ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 167 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 3321 - 3340 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 3321 | ขออนุมัติต่ออายุสัญญาเงินกู้วงเงิน 800 ล้านบาท ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 19/08/2551 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ต่ออายุสัญญาเงินกู้วงเงิน 800 ล้านบาท จากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ต่อไปอีก 1 ปี โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงิน กู้ดังกล่าว 2. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณเะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ ไปดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาทางการเงินของ รฟท. และ ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2543 (เรื่อง การปรับโครงสร้างของการรถ ไฟแห่งประเทศไทย) ด้วย ดังนี้ ให้ รฟท. ดำเนินมาตรการเพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลขาด ทุนจากการดำเนินงานและปรับปรุงสัดส่วนและคุณภาพในการให้บริการของขบวนรถขนส่งสินค้า ขนส่งผู้โดยสาร เชิงพาณิชย์ และผู้โดยสารเชิงสังคมเพื่อใช้ในการจัดทำแผนธุรกิจ (Action Plan) ในระยะยาว โดยให้ครอบคลุมถึง การปรับปรุงการให้บริการ การปรับโครงสร้างหนี้ การปรับปรุงฐานะการเงิน การปรับโครงสร้างองค์กร และ การบริหารบุคลากรให้สอคล้องกับธุรกิจ และให้เร่งจัดหาหัวรถจักรและรถโบกี้รวมทั้งการบริหารจัดการขนส่งสิน ค้าเส้นทางลาดกระบัง-แหลมฉบัง เส้นทางบึงพระ-แหลมฉบัง โดยเพิ่มความถี่และปรับปรุงตารางการเดินรถให้ สนองตอบความต้องการของภาคการส่งออกเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับองค์กร นอกจากนี้ ให้เร่งรัดปรับปรุงประสิทธิ ภาพการบริหารจัดการและการสร้างรายได้ตามแนวทางที่เหมาะสมเพื่อแก้ปัญหาด้านการเงินโดยเร็ว |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3322 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ครั้งที่ 1/2551 | นร | 19/08/2551 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติราย
งานสรุปผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ครั้งที่ 1/2551 วันที่ 1 สิงหาคม 2551 ดังนี้ 1. เห็นชอบในหลักการ แผนการลงทุนด้านสุขภาพตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ประกอบด้วย 4 แผนงาน ได้แก่ แผนงานพัฒนาระบบบริการสาธารณสุข แผนงานพัฒนาแพทย์/บุคลากรสาธารณสุข แผนงาน ลดปัจจัยเสี่ยงและคุ้มครองผู้บริโภค และแผนงานพัฒนาระบบข้อมูลและองค์ความรู้ ระยะเวลาดำเนินการ 4 ปี (พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2555) สำหรับการก่อสร้างอาคารจอดรถภายในสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และ การจัดตั้งด่านอาหารและยาตามโครงการพัฒนาศักยภาพการคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ โครงการ พัฒนาระบบเฝ้าระวังสุขภาพจิต และ Regional Referral Mental Center และโครงการก่อสร้างหอประวัติศาสตร์ และพิพิธภัณฑ์การแพทย์และสาธารณสุขไทย เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ให้กำหนดไว้ในงานปกติของกระทรวงสาธารณสุข 2. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี) กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงสาระสำคัญของแผนการลงทุนด้าน สุขภาพให้ครอบคลุมระบบบริการสุขภาพทั้งระบบของประเทศอย่างมีบูรณาการ โดยให้ประสานกับหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องและโรงพยาบาลในสังกัดต่าง ๆ เพื่อร่วมปรับปรุงรายละเอียดของแผนให้ครอบคลุมการปรับปรุงระบบ บริการสุขภาพที่เชื่อมต่อกันในทุกระดับอย่างมีประสิทธิภาพ การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแพทย์ และบุคลากร สาธารณสุข โดยเพิ่มสิ่งจูงใจและจัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้เพียงพอ ตลอดจนพัฒนาระบบข้อ มูลให้ทันสมัยเชื่อมโยงกันทั้งระบบบริการสุขภาพภายในและภายนอกกระทรวงสาธารณสุข 3. ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้แพทย์ได้รับการคุ้มครองและสร้างขวัญกำลังใจในการประกอบ อาชีพ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3323 | การปรับปรุงโครงสร้างส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ | ตช | 19/08/2551 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอร่างพระราชกฤษฎีกา และร่างกฎ
กระทรวง รวม 2 ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1. ร่างพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ คือจัดตั้ง "ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้" เป็นส่วนราชการระดับกองบัญชาการในสังกัดสำนักงาน ตำรวจแห่งชาติ โดยแก้ไขเพิ่มเติมความเป็น (25) ของ 2. ในมาตรา 4 และ (25) ของ 2. ในมาตรา 5 แห่งพระ ราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกตามความในมาตรา 221 ของรัฐธรรมนูญแห่งราช อาณาจักรไทย และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 2. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการหรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นในสำนักงาน ตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ จัดตั้งส่วนราชการระดับกองบังคับการในสังกัด "ศูนย์ปฏิบัติ การตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้" สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยแก้ไขเพิ่มเติมความเป็น 26. ในข้อ 1 และ (24) ของ 2. ในข้อ 2 ของกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการหรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นในสำนัก งานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2548 ออกตามความในมาตรา 10 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 3. ให้ร่างกฎกระทรวง ฯ มีผลใช้บังคับเมื่อร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ ได้ประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3324 | ผลการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลในรอบ 6 เดือน ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | กษ | 19/08/2551 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลผลการดำเนินกาตามนโยบายรัฐบาลในรอบ 6 เดือน (กุมภาพันธ์ -
กรกฎาคม 2551) ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สรุปได้ดังนี้ 1. จัดทำแผนปฏิบัติราชการ 4 ปี และแผนปฏิบัติการประจำปี 2551 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน ของ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 4 นโยบาย คือ 1.1 นโยบายฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประเทศ 1.2 นโยบายเศรษฐกิจ 1.3 นโยบายที่ดินทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 1.4 การบริหารจัดการที่ดี 2. ดำเนินการปฏิบัติงาน โดยเน้นการทำงานที่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลเพื่อนำไปสู่เป้าหมาย "เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดี ประชาชนมีอาหารบริโภคปลอดภัย สร้างรายได้ให้แผ่นดิน" ภาวะเศรษฐกิจการ เกษตรครึ่งปีแรกของปี 2551 ขยายตัวในอัตราร้อยละ 3.8 ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นกว่าเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่ง ได้ให้ความสำคัญกับโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยน้อมนำโครงการด้านต่าง ๆ มาดำเนินการใน พื้นที่ทั่วทุกภาคอย่างต่อเนื่องและยึด 3 แนวทางหลักในการทำงาน ได้แก่ 2.1 แนวทางที่ 1 เกษตรเพื่อเกษตร (ด้วยการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร ลดต้นทุนการ ผลิต เพิ่มรายได้ ส่งเสริมรูปแบบเกษตรทฤษฎีใหม่ สนับสนุนปัจจัยการผลิตต่าง ๆ ทั้งพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ สร้างแหล่งน้ำที่เหมาะสม พัฒนาระบบชลประทาน ตลอดจนการสร้างความยั่งยืนของภาคเกษตรกรรมไทย ด้วยการสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่) 2.2 แนวทางที่ 2 เกษตรเพื่อประชาชน (หลักสำคัญคือประชาชนต้องมีอาหารอย่างพอเพียงเพื่อ การบริโภค อาหารปลอดภัยจากสารพิษ สารปนเปื้อน สารตกค้าง และราคาสินค้าเกษตรต้องเป็นธรรมทั้งผู้ ผลิตและผู้บริโภค 2.3 แนวทางที่ 3 เกษตรเพื่อเศรษฐกิจ (โดยการปรับโครงสร้างการผลิต ผลักดันสินค้าเกษตร ออกสู่ตลาดเพื่อแก้ปัญหาสินค้าล้นตลาด การปลูกพืชทดแทนพล้งงาน ฯลฯ) 3. นโยบายฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประเทศ เป็นนโยบายเร่งด่วนที่เริ่มดำเนินการในปีแรก นโยบาย เศรษฐกิจ (ปรับโครงสร้างภาคการเกษตร) เร่งปรับโครงสร้างการผลิต ทางการเกษตร ให้สอดคล้องกับ โอกาสทางการตลาด และการเปลี่ยนแปลงของผูบริโภค นโยบายที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการอนุรักษ์พัฒนาและใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน เพื่อให้เกิดมูลค่าทาง เศรษฐกิจ เช่น โครงการพัฒนาการเลี้ยงปลาทะเลในกระชังทะเลลึก เป็นต้น การบริหารจัดการที่ดี ดำเนิน การปรับปรุงกฎหมาย พ.ร.บ. ต่าง ๆ ให้เหมะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3325 | รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน | ตผ | 19/08/2551 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๐ ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ดำเนินการตรวจสอบเงินงบประมาณแผ่นดิน มูลค่างานตามสัญญาซื้อจ้าง จำนวน ๕๕,๘๗๒.๓๗ ล้านบาท ตรวจสอบเพื่อแสดงความเห็นต่องบการเงินรัฐวิสาหกิจ กองทุนและเงินทุน หน่วยงานอิสระ/องค์การมหาชน และหน่วยงานอื่น มีมูลค่าทรัพย์สิน ๑๒,๔๙๐,๓๘๓.๓๘ ล้านบาท (ไม่รวมงบสอบทาน) ๑.๒ ประมาณการความเสียหาย/ค่าเสียโอกาสในภาพรวม สามารถคำนวณเป็นตัวเงินได้รวมทั้งสิ้น ๗,๕๖๑.๓๗ ล้านบาท ประกอบด้วย เงินงบประมาณที่เรียกคืนหรือรายได้ที่จัดเก็บเพิ่ม จำนวน ๑,๖๔๒.๑๘ ล้านบาท และมูลค่าความเสียหายที่รัฐสูญเสียงบประมาณโดยไม่ประหยัดหรือสูญเสียรายได้ จำนวน ๕,๙๑๙.๑๙ ล้านบาท ๒. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐนำผลการตรวจสอบไปปฏิบัติหรือดำเนินการปรับปรุงแก้ไขในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยในส่วนที่เกี่ยวกับราชการส่วนท้องถิ่นให้กระทรวงมหาดไทยกำกับและติดตามตรวจสอบการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3326 | ขอขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2551 ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งศูนย์บริหารวิกฤตการณ์แห่งชาติ | นร | 19/08/2551 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เสนอขอขยายระยะเวลาการก่อ
หนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2551 ในการปรับปรุงอาคารศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (สวนรื่นฤดี) จำนวน 15,960,000 บาท และในส่วนของการจัดหาอุปกรณ์ครุภัณฑ์ ฯ จำนวนเงิน 11,760,000 บาท จากเดือน กรกฎาคม 2551 ออกไปจนถึงเดือนกันยายน 2551 และให้ สมช. เร่งรัดติดตามการดำเนินงานเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จ ภายในเวลาที่ได้รับอนุมัติด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3327 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2551 ครั้งที่ 3 | กค | 19/08/2551 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๑ ครั้งที่ ๓ ของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การติดตามผลการดำเนินงานและประเมินผลความก้าวหน้าของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑ พบว่ามีความจำเป็นต้องปรับปรุงแผนฯ อีกครั้งหนึ่งเป็นครั้งที่ ๓ โดยการปรับปรุงแผนงาน จำนวน ๑ แผนงาน ได้แก่ แผนการบริหารและจัดการเงินกู้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจ จากวงเงินเดิม ๔๒๓,๙๘๓.๐๓ ล้านบาท ปรับลดลง ๔๗,๓๘๕.๔๔ ล้านบาท เหลือ ๓๗๖,๕๙๗.๕๙ ล้านบาท ประกอบด้วย ๕ แผนงานย่อย ได้แก่ แผนเงินกู้ในประเทศทดแทนเงินกู้จากต่างประเทศ ปรับลดวงเงินกู้ ๑๐๔.๐๐ ล้านบาท แผนเงินกู้เงินบาทสมทบโครงการเงินกู้จากต่างประเทศ ปรับลดวงเงินกู้ ๕,๒๒๙.๘๕ ล้านบาท แผนเงินกู้เพื่อลงทุน ปรับลดวงเงินกู้ ๒๔,๒๗๘.๘๗ ล้านบาท แผนเงินกู้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนและอื่น ๆ ปรับลดวงเงินกู้ ๑๓,๔๗๒.๗๒ ล้านบาท และการบริหารและจัดการหนี้ ปรับลดวงเงินการบริหารหนี้ ๔,๓๐๐.๐๐ ล้านบาท ซึ่งการปรับลดวงเงินโดยส่วนใหญ่เกิดจากการที่รัฐวิสาหกิจได้มีการปรับแผนการดำเนินงานและการบริหารหนี้ให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าของงานที่สามารถดำเนินการได้จริง ในปีงบประมาณ ๒๕๕๑ และสถานะทางการเงิน ๒. การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๑ ครั้งที่ ๓ ทำให้ภาพรวมของแผนฯ มีวงเงินลดลง ๔๗,๓๘๕.๔๔ ล้านบาท จากวงเงิน ๑,๐๓๖,๖๕๗.๘๘ ล้านบาท เหลือ ๙๘๙,๒๗๒.๔๔ ล้านบาท โดยการลดลงของวงเงินดังกล่าวเกิดจากการปรับลดวงเงินกู้ ๔๓,๐๘๕.๔๔ ล้านบาท และบริหารหนี้ ๔,๓๐๐.๐๐ ล้านบาท ซึ่งจะทำให้รัฐวิสาหกิจสามารถจัดหาเงินลงทุนและบริหารหนี้ได้สอดคล้องกับการดำเนินงานที่แท้จริง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3328 | ขอขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2551 ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งศูนย์บริหารวิกฤตการณ์แห่งชาติ | นร | 19/08/2551 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เสนอขอขยายระยะเวลาการก่อ
หนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2551 ในการปรับปรุงอาคารศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (สวนรื่นฤดี) จำนวน 15,960,000 บาท และในส่วนของการจัดหาอุปกรณ์ครุภัณฑ์ ฯ จำนวนเงิน 11,760,000 บาท จากเดือน กรกฎาคม 2551 ออกไปจนถึงเดือนกันยายน 2551 และให้ สมช. เร่งรัดติดตามการดำเนินงานเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จ ภายในเวลาที่ได้รับอนุมัติด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3329 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินงานโครงการจัดส่งนักศึกษาชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลาม จังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยต่าง ๆ (พ.ศ. 2552 - 2556) | มท | 05/08/2551 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 ที่มีมติอนุมัติการ
ขยายระยะเวลาดำเนินงานโครงการจัดส่งนักศึกษาชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลามจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าศึกษาต่อ มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ต่อไปอีก 5 ปี (พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2556) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้รับนักศึกษาเพิ่ม จากเดิมปีละ 16 คน เป็นปีละ 44 คน เพื่อให้เข้าศึกษาในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ 27 คน สาขาวิชาสังคมศาสตร์ 17 คน และให้มีนักศึกษาที่เข้าศึกษาในสาขาวิชาชีพครูจำนวนร้อยละ 10 ของนักศึกษาที่เข้ารับการศึกษาในแต่ละปี โดย มีพื้นที่ดำเนินโครงการครอบคลุมพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ปัจจุบัน และเพิ่มทุนอุดหนุนการศึกษาจากเดิมปีละ 16 ทุน เป็นปีละ 44 ทุน แบ่งเป็นทุนการศึกษาสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ 27 ทุน ๆ ละ 40,000 บาท ทุนการศึกษา สาขาวิชาสังคมศาสตร์ 17 ทุน ๆ ละ 30,000 บาท เงินงบประมาณที่ปรับเพิ่มเป็นเงินทุนอุดหนุนการศึกษาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2556 รวม 32,850,000 บาท โดยคงจำนวนมหาวิทยาลัยที่รับนักศึกษา จำนวน 9 แห่งเช่นเดิม และให้สงวนอัตราเข้ารับราชการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2546 ต่อไป โดยให้กระทรวงมหาด ไทยตกลงในรายละเอียดเกี่ยวกับงบประมาณที่จะใช้ดำเนินงานตามโครงการ ฯ กับสำนักงบประมาณต่อไป และให้ รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่ให้ปรับปรุงมาตรการการดำเนินการในขั้นตอนต่าง ๆ ร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถเพิ่มอัตราการสำเร็จการศึกษาให้สูงขึ้น และมีการติดตามประเมินผลโครงการ ฯ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาปรับปรุงการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งให้ได้ข้อมูลว่าผู้ที่ สำเร็จการศึกษาได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการตามอัตราที่กระทรวงต่าง ๆ ได้สงวนไว้มากน้อยเพียงใดและยังรับราช การอยู่หรือไม่ เพื่อใช้ประกอบการปรับปรุงการดำเนินโครงการ ฯ ในระยะต่อไป และให้รับความเห็นของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรบูรณาการ โครงการ ฯ กับโครงการจัดสรรทุนการศึกษาที่มีอยู่ในพื้นที่เพื่อลดความซ้ำซ้อนและสามารถพิจารณาความเหมาะสม ของการจัดสรรทุนการศึกษาให้สอดคล้องกับการพัฒนาเชิงพื้นที่ และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ ในการ จัดสรรทุนการศึกษาในโครงการต่าง ๆ ควรให้ความสำคัญกับผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบเป็นลำดับ แรก โดยเฉพาะการจัดสรรทุนในสาขาวิชาที่มีความจำเป็นและขาดแคลนในพื้นที่ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณา ดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3330 | แนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรแร่ เพื่อกำหนดพื้นที่เขตศักยภาพแร่เพื่อการทำเหมืองแร่ (Mining Zone) | ทส | 05/08/2551 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรแร่ เพื่อกำหนดพื้นที่เขตศักยภาพแร่เพื่อ
การทำเหมืองแร่ (Mining Zone) โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับเรื่องนี้ไปพิจารณาอีกครั้ง หนึ่ง โดยอาจว่าจ้างสถาบันการศึกษาที่มีศักยภาพและมิได้ร่วมดำเนินการศึกษาในครั้งที่ผ่านมาเป็นที่ปรึกษา แล้ว นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป และให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นว่า การกำหนดพื้นที่เขตศักย ภาพแร่เพื่อการทำเหมืองแร่ดังกล่าว ควรหลีกเลี่ยงพื้นที่รับน้ำของอ่างเก็บน้ำ เนื่องจากการดำเนินกิจการเหมืองแร่ จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ และไม่ควรนำสิ่งก่อสร้างทางการชลประทานไปเป็นปัจจัยสนับ สนุน เช่น เส้นทางลำเลียง ควรหลีกเลี่ยงถนนคันคลองชลประทาน เนื่องจากไม่ได้ออกแบบเพื่อรองรับรถบรรทุก ขนาดหนัก หากใช้เป็นเส้นทางลำเลียงจะทำให้เกิดความเสียหายต่อถนนและตัวคลองชลประทาน รวมทั้งแหล่งน้ำ สำหรับกิจกรรมเหมืองแร่ ควรหลีกเลี่ยงแหล่งน้ำเพื่อการชลประทานเนื่องจากแหล่งน้ำดังกล่าวมีแผนการใช้น้ำเต็ม ศักยภาพของแหล่งน้ำอยู่แล้ว และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ ให้ทบทวนแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรแร่รายประเภท (หินปูนเพื่ออุตสาหกรรมซีเมนต์) ในเรื่องของการ เปิดเสรีทางการค้าอุตสาหกรรมซีเมนต์ ควรมีการควบคุมการส่งออก และในเรื่องของการปรับปรุงระบบตอบแทน และชดเชยการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรณีมีการสำรวจพบชนิดพันธุ์พืชและสัตว์ที่หายาก ควรยกเลิกการพิจารณาสัมปทานในพื้นที่นั้น แทนที่จะมีการประมูลค่าของชนิดพันธุ์ดังกล่าวเพื่อกำหนดเป็นค่าชด เชย และให้เพิ่มเติมหลักเกณฑ์โดยกำหนดให้เขตพื้นที่ที่จะนำมาสนับสนุนการทำเหมืองแร่นั้น ต้องยอมรับจากทุก ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องโดยผ่านกระบวนการทำประชาพิจารณ์ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3331 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2551 | ทส | 05/08/2551 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการสิ่ง
แวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2551 เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2551 ดังนี้ 1. แนวทางการดำเนินการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการบ้านเอื้ออาทร ที่ได้ดำเนินการก่อสร้างแล้ว ที่ประชุมคณะกรรมการ ฯ มีมติเห็นชอบคู่มือการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบ สิ่งแวดล้อมของโครงการบ้านเอื้ออาทร และร่างคำสั่งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการ ผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการบ้านเอื้ออาทร รวมทั้งให้การเคหะแห่ง ชาติพิจารณาแนวทางการดำเนินงาน และแก้ไขปัญหาโครงการบ้านเอื้ออาทร ให้มีการก่อสร้างก่อนการจัดทำราย งานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม 2. การกำหนดประเภทและขนาดโครงการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และ ระบบการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ที่ประชุมคณะกรรมการ ฯ มีมติเห็นชอบให้นำ ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภทและขนาดโครงการหรือกิจการที่คณะ กรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติให้ความเห็นชอบแล้วประกาศในราชกิจจานุเบกษา 3. ร่างกรอบทิศทางการสนับสนุนเงินกองทุนสิ่งแวดล้อม ตามมาตรา 23 (4) แห่งพระราชบัญญัติส่ง เสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ช่วงปีงบประมาณ 2552-2553 ที่ประชุมคณะกรรมการ ฯ มีมติเห็นชอบร่างกรอบทิศทาง ฯ และให้ปรับขยายข้อความในกรอบสนับสนุนเรื่องการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ กายภาพและสิ่งแวดล้อมทั่วไปให้มีความชัดเจน โดยมีความหมายครอบคลุมถึงการจัดการด้านมลพิษ 4. รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำประสาร์ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ที่ประชุมคณะกรรมการ ฯ มีมติเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการก่อ สร้างสะพานข้ามแม่น้ำประแสร์ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ของกรมทางหลวงชนบท และให้กรมทางหลวงชนบท ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมตาม ความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการของส่วน ราชการ รัฐวิสาหกิจ และโครงการร่วมกับเอกชนด้านคมนาคมที่กำหนดมาตรการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวด ล้อมมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมและเงื่อนไขให้ดำเนินการ และให้กรมทางหลวงชนบทนำความ เห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในการ ขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าชายเลนต่อไป 5. การปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบ สิ่งแวดล้อม ที่ประชุมคณะกรรมการ ฯ มีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งประธานคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณาราย งานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการรัฐหรือกิจการของรัฐ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อมเสนอ และให้มีการปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผล กระทบสิ่งแวดล้อม เพิ่มผู้ทรงคุณวุฒิด้านสาธารณสุข หรือผู้แทนจาก โดยกระทรวงสาธารณสุขในคณะกรรมการ ผู้ชำนาญการ ฯ ทุกชุด และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติจัดทำคำสั่งเสนอประธานกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเพื่อลงนามในคำสั่งต่อไป 6. การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำกับการดำเนินกิจกรรมและการจัดทำแผนหลักป้องกันและแก้ไข ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล ที่ประชุมคณะกรรมการ ฯ มีมติเห็นชอบร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำกับ การดำเนินกิจกรรมและจัดทำแผนหลักป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งตามที่กรมทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่งเสนอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสิ่งแวด ล้อมแห่งชาติ จัดทำคำสั่งเสนอประธานกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเพื่อพิจารณาลงนามในคำสั่งต่อไป 7. การปรับปรุงองค์ประกอบคณะอนุกรรมการการจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำ ที่ประชุมคณะกรรมการ ฯ มีมติ เห็นชอบให้ตัดเลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมป์ ออกจาก การเป็นองค์ประกอบ เนื่องจากมูลนิธิ ฯ ได้ยุติการดำเนินงานและให้ปรับปรุงองค์ประกอบ โดยเพิ่มเติมอธิบดี กรมการปกครองหรือผู้แทน อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ หรือผู้แทน และประธานคณะทำงานวิชาการพื้ชที่ชุ่มน้ำ เป็นอนุกรรมการ รวมทั้งเพิ่มเติมผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 3 ท่าน ได้แก่ นายไมตรี ดวงสวัสดิ์ นายศรัณย์ เพ็ชร์พิรุณ และเลขาธิการมูลนิธิโลกสีเขียว เป็นอนุกรรมการรวมทั้งให้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในฐานะ ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ จัดทำคำสั่งเสนอประธานกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเพื่อลง นามในคำสั่งต่อไป 8. รับทราบรายงานผลการดำเนินตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ 2548-2550 และ การปรับปรุงค่าภาคหลวงแร่ทองคำ และข้อเท็จจริงของการสำรวจและทำเหมืองแร่ทองคำของบริษัท อัคราไมนิ่ง จำกัด รวมทั้งกรอบการจัดทำรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2551 9. เรื่องการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการลดและขจัดมลพิษในพื้นที่จังหวัดระยอง พ.ศ. 2550-2554 ที่ประชุมคณะกรรมการ ฯ เห็นชอบการปรับปรุงแผนและกลไกการดำเนินงานในพื้นที่มาบตาพุดและกำหนดการ พัฒนาในพื้นที่จังหวัดระยอง และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมข้อเสนองบประมาณประจำปี 2552 และมอบ ให้กระทรวงพลังงานประสานกรมโรงงานอุตสาหกรรม จังหวัดระยอง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ประกอบการหา รือในรายละเอียดต่อไป โดยกำหนดจัดงานเบื้องต้นในวันที่ 3 เมษายน 2551 10. เรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพการปรับลดมลพิษในพื้นที่มาบตาพุด จังหวัดระยอง ที่ประชุมคณะกรรม การ ฯ เห็นชอบการเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมการกำหนดมาตร การในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการ ฯ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3332 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - ญี่ปุ่น | คค | 29/07/2551 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอบันทึกการหารือ (Record of Discussions) เกี่ยว
กับการบริการเดินอากาศระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ซึ่งลงนามเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2550 โดยสาระสำคัญของบันทึก การหารือฉบับนี้ได้มีการปรับปรุงใบพิกัดเส้นทางบิน สิทธิความจุความถี่ พิกัดอัตราค่าขนส่ง รวมทั้งความปลอดภัย การบินและการรักษาความปลอดภัยการบิน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3333 | ร่างแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย (พ.ศ. 2551 - พ.ศ. 2555) | นร | 29/07/2551 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย (พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2555) ตามที่
สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ โดยแผนยุทธศาสตร์ ฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นกรอบทิศทางให้แก่ส่วนราชการและหน่วยงาน ภาครัฐต่าง ๆ ใช้เป็นแนวทางหลักในการพัฒนาระบบราชการไทยให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และเพื่อรองรับ แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็น ว่า ในการนำแผนยุทธศาสตร์ ฯ ไปสู่การปฏิบัติเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าประสงค์ที่วางไว้ ควรมีการปรับใช้แนวคิด ทฤษฎีให้สอดคล้องกับบริบทของสังคมไทย รวมไปถึงการบูรณาการเครื่องมือและวิธีการเกี่ยวกับการพัฒนาระบบราช การที่มีความเชื่อมโยงกัน โดยคำนึงถึงความเหมาะสม ความคุ้มค่า ความสอดคล้องกับประเภทหรือบทบาทภารกิจของ แต่ละส่วนราชการ และมีการประเมินผลเป็นระยะควบคู่กันไปด้วย และในการกำหนดยุทธศาสตร์และโครงการสำคัญ เพื่อรองรับยุทธศาสตร์ด้านต่าง ๆ ควรมีการหารือร่วมกันระหว่างหน่วยงานกลางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การ พัฒนาระบบราชการไทยบรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ และให้ความสำคัญกับกระบวนการ (Process) ในการ ขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ ฯ ทั้งกระบวนการมีส่วนร่วม การสร้างความรู้ความเข้าใจ ความโปร่งใส และการปรับปรุง ขีดสมรรถนะของบุคลากรเพื่อเตรียมความพร้อมของหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะการถ่ายโอนภารกิจที่มีความสำคัญ เชิงยุทธศาสตร์ต่อการพัฒนาประเทศ อาทิ การท่องเที่ยว โลจิสติกส์ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ฯลฯ เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3334 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - ญี่ปุ่น | คค | 29/07/2551 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอบันทึกการหารือ (Record of Discussions) เกี่ยว
กับการบริการเดินอากาศระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ซึ่งลงนามเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2550 โดยสาระสำคัญของบันทึก การหารือฉบับนี้ได้มีการปรับปรุงใบพิกัดเส้นทางบิน สิทธิความจุความถี่ พิกัดอัตราค่าขนส่ง รวมทั้งความปลอดภัย การบินและการรักษาความปลอดภัยการบิน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3335 | ร่างแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย (พ.ศ. 2551 - พ.ศ. 2555) | นร | 29/07/2551 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย (พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2555) ตามที่
สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ โดยแผนยุทธศาสตร์ ฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นกรอบทิศทางให้แก่ส่วนราชการและหน่วยงาน ภาครัฐต่าง ๆ ใช้เป็นแนวทางหลักในการพัฒนาระบบราชการไทยให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และเพื่อรองรับ แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็น ว่า ในการนำแผนยุทธศาสตร์ ฯ ไปสู่การปฏิบัติเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าประสงค์ที่วางไว้ ควรมีการปรับใช้แนวคิด ทฤษฎีให้สอดคล้องกับบริบทของสังคมไทย รวมไปถึงการบูรณาการเครื่องมือและวิธีการเกี่ยวกับการพัฒนาระบบราช การที่มีความเชื่อมโยงกัน โดยคำนึงถึงความเหมาะสม ความคุ้มค่า ความสอดคล้องกับประเภทหรือบทบาทภารกิจของ แต่ละส่วนราชการ และมีการประเมินผลเป็นระยะควบคู่กันไปด้วย และในการกำหนดยุทธศาสตร์และโครงการสำคัญ เพื่อรองรับยุทธศาสตร์ด้านต่าง ๆ ควรมีการหารือร่วมกันระหว่างหน่วยงานกลางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การ พัฒนาระบบราชการไทยบรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ และให้ความสำคัญกับกระบวนการ (Process) ในการ ขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ ฯ ทั้งกระบวนการมีส่วนร่วม การสร้างความรู้ความเข้าใจ ความโปร่งใส และการปรับปรุง ขีดสมรรถนะของบุคลากรเพื่อเตรียมความพร้อมของหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะการถ่ายโอนภารกิจที่มีความสำคัญ เชิงยุทธศาสตร์ต่อการพัฒนาประเทศ อาทิ การท่องเที่ยว โลจิสติกส์ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ฯลฯ เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3336 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการชลประทาน ครั้งที่ 3/2551 | นร | 29/07/2551 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอมติ
คณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการชลประทาน ในการประชุมครั้งที่ 3/2551 เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2551 ที่ให้ดำเนินการตามแผนการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ (ปรับใหม่) ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ จำนวน 6,552 แห่ง กรอบวงเงินลงทุน 14,942 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (ปี พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2554) โดยในปี พ.ศ. 2552 ดำเนินการฟื้นฟูแหล่งน้ำที่มีความเสื่อมโทรมมากและมีความพร้อม จำนวน 1,013 แห่ง วง เงินลงทุน 4,477 ล้านบาท ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า เพื่อให้ประชาชนผู้สนใจ ผู้ประกอบการ ตลอดจนนักลงทุน ทั้งชาวไทยและต่างประเทศได้มีโอกาสรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินการตามแผนงาน/โครง การที่สำคัญ และโครงการลงทุนขนาดใหญ่ (Mega Project) ต่าง ๆ ของรัฐอย่างถูกต้องต่อเนื่อง และเป็นปัจจุบัน เช่น โครงการเกี่ยวกับการสร้างที่อยู่อาศัย สวนสาธารณะ และระบบขนส่งมวลชนทางถนนและทางราง เป็นต้น จึงให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปพิจารณาดำเนินการโดยอาจจัดประชุม ชี้แจงเป็นคราว ๆ ไป ตามความเหมาะสม และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวง คมนาคม และกรมประชาสัมพันธ์ให้ความร่วมมือและประสานการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3337 | คณะกรรมการต่างๆ ที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ) | นร | 22/07/2551 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอดังนี้ รับทราบ
คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 135/2551 ลงวันที่ 4 มิถุนายน 2551 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาความร่วมมือ ทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน และเห็นชอบให้คงคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาประเทศตามปรัชญาเศรษฐ กิจพอเพียง รวมทั้งยกเลิกคณะกรรมการ จำนวน 5 คณะ คือ คณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประชาชนอยู่ดีมี สุข คณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (คบส.) คณะกรรมการส่งเสริม การปรับปรุงตัวของธุรกิจรายสาขา คณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจส่วนรวม (คศร.) และคณะกรรมการวางกรอบ แนวทางการศึกษาระบบการจัดการลุ่มน้ำยม โดยใช้กระบวนการนโยบายสาธารณะแบบบูรณาการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3338 | รายงานผลการดำเนินการแผนพัฒนาหอสมุดแห่งชาติให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ทันสมัย (ครั้งที่ 2 มกราคม 2551 - มิถุนายน 2551) | วธ | 22/07/2551 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมรายงานผลการดำเนินการตามแผนพัฒนาหอสมุด
แห่งชาติให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ทันสมัย ครั้งที่ 2 ระหว่างเดือนมกราคม 2551-มิถุนายน 2551 โดยผลการดำเนิน การขนย้ายหนังสือและสิ่งของ ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนการก่อสร้างอาคารหอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี หลังใหม่ คาดว่า จะดำเนินการประมูลได้ประมาณวันที่ 5-15 กรกฎาคม 2551 สำหรับการพัฒนางานสารสนเทศ เพื่อการจัดเก็บและให้บริการองค์ความรู้ของหอสมุดแห่งชาติ ได้ดำเนินการจัดทำแผนพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อของบประมาณปี พ.ศ. 2553 และในส่วนของการปรับปรุงอาคารหอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี หลังเดิม แบบรูป รายการในการปรับปรุงอาคารหลังเดิมเสร็จเรียบร้อยแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3339 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเรื่อง "ยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ฝังตัว" | สสป | 15/07/2551 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
1. รับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง ยุทธศาสตร์ การพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ฝังตัว เกี่ยวกับทิศทางการพัฒนา 3 ประเด็น ได้แก่ 1.1 เสริมสร้างความเข้มแข็งของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ให้สามารถแข่งขันได้ เป็นแหล่งผลิตซอฟต์ แวร์ฝังตัว (Embedded Software) ที่มีมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับของต่างประเทศ 1.2 ส่งเสริมการค้นคว้า วิจัย และถ่ายทอดเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ โดยสนับสนุนให้มีการนำซอฟต์ แวร์ฝังตัวไปใช้กับผลิตภัณฑ์หรือสินค้าใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้นเพื่อเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้สูงขึ้น 1.3 พัฒนากำลังคนด้านซอฟต์แวร์ฝังตัวทั้งในด้านของกำลังคนก่อนเข้าสู่อุตสาหกรรมและที่อยู่ใน อุตสาหกรรมแล้วให้มีทักษะความรู้ความสามารถเฉพาะทางในการปฏิบัติงานและส่งเสริมโอกาสในการประกอบ อาชีพอิสระ 2. รับทราบผลการพิจารณาของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ร่วมกับกระทรวง พาณิชย์ กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ศูนย์เทคโนโล ยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ จุฬาลงกรณ์มหา วิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏดุสิต มหาวิทยาลัยเทคโน โลยีราชมงคลธัญบุรีปทุมธานี มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ที่เห็นด้วยกับความเห็น และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ และรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมเพิ่มเติมดังนี้ 2.1 ให้มีทิศทางและมียุทธศาสตร์การพัฒนาครอบคลุม และเหมาะสมทั้งในส่วนของการเตรียม ความพร้อมของบุคลากร การวิจัยและพัฒนา และการส่งเสริมให้เกิดผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ ขึ้นในประเทศ 2.2 ควรมีการระดมสมองจัดทำ Technology Roadmap ของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ฝังตัวขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มของตลาด และความต้องการในการนำเทคโนโลยีไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ของ ผู้ประกอบการ รวมทั้งกำหนดลำดับของการพัฒนาของแต่ละเทคโนโลยี จะทำให้ทราบแนวทางการพัฒนา และงบประมาณที่ต้องใช้ได้ชัดเจนขึ้น 2.3 ขั้นตอนการกำหนดมาตรการและโครงการต้องพิจารณาอย่างครบวงจรตลอดทั้ง Supply Chain ของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ฝังตัว ตั้งแต่การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีของกระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี การนำเทคโนโลยีที่วิจัยแล้วมาสร้าง Value Creation โดยพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปต่าง ๆ และการปรับปรุงกระบวนการผลิต ของ อก. การส่งเสริมทางการตลาดของกระทรวงพาณิชย์ ตลอดจนการ พัฒนาบุคลากรให้เพียงพอทั้งปริมาณและคุณภาพของกระทรวงศึกษาธิการ นอกจากนี้ควรดึงสถาบัน/สมาคม ต่าง ๆ รวมถึงภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เช่น NECTEC, TESA, SIPA สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์และสภา อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ฯลฯ เข้าร่วมเป็นครือข่ายทำงาน เนื่องจากต้องยอมรับว่าปัจจุบันประเทศไทย มีผู้เชี่ยวชาญในสาขานี้น้อยมาก และยังกระจัดกระจายอยู่ในหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งหากสนับสนุนให้เกิดการรวม กลุ่มและมีการแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญร่วมกันอย่างต่อเนื่อง จะทำให้เกิดเป็นเครือข่าย ผู้เชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์ฝังตัวของประเทศไทยต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3340 | ขอสนับสนุนงบประมาณดำเนินงานโครงการปักหมุดหมายแนวรังวัดในเขตพื้นที่ป่าไม้ | ทส | 08/07/2551 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการโครงการปักหมุดหมายแนวรังวัดในเขตพื้นที่ป่าไม้ ตามที่กระทรวง
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ เพื่อดำเนินการปักหมุดหมายแนวรังวัดหาค่าพิกัดประจำหมุดแนวเขตพื้นที่ ป่าไม้ จำนวนไม่น้อยกว่า 375,000 จุด และเพื่อจัดทำแผนที่ต้นฉบับมาตราส่วน 1 : 4,000 และมาตราส่วน 1 : 50,000 แสดงแนวเขตพื้นที่ป่าไม้ตามกฎหมาย พร้อมบัญชีค่าพิกัดแนวเขต โดยกำหนดเป้าหมายพื้นที่ป่าไม้ตามกฎ หมายใน 65 จังหวัด ยกเว้นจังหวัดยะลา นราธิวาส และปัตตานี ที่ไม่ดำเนินการเนื่องจากไม่มีแผนที่มาตราส่วน 1 : 4,000 สำหรับใช้ในการปรับปรุงแนวเขตพื้นที่ป่าไม้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบูรณาการ การดำเนินงาน การดูแลรักษาหมุดหมายแนวรังวัดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจัดทำแผนปฏิบัติงาน ตลอดจนแผน การใช้จ่ายงบประมาณให้มีความเหมาะสมตามความพร้อมที่จะดำเนินงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2552 หากมีแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่ครบถ้วน ชัดเจน และงบประมาณที่ ได้รับไม่เพียงพอในการดำเนินงานตามแผนดังกล่าว ให้เสนอของบประมาณเพิ่มเติมในชั้นการพิจารณาร่างพระราช บัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณ ฯ ของสภาผู้แทนราษฎรตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรจัดทำเฉพาะ ส่วนพื้นที่ที่มีความสำคัญเป็นลำดับแรก และมีความพร้อมของข้อมูลเพื่อให้การดำเนินโครงการ ฯ สามารถบรรลุ เป้าหมายได้ตามแผนที่กำหนด และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ เห็นควรเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดแนวเขตพื้นที่ป่าไม้ เพื่อให้แนวเขตดังกล่าวเป็นที่ ยอมรับของทุกภาคส่วน เกิดความร่วมมือในการอนุรักษ์พื้นที่ป่าไม้ รวมทั้งไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งในภายหลัง เป็น ต้น ไปพิจารณาด้วย และเห็นชอบในหลักการการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินโครงการปักหมุดหมายแนวรังวัด ในเขตพื้นที่ป่าไม้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอเพิ่มเติม โดยให้รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประธาน และพิจารณากำหนดองค์ประกอบและอำนาจหน้า ที่ของคณะกรรมการ ฯ ต่อไป และให้สำนักงบประมาณรวบรวมโครงการเกี่ยวกับการจัดทำแนวเขตและการรังวัดที่ ดินของหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีลักษณะทำนองเดียวกับโครงการที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ มาในครั้งนี้ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบหรืออนุมัติไปก่อนแล้ว และอยู่ระหว่างการดำเนินการ แล้วรายงานให้ คณะรัฐมนตรีทราบต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
