ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 4 จากทั้งหมด 334 หน้า แสดงรายการที่ 61 - 80 จากข้อมูลทั้งหมด 6663 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
61 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2562 เรื่อง ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2552 เรื่อง การทบทวนระบบบริหารจัดการนมโรงเรียน | กษ. | 03/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบทบทวนมติคณะรัฐมนตรี วันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๒
เรื่อง ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๒ เรื่อง
การทบทวนระบบบริหารจัดการนมโรงเรียน
และให้ใช้ข้อเสนอแนวทางการพัฒนาโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมส่งเสริมสหกรณ์)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงศึกษาธิการ
และสำนักงบประมาณ
รวมทั้งข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงพาณิชย์ เห็นควรให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการอาหารเสริม
(นม) โรงเรียน
ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมด้านการบริหารจัดการฟาร์มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
อาทิ ให้ความรู้ในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการเกษตร เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตน้ำนมโคที่มีคุณภาพ
รวมถึงลดต้นทุนการเลี้ยงโคนมได้อย่างยั่งยื่น กระทรวงศึกษาธิการ เห็นควรมีการตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์นมให้เป็นไปตามมาตรฐานที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
(อย.) กระทรวงสาธารณสุขกำหนด เพื่อให้นักเรียนได้บริโภคอาหารเสริม (นม) โรงเรียน
ที่มีคุณภาพ ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับนักเรียนในการเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายและภูมิคุ้มกันโรค |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
62 | รายงานผลการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ระหว่างวันที่ ๑๕ - ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑)
การสร้างเครือข่ายพันธมิตรและความร่วมมือด้านการค้า
โดยการประชุมร่วมกับผู้นำเข้ารายสำคัญในตลาดสหรัฐฯ จำนวน ๓ ราย การเยี่ยมชมโรงงานและหารือกับผู้บริหาร บริษัท Overhill Farms และการเยี่ยมชม Port of Long Beach ๒) การส่งเสริม Soft Power ของไทยผ่านอาหารไทยและร้านอาหารไทยที่ได้รับตราสัญลักษณ์
Thai SELECT โดยการเข้าร่วมกิจกรรมผลักดันสินค้าและบริการสู่สากล
ผ่านผู้มีอิทธิพลทางความคิดและสื่อบันเทิงระดับโลก และการเข้าร่วมกิจกรรม Sa
Wad Dee Thai SELECT Festival ๓)
การส่งเสริมการขายสินค้าไทยร่วมกับห้างสรรพสินค้า H Mart ซึ่งจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทย
และ ๔) การประชุมติดตามสถานการณ์การค้าและการส่งออกสินค้าไทยในภูมิภาคอเมริกาและลาตินอเมริกา
ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้เสนอแนวทางการดำเนินการต่อยอดการส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าอาหารไทย
โดยใช้อาหารไทยเป็น Soft Power และส่งเสริมสินค้าอุตสาหกรรมอาหารไทยในฐานะครัวโลก
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
63 | การควบคุมการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า | นร.04 | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่
๙ เมษายน ๒๕๖๗ มอบหมายให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการปราบปราม จับกุมผู้ลักลอบนำเข้าและผู้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ส่วนควบอย่างจริงจัง
เด็ดขาด และต่อเนื่อง โดยให้บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการในเชิงป้องกันการเข้าถึงและการใช้บุหรี่ไฟฟ้าด้วย
นั้น ในปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้ายังคงแพร่ระบาดอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเยาวชน
นักเรียน และนักศึกษา จึงขอมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นางสาวจิราพร สินธุไพร)
เป็นเจ้าภาพรับเรื่องนี้ไปหารือร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งรัดติดตามการดำเนินมาตรการต่าง
ๆ ให้เหมาะสม ชัดเจน รวมตลอดถึงการพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎ ระเบียบต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอันเนื่องมาจากบุหรี่ไฟฟ้า
ให้มีบทลงโทษที่ชัดเจนและรุนแรงมากยิ่งขึ้นกว่าปัจจุบันด้วย
แล้วให้รายงานผลการดำเนินการต่อนายกรัฐมนตรีโดยด่วนภายใน ๑๕ วัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
64 | การแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ | นร.04 | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่ได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อติดตามสถานการณ์ราคาพืชผลทางการเกษตรและเร่งกำหนดมาตรการการยกระดับรายได้ของเกษตรกร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ เช่น ข้าวเปลือก
มันสำปะหลัง ข้าวโพด ปาล์มน้ำมัน ยางพารา ที่มีแนวโน้มว่าราคาจะต่ำกว่าปีที่ผ่านมา
จึงขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณากำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวเพื่อดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
ทั้งนี้ ขอให้พิจารณารวมถึงการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ที่เหมาะสม
การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้
และการศึกษาความต้องการของตลาดเพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรมีการผลิตพืชผลทางการเกษตรที่เหมาะสม
มีคุณภาพ และนำไปสู่การเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตรได้ในระยะยาว ซึ่งจะช่วยลดภาระงบประมาณในการชดเชย
ช่วยเหลือ เยียวยาแก่เกษตรกรได้ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
65 | ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางพิมพ์ชนก พิตต์ฟีลด์) | พณ. | 18/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นางพิมพ์ชนก
พิตต์ฟีลด์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเอกอัครราชทูต
คณะผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลกและองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก ณ นครเจนีวา
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งได้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบ ๔ ปี
เมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๙
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ถึงวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๙
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
66 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ ปี 2567 | นร. | 18/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้แถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ
(GDP) ไตรมาสที่สี่ของปี
๒๕๖๗ ทั้งปี ๒๕๖๗ และแนวโน้มปี ๒๕๖๘ ไปแล้วเมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ นั้น จะเห็นว่า
GDP ในไตรมาสที่สี่ของปี
๒๕๖๗ มีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยขยายตัวร้อยละ ๓.๒
เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสก่อนหน้าซึ่งขยายตัวร้อยละ ๓
สะท้อนให้เห็นว่ามาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลได้ดำเนินการตลอดมาเกิดผลดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม มีหลายประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเลขการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกที่เพิ่มมากขึ้น
แต่จำนวนการใช้กำลังการผลิตในประเทศ (Capital Utilization) กลับลดลง
จึงขอให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับเรื่องนี้ไปหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อเร่งดำเนินมาตรการในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยด่วนที่สุด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
67 | เรื่องสืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดพัทลุงและสงขลาของนายกรัฐมนตรี | นร.04 | 18/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดพัทลุงและสงขลา
เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ และได้รับฟังปัญหาต่าง ๆ
จากหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จึงขอมอบหมายการดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ ๑.
การส่งเสริมการปลูกพืชและการเพิ่มมูลค่าสินค้าชุมชนในพื้นที่จังหวัดพัทลุงให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักรับไปประสานงานกับกระทรวงพาณิชย์
กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนการปลูกกล้วยสายพันธุ์ของจังหวัดพัทลุง
และทุเรียนภูบรรทัดให้แพร่หลายยิ่งขึ้น
รวมตลอดถึงการจัดหาตลาดทั้งในและต่างประเทศรองรับผลผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้าชุมชนทั้งสองชนิดดังกล่าวให้มากยิ่งขึ้นด้วย ๒.
การฟื้นฟูการประมงและส่งเสริมอาชีพในพื้นที่ทะเลน้อยให้มีศักยภาพสูงขึ้นทั้งด้านการท่องเที่ยวและการประมงเพื่อช่วยสร้างรายได้แก่ประชาชน ๒.๑
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งพิจารณากำหนดแนวทาง/มาตรการในการขุดลอกทะเลน้อย
การกำจัดวัชพืช เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศให้คืนสู่สภาพธรรมชาติ ให้เหมาะสมและชัดเจน
แล้วให้จัดทำรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อเสนอของบประมาณตามขั้นตอน เพื่อดำเนินการตามแนวทาง/มาตรการดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป ๒.๒
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งพิจารณากำหนดแนวทาง/มาตรการในการฟื้นคืนอาชีพประมง
และส่งเสริม
สนับสนุนองค์ความรู้ทางวิชาการอย่างถูกต้องสำหรับการทำประมงในพื้นที่ทะเลน้อย เพื่อยกระดับรายได้ของประชาชนในพื้นที่ให้เพิ่มมากขึ้น
เช่น การเลี้ยงปลาดุกนา ทั้งในส่วนของการจัดทำระบบการหมุนเวียนน้ำ
การเลือกพันธุ์ปลา ๒.๓
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในพื้นที่ทะเลน้อยให้มากขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
68 | รายงานผลการเดินทางเยือนนครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ. | 11/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางเยือนนครเซี่ยงไฮ้
สาธารณรัฐประชาชนจีน ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคณะผู้บริหารระดับสูง กระทรวงพาณิชย์
ระหว่างวันที่ ๔ - ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ซึ่งมีกิจกรรมที่สำคัญ เช่น ๑)
เข้าร่วมพิธีเปิดและเยี่ยมชมงาน China International Import Expo (CIIE) ครั้งที่
๗ หรือ CIIE 2024 ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้นำผู้ประกอบการสินค้าอาหารและเครื่องดื่มเข้าร่วมแสดงสินค้าโดยจัดเป็นคูหา
Thai Food and Agricultural Products Pavilion มีมูลค่าสั่งซื้อทันทีและมูลค่าคาดการณ์ภายใน ๑ ปี รวม ๖๔.๙๗ ล้านบาท
และคูหา Thailand Pavilion เพื่อประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้า/บริการของไทย
๒) หารือกับบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด โดยบริษัท หัวเว่ยฯ
ได้เสนอแนวทางความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ เช่น
การรวมแพลตฟอร์มคลาวด์ของกระทรวงพาณิชย์เป็นแพลตฟอร์มเดียว การจัดตั้งศูนย์พัฒนาทักษะดิจิทัล
SMEs เป็นต้น และ(๓)
หารือแลกเปลี่ยนความเห็นกับหอการค้าไทยในจีนและกลุ่มนักธุรกิจไทย ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
69 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ที่กำหนดให้บุคคลธรรมดาและห้างหุ้นส่วนที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี | พณ. | 11/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง
ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ที่กำหนดให้บุคคลธรรมดาและห้างหุ้นส่วนที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี
มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บุคคลธรรมดา
หรือห้างหุ้นส่วนที่มิได้จดทะเบียนเป็นผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี พ.ศ. ๒๕๔๔
และประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง
กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับงาช้างเป็นผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี พ.ศ. ๒๕๕๑
เพื่อเป็นการลดขั้นตอนในการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนและลดความซ้ำซ้อนของกฎหมาย
และไม่สร้างภาระแก่ประชาชนเกินความจำเป็น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
70 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.01 | 11/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ พร้อมผลการวิเคราะห์เรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็น
และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาปรับปรุงการให้บริการ/การปฏิบัติงาน
ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงแรงงาน
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงยุติธรรมไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงพาณิชย์ เห็นว่าหน่วยงานราชการต้องตระหนักและให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเพื่อเป็นการลดข้อร้องเรียน
และควรพัฒนาคุณภาพการให้บริการให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานของศูนย์ราชการสะดวก
เพื่อให้ประชาชนได้รับงานบริการที่มีคุณภาพด้วยความสะดวก รวดเร็ว และเข้าถึงง่าย กระทรวงแรงงาน เห็นควรให้ทุกหน่วยงานต้องตระหนักและให้ความสำคัญในปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน
พร้อมทั้งบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานราชการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในประเด็นที่เกี่ยวข้อง |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
71 | การศึกษามาตรการทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศไทยกับสหรัฐอเมริกา | นร. | 11/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เนื่องจากนายโดนัลด์ ทรัมป์
ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาได้ประกาศใช้นโยบายทางการค้าใหม่ เช่น
การกำหนดอัตราภาษีศุลกากรสำหรับสินค้านำเข้าสูงขึ้น (กำแพงภาษี)
ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าของไทยไปยังสหรัฐอเมริกา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าเกษตร สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าประเภทอื่น ๆ รัฐบาลได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นในการเตรียมความพร้อมและการกำหนดมาตรการเพื่อรับมือกับผลกระทบและแก้ไขปัญหาต่าง
ๆ ที่อาจเกิดขึ้น เพื่อรักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ทางการค้าของประเทศ โดยเมื่อวันที่ ๖
มกราคม ๒๕๖๘ ได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกาขึ้น
โดยมีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานคณะทำงาน มีผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่านเป็นที่ปรึกษา
และมีหัวหน้า/ผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นคณะทำงานด้วย จึงขอให้คณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริการ่วมกับกระทรวงกลาโหม
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการศึกษาและสรุปข้อมูลเกี่ยวกับข้อดี
และข้อเสียของนโยบายทางการค้าใหม่ของสหรัฐอเมริกาดังกล่าว
รวมทั้งมาตรการของไทยในการรับมือกับผลกระทบต่าง ๆ
รวมตลอดถึงแนวทางในการเจรจาต่อรองด้านการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
แล้วให้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีในคราวประชุมครั้งต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
72 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 56 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | พณ. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน
(ASEAN
Economic Ministers’ Meeting : AEM) ครั้งที่ ๕๖
และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๖-๒๒ กันยายน ๒๕๖๗ ณ นครหลวงเวียงจันทน์
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑. ผลการประชุม AEM
ครั้งที่ ๕๖ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง เช่น (๑) การประชุม AEM
ครั้งที่ ๕๖ มีประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจที่ สปป.ลาว
ผลักดันให้บรรลุผลสำเร็จในปี ๒๕๖๗ แล้ว ๓ ประเด็น ได้แก่
ร่างปฏิญญาผู้นำอาเซียนว่าด้วยการเสริมสร้างการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานระหว่างกัน
การทบทวนกรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญา และการบรรลุข้อสรุปสำคัญของการเจรจายกระดับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน
๓.๐ และ (๒) การประชุมคณะมนตรีเขตการค้าเสรีอาเซียน ครั้งที่ ๓๘ มีความคืบหน้า
เช่น การเจรจายกระดับความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ASEAN Trade in Goods
Agreement : ATIGA) โดยหาแนวทางในการบรรลุการเปิดตลาดเพิ่มเติม
และเร่งรัดการเจรจาเพื่อให้สามารถสรุปผลการเจรจาภายในเดือนมีนาคม ๒๕๖๘
และลงนามความตกลงได้ในช่วงการประชุม ครั้งที่ ๓๙ ในเดือนกันยายนปี ๒๕๖๘ ทั้งนี้
กระทรวงพาณิชย์ได้จัดทำตารางติดตามผลการประชุม AEM ครั้งที่
๕๖ และการประชุมที่เกี่ยวข้องแล้ว ๒. เอกสารผลลัพธ์การประชุม ที่ประชุม AEM ครั้งที่ ๕๖ ได้เห็นชอบและรับรองต่อเอกสารผลลัพธ์ด้านเศรษฐกิจ จำนวน ๑๖
ฉบับ โดยมีเอกสารผลลัพธ์ จำนวน ๖ ฉบับ ที่คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว
(มิได้มีการปรับเปลี่ยนในสาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้เมื่อวันที่
๓ และ ๑๗ กันยายน ๒๕๖๗) ได้แก่ (๑)
ร่างผลลัพธ์การจัดทำตัวชี้วัดเชิงนโยบายในการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอาเซียน
ปี ค.ศ. ๒๐๒๔ (๒)
ร่างกรอบแบบจำลองสำหรับระบบการรับรองธุรกิจเพื่อเศรษฐกิจฐานรากในอาเซียน (๓)
ร่างปฏิญญาผู้นำอาเซียนว่าด้วยการเสริมสร้างการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานระหว่างกัน
(๔) ร่างแถลงการณ์ร่วมในการสรุปผลการเจรจายกระดับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน
อย่างมีนัยสำคัญ (๕)
ร่างถ้อยแถลงผู้นำอาเซียนบวกสามว่าด้วยการเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานของภูมิภาค
และ (๖) ร่างแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศสมาชิกสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
73 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือในการลงทุนด้านการพัฒนาสีเขียวระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงพาณิชย์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | พน. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
74 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือการส่งเสริมด้านการลงทุนในสาขาเศรษฐกิจดิจิทัลระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับกระทรวงพาณิชย์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน | สกพอ. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือการส่งเสริมด้านการลงทุนในสาขาเศรษฐกิจดิจิทัลระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับกระทรวงพาณิชย์
สาธารณรัฐประชาชนจีน และอนุมัติให้เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ
ของฝ่ายไทย โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจดิจิทัลระหว่างไทย-จีน
โดยดำเนินการในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านการลงทุนภายในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เช่น
(๑) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล (๒) สนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมายด้านดิจิทัล (๓)
ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสาร เช่น
เครือข่ายบรอดแบนด์และระบบนำทางด้วยดาวเทียม (๔) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ
เช่น ระบบ AI
และเทคโนโลยีเมืองอัจฉริยะ และ (๕) พัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล เช่น
ระบบการชำระเงินที่มีประสิทธิภาพ ระบบโลจิสติกส์อัจฉริยะ และคลังสินค้าอัจฉริยะ
รวมทั้งแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางด้านดิจิทัลและนวัตกรรมทางเทคโนโลยีระหว่างกัน
ทั้งนี้ ร่างบันทึกความเข้าใจฯ จะมีผลบังคับใช้เป็นเวลา ๓ ปี นับตั้งแต่วันที่ลงนาม
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒.
ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ
เอกชน และสถาบันการศึกษา โดยเฉพาะกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนการพัฒนาด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
เพื่อสามารถเชื่อมโยง ขยายผล และต่อยอดการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล
ภายใต้กรอบความร่วมมือของร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าวไปยังพื้นที่อื่น
ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศด้วยการสร้างมูลค่าจากนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลได้ยั่งยืน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
75 | ขอรับการสนับสนุนการจัดสรรเงินงบประมาณแผ่นดิน เพื่อจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปเป็นงบประมาณรายจ่ายของปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ให้แก่สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ไว้ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 | สขค | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการสนับสนุนการจัดสรรเงินงบประมาณแผ่นดิน
เพื่อจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปเป็นงบประมาณรายจ่ายของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙
ให้แก่สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (สำนักงาน กขค.)
ไว้ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๙ เพื่อให้สำนักงาน กขค. มีรายได้ของสำนักงานจำนวนพอสำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพของสำนักงาน
กขค. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ จำนวน ๓๙๒.๙๙๕๕ ล้านบาท และอนุมัติให้ สำนักงาน กขค.
ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๗ เรื่อง เห็นชอบแนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ตามที่กระทรวงพาณิชย์ (สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า)
เสนอ ให้สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
76 | การแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (นายธิรินทร์ ณ ถลาง) | พณ. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายธิรินทร์ ณ ถลาง
เป็นผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ ๑๕๐,๐๐๐ บาท
รวมทั้งสิทธิประโยชน์อื่นที่ผู้รับจ้างจะได้รับให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบ
ทั้งนี้ ตามมติคณะกรรมการองค์การคลังสินค้าในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๗ เมื่อวันที่
๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๗ และครั้งที่ ๕/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป
แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
77 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์
เรื่อง ให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นปรับปรุงรายการสินค้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ และพิกัดอัตราศุลกากร
ตามบัญชีท้ายประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร
พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นว่าต้องมีการปรับแก้ไขรายละเอียดของประเภทย่อยและคำอธิบายความตามประเภทพิกัดอัตราศุลกากร
ทั้งภาษาไทย (รายการ) และภาษาอังกฤษ (Description)
ในบัญชีท้ายร่างประกาศดังกล่าว สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าการอ้างบทอาศัยอำนาจในร่างประกาศฯ
โดยเห็นควรตัดการอ้างวรรคหนึ่งของมาตรา ๕ ออก และระบุเป็น มาตรา ๕ (๑) และวรรคสอง
แห่งพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. ๒๕๒๒
เนื่องจากมาตรา ๕ ไม่มีอนุมาตราในวรรคอื่น และร่างข้อ ๕ เห็นควรใช้คำว่า
“พิกัดอัตราศุลกากร” เพื่อให้เป็นไปตามพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม เห็นว่าเมื่อร่างประกาศมีผลบังคับใช้แล้ว
เห็นควรประสานกรมศุลกากร
เพื่อบรรจุพิกัดอัตราศุลกากรของขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักรในระบบค้นหาพิกัดอัตราศุลกากร
เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการที่ประสงค์จะนำเข้าได้รับทราบและปฏิบัติ
และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถกำกับดูแลให้เป็นในแนวทางเดียวกัน สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่ากระทรวงพาณิชย์ควรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผลักดันให้เกิดกฎหมาย
และกลไกการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งส่งเสริมผู้ประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการกำจัด
และนำขยะอิเล็กทรอนิกส์กลับมาใช้ประโยชน์ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
78 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ให้ยางรถใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์
เรื่อง
ให้ยางรถใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรการควบคุมการนำเข้ายางรถที่ใช้แล้ว
โดยยกเลิกการควบคุมการนำเข้ายางรถที่ใช้งานแล้วหรือยางรถที่หล่อดอกใหม่ รวมถึงเศษ
เศษตัดและของที่ใช้ไม่ได้ที่เป็นยางรถชนิดที่ใช้กับรถบัสหรือรถบรรทุก
เพื่อลดความซ้ำซ้อนของกฎหมาย และปรับปรุงการอ้างอิงพิกัดอัตราศุลกากร
โดยกำหนดให้อ้างอิงรหัสสถิติด้วยเพื่อความชัดเจนในการดำเนินพิธีการศุลกากร เพื่อลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นว่าการอ้างบทอาศัยอำนาจในร่างประกาศฯ
ควรให้ตัดการอ้างวรรคหนึ่งของ มาตรา ๕ ออก และระบุเป็น มาตรา ๕ (๑) (๒) (๓) (๖)
และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า
พ.ศ. ๒๕๒๒ เนื่องจากตามมาตรา ๕ ไม่มีอนุมาตราในวรรคอื่น และตัดวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติร่างประกาศฯ
ออก เนื่องจากเป็นเนื้อหาที่ไม่ต้องระบุไว้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าเพื่อลดความซ้ำซ้อนของกฎหมายควบคุมการนำเข้ายางรถใช้แล้วของกระทรวงพาณิชย์
และ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมควรหารือร่วมกันเพื่อกำหนดให้ยางรถที่ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักรและประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเพื่อบังคับใช้ต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
79 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ 86) พ.ศ. 2541 พ.ศ. .... | พณ. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์
ว่าด้วยการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๘๖) พ.ศ. ๒๕๔๑ พ.ศ. .... ที่คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี
คณะที่ ๔ ตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์
ว่าด้วยการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๘๖) พ.ศ. ๒๕๔๑
ซึ่งกำหนดให้ถ่านหินทุกชนิดที่เป็นก้อน
ผงหรืออัดเป็นก้อนที่มีถิ่นกำเนิดในราชอาณาจักร
เป็นสินค้าที่ห้ามส่งออกไปนอกราชอาณาจักรและอนุญาตให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักรเฉพาะกรณีเป็นถ่านหินที่นำเข้ามาจากต่างประเทศแล้วส่งกลับออกไปในลักษณะเดิม
หรือนำเข้ามาแปรรูปในประเทศแล้วส่งออกไปนอกราชอาณาจักร เนื่องจากปัจจุบันได้มีประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม
เรื่อง กำหนดชนิดและสภาพแร่ที่ห้ามส่งออกนอกราชอาณาจักรหรือเขตไหล่ทวีป พ.ศ. ๒๕๖๔
โดยกำหนดมาตรการห้ามส่งออกถ่านหินที่มีถิ่นกำเนิดในราชอาณาจักรและเขตไหล่ทวีปออกนอกราชอาณาจักรหรือเขตไหล่ทวีปไว้เป็นการเฉพาะแล้ว
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
โดยให้กระทรวงพาณิชย์แก้ไขการระบุวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้เป็นปัจจุบัน และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
80 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1.นายรัชวิชญ์ ปิยะปราโมทย์ ฯลฯ จำนวน 3 ราย) | พณ. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงพาณิชย์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
ดังนี้ ๑. นายรัชวิชญ์ ปิยะปราโมทย์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางสาวจิตติมา ศรีถาพร ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|