ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 168 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 3341 - 3360 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 3341 | ญัตติด่วน เรื่อง ให้สภาพิจารณาปัญหาปุ๋ยราคาแพง | สผ | 08/07/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินการตามญัตติ เรื่อง
ให้สภาพิจารณาปัญหาปุ๋ยราคาแพง โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินโครงการจัดหาปุ๋ยเคมีนำเข้าจากต่าง ประเทศ ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติจัดสรรเงินยืมปลอดดอกเบี้ยจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร จำนวน 300 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบคุณภาพปุ๋ย และค่าบริหารจัดการโครงการ ซึ่งขณะนี้อยู่ ระหว่างการประสานกับประเทศผู้ค้า เพื่อนำเข้าปุ๋ยสูตร 46-0-0 มาจำหน่ายให้แก่เกษตรกรในราคาที่ต่ำกว่าท้อง ตลาด ส่วนกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินโครงการลดราคาปุ๋ยเคมี โดยได้ขอความร่วมมือจากภาคเอกชนจัดหาปุ๋ยเคมี จำนวน 153,500 บาท จำหน่ายให้เกษตรกรรายย่อยผ่านสถาบันเกษตรกรในราคาถูกกว่าท้องตลาดตันละ 200- 1,000 บาท นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินมาตรการทางกฎหมายในการ กำกับ ดูแล การขออนุญาต การขึ้นทะเบียน ตรวจสอบ และควบคุมคุณภาพปุ๋ยเคมีตามพระราชบัญญัติปุ๋ยเคมี พ.ศ. 2550 และตรวจสอบสต๊อกและราคาปุ๋ยเคมีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 รวม ทั้งได้ส่งเสริมการผลิตปุ๋ยอินทรีย์และรณรงค์ให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมี เพื่อเป็นการปรับปรุงบำรุงดิน ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ยเคมีสูงขึ้น และส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดิน เพื่อ ประหยัดต้นทุนค่าปุ๋ยเคมี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3342 | การขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2536 เรื่องงบประมาณลงทุนประจำปี 2536 ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเปิดสำนักงานสาขาในประเทศ) | กก | 01/07/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 ที่มีมติอนุมัติ
ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2536 เรื่อง งบประมาณลงทุนประจำปี พ.ศ. 2536 ของการท่อง เที่ยวแห่งประเทศไทย ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเปิดสำนักงานสาขาในประเทศ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและ กีฬาเสนอ โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นควร กำหนดหลักเกณฑ์ในการจัดตั้งสำนักงานสาขาในประเทศให้มีความชัดเจนว่ามีความเหมาะสมและจำเป็น ตลอดจน มีความคุ้มค่า โดยให้คำนึงถึงภาระงบประมาณในระยะยาว และให้ประสานขอใช้อาคารในศูนย์ราชการในจังหวัด ต่าง ๆ ที่ว่างอยู่หรืออาจประสานกับองค์การบริหารปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อขอรับการสนับสนุนและร่วมมือใน การดำเนินการ เพื่อให้เกิดการบริหารการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณเกี่ยวกับการจัด หาอาคารสำนักงาน และรับข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควร ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงขีดความสามารถการให้บริการของสำนักงานและศูนย์ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นมาก กว่าการเพิ่มจำนวนสำนักงาน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3343 | ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 1/2551 | กค | 01/07/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายสุรพงษ์
สืบวงศ์ลี) ประธานกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) รายงานผลการประชุม กนร. ครั้งที่ 1/2551 วันที่ 26 พฤษภาคม 2551 โดยที่ประชุมรับทราบภาพรวมการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ปี พ.ศ. 2547-พ.ศ. 2550 จำนวน 58 แห่ง ในการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจกระทรวงการคลัง และรับทราบผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐ วิสาหกิจ ประจำปี พ.ศ. 2550 ที่อยู่ในระบบประเมินผล ฯ จำนวน 51 รัฐวิสาหกิจ และ 1 บริษัท ใน 9 สาขา คือ สังคมและเทคโนโลยี พาณิชย์และบริการ เกษตรและทรัพยากรธรรมชาติ พลังงาน สาธารณูปการ สื่อสารโทร คมนาคม ขนส่ง อุตสาหกรรม และสถาบันการเงิน รวมทั้งรับทราบข้อสังเกตของ ก.พ.ร. เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การจัด ตั้ง/ร่วมทุนและกำกับดูแลบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจโดยเห็นควรจัดตั้งหน่วยงานภายในสำนักงาน กนร. ขึ้นเพื่อ ทำหน้าที่กลั่นกรองเรื่องจัดตั้งบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจ โดยที่ประชุมได้มีมติให้สำนักงาน กนร. ทำหน้าที่กลั่น กรองเรื่องจัดตั้งบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจตามหลักเกณฑ์การจัดตั้ง/ร่วมทุนและกำกับดูแลบริษัทในเครือของรัฐ วิสาหกิจก่อนนำเสนอ กนร. และรับทราบความคืบหน้าการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ โดยให้กระทรวงการ คลังกำชับให้รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายงบลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมาย ส่วนเรื่องการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการ เพื่อฟื้นฟูฐานะทางการเงินของรัฐวิสาหกิจที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้กระทรวงเจ้าสังกัดและคณะกรรมการของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และการเคหะแห่งชาติ เร่งรัดการดำเนินการจัด ทำแผนฟื้นฟูฐานะทางการเงินให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2551 และนำเสนอ กนร. เพื่อพิจารณาต่อ ไป และให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการของ กนร. เพื่อพิจารณาการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การปรับปรุงโครง สร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะทางการเงินของการรถไฟแห่งประเทศไทย และ ขสมก. และนำเสนอ กนร. เพื่อพิจารณาภายใน 60 วัน นับแต่วันที่มีคำสั่งแต่งตั้ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3344 | รายงานผลการประชุมใหญ่ประจำปีองค์การแรงงานระหว่างประเทศ สมัยที่ 97 | รง | 24/06/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมใหญ่ประจำปีองค์การแรงงานระหว่างประเทศ สมัยที่ ๙๗ ระหว่างวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ถึงวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๑ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. องค์การแรงงานระหว่างประเทศมุ่งเน้นให้ประเทศสมาชิกตระหนักถึงปัญหาความยากจนและการพัฒนาทักษะฝีมือเพื่อเพิ่มผลิตภาพแรงงานและพัฒนาการจ้างงาน และให้มีการวิเคราะห์ปัญหาอุปสรรคของการดำเนินงาน รวมทั้งแสวงหาแนวทางหรือทรัพยากรภายนอกเข้ามาเสริมให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และส่งเสริมให้นำเอาระบบไตรภาคีเข้ามาช่วยให้แรงงานในชนบทมีความรู้ มีฝีมือ มีโอกาสได้งานทำต่อเนื่อง ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของไทยยืนยันต่อที่ประชุมถึงความพยายามที่จะลดปัญหาความยากจนโดยการสร้างงาน สร้างฝีมือ สร้างรายได้และสร้างค่านิยมในการดำเนินชีวิตให้กับคนไทย โดยมุ่งเน้นให้เกิดการจ้างงานที่มีประสิทธิภาพ (full employment) การสร้างผลิตภาพแรงงาน (productivity growth) และสร้างค่านิยมชีวิตพอเพียงตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๒. องค์การแรงงานระหว่างประเทศจัดการเลือกตั้งสมาชิกคณะประศาสน์การชุดใหม่จะดำรงตำแหน่งในวาระระหว่างปี ๒๕๕๑-๒๕๕๔ เพื่อแทนชุดเดิม โดยผลการเลือกตั้งในสัดส่วนของกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นไปตามข้อเสนอของกลุ่มซึ่งเสนอสิงคโปร์เป็นสมาชิกหลัก (titular memder) กัมพูชา เวียดนาม และไทยเป็นสมาชิกสำรอง (deputy memher) ๓. การเข้าร่วมกิจกรรมประชุมกลุ่มกับประเทศสมาชิกองค์การแรงงานระหว่างประเทศต่าง ๆ ได้แก่ การประชุมรัฐมนตรีแรงงานกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (Nom Aligned Movement : NAM) เพื่อติดตามความคืบหน้าของการยื่นขอเพิ่มจำนวนกรรมการในคณะกรรมการด้านเสรีภาพในการสมาคมและการปรับปรุงวิธีการทำงานของคณะกรรมการด้านการปฏิบัติตามมาตรฐานแรงงานในนามกลุ่ม การประชุมรัฐมนตรีแรงงานกลุ่มภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (ASPAG Ministerial Meeting) เพื่อร่วมหารือและกำหนดท่าทีในประเด็นต่าง ๆ ที่จะนำเสนอต่อที่ประชุมใหญ่องค์การแรงงานระหว่างประเทศ การเข้าร่วมงาน ASEAN Breakfast เพื่อพบปะแนะนำตัวและหารือกำหนดท่าทีของกลุ่มในประเด็นต่าง ๆ โดยสิงคโปร์เป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยง และการประชุมทวิภาคีกับรัฐมนตรีแรงงานนิวซีแลนด์เพื่อหารือความคืบหน้าข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสองฝ่ายและการกำหนดแผนงานที่ดำเนินการร่วมกัน คือการจัดประชุมคณะกรรมการแรงงาน (Labour Committee) ที่นิวซีแลนด์จะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๑
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3345 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง (กระทรวงการคลัง) | กค | 24/06/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้คณะกรรมการต่าง ๆ ที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง
คงปฏิบัติหน้าที่ต่อไป โดยไม่มีการปรับปรุง จำนวน 4 คณะ ได้แก่ คณะกรรมการป้องปรามธุรกิจการเงินนอกระบบ คณะกรรมการพิจารณาการขาย การแลกเปลี่ยน การให้ การจำหน่าย จ่ายโอนหรือจัดหาประโยชน์เกี่ยวกับอสังหา ริมทรัพย์ของรัฐบาลไทยในต่างประเทศ คณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครงการใช้เงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทาง เศรษฐกิจ (SAL) และคณะกรรมการบรรษัทภิบาลแห่งชาติ ปรับปรุงองค์ประกอบ จำนวน 7 คณะ ได้แก่ คณะกรรม การเพื่อพิจารณากำหนดขอบเขตที่ดินกำแพงเมือง-คูเมือง คณะกรรมการกลั่นกรองการจัดเอาประกันภัยทรัพย์สิน ของรัฐ คณะกรรมการพิจารณากำหนดสำนักงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่พิเศษ คณะกรรมการพิจารณากำหนดประเภทและ อัตราค่าอวัยวะเทียมและอุปกรณ์ในการบำบัดรักษาโรค คณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสา หกิจ คณะกรรมการพิจารณากำหนดสำนักงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่พิเศษระดับจังหวัด และคณะกรรมการกำกับนโยบาย ราคากลางงานก่อสร้าง และเพิ่มคณะกรรมการ จำนวน 1 คณะ ได้แก่ คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบ ประมาณภาครัฐ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3346 | สรุปผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์การพัฒนาการเกษตรในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2551) | กษ | 24/06/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานสรุปผลการดำเนินงานแผนตามยุทธ
ศาสตร์การพัฒนาการเกษตรในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ และโครงการตามนโยบายเร่งด่วนที่ ใช้งบประมาณจากศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต) ข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2551 โดย ผลการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ ฯ มีดังนี้ ยุทธศาสตร์ที่ 1 การสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรและสถาบัน เกษตรกร มีเกษตรกรที่ได้รับผลประโยชน์รวม 1,123 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 20 ของเป้าหมาย 5,508 ครัวเรือน ยุทธศาสตร์ที่ 2 การพัฒนาและฟื้นฟูอาชีพภาคเกษตรให้สอดคล้องกับศักยภาพและพื้นที่ ดำเนินการปรับปรุงสวน ยางเดิม จำนวน 403,293 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 93 ของเป้าหมาย 487,793 ไร่ เพิ่มพื้นที่ใหม่ จำนวน 27,872 ไร่ คิด เป็นร้อยละ 36 ของเป้าหมาย 76,630 ไร่ เพิ่มพื้นที่ปลูกปาล์ม จำนวน 6,327 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 69 ของเป้าหมาย 9,132 ไร่ ปรับปรุงคุณภาพลองกองจากเกรด C, B เป็นเกรด A จำนวน 930 ราย คิดเป็นร้อยละ 34 ของเป้าหมาย เป็นต้น ยุทธศาสตร์ที่ 3 การบริหารจัดการทรัพยากรการเกษตรและสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน ดำเนินการปรับปรุงคุณ ภาพดินและส่งเสริมการใช้สารอินทรีย์ จำนวน 145,391 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 53 ของเป้าหมาย 274,325 ไร่ ก่อสร้าง แหล่งน้ำ ระบบส่งน้ำ ปรับปรุงชลประทานและแหล่งน้ำในไร่นา จากเป้าหมายจำนวน 230 แห่ง ดำเนินการได้ร้อย ละ 36 เป็นต้น และยุทธศาสตร์ที่ 4 การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการองค์กรให้เข้มแข็ง ดำเนินการพัฒนา เกษตรอาสา จำนวน 2,587 ราย คิดเป็นร้อยละ 77 ของเป้าหมาย และสร้างแหล่งรวบรวมข้อมูลข่าวสารด้านการ เกษตรในชุมชนตำบลละ 1 แห่ง รวม 326 แห่ง ส่วนการดำเนินงานโครงการตามนโยบายเร่งด่วนที่ใช้งบ ศอ.บต. ได้แก่ โครงการจัดตั้งตลาดกลางยางพารา วงเงิน 16 ล้านบาท ดำเนินการจัดตั้งตลาดกลางยางพาราจังหวัดยะลา เพื่อเป็นศูนย์กลางการรับซื้อยางพารา และสร้างเครือข่ายตลาดกลางในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โครงการนำ ร่องส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงไก่เนื้อครบวงจร วงเงิน 2.615 ล้านบาท ดำเนินการนำร่องในพื้นที่ 4 อำเภอของจังหวัด สงขลา (อำเภอจะนะ เทพา นาทวี และสะบ้าย้อย) และโครงการฟื้นฟูนาร้าง วงเงิน 23.5 ล้านบาท ดำเนินการใน พื้นที่จังหวัดปัตตานี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3347 | มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพงานก่อสร้าง (มีการปรับแก้ไขมติ ฯ) | คค | 24/06/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติว่า เพื่อให้มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพงานก่อสร้างในส่วนของการปรับปรุงการ
คำนวณเงินเพิ่มลดค่างานก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 17 มิถุนา ยน 2551 (เรื่อง การพิจารณาช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพงานก่อสร้างและผู้ประกอบอาชีพอื่น) เห็นชอบให้ดำเนิน การตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ความช่วยเหลือชดเชยเพิ่มเติมค่างานก่อสร้างเฉพาะรายการค่า วัสดุเหล็กและน้ำมันดีเซล ในอัตราร้อยละ 4 ของปริมาณงานตามสูตรที่กำหนดไว้ในแต่ละประเภทงานก่อสร้างที่ใช้ กับสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2532 (เรื่อง การพิจารณาช่วย เหลือผู้ประกอบอาชีพงานก่อสร้าง) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2550 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2551 เป็นการชั่วคราว เนื่องจากมีความเหมาะสมและชัดเจนในทางปฏิบัติ โดยให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาทบทวนร่วมกับกระทรวง คมนาคม สำนักงบประมาณและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้นำความเห็นของสำนักงบประมาณกรณีที่กระทรวง คมนาคมขอให้ช่วยเหลือผู้มีอาชีพงานก่อสร้างที่ลงนามกับทางราชการ โดยขอให้พิจารณาให้ครอบคลุมถึงสัญญาก่อ สร้าง สัญญาจ้าง รวมทั้งสัญญาต่อเรือ และสัญญาซื้อ-ขาย หากสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาแบบปรับราคาได้ ตาม นัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2532 กล่าวคือ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นของรัฐ จะต้อง กำหนดเงื่อนไขในการประกาศจัดจ้างโดยใช้สัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) หากเป็นกรณีเช่นนี้ก็สามารถพิจารณา ให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมค่างานก่อสร้างตามแนวทางที่สำนักงบประมาณเสนอ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้ว นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3348 | มาตรการการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 | นร | 17/06/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงบประมาณเสนอการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบ
ประมาณปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 โดยยกเลิกการดำเนินโครงการเดิม 3 โครงการ/รายการ วงเงิน 26,275,000 บาท ประกอบด้วย โครงการศึกษาเพื่อกำหนดรูปแบบ แนวทาง และหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผลผลิตการจัดทำและบริหารงบประมาณ โครงการจ้างที่ปรึกษาให้คำแนะนำเจ้าหน้าที่ ประเมินผล 1 ด้านการจัดทำการประเมินผลเชิงลึก และโครงการประเมินผลการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ โดยปรับ แผนไปดำเนินการโครงการ/รายการใหม่ 2 โครงการ/รายการ วงเงิน 26,275,000 บาท ประกอบด้วย ราย การปรับปรุงอาคารสำนักงบประมาณ เพื่อรองรับโครงสร้างในส่วนที่เป็นงบประมาณจังหวัด และรายการครุภัณฑ์ สำหรับอาคารห้องประชุม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3349 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการโครงการปรับปรุงถนนสาย นว. 3008 แยกทางหลวงหมายเลข 333 - บ้านโกรกพระ อำเภอพยุหคีรี จังหวัดนครสวรรค์ | คค | 17/06/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสหัส บัณฑิตกุล) รับเรื่อง ขออนุมัติเปลี่ยนแปลง
รายการโครงการปรับปรุงถนนสาย นว.3008 แยกทางหลวงหมายเลข 333-บ้านโกรกพระ อำเภอพยุหคีรี จังหวัด นครสวรรค์ ของกระทรวงคมนาคม ไปพิจารณาความเหมาะสมและความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงรายการ แล้วให้ นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งโดยด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3350 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบัญชีอัตราเงินเดือนเพื่อใช้ในการคำนวณเงินสะสม เงินสมทบ เงินชดเชย และบำเหน็จบำนาญของพนักงานมหาวิทยาลัย พ.ศ. .... | กค | 17/06/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดบัญชีอัตราเงินเดือน
เพื่อใช้ในการคำนวณเงินสะสม เงินสมทบ เงินชดเชย และบำเหน็จบำนาญของพนักงานมหาวิทยาลัย พ.ศ. .... มีสาระ สำคัญคือ กำหนดอัตราเงินเดือนอ้างอิงของพนักงานมหาวิทยาลัยสำหรับใช้ในการคำนวณเงินสะสม เงินสมทบ เงิน ชดเชย และบำเหน็จบำนาญของพนักงานมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการให้สอดคล้อง กับการปรับอัตราเงินเดือนของข้าราชการพลเรือน และการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน และ ให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3351 | การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 10 กันยายน 2545 เรื่อง การแก้ไขปัญหาการขาดทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ (ในประเด็นที่เกี่ยวกับการรายงานฐานะทางการเงินรายไตรมาส) | กค | 17/06/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอขอปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 กันยายน
2545 เรื่อง การแก้ไขปัญหาการขาดทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ โดยแก้ไขข้อความเฉพาะ ข้อ 2.2 เป็นดังนี้ "ให้รัฐวิสาหกิจ องค์การของรัฐบาลตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การของรัฐบาล กิจการของ รัฐซึ่งมีกฎหมายจัดตั้งขึ้นหรือหน่วยงานธุรกิจที่รัฐบาลเป็นเจ้าของ บริษัทจำกัด หรือบริษัท (มหาชน) จำกัด ที่หน่วย งานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจมีทุนรวมอยู่ด้วยเกินร้อยละห้าสิบ จัดส่งข้อมูลและรายงานต่าง ๆ ตามที่กระทรวงการคลัง กำหนดเข้าสู่ระบบงาน GFMIS-SOE เพียงระบบเดียว" ทั้งนี้ เพื่อความประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อภาครัฐ โดย ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาด้วยอาทิ ข้อสังเกตของสำนักงบประมาณกรณี รัฐวิสาหกิจที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งต้องรายงานผลประกอบการไปยังตลาดหลักทรัพย์ ฯ มักจะให้ความสำคัญในการรายงานตลาดหลักทรัพย์มากกว่าการรายงานตามระบบของกระทรวงการคลัง ซึ่งอาจส่ง ผลให้ฐานข้อมูลด้านรัฐวิสาหกิจในภาพรวมไม่สมบูรณ์ เป็นต้น และข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ว่าควรกำหนดเฉพาะการจัดทำข้อมูลรายงานฐานะการเงินของรัฐวิสาหกิจเท่านั้น |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3352 | ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 | นร | 17/06/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี
งบประมาณ พ.ศ. 2552 ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว พร้อมเอกสารงบประมาณรายจ่าย โดยสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ ได้มีการปรับปรุงบันทึกหลักการและเหตุผล โดยกำหนดให้การตั้งงบ ประมาณรายจ่ายประจำปีรวมรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง ปรับปรุงมาตราว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายของหน่วยงาน อิสระของรัฐ เพิ่มมาตราว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายของจังหวัด ปรับปรุงมาตราว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายเพื่อชดใช้ เงินคงคลังเพื่อกำหนดให้รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลังเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณรายจ่ายประจำปี พร้อมระบุแหล่ง ที่มาของรายได้เพื่อชดใช้เงินคงคลังที่จ่ายไปก่อนแล้ว รวมทั้งได้กำหนดงบประมาณโดยใช้โครงสร้างแผนงานเป็นราย การขออนุมัติจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีของหน่วยงานแทนโครงสร้างแผนงบประมาณ และให้เสนอสภาผู้ แทนราษฎรพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3353 | ขออนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี และเพิ่มวงเงินรายการก่อสร้างอาคารเรียนสหศึกษา 1 หลัง | ศธ | 17/06/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอให้มหาวิทยาลัยบูรพาเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้าง ราย
การก่อสร้างอาคารเรียนสหศึกษา 1 หลัง จากเดิม 150,000,000 บาท เป็น 194,600,000 บาท โดยผูกพันข้ามปี งบประมาณจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2553 รวมทั้งยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี (18 สิงหาคม 2541) เรื่อง การปรับปรุง แก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการ อื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้มหาวิทยาลัยบูรพาเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ซึ่งได้รับ จัดสรรงบประมาณแล้ว จำนวน 30,000,000 บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552- พ.ศ. 2553 จำนวน 127,500,000 บาท ส่วนที่ยังขาดอยู่อีกจำนวน 37,100,000 บาท ให้ใช้เงินนอกงบประมาณ สมทบ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3354 | มาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ (โครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด) | นร | 10/06/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองเลขาธิการ ก.พ. (นางเบญจวรรณ สร่างนิทร) กรรมการและเลขานุ
การร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเสนอมติคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อกำกับ การดำเนินการตามมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ ครั้งที่ 2/2550 วันที่ 12 กันยายน 2550 และ ครั้งที่ 3/2550 วันที่ 20 ธันวาคม 2550 ในการพิจารณาเกี่ยวกับการคำนวณสิทธิประโยชน์ที่เป็นเงินก้อนสำหรับ ข้าราชการครู และข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาที่ลาออกจากราชการตามมาตรการปรับปรุงอัตรากำลัง ของส่วนราชการ (โครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด) โดยที่ประชุมมีมติให้ข้าราชการครูผู้ลาออกจากราชการตาม มาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการคำนวณเงินวิทยฐานะ เช่นเดียวกับเงินประจำตำแหน่งในการคำนวณ สิทธิประโยชน์ที่เป็นเงินก้อน และให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาคำนวณเงินประจำตำแหน่งในอัตราสูง สุดเพียงอัตราเดียว |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3355 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการชลประทาน ครั้งที่ 1/2551 | นร | 10/06/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรม
การและเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการชลประทานเสนอมติคณะกรรมการ พัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ฯ ครั้งที่ 1/2551 วันที่ 27 พฤษภาคม 2551 ที่มีมติเห็นชอบร่างแผนการ ลงทุนพัฒนาและบริหารจัดการน้ำและการชลประทาน ประกอบด้วย แผนการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำขนาดเล็ก แผน การพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพระบบชลประทาน และแผนการบรรเทาอุทกภัย ระยะเวลา 12 ปี (ปี พ.ศ. 2552- พ.ศ. 2563) กรอบวงเงินลงทุน 322,703 ล้านบาท โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวง เกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามแผนดังกล่าว ภายในกรอบวงเงิน 100,192 ล้านบาท (ปี พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2557) และให้กระทรวงเกษตร ฯ ดำเนินการตามแผนการขยายและเพิ่มประสิทธิภาพโครง การชลประทานขนาดใหญ่ วงเงินลงทุน 222,511 ล้านบาท (ปี พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2563) กับเห็นชอบให้แต่งตั้ง คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำยม และโครงการอ่างเก็บน้ำโปร่งขุนเพชร จังหวัดชัยภูมิ เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาน้ำขาดแคลนในพื้นที่ลุ่มน้ำยม และจังหวัดชัยภูมิ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดย เร็วต่อไป รวมทั้งมอบหมายให้คณะกรรมการกำกับด้านการเงินและการลงทุนสำหรับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของ ภาครัฐ รับไปพิจารณาจัดหาแหล่งเงินลงทุน/วิธีการระดมทุนที่เหมาะสม เพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามแผนการ ลงทุนพัฒนาและบริหารจัดการน้ำและการชลประทานได้ตามเป้าหมาย และระยะเวลาที่กำหนด และมอบหมายให้ กระทรวงเกษตร ฯ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ จัดทำโครงการจัดระบบความปลอดภัยเขื่อน (Dam safety) โดยตรวจสอบและแก้ไขซ่อมแซมข้อบกพร่องของเขื่อนและอ่างเก็บน้ำที่มีความเสี่ยง ปรับปรุงการบริหารการปล่อย น้ำของอ่างเก็บน้ำต่าง ๆ ให้สามารถเก็บกักน้ำได้เต็มประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์ต่อการใช้น้ำ และการป้องกัน บรรเทาอุทกภัยพื้นที่ท้ายน้ำ โดยให้นำเสนอคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ฯ เพื่อพิจารณา ต่อไป รวมทั้งเตรียมความพร้อมของโครงการบริหารจัดการน้ำในระยะยาว โดยทำการศึกษาออกแบบรายละเอียด ของโครงการต่าง ๆ ไว้ให้พร้อมที่จะดำเนินการได้ รวมถึงการจัดทำระบบพยากรณ์เตือนภัยในพื้นที่วิกฤตน้ำของ ประเทศให้ครบถ้วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3356 | รายงานการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน | ยธ | 10/06/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติะรรมรายงานการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันรอบ
เดือนกันยายน 2550 ข้อมูลถึงวันที่ 31 มกราคม 2551 ของหน่วยงานในระดับกระทรวง กรม จำนวน 14 หน่วย งาน และมีหน่วยงานที่ยังไม่รายงานผลการดำเนินงาน จำนวน 9 หน่วยงาน คือ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพลัง งาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการ ฟอกเงิน ซึ่งรายงานของหน่วยงานทั้ง 14 หน่วยมีผลการดำเนินการโดยสรุป ดังนี้ 1. การส่งเสริมให้มีการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมตั้งแต่เยาว์วัยและตลอดจนทุกช่วงชีวิตให้แก่เยาวชน และประชาชน 2. การส่งเสริมการมีส่วนร่วมที่เข้มแข็งของภาคประชาชนทุกระดับ 3. การปรับปรุงกฎระเบียบในการจัดซื้อจัดจ้างต่าง ๆ ของทางราชการ 4. ให้สร้างกลไกของข้อมูลข่าวสารให้เกิดความโปร่งใส 5. รัฐต้องสนับสนุนองค์กรภาคประชาชนและองค์กรอิสระ 6. การลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ 7. รัฐจะต้องพัฒนาการปกครองให้เป็นประชาธิปไตยโดยให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมทั้งในสาระและ กระบวนการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3357 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบขนส่งทางรางและระบบขนส่งมวลชน ครั้งที่ 3/2551 | นร | 10/06/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและ
เลขานุการคณะกรรมการพัฒนาระบบขนส่งทางรางและระบบขนส่งมวลชน เสนอดังนี้ รับทราบผลการดำเนินงาน ตามมติคณะกรรมการพัฒนาระบบขนส่งทางรางและระบบขนส่งมวลชน ครั้งที่ 2/2551 ประกอบด้วย โครงการ ระบบขนส่งทางรางและระบบขนส่งระยะแรก (เร่งด่วน) ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ดำเนินการก่อสร้างแล้ว จำนวน 4 โครงการ และโครงการที่อยู่ระหว่างจัดเตรียมรายละเอียดเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี จำนวน 3 โครงการ และเห็นชอบ มติคณะกรรมการ ฯ ครั้งที่ 3/2551 เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2551 สรุปได้ดังนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการ ให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ดำเนินการตามแผนการปรับปรุงการบริหารจัดการและการบริการของ ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ โดยให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณพิจารณาข้อเสนอเกี่ยวกับการผ่อนปรน ภาระดอกเบี้ย การสนับสนุนเงินทุน การสนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้ของพนักงาน ขสมก. แนวทางการสนับ สนุนงบประมาณสำหรับโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด รวมทั้งแนวทางดำเนินการจัดหาพัสดุโดยวิธีประมูลด้วย ระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้มีความคล่องตัวมากขึ้น และให้กระทรวงคมนาคมเสนอเรื่องการปรับกรอบวงเงินค่าก่อสร้าง งานโยธาและค่าจ้างที่ปรึกษาบริหารโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง และโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ของการรถไฟ ฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ สำหรับปัญหาและผลกระทบ จากการปรับเพิ่มราคาวัสดุก่อสร้างแรงงาน และราคาน้ำมันต่อโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง นั้น ให้กระทรวง คมนาคม (รฟม.) พิจารณาผลกระทบและเสนอหลักเกณฑ์การปรับกรอบวงเงินค่าก่อสร้าง โดยผ่านความเห็นชอบ ของคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และกระทรวงคมนาคม เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ตามขั้นตอนต่อไป ส่วนปัญหาของผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้น ให้ กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณรับไปพิจารณาทบทวนและปรับราคากลางให้มีความเหมาะสมเพื่อมิให้เป็น อุปสรรคต่อการจัดซื้อจัดจ้างและการประมูลภาครัฐ รวมทั้งพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการปรับค่า K ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม (ขสมก. และ รฟม.) สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัด ดำเนินการตามมติคณะกรรมการ ฯ รวมทั้งการนำเสนอโครงการต่อคณะรัฐมนตรีต่อไปด้วย ส่วนการกำหนดหลัก เกณฑ์และวิธีการปรับค่า K ให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการก่อสร้าง โดยคำนึงถึงระยะเวลาก่อสร้างและสอด คล้องกับต้นทุนค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นอย่างแท้จริง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3358 | ขออนุมัติดำเนินโครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 8 | มท | 10/06/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอมติคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติ เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2550 ที่เห็นชอบโครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 8 ของการประปา นครหลวง (กปน.) วงเงินลงทุน 7,494 ล้านบาท โดยให้ปรับลดการลงทุนในส่วนการวางท่อใหม่ทดแทนท่อเก่า วงเงิน 306 ล้านบาท ให้ไปจัดไว้ในงบลงทุนประจำปี และให้ กปน. รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นว่า ปัจจุบันการดำเนินกิจการประปามีผู้ประกอบการหลายราย ดังนั้น การมี หน่วยงานกลางกำกับดูแลและกำหนดหลักเกณฑ์ต่าง ๆ จะช่วยให้การควบคุมมาตรฐานและการบริการมีความเท่า เทียมกัน และเพื่อดูแลผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ จึงเห็นควรเร่งรัดให้กระทรวงมหาดไทยนำเสนอ พระราชบัญญัติประกอบกิจการน้ำ พ.ศ. .... เพื่อให้สามารถจัดตั้งองค์กรกำกับดูแลกิจการน้ำได้ต่อไป ไปพิจารณา ดำเนินการด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมติดตามและตรวจสอบผู้ใช้น้ำบาดาลของภาค รัฐและเอกชนที่เคยแจ้งยกเลิกไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 จนถึงปัจจุบัน แต่ยังไม่ได้ใช้น้ำประปาอย่างจริงจัง รวมทั้ง การต่อใบอนุญาตในพื้นที่ใหม่ที่ กปน. สามารถขยายเขตจ่ายน้ำเพื่อให้บริการน้ำประปาทดแทนการใช้น้ำบาดาล ได้แล้ว เพื่อเร่งปรับลดการใช้น้ำบาดาลของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2546 ให้เกิดผลสำเร็จ และให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักในการประสานกับกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมกันจัดทำแผนป้องกันปัญหาน้ำเสีย ควบคู่ไปพร้อมกับการ บริหารจัดการที่เป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะความร่วมมือในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมบำบัดน้ำเสีย ตามหลักการผู้ก่อมลพิษต้องรับภาระค่าใช้จ่าย (Polluters Pay Principle) และสร้างความเข้าใจ และประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนตระหนักถึงสาเหตุและผลกระทบจากปัญหาน้ำเสียที่มีต่อชุมชนส่วนรวม และข้อจำกัดงบประมาณภาค รัฐ และประสานแผนงานก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ต้องดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ให้มีความสอด คล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อลดผลกระทบการดำเนินงานและการลงทุนที่ซ้ำซ้อนกัน ตลอดจนกำกับ ดูแลการให้บริการน้ำประปาของ กปน. และของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ในการสนับสนุนการให้บริการ น้ำประปาซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่รอยต่อของจังหวัดที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำสะอาดอุปโภค บริโภค ตามมติคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3359 | การจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.) (ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. .... ) | ยธ | 03/06/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงาน
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรม การกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ แบ่งส่วนราชการภายในสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.) ออกเป็นสำนักงานเลขาธิการ กองการต่างประเทศ ศูนย์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักคุ้มครองและป้องกัน สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงาน ปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 1-5 และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เขตพื้นที่ 1-9 รวมทั้งให้มีกลุ่มตรวจสอบภายใน กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร และกลุ่มงานกฎหมาย และระบุอำนาจหน้าที่ของแต่ ละหน่วยงานดังกล่าวให้เหมาะสมกับสภาพของงาน และให้ดำเนินการต่อไปได้ และให้กระทรวงยุติธรรมรับข้อ สังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาด้วยว่าการที่พระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหาร ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2551 ได้บัญญัติให้สำนักงาน ป.ป.ท. เป็นส่วนราชการมีฐานะ เป็นกรมในสังกัดกระทรวงยุติธรรม จำเป็นต้องมีการเสนอแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม ให้มีความสอดคล้องกันด้วย จึงสมควรที่กระทรวงยุติธรรมจะได้ดำเนินการเสนอแก้ไขกฎหมายดังกล่าวต่อ ไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3360 | มาตรการการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 | สสป | 03/06/2551 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติดำเนินการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จาก งบดำเนินงานที่สามารถชะลอการใช้จ่ายได้ จำนวน 34,206,530 บาท และจากงบรายจ่ายอื่น โครงการศึกษา วิจัยการปรับปรุงระบบการคลังเพื่อรองรับการกระจายอำนาจ จำนวน 3,250,000 บาท ไปเป็นงบดำเนินงาน โครงการศึกษาการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศในอนาคต เพื่อรองรับการทำงานของสมาชิกสภาที่ ปรึกษา ฯ ชุดที่ 3 จำนวน 3,250,000 บาท งบลงทุน ค่าครุภัณฑ์ ที่ดินและสิ่งก่อสร้าง จำนวน 15,344,500 บาท และงบรายจ่ายอื่นรายการค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราว จำนวน 2,862,030 บาท ค่าจัดจ้างที่ปรึกษาโครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพการดำเนินการและประเมินผลการสรรหาสมาชิกสภา ที่ปรึกษา ฯ ชุดที่ 3 จำนวน 13,000,000 บาท ค่าจัดจ้างที่ปรึกษาโครงการศึกษาทบทวนเพื่อปรับปรุงสมรรถนะ ของสำนักงานสภาที่ปรึกษา ฯ และจัดทำแผนพัฒนาบุคลากร จำนวน 3,000,000 บาท โดยให้สำนักงานสภาที่ ปรึกษา ฯ ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
