ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 885 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 17681 - 17700 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
17681 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) (นายเชิดเกียรติ อัตถากร) | กต | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเชิดเกียรติ อัตถากร ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
17682 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงศึกษาธิการ) (นายชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ และนางวัฒนาพร ระงับทุกข์) | ศธ | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. นายชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการสภาการศึกษา สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ๒. นางวัฒนาพร ระงับทุกข์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
17683 | การอนุมัติองค์ประกอบคณะกรรมการฝ่ายไทยในคณะกรรมการบริหารมูลนิธิการศึกษาไทย - อเมริกัน (ฟุลไบรท์) ประจำปี 2560 | กต | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบองค์ประกอบคณะกรรมการฝ่ายไทยในคณะกรรมการบริหารมูลนิธิการศึกษาไทย-อเมริกัน (ฟุลไบรท์) ประจำปี ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายมนัสพาสน์ ชูโต ประธานกรรมการ อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ๒. อธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ หรือผู้แทน กรรมการ ๓. อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ หรือผู้แทน กรรมการ ๔. ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ กรรมการ และสังคมแห่งชาติ ๕. ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กรรมการ ๖. ผู้แทนบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กรรมการ ๗. นายกสมาคมฟุลไบรท์ไทย กรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
17684 | แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 30/2560 | นร | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๓๐/๒๕๖๐ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
17685 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม 9 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. ....) | มท | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม ๙ ฉบับ เพื่อกำหนดเขตพื้นที่ในการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดภูเก็ต จังหวัดระนอง จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสงขลา และจังหวัดหนองบัวลำภู ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการในกรณีท้องที่จังหวัดกาญจนบุรีอาจมีโรงเรียนหรือสถานศึกษา (โรงเรียนบ้านหัวนาและโรงเรียนบ้านวังสารภี) ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่กำหนดไว้เป็นเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ จึงเห็นควรดำเนินการตรวจสอบความชัดเจนเกี่ยวกับการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการต้องไม่อยู่ใกล้ชิดหรือใกล้เคียงกับที่ตั้งของโรงเรียนหรือสถานศึกษา ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง ๙ ฉบับ ประกอบด้วย ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดปราจีนบุรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดจังหวัดภูเก็ต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดระนอง พ.ศ. .... ๑.๗ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. .... ๑.๘ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดสงขลา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๙ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดหนองบัวลำภู พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการตั้งสถานบริการและสถานประกอบการอาจมีผลกระทบสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ประชาชน เมื่อร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ประกาศใช้ กระทรวงมหาดไทยควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานของรัฐควบคุมการอนุญาตจัดตั้งสถานบริการหรือสถานประกอบการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างพระราชกฤษฎีกาฯ อย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
17686 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านสังคม ให้คณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการสำรวจและจัดทำฐานข้อมูลแรงงานประมงทั้งหมดให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน ความต้องการแรงงานประมงทั้งระบบ จำนวนแรงงานประมงต่างด้าวที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้แล้ว และจำนวนแรงงานประมงต่างด้าวดังกล่าวที่ทำงานอยู่จริง และให้พิจารณากำหนดแนวทางในการบริหารจัดการแรงงานประมง รวมทั้งการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานประมงต่างด้าวและทำงานผิดประเภท และให้นำเสนอข้อมูลดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป ๒. ด้านเศรษฐกิจ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนการดำเนินการแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับมาตรฐานการทำการเกษตร รวมทั้งคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยให้เป็นรูปธรรมชัดเจนภายในปี ๒๕๖๐ และการสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์เรียนรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร เพื่อให้เกษตรกรสามารถนำนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพได้อย่างสัมฤทธิ์ผล และสามารถขยายเครือข่ายถ่ายทอดความรู้ไปสู่ผู้ปฏิบัติให้กว้างขวางยิ่งขึ้นต่อไป ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการว่า เนื่องจากขณะนี้งานด้านการสอบสวนหรือไต่สวนในกระบวนการยุติธรรมมีขั้นตอนในการดำเนินการมาก ตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ และผู้พิพากษา ดังนั้น เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประชาชน จึงมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และกระทรวงยุติธรรมดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง นั้น ขอให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และกระทรวงยุติธรรมเร่งรัดการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและติดตามผลการดำเนินการในขั้นตอนต่าง ๆ ตามกระบวนการดำเนินคดีจนกระทั่งสิ้นสุดคดีความด้วย ๓.๒ ในการประเมินผลหรือการพิจารณาให้รางวัลเชิดชูเกียรติเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือส่วนราชการที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น นั้น ให้ทุกส่วนราชการให้ความสำคัญในการดำเนินการดังกล่าวแก่เจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติเป็นลำดับแรกก่อน ๓.๓ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเร่งประสานกับหน่วยงานหรือสถาบันการศึกษาที่ได้สร้างโปรแกรมป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสเรียกค่าไถ่ (Ransomware WannaCry) สำเร็จแล้ว เช่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เพื่อพิจารณานำโปรแกรมดังกล่าวมาเผยแพร่ให้หน่วยงานราชการ ภาคเอกชน และประชาชนได้ใช้ประโยชน์โดยเร็วต่อไป ๓.๔ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการในการกำจัดขยะมูลฝอยให้สอดคล้องตามแนวทางประชารัฐ นั้น ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) เร่งรัดดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยอาจพิจารณาดำเนินการเป็นโครงการนำร่องก่อนในเขตพื้นที่ธุรกิจ เช่น ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน ที่กำหนดให้มีการแยกประเภทขยะตั้งแต่ต้นทางที่มีการทิ้งขยะ กลางทางในส่วนของการขนย้ายขยะ และปลายทางในส่วนของการกำจัดขยะ โดยอาจพิจารณาจ้างเอกชนมาดำเนินการ (Outsource) ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ประกอบอาชีพเก็บขยะไปขายด้วย และนำเสนอผลการดำเนินการต่อนายกรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
17687 | การปรับโครงสร้างและอัตรากำลังส่วนราชการในภาพรวมทั้งระบบ | นร | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักงาน ก.พ. ร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณาแนวทางการปรับโครงสร้างและอัตรากำลังส่วนราชการในภาพรวมทั้งระบบให้สอดคล้องกับภารกิจของแต่ละหน่วยงานโดยเฉพาะหน่วยงานให้บริการประชาชน รวมถึงการยุบรวมหน่วยงานภายในที่มีภารกิจใกล้เคียงกัน เพื่อให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตลอดจนมีความก้าวหน้าของผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงาน (career path) อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ ให้พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์การบรรจุแต่งตั้งข้าราชการใหม่ที่ถูกต้อง โปร่งใส และเป็นธรรม โดยแบ่งสัดส่วนที่เหมาะสมระหว่างการเรียกบรรจุข้าราชการใหม่ และจากการคัดเลือกผู้ปฏิบัติงานในปัจจุบันของหน่วยงาน เช่น ลูกจ้าง พนักงานราชการ อย่างเหมาะสมด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
17688 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม 9 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ....) | มท | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม ๙ ฉบับ เพื่อกำหนดเขตพื้นที่ในการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดภูเก็ต จังหวัดระนอง จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสงขลา และจังหวัดหนองบัวลำภู ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการในกรณีท้องที่จังหวัดกาญจนบุรีอาจมีโรงเรียนหรือสถานศึกษา (โรงเรียนบ้านหัวนาและโรงเรียนบ้านวังสารภี) ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่กำหนดไว้เป็นเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ จึงเห็นควรดำเนินการตรวจสอบความชัดเจนเกี่ยวกับการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการต้องไม่อยู่ใกล้ชิดหรือใกล้เคียงกับที่ตั้งของโรงเรียนหรือสถานศึกษา ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง ๙ ฉบับ ประกอบด้วย ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดปราจีนบุรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดจังหวัดภูเก็ต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดระนอง พ.ศ. .... ๑.๗ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. .... ๑.๘ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดสงขลา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๙ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดหนองบัวลำภู พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการตั้งสถานบริการและสถานประกอบการอาจมีผลกระทบสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ประชาชน เมื่อร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ประกาศใช้ กระทรวงมหาดไทยควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานของรัฐควบคุมการอนุญาตจัดตั้งสถานบริการหรือสถานประกอบการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างพระราชกฤษฎีกาฯ อย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
17689 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม 9 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. ....) | มท | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม ๙ ฉบับ เพื่อกำหนดเขตพื้นที่ในการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดภูเก็ต จังหวัดระนอง จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสงขลา และจังหวัดหนองบัวลำภู ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการในกรณีท้องที่จังหวัดกาญจนบุรีอาจมีโรงเรียนหรือสถานศึกษา (โรงเรียนบ้านหัวนาและโรงเรียนบ้านวังสารภี) ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่กำหนดไว้เป็นเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ จึงเห็นควรดำเนินการตรวจสอบความชัดเจนเกี่ยวกับการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการต้องไม่อยู่ใกล้ชิดหรือใกล้เคียงกับที่ตั้งของโรงเรียนหรือสถานศึกษา ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง ๙ ฉบับ ประกอบด้วย ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดปราจีนบุรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดจังหวัดภูเก็ต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดระนอง พ.ศ. .... ๑.๗ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. .... ๑.๘ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดสงขลา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๙ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดหนองบัวลำภู พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการตั้งสถานบริการและสถานประกอบการอาจมีผลกระทบสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ประชาชน เมื่อร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ประกาศใช้ กระทรวงมหาดไทยควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานของรัฐควบคุมการอนุญาตจัดตั้งสถานบริการหรือสถานประกอบการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างพระราชกฤษฎีกาฯ อย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
17690 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม 9 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดภูเก๊ต พ.ศ. ....) | มท | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม ๙ ฉบับ เพื่อกำหนดเขตพื้นที่ในการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดภูเก็ต จังหวัดระนอง จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสงขลา และจังหวัดหนองบัวลำภู ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการในกรณีท้องที่จังหวัดกาญจนบุรีอาจมีโรงเรียนหรือสถานศึกษา (โรงเรียนบ้านหัวนาและโรงเรียนบ้านวังสารภี) ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่กำหนดไว้เป็นเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ จึงเห็นควรดำเนินการตรวจสอบความชัดเจนเกี่ยวกับการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการต้องไม่อยู่ใกล้ชิดหรือใกล้เคียงกับที่ตั้งของโรงเรียนหรือสถานศึกษา ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง ๙ ฉบับ ประกอบด้วย ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดปราจีนบุรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดจังหวัดภูเก็ต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดระนอง พ.ศ. .... ๑.๗ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. .... ๑.๘ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดสงขลา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๙ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดหนองบัวลำภู พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการตั้งสถานบริการและสถานประกอบการอาจมีผลกระทบสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ประชาชน เมื่อร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ประกาศใช้ กระทรวงมหาดไทยควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานของรัฐควบคุมการอนุญาตจัดตั้งสถานบริการหรือสถานประกอบการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างพระราชกฤษฎีกาฯ อย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
17691 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม 9 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดระนอง พ.ศ. ....) | มท | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม ๙ ฉบับ เพื่อกำหนดเขตพื้นที่ในการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดภูเก็ต จังหวัดระนอง จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสงขลา และจังหวัดหนองบัวลำภู ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการในกรณีท้องที่จังหวัดกาญจนบุรีอาจมีโรงเรียนหรือสถานศึกษา (โรงเรียนบ้านหัวนาและโรงเรียนบ้านวังสารภี) ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่กำหนดไว้เป็นเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ จึงเห็นควรดำเนินการตรวจสอบความชัดเจนเกี่ยวกับการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการต้องไม่อยู่ใกล้ชิดหรือใกล้เคียงกับที่ตั้งของโรงเรียนหรือสถานศึกษา ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง ๙ ฉบับ ประกอบด้วย ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดปราจีนบุรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดจังหวัดภูเก็ต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดระนอง พ.ศ. .... ๑.๗ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. .... ๑.๘ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดสงขลา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๙ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดหนองบัวลำภู พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการตั้งสถานบริการและสถานประกอบการอาจมีผลกระทบสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ประชาชน เมื่อร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ประกาศใช้ กระทรวงมหาดไทยควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานของรัฐควบคุมการอนุญาตจัดตั้งสถานบริการหรือสถานประกอบการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างพระราชกฤษฎีกาฯ อย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
17692 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม 9 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. ....) | มท | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม ๙ ฉบับ เพื่อกำหนดเขตพื้นที่ในการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดภูเก็ต จังหวัดระนอง จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสงขลา และจังหวัดหนองบัวลำภู ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการในกรณีท้องที่จังหวัดกาญจนบุรีอาจมีโรงเรียนหรือสถานศึกษา (โรงเรียนบ้านหัวนาและโรงเรียนบ้านวังสารภี) ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่กำหนดไว้เป็นเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ จึงเห็นควรดำเนินการตรวจสอบความชัดเจนเกี่ยวกับการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการต้องไม่อยู่ใกล้ชิดหรือใกล้เคียงกับที่ตั้งของโรงเรียนหรือสถานศึกษา ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง ๙ ฉบับ ประกอบด้วย ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดปราจีนบุรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดจังหวัดภูเก็ต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดระนอง พ.ศ. .... ๑.๗ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. .... ๑.๘ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดสงขลา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๙ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดหนองบัวลำภู พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการตั้งสถานบริการและสถานประกอบการอาจมีผลกระทบสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ประชาชน เมื่อร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ประกาศใช้ กระทรวงมหาดไทยควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานของรัฐควบคุมการอนุญาตจัดตั้งสถานบริการหรือสถานประกอบการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างพระราชกฤษฎีกาฯ อย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
17693 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม 9 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดสงขลา พ.ศ. ....) | มท | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม ๙ ฉบับ เพื่อกำหนดเขตพื้นที่ในการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดภูเก็ต จังหวัดระนอง จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสงขลา และจังหวัดหนองบัวลำภู ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการในกรณีท้องที่จังหวัดกาญจนบุรีอาจมีโรงเรียนหรือสถานศึกษา (โรงเรียนบ้านหัวนาและโรงเรียนบ้านวังสารภี) ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่กำหนดไว้เป็นเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ จึงเห็นควรดำเนินการตรวจสอบความชัดเจนเกี่ยวกับการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการต้องไม่อยู่ใกล้ชิดหรือใกล้เคียงกับที่ตั้งของโรงเรียนหรือสถานศึกษา ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง ๙ ฉบับ ประกอบด้วย ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดปราจีนบุรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดจังหวัดภูเก็ต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดระนอง พ.ศ. .... ๑.๗ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. .... ๑.๘ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดสงขลา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๙ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดหนองบัวลำภู พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการตั้งสถานบริการและสถานประกอบการอาจมีผลกระทบสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ประชาชน เมื่อร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ประกาศใช้ กระทรวงมหาดไทยควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานของรัฐควบคุมการอนุญาตจัดตั้งสถานบริการหรือสถานประกอบการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างพระราชกฤษฎีกาฯ อย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
17694 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม 9 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดหนองบัวลำภู พ.ศ. ....) | มท | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม ๙ ฉบับ เพื่อกำหนดเขตพื้นที่ในการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดภูเก็ต จังหวัดระนอง จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสงขลา และจังหวัดหนองบัวลำภู ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการในกรณีท้องที่จังหวัดกาญจนบุรีอาจมีโรงเรียนหรือสถานศึกษา (โรงเรียนบ้านหัวนาและโรงเรียนบ้านวังสารภี) ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่กำหนดไว้เป็นเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ จึงเห็นควรดำเนินการตรวจสอบความชัดเจนเกี่ยวกับการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการต้องไม่อยู่ใกล้ชิดหรือใกล้เคียงกับที่ตั้งของโรงเรียนหรือสถานศึกษา ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง ๙ ฉบับ ประกอบด้วย ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดปราจีนบุรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดจังหวัดภูเก็ต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดระนอง พ.ศ. .... ๑.๗ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. .... ๑.๘ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดสงขลา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๙ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดหนองบัวลำภู พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการตั้งสถานบริการและสถานประกอบการอาจมีผลกระทบสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ประชาชน เมื่อร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ประกาศใช้ กระทรวงมหาดไทยควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานของรัฐควบคุมการอนุญาตจัดตั้งสถานบริการหรือสถานประกอบการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างพระราชกฤษฎีกาฯ อย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
17695 | สรุปผลการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2560 และข้อเสนอเพื่อขับเคลื่อนงานด้านความปลอดภัยทางถนน | มท | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. ๒๕๖๐ และข้อเสนอเพื่อขับเคลื่อนงานด้านความปลอดภัยทางถนน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑. ผลการดำเนินการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๗ เมษายน ๒๕๖๐ จำนวนอุบัติเหตุ ๓,๖๙๐ ครั้ง จำนวนผู้เสียชีวิต ๓๙๐ ราย จำนวนยานพาหนะที่ถูกเรียกตรวจ ๕,๓๘๐,๔๘๒ คัน และจำนวนผู้ถูกดำเนินคดี ๙๑๔,๑๗๒ ราย สำหรับผลการปฏิบัติตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๖/๒๕๕๘ (เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาอันเกิดจากการขับขี่ยานพาหนะ) ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๗ เมษายน ๒๕๖๐ ตรวจพบผู้กระทำผิด ๗๐๙,๔๔๑ ราย มีการดำเนินคดี ๔๔๗,๑๙๘ ราย ยึดรถจักรยานยนต์และรถยนต์ส่วนบุคคล ๕,๖๗๗ คัน รถโดยสารสาธารณะ ๑,๘๓๕ คัน และยึดใบอนุญาตขับรถ ๑๒,๖๔๙ คัน ทั้งนี้ จากผลการวิเคราะห์การดำเนินการ พบว่า การดื่มสุราแล้วขับ เป็นมูลเหตุสันนิษฐานในการเกิดอุบัติเหตุสูงสุด สำหรับพฤติกรรมของผู้ขับขี่ในการใช้รถใช้ถนนยังคงเป็นปัญหาที่สำคัญแม้จะมีมาตรการต่าง ๆ และมีการบังคับใช้กฎหมายเพิ่มขึ้น โดยจะต้องสร้างจิตสำนึกและวินัยในการใช้รถใช้ถนน มุ่งเน้นในระบบการศึกษาของกลุ่มเด็กและเยาวชน และรณรงค์การใช้รถใช้ถนนที่ปลอดภัยควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมาย ๒. ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายเพื่อวิเคราะห์ผลการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยที่ประชุมมีข้อเสนอการดำเนินการในเชิงนโยบาย ได้แก่ (๑) การปรับปรุงแนวทางและมาตรการเพื่อลดปัจจัยเสี่ยง ประกอบด้วย การเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมาย และการรณรงค์สร้างความตระหนักรู้ และจิตสำนึก และ (๒) การปรับปรุงการบริหารจัดการ เช่น กำหนดให้เรื่อง ความปลอดภัยทางถนนเป็นวาระจังหวัด อำเภอ และท้องถิ่น จัดสรรงบประมาณ เครื่องมือ เพื่อส่งเสริมการดำเนินงานในพื้นที่ และปรับปรุงระบบฐานข้อมูลให้เป็นเอกภาพ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
17696 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางการจ้างงานเพื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการได้รับเงินสนับสนุนโดยตรงจากภาครัฐ เช่น การจ้างงานเกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง การจ้างงานนักเรียน นักศึกษา สำรวจข้อมูลในเรื่องต่าง ๆ ในช่วงปิดภาคเรียนหรือช่วงที่ยังไม่สามารถหางานทำได้ โดยให้พิจารณาลักษณะงานที่เหมาะสม เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมในแต่ละพื้นที่และสอดคล้องกับการดำเนินนโยบายประชารัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินการจ้างงานในพื้นที่ที่ภาคเอกชนให้การสนับสนุนการดำเนินการตามนโยบายประชารัฐหรือพื้นที่สาธารณประโยชน์ ๒. ด้านสังคม มอบหมายให้หน่วยงานฝ่ายความมั่นคงประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งรัดการดำเนินการปราบปรามการค้าประเวณีให้หมดสิ้นไปโดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้าประเวณีเด็ก ทั้งนี้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์พิจารณากำหนดแนวทางการให้การช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ถูกนำมาค้าประเวณีให้สามารถประกอบอาชีพและดำรงตนอยู่ในสังคมต่อไปได้อย่างเหมาะสมและยั่งยืน เช่น การจัดตั้งศูนย์ฝึกอาชีพ ศูนย์ฝึกอบรมเพื่อพัฒนาความรู้และทักษะในการทำงานให้สอดคล้องกับความถนัดหรือความต้องการเพื่อนำไปสร้างรายได้ให้กับตนเองได้ต่อไป ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดเตรียมข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศที่แสดงข้อมูลพื้นที่ป่าที่สำคัญในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทย และภาพถ่ายทางอากาศในบริเวณพื้นที่ที่ประสบปัญหาต่าง ๆ เช่น พื้นที่ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมหรือน้ำแล้ง พื้นที่ที่เป็นปัญหาที่ดินทับซ้อน พื้นที่ที่มีการร้องเรียนจากประชาชน เป็นต้น เพื่อนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี และใช้เป็นข้อมูลในการสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องแก่สาธารณชนต่อไป ๓.๒ ให้กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สถานพยาบาลของรัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่าง ๆ ที่ผลิตได้เองในประเทศและผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐานจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องแล้ว เพื่อเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการและอุตสาหกรรมด้านการสาธารณสุขของประเทศ และให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางที่เหมาะสมในการส่งเสริมให้ต่างประเทศเข้ามาลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนายาในประเทศ เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการวิจัยและพัฒนายาของภูมิภาคนี้ต่อไป ๓.๓ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) กำกับและเร่งรัดการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหากองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ ให้ได้ข้อยุติและปรากฏผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ๓.๔ ในการดำเนินการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ผลการดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ของรัฐบาล ให้กรมประชาสัมพันธ์เป็นหน่วยงานกลางประสานการดำเนินการใน ๒ ระดับ คือ ๓.๔.๑ ระดับนโยบาย ซึ่งเป็นการชี้แจงของนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี ให้มีการแบ่งการดำเนินงานของโฆษกรัฐบาลเป็นฝ่ายต่าง ๆ ตามภารกิจของรองนายกรัฐมนตรี ได้แก่ ด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านต่างประเทศ และด้านกฎหมาย ๓.๔.๒ ระดับกระทรวง ซึ่งเป็นการชี้แจงของรัฐมนตรี ให้โฆษกประจำกระทรวงของแต่ละกระทรวง สร้างการรับรู้ โดยให้มีการจัดทำเอกสารข่าวกระทรวง (Press Release) เพื่อเผยแพร่ผลการดำเนินงานของกระทรวงทุกสัปดาห์ ทั้งนี้ ให้เริ่มดำเนินการตามแนวทางข้างต้น ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) กำกับติดตามการดำเนินงานดังกล่าว และรายงานผลในภาพรวมต่อนายกรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
17697 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน รวม 2 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. ....) | กษ | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน รวม ๒ ฉบับ เพื่อให้สามารถนำที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินในเขตสำรวจการจัดรูปที่ดินมาใช้เพื่อการจัดรูปที่ดินได้ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลหัวขวาง ตำบลแห่ใต้ และตำบลเลิงใต้ อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลเมืองเก่า อำเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร ให้เป็นเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... โดยกรมส่งเสริมการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมพัฒนาที่ดิน และกระทรวงพาณิชย์ควรมีบทบาทร่วมกับกรมชลประทานในการสนับสนุนให้เกษตรกรใช้ประโยชน์จากที่ดินที่ได้จัดสรรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้มีการเพาะปลูกพืชที่มูลค่าสูงอื่น ๆ เพิ่มเติมนอกเหนือจากสินค้าข้าวอย่างครบวงจร ตั้งแต่การผลิต การแปรรูป จนถึงการตลาด เพื่อให้เกิดการพัฒนาในพื้นที่อย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
17698 | ผลการคัดเลือกเอกชน และร่างสัญญาร่วมลงทุน โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว - สำโรง ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (สายสีชมพู) | คค | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับกรณีที่กิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ (BSR Joint Venture : BSR JV) ได้ยื่นเอกสารข้อเสนอซองที่ ๓ (ข้อเสนออื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการให้บริการและการดำเนินงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย) ว่า ข้อเสนอดังกล่าวเป็นส่วนที่เพิ่มเติมจากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้เมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ และได้มีการนำข้อเสนอดังกล่าวมากำหนดไว้เป็นเอกสารแนบท้ายสัญญาหมายเลข ๑๑ ของร่างสัญญาร่วมลงทุนของทั้งสองโครงการ ซึ่งข้อ ๓๘ ของร่างสัญญาร่วมลงทุนให้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาและมีผลผูกพันเช่นเดียวกับสัญญา แต่เนื่องจากข้อเสนอซองที่ ๓ ดังกล่าว ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนและอาจมีผลกระทบต่อการดำเนินโครงการในอนาคต ดังนั้น ในชั้นนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจึงเห็นว่าไม่ควรนำข้อเสนอดังกล่าวมากำหนดไว้เป็นเอกสารแนบท้ายของร่างสัญญาร่วมลงทุน ไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงร่างสัญญาร่วมลงทุน โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
17699 | ผลการคัดเลือกเอกชน และร่างสัญญาร่วมลงทุน โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว - สำโรง ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (สายสีเหลือง) | คค | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับกรณีที่กิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ (BSR Joint Venture : BSR JV) ได้ยื่นเอกสารข้อเสนอซองที่ ๓ (ข้อเสนออื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการให้บริการและการดำเนินงานของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย) ว่า ข้อเสนอดังกล่าวเป็นส่วนที่เพิ่มเติมจากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้เมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ และได้มีการนำข้อเสนอดังกล่าวมากำหนดไว้เป็นเอกสารแนบท้ายสัญญาหมายเลข ๑๑ ของร่างสัญญาร่วมลงทุนของทั้งสองโครงการ ซึ่งข้อ ๓๘ ของร่างสัญญาร่วมลงทุนให้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาและมีผลผูกพันเช่นเดียวกับสัญญา แต่เนื่องจากข้อเสนอซองที่ ๓ ดังกล่าว ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนและอาจมีผลกระทบต่อการดำเนินโครงการในอนาคต ดังนั้น ในชั้นนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจึงเห็นว่าไม่ควรนำข้อเสนอดังกล่าวมากำหนดไว้เป็นเอกสารแนบท้ายของร่างสัญญาร่วมลงทุน ไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงร่างสัญญาร่วมลงทุน โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
17700 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. .... | อก | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ โดยกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับประเด็นข้อสังเกตเกี่ยวกับการบริหารจัดการแร่ก่อนส่งออกนอกราชอาณาจักร และการกำหนดมาตรการทางภาษีการส่งออกแร่ไปนอกราชอาณาจักร ไปเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ เพื่อเป็นข้อมูลการกำหนดยุทธศาสตร์ในการจัดทำแผนแม่บทบริหารจัดการแร่ต่อไป รวมทั้งร่วมกันพิจารณาออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อให้ได้ผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ในด้านที่เกี่ยวข้องและมีความเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่อย่างแท้จริง และร่วมกันพิจารณาทบทวนคำสั่งที่มีผลเป็นการใช้บังคับเป็นการทั่วไปให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว สำหรับการกำกับดูแลการสำรวจและการทำเหมืองเพื่อให้มีอัตรากำลังเจ้าหน้าที่อย่างเพียงพอหรือนำเทคโนโลยีมาใช้ในการกำกับดูแล และการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมที่ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในแต่ละช่วง รวมถึงอนุบัญญัติที่จะออกตามความในพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งควรจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน นั้น กระทรวงอุตสาหกรรมรับข้อสังเกตดังกล่าวไปดำเนินการ ทั้งนี้ พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๐ แล้ว ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|