ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 20 จากทั้งหมด 334 หน้า แสดงรายการที่ 381 - 400 จากข้อมูลทั้งหมด 6665 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
381 | การกำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ 3 กลุ่มสาขาอาชีพ 16 สาขา | รง. | 10/05/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง
อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ (ฉบับที่ ๑๑) ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
ซึ่งได้กำหนดค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน ๓ กลุ่มสาขาอาชีพ ๑๖ สาขา เช่น
สาขาช่างติดตั้งยิปซัม สาขาช่างเครื่องประดับ (รูปพรรณ) สาขาประกอบขนมอบ
สาขาการดูแลผู้สูงอายุ เป็นต้น ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีผลใช้บังคับต่อไป
โดยให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ ที่เห็นควรมีการพัฒนามาตรฐานฝีมือแรงงานให้ตรงตามความต้องการของตลาดมีการกำหนดมาตรฐานการอบรมให้ความรู้ที่เข็มข้น
มีการทดสอบฝีมือแรงงานที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อให้แรงงานได้รับค่าจ้างในอัตราที่เหมาะสมและเสมอภาค
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
382 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา | พณ. | 10/05/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
ซึ่งได้ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
โดยได้ดำเนินการพิจารณาแนวทางปฏิบัติเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพัฒนาระบบฐานข้อมูลลิขสิทธิ์
การประชาสัมพันธ์ การสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับลิขสิทธิ์
การศึกษาแนวทางการให้ความคุ้มครองสิทธิของนักแสดง
การกำหนดแนวทางการดำเนินคดีเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์
โดยมีการตรวจสอบเอกสารหลักฐานอย่างเคร่งครัด และได้ส่งเสริมให้เจ้าของลิขสิทธิ์เลือกใช้มาตรการทางเทคโนโลยีที่ไม่เป็นการปิดกั้นการใช้เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการ
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
383 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ครั้งที่ 1/2565 | นร.11 สศช | 10/05/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ
(กบส.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๕ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติ กบส. ครั้งที่
๑/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๕ และรายงานให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อนำเสนอ กบส. ตามขั้นตอนต่อไป
สรุปได้ ดังนี้ (๑) ความก้าวหน้าระบบโลจิสติกส์ของไทย เช่น การพัฒนาระบบ National Single Window ซึ่งสามารถเชื่อมโยงหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าแบบอิเล็กทรอนิกส์กับสมาชิกอาเซียนได้ทุกประเทศ
(๒) ความก้าวหน้าการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเปิดให้บริการรถไฟสายจีนและ
สปป.ลาว เช่น การบริหารจัดการการใช้ทางรถไฟและสะพานมิตรภาพไทย-ลาว
การก่อสร้างสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ (๓)
แนวทางการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟในการขนส่งสินค้า ซึ่ง กบส.
เห็นชอบในหลักการข้อเสนอการเปิดให้เอกชนดำเนินการขนส่งซึ่งไม่ใช่สินค้าของตนเองทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับ
เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งทางรถไฟมากขึ้น (๔) การชะลอการบังคับให้เรือชายฝั่งที่รับตู้สินค้าขาเข้าที่ท่าเรือแหลมฉบังดำเนินการบรรทุกตู้สินค้าลงเรือที่ท่าเทียบเรือชายฝั่ง
(ท่าเทียบเรือ A) กบส. มีมติมอบหมายให้กระทรวงคมนาคม และการท่าเรือแห่งประเทศไทย
ทบทวนการขออนุญาตตามประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย ให้มีความชัดเจนและเหมาะสม ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศเสนอ
และให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้ที่ประชุมร่วมไตรภาคี
ไทย-ลาว-จีน เร่งรัดเจรจาให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนในการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม
๒๕๔๒ เรื่อง ผลกระทบจากการก่อสร้างถนนเลียบแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย บริเวณอำเภอเบตง
จังหวัดยะลา และวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๔๘ เรื่อง
การระงับการก่อสร้างถนนบริเวณจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม จังหวัดสุรินทร์
อย่างเคร่งครัด
เร่งรัดการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถอำนวยความสะดวกในด้านการขนส่งและโลจิสติกส์
รองรับประมาณการนำเข้า ส่งออกสินค้าและการเดินทางจากการเปิดให้บริการรถไฟสายจีน
และ สปป. ลาว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
384 | การเข้าร่วมโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2563/64 ของเกษตรกรที่มีวันเพาะปลูกก่อน 1 เมษายน 2563 และเก็บเกี่ยวหลังวันที่ 1 ธันวาคม 2563 (เพิ่มเติม) | พณ. | 10/05/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบรับทราบความคืบหน้าผลการดำเนินการโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังและมาตรการคู่ขนาน
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒.
เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๔ (เรื่อง
โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง และมาตรการคู่ขนาน)
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ เดิม
“เห็นชอบการให้สิทธิเกษตรกรกลุ่มที่แจ้งปลูกตั้งแต่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒-๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓
และมีช่วงเก็บเกี่ยวตั้งแต่ ๘-๑๒ เดือน
รวมทั้งยังไม่เคยได้รับสิทธิในโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี
๒๕๖๒/๖๓ จำนวนเกษตรกรรวมทั้งสิ้น ๘๔,๑๘๖ ครัวเรือน พื้นที่ ๘๕๖,๕๗๘ ไร่
เข้าร่วมโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี ๒๕๖๓/๖๔ โดยได้รับการชดเชยส่วนต่างตามรอบระยะเวลาที่แจ้งเก็บเกี่ยวกับกรมส่งเสริมการเกษตร
ภายใต้กรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้เมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๓”
(ตามหนังสือกระทรวงพาณิชย์ ด่วนที่สุดที่ พณ ๐๔๐๔/๔๑๑๙ ลงวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๔
หน้า ๕ ข้อ ๕.๔) เป็น
“เห็นชอบการให้สิทธิเกษตรกรกลุ่มที่แจ้งปลูกตั้งแต่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒-๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓
และมีช่วงเก็บเกี่ยวตั้งแต่ ๘-๑๒ เดือน และไม่ซ้ำแปลง จำนวน ๒๐๔,๓๓๔ ครัวเรือน (เดิมจำนวน
๘๔,๑๘๖ ครัวเรือน และเพิ่มเติมอีกจำนวน ๑๒๐,๑๔๘ ครัวเรือน) ตามที่กรมส่งเสริมการเกษตรได้มีการตรวจสอบสิทธิแล้ว
เข้าร่วมโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี ๒๕๖๓/๖๔ ภายใต้กรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้เมื่อวันที่
๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๓
โดยให้กรมส่งเสริมการเกษตรและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรตรวจสอบคุณสมบัติเกษตรกรก่อนการเบิกจ่ายตามหลักเกณฑ์โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง
ปี ๒๕๖๓/๖๔” ๓.
ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ควรสอบทานการจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างให้แก่กลุ่มเกษตรกรอย่างถูกต้องเหมาะสม
โดยใช้กลไกการตรวจสอบแบบเดียวกับหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการที่ผ่านมา ควรกำหนดมาตรการตรวจสอบย้อนกลับที่มาของมันสำปะหลังในพื้นที่ผิดกฎหมายหรือการลักลอบนำเข้ามาสวมสิทธิ์จากชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
385 | ผลการพิจารณารายงานผลการพิจารณาศึกษาญัตติ เรื่อง การปรับปรุงแบบฟอร์มการจดทะเบียนในหนังสือบริคณห์สนธิ ของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา สภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 03/05/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานผลการพิจารณาศึกษาญัตติ เรื่อง
การปรับปรุงแบบฟอร์มการจดทะเบียนในหนังสือบริคณห์สนธิ
ของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา สภาผู้แทนราษฎร
สรุปผลการพิจารณาได้ว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้จัดทำแบบฟอร์มวัตถุประสงค์สำเร็จรูปในการจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการที่ขอจดทะเบียนโดยสามารถเลือกใช้แบบฟอร์มที่มีรายละเอียดวัตถุประสงค์ตรงกับกิจการของนิติบุคคล
ผลักดันให้มีการใช้ระบบการจดทะเบียนนิติบุคคลผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) เพื่อเป็นการลดใช้กระดาษในการทำนิติกรรมต่าง
ๆ ให้น้อยลง (Paperless) และแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายตั้งแต่ปี
พ.ศ. ๒๕๖๑
เพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจและปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
386 | ขอความเห็นชอบท่าทีไทยสำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ไทย - ภูฏาน ครั้งที่ 4 และกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | พณ. | 26/04/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบท่าทีไทยสำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า
(Joint Trade Committee : JTC) ไทย-ภูฏาน ครั้งที่ ๔
และกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นระหว่างวันที่
๒๖-๒๙ เมษายน ๒๕๖๕ ณ จังหวัดภูเก็ต
เพื่อให้ผู้แทนไทยซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนเป็นประธานฝ่ายไทยใช้หารือกับฝ่ายภูฏาน
โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันพิจารณาและเสนอประเด็นที่ฝ่ายไทยประสงค์จะผลักดันต่อเนื่องจากการประชุม
JTC ไทย-ภูฏาน ครั้งที่ ๓ เช่น ความร่วมมือการค้าและการลงทุน
การส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวระหว่างกัน การพัฒนาระบบ e-Commerce และการพัฒนาและส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางขนาดย่อมและรายย่อย (MSMEs)
ทั้งนี้
หากในการประชุมดังกล่าวมีผลให้มีการตกลงเรื่องความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าในประเด็นอื่น
ๆ
อันจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างไทยกับภูฏาน
ขอให้ผู้แทนไทยสามารถดำเนินการได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในประเด็นเกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๗๘ หรือไม่ และหากในการประชุมดังกล่าวมีผลให้มีการตกลงเรื่องความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าในประเด็นอื่น
ๆ นอกเหนือจากกิจกรรมที่เสนอ
อันจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างไทยกับภูฏาน
เห็นควรให้ผู้แทนไทยสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง
รวมทั้งควรติดตามประเมินความก้าวหน้าความร่วมมือ ตลอดจนปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
387 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราไปรษณียากรและค่าธรรมเนียมอื่น พ.ศ. .... | ดศ. | 26/04/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราไปรษณียากรและค่าธรรมเนียมอื่น
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับอัตราไปรษณียากรสำหรับบริการไปรษณียภัณฑ์ในประเทศใหม่
ให้สอดคล้องกับกิจการไปรษณีย์ในปัจจุบัน และเพื่อมิให้เกิดการขาดทุนสะสมเพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่เห็นว่า การกำหนดให้กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับย้อนหลังไม่สามารถทำได้
และการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขกรณีส่วนลดสำหรับไปรษณียภัณฑ์เป็นการมอบอำนาจช่วงไม่อาจทำได้
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ.ร.
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่า บริษัท ไปรษณีย์ไทย
จำกัด ควรยกระดับคุณภาพการให้บริการ
โดยอาจนำเทคโนโลยีหรือรูปแบบการบริการอื่นมาสนับสนุน และประชาสัมพันธ์การปรับอัตราค่าบริการขั้นสูงสุดและยังคงมีส่วนลดค่าบริการให้แก่ลูกค้า
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ รวมทั้งให้รับความเห็นของรองนายกรัฐมนตรี (นายจุรินทร์
ลักษณวิศิษฏ์) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอขอให้ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
ลดอัตราค่าบริการฝากส่งสิ่งของ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย
ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และเกษตรกร ไปพิจารณาตามความจำเป็นและเหมาะสมด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
388 | ท่าทีไทยสำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ไทย - เวียดนาม ครั้งที่ 4 | พณ. | 19/04/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑
เห็นชอบท่าทีไทยสำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint
Trade Committee : JTC) ไทย-เวียดนาม ครั้งที่ ๔
ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมดังกล่าว ในระหว่างวันที่ ๑๙-๒๐ เมษายน ๒๕๖๕
ณ กรุงเทพมหานคร
โดยหน่วยงานภาครัฐและเอกชนไทยที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันพิจารณาและเสนอประเด็นที่ประสงค์จะผลักดันในการประชุมดังกล่าว
โดยมีประเด็นที่สำคัญ เช่น
การหารือแนวทางการเพิ่มปริมาณการค้าระหว่างกันเพื่อให้การค้าสองฝ่ายบรรลุเป้าหมาย
๒๕,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี ๒๕๖๘
แนวทางการอำนวยความสะดวกนำเข้า-ส่งออกสินค้าเกษตร
การพัฒนาความร่วมมือในสินค้าเกษตรที่มีศักยภาพร่วมกัน แนวทางการพัฒนาความเชื่อมโยงของการขนส่งระหว่างสองประเทศ
และแนวทางการขยายความร่วมมือด้านแรงงาน ๑.๒ หากในการประชุมดังกล่าว
มีผลให้มีการตกลงเรื่องความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าในประเด็นอื่น ๆ
อันจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าสองฝ่ายระหว่างไทยกับเวียดนาม
โดยไม่มีการจัดทำเป็นความตกลงหรือหนังสือสัญญาขึ้นมา
ขอให้กระทรวงพาณิชย์และผู้แทนไทยที่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
389 | แผนการใช้จ่ายเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศปีงบประมาณ 2565 (แผนปฏิบัติการประจำปี 2565) | พณ. | 12/04/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนการใช้จ่ายเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศปีงบประมาณ
๒๕๖๕ (แผนปฏิบัติการประจำปี ๒๕๖๕) ซึ่งคณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศมีมติเมื่อวันที่
๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔ อนุมัติแผนปฏิบัติการระยะยาว กองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศประจำปี
๒๕๖๕-๒๕๖๙ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการดำเนินโครงการและกิจกรรมเพื่อการพัฒนาและส่งเสริมการผลิตและส่งออกสินค้าให้กับผู้ผลิต
ผู้ส่งออก ตลอดจนผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กในภูมิภาค วิสาหกิจชุมชน
เกษตรกร และผู้ประกอบธุรกิจรุ่นใหม่ และมีมติเมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๕ อนุมัติปรับแผนการใช้จ่ายเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศประจำปี ๒๕๖๕ ประกอบด้วยโครงการของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
รวม ๙ หน่วยงาน จำนวน ๒๒๙ โครงการ วงเงิน ๕๒๖,๐๒๓,๖๘๐ บาท
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
390 | ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ครั้งที่ 1 (นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม) | พณ. | 12/04/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นายอรมน
ทรัพย์ทวีธรรม ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
ซึ่งดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบ ๔ ปี ในวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ ต่อไปอีก ๑ ปี
(ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ ถึงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
391 | ร่างยุทธศาสตร์ด้านมาตรฐานทางจริยธรรมและการส่งเสริมจริยธรรมภาครัฐ พ.ศ. 2565 - 2570 | นร.10 | 05/04/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบร่างยุทธศาสตร์ด้านมาตรฐานทางจริยธรรมและการส่งเสริมจริยธรรมภาครัฐ พ.ศ.
๒๕๖๕-๒๕๗๐ ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อเป็นกรอบและกลไกในการขับเคลื่อนการดำเนินการรักษาจริยธรรมและส่งเสริมพัฒนาจริยธรรมให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ
และให้หน่วยงานของรัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้มีการจัดทำแผนงาน
มาตรการ เพื่อส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ของรัฐรักษาจริยธรรมตามมาตรฐานทางจริยธรรม
ประมวลจริยธรรม และข้อกำหนดจริยธรรม ซึ่งร่างยุทธศาสตร์ฯ
ได้ผ่านความเห็นชอบจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรมแล้ว
ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
392 | การแต่งตั้งคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (1. นายวิชัย โภชนกิจ ฯลฯ จำนวน 7 ตน) | พณ. | 05/04/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการ
รองประธานกรรมการ และกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า รวม ๗ คน
เนื่องจากประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการอื่นเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๕ เมษายน ๒๕๖๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
ดังนี้ ๑.
นายวิชัย โภชนกิจ ประธานกรรมการ ๒.
นายศรายุทธ ยิ้มยวน รองประธานกรรมการ ๓.
นายมงคล เหล่าวรพงศ์ กรรมการ ๔.
รองศาสตราจารย์อัศม์เดช วานิชชินชัย กรรมการ ๕.
นายสกล กิตติ์นิธิ กรรมการ ๖.
นายคมฤทธิ์ กวินอัครฐิติ กรรมการ
๗.
นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ กรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
393 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การส่งปลาทะเลสวยงามที่มีชีวิตออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. 2549 พ.ศ. .... | พณ. | 22/03/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์
เรื่อง การส่งปลาทะเลสวยงามที่มีชีวิตออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๔๙ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์
เรื่อง การส่งปลาทะเลสวยงามที่มีชีวิตออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๔๙
เนื่องจากปัจจุบันได้มีประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เพื่อควบคุมการส่งออกปลาทะเลสวยงามที่มีชีวิตเป็นการเฉพาะแล้ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
394 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 1/2565 | นร.04 | 22/03/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและเห็นชอบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
(กตน.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๕ ผ่านระบบการประชุมทางไกล
และให้ส่วนราชการรับประเด็นและมติของที่ประชุมฯ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยผลการประชุมฯ ประกอบด้วย (๑) การขับเคลื่อนให้ปี
๒๕๖๕ เป็นปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน (๒) การขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาความยากจน
(๓) ประเด็นติดตามขับเคลื่อนของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
(การนำระบบตั๋วร่วมมาใช้ในการเชื่อมต่อการเดินทางของประชาชน
และการนำสายไฟ/สายสื่อสารลงดิน) และ (๔) รายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ และงบประมาณที่เกินกว่า
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป
ตามที่คณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒.
ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน
กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ข้อเสนอแนะของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และข้อสังเกตของธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น
ควรประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจแก่ประชาชนให้ทราบถึงจุดประสงค์ในการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
เน้นการพัฒนาคนอย่างยั่งยืนมากกว่าการให้ความช่วยเหลือ การจัดทำแผนการลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนแต่ละกลุ่มเป้าหมาย
ภายใต้สถานการณ์วิกฤติโควิด-๑๙ เร่งหาวิธีการเพื่อให้มีฐานข้อมูลคนเร่รอน
กลุ่มคนเปราะบาง และกลุ่มคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในฐานข้อมูล
ให้อยู่ในฐานข้อมูลเดียว ควรผลักดันแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
ประเด็นโครงสร้างพื้นฐาน เชื่อมไทย เชื่อมโลก ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
395 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ 46) พ.ศ. 2531 พ.ศ. .... (สินค้าหอยมุกและผลิตภัณฑ์) | พณ. | 22/03/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์
ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร
(ฉบับที่ ๔๖) พ.ศ. ๒๕๓๑ พ.ศ. .... (สินค้าหอยมุกและผลิตภัณฑ์)
มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์
ว่าด้วยการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๔๖) พ.ศ. ๒๕๓๑ เนื่องจากปัจจุบันได้มีประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เพื่อควบคุมการส่งออกหอยกาบน้ำจืด หอยมุกชนิดต่าง ๆ และผลิตภัณฑ์เป็นการเฉพาะแล้ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
396 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ รัฐเตลังคานา สาธารณรัฐอินเดีย (ฉบับปรับปรุง) | พณ. | 22/03/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
397 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมอุตสาหกรรมอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี | พณ. | 01/03/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑
เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมอุตสาหกรรมอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี
มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนระหว่างอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี
ในความร่วมมือทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมอุตสาหกรรม
โดยศูนย์นวัตกรรมอุตสาหกรรมอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี (ASEAN-Korea
Industrial Innovation Center : AKIIC) ที่จะจัดตั้งขึ้น
มีหน้าที่เสริมสร้างความร่วมมือด้านเทคโนโลยีระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนกับสาธารณรัฐเกาหลี
รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีส่งเสริมการเชื่อมโยงเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมและการนำเทคโนโลยีไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์
รวมทั้งการดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง อาทิ การจัดสัมมนา การประชุมเชิงปฏิบัติการต่าง
ๆ โดยรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีจะจัดสรรพื้นที่สำนักงานศูนย์ฯ รับผิดชอบค่าเช่าพื้นที่
ค่าดำเนินการศูนย์ฯ ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรศูนย์ฯ
และค่าใช้จ่ายในการวางแผนและดำเนินโครงการหรือกิจกรรมใด ๆ ภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๓
มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full
Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทน
ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๔
เห็นชอบผู้แทนจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติเป็นผู้แทนไทยเข้าร่วมเป็นกรรมการบริหารศูนย์นวัตกรรมอุตสาหกรรมอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ๒.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายพลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
398 | ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง อัตราค่าขึ้นบัญชีสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ทำหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถานประกอบการ หรือการตรวจสอบในกระบวนการพิจารณาอนุญาตยา พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง อัตราค่าใช้จ่ายสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้ยื่นคำขอในกระบวนการพิจารณาอนุญาตยา พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | สธ. | 01/03/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการ ๑.๑
ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง อัตราค่าขึ้นบัญชีสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้เชี่ยวชาญ
องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ที่ทำหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถานประกอบการ
หรือการตรวจสอบในกระบวนการพิจารณาอนุญาตยา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าขึ้นบัญชีสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้เชี่ยวชาญ
องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ที่ทำหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถานประกอบการ
หรือการตรวจสอบในกระบวนการพิจารณาอนุญาตยา ๑.๒
ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง
อัตราค่าใช้จ่ายสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้ยื่นคำขอในกระบวนการพิจารณาอนุญาตยา พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าใช้จ่ายสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้ยื่นคำขอในกระบวนการพิจารณาอนุญาตยา
รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่ควรพิจารณาถึงความคุ้มค่าของรายได้จากการดำเนินการภายหลังขึ้นบัญชีดังกล่าว
โดยเฉพาะหน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานในกำกับของรัฐ
เพื่อความเหมาะสมในการพิจารณากำหนดอัตราค่าขึ้นบัญชี
และควรแก้ไขถ้อยคำในบทอาศัยอำนาจให้ตรงตามบทอาศัยอำนาจที่แท้จริง ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม
รวมทั้งรับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดรายการและอัตราค่าใช้จ่ายสูงสุดต้องไม่ให้เป็นภาระแก่ผู้ประกอบการเกินสมควร
โดยกระทรวงสาธารณสุขควรพิจารณากำหนดอัตราค่าใช้จ่ายที่จะจัดเก็บจริงให้มีความเหมาะสมและไม่เป็นภาระแก่ผู้ประกอบการ
โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
399 | ขออนุมัติดำเนินการตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ปี 2564 - 2565 | พณ. | 22/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันปี
๒๕๖๔-๒๕๖๕ ภายในกรอบวงเงินงบประมาณ ๗,๖๖๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นและเป็นภาระงบประมาณให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามผลการดำเนินงานจริงตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
สำหรับค่าใช้จ่ายบริหารจัดการโครงการประกันรายได้ของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕
เห็นควรให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ หรือโอนงบประมาณรายจ่าย หรือโอนเงินจัดสรร
หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่าย
พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่เกิดขึ้นจริง ทั้งนี้
การดำเนินโครงการดังกล่าวมีผลทำให้รัฐต้องชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ของหน่วยงานของรัฐ
ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ เช่น
ควรตรวจสอบเกษตรกรผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการให้ได้รับเงินชดเชยตรงตามข้อเท็จจริงในพื้นที่
ควรกำหนดราคาประกันรายได้อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม
ควรกำหนดแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนในการปลูกปาล์มน้ำมัน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
400 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติหอการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา (วุฒิสภา) | สว. | 22/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติหอการค้า
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
ซึ่งได้ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
โดยได้ดำเนินการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านพาณิชย์เพื่อเพิ่มศักยภาพของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้แก่ผู้ประกอบการ
SMEs ไทยขยายสู่ตลาดต่างประเทศ
มีการจัดคณะผู้แทนการค้าระดับสูง (goodwill mission)
เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนกับประเทศเป้าหมาย
ซึ่งมีผู้แทนหอการค้าและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยร่วมเป็นองค์ประกอบ
การกำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้แก่ผู้บริจาคเงินช่วยเหลือโครงการและกิจกรรมเพื่อประโยชน์สาธารณะของหอการค้า
กระทรวงการคลังเห็นว่าอาจจะก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมกับการบริจาคกรณีอื่น ๆ
และการวางแผนและการจัดสรรงบประมาณ
หอการค้าจังหวัดสามารถมีส่วนร่วมในกระบวนการจัดทำแผน ผ่านกลไกคณะกรรมการบริหารงานกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ
และคณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอาจสนับสนุนและส่งเสริมความร่วมมือด้านต่าง
ๆ กับหอการค้าจังหวัด โดยการตั้งงบประมาณงบเงินอุดหนุนแก่หอการค้าจังหวัด
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|