ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1507 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 30121 - 30140 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
30121 | ขออนุมัติเอกสารผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 5 และการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 2 | กต | 03/07/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ของประธานร่วมของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๕ และร่างแผนปฏิบัติการกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ซึ่งจะเป็นเอกสารผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๕ โดยร่างแถลงการณ์ฯ และร่างแผนปฏิบัติการฯ เป็นเอกสารระบุโครงการที่ญี่ปุ่นกับประเทศลุ่มน้ำโขงจะดำเนินการร่วมกันใน ๓ เสาหลักของความร่วมมือที่ระบุในยุทธศาสตร์กรุงโตเกียวเพื่อกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ได้แก่ เสาหลักที่ ๑ การเสริมสร้างความเชื่อมโยงในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง เสาหลักที่ ๒ การพัฒนาไปพร้อมกัน และเสาหลักที่ ๓ การสร้างความมั่นใจด้านความมั่นคงของมนุษย์และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ๒. เห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ของประธานร่วมของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๒ ซึ่งเป็นเอกสารผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๒ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๒.๑ ยืนยันเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกที่จะร่วมมือกันใน ๖ สาขา ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยีสารสนเทศ การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การพัฒนาทรัพยากรน้ำ การเกษตรและการพัฒนาชนบท และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งไทยรับเป็นประเทศผู้ประสานงานสาขาการเกษตรและการพัฒนาชนบท ซึ่งจะมีการดำเนินโครงการนำร่องหลายโครงการที่ประเทศสมาชิกได้จัดทำข้อเสนอโครงการฯ เบื้องต้นแล้ว เช่น การตั้งสถาบันเกี่ยวกับการขนส่ง การทำโครงการร่วมระหว่างคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงกับ Korea Water Resources Corporation เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ และการจัดทำโครงการร่วมกับสถาบันลุ่มน้ำโขงเกี่ยวกับการเจรจาการค้าในบริบทของการบูรณาการอาเซียนและการสร้างศักยภาพด้านโลจิสติกส์ ๒.๒ ระบุถึงแนวทางความร่วมมือและการดำเนินการในระยะยาว เช่น การจัดเวทีหารือภาคธุรกิจลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี (Mekong-ROK Business Forum) ในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ การจัดทำแผนปฏิบัติการลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งมีกำหนดจะประกาศในที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๔ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๗ การกำหนดปีแห่งการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลีในปี พ.ศ. ๒๕๕๗ และการตั้งกองทุนความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลีแยกต่างหากจากการให้ความช่วยเหลือของสาธารณรัฐเกาหลีที่มีอยู่แล้ว ๒.๓ ระบุถึงการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นของภูมิภาคและของโลกที่เป็นปัญหาร่วมกัน เช่น ภัยธรรมชาติ และความมั่นคงทางอาหาร ๓. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนร่วมรับรองร่างเอกสารดังกล่าว ๔. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก |
||||||||||||||||||||||||||||||
30122 | ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีและแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข | สธ | 03/07/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๓๗ (เรื่อง การแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข) และให้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข จำนวน ๗ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ กรกฎาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. ศาสตราจารย์ภิเศก ลุมพิกานนท์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ๒. ศาสตราจารย์ชัยเวช นุชประยูร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและบำบัดโรคมะเร็ง ศูนย์วิจัยจุฬาภรณ์ ๓. นายประยูร กุนาศล อดีตอธิบดีกรมควบคุมโรคติดต่อ ๔. ศาสตราจารย์อมร ลีลารัศมี ศาสตราจารย์ระดับ ๑๑ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ๕. นายบุญปลูก ชายเกตุ อดีตเลขาธิการ ก.พ. ๖. นายนิพนธ์ ฮะกีมี รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๗. นางสาวรพีสุภา หวังเจริญรุ่ง นักวิจัยอาวุโส ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
30123 | เร่งรัดการดำเนินงานเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำและป้องกันแก้ไขปัญหาอุทกภัย | นร | 03/07/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการเร่งรัดการดำเนินงานการบริหารจัดการน้ำและป้องกันแก้ไขปัญหาอุทกภัย ดังนี้
๑. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง (และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง) ที่มีโครงการในความรับผิดชอบของกระทรวงที่จะต้องดำเนินการในพื้นที่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยเฉพาะโครงการที่มีความสำคัญและจำเป็นเร่งด่วน (Flagship) ลงพื้นที่เพื่อเร่งรัดติดตามการดำเนินโครงการในความรับผิดชอบดังกล่าวให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลาที่กำหนดโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้ประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ รวมทั้งให้รัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบติดตามการปฏิบัติราชการในแต่ละจังหวัดลงพื้นที่เร่งรัดติดตามการดำเนินโครงการดังกล่าวอีกทางหนึ่งด้วย ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ประสานการดำเนินงานร่วมกับรองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) เพื่อพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินงานและสายการบังคับบัญชาของศูนย์บัญชาการ (command center) ให้เกิดความคล่องตัว รวดเร็ว ทันกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และเชื่อมโยงกับการดำเนินงานของ กบอ. และศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ รวมทั้งกับข้อมูลการพยากรณ์อากาศของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไปด้วย ๓. โดยที่นายกรัฐมนตรีจะจัดการประชุมเพื่อกำกับติดตามการดำเนินการเกี่ยวกับการบริหารจัดการและป้องกันแก้ไขปัญหาอุทกภัยทุกสัปดาห์ จึงขอให้รัฐมนตรีและผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน ในกรณีที่ท่านใดไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมได้ให้พิจารณามอบหมายผู้ที่สามารถตัดสินใจและชี้แจงข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้เป็นผู้เข้าร่วมประชุมแทน ๔. ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๕ (เรื่อง เร่งรัดการดำเนินงานแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำ) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์) เร่งรัดการดำเนินการจัดทำประกาศเชิญชวนและขอบเขตงาน (TOR) ของการดำเนินโครงการที่ใช้เงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ (๓๕๐,๐๐๐ ล้านบาท) นั้น ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมเร่งรัดการดำเนินการดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แล้วประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อดำเนินการจัดการประชุมชี้แจงผู้สนใจทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งสถานทูตต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญนำเสนอแผนงานโครงการเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำของประเทศ เพื่อที่รัฐบาลจะได้พิจารณาคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพดีที่สุดมาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
30124 | รายงานเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 | นร | 03/07/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ (กขร.) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบรายงานผลการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ของ กขร. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งมีผลการดำเนินงานในด้านการสอดส่องดูแลและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่และหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ ด้านการดำเนินการเรื่องอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ ด้านการดำเนินการเรื่องร้องเรียนของประชาชนที่มีต่อหน่วยงานของรัฐ ด้านการตอบข้อหารือการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ ด้านกฎหมาย ด้านการติดตามประเมินผลการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ และด้านการพัฒนาระบบสารสนเทศข้อมูลข่าวสารปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ๑.๒ เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์ของ กขร. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๘ ใน ๔ ยุทธศาสตร์หลัก กรอบวงเงินงบประมาณรวม ๓๗๗,๑๒๗,๓๘๐ ล้านบาท สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๒.๑ ยุทธศาสตร์การส่งเสริมสิทธิได้รู้และการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของประชาชน (กรอบงบประมาณรวมทั้งสิ้น ๑๐,๑๙๕,๙๘๐ บาท) มุ่งเน้นการส่งเสริมสิทธิการได้รู้และการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของราชการของภาคประชาชนที่กำหนดไว้ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ เช่น การส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามกฎหมาย เช่น การจัดทำข้อมูลข่าวสารเอกสารพิมพ์ลงในราชกิจจานุเบกษา การจัดให้มีข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนเข้าตรวจดูตามที่กฎหมายกำหนด การจัดหาข้อมูลให้ตามคำขอเฉพาะราย และการส่งเสริมให้ภาคประชาชนได้เรียนรู้และเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของราชการโดยผ่านการมีส่วนร่วมของหน่วยงานและเครือข่ายภาคประชาชน ๑.๒.๒ ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการข้อมูลข่าวสารของหน่วยงานภาครัฐ (กรอบงบประมาณรวมทั้งสิ้น ๒๒๒,๖๖๑,๔๐๐ บาท) มุ่งเน้นการสนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐดำเนินการพัฒนาการจัดการข้อมูลข่าวสารของหน่วยงาน เช่น การพัฒนาศูนย์ข้อมูลข่าวสารของราชการ การจัดการความรู้และการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางการสื่อสารที่หลากหลาย รวมทั้งการยกระดับข้อมูลข่าวสารไปสู่การจัดการความรู้ของหน่วยงาน ๑.๒.๓ ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างความโปร่งใสและการใช้อำนาจรัฐอย่างเป็นระบบ (กรอบงบประมาณรวมทั้งสิ้น ๑๑๖,๔๕๐,๐๐๐ บาท) มุ่งเน้นการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนากฎหมายและพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมทั้งการติดตามและประเมินผลความโปร่งใสของหน่วยงานของรัฐ โดยใช้มาตรฐานและตัวชี้วัดความโปร่งใสที่กำหนดขึ้นโดยพัฒนาระบบเครือข่ายความร่วมมือเพื่อความโปร่งใสและการใช้อำนาจรัฐเป็นการตรวจสอบให้ได้มาตรฐานสากล ๑.๒.๔ ยุทธศาสตร์การปรับโครงสร้างการบริหารจัดการแบบบูรณาการ (กรอบงบประมาณรวมทั้งสิ้น ๒๗,๘๒๐,๐๐๐ บาท) มุ่งเน้นการบริหารจัดการและการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือด้านข้อมูลข่าวสารของราชการในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ๒. สำหรับงบประมาณเพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ฯ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยจะพิจารณาให้ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป และให้ กขร. รับความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่เห็นควรให้ กขร. ศึกษารายละเอียดของพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐ ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการผ่านระบบอินเทอร์เน็ต และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับรายงานการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ซึ่งมีการรายงานจากหน่วยงานภาครัฐเพียงร้อยละ ๒๖.๔๐ ของหน่วยงานรัฐทั้งหมดที่อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ จึงควรพิจารณาเร่งรัดให้หน่วยงานราชการต่าง ๆ รายงานผลการปฏิบัติงานเพื่อสนับสนุนการบังคับใช้พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ ให้มีผลในทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น ส่วนแผนยุทธศาสตร์ฯ ที่ กขร. เสนอควรให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการข้อมูลข่าวสารของหน่วยงานภาครัฐ โดยจัดระบบข้อมูลที่ใช้ในการเผยแพร่อย่างชัดเจน รวมทั้งสร้างเครือข่ายระหว่างหน่วยงานในการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรมที่ทันสมัย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางนลินี ทวีสิน) เป็นเจ้าภาพหลักในการประสานความร่วมมือและบูรณาการการทำงานร่วมกับกระทวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารพื้นฐานของหน่วยงานต่าง ๆ มีความเป็นเอกภาพและสามารถนำไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
||||||||||||||||||||||||||||||
30125 | ขออนุมัติรับโอนข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษามาเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงศึกษาธิการ) (นางชวนี ทองโรจน์) | ศธ | 03/07/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนนางชวนี ทองโรจน์ ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ตำแหน่งรองศาสตราจารย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต มาบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่น (นักวิชาการศึกษาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
30126 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 บังคับในท้องที่บางแห่งในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลสถาน อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... | มท | 03/07/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในท้องที่บางแห่งในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลสถาน อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในท้องที่บางแห่งในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลสถาน อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เพื่อประโยชน์ในด้านการควบคุมเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย การป้องกันอัคคีภัย การสาธารณสุข การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
30127 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองนครนายก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองนครนายก พ.ศ. 2549) | มท | 03/07/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองนครนายก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมความในข้อ ๑๒ แห่งกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองนครนายก พ.ศ. ๒๕๔๙ เพื่อปรับปรุงข้อกำหนดเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทที่โล่งเพื่อนันทนาการและการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
30128 | รายงานผลรางวัล United Nations Public Service Awards 2012 ของหน่วยงานภาครัฐไทย | นร | 03/07/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. รายงานผลรางวัล United Nations Public Service Awards 2012 ของหน่วยงานภาครัฐไทย สรุปได้ ดังนี้
๑. ในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ สำนักงาน ก.พ.ร. ได้เสนอชื่อส่วนราชการไทย จำนวน ๑๙ หน่วยงาน เพื่อสมัครรับรางวัล United Nations Public Service Awards 2012 ขององค์การสหประชาชาติ ใน ๓ สาขา ได้แก่ สาขาการพัฒนาการให้บริการประชาชน (Improving the delivery of services) สาขาการส่งเสริม สนับสนุนการมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายผ่านกลไกด้านนวัตกรรม (Fostering participation in policy-making decisions through innovative mechanisms) และสาขาการเสริมสร้างการจัดการความรู้ในภาครัฐ (Advancing knowledge management in government) ผลการพิจารณารางวัลฯ หน่วยงานภาครัฐไทยผ่านรอบสุดท้ายได้รับรางวัล ๒ หน่วยงาน เป็นรางวัลชนะเลิศ ๑ หน่วยงาน และรางวัลรองชนะเลิศ ๑ หน่วยงาน ดังนี้ ๑.๑ รางวัลชนะเลิศ (1st Place Winner) ได้แก่ กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับรางวัลสาขา Fostering participation in policy-making decisions through innovative mechanisms จากผลงาน “การป้องกันและบรรเทาภัยแล้งแบบบูรณาการของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่ยม จังหวัดแพร่ (Integrated Drought Prevention and Mitigation : The Mae Yom Operation and Maintenance Office Muang District, Phrae Province, Thailand)” ๑.๒ รางวัลรองชนะเลิศ (2nd Place Winner) ได้แก่ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้รับรางวัลสาขา Advancing knowledge management in government จากผลงาน “โครงการป้องกันตาบอดในผู้ป่วยเบาหวาน (Preventing Diabetic Blindness)” ของโรงพยาบาลราชวิถี ๒. สำนักงานเลขาธิการแห่งสหประชาชาติกำหนดให้หน่วงานที่ได้รับรางวัลเข้ารับโล่และเกียรติบัตรจากเลขาธิการสหประชาชาติ รวมทั้งนำเสนอผลการพัฒนาของหน่วยงานในงาน “2012 United Nations Public Service Day, Awards Ceremony and Forum” ในระหว่างวันที่ ๒๕ - ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๕ ณ สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
|
||||||||||||||||||||||||||||||
30129 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมบริเวณอุตสาหกรรมและชุมชนแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... | นร | 03/07/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมบริเวณอุตสาหกรรมและชุมชนแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลศรีราชา ตำบลสุรศักดิ์ ตำบลหนองขาม ตำบลทุ่งสุขลา ตำบลบึง อำเภอศรีราชา และตำบลบางละมุง ตำบลตะเคียนเตี้ย ตำบลหนองปลาไหล อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคม และการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
30130 | รายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ | นร | 03/07/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ วงเงิน ๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ เป็นเงิน ๑๑๗,๖๙๖.๘๕๗ ล้านบาท ลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว จำนวน ๑๙.๗๙๔ ล้านบาท เนื่องจากได้ดำเนินการดึงเงินประจำงวดกลับคืนในระบบ GFMIS จากส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่ได้แจ้งส่งคืนงบประมาณอย่างเป็นทางการ ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจมีแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายสะสม ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๕๔ ถึงเดือนมิถุนายน ๒๕๕๕ เป็นเงิน ๘๗,๙๗๔.๓๙๑ ล้านบาท ๒. สถานะการเบิกจ่าย จำแนกออกเป็น ๒ ลักษณะ ดังนี้ ๒.๑ มิติส่วนราชการ ผลการเบิกจ่าย ณ วันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๕ จากระบบ GFMIS เป็นเงิน ๖๙,๖๓๓.๖๐๐ ล้านบาท เปรียบเทียบกับผลการเบิกจ่าย ณ วันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๕ เพิ่มขึ้น ๒,๓๐๒.๗๙๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๓.๔๒ ทั้งนี้ ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจลงนามในสัญญาหรือดำเนินการเองแล้ว เป็นเงิน ๑๐๑,๔๐๙.๑๓๗ ล้านบาท (ร้อยละ ๘๖.๑๖ ของวงเงินจัดสรร) เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๕ เป็นเงิน ๘๔๐.๐๒๘ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๘๔ ๒.๒ มิติพื้นที่ (Area) จำแนกตามจังหวัดที่ดำเนินการ ผลการเบิกจ่าย ณ วันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๕ จากระบบรายงานแผน/ผลการฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย สำนักงบประมาณ จำนวน ๗๓ จังหวัด เป็นเงิน ๕๔,๙๔๗.๘๕๘ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๒.๔๖ ๓. การส่งคืนเงินงบประมาณ ส่วนราชการแจ้งอย่างเป็นทางการส่งคืนเงินงบประมาณเหลือจ่ายและเงินงบประมาณของโครงการ/รายการ ซึ่งยังมิได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างในขั้นตอนการประกาศประกวดราคา หรือกรณีงานดำเนินการเองที่ยังไม่ได้เริ่มปฏิบัติงานภายในวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๕ จำนวน ๔๒ หน่วยงาน รวมเป็นเงิน ๕,๐๒๕.๘๔๑ ล้านบาท ซึ่งสำนักงบประมาณจะดำเนินการดึงเงินประจำงวดกลับคืนตามจำนวนดังกล่าวในระบบ GFMIS ต่อไป ๔. การติดตามผลการปฏิบัติงานตามกลุ่มจังหวัดต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ๔.๑ การปฏิบัติงานกลุ่มจังหวัดต้นน้ำ จำนวน ๑๑ จังหวัด คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๕ มีทั้งสิ้น ๑,๔๔๕ รายการ วงเงินจัดสรรทั้งสิ้น ๒,๗๑๘.๔๓๒ ล้านบาท เบิกจ่ายทั้งสิ้น ๑,๑๘๗.๗๙๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๓.๖๙ ของแผนการใช้จ่ายสะสม มีความก้าวหน้าในการดำเนินงานโดยเฉลี่ยร้อยละ ๖๔.๑๘ ๔.๒ การปฏิบัติงานกลุ่มจังหวัดกลางน้ำ จำนวน ๖ จังหวัด คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๕ มีทั้งสิ้น ๒,๑๕๓ รายการ วงเงินจัดสรรทั้งสิ้น ๖,๒๓๒.๓๗๐ ล้านบาท เบิกจ่ายทั้งสิ้น ๒,๘๗๐.๙๗๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๘.๕๘ ของแผนการใช้จ่ายสะสม มีความก้าวหน้าในการดำเนินงานโดยเฉลี่ยร้อยละ ๓๘.๗๐ ๔.๓ การปฏิบัติงานกลุ่มจังหวัดปลายน้ำ จำนวน ๑๕ จังหวัด คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายภายในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๕ มีทั้งสิ้น ๖,๖๕๐ รายการ วงเงินจัดสรรทั้งสิ้น ๒๐,๖๒๓.๗๖๒ ล้านบาท เบิกจ่ายทั้งสิ้น ๖,๔๒๐.๙๓๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๒.๕๕ ของแผนการใช้จ่ายสะสม มีความก้าวหน้าในการดำเนินงานโดยเฉลี่ยร้อยละ ๕๙.๓๕
|
||||||||||||||||||||||||||||||
30131 | สรุปผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร เดือนเมษายน พ.ศ. 2555 | ทก | 03/07/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร เดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผู้ที่อยู่ในวัยกำลังแรงงาน มีจำนวนทั้งสิ้น ๓๘.๙๑ ล้านคน ประกอบด้วย ผู้มีงานทำ ๓๘.๑๔ ล้านคน ผู้ว่างงาน ๓.๗๗ แสนคน และผู้ที่รอฤดูกาล ๓.๘๙ แสนคน โดยผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงานมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันกับปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๙.๘ แสนคน (จาก ๓๗.๙๓ ล้านคน เป็น ๓๘.๙๑ ล้านคน) ๒. ผู้มีงานทำ มีจำนวนทั้งสิ้น ๓๘.๑๔ ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันกับปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๗.๗ แสนคน (จาก ๓๗.๓๗ ล้านคน เป็น ๓๘.๑๔ ล้านคน) หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒.๑ โดยผู้ทำงานเพิ่มขึ้น ได้แก่ ผู้ทำงานในสาขาการเกษตร สาขาการผลิต สาขาการขายส่ง การขายปลีก การซ่อมยานยนต์ และรถจักรยานยนต์ สาขาการบริหารราชการ การป้องกันประเทศ และการประกันสังคมภาคบังคับ สาขากิจกรรมทางการเงิน และการประกันภัย ส่วนผู้ทำงานลดลง ได้แก่ ผู้ทำงานในสาขาที่พักแรมและการบริการด้านอาหาร สาขาการขนส่ง และสถานที่เก็บสินค้า สาขากิจกรรมด้านสุขภาพและงานสังคมสงเคราะห์ สาขาการก่อสร้าง สาขากิจกรรมบริการด้านอื่น ๆ เช่น กิจกรรมบริการเพื่อสร้างเสริมสุขภาพร่างกาย การดูแลสัตว์เลี้ยง การบริการซักรีดและซักแห้ง ฯลฯ สาขาการศึกษา และสาขากิจกรรมอสังหาริมทรัพย์ ๓. ผู้ว่างงานทั่วประเทศ มีจำนวน ๓.๗๗ แสนคน คิดเป็นอัตราการว่างงานร้อยละ ๑.๐ ของกำลังแรงงานรวม (เพิ่มขึ้น ๙.๒ หมื่นคน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปี พ.ศ. ๒๕๕๔) ประกอบด้วย ผู้ว่างงานที่ไม่เคยทำงานมาก่อน จำนวน ๑.๖๘ แสนคน และผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อน จำนวน ๒.๐๙ แสนคน โดยเป็นผู้ว่างงานที่มาจากภาคการบริการและการค้า ๗.๖ หมื่นคน ภาคการผลิต ๗.๐ หมื่นคน และภาคเกษตรกรรม ๖.๓ หมื่นคน ผู้ว่างงานผู้มีการศึกษาอยู่ในระดับอุดมศึกษา จำนวน ๑.๔๗ แสนคน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ๘.๓ หมื่นคน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ๗.๑ หมื่นคน ระดับประถมศึกษา ๔.๑ หมื่นคน และไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษา ๓.๕ หมื่นคน ผู้ว่างงานส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๑.๕๖ แสนคน ภาคกลาง ๘.๖ หมื่นคน ภาคใต้ ๖.๖ หมื่นคน ภาคเหนือ ๔.๕ หมื่นคน และกรุงเทพมหานคร ๒.๔ หมื่นคน หากคิดเป็นอัตราการว่างงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้มีอัตราการว่างงานสูงสุด ร้อยละ ๑.๒ ภาคกลาง ร้อยละ ๐.๙ กรุงเทพมหานครและภาคเหนือมีอัตราการว่างงาน ร้อยละ ๐.๖
|
||||||||||||||||||||||||||||||
30132 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลหัวไผ่ อำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ให้เป็นเขตโครงการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 03/07/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลหัวไผ่ อำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ให้เป็นเขตโครงการจัดรูปที่ดิน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลหัวไผ่ อำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ให้เป็นเขตโครงการจัดรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
30133 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลริมโขง และตำบลเวียง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 03/07/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลริมโขง และตำบลเวียง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลริมโขง และตำบลเวียง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
30134 | งบการเงินประจำปี 2554 ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย | พน | 03/07/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการตรวจสอบรับรองงบการเงินของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ และ ๒๕๕๓ ซึ่งผ่านการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. งบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ และ ๒๕๕๓ ๑.๑ งบการเงินรวม ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ กฟผ. มีสินทรัพย์รวม ๔๙๕,๕๓๔,๒๖๖,๕๙๔ บาท และงบการเงินรวม ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ (ปรับปรุงใหม่) กฟผ. มีสินทรัพย์รวม ๔๖๙,๖๘๐,๘๑๗,๕๖๖ บาท ๑.๒ งบการเงินเฉพาะ กฟผ. ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ มีสินทรัพย์รวม ๓๙๙,๑๔๔,๗๖๕,๐๙๑ บาท และงบการเงินเฉพาะ กฟผ. ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ (ปรับปรุงใหม่) มีสินทรัพย์รวม ๔๐๑,๓๓๓,๕๓๙,๖๘๖ บาท ๒. งบกำไรขาดทุน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ และ ๒๕๕๓ ๒.๑ งบการเงินรวม ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ กฟผ. มีรายได้รวม ๔๑๘,๔๔๕,๑๙๒,๑๑๒ บาท ค่าใช้จ่ายรวม ๑๗,๐๑๔,๕๒๑,๘๒๖ บาท มีกำไรสุทธิ ๓๔,๒๔๔,๗๖๘,๘๖๙ บาท ๒.๒ งบการเงินรวม ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ (ปรับปรุงใหม่) กฟผ. มีรายได้รวม ๔๐๕,๔๔๕,๐๕๗,๓๓๗ บาท ๒.๓ งบการเงินเฉพาะ กฟผ. ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ มีรายได้รวม ๔๑๙,๘๒๗,๑๙๐,๖๓๙ บาท ค่าใช้จ่ายรวม ๑๕,๒๔๐,๘๔๔,๘๑๕ บาท มีกำไรสุทธิ ๓๐,๗๐๔,๑๖๗,๕๑๔ บาท ๒.๔ งบการเงินเฉพาะ กฟผ. ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ (ปรับปรุงใหม่) กฟผ. มีรายได้รวม ๔๐๗,๑๗๗,๔๔๙,๒๔๔ บาท ค่าใช้จ่ายรวม ๑๔,๖๗๙,๗๙๘,๒๙๘ บาท มีกำไรสุทธิ ๓๔,๗๗๗,๕๓๗,๕๑๙ บาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
30135 | รายงานการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านการศึกษาเอเปค ครั้งที่ 5 | ศธ | 03/07/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านการศึกษาเอเปค ครั้งที่ ๕ (The 5th APEC Education Ministerial Meeting : AEEM) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๑ - ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ณ เมืองเคียงจู สาธารณรัฐเกาหลี โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเข้าร่วมการประชุมฯ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สรุปผลการประชุมฯ ได้ ดังนี้
๑. การประชุมเต็มคณะ แบ่งออกเป็น ๓ หัวข้อ ได้แก่ ๑.๑ โลกาภิวัตน์ ในหัวข้อเรื่อง Globalization : Preparing students with the future skills required for college and career readiness in globalized, knowledge - base economy ซึ่งแบ่งออกเป็น ๒ หัวข้อย่อย ได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาศาสตร์และวัฒนธรรมศึกษา โดยสหพันธรัฐรัสเซียและเปรูเป็นผู้นำเสนอผลงานวิจัยและคุณภาพของเทคนิคและการอาชีวศึกษาและฝึกอบรม และคุณภาพของการอุดมศึกษา โดยสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นผู้นำเสนอผลงานวิจัย ทั้งนี้ ประเทศไทยนำเสนอต่อที่ประชุมฯ ในหัวข้อนี้ว่า เพื่อให้นักเรียนไทยสามารถใช้ภาษาอื่นในการติดต่อสื่อสาร ประเทศไทยจึงได้ผลักดันการดำเนินโครงการอาสาสมัครภาษาอังกฤษและภาษาจีน เพื่อให้ร้อยละ ๘๐ ของนักเรียนไทยสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยอาสาสมัครช่วยสอนภาษาอังกฤษอย่างน้อย ๒,๐๐๐ คน ส่วนภาษาจีน เป็นภาษาหนึ่งที่ได้รับความนิยมในช่วงปีที่ผ่านมา และมีความสำคัญต่อความเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยประเทศไทยมีนักเรียนเกือบ ๓๐๐,๐๐๐ คน จากโรงเรียน ๗๐๐ แห่ง กำลังศึกษาภาษาจีน โดยจะมีอาสาสมัคร จำนวน ๔,๐๐๐ คน เข้ามาช่วยในโครงการด้วย ๑.๒ นวัตกรรม ในหัวข้อเรื่อง The need to create instructional delivery system that help students address challenges in innovative way ซึ่งแบ่งออกเป็น ๒ หัวข้อย่อย ได้แก่ เทคโนโลยีสารสนเทศในแวดวงการศึกษา โดยสาธารณรัฐเกาหลีเป็นผู้นำเสนอผลงานวิจัย และคุณภาพครู โดยสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำเสนอผลงานวิจัย ทั้งนี้ ประเทศไทยนำเสนอต่อที่ประชุมฯ ในหัวข้อนี้ว่า การนำ ICT มาใช้ในการจัดการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพจำเป็นต้องมีการกำหนดนโยบายเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน เนื้อหาและภาษา หลักสูตรและวิธีการสอน ความพร้อมของสถาบัน ศักยภาพครูและการได้รับการสนับสนุนด้านการเงินระยะยาวเข้าด้วยกัน โดยประเทศไทยกำลังดำเนินการจัดหาคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตแจกให้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ และขยายการมอบแท็บเล็ตให้แก่นักเรียนในระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยเห็นว่าคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตและอินเทอร์เน็ตแบบไร้สายเป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งในการจัดการศึกษาเท่านั้น อีกทั้งยังตระหนักถึงคุณค่าของหนังสือต่าง ๆ ซึ่งจะแจกคูปองแทนเงินสดให้แก่นักเรียนเพื่อนำไปซื้อหนังสืออ่านด้วย ๑.๓ ความร่วมมือ ในหัวข้อเรื่อง Cooperation : Changes in the nature of work and instruction demand that education policy making, reform efforts, and program implementation should be more collaborative and gold โดยสาธารณรัฐเกาหลีนำเสนอผลงานเรื่อง People collaboration โดยเสนอการจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อสนับสนุนความร่วมมือด้านการศึกษาในเอเปค และเห็นชอบโครงการใหม่ของเครือข่ายการศึกษา (EDNET) เพื่อการวางแผนและการดำเนินการจัดประชุมระดับภูมิภาคและการวิจัยเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือด้านการศึกษาในช่วงการริเริ่มความร่วมมืออีกด้วย ๒. ที่ประชุมฯ เห็นชอบให้เครือข่ายการศึกษา (EDNET) รายงานเกี่ยวกับข้อสรุปจากการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านการศึกษาเอเปค ครั้งที่ ๕ ต่อที่ประชุมผู้นำเอเปค ซึ่งจะจัดที่กรุงวลาดิวาสต็อก สหพันธรัฐรัสเซีย ในเดือนกันยายน ๒๕๕๕ โดยผ่านทางคณะทำงานพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (HRDWG) ของเอเปค
|
||||||||||||||||||||||||||||||
30136 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลบ้านซ่าน อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย พ.ศ. ... | มท | 03/07/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลซ่าน อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลบ้านซ่าน อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย บางส่วน เนื้อที่ประมาณ ๔ ไร่ ๖๗ ๓/๑๐ ตารางวา เพื่อมอบให้กระทรวงสาธารณสุขใช้ก่อสร้างโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านซ่านและบ้านพักข้าราชการ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
30137 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 28 กรกฎาคม 2555 พ.ศ. .... | กค | 03/07/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๕ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ น้ำหนัก ขนาด อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ลวดลาย และลักษณะอื่น ๆ ของเหรียญกษาปณ์ทองคำ ราคาหนึ่งหมื่นหกพันบาท หนึ่งชนิด เหรียญกษาปณ์เงิน ราคาแปดร้อยบาท หนึ่งชนิด และเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ราคาห้าสิบบาท หนึ่งชนิด ออกใช้เพื่อเป็นที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
30138 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายชัชวาลย์ บุญเจริญกิจฯ) | คค | 03/07/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงคมนาคม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. นายชัชวาลย์ บุญเจริญกิจ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมเจ้าท่า ๔. นายจุฬา สุขมานพ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร
|
||||||||||||||||||||||||||||||
30139 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555 พ.ศ. .... | กค | 03/07/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนด ชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ น้ำหนัก ขนาด อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ลวดลาย และลักษณะอื่น ๆ ของเหรียญกษาปณ์ทองคำ ราคาหนึ่งหมื่นหกพันบาท หนึ่งชนิด เหรียญกษาปณ์เงิน ราคาแปดร้อยบาท หนึ่งชนิด และเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ราคายี่สิบบาท หนึ่งชนิด ออกใช้เพื่อเป็นที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน ๒. ให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมบัญชีท้ายกฎกระทรวงในคำอธิบายลวดลายของเหรียญด้านหลัง เป็น “กลางเหรียญมีตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ ...” ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
30140 | ร่างกฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับเงินเดือนสูงกว่าหรือต่ำกว่าขั้นต่ำ หรือสูงกว่าขั้นสูงของอันดับ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 03/07/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับเงินเดือนสูงกว่าหรือต่ำกว่าขั้นต่ำ หรือสูงกว่าขั้นสูงของอันดับ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับเงินเดือนสูงกว่าหรือต่ำกว่าขั้นต่ำ หรือสูงกว่าขั้นสูงของอันดับ พ.ศ. ๒๕๕๓ ให้สอดคล้องกับโครงสร้างและระบบเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูง และเป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาการปรับเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๔ การปรับอัตราเงินเดือนชดเชยกรณีมีกฎหมายหรือมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพของข้าราชการ หรือการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุ โดยมีผลกระทบเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่รับราชการอยู่ก่อนมีการให้ได้รับเงินเพิ่มการครองชีพหรือปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ. และสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรกำหนดตารางเทียบขั้นเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาให้สอดคล้องกับการปรับปรุงแก้ไขร่างกฎ ก.ค.ศ.ฯ เพื่อให้เกิดความชัดเจน และให้ตัดร่างข้อ ๓ ของร่างกฎ ก.ค.ศ. ฯ ที่กำหนดให้กรณีที่มีกฎหมายหรือมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพของข้าราชการ หรือการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุ และร่างข้อ ๗ ที่กำหนดให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ได้รับเงินเดือนถึงขั้นสูงของอันดับเงินเดือนของตำแหน่งและวิทยฐานะในอันดับ คศ.๒ ให้มีสิทธิได้รับเงินเดือนสูงกว่าขั้นสูงของอันดับเดิม โดยให้ไปอาศัยรับเงินเดือนในอันดับถัดไปได้อีกหนึ่งอันดับ ออกจากร่างกฎ ก.ค.ศ. ฯ ส่วนกรณีการปรับเงินชดเชยให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้รับราชการอยู่ก่อน โดยให้ได้รับเงินเดือนสูงกว่าขั้นสูงของอันดับเงินเดือนเดิมที่ได้รับอยู่ได้ ตามหลักเกณฑ์ที่ ก.ค.ศ. กำหนด โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี นั้น การได้รับเงินค่าครองชีพไม่มีผลให้ข้าราชการได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้น จึงอาจไม่จำเป็นต้องกำหนดหลักเกณฑ์ที่จะให้ข้าราชการได้รับเงินเดือนสูงกว่าขั้นสูง นอกจากนี้ เห็นควรกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางในการประเมินผลหรือการวัดผลการปฏิบัติงานประกอบการดำเนินการตามร่างกฎ ก.ค.ศ. ฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำแหน่งครูผู้ช่วย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการปฏิบัติงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
.....