ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 882 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 17621 - 17640 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
17621 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราและยกเว้นภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) | กค | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราและยกเว้นภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญเป็นการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันหล่อลื่น และน้ำมันที่คล้ายกัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับสาระสำคัญในร่างประกาศกระทรวงการคลังฯ เป็นการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตจากน้ำมันหล่อลื่น และน้ำมันที่คล้ายกัน ซึ่งจะทำให้รัฐมีรายได้ลดลงคิดเป็นร้อยละ ๒๐ ของรายได้จากการจัดเก็บดังกล่าว แต่จะมีผลเป็นการลดต้นทุนอุตสาหกรรมอื่นที่ใช้น้ำมันหล่อลื่น และน้ำมันที่คล้ายกันเป็นวัตถุดิบในการผลิต ควรอย่างยิ่งที่กระทรวงการคลังจะวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายอย่างรอบด้าน ก่อนนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17622 | พิธีสารเพื่อแก้ไขความตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น ไทย - นิวซีแลนด์ | พณ | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพิธีสารเพื่อแก้ไขความตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น ไทย-นิวซีแลนด์ (Thailand-New Zealand Closer Economic Partnership Agreement : TNZCEP) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปริมาณการนำเข้าสินค้าที่มีมาตรการปกป้องพิเศษ (Special Safeguard : SSG) ตามบัญชีแนบท้ายภาคผนวก ๓ ของความตกลง TNZCEP โดยเพิ่มปริมาณการนำเข้า (Trigger volume) ของสินค้า ๓ รายการ (๖ พิกัดสินค้า) ของไทย ได้แก่ หางนม ไขมันเนย และเนยแข็ง โดยให้เริ่มมีผลในทางปฏิบัติภายในปี ๒๕๖๐ ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามร่างพิธีสารฯ ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) และเมื่อลงนามแล้ว ให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา แล้วเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทำหน้าที่รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบพิธีสารฯ ก่อนแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันต่อไป ๓. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามในร่างพิธีสารฯ ๔. มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า ร่างพิธีสารฯ มีเนื้อหาเกี่ยวกับการค้าเสรีอันเข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาที่อาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม หรือการค้าหรือการลงทุนของประเทศอย่างกว้างขวางตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสองและวรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงต้องได้รับความเห็นขอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติซึ่งยังคงทำหน้าที่รัฐสภาตามบทเฉพาะกาล มาตรา ๒๖๓ ของรัฐธรรมนูญฯ และเห็นควรให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและได้รับการเยียวยาตามแนวทางที่ปฏิบัติอยู่หรือตามที่เห็นสมควร ตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญฯ ไปดำเนินการด้วย ๕. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการจัดทำหนังสือแจ้งการมีผลใช้บังคับของพิธีสารฯ เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติทำหน้าที่รัฐสภามีมติเห็นชอบพิธีสารดังกล่าว และกระทรวงพาณิชย์ได้มีหนังสือแจ้งยืนยันไปยังกระทรวงการต่างประเทศแล้วว่าได้ดำเนินกระบวนการต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการมีผลใช้บังคับของพิธีสารฯ เสร็จสิ้นแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17623 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในพื้นที่ป่าชายเลน ในท้องที่ อำเภอท่าศาลา อำเภอเมือง และอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช และจัดที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยให้ชุมชนในท้องที่จังหวัดชายฝั่งทะเล 18 จังหวัด | ทส | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔ วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ และวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๓ เพื่อนำที่ดินที่เป็นป่าชายเลน ในท้องที่อำเภอท่าศาลา อำเภอเมือง และอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เนื้อที่ประมาณ ๑๒,๐๐๐ ไร่ โดยแบ่งเป็นจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ๕,๐๐๐ ไร่ และทำการปลูกฟื้นฟูป่าชายเลน ๗,๐๐๐ ไร่ และจัดที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยให้ชุมชนในท้องที่จังหวัดชายฝั่งทะเล ๑๘ จังหวัด เนื้อที่ประมาณ ๕,๔๕๘-๑-๓๓ ไร่ ประกอบด้วย จังหวัดระยอง จันทบุรี ตราด ชลบุรี เพชรบุรี สมุทรสงคราม ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล สงขลา และปัตตานี ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดแนวทางการดำเนินการที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการบุกรุกป่าชายเลนเพิ่มเติมและรักษาป่าชายเลนไว้ให้ได้อย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. ตามที่คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติได้มีมติเกี่ยวกับการบริหารจัดการที่ดินในเรื่องต่าง ๆ ไปแล้วนั้น ให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย ตรวจสอบ ติดตาม และเร่งรัดการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จและเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วภายในปี ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17624 | ผลการจัดสถานะประเทศไทย ตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ ประจำปี 2560 | พณ | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการจัดสถานะประเทศไทย ตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ ตามมาตรา ๓๐๑ พิเศษ ประจำปี ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ในปี ๒๕๖๐ สหรัฐฯ ได้คงประเทศไทยเป็นประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ (Priority Watch List : PWL) เช่นเดียวกับปี ๒๕๕๐-๒๕๕๙ ซึ่งหากมีการละเมิด สหรัฐฯ จะดำเนินมาตรการตอบโต้ เช่น ระงับการให้สิทธิภายใต้ข้อตกลงทางการค้าแก่ประเทศนั้นเป็นการชั่วคราว (GSP) จัดเก็บภาษีกับสินค้านำเข้า หรือดำเนินมาตรการด้านการนำเข้าอื่น ๆ กับประเทศนั้น ๑.๒ สหรัฐฯ เห็นถึงความคืบหน้าการดำเนินการด้านการคุ้มครองและป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศไทย และเห็นว่า ประเทศไทยได้ดำเนินการในทิศทางที่เหมาะสมแล้ว และได้มีข้อกังวล/ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมบางประการ เช่น สหรัฐฯ ขอให้ประเทศไทยพัฒนาเรื่องการสืบสวนจับกุมผู้กระทำละเมิดทั่วประเทศ และดำเนินคดีในชั้นศาลเพื่อให้เกิดผลในการพิพากษาคดี และ/หรือมีโทษปรับที่สามารถระงับการกระทำละเมิดได้ ๑.๓ กระทรวงพาณิชย์เห็นว่า ประเทศไทยควรใช้โอกาสที่สหรัฐฯ พร้อมที่จะทบทวนสถานะของประเทศไทยในการร้องขอให้สหรัฐฯ ดำเนินการทบทวนสถานะของประเทศไทยนอกรอบการประเมินปกติ (Out-Of-Cycle-Review) โดยกำหนดเป้าหมายและติดตามผลการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมในเรื่องที่สหรัฐฯ ให้ความสำคัญ และเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศไทยในภาพรวม รวมทั้งทำความเข้าใจเพิ่มเติมกับสหรัฐฯ ในประเด็นที่เกี่ยวข้องด้วย ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงยุติธรรมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเห็นควรเจรจากับสหรัฐฯ ให้ทราบถึงข้อจำกัดของประเทศไทยแล้วต่อรองที่จะดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมในเรื่องที่สหรัฐฯ ให้ความสำคัญในลำดับต้น ๆ เพื่อที่จะให้สหรัฐฯ พิจารณาจัดสถานะประเทศไทยให้ดีขึ้น รวมทั้งพูดคุยกับสหรัฐฯ เพื่อให้ได้แนวทางปฏิบัติร่วมกัน หรือให้ได้แนวทางการสนับสนุนซึ่งกันและกันเพื่อให้การปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์มีผลดียิ่งขึ้น ตลอดจนปรับปรุงกฎหมายหรือการบัญญัติกฎหมายใหม่เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศไทยโดยพิจารณาดำเนินการด้วยความรอบคอบยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบหลักควรเร่งประสานและบูรณาการทำงานอย่างใกล้ชิดกับทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาที่เป็นข้อกังวลของสหรัฐฯ และให้ความสำคัญกับการดำเนินการตามแผนที่นำทางด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP Roadmap) ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อให้ประเทศไทยได้รับการจัดสถานะดีขึ้น สามารถยกระดับการพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศให้มีประสิทธิภาพ ได้มาตรฐานสากล ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17625 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การมหาชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ขององค์การมหาชน จำนวน 8 แห่ง | นร12 | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การมหาชน จำนวน ๘ ฉบับ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการปรับปรุงบทอาศัยอำนาจตามร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การมหาชนทั้ง ๘ แห่ง ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบัน การกำหนดให้องค์การมหาชนแจ้งแผนการบริหารหนี้สาธารณะ และรายงานสถานะหนี้สาธารณะตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๙ ตลอดจนความชัดเจนในการใช้มาตรฐานการบัญชีที่นำมาจัดทำบัญชีขององค์การมหาชน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งโรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๗ ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๘ ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่เห็นควรกำหนดแนวทางการกำหนดเครื่องแบบขององค์การมหาชนเพื่อให้การกำหนดเครื่องแบบของทุกองค์การมหาชนเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17626 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาโยงเหนือ ตำบลนาข้าวเสีย อำเภอนาโยง ตำบลนาโยงใต้ ตำบลนาบินหลา ตำบลบ้านควน ตำบลโคกหล่อ อำเภอเมืองตรัง และตำบลทุ่งค่าย อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง พ.ศ. .... | กษ | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาโยงเหนือ ตำบลนาข้าวเสีย อำเภอนาโยง ตำบลนาโยงใต้ ตำบลนาบินหลา ตำบลบ้านควน ตำบลโคกหล่อ อำเภอเมืองตรัง และตำบลทุ่งค่าย อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการขุดขยายคลองผันน้ำและก่อสร้างประตูระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการคลองระบายน้ำคลองลำเลียง จังหวัดตรัง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17627 | ร่างกฎกระทรวงสถานีบริการก๊าซปิโตรเลียมเหลว พ.ศ. .... | พน | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงสถานีบริการก๊าซปิโตรเลียมเหลว พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบกิจการสถานีบริการก๊าซปิโตรเลียมเหลว เพื่อรักษาความปลอดภัยและป้องกันมิให้เกิดอัคคีภัยหรืออันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นว่า โครงการสถานีบริการก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นโครงการที่ไม่เข้าข่ายต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ยกเว้นกรณีที่โครงการดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบกำหนดให้เป็นพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ จะต้องจัดทำรายงานฯ อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่โครงการตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้ว เช่น เขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ควรพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกำหนดหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ กิจกรรมต่าง ๆ ในระยะก่อสร้าง และระยะดำเนินการของโครงการอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบพื้นที่สถานีบริการก๊าซปิโตรเลียมเหลว เช่น ผลกระทบด้านอากาศและด้านคมนาคมจากกิจกรรมการก่อสร้าง และผลกระทบด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ในระยะดำเนินการ จึงควรพิจารณากำหนดแนวทางหรือมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้ครบถ้วน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17628 | ร่างกฎกระทรวงการจัดสวัสดิการสังคมที่เกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. .... | พม | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงจัดสวัสดิการสังคมที่เกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดสวัสดิการสังคมที่เกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการพิจารณานิยามคำว่า “กองทุน” ที่หมายความว่า “กองทุนคุ้มครองเด็ก กองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม หรือกองทุนอื่นที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์” นั้น ยังไม่มีความชัดเจนว่านอกจากกองทุนคุ้มครองเด็กและกองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมตามที่ระบุไว้แล้ว ยังมีกองทุนอื่นใดอีก และในการส่งเสริมสนับสนุนเงินจากกองทุนดังกล่าวยังมีความไม่ชัดเจนว่าจะนำเงินจากกองทุนใดมาสนับสนุน จึงควรมีการกำหนดให้ชัดเจนว่าให้นำเงินจากกองทุนใดมาใช้ในการส่งเสริมสนับสนุนส่วนใด ไปพิจารณาแล้วจัดทำคำชี้แจง เพื่อประกอบการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินภารกิจดังกล่าว ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17629 | ร่างกฎกระทรวงควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. .... | สธ | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างกฎกระทรวงควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และมาตรการในการควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นว่า การกำหนดนิยามในร่างกฎกระทรวงฯ ข้อ ๒ ควรเพิ่มเติมนิยาม “มลพิษทางกลิ่น”หมายความว่า สภาวะของกลิ่นอันเกิดจากการประกอบกิจการของสถานประกอบกิจการที่ทำให้มีผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน สำหรับการนำร่างกฎกระทรวงฯ ไปบังคับใช้กรณี ข้อ ๓ ค่ามาตรฐานมลพิษที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยคำแนะนำของคณะกรรมการสาธารณสุข หากเป็นประเภทและขนาดกิจการเดียวกันกับกิจการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีการประกาศกำหนดมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดตามมาตรา ๕๕ โดยค่ามาตรฐานนั้นจะต้องไม่ต่ำกว่าค่ามาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดตามมาตรา ๕๖ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ไปพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17630 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. .... | นร09 | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๕๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการ และอำนาจหน้าที่ของสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17631 | ขออนุมัติการลงนามในแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงแห่งประเทศญี่ปุ่น | กษ | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงแห่งประเทศญี่ปุ่น มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดรายละเอียดและแนวทางในการดำเนินความร่วมมือด้านการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย การดำเนินการตามมาตรการรัฐเจ้าของธง รัฐเจ้าของท่า รัฐชายฝั่ง การคงสถานะความเป็นรัฐเจ้าของตลาดและสนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการประมงที่ถูกกฎหมาย โดยจะมีการลงนามในร่างแถลงการณ์ฯ ระหว่างการเยือนประเทศญี่ปุ่นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๐ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17632 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี 2560 และแนวโน้มปี 2560 | นร11 | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๐ และแนวโน้มปี ๒๕๖๐ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในไตรมาสแรกของปี ๒๕๖๐ ขยายตัวร้อยละ ๓.๓ ต่อเนื่องจากการขยายตัวร้อยละ ๓.๐ ในไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกขยายตัวจากไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๕๙ ร้อยละ ๑.๓ ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้จ่ายภาคครัวเรือน การส่งออกบริการและสินค้า และการลงทุนภาครัฐขยายตัวดีขึ้น โดยเฉพาะด้านการส่งออกสินค้าขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ ๖.๖ ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ ๑๗ ไตรมาส ๒. เสถียรภาพทางเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำร้อยละ ๑.๒ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยร้อยละ ๑.๓ บัญชีเดินสะพัดเกินดุล ๑๓,๓๑๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ (๔๖๘,๑๔๗ ล้านบาท) หรือคิดเป็นร้อยละ ๑๒.๓ ของ GDP เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมีนาคม ๒๕๖๐ อยู่ที่ ๑๘๐.๙ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนมีนาคม ๒๕๖๐ มีมูลค่าทั้งสิ้น ๖,๑๖๖.๕ พันล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๐.๗ ของ GDP ๓. แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๖๐ มีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ ๓.๓-๓.๘ ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากการขยายตัวร้อยละ ๓.๒ ในปี ๒๕๕๙ โดยคาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าจะขยายตัวร้อยละ ๓.๖ การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๓.๐ และร้อยละ ๔.๔ ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในช่วงร้อยละ ๐.๘-๑.๓ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๘.๙ ของ GDP ๔. ประเด็นการบริหารเศรษฐกิจในปี ๒๕๖๐ ควรให้ความสำคัญกับ (๑) การใช้จ่ายของรัฐบาลและการดำเนินโครงการลงทุนภาครัฐให้ได้ตามเป้าหมาย (๒) การสนับสนุนการส่งออกให้สามารถขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ร้อยละ ๕.๐ (๓) การสนับสนุนการขยายตัวของรายได้เกษตรกรและการดูแลผู้มีรายได้น้อย (๔) การสร้างความเชื่อมั่นและสนับสนุนการฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชน และ (๕) การสนับสนุนการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17633 | ขอขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2558 [โครงการศูนย์ข้อมูลที่ดินและแผนที่แห่งชาติ (ระยะที่ 2)] | กห | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กองบัญชาการกองทัพไทยขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ในโครงการศูนย์ข้อมูลที่ดินและแผนที่แห่งชาติ (ระยะที่ ๒) งบรายจ่ายอื่น จำนวน ๔๙,๕๓๒,๖๓๐.๘๐ บาท ได้เป็นกรณีเฉพาะราย โดยให้กองบัญชาการกองทัพไทยดำเนินการตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หรือหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการก่อหนี้ผูกพันและเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จภายใน ๑๘๐ วัน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงกลาโหม (กองบัญชาการกองทัพไทย) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการบินถ่ายภาพภายใต้โครงการศูนย์ข้อมูลที่ดินและแผนที่แห่งชาติ (ระยะที่ ๒) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ภายในกรอบระยะเวลาที่ได้รับการขยาย ทั้งนี้ ให้พิจารณาความจำเป็นเหมาะสมในการขอรับการสนับสนุนเครื่องบินของกองทัพอากาศเพื่อช่วยในการดำเนินการถ่ายภาพด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17634 | การสมัครเข้ารับตำแหน่งสมาชิกประจำในคณะประศาสน์การ (Governing Body : GB) ขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ วาระระหว่างปี 2560 ถึงปี 2563 | รง | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบการลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อดำรงตำแหน่งสมาชิกประจำในคณะประศาสน์การ (Governing Body : GB) ขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization : ILO) วาระระหว่างปี ๒๕๖๐ ถึงปี ๒๕๖๓ ระหว่างการประชุมใหญ่ประจำปีองค์การแรงงานระหว่างประเทศ สมัยที่ ๑๐๖ (ระหว่างวันที่ ๕-๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๐) ๒. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งยืนยันการสมัครรับเลือกตั้งเพื่อดำรงตำแหน่งของประเทศไทยแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนการดำเนินงานของ ILO
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17635 | การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (พยาบาลวิชาชีพ) | อื่นๆ | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติการเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ตามที่สำนักงาน ก.พ. (ฝ่ายเลขานุการร่วม คปร.) เสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามมติ คปร. อย่างเคร่งครัดด้วย ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติอัตราข้าราชการตั้งใหม่ตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพให้กับสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข รวม ๘,๗๙๒ อัตรา โดยให้ อ.ก.พ. กระทรวงสาธารณสุข แบ่งการกำหนดอัตราข้าราชการตั้งใหม่ตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพเป็นระยะเวลา ๓ ปี ได้แก่ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๒,๙๙๒ อัตรา ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๒,๙๐๐ อัตรา และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๒,๙๐๐ อัตรา โดยการกำหนดอัตราข้าราชการตั้งใหม่ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขบริหารจัดการภายในวงเงินงบประมาณตามที่ได้รับการจัดสรร ๑.๒ เห็นชอบให้มีคณะอนุกรรมการเพื่อจัดทำแผนยุทธศาสตร์ระบบสาธารณสุขของประเทศ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของกระทรวงสาธารณสุข โดยให้รายงานความคืบหน้าต่อ คปร. ภายในกลางปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ก่อนการบรรจุพยาบาลวิชาชีพในอัตราข้าราชการตั้งใหม่ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้ แผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวต้องแล้วเสร็จภายในสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และให้เสนอแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวต่อ คปร. ก่อนการบรรจุพยาบาลวิชาชีพในอัตราข้าราชการตั้งใหม่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๓ เมื่อมีการบรรจุพยาบาลวิชาชีพในอัตราข้าราชการตั้งใหม่ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้กระทรวงสาธารณสุขหลีกเลี่ยงในการนำเงินนอกงบประมาณไปใช้ในการบรรจุแต่งตั้งเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติงานในหน่วยงาน เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาเจ้าหน้าที่กลุ่มดังกล่าวเรียกร้องขอให้บรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการในภายหลัง โดยให้กระทรวงการคลังดำเนินการให้มีระเบียบในเรื่องนี้ เพื่อให้ส่วนราชการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘) อย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขจัดทำแผนการบริหารจัดการกำลังคนของกระทรวงสาธารณสุขในระยะยาวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้มีข้อมูลความต้องการบุคลากรทางการแพทย์ การพยาบาล และที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้อง สอดคล้องกับความจำเป็นในการปฏิบัติงานจริง และมีสัดส่วนของบุคลากรทางการแพทย์ฯ ต่อจำนวนของประชาชนที่เข้ารับบริการทางการแพทย์ในภาพรวมที่เหมาะสม สามารถให้บริการได้อย่างมีคุณภาพ โดยไม่เป็นภาระงบประมาณจนเกินควร ทั้งนี้ ในการพิจารณาจำนวนความต้องการของบุคลากรข้างต้น ให้กระทรวงสาธารณสุขคำนึงถึงบุคลากรฯ ที่มีอยู่ทั้งหมดในภาพรวมของประเทศ ทั้งที่อยู่ในภาครัฐและภาคเอกชน แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17636 | การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (นายแพทย์ ทันตแพทย์ และเภสัชกร) | นร10 | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติอัตราข้าราชการตั้งใหม่รวม ๘๔๙ อัตรา โดยเป็นตำแหน่งนายแพทย์ จำนวน ๗๗๙ อัตรา และตำแหน่งทันตแพทย์ จำนวน ๗๐ อัตรา ให้กับสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเพื่อรองรับการบรรจุนักศึกษาวิชาแพทยศาสตร์และทันตแพทยศาสตร์ที่เป็นนักศึกษาคู่สัญญากับกระทรวงสาธารณสุข และสำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ๒. ในส่วนของอัตราข้าราชการตั้งใหม่ตำแหน่งเภสัชกร จำนวน ๓๑๖ อัตรา นั้น ให้ คปร. รับไปพิจารณาทบทวนความจำเป็นเหมาะสมของการกำหนดอัตราข้าราชการตั้งใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยให้คำนึงถึงความเป็นไปได้ในการใช้อัตราว่างที่มีอยู่ของกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนรอบด้าน เช่น สัดส่วนของเภสัชกรต่อประชาชนผู้รับบริการที่เหมาะสมและสามารถให้บริการที่มีคุณภาพ ภาระงบประมาณและจำนวนบุคลากรด้านเภสัชกรที่ได้รับทุนการศึกษาและที่จะเข้าสู่ตลาดแรงงานในแต่ละปี เป็นต้น และให้นำผลการพิจารณาของ คปร. เสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17637 | การโอนข้าราชการมาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ) | นร04 | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งปลัดกระทรวง (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17638 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงยุติธรรม) (นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ) | ยธ | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ครองตำแหน่งเดิมที่โอนไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17639 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2550 [จำนวน 10 รูป/คน 1. พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมมจิตโต)] | วธ | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ จำนวน ๑๐ รูป/คน แทนกรรมการชุดเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปีแล้ว เมื่อวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๐ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) ๒. พระศากยวงศ์วิสุทธิ์ (อนิลมาน ธมฺมสากิโย) ๓. นางฉวีรัตน์ เกษตรสุนทร ๔. พลอากาศเอก วีรวิท คงศักดิ์ ๕. พลเอก ศรุต นาควัชระ ๖. นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว ๗. นายอรุณ บุญชม ๘. มุขนายก ชูศักดิ์ สิริสุทธิ์ ๙. นายปานชัย สิงห์สัจเทพ ๑๐. นางพงษ์ทิพย์ เทศะภู
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17640 | สรุปสาระสำคัญการประชุมคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ ครั้งที่ 6/2560 | นร05 | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปสาระสำคัญการประชุมคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ (บยศ.) ครั้งที่ ๖/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๐ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ตามที่ฝ่ายเลขานุการ บยศ. เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ พระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ที่ประชุมเห็นชอบมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก และเห็นชอบร่างคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก โดยให้คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกนำร่างคำสั่งดังกล่าวเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ๑.๒ การปรับโครงสร้างสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการปรับโครงสร้างสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตินำแนวทางการปรับโครงสร้างดังกล่าว รวมทั้งข้อสังเกตของที่ประชุมไปดำเนินการปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. .... และดำเนินการตามขั้นตอนของมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและขั้นตอนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๓ ข้อเสนอการพัฒนาระบบอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจแบบครบวงจร (Doing Business Portal) ที่ประชุมอนุมัติหลักการแนวทางการพัฒนาระบบอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจแบบครบวงจร (Doing Business Portal) และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด โดยให้สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของที่ประชุมไปประกอบการดำเนินการ รวมทั้งจัดทำรายละเอียดการดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว โดยพิจารณาดำเนินการในส่วนของกิจกรรมที่ต้องแก้ไขเร่งด่วนให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน และให้รายงานผลการดำเนินงานภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๐ รวมทั้งให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบระบบงาน และทำหน้าที่เชื่อมโยงข้อมูลกับ Project Manager Officer (PMO) และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ๑.๔ เรื่องอื่น ๆ ได้แก่ การติดตามการบริหารงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่ประชุมเห็นชอบให้สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางจัดทำรายละเอียดการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ (งบกลางปี) โดยให้สรุปเป็นข้อมูลของแต่ละกระทรวงให้ชัดเจนและระบุปัญหาที่ก่อให้เกิดความล่าช้าในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างด้วย และกำหนดการประชุม บยศ. ในครั้งต่อไปคือ วันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๐ เวลา ๐๙.๓๐ น. เรื่อง การขับเคลื่อนด้านสาธารณสุข ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตินำแนวทางการปรับโครงสร้างสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติตามที่ บยศ. เห็นชอบ และที่คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตเพิ่มเติมในส่วนของการปรับโครงสร้างสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่ง บยศ. ได้เห็นชอบในหลักการให้มีการตั้งคณะกรรมการ ๖ คณะตามยุทธศาสตร์ชาติ ๖ ด้าน นั้น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติควรพิจารณาตั้งคณะกรรมการเพิ่มอีก ๑ คณะ เพื่อทำหน้าที่ประเมินการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับยุทธศาสตร์ โดยให้ครอบคลุมทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี (Strategic Environmental Assessments) ไปดำเนินการปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. .... และดำเนินการตามขั้นตอนของมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและขั้นตอนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
.....