ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 16 จากทั้งหมด 334 หน้า แสดงรายการที่ 301 - 320 จากข้อมูลทั้งหมด 6665 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
301 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้กาแฟเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตและมีหนังสือรับรองในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ. | 02/05/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง
กำหนดให้กาแฟเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตและมีหนังสือรับรองในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง
การส่งกาแฟออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑
เพื่อเป็นการสนับสนุนการส่งออกกาแฟคั่วที่ผลิตจากเมล็ดกาแฟไทยผสมกับเมล็ดกาแฟต่างประเทศ
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ โดยไม่ขัดข้องในหลักการต่อร่างประกาศฯ
หากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาแล้วเห็นว่าเหมาะสม
สอดคล้องกับนโยบายและผลประโยชน์ของไทย
สามารถปฏิบัติได้ภายใต้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายระเบียบข้อบังคับที่มีอยู่
ตลอดจนสอดคล้องกับพันธกรณีของไทยภายใต้ความตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งได้จัดสรรงบประมาณเพื่อการนี้ไว้แล้ว เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
302 | ขอความเห็นชอบและรับรองต่อเอกสารผลลัพธ์ในระดับรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน และคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน สำหรับการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 42 | พณ. | 02/05/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการพัฒนาระบบนิเวศสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าระดับภูมิภาค
และร่างภาคผนวกประกอบแผนการดำเนินงานสำหรับการเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนของติมอร์-เลสเต
ในส่วนของเสาประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
โดยร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการพัฒนาระบบนิเวศสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าระดับภูมิภาค
เป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพในภูมิภาค
เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดการปล่อยคาร์บอน
เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในภูมิภาค
ส่วนร่างภาคผนวกประกอบแผนการดำเนินงานสำหรับการเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนของติมอร์-เลสเต
ในส่วนของเสาประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
เป็นเอกสารที่กำหนดหลักเกณฑ์ในการดำเนินการเข้าเป็นภาคีตามความตกลงของเสาประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนก่อนการเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนอย่างสมบูรณ์
โดยติมอร์-เลสเต ต้องมีความพร้อมในการดำเนินการตามความตกลงและตราสารสำหรับเสาประชาคมเศรษฐกิจภายในร่างภาคผนวกรวม
๒๒๐ ฉบับ แบ่งออกเป็น ๓ ช่วง ได้แก่ ๑) ต้องมีความพร้อมในการเข้าร่วมทันที จำนวน
๖๖ ฉบับ ๒) ต้องเข้าร่วมภายใน ๒ ปี
หลังเป็นสมาชิกอาเซียน จำนวน ๔๘ ฉบับ และ ๓) ต้องเข้าร่วมภายใน ๕ ปี
หลังเข้าเป็นสมาชิกอาเซียน จำนวน ๑๐๖ ฉบับ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาผู้นำอาเซียนว่าด้วยการพัฒนาระบบนิเวศสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าระดับภูมิภาค
และร่างภาคผนวกประกอบแผนการดำเนินงานสำหรับการเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนของติมอร์-เลสเต
ในส่วนของเสาประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรประชาสัมพันธ์สาระสำคัญของร่างปฏิญญาฯ
รวมถึงแนวทางและมาตรการที่คณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะกำหนดขึ้นในอนาคตอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถปรับตัวและใช้ประโยชน์จากร่างปฏิญญา และมาตรการต่าง
ๆ ได้อย่างเหมาะสม เร่งศึกษาโอกาส ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
และแนวทางการเตรียมความพร้อมของไทย
เพื่อสนับสนุนให้เกิดการบูรณาการทางเศรษฐกิจภายใต้กรอบความร่วมมือของอาเซียนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะความตกลงที่ติมอร์-เลสเตจะเข้าร่วมทันทีเมื่อภาคยานุวัติเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนตามร่างภาคผนวกฯ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
303 | รายงานผลการเดินทางเยือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ. | 21/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเดินทางเยือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
(United Arab Emirates :
UAE) ของรองนายกรัฐมนตรี (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์
ระหว่างวันที่ ๖-๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ซึ่งมีประเด็นการหารือที่สำคัญ ได้แก่ (๑)
ไทยและ UAE เห็นพ้องที่จะจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างกัน
การส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างไทยและ UAE เช่น
การจัดตั้งกลไกสภาธุรกิจไทย-UAE และการเชิญชวนนักธุรกิจ UAE มาลงทุนในไทย (๒)รองนายกรัฐมนตรี (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ได้เป็นสักขีพยานในการลงนามสัญญาซื้อขายและความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนไทยและ UAE (๓) กิจกรรมอื่น เช่น การประชุมร่วมกับกลุ่มเศรษฐกิจของไทยใน UAE และ (๔) แนวทางการดำเนินงานในระยะต่อไป เช่น
การจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าระหว่างไทย-UAE ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
304 | โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมาตรการคู่ขนาน ปี 2565/66 และปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) | พณ. | 14/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงองค์ประกอบกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการในคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
และเห็นชอบหลักการโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี ๒๕๖๕/๖๖
กรอบวงเงินรวมทั้งสิ้น ๗๑๖,๑๐๐,๙๙๒ บาท หลักการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ปี ๒๕๖๕/๖๖ จำนวน ๑ โครงการ ได้แก่
โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร
ปี ๒๕๖๕/๖๖ กรอบวงเงินรวม ๓๐,๐๐๐,๐๐๐
บาท โดยมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาแหล่งเงินเพื่อดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
และมาตรการคู่ขนาน ปี ๒๕๖๕/๖๖ ตามความจำเป็นเหมาะสม
โดยต้องไม่เกินกรอบวงเงินตามมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ หรืองบกลาง หรือแหล่งเงินอื่น ๆ ตามความจำเป็นต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ
รวมทั้งข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรนำผลการดำเนินงานในอดีตมาประกอบการพิจารณาถึงความเหมาะสมและจำเป็นและขอรับการจัดสรรงบประมาณประจำปีตามขั้นตอนปกติ
พิจารณาแหล่งเงินในการดำเนินโครงการดังกล่าว ให้ทันต่อระยะเวลาโครงการที่กำหนดไว้
ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามผลการดำเนินงานตามจริง
และควรพิจารณากำหนดแนวทางการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการที่สะท้อนผลลัพธ์ของโครงการได้อย่างแท้จริง
เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการกำหนดนโยบาย หรือปรับปรุงเครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสมกับสถานการณ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในปัจจุบัน
ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภาคเอกชน เร่งรัดจัดทำระบบ
หรือกลไกตรวจสอบแหล่งที่มาของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ได้มาตรฐานและน่าเชื่อถือ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
305 | การประชุม Intergovernmental Negotiation Body และการประชุม Working Group on Amendments to the International Health Regulations (2005) | สธ. | 14/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบกรอบการเจรจา ท่าทีของการเจรจา และแนวทางของไทยสำหรับการประชุม Intergovernmental Negotiation Body (INB) และการประชุม
Working Group on Amendments to the International Health Regulations
(2005) มีสาระสำคัญ เช่น (๑) จะให้ความเห็นในเชิงหลักการและทางเทคนิค
โดยจะคำนึงถึงประเด็นที่สำคัญต่อไทย คำนึงถึงกฎหมายภายในประเทศ (๒)
เน้นย้ำหลักการของการดำเนินการด้านต่าง ๆ เช่น การสร้างความเสมอภาค
การสร้างเสริมสมรรถนะอย่างยั่งยืน และการแลกเปลี่ยนข้อมูล (๓)
เน้นย้ำการขับเคลื่อนระบบสนับสนุนทั้งด้านกลไกทางการเงินและด้านเทคนิคและเทคโนโลยี ๒.
อนุมัติให้คณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม Intergovernmental
Negotiation Body (INB) และการประชุม Working Group on
Amendments to the International Health Regulations (2005) ประกอบด้วย
(๑) กระทรวงสาธารณสุข (๒) กระทรวงการต่างประเทศ และ (๓) หน่วยงานอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานอัยการสูงสุด กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สถาบันวัคซีนแห่งชาติ เพื่อร่วมเจรจาอนุสัญญา
ข้อตกลง หรือตราสารระหว่างประเทศอื่น ๆ ขององค์การอนามัยโลก ด้านการป้องกัน
การเตรียมความพร้อม
การรับมือกับการระบาดและการฟื้นฟูระบบสุขภาพภายหลังการระบาดของโรค
ตลอดจนการเจรจาปรับแก้กฎอนามัยระหว่างประเทศ ๒๐๐๕ โดยให้ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข
เป็นหัวหน้าคณะ
โดยไม่ต้องมีการเสนอองค์ประกอบคณะผู้แทนของฝ่ายไทยให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเป็นรายกรณี ๓.
อนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมพิจารณาหารือกับหน่วยงานอื่น
ๆ ที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการโดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีอีก
ในกรณีที่มีการปรับเปลี่ยนกรอบการเจรจาดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือขัดผลประโยชน์ของไทย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
306 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางมนัสนิตย์ จิรวัฒน์) | พณ. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางมนัสนิตย์ จิรวัฒน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการพาณิชย์
(นักวิชาการพาณิชย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่
๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
307 | ขอขยายเวลาดำเนินโครงการและการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โครงการพาณิชย์...ลดราคา! ช่วยประชาชน ปี 2565 และโครงการพาณิชย์...ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย | พณ. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการพาณิชย์...ลดราคา! ช่วยประชาชน ปี ๒๕๖๕
สำหรับการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
สำหรับดำเนินโครงการดังกล่าวไปจนถึงเดือนเมษายน ๒๕๖๖
เห็นควรดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการขอกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี
ตามที่กระทรวงการคลังกำพหนด โดยให้กระทรวงพาณิชย์ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
รวมทั้งรวบรวม ประมวลผล และประเมินความสำเร็จของโครงการ ปัญหาและอุปสรรค
ตลอดจนข้อเสนอแนะต่อการดำเนินโครงการลักษณะดังกล่าวข้างต้น
เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบเมื่อสิ้นสุดโครงการด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงพาณิชย์ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ในการขอกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีตามที่กระทรวงการคลังกำหนด
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
308 | ร่างแผนพัฒนาระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) สำหรับสาขาความร่วมมือเศรษฐกิจข้ามพรมแดน ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง | พณ. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแผนพัฒนาระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) สำหรับสาขาความร่วมมือเศรษฐกิจข้ามพรมแดน
ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง และอนุมัติให้อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองร่างแผนพัฒนาระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) สำหรับสาขาความร่วมมือเศรษฐกิจข้ามพรมแดนภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง
มีสาระสำคัญเพื่อมุ่งเน้นการเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน โลจิสติกส์
และดิจิทัลข้ามพรมแดน
การพัฒนายุทธศาสตร์ความร่วมมือและส่งเสริมการอำนวยความสะดวกการค้าและการลงทุน รวมทั้งการพัฒนาที่ยั่งยืนระหว่างประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างแผนพัฒนาระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) สำหรับสาขาความร่วมมือเศรษฐกิจข้ามพรมแดน
ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
ทั้งนี้ หากมีแผนในลักษณะเดียวกันนี้เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีในคราวถัดเห็นควรไปให้กระทรวงพาณิชย์นำเสนอสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เพื่อพิจารณากลั่นกรองตามขั้นตอนและกระบวนการตามนัยของมติคณะรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
309 | ร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 พ.ศ. .... รวม 4 ฉบับ | กค. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการ ๑.๑
ร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๒
ร่างพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๓
ร่างพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔
ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.
๒๕๖๑ พ.ศ. .... รวม ๔ ฉบับ
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.
๒๕๓๕ พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. ๒๕๔๖
พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. ๒๕๕๐ และพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อรองรับการนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้ในการทำธุรกรรมต่าง ๆ
ในตลาดทุน สร้างความชัดเจนในการกำกับดูแล และเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย
เช่น เพิ่มบทบัญญัติเพื่อรองรับกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ในตลาดทุน
แก้ไขเพิ่มเติมการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าให้มีความสอดคล้องกันและเป็นไปตามมาตรฐานสากล
เพิ่มมาตรการคุ้มครองพยานในชั้นตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานเจ้าหน้าที่
และเพิ่มบทบัญญัติให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
เป็นพนักงานสอบสวนและมีอำนาจสอบสวนในความผิดบางประเภท เป็นต้น ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติ
รวม ๔ ฉบับดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงพาณิชย์ สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย
และสำนักงานอัยการสูงสุด เช่น
การกำหนดบทบัญญัติให้นำบทกำหนดโทษของบทบัญญัติในกฎหมายฉบับเดียวกันหรือฉบับอื่นมาใช้บังคับโดยอนุโลม
ซึ่งกำหนดไว้ในมาตรา ๑๙ มาตรา ๓๒ มาตรา ๕๗ มาตรา ๕๙ และมาตรา ๖๐
แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ควรกำหนดให้ชัดเจนว่าจะนำบทกำหนดโทษตามมาตราใดหรือหมวดใดมาใช้บังคับโดยอนุโลม
เพื่อความชัดเจนในบทบัญญัติเรื่องการกำหนดโทษ
การบัญญัติข้อห้ามหรือข้อจำกัดในการดำเนินการของผู้ประกอบธุรกิจตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
เช่น
กำหนดห้ามมิให้ศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ลดทุนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
เป็นต้น ทั้งนี้ หากพระราชบัญญัติทั้ง ๔ ฉบับ
มีผลบังคับใช้แล้วอาจต้องมีการประสานงานเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการร่วมกันต่อไป
ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ..
๒๕๖๑ มาตรา ๕๖/๖ วรรคสอง “การสอบสวนที่กระทำโดยพนักงานสอบสวนที่ไม่มีอำนาจสอบสวน
แต่เมื่อได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปให้พนักงานเจ้าหน้าที่รับผิดชอบในการสืบสวนและสอบสวน
ทำการสอบสวนอีกครั้งหนึ่ง ถือว่าการสอบสวนดังกล่าวกระทำโดยพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบแล้ว”
การใช้บริการหรือเข้าถึงข้อมูลของผู้ที่เกี่ยวข้องดังกล่าว
จึงอาจพิจารณากำหนดให้การดำเนินการในรูปแบบหรือช่องทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นทางเลือกหนึ่งที่สามารถใช้ได้ตามความสะดวกและความพร้อมของผู้ที่เกี่ยวข้องนอกเหนือจากกระบวนการปกติ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
310 | ผลการสรรหากรรมการในคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (1. นายไมตรี สุเทพากุล ฯลฯ จำนวน 4 คน) | สขค | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายชื่อผู้ที่ได้รับคัดเลือกเป็นกรรมการในคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า
จำนวน ๔ คน ตามที่คณะกรรมการสรรหาได้คัดเลือกแล้ว
เนื่องจากกรรมการเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑. นายไมตรี สุเทพากุล ๒. นายสมชาติ สร้อยทอง ๓. พ.ต.อ. ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
311 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ทรายเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ. | 31/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์
เรื่อง กำหนดให้ทรายเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทรายตามพิกัดศุลกากรประเภท ๒๕.๐๕
เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร
(ทรายธรรมชาติทุกชนิดจะแต่งสีหรือไม่ก็ตาม ยกเว้นทรายที่มีโลหะปน) ได้แก่ ๑) ทรายซิลิกาและทรายควอร์ตซ์
และ ๒) ทรายอื่น ๆ ยกเว้นกรณีส่งออกเป็นตัวอย่างหรือศึกษาวิจัย
หรือกรณีนำติดตัวออกไป เพื่อใช้เฉพาะตัวในปริมาณไม่เกิน ๒ กิโลกรัม
หรือกรณียานพาหนะนำออกไปเพื่อใช้ในยานพาหนะนั้น ๆ ให้ปริมาณเป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง
เช่น เอาไว้ถ่วงสมดุลเรือและการป้องกันอัคคีภัยในเรือ
ตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล ค.ศ. ๑๙๗๔
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม ที่ควรจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาลเป็นไปเพื่อประโยชน์ของรัฐและประชานเป็นสำคัญ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
312 | ขออนุมัติเป็นหลักการให้จ่ายเงินสนับสนุนด้านงบประมาณในการดำเนินกิจกรรมของสถาบันวิจัยเศรษฐกิจเพื่ออาเซียนและเอเชียตะวันออก (Economic Research lnstitute for ASEAN and East Asia : ERIA) | พณ. | 31/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการสนับสนุนด้านงบประมาณในการดำเนินกิจกรรมของสถาบันวิจัยเศรษฐกิจเพื่ออาเซียนและเอเชียตะวันออก
(Economic Research lnstitute for ASEAN and East
Asia : ERIA) สำหรับปี
๒๕๖๔-๒๕๖๙ จำนวน ๖๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ โดยให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
โดยคำนึงถึงความประหยัดและประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น เห็นควรให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาความเหมาะสมของการใช้จ่ายงบประมาณ
โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ ดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด และเน้นย้ำให้สถาบัน ERIA เผยแพร่การศึกษาค้นคว้าและวิจัยให้ทุกภาคส่วนได้รับทราบเพื่อเป็นสาธารณประโยชน์
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
313 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ | กษ. | 31/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์
จากเดิมสิ้นสุดปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นสิ้นสุดปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
ตามปริมาณงานที่ยังเหลือ และตามมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมการข้าว)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรพัฒนาช่องทางการขายข้าวอินทรีย์ เช่น การค้าออนไลน์
เพื่อให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้โดยตรง
ตลอดจนพัฒนาการตลาดและการแปรรูปผลิตภัณฑ์ข้าวอินทรีย์ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคทุกช่วงวัย
ให้ความสำคัญกับการควบคุมและกำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย
ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ควรให้มีการกำกับติดตามประเมินผลความสำเร็จการดำเนินงานของโครงการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
โปร่งใส
บรรลุวัตถุประสงค์ตามเป้าหมายเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกรอย่างนั่งยืนและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทาง/มาตรการในการดำเนินการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากข้าวอินทรีย์ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคทุกช่วงวัยทั้งในและต่างประเทศ
รวมทั้งพัฒนาช่องทางการตลาดของข้าวอินทรีย์และผลิตภัณฑ์จากข้าวอินทรีย์ให้ขยายเพิ่มมากขึ้น
เพื่อเป็นการส่งเสริมศักยภาพของข้าวอินทรีย์และผลิตภัณฑ์ข้าวอินทรีย์และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเกษตรกรด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
314 | รายชื่อผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาของส่วนราชการ (จำนวน 15 ราย) | นร.05 | 24/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายชื่อผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาของส่วนราชการ
จำนวน ๑๕ ราย ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. พลเอก นุชิต ศรีบุญส่ง รองปลัดกระทรวงกลาโหม ๒. นางวรนุช ภู่อิ่ม รองปลัดกระทรวงการคลัง ๓. นายอภัย
สุทธิสังข์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๔. นายวันชัย
วราวิทย์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ๕. นายสมคิด
จันทมฤก รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ๖. นางโชติกา
อัครกิจโสภากุล รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ๗. นายทวีศิลป์
วิษณุโยธิน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ๘.
นายกิตติศักดิ์ จุลสำรวล กรรมการร่างกฎหมายประจำ
นักกฎหมายกฤษฎีกาทรงคุณวุฒิ ๙. นายประเสริฐ
ศิรินภาพร รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ๑๐. นางสุพร
ตรีนรินทร์ ที่ปรึกษาด้านการประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอัน เนื่องมาจากพระราชดำริ ๑๑. พลตำรวจโท
กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ผู้บัญชาการประจำ
สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ๑๒. นายเทพสุ
บวรโชติดารา รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ๑๓. นายพุฒิพงษ์
เลิศสถิตย์ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ๑๔. นายทศพร
แย้มวงษ์ รองเลขาธิการวุฒิสภา ๑๕. พลตรี ธีรวุฒิ วิทยากรณ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
315 | ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ครั้งที่ 2 (นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม) | พณ. | 24/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์ ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๒) ตั้งแต่วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
ถึงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
316 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ไม้ท่อนและไม้แปรรูปเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องมีหนังสือรับรอง และให้สิ่งประดิษฐ์ของไม้เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรอง ในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ. | 17/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์
เรื่อง กำหนดให้ไม้ท่อนและไม้แปรรูปเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องมีหนังสือรับรอง
และให้สิ่งประดิษฐ์ของไม้เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรอง
ในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรการในการนำเข้าไม้ท่อนและไม้แปรรูปตามบัญชีท้ายร่างประกาศฯ
รวมทั้งสิ่งประดิษฐ์จากไม้ดังกล่าวผ่านด่านศุลกากรในเขตจังหวัดกาญจนบุรี
จังหวัดตาก และจังหวัดแม่ฮ่องสอน
และยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๙๒)
พ.ศ. ๒๕๓๕ และประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่องการนำไม้และไม้แปรรูป
รวมทั้งสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้ หรือสิ่งอื่นใดที่ทำด้วยไม้เข้ามาในราชอาณาจักร
ตามแนวชายแดนจังหวัดตาก และจังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. ๒๕๔๘ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการตรวจร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นควรขอความอนุเคราะห์กรมการค้าต่างประเทศจัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กรมป่าไม้และกรมศุลกากร เพื่อพิจารณากำหนดรหัสสถิติใหม่โดยหลักเกณฑ์การกำหนดรหัสสถิติสินค้าที่ต้องมีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของสินค้านั้น
ๆ ว่ายังคงมีการค้าอยู่ในปัจจุบันหรือไม่มากน้อยเพียงใด และมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการอ้างบทอาศัยอำนาจในร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ
เห็นสมควรอ้างถึงเพียงมาตรา ๕(๑) และ (๕) แห่งพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าฯ
และตัดการอ้างถึงมาตรา ๕ (๖) ออก
เนื่องจากมิได้เป็นการกำหนดมาตรการอื่นใดเพื่อประโยชน์ในการจัดระเบียบในการนำเข้า
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
317 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ไม้พะยูงเป็นสินค้าที่ต้องห้าม ให้ไม้ท่อน ไม้แปรรูป และไม้ล้อมบางชนิด เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต และให้สิ่งประดิษฐ์ของไม้และถ่านไม้เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรอง ในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ. | 17/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง
กำหนดให้ไม้พะยูงเป็นสินค้าที่ต้องห้าม ให้ไม้ท่อน ไม้แปรรูป
และไม้ล้อมบางชนิด เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต และให้สิ่งประดิษฐ์ของไม้และถ่านไม้เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรอง
ในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรการการส่งออกโดยกำหนดให้
๑) ไม้ท่อน (ไม้ฟืน ไม้เสาเข็ม และไม่เสารั้ว) ไม้แปรรูป (ไม้ซีก ไม้หมอนรถไฟหรือรถราง
และไม้ปาร์เกต์) และไม้ล้อมบางชนิด (ต้นจำปีป่า ต้นประดู่ และต้นจันทร์หอม)
เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต ๒) สิ่งประดิษฐ์ของไม้ (ตู้ เตียง เก้าอี้)
และถ่านไม้เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรอง ๓) ให้ไม้พะยูง (ไม้พะยูงท่อน
ไม้พะยูงแปรรูป ไม้พะยูงล้อม และสิ่งประดิษฐ์ที่ทำจากไม้พะยูง)
เป็นสินค้าห้ามส่งออกไปนอกราชอาณาจักร และ ๔) ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ รวม ๒
ฉบับ ได้แก่ ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การส่งถ่านไม้ออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ.
๒๕๔๙ ลงวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๔๙ และประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ไม้เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร
พ.ศ. ๒๕๕๕ ลงวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่เห็นควรขอความอนุเคราะห์กรมการค้าต่างประเทศจัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กรมป่าไม้ และกรมศุลกากร เพื่อพิจารณากำหนดรหัสสถิติใหม่
โดยหลักเกณฑ์การกำหนดรหัสสถิติต้องมีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของสินค้านั้น ๆ
ว่ายังคงมีการค้าอยู่ในปัจจุบันหรือไม่ มากน้อยเพียงใด และควรอ้างถึงมาตรา ๕ (๑)
(๒) และ (๕)
แห่งพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าฯ
และตัดการอ้างถึงมาตรา ๕ (๖) ออก
เนื่องจากมิได้เป็นการกำหนดมาตรการอื่นใดเพื่อประโยชน์ในการจัดระเบียบในการส่งออก
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงการต่างประเทศ ที่เห็นควรขอความอนุเคราะห์กรมการค้าต่างประเทศจัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กรมป่าไม้ และกรมศุลกากร เพื่อพิจารณากำหนดรหัสสถิติใหม่
โดยหลักเกณฑ์การกำหนดรหัสสถิติต้องมีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของสินค้านั้น ๆ
ว่ายังคงมีการค้าอยู่ในปัจจุบันหรือไม่ มากน้อยเพียงใด และพิจารณาซักซ้อมความเข้าใจล่วงหน้ากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศเพื่อนบ้านที่รับผิดชอบเรื่องการนำเข้าและส่งออก
ก่อนประกาศมีผลบังคับใช้ เพื่อให้มีการปรับตัว
และสามารถปฏิบัติตามมาตรการใหม่อย่างถูกต้อง ไปพิจารณาต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
318 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2565 | กษ. | 17/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ
ครั้งที่ ๓/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๕ ได้มีมติเห็นชอบให้มีการดำเนินการ ๖
เรื่อง ได้แก่ การกำหนดมาตรฐานการรับซื้อผลปาล์ม
โครงการติดตั้งเครื่องมือวัดปริมาณน้ำมันปาล์มเพื่อบริหารจัดการและควบคุมสต็อกน้ำมันปาล์ม
การเปิดตลาดน้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์มภายใต้กรอบการค้าระหว่างประเทศ
ปี ๒๕๖๖-๒๕๖๘
การขยายระยะเวลาโครงการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อลดผลผลิตส่วนเกิน ปี ๒๕๖๕
โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ปี ๒๕๖๕-ปี๒๕๖๖ และมาตรการคู่ขนาน ปี
๒๕๖๖ และ การสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน กนป. ตามที่คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
319 | รายงานประจำปี 2564 ของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) | พณ. | 17/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๔ ของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา
(องค์การมหาชน) โดยมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น (๑) การจัดฝึกอบรม ประชุม สัมมนา
ให้กับประชาชนและบุคลากรของภาครัฐและเอกชนทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
โดยครอบคลุมการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เช่น ด้านการค้า การลงทุน
และการพัฒนาระหว่างประเทศ (๒) การดำเนินโครงการวิจัย จำนวน ๖ โครงการ ในประเด็นเกี่ยวกับการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ
เช่น โครงการศูนย์วิเคราะห์แนวโน้มด้านการค้าและการพัฒนา
และโครงการพัฒนาศักยภาพระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมโยงการค้าและการลงทุนกับประตูการค้าฝั่งตะวันตก
และเผยแพร่ผลงานวิชาการผ่านช่องทางต่าง ๆ และขยายเครือข่ายการสร้างองค์ความรู้และการให้บริการวิชาการเพื่อการค้าและการพัฒนาทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
320 | การกำหนดสินค้าควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 | พณ. | 17/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการกำหนดสินค้าควบคุม
ปี ๒๕๖๖ จำนวน ๕ รายการ ได้แก่ ๑) หน้ากากอนามัย ๒) ใยสังเคราะห์ Polypropylene (Spunbond) เพื่อใช้ในการผลิตหน้ากากอนามัย
๓) ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ ๔) เศษกระดาษ และกระดาษที่นำกลับมาใช้ได้อีก
และ ๕) ไก่ เนื้อไก่ เพื่อกำหนดมาตรการกำกับดูแลสินค้ามีปริมาณเพียงพอ
และราคาอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมเป็นธรรมต่อประชาชนผู้บริโภค ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ
เพื่อให้ปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|