ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1503 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 30041 - 30060 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
30041 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลกรณีพิเศษในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ครั้งที่ 2 ที่ครบกำหนดไถ่ถอนเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2555 | กค | 10/07/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลกรณีพิเศษ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ ครั้งที่ ๒ ที่ครบกำหนดไถ่ถอนเมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๕ โดยเมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๕ กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลฯ ครั้งที่ ๒ จำนวน ๒๒,๐๐๐.๐๐ ล้านบาททั้งจำนวน โดยมีขั้นตอน ดังนี้
๑. การชำระคืนต้นเงินพันธบัตรรัฐบาลฯ ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๒๒,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย การกู้เงินระยะสั้น อายุเงินกู้ไม่เกิน ๑ เดือน จำนวน ๑๒,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท จากสถาบันการเงิน ๓ แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่างร้อยละ ๓.๐๓ - ๓.๒๒ ต่อปี และการทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังที่เปิดไว้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จำนวน ๑๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท ๒. การชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น และเงินทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังที่เปิดไว้ที่ ธปท. จำนวนรวม ๒๒,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท จะชำระโดยเงินจากการประมูลพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๕ (LB193A) อายุคงเหลือ ๖.๙๘ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๔๕ ต่อปี จำนวน ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีการประมูลในวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๕ และชำระโดยเงินจากการประมูลพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓ (LB165A) อายุคงเหลือ ๔.๑๔ ปี อัตราดอกเบี้ย BIBOR ระยะ ๖ เดือน - ร้อยละ ๐.๑๕ ต่อปี จำนวน ๑๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท โดยมีการประมูลในวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๕
|
||||||||||||||||||
30042 | การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินราชพัสดุคืนให้แก่ผู้ยกให้ ราย นางสาวนงลักษณ์ จิตรุ่งเรืองนิจ | กค | 10/07/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ นว. ๑๑๙๙ โฉนดที่ดินเลขที่ ๔๔๐๑๘ ตำบลตาคลี อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ เนื้อที่ประมาณ ๗ - ๐ - ๐๙.๑ ไร่ คืนให้แก่ทายาทของนายอนันต์ จิตรุ่งเรืองนิจ ผู้ยกให้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||
30043 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรไทย-บังกลาเทศ | กษ | 10/07/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร โดยสาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจฯ เป็นความร่วมมือทางวิชาการเกษตรเกี่ยวกับการผลิตและเทคโนโลยีทางการเกษตร การพัฒนาสวนสมุนไพร เครื่องจักรกลการเกษตร การแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร การพัฒนากลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์ การปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรและธุรกิจเกษตร เพื่อประโยชน์ในการดำเนินกิจกรรมความร่วมมือทางวิชาการในด้านการเกษตรระหว่างไทยและบังกลาเทศในอนาคต ๑.๒ อนุมัติในหลักการว่า ก่อนที่จะมีการลงนาม หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขบันทึกความเข้าใจในประเด็นที่ไม่ใช่หลักการสำคัญ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๔ มอบกระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เห็นว่าควรมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่นกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมในคณะทำงานร่วมด้านการเกษตร (Joint Agricultural Working Group) เพื่อให้การพิจารณาแนวทางการดำเนินงาน การจัดทำแผนปฏิบัติงาน และการประเมินผลการปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ นอกจากนี้ ในมาตรา ๗ ข้อผูกพันทางการเมือง มีความเห็นว่าค่าใช้จ่ายการเดินทางของวิทยากรหรือผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับเชิญจากภาคีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ควรอยู่ในความรับผิดชอบของประเทศผู้เชิญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
30044 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการด้านการบริหารจัดการน้ำไทย - สาธารณรัฐเกาหลี | กษ | 10/07/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงที่ดิน การขนส่งทางบกและทางน้ำแห่งสาธารณรัฐเกาหลีว่าด้วยความร่วมมือด้านวิชาการ เพื่อแลกเปลี่ยนความร่วมมือและประสบการณ์ในด้านการพัฒนาแม่น้ำในรูปแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และด้านการบริหารจัดการแหล่งน้ำอย่างยั่งยืน รวมทั้งสาขาที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย โดยรูปแบบความร่วมมือ คู่ภาคีได้ตกลงกันที่จะดำเนินความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ ได้แก่ การแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญและเดินทางไปศึกษาดูงานทางวิชาการ การแลกเปลี่ยนเจ้าหน้าที่เพื่อเข้ารับการฝึกอบรม การจัดประชุมและสัมมนาร่วมกัน การวิจัยร่วมกันและการให้คำปรึกษาด้านวิชาการในประเทศไทย รวมทั้งแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี ข้อมูล และประสบการณ์จากการดำเนินงานโครงการแม่น้ำหลักสี่สายของสาธารณรัฐเกาหลีและโครงการศึกษาลุ่มน้ำเจ้าพระยาของไทย ทั้งนี้ ความร่วมมือแต่ละโครงการที่จะดำเนินการในประเทศไทยตามวัตถุประสงค์และรูปแบบความร่วมมือดังกล่าวจะต้องระบุการดำเนินการอย่างชัดเจนโดยคู่ภาคีเป็นกรณีไป ๑.๒ อนุมัติในหลักการว่าก่อนที่จะมีการลงนาม หากมีการแก้ไขร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในประเด็นที่ไม่ใช่หลักการสำคัญ ขอให้อยู่ในดุลยพินิจของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงการต่างประเทศ ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศไม่ต้องจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าว ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์แจ้งความคืบหน้าในการดำเนินการความร่วมมือทางวิชาการด้านการบริหารจัดการน้ำกับสาธารณรัฐเกาหลีให้คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยทราบเป็นระยะ ๆ ด้วย เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาดำเนินการบริหารจัดการน้ำของประเทศ |
||||||||||||||||||
30045 | การปรับปรุงแก้ไขประกาศกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับการกำหนดรายชื่อประเทศภาคีแห่งอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองลิขสิทธิ์หรืออนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของนักแสดง | พณ | 10/07/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับการกำหนดรายชื่อประเภทภาคีแห่งอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองลิขสิทธิ์หรืออนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของนักแสดง ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างประกาศฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การกำหนดรายชื่อประเทศภาคีแห่งอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองลิขสิทธิ์หรืออนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของนักแสดง ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๔๘ ๒. เพิ่มเติมรายชื่อของประเทศภาคีอนุสัญญาให้เป็นปัจจุบัน ดังนี้ ๒.๑ อนุสัญญากรุงเบิร์นว่าด้วยการคุ้มครองงานวรรณกรรมและศิลปกรรม ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ ฉบับเดิมมีภาคี ๑๕๙ ประเทศ ปัจจุบันเพิ่มขึ้นจำนวน ๖ ประเทศ ๒.๒ ความตกลงว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้า ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ ฉบับเดิมมีภาคี ๑๔๘ ประเทศ ปัจจุบันเพิ่มขึ้นจำนวน ๖ ประเทศ ๓. ปรับปรุงแก้ไขรายชื่อประเทศให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงชื่อประเทศหลายประเทศและตัวสะกดตามประกาศราชบัณฑิตยสถาน เรื่อง กำหนดชื่อประเทศ ดินแดน เขตการปกครอง และเมืองหลวง ลงวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ และมติคณะกรรมการจัดทำพจนานุกรมชื่อภูมิศาสตร์สากลแห่งราชบัณฑิตยสถานที่ได้ดำเนินการตรวจสอบแก้ไขและมีมติรับรองชื่อประเทศทั้งหมดเป็นปัจจุบันแล้ว ดังนี้ ๓.๑ อนุสัญญากรุงเบิร์นว่าด้วยการคุ้มครองงานวรรณกรรมและศิลปกรรม ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ ฉบับเดิม ปรับปรุงแก้ไขจำนวน ๒๔ ประเทศ ๓.๒ ความตกลงว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้า ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ ฉบับเดิม ปรับปรุงแก้ไขจำนวน ๒๖ ประเทศ
|
||||||||||||||||||
30046 | ขอลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (พลเรือเอก ดร.วีรวัฒน์ วงษ์ดนตรี) | กห | 10/07/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการลาออกของ พลเรือเอก ดร. วีรวัฒน์ วงษ์ดนตรี จากตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีป้องกันประเทศ อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ หรือวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมในคณะกรรมการบริหารสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||
30047 | ขออนุมัติในหลักการให้สำนักงาน ป.ป.ส. ดำเนินโครงการความร่วมมือกับพม่าด้านการพัฒนาทางเลือก | ยธ | 10/07/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการหารือร่วมกันระหว่างสำนักงาน ป.ป.ส. กับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ (พม่า) ด้านการพัฒนาทางเลือก ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. สาระสำคัญของผลการหารือ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ รัฐบาลพม่าให้ความเห็นชอบข้อเสนอในการดำเนินโครงการความร่วมมือไทย-พม่าด้านการพัฒนาทางเลือก ตามที่สำนักงาน ป.ป.ส. ได้เสนอผ่านคณะกรรมการกลางเพื่อการควบคุมยาเสพติด (Central Committee for Drug Abuse Control : CCDAC) และมอบหมายให้ CCDAC เป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการกำหนดแนวทางความร่วมมือกับสำนักงาน ป.ป.ส. โดยมี NATALA และมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ เป็นหน่วยงานผู้ปฏิบัติ ๑.๒ ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันที่จะเร่งจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการพัฒนาทางเลือกเพื่อใช้เป็นกรอบในการดำเนินความร่วมมือระหว่างกันให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๑.๓ ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันที่จะสำรวจพื้นที่ดำเนินโครงการ ๒ จุด ตามที่คณะกรรมการกลางเพื่อการควบคุมยาเสพติด (Central Committee for Drug Abuse Control : CCDAC) เสนอ ๒ พื้นที่ ได้แก่ บ้านจอผละ (Gyaw pha) จังหวัดท่าขี้เหล็ก และบ้านเลพายิน (Lwe pa yin) เมืองสาด ระหว่างวันที่ ๒๑ - ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๕ โดยจะจัดตั้งทีมสำรวจพื้นที่ร่วมกัน ๑.๔ ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบกับขั้นตอนการเตรียมการดำเนินงานร่วมกัน โดยขั้นที่ ๑ หลังจากสำรวจพื้นที่แล้วมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ จะจัดการศึกษาดูงานโครงการพัฒนาดอยตุงฯ ให้แก่ทีมสำรวจพื้นที่ของพม่า เป็นเวลา ๗ วัน ภายในเดือนเมษายน ๒๕๕๕ ขั้นที่ ๒ ฝ่ายพม่าจะคัดเลือกผู้แทนชาวบ้านจากหมู่บ้านในพื้นที่โครงการ หมู่บ้านละ ๒ คน และมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ จะให้การฝึกอบรมหลักสูตรการพัฒนาแบบเข้มข้นเป็นเวลา ๑ เดือน ภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๕ ส่วนขั้นที่ ๓ ผู้แทนชาวบ้านที่ได้ผ่านการฝึกอบรมแล้วจะกลับไปดำเนินการสำรวจพื้นที่ในแต่ละหมู่บ้าน ระหว่างเดือนมิถุนายน - กรกฎาคม ๒๕๕๕ และส่งข้อมูลผลการสำรวจให้แก่มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๕ และขั้นที่ ๔ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ จะใช้เวลา ๑ เดือนในการร่างแผนงานโครงการ และจะเสนอให้ฝ่ายพม่าพิจารณาภายในเดือนสิงหาคม ๑.๕ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะดำเนินโครงการระยะเวลา ๖ ปี โดยแบ่งเป็น ๒ ระยะ ๆ ละ ๓ ปี ทั้งนี้ เพื่อให้ผลอย่างยั่งยืนในการทำให้ชาวบ้านในพื้นที่อยู่ได้ด้วยตัวเองหลังจากที่โครงการสิ้นสุดลงแล้ว ๒. ในการเตรียมการดำเนินงานโครงการความร่วมมือไทย-พม่าด้านการพัฒนาทางเลือก สำนักงาน ป.ป.ส. ได้เตรียมที่จะจัดสรรงบประมาณหมวดเงินอุดหนุน ประเภททั่วไป ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๑๕ ล้านบาท ให้แก่มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ สำหรับการเตรียมการดำเนินโครงการฯ ที่จะส่งทีมสำรวจฝ่ายไทยเข้าไปสำรวจพื้นที่ในพม่าและจัดการฝึกอบรมให้แก่ฝ่ายพม่า และจะจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจฯ เสนอให้ฝ่ายพม่าพิจารณาภายในเดือนมีนาคม ๒๕๕๕ โดยหากทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันกับร่างบันทึกความเข้าใจฯ สำนักงาน ป.ป.ส. จะเสนอร่างบันทึกความเข้าใจฯ เพื่อขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี และหลังจากที่ร่างบันทึกความเข้าใจฯ ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศแล้ว สำนักงาน ป.ป.ส. จะเสนอแผนงานโครงการฯ ในรายละเอียดพร้อมงบประมาณดำเนินโครงการฯ เพื่อขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีในโอกาสต่อไป |
||||||||||||||||||
30048 | รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน ครั้งที่ 22 (22 nd ASEAN Labour Ministers Meeting : 22 nd ALMM) และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง | รง | 10/07/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน ครั้งที่ ๒๒ (22nd ASEAN Labour Ministers Meeting : 22nd ALMM) และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ระหว่างวันที่ ๙ - ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นหัวหน้าคณะเข้าร่วมประชุมดังกล่าว ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน ครั้งที่ ๒๒ รัฐมนตรีแรงงานอาเซียนได้รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนงานและกรอบการดำเนินงานต่าง ๆ ได้แก่ ๑.๑ สถานการณ์ดำเนินการพิมพ์เขียวประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน [ASEAN Socio - Cultural Community (ASCC) Blueprint] ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นด้านแรงงาน โดยมอบหมายให้ที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส (Senior Labour Officer Meeting : SLOM) และองค์กรย่อยดำเนินการตาม ASCC Blueprint โดยจัดลำดับความสำคัญของโครงการและกิจกรรมที่จะดำเนินการตามแผนงานรัฐมนตรีแรงงาน ปี ๒๕๕๓ - ๒๕๕๘ ให้ทันห้วงเวลาที่กำหนด และเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับตัวชี้วัดผลการดำเนินการตาม ASCC Blueprint ๑.๒ แผนงานรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนปี ๒๕๕๓ - ๒๕๕๘ ซึ่งรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนได้รับทราบถึงพันธกิจในการดำเนินการตาม ASEAN Statement on Human Resources and Skills Development for Economic Recovery and Sustainable Growth พันธกิจในการปฏิบัติตามปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิของแรงงานต่างด้าว การดำเนินการของเครือข่ายความปลอดภัยและอาชีวอนามัยอาเซียน (ASEAN Occupational Safety and Health Network : ASEAN - OSHNET) การดำเนินงานของคณะทำงาน SLOM Working Group on Progressive Labour Practices to Enhance the Competitiveness of ASEAN (SLOM - WG) รวมทั้งได้รับรองแผนการดำเนินงานของคณะทำงานด้านการคุ้มครองและควบคุมเอชไอวีในสถานประกอบการ [Working Group on HIV Prevention and Control in the Workplace (SLOM - WG - HIV) Work Plan] ประจำปี ๒๕๕๔ - ๒๕๕๘ ๒. การประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนบวกสามครั้งที่ ๗ ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับแนวปฏิบัติที่ดี ประสบการณ์ บทเรียน และความท้าทายในการคุ้มครองทางสังคม และรับทราบผลการดำเนินความร่วมมือระหว่างอาเซียนและประเทศบวกสาม
|
||||||||||||||||||
30049 | การจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ | รง | 10/07/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๑ (เรื่อง การจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ) ๑.๒ กำหนดเป็นขอบเขตสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับการเงิน ตามมาตรา ๑๓ (๒) แห่งพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓ ที่ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งสามารถดำเนินการเองได้เมื่อคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจนั้นเห็นชอบแล้ว ในเรื่องการจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ โดยหลักเกณฑ์การจ่าย อัตราการจ่าย และระยะเวลาบังคับใช้ ให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของทางราชการโดยอนุโลม และใช้เงินงบประมาณของแต่ละรัฐวิสาหกิจเอง ทั้งนี้ การจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวดังกล่าวไม่ถือเป็นค่าจ้างและมีลักษณะการจ่ายเป็นการชั่วคราว รวมทั้งไม่เป็นฐานในการคำนวณสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ แก่ลูกจ้าง อนึ่ง หากคณะรัฐมนตรีมีมติยกเลิกการจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของทางราชการ ให้รัฐวิสาหกิจยกเลิกการจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวแก่ลูกจ้างด้วย ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดแนวทางมาตรการในการเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||
30050 | สรุปผลการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของกระทรวงแรงงาน (ครั้งที่ 4) | รง | 10/07/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของกระทรวงแรงงาน ครั้งที่ ๔ ในส่วนของการช่วยเหลือสถานประกอบการและลูกจ้างภายใต้มาตรการของรัฐบาลในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยและผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ได้แก่ โครงการป้องกันและบรรเทาการเลิกจ้าง เป้าหมายการดำเนินงาน จำนวน ๓๐๐,๐๐๐ คน ปิดรับสมัครสถานประกอบการเข้าร่วมโครงการเมื่อเดือนเมษายน ๒๕๕๕ มีสถานประกอบการขอเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น จำนวน ๑,๙๘๔ แห่ง ลูกจ้าง จำนวน ๓๕๒,๗๐๔ คน ในจำนวนดังกล่าวมีสถานประกอบการที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารโครงการฯ ให้เข้าร่วมโครงการ จำนวน ๑,๗๕๙ แห่ง ลูกจ้าง จำนวน ๓๒๓,๗๔๑ คน โดยธนาคารออมสินได้จ่ายเงินให้แก่ลูกจ้างที่เดือดร้อนแล้ว จำนวน ๓๑๖,๔๐๙ คน ในสถานประกอบการ จำนวน ๑,๗๔๙ แห่ง จำนวนเงิน ๑,๔๒๑,๑๔๔,๒๔๕.๔๖ บาท ๒. กลุ่มผู้ใช้แรงงาน ได้แก่ ๒.๑ โครงการนัดพบแรงงานผู้ประสบอุทกภัย เป้าหมายผู้ประสบอุทกภัยเข้าร่วมสมัครงานและเคลื่อนย้ายแรงงาน จำนวน ๙,๐๐๐ คน สิ้นสุดโครงการแล้วเมื่อเดือนเมษายน ๒๕๕๕ มีการจัดโครงการ จำนวน ๓๐ ครั้ง ใน ๓๐ จังหวัด มีผู้ลงทะเบียนสมัครงาน จำนวน ๑๐,๑๓๔ คน ได้รับการบรรจุงานและเคลื่อนย้าย จำนวน ๑๑๙ คน และคาดว่าจะได้รับการบรรจุงาน จำนวน ๓,๔๐๗ คน มีผลการเบิกจ่ายเงิน จำนวน ๑๐,๖๒๗,๖๑๓.๐๗ บาท ๒.๒ โครงการยกระดับฝีมือแรงงานลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยกลับสู่สถานประกอบการ เป้าหมายการดำเนินงาน จำนวน ๑๕,๐๐๐ คน สิ้นสุดโครงการแล้วเมื่อเดือนเมษายน ๒๕๕๕ โดยได้ฝึกยกระดับฝีมือแรงงานให้แก่ลูกจ้างที่ประสบอุทกภัย จำนวน ๑๓,๓๙๕ คน มีผลการเบิกจ่ายเงิน จำนวน ๕๔,๕๒๘,๐๕๖ บาท ๒.๓ โครงการประกันสังคมเคียงข้างผู้ประกันตนต้านอุทกภัย ธนาคารออมสินได้อนุมัติสินเชื่อให้สถานประกอบการแล้ว จำนวน ๕๓ ราย จำนวนเงิน ๔๘.๗๑ ล้านบาท และให้ผู้ประกันตน จำนวน ๑,๓๓๖ ราย จำนวนเงิน ๑๐๗.๙๖ ล้านบาท ๒.๔ โครงการจ้างงานเร่งด่วนและพัฒนาทักษะฝีมือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนด้านอาชีพ เป้าหมาย จำนวน ๓๒,๗๕๐ คน ดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อเดือนเมษายน ๒๕๕๕ โดยได้ช่วยเหลือผู้ถูกเลิกจ้าง ว่างงานและขาดรายได้ จำนวน ๕๒,๑๓๓ คน ๒.๕ การจัดหาตำแหน่งงานว่างให้ลูกจ้าง เป้าหมาย จำนวน ๙๙,๒๔๕ อัตรา ยุติการดำเนินงานเมื่อเดือนเมษายน ๒๕๕๕ โดยมีตำแหน่งงานว่าง จำนวน ๑๗๕,๙๐๔ อัตรา และได้รับการบรรจุงาน จำนวน ๑,๐๙๗ คน ๒.๖ การลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อการพัฒนาฝีมือแรงงานจากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานให้เหลือร้อยละ ๐.๑ ระยะเวลา ๑ ปี ๒.๗ ช่วยเหลือลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างให้ได้รับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน จำนวน ๕๓,๑๘๔ คน ในสถานประกอบการ จำนวน ๑๔๔ แห่ง จำนวนเงิน ๒,๓๐๑,๓๕๑,๓๙๒.๒๗ บาท ๒.๘ การประกันการว่างงานตามกฎหมายประกันสังคม ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๕๔ - เมษายน ๒๕๕๕ มีผู้ประกันตนที่ว่างงานเนื่องจากสถานประกอบการที่ประสบอุทกภัยไปขึ้นทะเบียนขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน จำนวน ๒๔,๖๖๖ ราย สำนักงานประกันสังคมได้จ่ายเงินทดแทนกรณีว่างงานให้ผู้ประกันตน จำนวน ๑๕,๓๑๐ ราย จำนวนเงิน ๖๙,๖๙๓,๑๘๓.๐๘ บาท ๒.๙ อำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการญี่ปุ่นในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยจัดส่งลูกจ้างไปฝึกงานในต่างประเทศซึ่งเป็นบริษัทแม่ มีบริษัทยื่นขออนุญาตพาลูกจ้างคนไทยไปทำงานเป็นการชั่วคราวที่ประเทศญี่ปุ่นและประเทศอื่น ๆ จำนวน ๑๒๐ บริษัท ลูกจ้าง จำนวน ๖,๗๓๕ คน เดินทางไปแล้ว จำนวน ๑๐๖ บริษัท และลูกจ้าง จำนวน ๖,๐๗๔ คน ๓. กลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ได้แก่ โครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน ดำเนินการระหว่างเดือนมกราคม - ธันวาคม ๒๕๕๕ โดยสำนักงานประกันสังคมได้ออกหนังสือรับรองให้สถานประกอบการเพื่อยื่นขอกู้เงินตามโครงการ จำนวน ๕๔๕ ฉบับ และธนาคารได้อนุมัติเงินกู้ให้สถานประกอบการแล้ว จำนวน ๑๔๔ แห่ง จำนวนเงิน ๑๙๗.๓ ล้านบาท และรักษาการจ้างงานของลูกจ้างผู้ประกันตนได้ จำนวน ๑๒,๒๔๐ คน
|
||||||||||||||||||
30051 | การรายงานผลการเข้าร่วมพิธีเปิดและเยี่ยมชมอาคารนิทรรศการในงาน International Exposition Yeosu Korea 2012 ณ สาธาณรัฐเกาหลี | ทส | 10/07/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเข้าร่วมพิธีเปิดและเยี่ยมชมอาคารนิทรรศการในงาน International Exposition Yeosu Korea 2012 ณ สาธารณรัฐเกาหลี ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เมื่อวันที่ ๑๑ - ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (Commissioner of sector Thailand) และคณะ ได้เข้าร่วมพิธีเปิดงาน International Exposition Yeosu Korea 2012 ณ เมืองยอซู สาธารณรัฐเกาหลี โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำอาคารศาลาไทยให้การต้อนรับ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้เข้าร่วมพิธีเลี้ยงอาหารค่ำโดยรัฐบาลเกาหลีเป็นเจ้าภาพ และร่วมชมการแสดงแสงสีเสียงในพิธีเปิด ณ BIG_O ซึ่งเป็นเวทีกลางน้ำขนาดใหญ่ที่ถือเป็นสัญลักษณ์เด่นของงานนี้ ๒. ในวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะได้เข้าเยี่ยมชมการแสดงและกิจกรรมของอาคารนิทรรศการศาลาไทย รวมทั้งเยี่ยมชมอาคารนิทรรศการหลัก (Theme Pavilion) อาคารแสดงเทคโนโลยีของฮุนได ๓. ประโยชน์ที่ได้รับในการเข้างาน International Exposition 2012 ครั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเป็นตัวแทนประเทศไทยในการเผยแพร่ศักยภาพของประเทศไทยด้านความงดงาม ความหลากหลายทางชีวภาพ ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง บนพื้นฐานการบริหารจัดการอย่างยั่งยืนที่ยึดถือแนวทางพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รวมถึงศิลปวัฒนธรรมของไทยซึ่งเป็นการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ทั้งด้านการท่องเที่ยวและเป็นแหล่งอาหารสำคัญของโลก
|
||||||||||||||||||
30052 | รายงานผลการประชุมผู้บริหารระดับสูงลุ่มน้ำนานาชาติ - ลุ่มน้ำโขง (Mekong2Rio : Mekong to Rio+20) | ทส | 10/07/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมผู้บริหารระดับสูงลุ่มน้ำนานาชาติ - ลุ่มน้ำโขง (Mekong2Rio : Mekong to Rio+20) ระหว่างวันที่ ๑ - ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ณ จังหวัดภูเก็ต ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมผู้บริหารระดับสูงลุ่มน้ำนานาชาติ - ลุ่มน้ำโขง มีเจตนารมณ์เพื่อจัดทำ “Mekong2Rio Message” ซึ่งจะเป็นการนำเสนอข้อมูลแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดนของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง และการพัฒนาที่ยั่งยืนในลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ซึ่งเป็นการอนุวัติตามเป้าหมายแห่งสหัสวรรษต่อที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Rio+20 ที่จะจัดขึ้น ณ นครริโอ เดอจาเนโร สหพันธรัฐบราซิล เดือนมิถุนายน ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสำคัญของโลก ที่จะทำให้เกิดการพัฒนาที่รักษาความสมดุลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจของโลก โดยสารแม่น้ำโขง มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การแก้ไขปัญหาด้านน้ำ อาหาร และความมั่นคงด้านพลังงานในอนาคต องค์กรที่เกี่ยวข้องทั้งสามด้านจะต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ๑.๒ การบริหารจัดการลุ่มน้ำข้ามพรมแดนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดความมั่นคงในภูมิภาคในอนาคต จำเป็นต้องมีความร่วมมือและการแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกันและต้องอยู่บนพื้นฐานของการบูรณาการ โดยให้ความสำคัญกับการปรึกษาหารือ และการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ๑.๓ การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศและภูมิภาคจะต้องคำนึงถึงความสำคัญของการลงทุน เพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ การรักษาระบบนิเวศและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเพื่อมุ่งสู่เศรษฐกิจสีเขียว ๑.๔ การป้องกันผลที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอนาคตจะต้องพิจารณากำหนดนโยบายที่มีความเกี่ยวเนื่องระหว่างยุทธศาสตร์การปรับตัวในระดับชาติและระดับภูมิภาค ๒. คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission) และที่ประชุมนานาชาติว่าด้วยการบริหารจัดการลุ่มน้ำข้ามพรมแดนจะมีการแสดงผลงานเอกสารทางวิชาการจากการประชุมครั้งนี้ใน Stockholm World Water Week ในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๕
|
||||||||||||||||||
30053 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลท่าแค อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... | มท | 10/07/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลท่าแค อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี เพื่อประโยชน์ในด้านการควบคุมเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย การป้องกันอัคคีภัย การสาธารณสุข การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
30054 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่ตำบลศรีสำราญ อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ของวัดโพธิ์อ้น ตำบลสองพี่น้อง อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... | พศ | 10/07/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่ตำบลศรีสำราญ อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ของวัดโพธิ์อ้น ตำบลสองพี่น้อง อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ในท้องที่ตำบลศรีสำราญ อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ของวัดโพธิ์อ้น ตำบลสองพี่น้อง อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๖๖๐ (บางส่วน) เนื้อที่ ๕ ไร่ ๑ งาน ๒๔ ตารางวา ให้แก่กรมชลประทาน ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
30055 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดบ้านโคกสูง ตำบลโคกสูง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... | พศ | 10/07/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดบ้านโคกสูง ตำบลโคกสูง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนที่วัด วัดบ้านโคกสูง ตำบลโคกสูง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.๓ ก) เลขที่ ๑๙๕๕ (บางส่วน) เนื้อที่ ๒๐ ตารางวา ให้แก่กรมทางหลวง เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๑๙๘ สายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๐๕ (โคกสูง) - บรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๐๖๘ (ขามทะเลสอ) ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
30056 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2555 | ทส | 10/07/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๑๕ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงฯ ในท้องที่จังหวัดพังงา ร่างประกาศกระทรวงฯ เรื่องขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงฯ ในท้องที่จังหวัดกระบี่ และร่างประกาศกระทรวงฯ เรื่อง ขยายเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงฯ ในบริเวณพื้นที่จังหวัดกระบี่ พ.ศ. ๒๕๕๓ รวม ๓ ฉบับ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำร่างประกาศกระทรวงฯ ทั้ง ๓ ฉบับ เสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ โดยเร่งรัดดำเนินการนำเสนอให้ทันกำหนดการบังคับใช้ ๒. เห็นชอบแนวทาง/มาตรการในการสนับสนุนเงินกู้จากกองทุนสิ่งแวดล้อมเพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้รับบริการจากกองทุนฯ ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ตามความเห็นของคณะกรรมการกองทุนสิ่งแวดล้อม ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๔ และครั้งที่ ๖/๒๕๕๔ และเห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการกองทุนสิ่งแวดล้อม เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขการพิจารณาให้กู้ยืมเงิน อัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาการปลอดการชำระคืนเงินต้น และระยะเวลาชำระหนี้เงินกู้ยืม เพื่อบรรเทาผลกระทบจากเหตุอุทกภัย พ.ศ. ๒๕๕๔ รวมทั้งให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำร่างประกาศคณะกรรมการกองทุนสิ่งแวดล้อมฯ เสนอประธานกรรมการกองทุนสิ่งแวดล้อม และประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. เห็นชอบสรุปผลการวิเคราะห์แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ประกอบด้วยโครงการด้านการจัดการมลพิษสิ่งแวดล้อมที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ จำนวน ๓๑ โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๒,๖๘๔,๐๖๙,๑๑๖ ล้านบาท ตามความเห็นของคณะอนุกรรมการกำกับการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด โดยให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำโครงการที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อขอตั้งงบประมาณแผ่นดิน หมวดเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ และให้สำนักงบประมาณให้การสนับสนุนงบประมาณต่อไป และให้การประปานครหลวงและการประปาส่วนภูมิภาคเร่งรัดดำเนินงานตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๓ เรื่อง การปรับแก้พระราชบัญญัติการประปานครหลวงและพระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาคเพื่อให้มีอำนาจและหน้าที่ในการจัดเก็บค่าบริการบำบัดน้ำเสีย รวมทั้งให้กรมโยธาธิการและผังเมืองจัดทำคำขอตั้งงบประมาณเพื่อซ่อมแซมระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียที่ยังชำรุดเสียหาย และไม่สามารถส่งมอบให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จำนวน ๔ แห่ง ได้แก่ เทศบาลนครพิษณุโลก เทศบาลเมืองสระบุรี เทศบาลเมืองชุมพร และเทศบาลเมืองปัตตานี เพื่อให้ระบบอยู่ในสภาพที่ดีพร้อมใช้งาน ก่อนส่งมอบให้ อปท. และให้สำนักงบประมาณสนับสนุนงบประมาณดังกล่าวด้วย ๔. เห็นชอบ (ร่าง) แผนปฏิบัติการการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙ และแต่งตั้งคณะทำงานติดตามผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฯ เพื่อกำกับ ติดตาม ประสานงาน และจัดทำรายงานผลการดำเนินงานในแต่ละปี ๕. ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการภายใต้พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ เพื่อกำหนดให้ผู้ประกอบกิจการเลี้ยงสุกร การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และการแกะล้างวัตถุดิบสัตว์น้ำ (แปรรูปสัตว์น้ำเบื้องต้น) ตามหลักเกณฑ์ของกิจการที่เสนอให้มีการกำหนดเงื่อนไขด้านการจัดการน้ำเสียและของเสีย และการประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอื่น ๆ เสนอแนวทางการจัดการน้ำเสียและของเสียต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นในการยื่นขอหรือต่อใบอนุญาตการประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษตรวจสอบหลักเกณฑ์ของกิจการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดที่เสนอให้มีการกำหนดเงื่อนไขด้านการจัดการน้ำเสียและของเสีย ตามความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ก่อนให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการต่อไป ๖. เห็นชอบการยกร่างกฎหมายเพื่อให้ อปท. มีอำนาจหน้าที่ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมตามความในมาตรา ๒๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษจัดทำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณามอบให้กรมควบคุมมลพิษเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการยกร่างกฎหมายดังกล่าว โดยในการรับฟังความคิดเห็นต่อร่างกฎหมายควรเปิดโอกาสให้ อปท. และรัฐวิสาหกิจ เข้ามามีส่วนร่วมด้วย ๗. ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการออกกฎกระทรวงการสาธารณสุขว่าด้วยการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมกำจัดมูลฝอยและของเสียอันตรายของชุมชน ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อเป็นกฎหมายรองรับการดำเนินงานของท้องถิ่นต่อไป และให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการออกกฎระเบียบ มาตรการ และเกณฑ์การปฏิบัติตามพระราชบัญญัติฯ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของ อปท. ในเรื่องการจัดการมูลฝอย การควบคุมมลพิษจากการประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และเหตุเดือดร้อนรำคาญด้านมลพิษ และร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสริมสร้างสมรรถนะให้กับ อปท. ในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติฯ นอกจากนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทยเสนอสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการกำหนดยุทธศาสตร์สิ่งแวดล้อม (ด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม) เป็นตัวชี้วัดร่วมระหว่างกระทรวงที่มีเป้าหมายร่วมกัน (Joint KPI) โดยเริ่มในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ๘. เห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการก่อสร้างท่าเรือชายฝั่งที่จังหวัดตรัง ของกรมเจ้าท่า โดยให้กรมเจ้าท่าปฏิบัติตามมาตรการป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อแหล่งหญ้าทะเล พะยูน และปะการัง ใกล้แนวเส้นทางเดินเรืออย่างเคร่งครัด รวมทั้งเพิ่มเติมมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำทะเลบริเวณแหล่งหญ้าทะเล พะยูน และแนวปะการัง ตลอดอายุโครงการ ตามความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ๙. เห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายนครปฐม - ชะอำ ของกรมทางหลวง โดยให้กรมทางหลวงพิจารณาออกแบบรายละเอียดโครงสร้างระบบระบายน้ำของโครงการให้สามารถรองรับปริมาณน้ำที่จะไหลผ่านบริเวณแนวเส้นทางโครงการเพื่อป้องกันปัญหาอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ตามความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ๑๐. เห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าระบบ ๑๑๕ กิโลโวลต์ อำเภอเขาค้อ - อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่กำหนดไว้ในรายงานฯ ๑๑. เห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการระบบขนส่งมวลชนสายสีชมพู ของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) โดยให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่กำหนดไว้ในรายงานฯ และให้นำความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อประกอบการพิจารณาตามมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ต่อไป ๑๒. เห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงรังสิต - มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยให้ รฟท. นำข้อมูลอุทกภัยที่เกิดขึ้นล่าสุดในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ มาใช้ประกอบการพิจารณาออกแบบรายละเอียดโครงการฯ เพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามข้อสังเกตของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และดำเนินการตามมาตรการป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่กำหนดไว้ในรายงานฯ และให้นำความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อประกอบการพิจารณาตามมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ต่อไป ๑๓. เห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการศึกษารูปแบบที่เหมาะสมของระบบรถไฟสายสีแดงผ่านบริเวณสถานีรถไฟจิตรลดา และการออกแบบรายละเอียดระบบรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ - พญาไท - มักกะสัน ของ รฟท. โดยให้ รฟท. นำข้อมูลอุทกภัยที่เกิดขึ้นล่าสุดในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ มาใช้ประกอบการพิจารณาออกแบบรายละเอียดโครงการฯ เพื่อลดผลกระทบสิ่แวดล้อมจากการดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปตามข้อสังเกตของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และดำเนินการตามมาตรการป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่กำหนดไว้ในรายงานฯ และให้นำความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อประกอบการพิจารณาตามมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ต่อไป ๑๔. เห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแ
|
||||||||||||||||||
30057 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนล้อมแรด จังหวัดลำปาง พ.ศ. .... | มท | 10/07/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนล้อมแรด จังหวัดลำปาง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลล้อมแรด บางส่วนของตำบลแม่ถอด บางส่วนของตำบลแม่ปะ และบางส่วนของตำบลเถินบุรี อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
30058 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดของสัตว์ป่าคุ้มครองให้เป็นสัตว์ป่าชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ | ทส | 10/07/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์บางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ยกเลิกความในบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง สัตว์ป่าจำพวกปลา ลำดับที่ ๑๓ แห่งกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. ๒๕๔๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ปลาเสือตอ หรือ ปลาเสือ หรือ ปลาลาด Datnioides pulcher” ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดของสัตว์ป่าคุ้มครองให้เป็นสัตว์ป่าชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๒.๑ กำหนดให้เพิ่มความ “ตะพาบ หรือ ปลาฝา (Amyda cartilaginea)” เป็น ลำดับที่ ๗ ของสัตว์ป่าจำพวกสัตว์เลื้อยคลาน แห่งบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ ๒.๒ กำหนดให้เพิ่มความ “ปลาหมูอารีย์ (Botia sidthimunkii)” เป็นลำดับที่ ๓ ของสัตว์ป่าจำพวกปลา แห่งบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ ๒.๓ กำหนดให้ยกเลิกความในบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่เพาะพันธุ์ได้สัตว์ป่าจำพวก ลำดับที่ ๒ แห่งกฎกระทรวงกำหนดชนิดของสัตว์ป่าคุ้มครองให้เป็นสัตว์ป่าชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ พ.ศ. ๒๕๔๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ปลาเสือตอ หรือ ปลาเสือ หรือ ปลาลาด (Datnioides pulcher)”
|
||||||||||||||||||
30059 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏ นครศรีธรรมราช พ.ศ. .... | ศธ | 10/07/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดปริญญาในสาขาวิชา และอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาการบัญชี สาขาวิชาการศึกษา สาขาวิชาเทคโนโลยี สาขาวิชานิติศาสตร์ สาขาวิชานิเทศศาสตร์ สาขาวิชาบริหารธุรกิจ สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ สาขาวิชาวิจิตรศิลป์และประยุกต์ศิลป์ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาศิลปศาสตร์ และสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ ๒. กำหนดครุยวิทยฐานะและเข็มวิทยฐานะของมหาวิทยาลัย ครุยประจำตำแหน่ง และเครื่องหมายประกอบครุยประจำตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัย ผู้บริหาร และคณาจารย์ของมหาวิทยาลัย ๓. กำหนดสีประจำสาขาวิชา
|
||||||||||||||||||
30060 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 10/07/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ดังต่อไปนี้
๑. แก้ไขเพิ่มเติมปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชา เพื่อกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาของสาขาวิชาการบัญชี ๒. แก้ไขเพิ่มเติมปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชา เพื่อกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาของสาขาวิชาวิจิตรศิลป์และประยุกต์ศิลป์
|
.....