ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 881 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 17601 - 17620 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
17601 | ร่างบันทึกแสดงเจตจำนงระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมกับกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมแห่งญี่ปุ่น | อก | 30/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในร่างบันทึกแสดงเจตจำนงระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมกับกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมแห่งญี่ปุ่น เพื่อเป็นการส่งเสริมความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างกันและให้ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EASTERN ECONOMIC CORRIDOR : EEC) เกิดผลเป็นรูปธรรม รวมทั้งเป็นการยกระดับโครงสร้างอุตสาหกรรมใน ๑๐ อุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายอุตสาหกรรม ๔.๐ (Industry 4.0) ภายใต้นโยบายไทยแลนด์ ๔.๐ ของรัฐบาล โดยจะมีการลงนามในวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๐ ในระหว่างการเยือนประเทศญี่ปุ่นวันที่ ๔-๘ มิถุนายน ๒๕๖๐ เพื่อเข้าร่วมการประชุม Thailand-Japan High Level Joint Commission : HLIC ครั้งที่ ๓ และการประชุม Nikkei Forum ครั้งที่ ๒๓ ของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมจะร่วมเดินทางไปในคณะด้วย และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในบันทึกแสดงเจตจำนงฯ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินการดังกล่าวที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เห็นควรให้กระทรวงอุตสาหกรรมปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณในโอกาสแรก สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกแสดงเจตจำนงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๔. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17602 | ผลการดำเนินงานของคณะกรรมการ สสค. ปีงบประมาณ 2560 ครึ่งปีแรก | นร | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานของสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ครึ่งปีแรก ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ประธานกรรมการ สสค. เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. แผนการดำเนินงานปีงบประมาณ ๒๕๖๐ สสค. เน้นให้ความสำคัญกับปัจจัยที่จะส่งผลดีต่อการพัฒนาคุณภาพเยาวชนและเพิ่มประสิทธิภาพในการสนับสนุนการปฏิรูปการศึกษา ได้แก่ การส่งเสริมคุณภาพของครูและสถานศึกษา การสร้างความพร้อมแก่เยาวชนในการประกอบอาชีพรวมถึงการแนะแนว และการพัฒนาและนำข้อมูลและสารสนเทศไปใช้ในลักษณะบูรณาการ ๒. ผลงานสำคัญปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ครึ่งปีแรก ได้แก่ (๑) ร่วมกับ OECD/PISA พัฒนาเครื่องมือสำหรับครูใช้ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์สร้างสรรค์ เพื่อให้ประเทศไทยมีความพร้อมในการพัฒนากำลังคนที่มีทักษะสอดคล้องกับศตวรรษที่ ๒๑ (๒) วิจัยพัฒนาฐานข้อมูลตลาดแรงงานครบถ้วนทั้ง ๑๘ กลุ่มจังหวัด เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับใช้ส่งเสริมให้เยาวชนมีความพร้อมในการประกอบอาชีพ และ (๓) พัฒนาระบบสารสนเทศ และ APP เพื่อคัดกรองเด็กยากจน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดสรรงบประมาณและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ๓. ทิศทางการดำเนินงานในภาพรวม ภารกิจของ สสค. มีลักษณะเป็นการสนับสนุนรัฐบาลในการเตรียม “คนไทย ๔.๐” ให้สอดคล้องกับการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ตามยุทธศาสตร์ชาติ "Thailand 4.0" โดยเน้นบทบาทในการวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ ๔. ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงาน เนื่องจาก สสค. ไม่มีฐานะเป็นหน่วยงานที่จะขอตั้งหรือรับงบประมาณได้เอง ทำให้ยังไม่สามารถดำเนินงานตามแผนงานพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและเพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ๔ จังหวัด ที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการได้ คณะกรรมการ สสค. จึงได้มีมติให้เสนอขอจัดตั้งเป็นสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (องค์การมหาชน) ตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยขณะนี้เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17603 | สรุปการเยือนสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานสภารัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (สภาซีเมค) | ศธ | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปการเยือนสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานสภารัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (สภาซีเมค) ระหว่างวันที่ ๑๘-๑๙ เมษายน ๒๕๖๐ ตามคำเชิญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของฟิลิปปินส์ มีประเด็นสำคัญในการตรวจเยี่ยมและรับฟังการบรรยายสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์ระดับภูมิภาคขององค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ซีมีโอ) เยี่ยมชมสถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศ และหารือข้อราชการกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของฟิลิปปินส์ ใน ๖ ประเด็น ได้แก่ (๑) การขยายการศึกษาขั้นพื้นฐานระดับมัธยมศึกษาตอนปลายให้ครบ ๑๒ ปี (๒) การศึกษาเพื่อป้องกันการติดยาเสพติด (๓) การศึกษาด้านการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีและด้านการสาธารณสุข (๔) การรับมือกับภาวะโลกร้อน (๕) การศึกษานอกระบบ และ (๖) การปราบปรามคอร์รัปชัน ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17604 | ผลการประชุมคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (กพย.) ครั้งที่ 1/2559 | นร11 | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (กพย.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการ กพย. เสนอ ซึ่งที่ประชุม กพย. มีมติรับทราบ (๑) ความก้าวหน้าในการดำเนินการตามมติ กพย. ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ จำนวน ๓ เรื่อง ได้แก่ การเพิ่มผู้แทนทางด้านกฎหมายและกิจการยุติธรรมในองค์ประกอบของ กพย. การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการภายใต้ กพย. จำนวน ๓ คณะ ได้แก่ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน คณะอนุกรรมการส่งเสริมความเข้าใจและประเมินผลการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อการสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน และการจัดทำแผนผังความเชื่อมโยงของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) กับนโยบายและยุทธศาสตร์ของประเทศ (๒) รายงานความก้าวหน้าของคณะอนุกรรมการภายใต้ กพย. ทั้ง ๓ คณะ และ (๓) การเข้าร่วมติดตามและทบทวนผลการอนุวัติวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ ในระดับชาติ โดยสมัครใจของประเทศไทย โดยเป็นการเข้าร่วมติดตามเรื่อง การลดความยากจนในประเทศ ในปี ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17605 | รายงานผลการจัดกิจกรรมการฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - ญี่ปุ่น ครบรอบ 130 ปี ณ ประเทศญี่ปุ่น | วธ | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดกิจกรรมการฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ญี่ปุ่น ครบรอบ ๑๓๐ ปี ณ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ โดยมีกิจกรรมที่สำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และนิทรรศการความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ญี่ปุ่น ครบรอบ ๑๓๐ ปี ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ณ มหาวิทยาลัยโซคา กรุงโตเกียว เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และเป็นการกระชับมิตรภาพอันดีระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ๒. การแสดงทางวัฒนธรรมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ญี่ปุ่น ครบรอบ ๑๓๐ ปี ณ โรงละครจังหวัดมิเอะ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรมและกรมศิลปากรร่วมกับศิลปินพื้นบ้าน ๔ ภาค และศิลปินแห่งชาติได้จัดการแสดงพิเศษขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ญี่ปุ่นดังกล่าว ๓. กิจกรรมเพื่อส่งเสริมความร่วมมือและแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้เข้าสักการะพระบรมรูปรัชกาลที่ห้า พระศรีศากยมุนี และเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ณ วัดนิตไทยจิ เมืองนาโกย่า รวมทั้งได้หารือกับรองผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ศิลปะโตกุงาวาเกี่ยวกับระบบการบริหาร การจัดเก็บรวบรวมโบราณวัตถุสำคัญ และการสนับสนุนการทำวิจัยทางประวัติศาสตร์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17606 | ขอให้พิจารณานำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวม 2 ฉบับ) (คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 25/2560 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติม คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 23/2560) | สลธ.คสช. | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๕/๒๕๖๐ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๓/๒๕๖๐ (มาตรการแก้ไขปัญหาความต่อเนื่องของผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ) ลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ ๒. คำสังหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๖/๒๕๖๐ เรื่อง แก้ไขปัญหาการดำเนินงานของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ลงวันที่ ๑๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17607 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลแม่สลิด อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก พ.ศ. .... | กษ | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลแม่สลิด อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลแม่สลิด อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการขุดคลองก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบ ตามโครงการระบบผันน้ำคลองตาไหลพร้อมอาคารประกอบ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17608 | ขอให้พิจารณานำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวม 2 ฉบับ) (คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 26/2560 เรื่อง การแก้ไขปัญหาการดำเนินงานของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร) | สลธ.คสช. | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๕/๒๕๖๐ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๓/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ ๒. คำสังหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๖/๒๕๖๐ เรื่อง แก้ไขปัญหาการดำเนินงานของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ลงวันที่ ๑๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17609 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม | ดศ | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (นายวีระ โรจน์พจนรัตน์) เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเพิ่มเติม เป็นลำดับที่ ๓ ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17610 | ผลการประชุมคณะอนุกรรมาธิการด้านการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย - รัสเซีย ครั้งที่ 3 | พณ | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะอนุกรรมาธิการด้านการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-รัสเซีย ครั้งที่ ๓ (The 3rd Session of Sub-Commission on Trade and Economic Cooperation) เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๖๐ ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทยและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจของรัสเซียเป็นประธานร่วมการประชุมฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการส่งเสริมการค้าและการลงทุน การจัดตั้งคณะทำงานเพื่อพัฒนาความร่วมมือการค้าการลงทุนในเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก การลดอุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษี และความคืบหน้าการดำเนินงานภายใต้ข้อตกลงเกี่ยวกับความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ ระหว่างหน่วยงานไทยและรัสเซีย และมอบหมายส่วนราชการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้เร่งรัดการดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้กระทรวงพาณิชย์รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีการหารือเพื่อแสวงหาแนวทางและลู่ทางให้แก่ผู้ประกอบการไทยในการเข้าสู่ตลาดและสามารถจำหน่ายสินค้าได้โดยตรงแก่ผู้ผลิตรถยนต์ของฝ่ายรัสเซียต่อไป ส่วนการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อเชื่อมโยงระหว่างโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ของไทย และโครงการของรัสเซียที่จะสนับสนุน EEC ในชั้นนี้ ยังไม่มีข้อเสนอในรายละเอียดเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของคณะทำงานที่ชัดเจนว่าจะร่วมดำเนินการในเรื่องใดบ้าง จึงเห็นควรให้ฝ่ายไทยหารือกับฝ่ายรัสเซียในรายละเอียดของประเด็นความร่วมมือที่ชัดเจนต่อไป เพื่อนำไปสู่การกำหนดกรอบหน้าที่ความรับผิดชอบที่สอดคล้องกับบทบาทและภารกิจของหน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย รวมทั้งให้กระทรวงพาณิชย์ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบหลักควรมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามผลการประชุมฯ เป็นระยะอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17611 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกเงินช่วยเหลือการศึกษาบุตรของข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในต่างประเทศ พ.ศ. .... | กค | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกเงินช่วยเหลือการศึกษาบุตรของข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในต่างประเทศ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ ประเภท หลักสูตร อัตราและวิธีการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในต่างประเทศ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณเห็นว่าภาระงบประมาณที่จะเพิ่มขึ้นประมาณ ๕,๓๐๙,๐๐๐ บาทต่อปี นั้น ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้วไปดำเนินการก่อน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17612 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบุคคลอื่นที่ได้รับการสงเคราะห์ พ.ศ. .... | ยธ | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบุคคลอื่นที่ได้รับการสงเคราะห์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้พนักงานคุมประพฤติให้การสงเคราะห์ตามสมควรแก่บิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือบุคคลที่เด็กหรือเยาวชนผู้ถูกคุมความประพฤติพักอาศัยอยู่ด้วย ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17613 | รายงานผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี เรื่อง การเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมไทย | วธ | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เรื่อง การเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมไทย โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๕๙ กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการจัดพิมพ์หนังสือที่เกี่ยวข้องกับศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ได้แก่ (๑) หนังสือที่จัดพิมพ์ในโอกาสสำคัญและเป็นการรวบรวมองค์ความรู้เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ในด้านศาลนา ศิลปะและวัฒนธรรม ซึ่งได้ดำเนินการจัดพิมพ์หนังสือเฉลิมพระเกียรติในวาระต่าง ๆ และจัดพิมพ์หนังสือชุดศิลปวัฒนธรรมของไทยในมิติต่าง ๆ และ (๒) หนังสือที่จัดพิมพ์เพื่อเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ในด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม และจัดให้มีการจัดจำหน่าย ประกอบด้วย หนังสือศิลปวัฒนธรรมไทย และจัดพิมพ์หนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทย ทั้งนี้ ได้ดำเนินการจัดพิมพ์หนังสือที่เกี่ยวกับศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมรวม ๑๗๔ เรื่อง จำนวน ๑,๐๙๙,๑๒๕ เล่ม ซึ่งได้มีการเผยแพร่ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ห้องสมุดสถานศึกษา คณะกรรมการ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง สำหรับยอดการจัดจำหน่าย มีจำนวน ๘,๘๒๑ เล่ม รวมรายได้จากการจำหน่ายหนังสือและนำส่งเงินเป็นรายได้แผ่นดิน เป็นเงินจำนวน ๑,๕๙๗,๓๘๖.๕๐ บาท ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17614 | (ร่าง) แผนที่นำทางการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ปี พ.ศ. 2564 - 2573 (Thailand's Nationally Determined Contribution Roadmap on Mitigation 2021 - 2030) | ทส | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ (ร่าง) แผนที่นำทางการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ปี พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๓ (Thailand’s Nationally Determined Contribution Roadmap on Mitigation 2021-2030) เพื่อเป็นกรอบการดำเนินงานที่จะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศร้อยละ ๒๐ หรือที่ ๑๑๑ ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ภายในปี พ.ศ. ๒๕๗๓ โดยดำเนินการใน ๓ สาขาหลัก (๑๕ มาตรการ) ได้แก่ สาขาพลังงานและขนส่ง สาขากระบวนการทางอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์ และสาขาการจัดการของเสีย ซึ่งเป็นสาขาที่หน่วยงานมีความพร้อมและมีศักยภาพที่สามารถลดก๊าซเรือนกระจก ณ ปี พ.ศ. ๒๕๗๓ ทั้งสิ้น ๑๑๕.๖ ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ๑.๒ มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนศักยภาพการดำเนินงานตาม (ร่าง) แผนที่นำทางฯ เพื่อสนับสนุนศักยภาพการดำเนินงานของหน่วยงานโดยครอบคลุมข้อจำกัด ความต้องการด้านการสนับสนุน และระบบ/กรอบการติดตามและรายงานผลการดำเนินงานของมาตรการต่าง ๆ ๑.๓ มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติการลดก๊าซเรือนกระจกของหน่วยงานเพื่อบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ตาม (ร่าง) แผนที่นำทางฯ ๑.๔ มอบหมายให้สำนักงบประมาณสนับสนุนและจัดสรรงบประมาณแก่หน่วยงานในการเตรียมความพร้อมและปฏิบัติการตามแผนดังกล่าว รวมถึงพิจารณาการจัดสรรงบประมาณในรูปแบบบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติในประเด็นการสร้างแรงจูงใจโดยการให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกอบการเพื่อสนับสนุนส่งเสริมให้เอกชนให้ความสนใจในการมีส่วนร่วมหรือลงทุนเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก และข้อเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการขับเคลื่อน ระยะที่ ๒ ในส่วนของการพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เครื่องมือและกลไกในการลดก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งการส่งเสริม สนับสนุน และการบังคับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตาม (ร่าง) แผนที่นำทางฯ อย่างเข้มงวดและตรวจสอบประเมินผลได้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย สำหรับงบประมาณในการเตรียมความพร้อมและปฏิบัติการตาม (ร่าง) แผนที่นำทางฯ สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณไว้ในแผนงานยุทธศาสตร์จัดการผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศและภัยพิบัติแล้ว แต่เนื่องจากในชั้นนี้ (ร่าง) แผนที่นำทางฯ ยังขาดแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะใช้เป็นกรอบในการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จึงเห็นควรให้จัดทำแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนศักยภาพการดำเนินงานตาม (ร่าง) แผนที่นำทางฯ และแผนการใช้จ่ายงบประมาณ พร้อมทั้งเป้าหมายและตัวชี้วัดให้แล้วเสร็จก่อน แล้วจึงนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณากำหนดประเด็นสำคัญในการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างการรับรู้ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องและประชาชนเกี่ยวกับการดำเนินการตาม (ร่าง) แผนที่นำทางฯ และร่วมกันบูรณาการและสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อให้สามารถดำเนินการตามแผนได้ครอบคลุมในทุกมิติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17615 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ด่านศุลกากรเชียงของ) | กค | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ด่านศุลกากรเชียงของ) มีสาระสำคัญเป็นการเปลี่ยนที่ทำการด่านศุลกากรเชียงของ ไปตั้งอยู่ที่อาคารที่ทำการด่านศุลกากรเชียงของแห่งใหม่ เลขที่ ๗๘ หมู่ที่ ๙ ตำบลเวียง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เพื่อประโยชน์และการอำนวยความสะดวกในด้านการค้า การลงทุน การขนส่งและการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ การจัดเก็บอากรศุลกากร และการตรวจตราป้องกันการกระทำความผิดตามกฎหมายศุลกากรบริเวณชายแดนทางบก รวมทั้งได้มีการแก้ไขทางอนุมัติซึ่งเป็นทางที่ใช้ขนส่งของเข้าหรือออกจากราชอาณาจักรจากเขตชายแดนมายังที่ทำการด่านศุลกากรให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนที่ทำการด่านศุลกากรเชียงของ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17616 | ขอความเห็นชอบแผนแม่บทเพื่อพัฒนาเกษตรกรรม พ.ศ. 2560 - 2564 | อื่นๆ | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแผนแม่บทเพื่อพัฒนาเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเป็นกรอบแนวทางในการบูรณาการการขับเคลื่อนการพัฒนาแก้ปัญหาของเกษตรกร/ภาคเกษตรกรรมของภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย เป็นต้น รับแผนแม่บทฯ ไปบูรณาการร่วมกับแผนพัฒนาการเกษตร ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และแผนของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการเกษตร เพื่อให้การขับเคลื่อนการพัฒนาการเกษตรของประเทศมีความเชื่อมโยงและสนับสนุนซึ่งกันและกัน นำไปสู่การทำให้ภาคเกษตรมีความเข้มแข็งและเกษตรกรพึ่งพาตนเองได้อย่างมั่นคงยั่งยืนในอนาคต ตามที่สภาเกษตรกรแห่งชาติเสนอ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณในโอกาสแรก ส่วนในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป เห็นควรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ รวมทั้งจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สภาเกษตรกรแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และข้อสังเกตของกระทรวงพาณิชย์ อาทิ เห็นควรเร่งรัดการบูรณาการแผนแม่บทฯ กับแผนพัฒนาการเกษตร ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ และแผนของหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำมาเป็นแนวทางในการจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑-๒๕๖๔ และมีข้อสังเกตเกี่ยวกับขอบเขตของระยะเวลาของแผนแม่บทฯ และการดำเนินงาน ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดและจะส่งผลกระทบต่อผลสัมฤทธิ์ที่สภาเกษตรกรแห่งชาติคาดหวังไว้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17617 | ผลการประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค (Economic Committee: EC) ครั้งที่ 1/2560 | นร11 | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค (Economic Committee : EC) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ณ เมืองญาจาง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ซึ่งที่ประชุมฯ รับทราบผลการดำเนินงานของคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค โดยมีความก้าวหน้าใน ๕ ประเด็น ได้แก่ (๑) การขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้วาระใหม่สำหรับการปฏิรูปโครงสร้างเอเปค (Renewed APEC Agenda for Structural Reform : RAASR) (๒) การดำเนินงานเรื่องความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business : EoDB) (๓) การจัดทำรายงานนโยบายเศรษฐกิจเอเปค เรื่องการปฏิรูปโครงสร้างและการพัฒนาทุนมนุษย์ ๒๕๖๐ (๔) สรุปผลการหารือกลุ่มเพื่อนประธานในเรื่องธรรมาภิบาลภาครัฐ (Public Sector Governance : PSG) และ (๕) ความร่วมมือข้ามเวที (Cross-Fora Collaboration) นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้มีการหารือระดับนโยบายในประเด็นเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง แนวทางใหม่สำหรับนโยบายการแข่งขัน และการเข้าถึงความยุติธรรมในการดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศของวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) รวมทั้งกำหนดการประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ ณ เมืองโฮจิมินห์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเพื่อดำเนินการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการปฏิรูปโครงสร้างภายใต้ RAASR ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17618 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามร่างแผนความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปี 2560 - 2562 ระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งราชอาณาจักร ไทยกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐอินเดีย | วท | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในร่างแผนความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๒ (Programme of Cooperation in the Fields of Science and Technology for the Period of 2017-2019) ระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐอินเดีย ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อเป็นกรอบในการดำเนินความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระหว่างไทย-อินเดีย ระหว่างปี ๒๕๖๐-๒๕๖๒ ครอบคลุมสาขาความร่วมมือ (๑) วิทยาศาสตร์การเกษตร (๒) ดาราศาสตร์ (๓) เทคโนโลยีชีวภาพ (๔) พลังงานหมุนเวียน (๕) เทคโนโลยีทัศนศาสตร์และโฟโตนิกส์ (๖) วิทยาศาสตร์อวกาศรวมถึงการประยุกต์ใช้ภูมิอวกาศ (๗) ชีววิทยาศาสตร์ (๘) เทคโนโลยีอาหาร และ (๙) สาขาอื่น ๆ ที่สนใจร่วมกัน โดยมีรูปแบบความร่วมมือในลักษณะของโครงการวิจัยร่วม การประชุมเชิงปฏิบัติการร่วม และการแลกเปลี่ยนการเยือน ๑.๒ อนุมัติให้ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างแผนความร่วมมือฯ ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เห็นควรให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรรไว้แล้ว โดยให้ถือปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณและเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแผนความร่วมมือฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17619 | กรอบการเจรจาสนธิสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน สนธิสัญญาว่าด้วยการโอนตัวผู้ต้องคำพิพากษาและความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาคดีอาญา และสนธิสัญญาว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเรื่องทางอาญา | กต | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการกรอบการเจรจาสนธิสัญญา ๓ ประเภท ได้แก่ (๑) สนธิสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน (๒) สนธิสัญญาว่าด้วยการโอนตัวผู้ต้องคำพิพากษาและความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาคดีอาญา (สนธิสัญญาว่าด้วยการโอนตัวนักโทษ) และ (๓) สนธิสัญญาว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเรื่องทางอาญา มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คณะผู้แทนของฝ่ายไทยได้มีกรอบท่าทีในการเจรจาจัดทำสนธิสัญญาดังกล่าวกับประเทศหรือกลุ่มประเทศต่าง ๆ ที่มีมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และกระบวนการในการดำเนินการที่แน่นอนและไม่ขัดกับหลักของกฎหมายภายในประเทศ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุดเกี่ยวกับการกำหนดกรอบการเจรจาสนธิสัญญาว่าด้วยการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเรื่องทางอาญา เรื่อง ขอบเขตความร่วมมือในเรื่องทางอาญา ควรครอบคลุมประเภทของความช่วยเหลือที่เพิ่มขึ้นตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความช่วยเหลือในการคืนทรัพย์สินที่ริบและเงินที่ศาลมีคำพิพากษาให้ชำระแทนการริบทรัพย์สินตามมาตรา ๓๕/๒ เนื่องจากพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๓๕/๒ กำหนดเงื่อนไขการให้ความช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าวไว้เฉพาะในกรณีที่มีสนธิสัญญาทวิภาคีระหว่างไทยกับประเทศผู้ร้องขอเท่านั้น ดังนั้น หากการเจรจาสนธิสัญญาดังกล่าวในอนาคตจะสามารถพูดคุยถึงการกำหนดหลักเกณฑ์ว่าด้วยการคืนทรัพย์ตามมาตรา ๓๕/๒ ก็ย่อมจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศไทยและประเทศคู่เจรจา ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. อนุมัติให้คณะผู้แทนฝ่ายไทยสามารถใช้กรอบการเจรจาสนธิสัญญาทั้ง ๓ ประเภท ในการกำหนดท่าทีในการเจรจากับประเทศต่าง ๆ รวมทั้งในกรอบพหุภาคี โดยให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานประสานส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาจัดทำสนธิสัญญาทั้ง ๓ ฉบับ และนำเรื่องดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป ๓. สำหรับการขออนุมัติองค์ประกอบของคณะผู้แทนฝ่ายไทยในการเจรจาสนธิสัญญาทั้ง ๓ ประเภท นั้น ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการอนุมัติให้เดินทางไปราชการและการจัดการประชุมของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๒๔ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการจัดทำสนธิสัญญาทั้ง ๓ ประเภท ที่ไทยได้มีการจัดทำกับประเทศต่าง ๆ ไปแล้ว การส่งผู้ร้ายข้ามแดน/การโอนตัวนักโทษที่ได้มีการดำเนินการไปแล้วภายใต้สนธิสัญญาดังกล่าวของทั้ง ๒ ฝ่าย รวมทั้งปัญหาอุปสรรคที่แต่ละฝ่ายไม่สามารถส่งผู้ร้ายข้ามแดน/โอนตัวนักโทษให้แก่กันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่ประเทศคู่ภาคีมิได้ดำเนินการตามที่ประเทศไทยร้องขอ และให้นำข้อมูลดังกล่าวเสนอนายกรัฐมนตรีโดยด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17620 | ขอความเห็นชอบการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณโครงการจัดตั้งโครงข่ายสถานีรังวัดสัญญาณดาวเทียม GNSS แบบอัตโนมัติ ตามโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2558 | กห | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กองบัญชาการกองทัพไทยปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณโครงการจัดตั้งโครงข่ายสถานีรังวัดสัญญาณดาวเทียม GNSS แบบอัตโนมัติ ตามโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๘ จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒ ในวงเงิน ๔๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้กองบัญชาการกองทัพไทยดำเนินการตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
.....