ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 10 จากทั้งหมด 334 หน้า แสดงรายการที่ 181 - 200 จากข้อมูลทั้งหมด 6663 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
181 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกันความเสียหายทื่เกิดแก่ชีวิตและร่างกายของคนโดยสาร พ.ศ. .... | คค. | 23/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการประกันความเสียหายที่เกิดแก่ชีวิตและร่างกายของคนโดยสาร พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการประกันความเสียหายที่เกิดแก่ชีวิตและร่างกายของคนโดยสารให้ได้รับการชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการให้บริการรถไฟฟ้า
โดยเฉพาะในบริเวณที่มีการใช้ตั๋วโดยสารให้ได้รับความคุ้มครองที่เหมาะสม ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
ที่เห็นควรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข
และวงเงินความคุ้มครองสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ชีวิตและร่างกายของคนโดยสาร
เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการบังคับใช้กฎกระทรวงกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในมิติของผู้ที่ได้รับความคุ้มครอง
ผู้บังคับใช้และผู้ที่มีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายลำดับรองฉบับดังกล่าว รวมถึงต้องพิจารณาทั้งในรายละเอียดข้อมูล
จำนวนเบี้ยประกันภัยและเงื่อนไขการรับประกันภัยของบริษัทประกันภัย
จึงอาจต้องประชุมร่วมกันเพื่อหารือในรายละเอียดของแนวทางการจัดให้มีการประกันภัยที่เหมาะสมกับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยต่อไป
ไปประกอบการพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ที่เห็นควรกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ เงื่อนไข
และวงเงินความคุ้มครองสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ชีวิตและร่างกายของคนโดยสาร
เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการบังคับใช้กฎกระทรวงกับผู้ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งในมิติของผู้ที่ได้รับความคุ้มครอง ผู้บังคับใช้และผู้ที่มีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายลำดับรองฉบับดังกล่าว
ควรเร่งเสนอร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. .... ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนโดยเร็ว
เพื่อให้กรมการขนส่งทางรางมีอำนาจและหน้าที่ในการควบคุมและกำกับดูแลการประกอบกิจการขนส่งทางรางโดยเฉพาะมาตรฐานความปลอดภัยและระดับการให้บริการ
ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และมาตรฐานที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด และร่างข้อ ๒
เห็นควรแก้ไขปรับปรุงนิยามคำว่า “ผู้รับประกันภัย” หมายความว่า
บริษัทตามกฎหมายว่าด้วยประกันวินาศภัย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
182 | โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet | กค. | 23/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์)
ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ๑.๑
เรื่องที่กระทรวงการคลังเสนอในครั้งนี้เป็นการเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบหลักการของกรอบหลักการโครงการเติมเงิน
๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital
Wallet (โครงการฯ) หลังจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน
๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital Wallet เพื่อพิจารณาจัดทำรายละเอียดในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนและครบถ้วน
โดยนำความเห็นของหน่วยงานต่าง ๆ ที่ได้เสนอมาประกอบการพิจารณาด้วย และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๑.๒ โครงการฯ
มีแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในการดำเนินโครงการฯ จาก ๓ แหล่ง ได้แก่ ส่วนที่ ๑
การบริหารจัดการเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ส่วนที่ ๒
เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ สำหรับส่วนที่ ๓
ถือเป็นการดำเนินโครงการผ่านหน่วยงานของรัฐในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่เกษตรกร
ซึ่งเป็นนโยบายกึ่งการคลังของรัฐที่มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามนัยมาตรา
๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะได้มีหนังสือหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินส่วนที่
๓ ให้เกิดความถูกต้อง รอบคอบ ชัดเจน ก่อนดำเนินการต่อไป เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอความเห็นเพิ่มเติมว่า
เรื่องนี้เป็นการดำเนินการตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๖๒/๒๕๖๖ เรื่อง
แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ผ่าน Digital Wallet ลงวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๖
เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบหลักการของกรอบหลักการโครงการฯ เท่านั้น
สำหรับรายละเอียดต่าง ๆ ของการดำเนินโครงการฯ เช่น นิติสัมพันธ์ในการทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างประชาชนและร้านค้า
หรือระหว่างร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ
รวมทั้งการออกแบบระบบให้เหมาะสมและเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
เป็นเรื่องที่คณะรัฐมนตรีสามารถจะมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องได้ตามหน้าที่และอำนาจของแต่ละหน่วยงาน
แล้วนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาตามขั้นตอนอีกครั้งหนึ่งต่อไป ๒.
เห็นชอบให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
อย่างเคร่งครัด ในการจัดทำรายละเอียดโครงการฯ
หากมีประเด็นข้อสงสัยหรือความไม่ชัดเจนในเรื่องใด ๆ
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ได้ข้อยุติที่ถูกต้อง
ชัดเจน ครบถ้วนทุกประเด็น ก่อนดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
183 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการลิขสิทธิ์ (1. นายพิเศษ จียาศักดิ์ ฯลฯ จำนวน 12 คน) | พณ. | 23/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการลิขสิทธิ์
จำนวน ๑๒ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ เมษายน ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑. นายพิเศษ จียาศักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ ๒. นางสาวอรพรรณ พนัสพัฒนา ผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายชาคริต พิชญางกูร ผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. หม่อมราชวงศ์เฉลิมชาตรี ยุคล ผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นายตุล ไวฑูรเกียรติ ผู้ทรงคุณวุฒิ ๗. นายชวัตถ์วิช เมืองแก้ว ผู้แทนสมาคมการค้าส่งเสริมอุตสาหกรรมศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ๘. นายนนท์ หรยางกูร ผู้แทนสมาคมทรัพย์สินทางปัญญาแห่งประเทศไทย ๙. นายวรพจน์ นิ่มวิจิตร ผู้แทนสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ๑๐. นางสาวชญาภัช แสงทับทิม ผู้แทนสมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจบันเทิงไทย ๑๑. นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ ผู้แทนสมาคมโรงแรมไทย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
184 | ผลการพิจารณาญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันการทุจริตฉ้อโกงของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ | กค. | 18/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาญัตติ เรื่อง
ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันการทุจริตฉ้อโกงของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว สรุปได้ว่า ๑) ในส่วนของแนวทางการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันการทุจริตฉ้อโกง
กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการแก้ไขพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๓๕ เกี่ยวกับผู้สอบบัญชีและสำนักงานสอบบัญชีเพื่อให้มีกฎหมายที่สอดรับกับแนวทางการตรวจสอบและบทลงโทษผู้ที่ทำการทุจริตผ่านตลาดทุนไทย
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ดำเนินการยกระดับการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์
ภายใต้โครงการบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์เข้มแข็ง
โดยเน้นมาตรการป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นและมาตรการส่งเสริมการทำหน้าที่ของบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์และผู้ที่เกี่ยวข้อง
ตลาดหลักทรัพย์ได้บูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมาย
โดยการตั้งคณะทำงานเพื่อร่วมกันพิจารณาความผิดเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์
และร่วมมือกับสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยในการจัดอบรมให้ความรู้กับผู้ลงทุน
รวมถึงบุคลากรในหน่วยงานยุติธรรม (อาทิ ทนายความ อัยการ ผู้พิพากษา) กระทรวงพาณิชย์
โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ศึกษาและพัฒนากฎหมายที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของกรมอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีความทันสมัยและทันเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
และ ๒) ในส่วนของข้อเสนอแนะ สภาวิชาชีพบัญชีในพระบรมราชูปถัมภ์ เห็นว่า
ควรปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยให้สภาวิชาชีพบัญชีมีอำนาจในการกำกับดูแลผู้ทำบัญชี
ผู้สอบบัญชี สำนักงานบัญชี และสำนักงานสอบบัญชี เพื่อตรวจสอบคุณภาพของการปฏิบัติงานในเชิงรุก
และปรับปรุงแก้ไขบทลงโทษให้ครอบคลุมบทลงโทษของสำนักงานสอบบัญชี สมาคม ตลาดตราสารหนี้ไทย
เห็นว่า
ควรเพิ่มมาตรการในการยืดหรืออายัดทรัพย์สินจากการกระทำความผิดที่มีลักษณะเป็นการทุจริตฉ้อโกงที่เกี่ยวกับการออกหลักทรัพย์
ให้ครอบคลุมไปถึงทรัพย์สินที่ได้มาหรือสงสัยว่าจะได้มาจากการกระทำความผิดหรือที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดได้ไม่ว่าทรัพย์สินนั้นจะอยู่ในความครอบครองของบุคคลใดก็ตาม
และกำหนดแนวทางหรือมาตรการในการเยียวยาความเสียหายให้กับนักลงทุนที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำความผิด
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
185 | การกำหนดกระบวนการรับรองสินค้าเกษตรที่ปลอดการเผา | นร. | 18/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ (เรื่อง แนวทางเพิ่มเติมเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ
โดยเฉพาะฝุ่นละออง PM2.5) มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการลดหรือห้ามนำเข้าสินค้าเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้านที่พิสูจน์ได้ว่ามีกระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับการเผา
และต่อมาได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๗ (เรื่อง การแก้ปัญหามลพิษทางอากาศและฝุ่นละออง
PM2.5 ที่เกิดจากการเผา)
มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการในเรื่องนี้ตามกระบวนการของกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องและรวดเร็ว
รวมทั้งไม่ให้ขัดต่อข้อตกลงขององค์การการค้าโลก (WTO) นั้น โดยที่ปัจจุบันยังคงมีปัญหามลพิษทางอากาศและฝุ่นละออง
PM2.5 ที่เกิดจากการเผาอยู่อย่างต่อเนื่อง
จึงขอให้กระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
โดยให้ดำเนินมาตรการภายในประเทศและมาตรการนำเข้าสินค้าเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้านที่พิสูจน์ได้ว่ามีกระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับการเผาอย่างเท่าเทียมกัน
และไม่เลือกปฏิบัติ (ตามหลักการ National Treatment ของ WTO) ทั้งนี้
ให้ประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งเจรจาทำความตกลงประเทศเพื่อนบ้านที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดกระบวนการรับรองสินค้าเกษตรที่ปลอดการเผาให้ชัดเจนและเป็นที่รับรู้ร่วมกันเพื่อรองรับการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวข้างต้นด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
186 | มาตรการป้องกันการทุจริตในการดำเนินนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมในบัญชีนวัตกรรมไทย | ปช. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๗ ว่า ๑. รับทราบข้อเสนอแนะตามมาตรการป้องกันการทุจริตในการดำเนินนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมในบัญชีนวัตกรรมไทย
ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
(สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ) กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติ
โดยให้กระทรวงการคลังสรุปผลการพิจารณา/ผลการดำเนินการ/ความเห็นในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับจากวันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
187 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับหลักปฏิบัติในการตรวจและรับผลทุเรียนสำหรับโรงรวบรวมและโรงคัดบรรจุเป็นมาตรฐานบังคับ พ.ศ. .... | กษ. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับหลักปฏิบัติในการตรวจและรับผลทุเรียนสำหรับโรงรวบรวมและโรงคัดบรรจุเป็นมาตรฐานบังคับ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มาตรฐานสินค้าเกษตร เลขที่ มกษ. ๙๐๗๐-๒๕๖๖
ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตร : หลักปฏิบัติในการตรวจและรับผลทุเรียนสำหรับโรงรวบรวมและโรงคัดบรรจุเป็นมาตรฐานบังคับ
ตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. ๒๕๕๑ ลงวันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๖
เป็นมาตรฐานบังคับ
เพื่อกำหนดหลักปฏิบัติในการตรวจและรับผลทุเรียนสำหรับโรงรวบรวมและโรงคัดบรรจุทุเรียน
เพื่อให้ได้ผลทุเรียนทั้งผลที่แก่ตามข้อกำหนดของมาตรฐานสำหรับจำหน่าย ส่งออก
และนำเข้า เพื่อช่วยสนับสนุนการจำหน่ายผลทุเรียนที่แก่มีคุณภาพตามมาตรฐาน
สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคและเวทีการค้า
ซึ่งเป็นการยกระดับคุณภาพของทุเรียนไทยเพื่อรองรับการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดโลก ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้
ความรู้ความเข้าใจในหลักปฏิบัติดังกล่าวแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างทั่วถึง รวมทั้งเตรียมความพร้อมที่จะดำเนินการตามข้อกำหนดมาตรฐานดังกล่าว
รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการทราบถึงความจำเป็นและผลประโยชน์ในระยะยาวจากการดำเนินการตามมาตรฐานดังกล่าว
กำหนดแนวทางที่จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเพื่อเตรียมความพร้อมให้ทุกภาคส่วนก่อนที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้
นอกจากนี้ ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวควรบังคับใช้ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
โดยครอบคลุมสถานประกอบการทุกขนาดที่มีการประกอบกิจการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
188 | การควบคุมการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า | นร. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้ามีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มของนักเรียนและนักศึกษา
จึงขอมอบหมายการดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ ดังนี้ ๑.
มาตรการด้านการปราบปราม ให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการปราบปราม
จับกุมผู้ลักลอบนำเข้าและผู้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ส่วนควบอย่างจริงจัง
เด็ดขาด และต่อเนื่อง โดยให้บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เช่น
กฎหมายว่าด้วยการควบคุมการส่งออกไปนอกและนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภค
และกฎหมายว่าด้วยศุลกากร
รวมทั้งให้ดำเนินมาตรการลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบอย่างเคร่งครัดด้วย
๒.
มาตรการด้านการป้องกัน ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการป้องกันการเข้าถึงและใช้บุหรี่ไฟฟ้า
เช่น การเผยแพร่ความรู้และรณรงค์เรื่องโทษของบุหรี่ไฟฟ้า
การสร้างความตระหนักรู้ถึงข้อกฎหมายและบทลงโทษต่อการกระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ส่วนควบ
รวมถึงการตรวจตราที่เข้มงวดเกี่ยวกับการมี การใช้
และการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ส่วนควบอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานศึกษาทุกระดับ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
189 | แผนการใช้จ่ายเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ปีงบประมาณ 2567 (แผนปฏิบัติการประจำปี 2567) | พณ. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนการใช้จ่ายเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
ปีงบประมาณ ๒๕๖๗ ซึ่งเป็นโครงการของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวม ๘ หน่วยงาน จำนวน
๒๑๒ โครงการ ซึ่งแบ่งเป็น (๑) แผนปฏิบัติการด้านการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศ
จำนวน ๔๙ โครงการ (๒) แผนปฏิบัติการด้านการเจรจาเชิงรุกเพื่อเปิดตลาด จำนวน ๑๔๘
โครงการ และ (๓) แผนปฏิบัติการด้านการเร่งรัดทำการตลาดเชิงกลยุทธ์จำนวน ๑๕ โครงการ
วงเงินทั้งสิ้น ๕๓๐.๐๙ ล้านบาท โดยเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
รวมถึงสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล
และยุทธศาสตร์ของกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศที่กำหนดไว้
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
190 | การพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ปาล์มน้ำมันให้ได้มาตรฐานสากล | นร. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
สืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับรายงานว่า
คุณภาพผลิตภัณฑ์ปาล์มน้ำมันของไทยยังไม่เป็นที่ยอมรับจากต่างประเทศเท่าที่ควร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรฐานการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน (Roundtable on Sustainable Palm Oil : RSPO) จึงขอมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์
กระทรวงอุตสาหกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการปรับปรุงพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ปาล์มน้ำมันให้ได้มาตรฐานการผลิตที่เป็นสากลและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ
ออกใบรับรองคุณภาพให้กับผลิตภัณฑ์ปาล์มน้ำมันของไทย
รวมทั้งส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา (R&D) เพิ่มเติม
เพื่อแสวงหาลู่ทางการเพิ่มมูลค่าทางการค้าของปาล์มน้ำมันให้มากยิ่งขึ้นด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
191 | การแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกองทุนตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (1. นายประยูร อินสกุล ฯลฯ จำนวน 15 คน) | อก. | 09/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการบริหารกองทุนตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย
พ.ศ. ๒๕๒๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน ๑๕ คน เนื่องจากกรรมการเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ เมษายน ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายประยูร อินสกุล ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์) ๒. นายเกียรติณรงค์ วงศ์น้อย ผู้แทนกระทรวงการคลัง (ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง) ๓. นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ (ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบาย และยุทธศาสตร์การค้า) ๔. นายใบน้อย สุวรรณชาตรี ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม (รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม) ๕. นางสาวประนิอร เตียวตรานนท์ ผู้แทนสำนักงบประมาณ (ผู้อำนวยการกองจัดทำงบประมาณ ด้านเศรษฐกิจ
๑) ๖. นายสุรจิต ลักษณะสุต ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย (ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจ การเงินภูมิภาค
สายองค์กรสัมพันธ์) ๗. นายมนตรี วิศณุพรประสิทธิ์ ผู้แทนชาวไร่อ้อย ๘. นายไพบูลย์ ธิติศักดิ์ ผู้แทนชาวไร่อ้อย ๙. นายเอกชัย อริยมงคลชัย ผู้แทนชาวไร่อ้อย ๑๐. นายสุวิทย์ พันธุ์วิทยากูล ผู้แทนชาวไร่อ้อย ๑๑. นายประพันธ์ศักดิ์ ว่องไพฑูรย์ ผู้แทนโรงงาน ๑๒. นายคมกริช นาคะลักษณ์ ผู้แทนโรงงาน ๑๓. นายปริวัฒก์ กาญจนธนา ผู้แทนโรงงาน ๑๔. นายวรพจน์ จันทรา ผู้แทนโรงงาน ๑๕. นายอาทิตย์ วุฒิคะโร ผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
192 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (1. นายเสรี นนทสูติ ฯลฯ รวม 4 คน) | พณ. | 02/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย
รวม ๔ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระเนื่องจากลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ เมษายน ๒๕๖๗)เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
โดยผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน
ดังนี้ ๑. นายเสรี นนทสูติ ประธานกรรมการ ๒. นายกฤษณ์ กระแสเวส กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นางสาวนพรัตน์ มุณีรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. ศาสตราจารย์ปาริชาต สถาปิตานนท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
193 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางอารดา เฟื่องทอง และร้อยตรี จักรา ยอดมณี) | พณ. | 02/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงพาณิชย์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑. นางอารดา เฟื่องทอง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
194 | ร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน พ.ศ. .... | นร.12 | 02/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ
เพื่อลดขั้นตอนการอนุญาตที่ไม่จำเป็น ปรับปรุงระบบและขั้นตอนการอนุญาตให้สะดวกและทันสมัยยิ่งขึ้น
รวมทั้งลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าพนักงานในการอนุมัติ อนุญาต อันจะนำไปสู่การลดการทุจริตและประพฤติมิชอบ
ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น ควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า
ต้นทุน ผลประโยชน์ เสถียรภาพ และความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ
เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติ มาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ควรกำหนดให้มีการตรวจสอบ
ทบทวน และปรับปรุงกระบวนการ
ขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาอนุญาตตามที่กำหนดในคู่มือประชาชนเป็นประจำอย่างน้อย
๒ ปี ตามร่างมาตรา ๘ วรรคสี่ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอรัฐสภาต่อไป
โดยให้แจ้งประธานรัฐสภาทราบด้วยว่าร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นร่างกฎหมายที่ตราขึ้นเพื่อดำเนินการตามหมวด
๑๖ การปฏิรูปประเทศของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ ๓.
เห็นชอบข้อเสนอการทดลองดำเนินการตามหลักการสำคัญของร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน
พ.ศ. .... และมอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณาคัดเลือกและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทดลองดำเนินการตามหลักการสำคัญต่อไป
ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
195 | รายงานผลการเดินทางเยือนนครคุนหมิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ. | 26/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางเยือนนครคุนหมิง มณฑลยูนนาน
สาธารณรัฐประชาชนจีน ของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
(นายภูมิธรรม เวชยชัย) ระหว่างวันที่ ๑๗-๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๖ เพื่อเข้าร่วมกิจกรรม “Thai-Yunnan Quick Win Business Matching and Networking” โดยได้เป็นสักขีพยานลงนามในพิธีลงนาม
MOU ระหว่างผู้ประกอบการไทย-จีน ซึ่งได้มีการลงนาม MOU
จำนวน ๓ ฉบับ
เป็นการตกลงสั่งซื้อสินค้าแป้งมันสำปะหลังสตาร์ชที่ผลิตได้จากหัวมันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์กาแฟจากประเทศไทย
คิดเป็นมูลค่ารวม ๕,๐๗๗.๕๐ ล้านบาท
เพื่อรองรับผลผลิตของเกษตรกร
ผลักดันราคาหัวมันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์กาแฟในประเทศไทย และได้หารือกับภาคเอกชนไทยที่ดำเนินธุรกิจในจีน
โดยหารือกับเจ้าของร้านอาหารไทยคุ้มจันทร์เจ้า (Thai SELECT)
ซึ่งร้านอาหารดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลที่จะผลักดัน
Soft Power ผ่านอาหารไทย
กระทรวงพาณิชย์ได้เสนอแนวทางการดำเนินงาน โดยจะจัดงาน
Top Thai Brands Kunming 2024-2025 เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการในกลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่มสินค้าสุขภาพและความงาม
ฯลฯ เข้าร่วมงานแสดงสินค้าในจีน รวมถึงพิจารณาให้ความร่วมมือกับห้างสรรพสินค้าในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดสินค้าไทย
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
196 | ร่างบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding) ด้านความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์และบริษัทไชน่า ปิโตรเคมิคอล คอร์ปอเรชั่น | พณ. | 26/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding) ด้านความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์และบริษัทไชน่า
ปิโตรเคมิคอล คอร์ปอเรชั่น และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านโอกาสทางการค้าและการลงทุนในประเทศไทยและจีนรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าสู่ตลาดของผลิตภัณฑ์หรือการขยายธุรกิจของบริษัทไชน่า
ปิโตรเคมิคอล คอร์ปอเรชั่น ในประเทศไทย การส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าไทยในสถานีบริการน้ำมันบริษัทไชน่า
ปิโตรเคมิคอล คอร์ปอเรชั่น การสนับสนุนการจัดกิจกรรมส่งเสริมธุรกิจต่าง ๆ เช่น
การสัมมนาการประชุม การจับคู่ธุรกิจ งานแสดงสินค้า การจัดคณะผู้แทนการค้า ฯลฯ
รวมทั้งแสวงหา ส่งเสริม และพัฒนาโอกาสในการสร้างความร่วมมือระหว่างกัน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ทั้งนี้
ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุด
(หนังสือสำนักงานอัยการสูงสุด ด่วนที่สุด ที่ อส ๐๐๐๖/๔๓๒๖ ลงวันที่ ๒๒ มีนาคม
๒๕๖๗) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรเร่งให้ข้อมูล/ความรู้เกี่ยวกับกฎระเบียบ
หลักเกณฑ์เงื่อนไข ขั้นตอนที่เกี่ยวกับการส่งออก และการจดทะเบียน เครื่องหมายการค้า/สิทธิบัตรซึ่งรวมถึงการบังคับใช้สิทธิและความคุ้มครอง
ตลอดจนให้คำปรึกษาแนะนำและให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการโดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เข้าร่วมโครงการฯ
ให้สามารถจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า/สิทธิบัตรในประเทศจีน ก่อนการเข้าไปทำการตลาด
เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะถูกละเมิดสิทธิ และควรดำเนินการติดตามความก้าวหน้าและประเมินผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจากการจัดทำบันทึกความเข้าใจฯ
ดังกล่าวเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
197 | การศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในกลุ่มประเทศแอฟริกา | นร. | 19/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่าโดยที่ได้เล็งเห็นถึงโอกาสในการขยายการค้าและการลงทุนของประเทศไทยไปยังกลุ่มประเทศแอฟริกา
เช่น สหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรีย สาธารณรัฐซิมบับเว เนื่องจากกลุ่มประเทศนี้มีศักยภาพทางเศรษฐกิจมีความมั่นคงทางการเมือง
และมีความพร้อมด้านทรัพยากรธรรมชาติเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะด้านพลังงานและด้านประมง
นอกจากนี้ ยังเป็นศูนย์กลางทางการค้าของทวีป
มีตลาดขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับสินค้าประเภทต่าง ๆ ของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปประสานงานกับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนและการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศไทยและกลุ่มประเทศแอฟริกา
ให้เสร็จโดยเร็ว แล้วรายงานผลให้นายกรัฐมนตรีทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
198 | มาตรการในการให้เอกชนสามารถทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง (Direct Power Purchase Agreement: Direct PPA) | นร. | 19/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐอเมริกาและคณะ
ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๖๗
ซึ่งฝ่ายสหรัฐอเมริกาได้แสดงความสนใจในการเพิ่มพูนการค้าและการลงทุนในประเทศไทยให้มากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน
ซึ่งสอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาด้านพลังงานของประเทศ
และฝ่ายไทยได้ตอบรับไว้แล้วว่าจะพิจารณากำหนดมาตรการในการอนุญาตและส่งเสริมให้เอกชนสามารถทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้ากับผู้ผลิตพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทนได้โดยตรง
(Direct
Power Purchase Agreement : Direct PPA) ให้ชัดเจนก่อนสิ้นปี
๒๕๖๗ ดังนั้น
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงพลังงานรับเรื่องนี้ไปดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
แล้วนำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
199 | การแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศและฝุ่นละออง PM2.5 ที่เกิดจากการเผา | นร. | 19/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗)
มอบหมายให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับแนวทางเพิ่มเติมในเรื่องต่าง ๆ
ไปพิจารณาดำเนินการแก้ไขและบรรเทาปัญหามลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งการตัดสิทธิในการรับความช่วยเหลือจากรัฐ
ที่ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อกำหนดมาตรการลดหรือห้ามนำเข้าสินค้าเกษตรจากประทศเพื่อนบ้านที่พิสูจน์ได้ว่ามีกระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับการเผา
นั้น โดยที่ปัจจุบันประเทศไทยยังคงได้รับผลกระทบข้ามแดนจากการเผาแปลงเพาะปลูกข้าวโพดในประเทศเพื่อนบ้านเป็นอย่างมาก
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องและรวดเร็ว
รวมทั้งไม่ให้ขัดต่อข้อตกลงขององค์การการค้าโลก (WTO) เพื่อลดปัญหามลพิษทางอากาศที่จะเกิดขึ้นต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
200 | การส่งเสริมการส่งออกเนื้อโคและผลิตภัณฑ์อื่นที่เกี่ยวข้องไปยังต่างประเทศ | นร. | 19/03/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้การส่งออกเนื้อโคและผลิตภัณฑ์อื่นที่เกี่ยวข้องไปยังต่างประเทศมีคุณภาพ
มาตรฐาน
เป็นที่ยอมรับของประเทศผู้สั่งซื้อและสามารถจะขยายตลาดการส่งออกให้เพิ่มมากขึ้น
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมปศุสัตว์) กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับ ดูแล
และติดตามการดำเนินการต่าง ๆ ในความรับผิดชอบให้ถูกต้อง เหมาะสม
รวมทั้งการควบคุมคุณภาพของวัคซีนที่ใช้ป้องกันโรคสำหรับโคให้เป็นไปตามมาตรฐานสุขอนามัย
เพื่อให้สามารถป้องกันโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการกำกับ ดูแล
การส่งออกเนื้อโคและผลิตภัณฑ์อื่นที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโรคด้วย
|