ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 883 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 17641 - 17660 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
17641 | แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 31/2560 | อื่นๆ | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๓๑/๒๕๖๐ วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17642 | การขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | นร04 | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐) เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น เป็น ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐ นั้น เพื่อให้การดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นข้างต้น เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ จึงเห็นควรให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ออกไปอีกครั้งหนึ่ง เป็น ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ๒. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น เร่งรัดการดำเนินการก่อหนี้ผูกพันและการเบิกจ่ายงบประมาณดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนดอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17643 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านต่างประเทศ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาความร่วมมือและความเป็นหุ้นส่วนระหว่างประเทศไทยและประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก (Pacific Island Countries) ให้เกิดความยั่งยืนและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น จึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงพลังงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแนวทางการพัฒนาพลังงานชีวภาพ (Bioenergy) และแนวทางตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปส่งเสริม ให้ข้อมูล ความรู้ และความเข้าใจแก่ประชาชนของประเทศหมู่เกาะแปซิฟิกเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาประเทศต่อไป ๑.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางและความเป็นไปได้ในการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการประมงไทยเข้าไปประกอบธุรกิจประมง โดยเฉพาะการจับและแปรรูปสัตว์น้ำในประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก เช่น สาธารณรัฐวานูอาตู สาธารณรัฐนาอูตู และสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม รวมทั้งพิจารณาความเป็นไปได้ในการนำผลผลิตจากประเทศหมู่เกาะแปซิฟิกมาแปรรูปและพัฒนาให้เป็นสินค้าส่งออกของประเทศไทยต่อไปด้วย ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ ให้ทุกส่วนราชการพิจารณาตามกรอบอำนาจหน้าที่เพื่อกำหนดมาตรการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยกลุ่มต่าง ๆ ที่จะมีการจำแนกตามระดับรายได้ให้ได้รับรายได้เพิ่มขึ้นอย่างทั่วถึง โดยให้กำหนดเป้าหมายการดำเนินการให้ชัดเจน และบูรณาการร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องโดยใช้ข้อมูลการขึ้นทะเบียนผู้มีรายได้น้อยที่เป็นปัจจุบันมาประกอบการพิจารณาดำเนินการให้เหมาะสม ถูกต้อง เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์อาจดำเนินการเรื่องการจัดหาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย กระทรวงศึกษาธิการอาจดำเนินการเรื่องการส่งเสริมและให้โอกาสทางการศึกษาสำหรับผู้มีรายได้น้อย เป็นต้น เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของการดำเนินนโยบายในภาพรวมของรัฐบาลที่ต้องการให้การช่วยเหลือและยกระดับรายได้ของผู้มีรายได้น้อย ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้สอดคล้องกับงบประมาณที่มีอยู่ด้วย ๒.๒ ให้กระทรวงพาณิชย์ติดตามข้อมูลข่าวสารและความคืบหน้าในการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-Pacific Strategic Economic Partnership : TPP) และการเข้าเป็นภาคีความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคของอาเซียน (Regional Comprehensive Economic Partnership : RCEP) และสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ประชาชนตามความเหมาะสมต่อไป ๓. ด้านสังคม ให้กระทรวงแรงงานสำรวจข้อมูลภาวะการว่างงานของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีผู้ที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาและเริ่มเข้าสู่ตลาดแรงงานเป็นครั้งแรกเพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุของการว่างงาน และกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาการว่างงานที่เหมาะสมต่อไป ๔. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ให้ทุกส่วนราชการติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมรับมือพายุฝนฟ้าคะนองรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงนี้ในหลายพื้นที่ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๔.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยประสานไปยังหน่วยงานในพื้นที่ให้เตรียมการป้องกันปัญหาน้ำท่วมฉับพลันที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งเร่งสำรวจพื้นที่เสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชน เช่น ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาที่อาจชำรุดและไม่แข็งแรงเพียงพอ และให้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาเพื่อป้องกันการเกิดอันตรายต่อประชาชน สำหรับพื้นที่ใดที่อาจเกิดภาวะน้ำท่วมขึ้น ให้ประสานความร่วมมือไปยังหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงศึกษาธิการ (สถาบันอาชีวศึกษา) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อดำเนินการให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวโดยเร็วด้วย ๔.๒ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมประสานขอความร่วมมือภาคเอกชนเพื่อพิจารณาให้การสนับสนุนเครื่องมืออุปกรณ์ที่มีความพร้อมในการดำเนินการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาน้ำท่วม เช่น การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ รถขนาดใหญ่เพื่อขนย้ายประชาชนออกจากพื้นที่ ๔.๓ ให้กระทรวงคมนาคมเตรียมความพร้อมในการสำรวจเส้นทางการจราจรที่อาจชำรุดเสียหายในช่วงที่มีฝนตกหนัก โดยให้จัดเตรียมบุคลากร เครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด ๕. ให้ทุกหน่วยงานตรวจสอบและปรับปรุงระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) ที่อยู่ในความรับผิดชอบให้สามารถใช้งานได้อย่างครบถ้วนและมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นการป้องปรามมิให้มีการกระทำผิดกฎหมาย รวมทั้งให้สามารถตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังเพื่อสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดกฎหมายได้ ๖. ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ) ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการร่วมกันรวบรวมงานวิจัยต่าง ๆ ที่สามารถนำไปต่อยอดการดำเนินการในเชิงพาณิชย์หรือนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างเป็นรูปธรรมเพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่ทำให้ไม่สามารถนำงานวิจัยดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ได้ และให้รายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓ เดือน นั้น ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ) และกระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าว และให้ร่วมกันรวบรวมผลงานหรืองานวิจัยที่ได้รับรางวัลชนะเลิศต่าง ๆ เช่น ผลงานจากการประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมระดับโลก (The Intel International Science and Engineering Fair 2017 : Intel ISEF) เพื่อนำไปต่อยอดการดำเนินการในเชิงพาณิชย์หรือนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างเป็นรูปธรรมด้วย ๗. ให้ทุกส่วนราชการพิจารณาจัดซื้อ/จัดหาครุภัณฑ์ที่ผลิตหรือใช้วัตถุดิบในประเทศก่อนเป็นลำดับแรก เพื่อส่งเสริมภาคการผลิตในประเทศและเกิดการลงทุนในประเทศมากขึ้นต่อไป ๘. ในการจัดทำเอกสารเผยแพร่หรือสื่อประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ของส่วนราชการ ให้ทุกส่วนราชการพิจารณากำหนดรูปแบบการจัดทำและวิธีการเผยแพร่ให้เหมาะสมสอดคล้องกับการนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงตรงตามเจตนารมณ์ของการจัดทำ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17644 | ร่างพระราชกำหนดเรือไทย พ.ศ. .... และร่างพระราชกำหนดการเดินเรือ พ.ศ. .... | คค | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกำหนดเรือไทย พ.ศ. .... และร่างพระราชกำหนดการเดินเรือ พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายว่าด้วยเรือไทย และกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือในน่านน้ำไทยทั้งระบบ โดยมีการปรับปรุงโครงสร้างของกฎหมายตามหลักการเรื่องรัฐเจ้าของธง (Flag State Jurisdiction) กำหนดบทบัญญัติเรื่องการกำกับดูแลกองเรือไทย ระบบทะเบียนเรือไทย การจดทะเบียนเรือไทย การโอนกรรมสิทธิ์เรือไทย การตรวจสภาพเรือไทย การจัดการความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยของเรือและอุปกรณ์ประจำเรือ การจดทะเบียนจำนองและบุริมสิทธิเหนือเรือไทย การจำนองเรือที่อยู่ระหว่างการต่อ สิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบของเรือไทย รวมถึงคนประจำเรือและการจัดคนเข้าทำการในเรือ และปรับปรุงโครงสร้างของกฎหมายตามหลักการเรื่องรัฐชายฝั่ง (Coastal State Jurisdiction) และรัฐเมืองท่า (Port State Jurisdiction) ให้มีความทันสมัย เป็นไปตามมาตรฐานสากลและสอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในการตราพระราชกำหนดฯ ควรพิจารณาและคำนึงถึงความสอดคล้องตามข้อเสนอแนะของผู้แทนสหภาพยุโรป และการรองรับพันธกรณีตามอนุสัญญาระหว่างประเทศที่ไทยเป็นภาคีแล้วและที่จะเข้าเป็นภาคีในอนาคตอย่างครบถ้วน เพื่อป้องกันหรือลดโอกาสในการถูกบ่งชี้ข้อบกพร่องจากการตรวจประเมินข้างต้นได้ ไปประกอบการพิจารณา และให้พิจารณาความเหมาะสมของรูปแบบในการตรากฎหมายด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรและเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่ ประสานงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมประมง เป็นต้น อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินการตามพระราชกำหนดฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทราบและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเมื่อมีการบังคับใช้พระราชกำหนดฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. อนุมัติให้ถอนร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติเรือไทย พุทธศักราช ๒๔๘๑ พ.ศ. .... และร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ตามมติคณะรัฐมนตรี (๗ มีนาคม ๒๕๖๐) ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17645 | ขออนุมัติแผนแม่บทพัฒนาระบบมาตรวิทยาแห่งชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) | วท | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการแผนแม่บทพัฒนาระบบมาตรวิทยาแห่งชาติ ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นกรอบและทิศทางการขับเคลื่อนระบบมาตรวิทยาของประเทศ ประกอบด้วย ๕ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) พัฒนาขีดความสามารถทางการวัดเพื่อตอบสนองความจำเป็นและความต้องการของผู้ใช้ประโยชน์ (๒) บูรณาการโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพของประเทศให้เป็นระบบและมีสมรรถนะ (๓) ยกระดับความสามารถของผู้ประกอบการด้วยทักษะและเทคโนโลยีทางมาตรวิทยา (๔) ขับเคลื่อนสังคมคุณภาพด้วยมาตรวิทยา และ (๕) พัฒนาสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติสู่องค์กรภาครัฐที่ทันสมัยมีประสิทธิภาพ และมีความเป็นเลิศทางการวัด ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ และให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ) ดำเนินภารกิจ/กิจกรรมต่าง ๆ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ) รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ ควรกำหนดแผนงาน/โครงการที่จะดำเนินงานในแต่ละปี รวมทั้งหน่วยงานรับผิดชอบหลัก หน่วยงานสนับสนุน เพื่อแสดงให้เห็นถึงการทำงานเชิงบูรณาการระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ตลอดจนสร้างการรับรู้แก่คนทุกกลุ่มในสังคมให้มีความรู้ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับมาตรวิทยา สามารถให้นำความรู้ไปประยุกต์ใช้ ที่สำคัญเป็นการปลูกฝังวัฒนธรรมคุณภาพอย่างยั่งยืนต่อไป และให้ความสำคัญกับการบูรณาการและผลักดันโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพของประเทศให้เป็นระบบและสอดคล้องกับวิธีปฏิบัติระหว่างประเทศ รวมถึงการพัฒนากลุ่มผู้ใช้บริการมาตรวิทยาในทุกภาคส่วน นอกจากนี้ ควรมีแนวทางที่ชัดเจนที่จะนำไปสู่การทำงานเชิงบูรณาการของผู้เกี่ยวข้องอย่างแท้จริง มีตัวชี้วัดเชิงคุณภาพเพื่อสะท้อนผลการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม และให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาเพื่อรองรับอุตสาหกรรมและบริการเป้าหมายอื่น ๆ เพิ่มเติม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. เมื่อกฎหมายยุทธศาสตร์ชาติมีผลใช้บังคับแล้ว ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ) พิจารณาปรับปรุงแผนแม่บทดังกล่าวให้สอดคล้องกับกฎหมายยุทธศาสตร์ชาติ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17646 | รายงานผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ประจำปี 2559 | พม | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ประจำปี ๒๕๕๙ ซึ่งมีประเด็นสำคัญ ได้แก่ การเพิ่มงบประมาณจำนวนมากเพื่อสนับสนุนการทำงานต่อต้านการค้ามนุษย์ในทุกด้านเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม การประกาศใช้พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๐ แก้ไขเพิ่มเติมคำนิยามและลักษณะความผิดฐานค้ามนุษย์ให้มีความชัดเจนมากขึ้น การดำเนินคดีและบังคับใช้กฎหมายค้ามนุษย์ การคุ้มครองและช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ในสถานคุ้มครองของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ การให้เงินรางวัลสำหรับผู้แจ้งเบาะแสคดีค้ามนุษย์และเงินค่าตอบแทนแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับกุมผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ การขับเคลื่อนมาตรการป้องกันการค้ามนุษย์ การจัดทำพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันปราบปราม และแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ องค์กรพัฒนาเอกชน และภาคประชาสังคม รวมทั้งการส่งเสริมความร่วมมือในรูปแบบ MOU และแผนปฏิบัติการกับประเทศต่าง ๆ ทั้งประเทศต้นทาง ทางผ่าน และปลายทางของการค้ามนุษย์ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17647 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายถนนมาเจริญกับถนนบางบอน 5 พ.ศ. .... | มท | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายถนนมาเจริญกับถนนบางบอน ๕ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงท้องถิ่น สายถนนมาเจริญกับถนนบางบอน ๕ ในท้องที่แขวงหนองแขม เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่สามารถเข้าดำเนินการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับไปดำเนินการในการกำหนดราคาและค่าตอบแทนที่เป็นธรรม ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (เรื่อ งเสร็จที่ ๔๗๔/๒๕๕๑, ๘๕๓/๒๕๓๕) ประกอบกับคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ ๗๙๙/๒๕๔๕ ที่ได้เคยมีความเห็นว่า หากพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนหมดอายุลงย่อมทำให้เจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกาไม่มีอำนาจเข้าสำรวจตกลงซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ และกำหนดจำนวนเงินทดแทนได้อีกต่อไป และหากหน่วยงานของรัฐยังประสงค์จะดำเนินการสำรวจข้อเท็จจริงเพื่อประโยชน์ในการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์นั้นต่อไป ก็ต้องตราพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนฉบับใหม่ ส่วนการกำหนดเงินค่าทดแทนย้อนหลังให้แก่เจ้าของและผู้ครอบครองนั้น ไม่สามารถคำนวณเงินค่าทดแทนย้อนหลังไปถึงวันตราพระราชกฤษฎีกาฉบับแรกได้เพราะก่อให้เกิดการกำหนดราคาที่ไม่เป็นธรรมแกเผู้ถูกเวนคืน อันเป็นการขัดต่อบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ๓. ให้กรุงเทพมหานครรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรุงเทพมหานครให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลกระทบด้านการระบายน้ำภายหลังจากการก่อสร้าง เพื่อมิให้เกิดปัญหาเรื่องการระบายน้ำในพื้นที่บริเวณดังกล่าวในอนาคต และจัดลำดับความสำคัญของแผนงานโดยให้ความสำคัญกับการสร้างความยอมรับจากประชาชนในพื้นที่บริเวณจุดวิกฤตก่อนเป็นลำดับแรก เพื่อให้กรุงเทพมหานครสามารถดำเนินการได้ตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17648 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขอัตราโทษปรับในภาค 2 ความผิด) | สว | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขอัตราโทษปรับในภาค ๒ ความผิด) โดยกระทรวงยุติธรรมได้จัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบหลักการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ โดยมีข้อสังเกตเพิ่มเติมในประเด็นการเพิ่มอัตราโทษจำคุก มีปัจจัยอื่น ๆ ที่ต้องคำนึงถึงหลายประการ เช่น สถานการณ์ด้านปริมาณคดีในแต่ละช่วงระยะเวลา เป็นต้น และจะต้องมีการเปรียบเทียบอัตราโทษที่มีลักษณะเดียวกันเพื่อป้องกันไม่ให้อัตราโทษจำคุกสูงผิดปกติไปจากโทษในความผิดที่มีลักษณะเดียวกัน รวมทั้งต้องคำนึงถึงการบังคับใช้กฎหมายและการบังคับโทษประกอบด้วย และควรพิจารณาถึงกฎหมายเฉพาะในเรื่องดังกล่าว เช่น กฎหมายว่าด้วยอาหาร กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เป็นต้น ซึ่งกำหนดโทษไว้โดยเฉพาะแล้วสำหรับความผิดที่เกี่ยวข้อง และที่ประชุมได้มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรม สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับประเด็นตามข้อสังเกตดังกล่าวเพื่อทำการศึกษากำหนดโทษทางอาญาให้เหมาะสมทั้งระบบต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17649 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม 9 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. ....) | มท | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม ๙ ฉบับ เพื่อกำหนดเขตพื้นที่ในการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดภูเก็ต จังหวัดระนอง จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสงขลา และจังหวัดหนองบัวลำภู ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการในกรณีท้องที่จังหวัดกาญจนบุรีอาจมีโรงเรียนหรือสถานศึกษา (โรงเรียนบ้านหัวนาและโรงเรียนบ้านวังสารภี) ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่กำหนดไว้เป็นเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ จึงเห็นควรดำเนินการตรวจสอบความชัดเจนเกี่ยวกับการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการต้องไม่อยู่ใกล้ชิดหรือใกล้เคียงกับที่ตั้งของโรงเรียนหรือสถานศึกษา ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง ๙ ฉบับ ประกอบด้วย ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดปราจีนบุรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดจังหวัดภูเก็ต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดระนอง พ.ศ. .... ๑.๗ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. .... ๑.๘ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดสงขลา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๙ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดหนองบัวลำภู พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการตั้งสถานบริการและสถานประกอบการอาจมีผลกระทบสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ประชาชน เมื่อร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ประกาศใช้ กระทรวงมหาดไทยควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานของรัฐควบคุมการอนุญาตจัดตั้งสถานบริการหรือสถานประกอบการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างพระราชกฤษฎีกาฯ อย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17650 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร08 | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยในหน่วยงานของรัฐให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17651 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่นพิจารณาร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่นพิจารณาร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยกรุงเทพมหานครได้กำหนดเป็นมาตรการระยะยาวเพื่อลดค่าใช้จ่ายสำหรับบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ประกอบด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาประสิทธิภาพและประสิทธิผลระบบการบริหารทรัพยากรบุคคล โดยมีกลยุทธ์การวางแผนกำลังคนของกรุงเทพมหานคร เพื่อให้กรุงเทพมหานครมีแผนกำลังคนที่เป็นรูปธรรมและสอดคล้องกับภารกิจของกรุงเทพมหานครทั้งในปัจจุบันและอนาคต รวมทั้งมีกลยุทธ์พัฒนาระบบการจ้างงานให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย มีการศึกษาแนวทางการจ้างงานรูปแบบใหม่ ซึ่งจะทำให้กรุงเทพมหานครไม่ต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับบำเหน็จบำนาญหรือค่ารักษาพยาบาล นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ กรุงเทพมหานครจะจัดตั้งศูนย์ราชการสะดวก (GECC) เพื่อให้บริการประชาชน โดยลดขั้นตอนการทำงานและส่งเสริมการใช้กำลังคนในลักษณะ Multiskill เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน และยุทธศาสตร์การพัฒนาขีดสมรรถนะทรัพยากรบุคคลสู่ความเป็นเลิศ โดยมีกลยุทธ์การเสริมสร้างสมรรถนะให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับการเข้าสู่ระบบบำเหน็จบำนาญแบบกองทุนบำเหน็จบำนาญที่ประกอบด้วยเงินสมทบของรัฐและเงินสะสมของสมาชิกกองทุน อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการกรุงเทพมหานคร โดยได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษารูปแบบของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เพื่อจะได้ดำเนินการจัดทำโครงการจ้างที่ปรึกษาในการจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการต่อไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17652 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ผลการพิจารณาศึกษาพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550 และร่างพระราชบัญญัติสถานศึกษาเอกชน พ.ศ. .... ของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง ผลการพิจารณาศึกษาพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. ๒๕๕๐ และร่างพระราชบัญญัติสถานศึกษาเอกชน พ.ศ. .... โดยกระทรวงศึกษาธิการได้พิจารณาข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ แล้วเห็นด้วยในหลักการของการทบทวนความเหมาะสมของพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. ๒๕๕๐ และได้มีข้อสังเกตบางประการเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติสถานศึกษาเอกชน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17653 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับความรับผิดในทางอาญาของผู้แทนนิติบุคคล พ.ศ. .... | สว | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับความรับผิดในทางอาญาของผู้แทนนิติบุคคล พ.ศ. .... โดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือผู้ซึ่งรักษาการตามกฎหมายพิจารณาทบทวนและดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ซึ่งได้มีการแก้ไขอัตราโทษในบทกำหนดโทษให้มีความเหมาะสม โดยถืออัตราโทษจำคุกหนึ่งปี ต่ออัตราโทษปรับสองหมื่นบาท เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบและรวบรวมกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันที่มีอัตราโทษปรับที่ไม่ได้สัดส่วนกับอัตราโทษจำคุกที่กฎหมายทั่วไปกำหนดตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าว ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการเพื่อให้มีความถูกต้องครบถ้วน และจะได้ประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทราบต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17654 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2509 | มท | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๐๙ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะ ชนิด และประเภทของเครื่องแบบและระเบียบในการแต่งเครื่องแบบของกรรมการหมู่บ้าน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17655 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานทางหลวงสำหรับทางหลวงท้องถิ่น พ.ศ. .... | มท | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานทางหลวงสำหรับทางหลวงท้องถิ่น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแบบบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานทางหลวงเพื่อใช้สำหรับเจ้าพนักงานทางหลวงท้องถิ่น ให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงในปัจจุบันที่ได้มีการแก้ไข “ทางหลวงเทศบาลและทางหลวงสุขาภิบาล” เป็น “ทางหลวงท้องถิ่น” ตามมาตรา ๖ (๔) แห่งพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17656 | รัฐบาลโรมาเนียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งโรมาเนีย ประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายบ็อกดัน บาเดีย (Mr. Bogdan Badea)] | กต | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายบ็อกดัน บาเดีย (Mr. Bogdan Badea) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งโรมาเนียประจำประเทศไทย โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทนนายกรูเอีย ชาโคทา (Mr. Gruia Jacota) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17657 | รายงานการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยดำเนินการไม่ถูกต้องตามขั้นตอนในการขอเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างโครงการวิจัยสู่ภาคเอกชน โดยไม่ได้ขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนที่จะดำเนินการ | ศธ | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยดำเนินการไม่ถูกต้องตามขั้นตอนในการขอเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างโครงการวิจัยสู่ภาคเอกชน ณ โครงการพัฒนาที่ดิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สระบุรี ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน ๓ รายการ (ค่าก่อสร้างอาคารส่งเสริมศักยภาพการใช้ชีวภาพและชีวมวลในการผลิตเชื้อเพลิงและเคมีภัณฑ์เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการผลิตเชิงอุตสาหกรรมและเพื่อการส่งออกเทคโนโลยี ค่าก่อสร้างอาคารศูนย์นวัตกรรมอาหารผลิตภัณฑ์สุขภาพ และเกษตรครบวงจร และค่าก่อสร้างอาคารปฏิบัติการ จังหวัดสระบุรี) โดยไม่ได้ขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนที่จะดำเนินการ ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การเปลี่ยนแปลงเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างทั้ง ๓ รายการดังกล่าว จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนในการบริหารสัญญา โดยเห็นว่าวงเงินที่เพิ่มขึ้นนั้นใช้งบประมาณเงินรายได้ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเอง ประกอบกับงบประมาณที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับจัดสรรในครั้งนั้นมิใช่งบประมาณผูกพันข้ามปีงบประมาณ จึงนำระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติมมาใช้ในการบริหารสัญญาดังกล่าว ซึ่งไม่ได้กระทบต่อวัตถุประสงค์ในการก่อสร้างและเป็นไปเพื่อประโยชน์ของทางราชการและไม่ทำให้ราชการเสียประโยชน์ สอดคล้องกับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนในวิธีปฏิบัติประกอบกับไม่ได้กระทบต่อวัตถุประสงค์ของโครงการและเป็นไปเพื่อประโยชน์ของทางราชการ ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาได้มีหนังสือกำชับไปยังจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ใช้ความระมัดระวังและคำนึงถึงขั้นตอนในการดำเนินการและปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง และแนวปฏิบัติ รวมถึงหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17658 | สถานการณ์ด้านแรงงานเดือนกุมภาพันธ์ 2560 และประมาณการไตรมาส 1 ปี 2560 | รง | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์ด้านแรงงานเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ และประมาณการไตรมาส ๑ ปี ๒๕๖๐ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์การจ้างงาน ณ เดือนกุมภาพันธ์ อัตราการจ้างงานขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ ๑.๕๖ เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี ๒๕๖๐ โดยประมาณร้อยละ ๓-๔ และคาดการณ์ ณ ไตรมาส ๑ ปี ๒๕๖๐ อัตราการจ้างงานขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ ๒.๒๐ เนื่องจากจะมีประเภทกิจการที่เพิ่มขึ้น เช่น การผลิตเครื่องดื่ม ถนอมอาหาร ๒. สถานการณ์การว่างงาน ณ เดือนกุมภาพันธ์ อัตราว่างงานอยู่ที่ร้อยละ ๑.๑๐ และคาดการณ์ ณ ไตรมาส ๑ ปี ๒๕๖๐ อัตราว่างงานอยู่ที่ร้อยละ ๑.๒๐ เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี ๒๕๖๐ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๓-๔ ๓. สถานการณ์การเลิกจ้าง ณ เดือนกุมภาพันธ์ อัตราการเลิกจ้างลูกจ้างในระบบประกันสังคม มาตรา ๓๓ คิดเป็นร้อยละ ๐.๒๖ เนื่องจากประเภทกิจการอาจจะมีการเลิกจ้างเพิ่มขึ้น เช่น ผลิตท่อ ทำเหมืองแร่ ๔. ประเด็นแรงงานที่น่าสนใจ คือ การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ คิดเป็นร้อยละ ๑๕.๖๐ ของประชากรรวม ทำให้ตลาดแรงงานผู้สูงอายุในอนาคตขยายตัวอย่างต่อเนื่องตามแนวโน้มของโครงสร้างประชากร ดังนั้น ควรให้ความสำคัญกับประเด็นดังกล่าว เช่น ภาครัฐและภาคเอกชนต้องร่วมมือกันขับเคลื่อนแผนผู้สูงอายุแห่งชาติฉบับที่ ๒ (๒๕๔๕-๒๕๖๔)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17659 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการจ้างเหมาก่อสร้างศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย ระยะที่ 1 | คค | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ของกรมการขนส่งทางบก รายการจ้างเหมาก่อสร้างศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย ระยะที่ ๑ ในวงเงิน ๑,๓๖๐ ล้านบาท โดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม (กรมการขนส่งทางบก) รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้กระทรวงคมนาคม (กรมการขนส่งทางบก) จะต้องเร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า และประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับเป็นสำคัญ ไปดำเนินการอย่างเคร่งครัดต่อไป ๓. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง มาตรการสนับสนุนการเบิกจ่ายของภาครัฐในไตรมาสที่ ๔ ปี ๒๕๕๙ และเรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17660 | การขอยกเว้นเงื่อนไขการจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา | นร10 | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ [เรื่อง มาตรการบริหารและพัฒนากำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑)] ในส่วนของการกำหนดเงื่อนไขในการจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตามมาตรการบริหารจัดการอัตรากำลังปกติ เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย โดยให้ ก.ค.ศ. จัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการครูเฉพาะปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ คืนให้แก่โรงเรียนประถมศึกษาและโรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาสที่มีนักเรียนจำนวนน้อยกว่า ๑๒๐ คน ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ปกติแต่ประสบปัญหาการขาดแคลนอัตรากำลังครู จำนวนรวมทั้งสิ้น ๒๔๑ แห่ง โดยจัดสรรอัตรากำลังครู จำนวนรวมทั้งสิ้น ๒๕๕ อัตรา ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๐ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดสรรอัตราว่างในพื้นที่และโรงเรียนที่ขาดแคลนอัตรากำลังครูอย่างเคร่งครัด รวมทั้งเร่งรัดการสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับชุมชนเกี่ยวกับประโยชน์ที่จะได้รับจากการควบรวมโรงเรียนต่อไป และกำหนดแนวทางการดำเนินการเพื่อส่งเสริมสนับสนุนนโยบายการควบรวมโรงเรียนเพื่อให้แต่ละโรงเรียนมีจำนวนนักเรียนที่เหมาะสม และสามารถจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ได้อย่างมีคุณภาพ ภายใต้การบริหารจัดการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนพิจารณาความเป็นไปได้ของรูปแบบการจ้างงานที่หลากหลาย อาทิ การจ้างพนักงานจากภายนอกองค์กร เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาระงบประมาณภาครัฐในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|