ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 888 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 17741 - 17760 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
17741 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการร่วมไทย - สาธารณรัฐเกาหลี สำหรับความร่วมมือโครงการพัฒนาลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนล่าง จังหวัดอุดรธานีและหนองคาย | กษ | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมไทย-สาธารณรัฐเกาหลี สำหรับความร่วมมือโครงการพัฒนาลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนล่าง จังหวัดอุดรธานีและหนองคาย ซึ่งที่ประชุมเห็นควรให้มีการปรับปรุงรายละเอียดขององค์ประกอบโครงการตามผลการศึกษาของกรมชลประทาน จำนวน ๓ รายการ ได้แก่ สถานีสูบน้ำบ้านแดนเมือง ประตูระบายน้ำในลำน้ำห้วยหลวง และพิจารณาเพิ่มงานด้าน Smart Flood Control System (ระบบควบคุมอุทกภัยแบบอัจฉริยะ) รวมทั้งรายการที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน โดยไม่ต้องปรับปรุงจากเดิม ได้แก่ อาคารบังคับน้ำในลำน้ำสาขา จำนวน ๑๒ แห่ง พนังกั้นน้ำระยะทาง ๔๗.๐๒ กิโลเมตร และระบบชลประทาน จำนวน ๑๓ โครงข่าย และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาข้อมูลผลการประชุมคณะกรรมการร่วมฯ ดังกล่าว เพื่อประกอบการจัดทำ “พิมพ์เขียวข้อริเริ่มความร่วมมือใหม่ทางเศรษฐกิจไทย-เกาหลี” (Korea-Thailand Blueprint for New Economic Cooperation Initiatives) ต่อไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำผลที่ได้จากความร่วมมือในทางวิชาการระหว่างไทย-สาธารณรัฐเกาหลี มาประยุกต์ใช้กับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศไทย ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและประหยัดงบประมาณของประเทศ สำหรับการจัดทำพิมพ์เขียวข้อริเริ่มฯ ควรระบุให้ชัดเจนว่าความร่วมมือใหม่ทางเศรษฐกิจไทย-เกาหลี เป็นความร่วมมือในทางวิชาการเท่านั้น ไม่มีข้อผูกพันใด ๆ เกี่ยวกับการลงทุนในโครงการหรือการทำสัญญาว่าจ้างดำเนินโครงการในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17742 | การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข | นร10 | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติการเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๐ ตามที่สำนักงาน ก.พ. (ฝ่ายเลขานุการร่วม คปร.) เสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามมติ คปร. ดังกล่าวให้ถูกต้อง ครบถ้วน ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติอัตราข้าราชการตั้งใหม่ตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพให้กับสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อบรรจุผู้สำเร็จการศึกษาจากโครงการผลิตบุคลากรพยาบาลเพื่อพัฒนาสุขภาพประชาชนในจังหวัดชายแดนตามรอยสมเด็จย่า รวม ๔๕๐ อัตรา ทั้งนี้ ให้คณะอนุกรรมการสามัญประจำกระทรวงสาธารณสุข (อ.ก.พ. กระทรวงสาธารณสุข) กำหนดอัตราข้าราชการตั้งใหม่ตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพ ปีละ ๕๐ อัตรา ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๘ เป็นระยะเวลา ๙ ปี และให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาจัดสรรตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพดังกล่าวให้กับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในพื้นที่ชายแดน และให้กำหนดเป็นตำแหน่งที่ต้องตรึงไว้เป็นการประจำในพื้นที่โดยมิให้เปลี่ยนชื่อตำแหน่งเป็นสายงานอื่น และไม่ให้กระทรวงสาธารณสุขขอเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพจนกว่าจะสิ้นสุดปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ๑.๒ ไม่อนุมัติอัตราข้าราชการตั้งใหม่ตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพ จำนวน ๑๐,๙๙๒ อัตรา โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขนำตำแหน่งว่างที่มีอยู่และตำแหน่งที่จะว่างในอนาคตมาบริหารจัดการเพื่อรองรับการบรรจุพยาบาลวิชาชีพตามความจำเป็น ๑.๓ ให้กระทรวงสาธารณสุขปรับปรุงการทำงานในโรงพยาบาลให้มีลักษณะการผสมผสานทักษะความชำนาญงานเฉพาะด้าน เพื่อให้บุคลากรในโรงพยาบาลทำหน้าที่สนับสนุนการทำงานร่วมกับพยาบาลวิชาชีพ รวมทั้งปรับลดหรือทบทวนให้พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติเฉพาะภารกิจที่ต้องใช้พยาบาลวิชาชีพเพื่อให้พยาบาลวิชาชีพในโรงพยาบาลได้ปฏิบัติงานการพยาบาลผู้ป่วยอย่างเหมาะสมและเกิดผลดีต่อผู้รับบริการ ๑.๔ ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ และวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๙ อย่างเคร่งครัดในการพิจารณาการจ้างพนักงานราชการหรือใช้วิธีการจ้างพนักงานจากภายนอกองค์กร (Outsource) เพื่อทดแทนการบรรจุเป็นข้าราชการในภารกิจที่มีความจำเป็นต้องใช้บุคลากรเพิ่มเติม ๑.๕ ให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขรายงานผลการดำเนินการให้ คปร. ทราบภายใน ๖๐ วัน นับแต่วันที่ อ.ก.พ. กระทรวงสาธารณสุขมีมติอนุมัติการกำหนดตำแหน่งอัตราข้าราชการตั้งใหม่ตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพในแต่ละปี ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ที่เห็นควรบริหารจัดการตำแหน่งว่างให้มีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารกำลังคนและลดการขออัตราข้าราชการตั้งใหม่เพื่อลดภาระงบประมาณค่าใช้จ่ายบุคคลภาครัฐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขใช้จ่ายจากงบบุคลากรที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้วในแผนงานบุคลากรภาครัฐ ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไปให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17743 | ขอความเห็นชอบในการจัดทำขอบเขตข้อกำหนดว่าด้วยการจัดตั้งคณะทำงานความร่วมมือทางทหารระหว่างกองทัพบกกับกองทัพบกมาเลเซีย | กห | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงกลาโหมจัดทำขอบเขตข้อกำหนดว่าด้วยการจัดตั้งคณะทำงานความร่วมมือทางทหารระหว่างกองทัพบกกับกองทัพบกมาเลเซีย [Terms of Reference (TOR) for Army to Army Talks between the Royal Thai Army and the Malaysian Army] เพื่อใช้เป็นกรอบการดำเนินงานและแนวทางในการจัดการประชุมคณะทำงานความร่วมมือทางทหารระหว่างกองทัพบกกับกองทัพบกมาเลเซีย โดยการประชุมดังกล่าวจะเป็นเวทีในการหารือและกำหนดแผนงานความร่วมมือทางทหารในระดับทวิภาคีระหว่างกองทัพบกของทั้งสองประเทศ ซึ่งขอบเขตความร่วมมือจะครอบคลุมเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ได้แก่ การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การแลกเปลี่ยนประสบการณ์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน การแลกเปลี่ยนแนวคิดในการพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพ การแลกเปลี่ยนการเยือนระดับหน่วยและกำลังพล ความร่วมมือด้านการฝึกศึกษาทางทหาร การฝึกผสม และความร่วมมือด้านอื่น ๆ ที่อยู่ในความสนใจร่วมกันของทั้งสองฝ่าย โดยคาดว่าจะมีการลงนามในร่างขอบเขตข้อกำหนดฯ ระหว่างวันที่ ๑๗-๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ในโอกาสที่ผู้บัญชาการทหารบกมาเลเซียเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ๑.๒ ให้ผู้บัญชาการทหารบกเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนขอบเขตข้อกำหนดฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17744 | ผลการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2560 (ร่างระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. ....) | ดศ | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๐ โดยมีมติรับทราบ (๑) สาระสำคัญของพระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. ๒๕๖๐ (๒) ความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ (๓) ความคืบหน้าของข้อสั่งการจากการประชุมคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในประเด็นต่าง ๆ และ (๔) แนวคิดการจัดตั้งเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล รวมทั้งพิจารณาในประเด็นที่สำคัญ อาทิ ร่างระเบียบและหลักเกณฑ์ ตามพระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ ๒. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. .... ซึ่งเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อดำรงตำแหน่งแทนผู้ที่พ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17745 | ขอแก้ไของค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีของกระทรวงกลาโหม (กองทัพบก) จำนวน 3 คณะ | กห | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการแก้ไของค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีของกระทรวงกลาโหม (กองทัพบก) จำนวน ๓ คณะ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้
๑. คณะกรรมการพิจารณาบำเหน็จพิเศษสำหรับการสู้รบของศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ๑.๑ แก้ไของค์ประกอบคณะกรรมการ ลำดับที่ ๒ จาก รองเสนาธิการ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (สายงานกำลังพลและสายงานส่งกำลังบำรุง) เป็น รองเสนาธิการ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (สายงานกำลังพล) ลำดับที่ ๙ จาก ผู้แทนกรมสารบรรณทหารบก เป็น ผู้แทนสำนักงานพระธรรมนูญทหารบก เพิ่มองค์ประกอบคณะกรรมการ ลำดับที่ ๑๐ ผู้แทนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เป็นกรรมการ และลำดับที่ ๑๔ ผู้แทนกรมกำลังพลทหารบก เป็นผู้ช่วยเลขานุการ ๑.๒ แก้ไขอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ จาก พิจารณาบำเหน็จพิเศษสำหรับการสู้รบ และสิทธิให้แก่กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแผนป้องกันประเทศ เป็น พิจารณาบำเหน็จพิเศษสำหรับการสู้รบ และสิทธิให้แก่กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ป้องกันประเทศ อธิปไตย และรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ หรือการปฏิบัติหน้าที่ตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนด ๒. คณะกรรมการขอพระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชนของศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก โดยเพิ่มองค์ประกอบคณะกรรมการ ลำดับที่ ๘ ผู้แทนฝ่ายกิจการพลเรือน ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก เป็นกรรมการ สำหรับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการคงเดิม ๓. คณะกรรมการพิจารณาสิทธิกำลังพลปฏิบัติราชการพิเศษของศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก โดยแก้ไของค์ประกอบคณะกรรมการ ลำดับที่ ๒ จาก รองเสนาธิการ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (สายงานกำลังพลและสายงานส่งกำลังบำรุง) เป็น รองเสนาธิการ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (สายงานกำลังพล) สำหรับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการคงเดิม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17746 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี หรือพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมก่อนได้รับเงินประจำงวด ในการจัดการประชุม SportAccord Convention 2018 | กก | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการกีฬาแห่งประเทศไทยก่อหนี้ผูกพันก่อนได้รับเงินประจำงวด ในวงเงินจำนวน ๓๗,๘๐๕,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการประชุม (Management Cost) ในการจัดการประชุม SportAccord Convention 2018 ตามนัยมาตรา ๒๓ วรรค ๔ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นกรณีเฉพาะราย โดยให้นำเงินสำรองการกีฬาแห่งประเทศไทยจ่ายไปก่อน และเมื่อได้รับเงินประจำงวดตามจำนวนดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ แล้ว จึงนำมาคืนให้การกีฬาแห่งประเทศไทยต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17747 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาการของธนาคารโลก ครั้งที่ 95 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | กค | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาการของธนาคารโลก ครั้งที่ ๙๕ (95th Development Committee Meeting) และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๒ เมษายน ๒๕๖๐ ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ มีประเด็นสำคัญ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมร่วมของประเทศสมาชิกกลุ่มออกเสียงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ [Joint Meeting of World Bank (WB)-International Monetary Fund (IMF) South East Asia Group] มีวัตถุประสงค์เพื่อรับทราบการดำเนินงานของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศในช่วง ๑ ปีที่ผ่านมา ๒. การประชุมคณะกรรมการพัฒนาการของธนาคารโลก ครั้งที่ ๙๕ (95th Development Committee Meeting) มีการหารือใน ๓ ประเด็น ได้แก่ (๑) ความคืบหน้าการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในปี ค.ศ. ๒๐๓๐ (๒๐๓๐ SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งกำหนดให้ธนาคารโลกปรับปรุงตนเองให้มีประสิทธิภาพและเข้มแข็ง มีเงินทุนเพียงพอรองรับความต้องการของสมาชิก (๒) รายงานความคืบหน้าการทบทวนการเพิ่มทุนของธนาคารโลก และ (๓) การสร้างธนาคารโลกที่ดีขึ้นโดยมุ่งเน้นการใช้นวัตกรรมในการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน สร้างรายได้เพิ่มขึ้น และเพิ่มทุนของธนาคารโลกเพื่อรองรับความต้องการของประเทศสมาชิก ๓. การประชุมอื่น ๆ ได้แก่ (๑) การประชุมกับสภาธุรกิจเพื่อความเข้าใจนานาชาติ (๒) การหารือกับสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน (US-ASEAN Business Council) และ (๓) การหารือกับบริษัท เจเนอรัล อิเล็กทริค (General Electric)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17748 | ขอความเห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์สำหรับการประชุม Belt and Road Forum for International Cooperation ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน | พณ | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสาร Initiative on Promoting Unimpeded Trade Cooperation along the Belt and Road ซึ่งเป็นผลลัพธ์การประชุมห้องย่อยด้านความเชื่อมโยงทางการค้าสำหรับการประชุม Belt and Road Forum for International Cooperation (BRF) เมื่อวันที่ ๑๓-๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยร่างเอกสารฯ เป็นการแสดงเจตจำนงระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนกับประเทศอื่น ๆ ตามแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวยุทธศาสตร์ One Belt One Road (OBOR) ในการพัฒนาความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและการขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนตามแนวเส้นทาง OBOR ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายรับรองเอกสารฯ รวมถึงเอกสารอื่น ๆ ที่เป็นผลจากการประชุมฯ (หากมี) ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17749 | การรับรองเอกสารผลลัพธ์ในการประชุม Belt and Road Forum for International Cooperation ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน | วท | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุม Appeal for Stronger People-to-People Connectivity along the Belt and Road ที่จะมีการรับรองในการประชุม Belt and Road Forum for International Cooperation ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยการรับรองเอกสารผลลัพธ์ฯ เป็นการแสดงถึงการมีส่วนร่วมของประเทศไทยในการเข้าสู่กระแสการพัฒนาความร่วมมือในกรอบ Belt and Road Initiative ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์ในการพัฒนาความร่วมมือในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม รวมทั้งสามารถสนับสนุนประเทศไทยในการพัฒนาตามแนวนโยบายประเทศไทย ๔.๐ และแนวคิดระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกได้เป็นอย่างดี ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองให้ความเห็นชอบเอกสารผลลัพธ์ฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17750 | แนวทางการอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับนักเรียนในโรงเรียนเอกชนประเภทสามัญศึกษา | ศธ | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับนักเรียนในโรงเรียนเอกชน ประเภทสามัญศึกษา เพื่อให้นักเรียนในโรงเรียนเอกชน ประเภทสามัญศึกษา เข้าถึงบริการด้านการศึกษาที่รัฐสนับสนุนอย่างมีคุณภาพมาตรฐาน และได้รับการช่วยเหลือที่เหมาะสมตามคุณลักษณะที่แตกต่างกันของผู้เรียน โดยมีการปรับเพิ่มอัตราเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายบุคคลในส่วนของเงินสมทบเป็นเงินเดือนครูสำหรับนักเรียนทุกคน เงินสมทบเป็นค่าธรรมเนียมการศึกษาสำหรับนักเรียนในโรงเรียนการกุศลและนักเรียนพิการ รวมทั้งเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายบุคคลเพิ่มเติมเป็นค่าปัจจัยพื้นฐานสำหรับนักเรียนยากจนและอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายบุคคลเพิ่มเติมให้นักเรียนในโรงเรียนขนาดเล็ก ๒. ในส่วนของงบประมาณ ให้เป็นไปตามความเห็นของผู้อำนวยการสำนักงบประมาณที่เสนอเพิ่มเติมว่า แนวทางการอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับนักเรียนในโรงเรียนเอกชนประเภทสามัญศึกษาที่เหมาะสมในชั้นนี้เห็นควรให้ความเห็นชอบการปรับเพิ่มอัตราเงินอุดหนุนรายบุคคลในส่วนเงินสมทบเป็นเงินเดือนครู เพื่อเป็นการประกันรายได้ครูโรงเรียนเอกชนให้ได้รับเงินเดือนเท่ากับฐานเงินเดือนขั้นต่ำของรัฐซึ่งจะทำให้ต้องใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นปีละ ๗๘๑.๘๘๗๙ ล้านบาท โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ทั้งนี้ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำนักงบประมาณได้ตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้วจำนวน ๕๐๐ ล้านบาท ส่วนที่เหลือจำนวน ๒๘๑.๘๘๗๙ ล้านบาท เห็นควรให้ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพิ่มเติมต่อไป โดยให้กระทรวงศึกษาธิการกำหนดมาตรการกำกับและควบคุมให้โรงเรียนเอกชนจ่ายเงินเดือนครูตามวุฒิให้ชัดเจนด้วย ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาประเมินผลประสิทธิภาพการดำเนินงานของโรงเรียนเอกชนและกำหนดเงื่อนไขการใช้เงินอุดหนุนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ รวมทั้งให้พิจารณาแนวทางการช่วยเหลือโรงเรียนอื่น ๆ ที่มีความจำเป็นต้องรับการอุดหนุน เช่น โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน เป็นต้น ให้ครบถ้วนและเหมาะสมด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17751 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการวัตถุอันตราย (จำนวน 10 คน 1. นายสุทธิเวช ต.แสงจันทร์ ฯลฯ) | อก | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการวัตถุอันตราย จำนวน ๑๐ คน แทนกรรมการชุดเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปีแล้ว เมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายสุทธิเวช ต.แสงจันทร์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสาขาวิชาเคมี ๒. นางสมศรี สุวรรณจรัส กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ ๓. นายวิสูตร ชินรัตนลาภ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์ ๔. นายวิชา ธิติประเสริฐ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสาขาวิชาเกษตรศาสตร์ ๕ นายภักดี โพธิศิริ กรรมการผู้ทรงคณวุฒิสาขาวิชากฎหมาย ๖. นางสาวจิราพร ลิ้มปานานนท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นตัวแทนองค์การ สาธารณประโยชน์ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ๗. นางศุภวรรณ ตันตยานนท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นตัวแทนองค์การ สาธารณประโยชน์ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ๘. นางชุติมา รัตนเสถียร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นตัวแทนองค์การ สาธารณประโยชน์ด้านการเกษตรกรรมยั่งยืน ๙. นายอภิชัย ชวเจริญพันธ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นตัวแทนองค์การ สาธารณประโยชน์ด้านการจัดการปัญหาวัตถุอันตราย ในท้องถิ่น ๑๐. นายเจริญชัย ประเทืองสุขศรี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นตัวแทนองค์การ สาธารณประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17752 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... | ยธ | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอขอถอนร่างพระราชบัญญัติสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๒) ได้ตรวจพิจารณาแล้ว เพื่อนำกลับมาพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17753 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล และนายพชร อนันตศิลป์) | กค | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง (นักบริหารสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ๒. นายพชร อนันตศิลป์ ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหารสูง) กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17754 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน | กค | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้จัดตั้งกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ตามร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ในคราวประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ ควรพิจารณากำหนดที่มาของเงินรายได้จากแหล่งอื่นเพิ่มเติมจากการขอรับจัดสรรเงินงบประมาณเพียงแหล่งเดียว การดำเนินการของกองทุนควรต้องกำหนดรายละเอียด รูปแบบ วิธีการ กลุ่มเป้าหมาย ให้มีความชัดเจน และให้เห็นความแตกต่างจากการให้ความช่วยเหลือของหน่วยงานของรัฐอื่น/ทุนหมุนเวียนที่ดำเนินการอยู่แล้ว และในการพิจารณากำหนดโครงการความช่วยเหลือของคณะกรรมการบริหารกองทุนต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนดำเนินการ รวมทั้งให้กระทรวงการคลังกำหนดที่มาของเงินรายได้นอกเหนือจากการขอรับจัดสรรงบประมาณเพียงแหล่งเดียว เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐและทุนหมุนเวียนอื่น ตลอดจนการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานที่รับผิดชอบ และจัดทำระบบการติดตามประเมินผลที่เหมาะสมและทันต่อสถานการณ์ โดยคำนึงถึงสัดส่วนของงบประจำและงบลงทุนที่เหมาะสม ความคุ้มค่า ความรับผิดชอบที่ชัดเจน ความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน นอกจากนี้ การดำเนินงานของกองทุนต้องมีความเหมาะสมสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาระบบภาษีในลักษณะ Negative Income Tax ที่เป็นระบบมาตรฐานสากล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ เมื่อมีการจัดตั้งกองทุนขึ้นแล้ว การใช้จ่ายเงินกองทุนต้องยึดหลักความถูกต้อง รอบคอบ เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๓. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17755 | รายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | กค | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางรายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙-๒๘ เมษายน ๒๕๖๐ งบประมาณทั้งสิ้น ๒,๙๒๓,๐๐๐ ล้านบาท (รวมงบประมาณเพิ่มเติม) เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑,๖๖๒,๙๐๘ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๕๖.๘๙ ดังนี้
๑. มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบประมาณทั้งสิ้น ๒,๗๓๓,๐๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑,๖๕๒,๓๖๗ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๐.๔๖ เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐ จำนวน ๑๙๙,๗๐๗ ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ ๑.๙๔ (เป้าหมายภาพรวม ร้อยละ ๕๘.๕๒) ประกอบด้วยรายจ่ายประจำ จำนวน ๒,๑๘๔,๑๒๘ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑,๔๓๙,๕๒๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๕.๙๑ และรายจ่ายลงทุน จำนวน ๕๔๘,๘๗๒ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๓๔๗,๙๑๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๓.๓๙ และเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒๑๒,๘๔๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๓๘.๗๘ ๒. มาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กทั่วประเทศ ๒.๑ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป กรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติ รวมทั้งสิ้น ๒๓,๐๐๐ ล้านบาท จัดสรรงบประมาณแล้ว จำนวน ๒๑,๗๑๑ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๒๐,๖๘๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๕.๒๕ และเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑๙,๕๙๒ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๐.๒๔ ๒.๒ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ รายการรายจ่ายลงทุนที่มีวงเงินไม่เกิน ๒ ล้านบาท จัดสรรงบประมาณแล้ว จำนวน ๓๒,๕๕๙ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๒๘,๒๖๒ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๖.๘๐ ล้านบาท และเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒๔,๔๒๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๗๕.๐๓ ๓. งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบประมาณทั้งสิ้น ๑๙๐,๐๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑๐,๕๔๑ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๕.๕๕ ประกอบด้วยรายจ่ายประจำ จำนวน ๑๐๖,๓๑๒ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑๐,๕๑๒ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙.๘๙ และรายจ่ายลงทุน จำนวน ๘๓,๖๘๘ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๑๐,๒๒๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑๒.๒๒ เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๐๓
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17756 | สรุปสาระสำคัญการประชุมคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ ครั้งที่ 5/2560 | นร | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสาระสำคัญการประชุมคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ (บยศ.) ครั้งที่ ๕/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๐ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการ บยศ. เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ความคืบหน้าโครงการขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ที่ประชุมมีมติรับทราบความคืบหน้าโครงการขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพิจารณาปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานโดยเฉพาะการส่งเสริมให้มีการใช้ประโยชน์ของโครงข่ายฯ และแนวทางการบริหารจัดการภาระค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาระบบต่อไป ๒. การขับเคลื่อนด้านการศึกษา ที่ประชุมมีมติ ๒.๑ มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของที่ประชุมไปปรับปรุงการขับเคลื่อนการศึกษาในกรอบระยะเวลาช่วง ๑ ปี ๔ เดือน และในช่วงระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ โดยให้กำหนดเป้าหมาย ผลสัมฤทธิ์ที่ชัดเจน รวมทั้งให้สร้างการรับรู้และรับฟังความคิดเห็นจากผู้ปฏิบัติงานในแต่ละระดับเพื่อวางรากฐานการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีความสมบูรณ์ของทักษะการเรียนรู้ ทักษะการใช้ชีวิต คุณธรรมจริยธรรม ระเบียบวินัย และจิตสำนึกต่อส่วนรวม และรายงานผลการดำเนินงานให้ บยศ. ทราบต่อไป ๒.๒ เห็นชอบในหลักการการอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับนักเรียนในโรงเรียนเอกชน ประเภทสามัญศึกษา โดยในส่วนของงบประมาณให้กระทรวงศึกษาธิการทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป และมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาประเมินผลประสิทธิภาพการดำเนินงานของโรงเรียนเอกชนและกำหนดเงื่อนไขการใช้เงินอุดหนุนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ รวมทั้งพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือโรงเรียนอื่น ๆ เช่น โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนให้ครบถ้วนและเหมาะสมด้วย ๓. การนำข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) มาใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน ที่ประชุมมีมติเห็นชอบการจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาระบบ Big Data ของภาครัฐ โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นเจ้าภาพในการดำเนินงาน และคณะทำงานประกอบด้วยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสถิติแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (GISTDA) โดยให้นำเสนอแผนแม่บทการพัฒนา Big Data ของภาครัฐต่อ บยศ. ภายใน ๓ เดือน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17757 | รายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 และข้อเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | นร07 | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ
๑. อนุมัติตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติมว่า ๑.๑ เนื่องจากสำนักงบประมาณมีความจำเป็นต้องปรับปรุงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของส่วนราชการบางแห่งให้สอดคล้องกับกฎหมายและพระราชกฤษฎีกาที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น จึงขออนุมัติให้สำนักงบประมาณปรับปรุงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของส่วนราชการดังกล่าวให้สอดคล้องกับกฎหมายและพระราชกฤษฎีกาที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๒ สำหรับคำขอปรับปรุงนอกกรอบวงเงินของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายการค่าก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลตำรวจ วงเงิน ๔๔๕.๕ ล้านบาท นั้น รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลเห็นชอบให้ใช้จ่ายจากเงินรายได้ก่อน ดังนั้น สำนักงบประมาณจึงขอปรับลดงบประมาณดังกล่าวของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และนำไปตั้งเป็นงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๖๓.๖ ล้านบาท และของสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ รายการอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับนักเรียนในโรงเรียนเอกชน จำนวน ๒๘๑.๙ ล้านบาท ตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๒.๑ การรับฟังความคิดเห็นของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นและรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวง ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ๒.๒ ให้สำนักงบประมาณนำข้อเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีไปเปิดเผยในเว็บไซต์ของสำนักงบประมาณ (www.bb.go.th) และจัดพิมพ์ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และเอกสารประกอบงบประมาณ โดยให้ส่งร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ดังกล่าว ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน และแจ้งผลการพิจารณาให้สำนักงบประมาณทราบโดยตรงก่อนนำไปจัดพิมพ์เป็นร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และเอกสารงบประมาณ และนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบในวันอังคารที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๐ และนำเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17758 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง "การเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ" ของคณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง "การเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ" ซึ่งได้พิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหน่วยงานดังกล่าวมีความเห็นและการดำเนินการสอดคล้องกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ในมิติต่าง ๆ ได้แก่ มิติด้านสาธารณสุข มิติด้านหลักประกันรายได้ และมติทางสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17759 | ขอแจ้งรายชื่อโฆษกและรองโฆษกกระทรวงพาณิชย์ | พณ | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายชื่อโฆษกและรองโฆษกกระทรวงพาณิชย์ ตามคำสั่งกระทรวงพาณิชย์ ที่ ๖๕๗/๒๕๕๙ เรื่อง แต่งตั้งโฆษกและรองโฆษกกระทรวงพาณิชย์ และคำสั่งกระทรวงพาณิชย์ ที่ ๑๒๓/๒๕๖๐ เรื่อง แต่งตั้งรองโฆษกกระทรวงพาณิชย์เพิ่ม ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร เป็นโฆษกกระทรวงพาณิชย์ ๒. นางสาวรัตนา เธียรวิศิษฎ์สกุล เป็นรองโฆษกกระทรวงพาณิชย์ ๓. นางวิไลวรรณ ทัพวงศ์ศรี เป็นรองโฆษกกระทรวงพาณิชย์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17760 | ขอความเห็นชอบปฏิญญาร่วมรัฐมนตรีของการประชุมร่วมระดับรัฐมนตรีของบันทึกความเข้าใจโตเกียวและปารีสว่าด้วยการตรวจและควบคุมเรือในฐานะรัฐเจ้าของท่า | คค | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาร่วมรัฐมนตรีของการประชุมร่วมระดับรัฐมนตรีของบันทึกความเข้าใจโตเกียวและปารีสว่าด้วยการตรวจและควบคุมเรือในฐานะรัฐเจ้าของท่า มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกที่เข้าร่วมการประชุมฯ ว่าจะร่วมมือกันดำเนินการเพื่อมุ่งสู่การปกป้องการขนส่งทางทะเลอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน โดยจะมีการลงนามร่างปฏิญญาร่วมฯ ระหว่างวันที่ ๒-๔ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ณ ประเทศแคนาดา ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายพิชิต อัคราทิตย์) ลงนามให้การรับรองร่างปฏิญญาร่วมฯ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรปรับปรุงกฎหมายภายในประเทศให้สอดคล้องตามมาตรฐานขององค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน รวมทั้งจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ให้มีความพร้อมในการตรวจและควบคุมเรือไทยและต่างชาติให้เป็นไปตามมาตรฐานภายในและระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนปฏิญญาร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
.....