาประจำ สำนักงานที่ผู้ใช้สิทธิไปปฏิบัติราชการเป็นผู้มีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบสิทธิการเบิกค่าเช่าบ้านของข้า ราชการ 1.4 แก้ไขหลักเกณฑ์กรณีที่มีการขยายวงเงินกู้ หรือขยายระยะเวลาการผ่อนชำระเงินกู้เพื่อชำระราคา บ้าน โดยให้นำหลักฐานการผ่อนชำระมาเบิกค่าเช่าบ้านได้ตามจำนวนเงินกู้และระยะเวลาการผ่อนชำระที่เหลืออยู่ ของสัญญาเงินกู้ฉบับแรกเท่านั้น 2. ให้แก้ไขข้อความในร่างข้อ 2 ของร่างระเบียบเกี่ยวกับวันใช้บังคับ โดยแก้ไขเป็น "ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป" ตามข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และ ให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
.....
