ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 170 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 3381 - 3400 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 3381 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ. .... | ศธ | 17/01/2551 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญา
ในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาใหม่ เพื่อให้หลักสูตรที่ได้รับ การปรับปรุงหรือเปิดใหม่สามารถใช้ชื่อปริญญาได้ และปรับปรุงการกำหนดครุยวิทยฐานะของมหาวิทยาลัย ครุย ประจำตำแหน่งและส่วนประกอบครุยประจำตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัย อธิการ บดี และผู้บริหารของมหาวิทยาลัย รวมทั้งแก้ไขการกำหนดสีประจำสาขาวิชาเป็นสีประจำบัณฑิตวิทยาลัย คณะ สถาบัน และสำนัก และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 และมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2550
|
||||||||||||||||||||||||
| 3382 | การปรับปรุงการจัดกลุ่มจังหวัดและการกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการกลุ่มจังหวัด | นร | 15/01/2551 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) เสนอ
มติ ก.พ.ร. ในการประชุมครั้งที่ 13/2550 วันที่ 17 ธันวาคม 2550 ที่เห็นชอบการปรับปรุงการจัดกลุ่มจังหวัดและ การกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการกลุ่มจังหวัด ตามที่ อ.ก.พ.ร. เสนอ เกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนาระบบการ บริหารราชการในส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่นเสนอ และให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นและข้อสังเกตของส่วนราช การที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเห็นว่า จังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติ การกลุ่มจังหวัดไม่ควรกำหนดเป็นการถาวร เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจและสังคมมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงควรให้สามารถทบทวนการกำหนดจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการกลุ่มจังหวัด ตามสถานการณ์เศรษฐกิจและสังคมที่ เปลี่ยนแปลงในอนาคต โดยอาจดำเนินการทุกช่วง 5 ปี ตามระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณมีข้อสังเกตว่า ในหลักการเห็นสมควรให้ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่เดิม โดยคำนึงถึงความจำเป็น ความ คุ้มค่า ตลอดจนภาระงบประมาณที่เพิ่มขึ้น ส่วนอัตรากำลัง ควรเกลี่ยอัตรากำลังของสำนักงานปลัดกระทรวงมหาด ไทยมาปฏิบัติงานเท่าที่จำเป็น และใช้หน่วยงานภายในจังหวัดที่มีอยู่เป็นกลไกเสริมและสนับสนุนในการปฏิบัติงาน สำหรับสำนักบริหารยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด อาคาร สถานที่ และที่ใช้ปฏิบัติงาน ให้ใช้สถานที่ของจังหวัดที่เป็นศูนย์ ปฏิบัติการกลุ่มจังหวัด เป็นพื้นที่ปฏิบัติงานของสำนักบริหารยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดที่จะทดลองดำเนินงาน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 3383 | หลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ | กค | 15/01/2551 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีตีมีมติเห็นชอบหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำบัญชี
|
||||||||||||||||||||||||
| 3384 | รายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน | สว | 15/01/2551 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอดังนี้
รับทราบรายงานผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่อง รายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน กรณีโครงการ โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากถ่านหิน หินกรูด-บ่อนอก และโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย- มาเลเซีย ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ รวมทั้งความเห็นและข้อเสนอแนะของ สศช. เกี่ยวกับการดำเนินการโครงการ ของภาครัฐในอนาคต เห็นควรกำชับทุกหน่วยงานจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และ มิให้ใช้มาตรการรุนแรงในกรณีที่มีผู้ชุมนุมคัดค้านโครงการ ตามข้อเสนอของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติซึ่ง สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และเพื่อให้การดำเนินการโครงการของภาครัฐในอนาคตเกิดประโยชน์สูง สุดต่อการพัฒนาประเทศ เห็นควรให้หน่วยงานภาครัฐถือปฏิบัติในขั้นตอนของการเตรียมโครงการ โดยให้กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environ ment Impact Assessment : EIA) และวิธีการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environment Assess ment : SEA) ให้กับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนได้เข้าใจและสามารถปฏิบัติได้อย่างทั่วถึง และให้หน่วยงานภาค รัฐทุกหน่วยให้ความสำคัญกับการปรับปรุงกระบวนการจัดทำโครงการ โดยให้คำนึงถึงการมีส่วนร่วมของประชาชน อย่างจริงจังภายใต้หลักธรรมาธิบาลในการดำเนินโครงการทุกขั้นตอน และแจ้งสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติ หน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป และเห็นชอบให้แจ้งหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 3385 | การแก้ไของค์ประกอบคณะกรรมการของศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกที่แต่งตั้ง โดยมติคณะรัฐมนตรี | กห | 15/01/2551 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอการปรับปรุงแก้ไของค์ประกอบคณะกรรมการ
ของศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก จำนวน 3 คณะ คือ คณะกรรมการพิจารณาบำเหน็จพิเศษสำหรับการสู้รบของศูนย์ ปฏิบัติการกองทัพบก คณะกรรมการขอพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชนของศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก และคณะ กรรมการพิจารณาสิทธิกำลังพลปฏิบัติราชการพิเศษของศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก โดยให้แก้ไขตำแหน่งประธาน กรรมการ จากเดิม ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (1) แก้ไขเป็น ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (สายงานกำลังพล) และ ตำแหน่งรองประธานกรรมการ จากเดิม รองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (2) แก้ไขเป็น รองผู้อำนวย การศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (สายงานกำลังพล และสายงานส่งกำลังบำรุง)
|
||||||||||||||||||||||||
| 3386 | รายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (เรื่อง การจัดตั้งสถาบันเซลล์แสงอาทิตย์แห่งชาติ) | สว | 15/01/2551 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานรายงานผลการดำเนินการตามรายงานการพิจารณา
ศึกษา เรื่อง การจัดตั้งสถาบันเซลล์แสงอาทิตย์แห่งชาติ ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สรุปได้ดังนี้ การจัดตั้งสถาบัน เซลล์แสงอาทิตย์แห่งชาติ ปัจจุบันยังไม่มีความจำเป็นและมิใช่เรื่องเร่งด่วนที่จะต้องรีบดำเนินการ เนื่องจากมีภารกิจ และอำนาจหน้าที่ซ้ำซ้อนกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี และกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ทำหน้าที่ดำเนินงานด้านส่งเสริมการ ผลิตและการใช้เซลล์แสงอาทิตย์อยู่แล้ว ประกอบกับการจัดตั้งหน่วยงานของรัฐเพิ่มขึ้น จะมีผลกระทบต่อระบบการ บริหารราชการของประเทศ โดยเฉพาะระบบการเงินและงบประมาณ อีกทั้งการจัดตั้งหน่วยงานของรัฐจะต้องผ่าน การพิจารณาจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี โดยให้ปรับบทบาทของ สำนักงานพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ ของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ให้เป็นเจ้าภาพหลักใน การกำหนดนโยบาย กำกับดูแลและประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการพัฒนาเซลล์แสงอาทิตย์ของประเทศ ส่วน ร่างพระราชบัญญัติพัฒนาเทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์ พ.ศ. .... ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นกฎหมายในการรองรับ การดำเนินภารกิจของสถาบัน ฯ โดยหากมีการจัดตั้งสถาบันดังกล่าวสิ่งที่ควรดำเนินการปรับปรุงและแก้ไขพระราช บัญญัติฉบับนี้ ได้แก่ การจัดตั้งสถาบัน ฯ มีฐานะเป็นหน่วยงานอิสระของรัฐ ควรปรับปรุงเป็นหน่วยงานในกำกับ ของรัฐ เนื่องจากการดำเนินงานของสถาบัน ฯ ยังจำเป็นต้องขึ้นกับนโยบายและทิศทางตามที่รัฐบาลกำหนด รวม ทั้งทบทวนความเหมาะสมของแหล่งเงินที่จะนำมาดำเนินการเก็บเงินเข้ากองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์ ที่เรียกเก็บจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และเงินสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เนื่องจากอาจเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าและผู้ใช้น้ำมันได้ และให้แจ้งสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 3387 | การปรับปรุงโครงสร้างกระทรวงอุตสาหกรรม | นร | 15/01/2551 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ
ของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม รวม 8 ฉบับ ที่ได้ตรวจพิจารณาแล้ว ประกอบด้วย การแบ่งส่วนราช การสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม การแบ่งส่วนราชการกรมโรงงานอุตสาหกรรม การแบ่งส่วนราชการกรม ส่งเสริมอุตสาหกรรม การแบ่งส่วนราชการกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ การแบ่งส่วนราชการสำนัก งานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย การแบ่งส่วนราชการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การแบ่ง ส่วนราชการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม และการแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
|
||||||||||||||||||||||||
| 3388 | รายงานการประชุมสมัชชา เอฟ เอ โอ (FAO Conference) ครั้งที่ 34 | กษ | 08/01/2551 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการประชุมสมัชชา เอฟ เอ โอ
(FAO Conference) ครั้งที่ 34 ระหว่างวันที่ 17 - 24 พฤศจิกายน 2550 ณ สำนักงานใหญ่ เอฟ เอ โอ กรุงโรม สาธารณรัฐอิตาลี โดยที่ประชุม ฯ ได้รับรองสมาชิกขององค์กรเพิ่มอีก 2 ประเทศ คือ แอนดอร่า (the Principality of Andorra) และมอนเตเนโกร (Republic of Montenegro) และรับรองหมู่เกาะฟาโรห์ (Faroe Island) เป็นสมาชิก สมทบ (Associate membership) และเห็นชอบแผนงานและวงเงินงบประมาณสำหรับปี พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2552 จำนวน 1,024 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2549-พ.ศ. 2550 จำนวน 172 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กับ เห็นชอบอัตราส่วนการจ่ายค่าสมาชิกของประเทศสมาชิก รวมทั้งการจัดตั้งคณะกรรมการสมัชชา เอฟ เอ โอ (Com mittee of the Conference) เป็นกรณีพิเศษเพื่อเตรียมการสำหรับการจัดทำแผนปฏิบัติการ ฯ (Immediate Action Plan) และจัดประชุมสมัชชา เอฟ เอ โอ สมัยพิเศษ ในปลายปี พ.ศ. 2551 และจัดตั้งคณะทำงาน (Working Group) อีก 3 คณะ ตามข้อเสนอแนะของ IEE เพื่อพิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับแนวทางการปรับปรุง เอฟ เอ โอ นอกจาก นี้ เห็นชอบรับรองภาษารัสเซียเป็นภาษาทางการภาษาที่ 6 ของ เอฟ เอ โอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 3389 | ข้อเสนอยุทธศาสตร์และมาตรการในการนำประเทศไทยเข้าสู่สังคม-เศรษฐกิจฐานความรู้ และการแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนด้านความรู้ (Board of Knowledge Investment : BOKI) | ศธ | 08/01/2551 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติเห็นชอบ ในหลักการยุทธศาสตร์และมาตรการในการนำประเทศไทยเข้าสู่สังคม-เศรษฐกิจฐานความรู้ เพื่อมุ่งพัฒนาประเทศ ไทยให้ก้าวเข้าสู่สังคม-เศรษฐกิจฐานความรู้โดยเน้นให้ประชาชนสามารถเข้าถึงความรู้ได้อย่างทั่วถึง มีคุณภาพ และ มีประสิทธิภาพ และใช้ความรู้เป็นฐานในการดำเนินชีวิต การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม และนำมาใช้ประโยชน์ ในการพัฒนาประเทศ เพื่อก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางสังคมเศรษฐกิจ และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ อย่างยั่งยืน โดยให้รับความเห็นและข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งรับประเด็นอภิปรายของคณะกรรม การกลั่นกรอง ฯ เกี่ยวกับการแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนด้านความรู้ อาจซ้ำซ้อนกับคณะกรรมการส่ง เสริมการลงทุน (Board of Investment : BOI) ที่มีอยู่แล้ว ซึ่งหากอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ยังไม่ครอบคลุมแนวทางตามยุทธศาสตร์ อาจมีการปรับปรุงอำนาจหน้าที่ และองค์ประกอบของคณะกรรมการส่ง เสริมการลงทุนให้มีผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สำนักพัฒนาวิทยา ศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ) ร่วมเป็นกรรมการด้วย โดยประสานกับกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อพิจารณาดำเนิน การต่อไปด้วย ส่วนกรณีที่จำเป็นต้องแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อผลักดันยุทธศาสตร์และมาตรการในการนำประเทศ ไทยเข้าสู่สังคม-เศรษฐกิจฐานความรู้ ควรกำหนดชื่อ อำนาจหน้าที่และองค์ประกอบของคณะกรรมการที่สอดคล้อง กับยุทธศาสตร์และมาตรการดังกล่าว ซึ่งไม่ซ้ำซ้อนกับบทบาทและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการส่งเสริมการลง ทุน แต่สามารถทำงานประสานและเชื่อมโยงกับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้ โดยประสานงานกับกระทรวง อุตสาหกรรมก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||||||||
| 3390 | ร่างแผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) | นร | 02/01/2551 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอร่างแผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) รวม 6 ด้าน ได้แก่ ร่างแผนปฏิบัติการ ฯ ด้านการถ่ายโอนภารกิจ ด้านการเงิน การคลัง และงบประมาณ ด้านการปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการเงิน การคลัง ด้านการถ่าย โอนบุคลากรและพัฒนาการบริหารทรัพยากรบุคลากรส่วนท้องถิ่น ด้านการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน /ภาคประชาสังคมและการตรวจติดตามประเมินผล และด้านการแก้ไขหรือจัดให้มีกฎหมายที่ดำเนินการตามแผน การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) รวมทั้งมติคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) ในการประชุมครั้งที่ 6/2550 วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2550 ที่เห็นชอบ ให้ส่วนราชการที่ถ่ายโอนแผนปฏิบัติการ ฯ ดำเนินการจัดทำแผนการถ่ายโอน กำหนดขั้นตอนและแนวทางการ ถ่ายโอนให้สอดคล้องกับระยะเวลาการถ่ายโอนที่กำหนดไว้ในแผนปฏิบัติการ จัดฝึกอบรม จัดทำคู่มือการปฏิบัติ งานเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับ อปท. ที่รับโอนภารกิจ และเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาแนะนำแก่ อปท. เพื่อให้ สามารถบริหารจัดการภารกิจที่ถ่ายโอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการกำหนดมาตรฐานบริการสาธารณะ ที่ถ่ายโอน เพื่อให้ อปท. ให้บริการสาธารณะอย่างมีมาตรฐาน และติดตามประเมินผลในภารกิจที่ถ่ายโอนอย่าง ต่อเนื่องและรายงานให้ กกถ. ทราบทุกรอบ 3 เดือน และให้รายงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 3391 | ปรับปรุงคณะกรรมการนโยบายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางแห่งชาติ | กษ | 02/01/2551 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอการปรับปรุงคณะกรรมการวิจัยและพัฒนาผลิต
ภัณฑ์ยางแห่งชาติ โดยเพิ่มปลัดกระทรวงกลาโหม เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ผู้อำนวยการสำนัก งานกองทุนสนับสนุนการวิจัย และผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร เป็นกรรมการ โดยมีอำนาจ หน้าที่คงเดิม
|
||||||||||||||||||||||||
| 3392 | รายงานความก้าวหน้าแผนงานส่งเสริมชีวิตมั่นคง ปลอดอบายมุข ระยะที่ 1 | พม | 02/01/2551 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายงานความก้าว
หน้าการดำเนินงานลด ละ เลิกอบายมุข ในรูปแผนงานส่งเสริมชีวิตมั่นคง ปลอดอบายมุข ระยะที่ 1 ดำเนินงาน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-30 กันยายน 2550 มีกิจกรรมหลักที่ดำเนินการ ได้แก่ การสำรวจและจัดทำฐานข้อมูลผู้ ติดการพนันในพื้นที่เป้าหมาย เพื่อสร้างแผนการจัดการของชุมชนและงานสื่อสารกับสังคมในพื้นที่นำร่อง เพื่อเป็น เครื่องมือในการสื่อสารกับสังคมในระดับประเทศ และเชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมาย โดยเน้นเครือข่ายเด็ก เยาวชน ศาสนสถาน ชุมชนและครอบครัว ในพื้นที่นำร่อง 5 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร และพื้นที่ชุมชนชนบท 4 แห่ง คือ จังหวัดน่าน พัทลุง นครราชสีมา และจันทบุรี โดยเครือข่ายพื้นที่นำร่องได้ร่วมจัดทำร่างแผนแม่บทส่งเสริมชีวิตมั่น คงปลอดการพนัน ระยะ 3 ปี โดยกำหนดเป้าหมายให้สังคมไทยเป็นสังคมสีขาว เด็ก เยาวชน และคนจนในสังคม ไทยที่ติดการพนันหมดไปภายใน 10 ปี รวมทั้งได้กำหนดพันธกิจที่จะร่วมกันผลักดันให้บรรลุวัตถุประสงค์เพื่อขับ เคลื่อนแผนแม่บทดังกล่าวร่วมกับพื้นที่ใหม่ ๆ และจากเวทีประกาศยุทธศาสตร์แห่งชาติว่าด้วยการพนัน เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2550 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ได้ข้อสรุปว่า การควบคุมการพนันในสังคมไทย ต้องอาศัย ความร่วมมือของ 4 ส่วนหลัก ดังนี้ "ชุมชน" ต้องมีมาตรการเพื่อควบคุมการพนันในชุมชนเอง และสร้างแกนนำจัด ทำบัญชีข้อมูลครัวเรือน-ชีวิต สร้างกติตา/ระเบียบชุมชน และสร้างระบบสวัสดิการชุมชน "ภาครัฐ" ต้องมีนโยบาย ที่ชัดเจนในการปราบปรามและควบคุมการพนันอย่างจริงจัง ผลักดันให้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ การพนัน แก้ปัญหาการพนันในระดับชุมชนและจังหวัด ส่งเสริมงานวิจัยเพื่อสร้างความรู้และสร้างระบบฐานข้อมูล การพนัน และสนับสนุนการสร้างสื่อ "สื่อมวลชน" ต้องช่วยสื่อสารให้กำลังใจกับบุคคลชุมชนที่มุ่งมั่น ลด ละ เลิก การพนัน ไม่เสนอข่าวที่เป็นการกระตุ้นหรือปลุกเร้าให้ประชาชน โดยเฉพาะให้เยาวชนมีค่านิยมการเล่นการพนัน และ "ประชาชนทั่วไป" ต้องร่วมกันเฝ้าระวังและปลูกสร้างค่านิยมใหม่ให้ห่างไกลจากการพนันทุกรูปแบบ
|
||||||||||||||||||||||||
| 3393 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ พ.ศ. .... | สธ | 25/12/2550 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ส่งร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ พ.ศ. .... ตาม
ที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะ รัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่เห็นว่า การออกระเบียบเพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ โดยมิได้มีการวาง ระเบียบในการปฏิบัติราชการ โดยการอาศัยอำนาจตามมาตรา 11(8) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ แผ่นดิน พ.ศ. 2534 ไม่น่าจะเหมาะสม ประกอบกับปัจจุบันมีพระราชบัญญัติยา พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการตรวจ พิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาซึ่งมีหลักการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยยาทั้งฉบับ จึงควรนำหลักการ ในการตั้งคณะกรรมการและกำหนดอำนาจหน้าที่ตามร่างระเบียบ ฯ ไปรวมกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการยา แห่งชาติตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. .... ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา หากเห็นว่าสามารถดำเนิน การร่างระเบียบ ฯ ได้ตามวัตถุประสงค์ของกระทรวงสาธารณสุขโดยไม่ขัดต่อกฎหมาย ก็ให้สำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 3394 | การพัฒนาอาชีพและส่งเสริมรายได้ให้แก่ราษฎรพื้นที่เลี้ยงกุ้งในเขตน้ำจืด โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (รายใหม่) และการพักชำระหนี้ | กษ | 25/12/2550 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติเห็นชอบ
ในหลักการการพัฒนาอาชีพและส่งเสริมรายได้ให้แก่ราษฎรพื้นที่เลี้ยงกุ้งในเขตน้ำจืดโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปาก พนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (รายใหม่) และการพักชำระหนี้ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยการจัด สรรเงินงบกลางปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 วงเงิน 65,864,749 บาท เพื่อปรับเปลี่ยนอาชีพของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งใน เขตน้ำจืด (รายใหม่) จำนวน 812 ราย พื้นที่ 6,666 ไร่ สนับสนุนไร่ละ 9,464 บาท (ตามหลักเกณฑ์และอัตราการ ช่วยเหลือเดิม) ได้แก่ การส่งเสริมการผลิตพืชอื่น ๆ วงเงิน 9,762,150 บาท การส่งเสริมการปลูกปาล์มน้ำมัน วงเงิน 2,956,834 บาท การส่งเสริมด้านปศุสัตว์ วงเงิน 11,311,793 บาท การส่งเสริมด้านประมง วงเงิน 41,483,972 บาท และงบอำนวยการและติดตามประเมินผล วงเงิน 350,000 บาท สำหรับการชดเชยดอกเบี้ยให้แก่เกษตรกรที่ ต้องการพักชำระหนี้ ให้ดำเนินการตามข้อหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงบประมาณ และ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า การพักชำระหนี้ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ลุ่ม น้ำปากพนัง ฯ เพียงกลุ่มเดียวอาจจะก่อปัญหาการเรียกร้องในลักษณะเดียวกันอีกในพื้นที่อื่น กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ควรมุ่งเน้นมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อเพิ่มรายได้ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีขีดความสามารถในการ ชำระหนี้ได้มากขึ้น ส่วนงบประมาณดำเนินการ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและ แผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2551 จากโครงการ/รายการที่มีลำดับความสำคัญต่ำหรือที่มีงบประมาณ เหลือจ่ายมาดำเนินการตามความจำเป็นและเหมาะสม หากยังไม่เพียงพอให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2552 ต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปดำเนินการใน ส่วนที่เกี่ยวข้องด้วยว่าการเลี้ยงกุ้งของเกษตรกรควรต้องมีการปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งต้องระมัดระวังไม่ ให้มีสารเคมีปนเปื้อนตกค้างที่อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้บริโภคกุ้ง เช่น สารหนู เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||
| 3395 | รายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ประจำปี พ.ศ. 2549 | ปง | 25/12/2550 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอรายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงาน
ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ประจำปี พ.ศ. 2549 (1 มกราคม 2549 - 31 ธันวาคม 2549) และความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยให้สำนักงาน ปปง. รับความเห็นไปพิจารณาดำเนินการต่อ ไป และเห็นชอบให้เสนอรายงานผลการปฏิบัติงานดังกล่าวพร้อมด้วยข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่า สำนัก งาน ปปง. ได้ให้ความสำคัญในการประสานความร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ทั่วไปอีกทั้งเป็นศูนย์กลางในการขอความช่วยเหลือและความร่วมมือจากต่างประเทศ และองค์การระหว่างประเทศ ในการดำเนินงานเพื่อการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน แต่ยังมีปัญหาอุปสรรคในด้านงบประมาณ รวมทั้ง ในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย นั้น ยังมี ปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยจะต้องมีการปรับปรุงกฎหมายและมาตรการ ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 3396 | รายงานดัชนีความมั่นคงของมนุษย์ประเทศไทย ปี 2549 | พม | 18/12/2550 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายงานดัชนีความมั่น
คงของมนุษย์ประเทศไทย ปี พ.ศ. 2549 ดังนี้ ดัชนีความมั่นคงของมนุษย์ในภาพรวมของประเทศ เท่ากับ 0.6924 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีค่าดัชนีความมั่นคงของมนุษย์ในภาพรวมสูงสุด 0.7290 รองลงไปคือ ภาคเหนือ 0.6804 และตอนพิเศษ (กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ) ค่าดัชนีต่ำสุด 0.6118 ส่วนดัชนีความ มั่นคงของมนุษย์ในภาพรวมระดับจังหวัด จังหวัดที่มีค่าดัชนีความมั่นคงของมนุษย์สูงสุด ได้แก่ จังหวัดสมุทรสงคราม 0.9757 รองลงไปคือ จังหวัดสิงห์บุรี 0.9346 จังหวัดมหาสารคาม 0.9307 จังหวัดขอนแก่น 0.9056 และจังหวัด เพชรบุรี 0.9025 โดยจังหวัดที่มีค่าดัชนีความมั่นคงของมนุษย์ต่ำสุด ได้แก่ จังหวัดปัตตานี 0.1371 จังหวัดศรีสะเกษ 0.3748 จังหวัดระนอง 0.4265 จังหวัดยะลา 0.4810 และจังหวัดนครสวรรค์ 0.5002 สำหรับดัชนีความมั่นคงของ มนุษย์ในรายมิติ มิติที่มีค่าดัชนีความมั่นคงของมนุษย์สูงสุด ได้แก่ มิติสังคม-วัฒนธรรม 0.7038 รองลงไปคือ มิติ สิทธิและความเป็นธรรม 0.7028 มิติการมีงานทำและรายได้ 0.7018 มิติที่มีค่าดัชนีความมั่นคงของมนุษย์ต่ำสุด ได้แก่ มิติการเมืองและธรรมาภิบาล 0.6895 รองลงไปคือ มิติความมั่นคงส่วนบุคคล 0.6945 และมิติที่อยู่อาศัย 0.6959 ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจังหวัดที่มีค่าดัชนีความมั่นคงของมนุษย์ ปี พ.ศ. 2549 ในระดับต่ำอย่าง น่าเป็นห่วงไปดำเนินการปรับปรุงแก้ไขต่อไป และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วย งานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงวัฒนธรรมที่เห็นควรเพิ่มเติมตัวชี้วัดความมั่นคง ด้านสังคม-วัฒนธรรม ในประเด็นดังต่อไปนี้ (1) ศักยภาพของหมู่บ้านหรือชุมชน ในการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (2) ศักยภาพในการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ในการพัฒนาชุมชน (3) การมีส่วน ร่วมของประชาชนในกิจกรรมของชุมชนหรือท้องถิ่น และ (4) การมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดแนวทาง การพัฒนาท้องถิ่น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย รวมทั้งรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาเพิ่ม เติมด้วยว่า ค่าดัชนีความมั่นคงของมนุษย์ที่นำเสนอเป็นทศนิยมนั้น ควรแปลงเป็นร้อยละจะทำให้วัดค่าการดำเนิน งานได้ง่ายและชัดเจนกว่า และนอกเหนือจากตัวชี้วัดที่ได้นำมาดำเนินการในครั้งนี้แล้ว ควรพิจารณากำหนดตัวชี้วัด อื่น ๆ ให้สอดคล้องเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม และบริบทของประเทศไทยเองเพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากตัวชี้วัดบางตัว อาจไม่สามารถสะท้อนข้อเท็จจริงของสังคมไทยและอาจมีจำนวนตัวชี้วัดที่น้อยเกินไป เช่น ตัวชี้วัดด้านสังคมและวัฒน ธรรม สิทธิ และความเป็นธรรม เป็นต้น นอกจากนี้ ควรให้ท้องถิ่นเป็นผู้พิจารณากำหนดดัชนีความมั่นคงของมนุษย์ ระดับท้องถิ่นเองและทดลองใช้เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการพัฒนาตนเองต่อไปและทดลองใช้เพื่อนำมาเป็นแนวทาง ในการพัฒนาตนเองต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 3397 | ยุทธศาสตร์ชาติเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยและร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายที่อยู่อาศัยแห่งชาติ พ.ศ. .... | พม | 18/12/2550 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
ยุทธศาสตร์ชาติเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัย มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การพัฒนาที่อยู่อาศัยของประเทศมีทิศทางที่เหมาะ สม ครอบคลุมการพัฒนาที่อยู่อาศัยทุกภาคส่วน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และเป็นกรอบการพัฒนาที่อยู่อาศัย รวมทั้งเพื่อการปรับปรุงสถานะภาพที่อยู่อาศัยในปัจจุบันสู่มิติการผลิตที่มีประสิทธิภาพ มีผลผลิตตรงตามความต้อง การของประชาชนอย่างแท้จริง โดยให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและความเห็นของคณะกรรมการกลั่น กรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 เกี่ยวกับการดำเนินการตามแผนการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ ฯ ควร พิจารณาความพร้อมในการดำเนินการว่า ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อน เรื่องที่อยู่อาศัยได้ดีจะมีความพร้อมตามแผนนี้มากกว่าการเคหะแห่งชาติ หรือไม่ และควรมีวิธีที่ทำให้ประชาชนเกิด ความรู้สึกเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริง เพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัย ไปพิจารณาต่อไปด้วย และ อนุมัติหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายที่อยู่อาศัยแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระ สำคัญคือ ให้มีคณะกรรมการนโยบายที่อยู่อาศัยระดับชาติ มีอำนาจหน้าที่ทางวิชาการ และเสนอนโยบายเกี่ยวกับ เรื่องนี้อันจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะและไม่กระทบต่อโครงสร้างการใช้อำนาจของรัฐ และส่งคณะกรรมการตรวจ สอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยรับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะ รัฐมนตรีในประเด็นร่างระเบียบ ฯ สอดคล้องกับพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 มาตรา 11 (8) หรือไม่ และความเห็นของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นควรพิจารณาความเหมาะสมของชื่อร่างระเบียบ สำนักนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
| 3398 | มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือสังคมและคนพิการ | กค | 18/12/2550 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอมาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือสังคมและคนพิการ
มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแรงจูงใจให้มีผู้บริจาคเพื่อช่วยเหลือสังคมและมีความมั่นใจในการบริจาค ตลอดจนให้มูลนิธิ และสมาคมต่าง ๆ ได้รับการประกาศเป็นองค์การ สถานสาธารณกุศลมากขึ้น และเป็นการช่วยเหลือคนพิการซึ่ง เป็นผู้ด้อยโอกาสทางสังคม และเป็นการบรรเทาภาระภาษีให้กับผู้อุปการะเลี้ยงดูคนพิการ และเพื่อเป็นแรงจูงใจ ให้มีการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อคนพิการมากขึ้น ทั้งนี้ การขอจัดตั้งหน่วยงานภายในกรมสรรพากร และ การขออัตรากำลังเพิ่ม ให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามแนวทางปฏิบัติในการเสนอร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วน ราชการภายในกรม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2549 (เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ) และรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการขอจัดตั้งหน่วยงานภายในกรม สรรพากรและการขออัตรากำลังเพิ่ม ไปพิจารณาด้วย รวมทั้งรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่า เพื่อ ให้ดำเนินการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนางานด้านการช่วยเหลือสังคมและคนพิการโดยมาตรการทางภาษีเป็น ไปอย่างมีอิสระ ควรมีคณะกรรมการที่ทำหน้าที่นี้โดยตรงและต่อเนื่องโดยมีตัวแทนจากหน่วยงานและภาคเอกชนที่ เกี่ยวข้องเข้าร่วมเป็นกรรมการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 3399 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2551 ครั้งที่ 1 | กค | 18/12/2550 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอดังนี้ อนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำ
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ครั้งที่ 1 ได้แก่ การปรับปรุงแผนการบริหารและจัดการเงินกู้ในประเทศของรัฐบาลในส่วน ของแผนการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ และการปรับปรุงแผนการบริหารจัดการเงินกู้ในประเทศของรัฐ วิสาหกิจ และอนุมัติการกู้เงินในประเทศของรัฐวิสาหกิจ โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน และการค้ำประกันในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นภายใต้ แผนที่ปรับปรุง รวมทั้งรับทราบการปรับปรุงแผนการกู้เงินของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่มีสถานะเป็นรัฐ วิสาหกิจซึ่งได้รับการยกเว้นไม่ต้องอยู่ภายใต้กรอบวงเงินกู้ของแผน ฯ โดยปรับลดวงเงินกู้จำนวน 3,301.92 ล้านบาท จากวงเงินเดิม 24,919.28 ล้านบาท เป็น 21,617.36 ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
| 3400 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 9/2550 และ ครั้งที่ 10/2550 | พน | 18/12/2550 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอดังนี้ รับทราบตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงาน
แห่งชาติ ครั้งที่ 9/2550 (ครั้งที่ 118) วันที่ 7 ธันวาคม 2550 รวม 3 เรื่อง คือ เรื่อง การดำเนินการคัดเลือกผู้ ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) เรื่อง การปรับปรุงแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (PDP 2007) และเรื่อง แผน การจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฉบับสมบูรณ์ และมติคณะกรรมการ ฯ ครั้งที่ 10 /2550 (ครั้งที่ 119) วันที่ 13 ธันวาคม 2550 รวม 2 เรื่อง คือ เรื่อง ร่างบันทึกความเข้าใจการรับซื้อไฟฟ้าโครง การหงสาลิกไนต์ และเรื่อง การกำหนดมาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานขั้นต่ำ รวมทั้งเห็นชอบร่างกฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการแจ้ง การอนุญาต และอัตราค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการประกอบ กิจการน้ำมันเชื้อเพลิง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการ แจ้งการอนุญาต และอัตราค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการประกอบกิจการน้ำมัน ก๊าซปิโตรเลียมเหลว และก๊าซธรรม ชาติ ตามมติคณะกรรมการ ฯ ครั้งที่ 10/2550 (ครั้งที่ 119) และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ พิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
