ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 889 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 17761 - 17780 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
17761 | สรุปผลการดำเนินการตามโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | มท | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินการตามโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินโครงการตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๙-๓๑ มกราคม ๒๕๖๐ มีหมู่บ้านเสนอโครงการ จำนวน ๘๒,๓๓๖ โครงการ เป็นเงิน ๑๘,๖๖๐,๔๑๗,๔๙๘ บาท และหมู่บ้านเบิกจ่ายงบประมาณ จำนวน ๘๒,๓๑๘ โครงการ เป็นเงิน ๑๘,๖๔๘,๗๑๒,๕๙๐ บาท คิดเป็นร้อยละ ๙๙.๙๘ หมู่บ้านไม่สามารถดำเนินการโครงการได้ ๑๘ โครงการ เป็นเงิน ๓,๔๕๒,๐๐๐ บาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๐๒ ๒. การติดตามการดำเนินโครงการ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครองได้มีการติดตามการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินจะดำเนินการเข้าตรวจสอบการดำเนินงานโครงการ ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ๓. การประเมินผลโครงการ จากการดำเนินการโดยวิธีการสุ่มประเมินหมู่บ้าน จำนวน ๖๐๐ หมู่บ้าน ๖,๐๐๐ คน ผลการประเมินพบว่า ประชาชนมีความพึงพอใจเป็นอย่างมากต่อโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านฯ คิดเป็นร้อยละ ๙๙.๒๐ ๔. ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ได้แก่ (๑) ควรมีการจัดสรรงบประมาณในลักษณะเช่นเดียวกับโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านฯ ให้แก่หมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง (๒) การสนับสนุนงบประมาณควรเป็นไปตามขนาดของหมู่บ้าน เช่น ขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ (๓) ควรกำหนดระยะเวลาการดำเนินการตามโครงการให้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ประชาชนในพื้นที่สามารถวางแผนการดำเนินการตามโครงการได้เอง โดยไม่ต้องจ้างผู้รับจ้างดำเนินการแทน (๔) ควรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนงบประมาณลักษณะเช่นเดียวกันที่กำหนดให้หมู่บ้านเป็นผู้ดำเนินการเอง และ (๕) ควรให้หมู่บ้านดำเนินโครงการให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชนอย่างเปิดเผย โปร่งใส และตรวจสอบได้ โดยไม่ต้องกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการดำเนินโครงการตามแบบราชการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17762 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด สมัยที่ 60 | ยธ | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด (Commission on Narcotic Drugs : CND) สมัยที่ ๖๐ ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๗ มีนาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ได้เสด็จเข้าร่วมการประชุมฯ และทรงเป็นองค์ประธานเปิดกิจกรรมพิเศษ (นิทรรศการ) ของรัฐบาลไทย เพื่อนำเสนอกระบวนการพัฒนาทางเลือกในบริบทของประเทศไทย โดยได้มีพระราชดำรัสในพิธีเปิดฯ มีสาระสำคัญกล่าวถึงเวลากว่า ๗๐ ปีที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงส่งเสริมการปลูกพืชเมืองหนาวเพื่อทดแทนการปลูกฝิ่น เนื่องจากทรงเห็นสภาพปัญหาความเป็นอยู่และการขาดโอกาสของชาวไทยภูเขาในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการพัฒนาทางเลือกของไทย ซึ่งเน้นการพัฒนาแบบองค์รวม และเน้นคนเป็นศูนย์กลาง จนประสบความสำเร็จ อีกทั้งสหประชาชาติได้รับรองแนวปฏิบัติสหประชาชาติว่าด้วยพัฒนาทางเลือกสู่การปฏิบัติ ที่ประเทศไทยผลักดันจนเป็นต้นแบบที่ส่งเสริมให้ประเทศต่าง ๆ นำไปปฏิบัติเพื่อลดอุปทานยาเสพติดโลกอย่างยั่งยืน ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้กล่าวถ้อยแถลงในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ การแก้ไขปัญหายาเสพติดตามอนุสัญญาสหประชาชาติ การเทิดพระเกียรติและถวายเป็นพระราชสดุดีแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในฐานะทรงเป็นกษัตริย์นักพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหาพื้นที่ปลูกพืชเสพติด การนำเสนอความคืบหน้าในการดำเนินการปฏิรูปนโยบายแก้ไขปัญหายาเสพติดของไทย และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง นอกจากนี้ ได้ร่วมการหารือทวิภาคีกับผู้บัญชาการงานยาเสพติดแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี หัวหน้าคณะผู้แทนเยอรมนี เช่น การชื่นชมความร่วมมือในด้านการพัฒนาทางเลือกที่ดำเนินการร่วมกับรัฐบาลไทยมาอย่างยาวนาน โดยปัจจุบันดำเนินงานร่วมกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ ฝ่ายเยอรมนีให้ความสนใจในการปรับปรุงกฎหมายและนโยบายยาเสพติดของไทย รวมทั้งประเด็นการลดอันตรายจากการใช้ยาเสพติด เป็นต้น ๓. การกล่าวถ้อยแถลงของผู้แทนไทยจากหน่วยงานที่ร่วมเป็นคณะผู้แทนไทย การร่วมพิจารณาร่างข้อมติ จำนวน ๑๐ ฉบับ และร่างข้อตัดสินใจ จำนวน ๒ ฉบับ รวมทั้งการพิจารณาควบคุมสารระหว่างประเทศ จำนวนทั้งสิ้น ๑๒ ชนิด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17763 | รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ งานจ้างก่อสร้างระบบส่งน้ำและอาคารประกอบสัญญาที่ 1 โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดอุตรดิตถ์ | กษ | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการใหม่ที่มีวงเงินรวม ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ที่กรมชลประทานได้ดำเนินการประกวดราคาจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) แล้วได้ผลการประกวดราคาต่ำกว่าวงเงินงบประมาณและต่ำกว่าราคากลางที่กำหนด รวมทั้งได้ผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากสำนักงบประมาณแล้ว (รายการระบบส่งน้ำและอาคารประกอบ สัญญาที่ ๑ โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดอุตรดิตถ์ กำหนดราคากลางเป็นเงิน ๒,๑๑๑,๘๗๓,๔๖๒.๕๖ บาท ได้ผลการประกวดราคา ๑,๐๒๘,๓๘๒,๙๙๘.๕๐ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) ติดตามดูแลการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิดเพื่อให้สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จตามวัตถุประสงค์โดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17764 | รายงานผลการจัดจ้างรายการโครงการจัดตั้งศูนย์รักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งด้วยอนุภาคโปรตรอน แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน จังหวัดกรุงเทพมหานคร | สกช | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดจ้างรายการโครงการจัดตั้งศูนย์รักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งด้วยอนุภาคโปรตรอน แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน จังหวัดกรุงเทพมหานคร โดยวิธีประกวดราคา ในราคา ๑,๑๙๙,๙๙๘,๔๗๔.๖๒ บาท ซึ่งสำนักงบประมาณได้เห็นชอบความเหมาะสมของราคาดังกล่าวแล้ว โดยใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ จำนวน ๙๕๙,๙๙๘,๗๐๐ บาท และใช้เงินนอกงบประมาณสมทบ จำนวน ๒๓๙,๙๙๙,๗๗๔.๖๒ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๑๙๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอีก จำนวน ๗๖๗,๙๙๘,๗๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามที่สภากาชาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17765 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. .... | นร09 | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการ และอำนาจหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามอำนาจหน้าที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ที่ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาเกลี่ยอัตรากำลังที่มีอยู่เดิมเพื่อรองรับส่วนราชการซึ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ตามร่างกฎกระทรวงดังกล่าว ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ ก.พ. กำหนด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17766 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. 2559 รวม 7 ฉบับ | วท | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง รวม ๖ ฉบับ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาในการวางหลักประกันเกี่ยวกับวัสดุกัมมันตรังสี เครื่องกำเนิดรังสี วัสดุนิวเคลียร์ และสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ และในการเข้าดำเนินการของพนักงานเจ้าหน้าที่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตวางหลักประกันเพื่อการจัดการกากกัมมันตรังสี การจัดการเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้ว และเพื่อการเข้าดำเนินการของพนักงานเจ้าหน้าที่ ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาตเกี่ยวกับวัสดุกัมมันตรังสี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต และการต่อใบอนุญาต ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการแจ้งการมีไว้ในครอบครองหรือใช้วัสดุกัมมันตรังสี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการแจ้งการมีไว้ในครอบครองหรือนำเข้าซึ่งวัสดุกัมมันตรังสี ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาตเกี่ยวกับวัสดุนิวเคลียร์และเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้ว พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การมีไว้ในครอบครองหรือใช้วัสดุนิวเคลียร์ นำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านวัสดุนิวเคลียร์จะต้องได้รับอนุญาต รวมทั้งกำหนดให้การนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้วจะต้องได้รับใบอนุญาต ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแจ้งการครอบครองวัสดุนิวเคลียร์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้มีไว้ครอบครองวัสดุนิวเคลียร์บางประเภทที่ไม่ต้องขอรับใบอนุญาตจะต้องแจ้งการครอบครองวัสดุนิวเคลียร์ต่อเลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ๑.๖ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการโอนใบอนุญาตเกี่ยวกับวัสดุกัมมันตรังสี เครื่องกำเนิดรังสี วัสดุนิวเคลียร์และสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ พ.ศ. ....มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการโอนใบอนุญาตเกี่ยวกับวัสดุกัมมันตรังสี เครื่องกำเนิดรังสี วัสดุนิวเคลียร์และสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข เช่น ควรปรับลดเอกสารประกอบการขอรับใบอนุญาตลง คัดเฉพาะเอกสารที่จำเป็นเท่านั้น และเอกสารประกอบการขออนุญาต ควรอนุญาตให้เป็นเอกสารดิจิทัล เพื่อความสะดวก และลดภาระงาน เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. อนุมัติให้ถอนร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอรับใบอนุญาตเกี่ยวกับเครื่องกำเนิดรังสี พ.ศ. .... ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17767 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2560 | นร11 | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจไทยเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ขยายตัวต่อเนื่องเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ในด้านการใช้จ่าย ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนเพิ่มขึ้นร้อยละ ๔.๐ ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนปรับตัวลดลง โดยลดลงร้อยละ ๐.๕ เทียบกับการลดลงร้อยละ ๑.๖ ในเดือนก่อนหน้า สำหรับในด้านการผลิต ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ ๘.๒ เป็นผลจากการผลิตเพิ่มขึ้นของปาล์มน้ำมัน ข้าวโพด และอ้อย ดัชนีสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๑.๙ ตามทิศทางของตลาดโลก ในขณะที่ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงร้อยละ ๑.๕ ตามการลดลงของการผลิตในหมวดผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมซึ่งปิดซ่อมโรงกลั่นบางแห่ง ในส่วนของเสถียรภาพทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราเงินเฟ้อและอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ ดุลการค้าและดุลบริการเกินดุล ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล ๒. สถานการณ์เศรษฐกิจโลกในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ภาพรวมปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากเดือนมกราคม ๒๕๖๐ นำโดยเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาและเศรษฐกิจจีนที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ตามการขยายตัวของการผลิตภาคอุตสาหกรรม เช่นเดียวกับเศรษฐกิจกลุ่มประเทศยูโรโซนและเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ปรับตัวดีขึ้นตามภาคการผลิตและการบริโภคภายในประเทศ ในขณะที่ธนาคารกลางยุโรปและญี่ปุ่นยังคงนโยบายการเงินผ่อนคลายไว้ที่ระดับเดิม ส่วนธนาคารกลางสหรัฐอเมริกามีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ ๐.๒๕ ตามสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่มีความชัดเจนมากขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17768 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการงานเสริมความมั่นคงโครงสร้างทาง (Track Strengthening) ระหว่างสถานีชุมทางคลองสิบเก้า-สถานีชุมทางแก่งคอย ของ รฟท. กำหนดเวลาทำการ ๙๐๐ วัน ในวงเงิน ๖๒๑.๗๒๐ ล้านบาท โดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๒ ก่อน รฟท. ดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องต่อไป และให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง มาตรการสนับสนุนการเบิกจ่ายของภาครัฐในไตรมาสที่ ๔ ปี ๒๕๕๙ และเรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. รับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการดำเนินการรายการดังกล่าวควรเร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า และประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับเป็นสำคัญ และมีข้อสังเกตว่าราคาค่าก่อสร้างตามผลการประกวดราคาต่ำกว่าราคากลางค่อนข้างมาก ขอให้ รฟท. ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๓๖ เรื่อง มาตรการป้องกันหรือลดโอกาสในการสมยอมกันในการเสนอราคา พร้อมกำกับดูแลการก่อสร้างอย่างใกล้ชิด เพื่อให้งานก่อสร้างแล้วเสร็จตามวัตถุประสงค์ด้วย ไปดำเนินการต่อไปอย่างเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17769 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมสอบสวนคดีพิเศษกับกระทรวงตรวจคนเข้าเมืองและพิทักษ์เขตแดนแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย (ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเปิดเผยและการใช้ข้อมูล) | ยธ | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเปิดเผยและการใช้ข้อมูลระหว่างกรมสอบสวนคดีพิเศษ (Department of Special Investigation : DSI) แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงตรวจคนเข้าเมืองและการป้องกันเขตแดนแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย ซึ่งได้กำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับข้อตกลงในการเปิดเผยและการใช้ข้อมูลระหว่างกัน เช่น เทคนิคการสืบสวนสอบสวน วิธีการและแนวโน้มของการกระทำผิด การละเมิดกฎหมายยาเสพติด พิธีการศุลกากร การตรวจคนเข้าเมือง กฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติ เป็นต้น และให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เห็นว่า ร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีความเกี่ยวข้องกับข้อมูลของหลายหน่วยงาน เช่น กรมศุลกากร สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดังนั้น หากมีการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ กรมสอบสวนคดีพิเศษควรชี้แจงและทำความเข้าใจกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การประสานการปฏิบัติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งควรมีการทบทวนและปรับแก้ไขคำแปลร่างบันทึกความเข้าใจฯ ให้มีความละเอียดรอบคอบมากขึ้น เนื่องจากต้นฉบับคำแปลภาษาไทยบางข้อความยังมีความคลาดเคลื่อนในสาระสำคัญ โดยควรทบทวนคำแปลและเจตนารมณ์ของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ของไทยเป็นเบื้องต้นก่อน หากมีความชัดเจนแล้ว อาจทำความเข้าใจกับฝ่ายออสเตรเลียอีกครั้งหนึ่งให้มีความเห็นในประเด็นดังกล่าวตรงกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17770 | ร่างระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการ (ฉบับที่..) พ.ศ. .... และร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดแบบเอกสารตามระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการ (ฉบับที่..) พ.ศ. .... | นร01 | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ เพื่อให้สอดคล้องกับโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐในปัจจุบัน กำหนดแบบเอกสารเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารลับเพิ่มเติม รวมทั้งกำหนดให้มีการรายงานและประเมินผลการปฏิบัติเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารลับของหน่วยงานของรัฐ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงกลาโหมเกี่ยวกับนิยามของคำว่า “หัวหน้าหน่วยงานของรัฐ” ในข้อ ๔ (๑) ของร่างระเบียบฯ จากเดิม “หัวหน้าส่วนราชการที่มีฐานะเป็นนิติบุคคล สำหรับส่วนราชการในสังกัดกระทรวงกลาโหม ให้หมายความรวมถึงหัวหน้าส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กรมราชองครักษ์ กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ” แก้ไขเป็น “หัวหน้าส่วนราชการที่มีฐานะเป็นนิติบุคคล สำหรับกระทรวงกลาโหมให้หมายถึงส่วนราชการในสังกัดกระทรวงกลาโหม และหมายรวมถึงหัวหน้าส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อส่วนราชการในสังกัดกระทรวงกลาโหมดังกล่าวที่เป็นนิติบุคคลด้วย” ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. สำหรับร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดแบบเอกสารตามระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยที่เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีและจะดำเนินการออกประกาศได้ต่อเมื่อร่างระเบียบในเรื่องนี้มีผลใช้บังคับแล้ว จึงให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีฯ ไปพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยให้รับความเห็นของสำนักข่าวกรองแห่งชาติเกี่ยวกับการขับเคลื่อนให้การปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องมีการดำเนินการตามข้อ ๕๓ แห่งระเบียบฯ คือ ให้องค์การรักษาความปลอดภัยประสานการปฏิบัติในการจัดให้มีหลักเกณฑ์ วิธีการ และคำแนะนำการปฏิบัติตามระเบียบนี้ รวมทั้งการอบรมบุคลากรที่เกี่ยวข้องตามความจำเป็นและงบประมาณ รวมทั้งแบบรายงานผลการปฏิบัติเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารลับประจำปีควรจัดทำคำอธิบายการใช้งาน รายละเอียดของการกรอกแบบในแต่ละข้ออย่างชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17771 | ขอความเห็นชอบกรอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2561 ของการรถไฟแห่งประเทศไทยและองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | กค | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กรอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในวงเงินจำนวน ๓,๕๗๘.๗๗๖ ล้านบาท ๑.๒ กรอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ในวงเงินจำนวน ๒,๓๒๐.๑๐๗ ล้านบาท ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการให้บริการสาธารณะดังกล่าวควรคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้มีรายได้น้อยเป็นสำคัญ และการให้บริการที่มีมาตรฐาน รวมทั้งควรให้ความสำคัญในการควบคุมค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม มีการตรวจสอบและติดตามการใช้จ่ายให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตรงตามวัตถุประสงค์ และกรณีที่มีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากปัจจัยภายนอกใด ๆ ที่จะมีผลกระทบต่อฐานะการเงิน อาทิ ราคาน้ำมันที่เกิดขึ้นจริง ให้รัฐวิสาหกิจเร่งเสนอขอปรับปรุงวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะภายในกรอบระยะเวลาตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๕๔ เพื่อให้วงเงินอุดหนุนครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นและเป็นไปตามหลักการของการชดเชยเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ รวมทั้งความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ดังนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ (เรื่อง ขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก ๖ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๙-๓๐ เมษายน ๒๕๖๐) ที่ให้พิจารณาแนวทางการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางในภาพรวมทั้งระบบให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๒.๒ ให้กระทรวงคมนาคม โดย ขสมก. และ รฟท. เร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๙ และครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๐ ที่มอบหมายให้ ขสมก. และ รฟท. จัดทำต้นทุนมาตรฐานเพื่อใช้ในการกำกับดูแลด้านอัตราค่าโดยสารและคุณภาพการให้บริการสำหรับการกำกับดูแลรถโดยสารประจำทางให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17772 | การจัดทำและลงนามร่างความตกลงว่าด้วยการเป็นเจ้าภาพจัดงาน UNWTO World Forum on Gastronomy Tourism ครั้งที่ 4 ระหว่างรัฐบาลไทยและ องค์การการท่องเที่ยวโลก | กก | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการจัดทำร่างความตกลงว่าด้วยการเป็นเจ้าภาพจัดงาน UNWTO World Forum on Gastronomy Tourism ครั้งที่ ๔ ระหว่างรัฐบาลไทยและองค์การการท่องเที่ยวโลก (United Nations World Tourism Organization : UNWTO) มีสาระสำคัญเกี่ยวกับสิทธิความคุ้มกันและสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงเงื่อนไขสำหรับการจัดงาน โดยคาดว่าจะสามารถลงนามร่างความตกลงฯ ระหว่างรัฐบาลไทยและ UNWTO ในระหว่างงาน UNWTO World Forum on Gastronomy Tourism ครั้งที่ ๓ ระหว่างวันที่ ๘-๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ณ เมือง San Sebastian ราชอาณาจักรสเปน ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ ๑.๓ อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17773 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ | กษ | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ตามมติคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติในคราวการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๐ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) ผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (๒) ผลการดำเนินการแก้ไขกฎหมาย (๓) ร่างนโยบายการพัฒนาการประมง และ (๔) ปริมาณสัตว์น้ำสูงสุดที่อนุญาตให้ทำการประมงได้ สำหรับปี ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดทำร่างนโยบายการพัฒนาการประมงของไทย ต้องให้ความสำคัญกับการรักษาความต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างยั่งยืนโดยเฉพาะการปรับระบบการทำประมงในน่านน้ำไปสู่การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและการทำประมงนอกน่านน้ำ โดยภาครัฐควรให้การดูแลการปรับเปลี่ยนอาชีพให้กับเกษตรกรชาวประมงไปสู่การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและอาชีพอื่น ๆ ได้อย่างมั่นคง และดูแลให้การทำประมงในน่านน้ำที่ยังคงอยู่เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ควบคู่กับการสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมสินค้าประมงและผลิตภัณฑ์ประมงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของผู้บริโภค รวมทั้งลำดับความสำคัญในการดำเนินงานและจัดทำเป็นแผนปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานได้อย่างเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17774 | ข้อเสนอแนะเพื่อยกระดับดัชนีการรับรู้การทุจริต | ปช | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาข้อเสนอแนะเพื่อยกระดับดัชนีการรับรู้การทุจริตของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.) ได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอทั้ง ๔ ด้าน ได้แก่ (๑) ด้านนโยบาย (๒) ด้านเศรษฐกิจ (๓) ด้านกระบวนการยุติธรรม และ (๔) ด้านการประชาสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งที่ประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเสนอดังกล่าวสอดคล้องกับกลไกการแก้ไขปัญหาการทุจริตที่รัฐบาลที่คณะกรรมการนโยบายเพื่อเตรียมความพร้อมและประสานงานการประเมินดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชันได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๐ ตามที่สำนักงาน ป.ป.ท. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17775 | สรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องที่มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เรื่อง สิทธิชุมชน กรณีการดำเนินงานของบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่อำเภอสำโรง (Samrong) และจงกัล (chongkal) ในจังหวัดโอดอร์ เมียนเจย (Oddar Meanchey) ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของกัมพูชา | กต | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องที่มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เรื่อง สิทธิชุมชน กรณีการดำเนินงานของบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่อำเภอสำโรง (Samrong) และจงกัล (Chongkal) ในจังหวัดโอดอร์ เมียนเจย (Oddar Meanchey) ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของกัมพูชา ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศพิจารณาเห็นว่า ควรจัดตั้งกลไกหรือกำหนดภารกิจการกำกับดูแลการลงทุนในต่างประเทศของผู้ลงทุนสัญชาติไทยให้เคารพต่อหลักการพื้นฐานด้านสิทธิมนุษยชนโดยนำหลักการชี้แนะแห่งสหประชาชาติด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชน : การปฏิบัติตามกรอบการคุ้มครอง เคารพ เยียวยา มาเป็นกรอบในการดำเนินการของการลงทุนในต่างประเทศของผู้ลงทุนสัญชาติไทย และควรมีการผลักดันการปฏิบัติตามหลักการดังกล่าวเพื่อให้มีการนำหลักการดังกล่าวไปปฏิบัติอย่างจริงจังและแพร่หลายมากขึ้น โดยกระทรวงการต่างประเทศพร้อมจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงภาคเอกชนเป็นระยะ ๆ หรือเมื่อมีความจำเป็น เพื่อติดตามให้มั่นใจว่าการลงทุนในต่างประเทศของนักลงทุนไทยมีการเคารพหลักการพื้นฐานด้านสิทธิมนุษยชน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17776 | การยุติการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง | ยธ | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (กยพ.) ซี่งได้พิจารณาตัดสินชี้ขาดข้อพิพาทระหว่างกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.) กับสถานศึกษาของรัฐ กรณีสถานศึกษาของรัฐไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ที่กำหนดในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) และไม่จัดส่งคำขอรับทุนการศึกษาของนักศึกษาแก่ กรอ. ตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ ทำให้ กรอ. ได้รับความเสียหาย ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธาน กยพ. เสนอ และแจ้งให้สำนักงานอัยการสูงสุดส่งเรื่องคืนตัวความหรือส่งคำตัดสินชี้ขาดและมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องนี้ให้คู่กรณีทราบและถือปฏิบัติต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงศึกษาธิการรับข้อสังเกตของ กยพ. เกี่ยวกับกรณีข้อพิพาทระหว่าง กยศ. กับสถานศึกษาของรัฐที่ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ที่กำหนดในบันทึกข้อตกลงดังกล่าว และไม่จัดส่งคำขอรับทุนการศึกษาของนักศึกษาแก่ กรอ. นั้น ยังมีอีกหลายคดีที่จะส่งไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการตัดสินชี้ขาด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อนโยบายของรัฐบาลที่ให้ กยศ. เป็นกลไกสำคัญของรัฐบาลที่ให้การสนับสนุนการขยายโอกาสและพัฒนาการศึกษาของประเทศ และมีการบูรณาการการบริหารจัดการ กยศ. ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17777 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายสุทิน ลี้ปิยะชาติ) | นร11 | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสุทิน ลี้ปิยะชาติ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17778 | รัฐบาลสาธารณรัฐชิลีเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐชิลีประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายคริสเตียน เรเรน (Mr. Christian Rehren)] | กต | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายคริสเตียน เรเรน (Mr. Christian Rehren) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐชิลีประจำประเทศไทย โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายฮาเวียร์ เบกเกอร์ มาร์แชล (Mr. Javier Becker Marshall) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17779 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายธนากร บัวรัษฏ์) | นร06 | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายธนากร บัวรัษฏ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17780 | ขอสนับสนุนงบกลางเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรตามมาตรการช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ปี 2559/60 กรณีได้รับผลกระทบ เพิ่มเติม | กษ | 02/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินงานตามมาตรการช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ปี ๒๕๕๙/๖๐ กรณีได้รับผลกระทบ โดยคณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์จังหวัดได้ตรวจสอบและรับรองความถูกต้องของข้อมูลเกษตรกรที่ขอรับการช่วยเหลือเยียวยาฯ ข้อมูล ณ วันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๐ เกษตรกร ๑,๗๘๕,๘๒๑ ครัวเรือน วงเงิน ๕,๓๕๗.๔๖๓ ล้านบาท มีเกษตรกรที่ไม่ผ่านหลักเกณฑ์การช่วยเหลือเยียวยาฯ รวมทั้งสิ้น ๒๐๐,๔๙๘ ครัวเรือน ในพื้นที่ ๔๗ จังหวัด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ตรวจสอบความซ้ำซ้อนของเกษตรกรที่ขอรับการช่วยเหลือเยียวยาฯ และขออนุมัติงบกลางฯ จากสำนักงบประมาณแล้ว จำนวน ๑,๖๐๕,๗๖๘ ครัวเรือน วงเงิน ๔,๘๑๗.๓๐๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๙.๙๒ ของเกษตรกรที่ผ่านการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการฯ จังหวัด และได้รับการอนุมัติงบประมาณแล้ว ๑,๕๘๒,๓๕๕ ครัวเรือน วงเงิน ๔,๗๔๗.๐๖๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๘.๖๐ ของเกษตรกรที่ผ่านการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการฯ จังหวัด ๑.๒ อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในกรอบวงเงินงบประมาณ ๕๒๑.๘๕๙ ล้านบาท เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรตามมาตรการช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ปี ๒๕๕๙/๖๐ กรณีได้รับผลกระทบ เพิ่มเติม ทั้งนี้ คำขออนุมัติจัดสรรงบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ถือว่าเป็นคำขออนุมัติจัดสรรงบประมาณของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรตรวจสอบการขอรับการช่วยเหลือเยียวยาฯ ของเกษตรกรไม่ให้มีความซ้ำซ้อนและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดครบทุกขั้นตอน รวมทั้งกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณตามมาตรการดังกล่าวให้เป็นไปอย่างโปร่งใส คุ้มค่า และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนด้วย โดยในส่วนของขั้นตอนการดำเนินงานต่อไป ควรดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดและอยู่ภายใต้กรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรเป็นไปอย่างโปร่งใส รวดเร็ว และเกิดประโยชน์สูงสุด ไปดำเนินการด้วย
|
.....