ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 8 จากทั้งหมด 334 หน้า แสดงรายการที่ 141 - 160 จากข้อมูลทั้งหมด 6663 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
141 | รายงานผลการศึกษา เรื่อง รายงานผลการดำเนินการของคณะกรรมาธิการ รายไตรมาสที่ 1 (ตุลาคม - ธันวาคม) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการศึกษา เรื่อง
รายงานผลการดำเนินการของคณะกรรมาธิการรายไตรมาสที่ ๑ (ตุลาคม - ธันวาคม)
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ของคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ
สภาผู้แทนราษฎร ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
142 | รายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศสของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศสของรองนายกรัฐมนตรี
(นายภูมิธรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคณะผู้บริหารระดับสูง กระทรวงพาณิชย์
ระหว่างวันที่ ๑๕ - ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๗ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้า
ตลอดจนการสร้างเครือข่ายพันธมิตรในตลาดฝรั่งเศส ซึ่งมีกิจกรรมที่สำคัญ เช่น ๑)
การส่งเสริมภาพลักษณ์ธุรกิจบันเทิงไทยและสร้างเครือข่ายในงาน Cannes Film Festival 2024 โดยการจัดกิจกรรม
Thai Night มีบุคลากรในกลุ่มอุตสาหกรรมภาพยนตร์เข้าร่วมกว่า
๒๕๐ ราย และ ๒) การเข้าร่วมงานแสดงสินค้า Marche du Film 2024
และพบหารือผู้ประกอบการธุรกิจภาพยนตร์และธุรกิจบันเทิงไทย คาดการณ์มูลค่าการเจรจาการค้าทั้งสิ้น
๑,๔๖๙.๑๘ ล้านบาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
143 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ไม้พะยูงเป็นสินค้าที่ต้องห้าม ให้ไม้ท่อน ไม้แปรรูป และไม้ล้อมบางชนิด เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต และให้สิ่งประดิษฐ์ของไม้และถ่านไม้เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรอง ในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้เลื่อนการพิจารณาเรื่องนี้ออกไปก่อน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
144 | รายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวของรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวของรองนายกรัฐมนตรี
(นายภูมิธรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างวันที่ ๒๗ - ๒๙
เมษายน ๒๕๖๗ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการค้ากับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจีนในเขตปกครองตนเองชนชาติไตสิบสองปันนา
มณฑลยูนนาน
และเพื่อผลักดันผลประโยชน์ของไทยในการสร้างความร่วมมือและแก้ปัญหาอุปสรรคทางการค้ารวมทั้งส่งเสริมการลงทุนระหว่างสองประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ รวมทั้งมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกประสานการทำงานร่วมกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง
เช่น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
ช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดหาผู้ร่วมทุนไทยให้แก่นักลงทุนจีนตามข้อเสนอของฝ่ายจีนต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
145 | (ร่าง) ข้อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีก (ไก่งวง) ในประเทศไทย | กษ. | 23/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ (ร่าง)
ข้อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีก (ไก่งวง) ในประเทศไทย และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว
ประกอบด้วย ๑) ขอให้ภาครัฐเร่งอนุญาตให้โรงฆ่าสัตว์ปีก เพิ่มชนิดสัตว์ปีก ประเภทไก่งวง
๒) สนับสนุนให้มีโรงฆ่าสัตว์ปีก (ไก่งวง)
ที่ได้รับมาตรฐานการส่งออกขนาดเล็กสำหรับเกษตรกรรายย่อยของหน่วยงานภาครัฐ ๓) กำหนดมาตรฐานสำหรับฟาร์มสัตว์ปีก
(ไก่งวง) แบบโรงเรือนยกพื้น (มาตรฐาน GAP) เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิต และยกระดับมาตรฐานเพื่อการส่งออก ๔) ภาครัฐสนับสนุนการจัดทำพิธีสารว่าด้วยการส่งออกไก่งวง
และ ๕) ขอให้ภาครัฐเร่งระบายไก่งวงที่ค้างสต็อกอย่างเร่งด่วน ตามที่สภาเกษตรกรแห่งชาติเสนอ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม เห็นว่าในส่วนของไก่งวงแช่แข็งที่ค้างสต็อกและไก่งวงที่พร้อมเข้าโรงฆ่าสัตว์ปีก
อาจมีแนวทางมาตรการเพื่อระบายสต็อกที่ค้างอยู่ออกไปก่อน
แต่ทั้งนี้ในระยะยาวอาจจะต้องมีการวางแผนการผลิต การตลาด
ให้เหมาะสมต่อความต้องการของตลาดในอนาคต สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่ากรมปศุสัตว์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ควรเร่งประชาสัมพันธ์แนวทางการยื่นขอรับอนุญาตฆ่าไก่งวงเพิ่มเติมให้ผู้ประกอบกิจการโรงฆ่าสัตว์ทราบอย่างทั่วถึงในวงกว้าง
เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบกิจการโรงฆ่าสัตว์ที่ยังดำเนินการไม่เต็มศักยภาพการผลิตยื่นขอรับอนุญาตฆ่าไก่งวงเพิ่มเติม
พร้อมทั้งสนับสนุนให้มีการปรับปรุง แก้ไข พัฒนา กิจการโรงฆ่าสัตว์ให้ได้มาตรฐานการส่งออกควบคู่ไปด้วย กระทรวงพาณิชย์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรพิจารณาจัดหาช่องทางการจัดจำหน่ายและอำนวยความสะดวกในการจับคู่
(Matching) ระหว่างกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง
(อาหารแปรรูปและอาหารสัตว์) เครือโรงแรม ภัตตาคาร และร้านอาหาร
เพื่ออำนวยความสะดวกในการเร่งระบายไก่งวงแช่แข็งค้างในสต๊อกเพื่อบรรเทาภาระต้นทุน ค่าใช้จ่าย
โดยการดำเนินการดังกล่าวจะต้องพิจารณาราคาในการจัดจำหน่ายไก่งวงแช่แข็งที่เหมาะสมและเป็นธรรมด้วย
รวมทั้งให้พิจารณาความเหมาะสมและความเป็นได้ในการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ประเภทอื่นที่เป็นที่ต้องการของตลาดเพิ่มมากขึ้นด้วย
เช่น นกกระทา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
146 | รายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามและสาธารณรัฐประชาชนจีนของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ. | 16/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามและสาธารณรัฐประชาชนจีนของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
(นายนภินทร ศรีสรรพางค์) ระหว่างวันที่ ๒๔ - ๒๘ เมษายน ๒๕๖๗
เพื่อสำรวจเส้นทางขนส่งสินค้าผลไม้ เตรียมความพร้อมในการรองรับฤดูผลไม้
และป้องกันปัญหาการขนส่งผลไม้ที่ติดขัดบริเวณชายแดนเวียดนามตอนเหนือกับจีนตอนใต้
อีกทั้งยังเป็นการกระชับความร่วมมือและความสัมพันธ์กับหน่วยงานภาคเอกชน ผู้นำเข้า
ผู้ประกอบการ ผู้กระจายสินค้ารายสำคัญ เพื่อผลักดันการส่งออกให้ได้ตามเป้าหมาย
ขยายส่วนแบ่งสินค้าเกษตรของไทยในตลาดต่างประเทศ และประชาสัมพันธ์ผลไม้ไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
โดยได้เข้าร่วมกิจกรรม เช่น ๑) สำรวจด่านรถไฟด่งดัง ด่านสากลหูหงิ
และหารือกับประธานคณะกรรมการประชาชนและผู้บริหาร จังหวัดลางเซิน เวียดนาม ๒) สำรวจด่านโหย่วอี้กวน
ด่านรถไฟผิงเสียง และหารือกับรองนายกเทศมนตรีเมืองฉงจั่ว
เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ๓) หารือกับผู้บริหารบริษัทเอกชน ได้แก่
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทตลาดเจียงหนาน และรองประธานกรรมการบริหารบริษัท Pagoda รวมทั้งได้เยี่ยมชมซูเปอร์มาร์เก็ต
Freshippo ซึ่งมีประเด็นการหารือที่สำคัญเกี่ยวกับการขยายตลาดการส่งออกสินค้าเกษตรของไทย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลไม้ไทยไปยังจีน ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์
รวมทั้งการจัดกิจกรรมส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ผลไม้ไทยในตลาดจีน เป็นต้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
147 | รายงานผลการเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ. | 16/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการเดินทางเยือนกรุงโตเกียว
ประเทศญี่ปุ่นของรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างวันที่ ๙ - ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๗
เพื่อเข้าร่วมงานเทศกาลไทย ณ กรุงโตเกียว ครั้งที่ ๒๔ (Thai Festival Tokyo 2024) และเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทย
ซึ่งมีกิจกรรมที่สำคัญ เช่น ๑) เป็นประธานเปิดงานเทศกาลไทย ครั้งที่ ๒๔ เพื่อส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ไทย
ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ประกอบด้วยคูหากว่า ๘๐ คูหา เช่น คูหาผ้าไทยใส่ให้สนุก คูหาซีรีส์วาย
เป็นต้น ๒) เป็นสักขีพยานในพิธีลงนาม MOU ระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกับ
Rakuten ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ชั้นนำของญี่ปุ่น
เพื่อเปิดร้าน TOPTHAI และส่งเสริมการขายสินค้าไทยในตลาดญี่ปุ่น
และ ๓) หารือกับผู้บริหารบริษัท KALDI โดยรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ได้แนะนำสินค้าไทยที่มีศักยภาพไปจัดจำหน่ายในร้าน KALDI เพิ่มขึ้น
อาทิ กาแฟ ผลไม้ และสินค้าไทย และยังแนะนำให้บริษัทฯ
นำเข้าผลไม้คุณภาพที่เป็นที่ชื่นชอบของชาวญี่ปุ่น เช่น กล้วยหอมทอง ทุเรียน
และมังคุด เพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
148 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินงานของกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ | กษ. | 16/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินงานของกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศออกไปเป็นเวลา
๒๐ ปี (ตั้งแต่วันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๗ - ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๘๗)
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ
(หนังสือสำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ สกช. ๐๔๐๔/๑๐๒๒ ลงวันที่ ๒๔
พฤษภาคม ๒๕๖๗) และคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดตั้งกองทุนโดยตราเป็นกฎหมายเฉพาะเพื่อให้เป็นไปตามมาตรา
๖๓ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกอบกับมาตรา ๑๔
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา ๒ ปี |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
149 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชนในไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.01 | 16/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชนในไตรมาสที่
๑ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ พร้อมผลการวิเคราะห์เรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็น
และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาปรับปรุงการให้บริการ/การปฏิบัติงาน
สรุปสาระสำคัญได้ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นของประชาชนฯ
ที่ยื่นเรื่องผ่านช่องทางการร้องทุกข์ ๑๑๑๑ รวมทั้งสิ้น ๓๒,๕๑๗ ครั้ง (๑๗,๐๕๐ เรื่อง)
สามารถดำเนินการจนได้ข้อยุติ ๑๓,๕๒๕ เรื่อง คิดเป็นร้อยละ
๗๙.๓๓ โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับการประสานเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็น
มากที่สุด (๑,๘๗๗ เรื่อง) ๒.
การประมวลผลและวิเคราะห์เรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นฯ มีสถิติเรื่องร้องทุกข์
๑๗,๐๕๐ เรื่อง มากกว่าไตรมาสที่ ๑
ของปีงบประมาณ ๒๕๖๖ จำนวน ๒,๖๑๑ เรื่อง (มีเรื่องร้องทุกข์
๑๔,๔๓๙ เรื่อง) โดยประเด็นที่ประชาชนยื่นเรื่องร้องทุกข์มากที่สุดคือ
การน้ำเข้าและส่งออกสัตว์นอกราชอาณาจักร (๑,๗๑๐ เรื่อง
ซึ่งดำเนินการจนได้ข้อยุติแล้ว ๑,๖๙๐ เรื่อง) ๓.
ปัญหาและความต้องการของประชาชนที่ร้องทุกข์/หน่วยรับการประสานเรื่องร้องทุกข์ เช่น
หน่วยงานของรัฐควรปรับปรุงคุณภาพการให้บริการอย่างสม่ำเสมอ
กรณีช้างพลายที่ส่งไปเป็นทูตสันถวไมตรี
รัฐบาลควรให้ความสำคัญและควรตรวจสอบข้อเท็จจริง
เพื่อสื่อสารให้ประชาชนมั่นใจในความเป็นอยู่ของช้างพลาย ๔.
ข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาปรับปรุงการให้บริการ/การปฏิบัติงาน เช่น
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและแจ้งความคืบหน้าให้กับประชาชนทราบ
ให้กระทรวงการต่างประเทศประสานทางการทูตเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีช้างพลายและสื่อสารให้ประชาชนทราบ ทั้งนี้
ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ที่มีข้อสังเกตว่า กรณีการนำช้างพลายที่ส่งไปเป็นทูตสันถวไมตรีกลับประเทศไทย นั้น เห็นควรที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องพิจารณาให้เหมาะสม
และละเอียดรอบคอบทุกมิติ
โดยคำนึงถึงความพร้อมด้านสุขภาพของช้างและความปลอดภัยในการเคลื่อนย้ายและขนส่งเป็นสำคัญ รวมทั้งความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงพาณิชย์ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เห็นควรให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน
และแจ้งความคืบหน้าให้ประชาชนทราบตามระยะเวลาที่กำหนด รวมทั้งหาแนวทางเพื่อป้องกันการร้องเรียนซ้ำในประเด็นเดิม
ซึ่งจะเป็นพลังในการขับเคลื่อนการดำเนินงานและพัฒนาปรับปรุงการให้บริการของหน่วยงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่เห็นว่าปัญหาเรื่องเสียงที่เกิดจากการจุดพลุดอกไม้ไฟ
ประเด็นดังกล่าวควรนำรายละเอียดเรื่องการร้องทุกข์มาประกอบการพิจารณาปรับปรุงประกาศเกี่ยวกับการกำหนดมาตรการป้องกันและรักษาความปลอดภัยและการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนในการจุดและปล่อยหรือการกระทำการอย่างใด
เพื่อให้บั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน หรือวัตถุที่คล้ายคลึงกันขึ้นสู่อากาศ
ในประเด็นของสถานที่และวันอนุญาต ปริมาณ ความถี่
และระยะเวลาการจุดให้มีความเหมาะสม
เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและป้องกันการร้องเรียนซ้ำ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
150 | รายงานความก้าวหน้าการดำเนินการตามแนวทางการประเมิน Business Ready (B-READY) ของธนาคารโลก | นร.12 | 09/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินการตามแนวทางการประเมิน Business Ready (B - READY) ของธนาคารโลก
และการมอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบในแต่ละด้านเร่งดำเนินการเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประเมิน
B - READY ของธนาคารโลก โดย ๑) ได้ประกาศแนวทางการประเมิน
เพื่อใช้ทดแทนการประเมินเพื่อจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจ (Doing
Business) เดิม ๒)
แนวทางการดำเนินการของภาครัฐเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประเมิน B-READY ทั้งในภาพรวมและการดำเนินการของสำนักงาน ก.พ.ร. และ ๓)
ประเด็นที่ต้องเร่งดำเนินการปฏิรูปรายด้านเพื่อปรับปรุงบรรยากาศในการประกอบธุรกิจและการลงทุนให้พร้อมสำหรับการประเมิน
B-READY รวมทั้งการมอบหมายหน่วยงานที่รับผิดชอบในแต่ละด้าน ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานป้องกันและปราบปราบปรามการฟอกเงิน
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงพาณิชย์ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นควรมีการบูรณาการความร่วมมือด้านการเตรียมความพร้อมสำหรับการประเมิน
B-Ready ของธนาคารโลก
ตลอดจนการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อรับทราบประเด็นปัญหา
และสนับสนุนกระบวนการขจัดอุปสรรคของการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งการสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบและสนับสนุนแนวทางการประเมินดังกล่าวเป็นระยะต่อไป กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เห็นว่าประเด็นบริการด้านสาธารณูปโภคที่มีการกำหนดในเรื่องของการทบทวนการกำหนดอัตราค่าบริการอินเทอร์เน็ต
ควรเพิ่มเติมหรือประสานข้อมูลกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ที่มีหน้าที่ในการกำกับดูแลในเรื่องของกำหนดโครงสร้างอัตราค่าธรรมเนียมและโครงสร้างอัตราค่าบริการอินเทอร์เน็ตให้เป็นธรรมต่อผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่มีส่วนเกี่ยวข้องในด้านบริการสาธารณูปโภค
(Utility Service) เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดเก็บข้อมูลเพิ่มเติม
เพื่อให้ข้อมูลมีความครบถ้วนมากยิ่งขึ้น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
151 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายพลัฎฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์ และ จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ) | พณ. | 02/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ กรกฎาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
ดังนี้ ๑. นายพลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
(นายสุชาติ ชมกลิ่น)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
152 | การแก้ไขปัญหาราคาเนื้อโคตกต่ำ | นร. | 02/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า จากการลงพื้นที่ตรวจราชการในหลายจังหวัด
พบว่า ประเทศไทยมีศักยภาพด้านการปศุสัตว์สูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีศักยภาพในการผลิตเนื้อโคในหลายระดับราคา
แต่ยังขาดการสนับสนุนด้านการตลาดในการจำหน่ายสินค้าให้กว้างขวางและได้รับผลกำไรมากยิ่งขึ้น
จึงขอมอบหมายการดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมปศุสัตว์)
เร่งดำเนินการยกระดับการผลิตเนื้อโคให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้น
โดยเฉพาะการพัฒนาสายพันธุ์ การพัฒนากระบวนการผลิตให้เป็นไปตามมาตรฐาน และการมีโรงฆ่าสัตว์ที่ถูกหลักอนามัยและมีจำนวนเพียงพอ ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาราคาเนื้อโคตกต่ำ
รวมทั้งเร่งการเจรจาเปิดตลาดเนื้อโคกับต่างประเทศเพื่อให้สามารถส่งออกเนื้อโคไปยังประเทศต่าง
ๆ เพิ่มขึ้น เช่น ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย สาธารณรัฐประชาชนจีน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
153 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2567 | กษ. | 02/07/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๗ ตามที่คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติเสนอ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้ยุบเลิกคำสั่งคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ
ที่ ๒/๒๕๖๓ เรื่อง
แต่งตั้งคณะอนุกรรมการและคณะทำงานขับเคลื่อนกลไกบริหารจัดการเพื่อแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม
๕ จังหวัด ภาคใต้ และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนกลไกบริหารจัดการเพื่อแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม
ชุดใหม่ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานอนุกรรมการ และมีอำนาจหน้าที่ตามเดิม
ยกเว้นการแต่งตั้งคณะทำงาน ให้ประธานอนุกรรมการ มีอำนาจในการพิจารณาแต่งตั้งคณะทำงาน
และให้ขยายพื้นที่เพิ่มเติมเป็น ๗ จังหวัด จากเดิม ๕ จังหวัด [ชุมพร สุราษฎร์ธานี
กระบี่ พังงา นครศรีธรรมราช (จังหวัดเดิม) ตรัง ระนอง (จังหวัดเพิ่มเติม)] ๒. มอบหมายกระทรวงพลังงานพิจารณาขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา
๗ แห่งพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๔๓ รับซื้อน้ำมันไบโอดีเซล (B100) ตามราคาประกาศจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน
กระทรวงพลังงาน และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจเพื่อทราบต่อไป ๓. เห็นชอบการปรับเพิ่มความถี่ในการแจ้งข้อมูล
ได้แก่ ๑) ปริมาณการรับซื้อปริมาณการใช้ ปริมาณคงเหลือ ราคารับซื้อผลปาล์ม
และอัตราเปอร์เซ็นต์สกัดน้ำมันที่ผลิตได้ และ ๒) ปริมาณผลิต
ปริมาณการจำหน่ายและรายละเอียดการจำหน่าย ปริมาณคงเหลือ และสถานที่เก็บน้ำมันปาล์ม
โดยให้แจ้งข้อมูลเป็นประจำทุกวัน (เดิมแจ้งข้อมูล ณ วันสิ้นเดือนเ
เป็นประจำทุกเดือน) รวมทั้ง มอบหมายกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ นำเสนอคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการเพื่อกำหนดมาตรการทางกฎหมายให้สามารถมีผลบังคับใช้ต่อไป ๔. มอบหมายให้กระทรวงพลังงานพิจารณาคงมาตรการการใช้น้ำมันดีเซล
B7 ต่อไป โดยมอบหมายฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ
ทำหนังสือแจ้งสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน
(กบง.) เพื่อทราบ และเสนอ กบง. เพื่อพิจารณาต่อไป ๕.
มอบหมายให้คณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้องดำเนินการเกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มตามบทบาท
อำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ๖. มอบหมายกระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
พิจารณาดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาสินค้าจากปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มที่มีมูลค่าสูง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
154 | การแต่งตั้งคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (1. พันตำรวจเอก อดิศร บุญประทีป ฯลฯ รวม 7 คน) | พณ. | 25/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ
และกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า จำนวน ๗ คน แทนประธานกรรมการ
รองประธานกรรมการ และกรรมการอื่นเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑. พันตำรวจเอก อดิศร บุญประทีป ประธานกรรมการ ๒. นายฉัตรชัย ศักดิ์ศิลปชัย รองประธานกรรมการ ๓. นายกฤษณ์ กระแสเวส กรรมการ ๔. นายจิระเสกข์ ตรีเมธสุนทร กรรมการ ๕. นางสาวณัชชารีย์ ทินกร ณ อยุธยา กรรมการ ๖. นางปิยะนุช สัมฤทธิ์ กรรมการ ๗. นายมณเฑียร อินทร์น้อย กรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
155 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (ASEAN Economic Ministers Retreat) ครั้งที่ 30 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | พณ. | 25/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ
(ASEAN Economic
Ministers Retreat) ครั้งที่ ๓๐ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง
เมื่อวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๗ ณ แขวงหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
(นายนภินทร ศรีสรรพางค์) เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว
ซึ่งเป็นการประชุมเพื่อรายงานให้ทราบถึงภาพรวมการเติบโตทางเศรษฐกิจของอาเซียน และประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจในปี
๒๕๖๗ รายงานความคืบหน้าการเจรจาต่าง ๆ เช่น
ความคืบหน้าการเจรจายกระดับความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน ความคืบหน้าการเจรจากรอบความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน
รวมทั้งมีการรับรองกรอบการอำนวยความสะดวกด้านบริการของอาเซียน การหารือกับสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียนและการหารือทวิภาคีของไทยอย่างไม่เป็นทางการ
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
156 | การปรับแก้ไขตารางข้อผูกพันด้านบริการ ภายใต้องค์การการค้าโลกของไทย ที่ผูกพันวินัยในการใช้กฎระเบียบภายใน | พณ. | 25/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการปรับแก้ไขตารางข้อผูกพันด้านบริการ
ภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) ของไทย
ที่ผูกพันวินัยในการใช้กฎระเบียบภายใน
เนื่องจากอินเดียและแอฟริกาใต้ได้คัดด้านการปรับปรุงตารางข้อผูกพันฯ ดังนั้น ประเทศสมาชิกอื่น
ๆ (รวมถึงไทย) จึงได้ร่วมกันหารือกับอินเดียและแอฟริกาใต้ เพื่อให้เพิกถอนคำคัดค้านการปรับปรุงตารางข้อผูกพันฯ ซึ่งประเทศสมาชิกมีข้อสรุปร่วมกันในการปรับแก้ไขเอกสารในรูปแบบใบแก้ไขข้อผิดพลาด
(Corrigendum) มีสาระสำคัญเป็นการยืนยันความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างประเทศสมาชิกเกี่ยวกับพันธกรณีใหม่ที่จะผูกพันเพิ่มเติม
โดยเป็นการปรับแก้ไขถ้อยคำเชิงเทคนิคในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ และไม่มีการเปลี่ยนแปลงถ้อยคำของวินัยในตารางข้อผูกพันฯ
แต่อย่างใด ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
157 | มาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในอุตสาหกรรมแร่ | ปช. | 25/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบมาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในอุตสาหกรรมแร่
ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
158 | ผลการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 13 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | พณ. | 25/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลกสมัยสามัญ
ครั้งที่ ๑๓ (the Thirteenth Ministerial Conference :
MC13) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งองค์การการค้าโลก (World
Trade Organization : WTO) ร่วมกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม
MC13 ระหว่างวันที่ ๒๖–๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ณ กรุงอาบูดาบี
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยมีรัฐมนตรีด้านการค้าและผู้แทนระดับสูงของประเทศสมาชิก
จำนวน ๑๖๔ ประเทศ เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว โดยในส่วนของไทย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้รับมอบหมายให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำ WTO
และองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกเป็นผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม
โดยภาพรวมการประชุม MC13 มีรูปแบบการประชุมเป็นการหารือรายหัวข้อ
(Working Session) ซึ่งเปิดโอกาสให้สมาชิกสามารถแสดงความคิดเห็นหรือกล่าวถ้อยแถลงโดยความสมัครใจในประเด็นต่าง
ๆ ทั้งนี้ ภายหลังการประชุม MC13 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง
ที่ประชุมได้รับรองเอกสารผลลัพธ์ จำนวน ๑๓ ฉบับ เช่น ปฏิญญารัฐมนตรีอาบูดาบี และแถลงการณ์การประชุมรัฐมนตรีกลุ่มเคร์นส์
ครั้งที่ ๔๓ เป็นต้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
159 | การกำหนดสินค้าและบริการควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 | พณ. | 25/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายการสินค้าและบริการ จำนวน ๕๗ รายการ (๕๒
สินค้า ๕ บริการ) เป็นสินค้าและบริการควบคุมตามมติคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ
(กกร.) ในคราวประชุม กกร. ครั้งที่ ๒/๒๕๖๗ เมื่อวันอังคารที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๗ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานกรรมการ
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
160 | ขอความเห็นชอบท่าทีไทยสำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ 3 | พณ. | 25/06/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบท่าทีไทยสำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า
(Joint Trade
Committee : JTC) ไทย - มาเลเซีย ครั้งที่ ๓ ในวันที่ ๓ - ๔ กรกฎาคม
๒๕๖๗ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี
(นายภูมิธรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทย
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุน การค้าและอุตสาหกรรมมาเลเซีย เป็นประธานร่วม โดยท่าทีไทยฯ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดท่าทีของไทยเกี่ยวกับการส่งเสริมการค้า การลงทุนและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
โดยยังไม่มีการทำความตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรระหว่างสองประเทศ จึงไม่มีประเด็นที่
ต้องพิจารณาเกี่ยวกับการเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
และหากในการประชุมดังกล่าวมีผลให้มีการตกลงเรื่องความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าในประเด็นอื่น
ๆ นอกเหนือจากที่เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอันเป็นผลประโยชน์ต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างไทยกับมาเลเซีย
ให้ผู้แทนไทยสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
(หนังสือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ด่วนมาก ที่ นร ๑๔๐๗/๑๗๒ ลงวันที่ ๑๔ มิถุนายน
๒๕๖๗) เห็นว่าในกรณีที่หน่วยงานมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องรีบดำเนินการ ขอให้เสนอเรื่องไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยไม่ต้องมีหนังสือขอความเห็นมายังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ซึ่งในกรณีนี้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะมีหนังสือขอความเห็นมายังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเองโดยตรง
|