ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1503 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 30041 - 30060 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
30041 | การขยายกรอบวงเงินงบประมาณของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2555 เพิ่มเติม | นร11 | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ขยายกรอบวงเงินงบประมาณของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เพิ่มเติม โดยมีวงเงินดำเนินการและเบิกจ่ายลงทุนเพิ่มขึ้นจากจำนวน ๘๕๒,๒๐๒ ล้านบาท และจำนวน ๕๓๗,๕๖๑ ล้านบาท เป็นวงเงินดำเนินการ จำนวน ๙๕๒,๒๐๒ ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน จำนวน ๕๗๗,๕๖๑ ล้านบาท ตามลำดับ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้กระทรวงเจ้าสังกัดของรัฐวิสาหกิจกำกับดูแลเพื่อให้รัฐวิสาหกิจเร่งรัดการดำเนินงานและการเบิกจ่ายลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายและแผนงานที่กำหนดไว้เพื่อให้การดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างแท้จริง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ เพื่อประโยชน์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณากำหนดตัวชี้วัดการเบิกจ่ายและผลการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ เพื่อวัดผลการดำเนินงาน (performance) ของรัฐวิสาหกิจว่ามีประสิทธิภาพและประสิทธิผล คุ้มค่าต่อการลงทุนประการใด หรือไม่ ต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
30042 | ร่างพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... | นร09 | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกำหนดค่าใช้จ่ายและค่าตอบแทนของประธานกรรมการและกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย โดยกำหนดให้เป็นอำนาจของกระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาหรือให้ความเห็นชอบด้วย ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยให้แก้ไขเพิ่มเติมร่างมาตรา ๑๙ (๙) เป็น “ออกข้อบังคับว่าด้วยค่าใช้จ่ายและค่าตอบแทน ให้แก่ประธานกรรมการ กรรมการ ผู้ว่าการ พนักงาน ลูกจ้าง และผู้ปฏิบัติงานให้แก่การกีฬาแห่งประเทศไทย โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง” ตามความเห็นของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๒.๑ กำหนดให้จัดตั้งองค์การขึ้น เรียกว่า “การกีฬาแห่งประเทศไทย” เรียกโดยย่อว่า “กกท.” เป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการกีฬา เป็นศูนย์กลางในการประสานงานเกี่ยวกับการกีฬา จัด ช่วยเหลือ แนะนำ และร่วมมือในการจัดและดำเนินกิจกรรมกีฬา สอดส่องและกำกับดูแลการดำเนินกิจกรรมกีฬา และประกอบกิจการอื่น ๆ อันเกี่ยวแก่หรือเพื่อประโยชน์ของการกีฬา ๒.๒ กำหนดให้ กกท. ได้รับเงินจากงบประมาณแผ่นดินเพื่อเป็นทุนหรือเพื่อดำเนินงาน และอาจมีรายได้จากทรัพย์สินของ กกท. เงินอุดหนุนจากรัฐบาล รายได้จากการจัดการแข่งขันกีฬา และรายได้อื่น รวมทั้งกำหนดให้ทรัพย์สินของ กกท. ไม่อยู่ในความรับผิดชอบแห่งการบังคับคดี ๒.๓ กำหนดให้มีคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีกไม่เกินเจ็ดคนซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง เป็นกรรมการ โดยให้ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่วางนโยบายและควบคุมดูแลโดยทั่วไปซึ่งกิจการของ กกท. รวมถึงการออกข้อบังคับและระเบียบต่าง ๆ เพื่อให้การเป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของ กกท. ๒.๔ กำหนดให้คณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทยเป็นผู้แต่งตั้งผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทยโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี โดยผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทยต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ และต้องไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในธุรกิจการกีฬาหรือในสัญญากับ กกท. หรือในกิจการที่กระทำให้แก่ กกท. ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม เว้นแต่จะเข้าข้อยกเว้นตามที่กำหนด ๒.๕ กำหนดให้มีคณะกรรมการการกีฬาจังหวัดในแต่ละจังหวัดนอกจากกรุงเทพมหานคร โดยมีสำนักงาน กกท. จังหวัด ทำหน้าที่รับผิดชอบงานธุรการและกิจการต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับงานของคณะกรรมการการกีฬาจังหวัด มีอำนาจหน้าที่เสนอนโยบาย แผนงาน และโครงการส่งเสริมกีฬาภายในจังหวัดต่อคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทยให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือ และสนับสนุน กกท. สมาคมกีฬา และหน่วยงานกีฬาที่เกี่ยวข้องในการแข่งขันกีฬา และการดำเนินกิจกรรมกีฬาของจังหวัด และดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของ กกท. รวมทั้งปฏิบัติงานอื่นตามที่คณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทยมอบหมาย ๒.๖ กำหนดให้จัดตั้งกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติขึ้นใน กกท. เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนสำหรับใช้จ่ายเพื่อการส่งเสริม สนับสนุน พัฒนา คุ้มครอง ช่วยเหลือ และจัดสวัดิการที่เกี่ยวข้องกับการกีฬา โดยให้ กกท. เป็นผู้เก็บรักษาเงินและทรัพย์สินของกองทุน และดำเนินการเบิกจ่ายเงินกองทุน ๒.๗ กำหนดให้สมาคมกีฬาต้องจดทะเบียนจัดตั้งตามพระราชบัญญัตินี้ และต้องมีวัตถุประสงค์ในการดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการกีฬา โดยมีการจัดการแข่งขันกีฬา หรือส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน และอาจมีการดำเนินการอื่นที่เกี่ยวข้องกับการกีฬา ทั้งนี้ เมื่อได้จดทะเบียนแล้ว ให้มีฐานะเป็นนิติบุคคล ๒.๘ กำหนดให้แบ่งประเภทของสมาคมกีฬาออกเป็นสามประเภท คือ สมาคมกีฬาทั่วไป สมาคมกีฬาแห่งจังหวัด และสมาคมกีฬาที่ใช้คำว่า “แห่งประเทศไทย” โดยกำหนดลักษณะของสมาคมกีฬาในแต่ละประเภท และกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการอนุญาตให้เป็นสมาคมกีฬาแห่งจังหวัด การอนุญาตให้เป็นสมาคมกีฬาที่ใช้คำว่า “แห่งประเทศไทย” การส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬา หรือจัดหรือร่วมในการจัดให้มีการแข่งขันกีฬาของสมาคมกีฬาในแต่ละประเภท รวมถึงการกำหนดข้อห้ามในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ๒.๙ กำหนดให้พนักงานและลูกจ้างของ กกท. มีสิทธิร้องทุกข์ได้ตามระเบียบที่คณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทยกำหนด และกำหนดให้ กกท. จัดให้มีกองทุนสงเคราะห์หรือการสงเคราะห์อื่น เพื่อสวัสดิการของพนักงาน ลูกจ้าง และครอบครัว ในกรณีที่พนักงานหรือลูกจ้างนั้นพ้นจากตำแหน่ง ประสบอุบัติเหตุ เจ็บป่วย ตาย หรือกรณีอื่นอันควรแก่การสงเคราะห์ ทั้งนี้ ตามข้อบังคับที่คณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทยกำหนด ๒.๑๐ กำหนดให้ กกท. ต้องทำงบประมาณประจำปีเสนอต่อคณะรัฐมนตรี โดยในส่วนของงบลงทุนให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาและให้ความเห็นชอบ ส่วนงบทำการให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ และให้รายได้ของ กกท. ที่ได้รับจากการดำเนินงานในปีหนึ่ง ๆ ตกเป็นของ กกท. ๒.๑๑ กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีอำนาจหน้าที่กำกับโดยทั่วไปซึ่งกิจการของ กกท. และมีอำนาจสั่งให้ กกท. ชี้แจงข้อเท็จจริง แสดงความคิดเห็น ทำรายงาน หรือยับยั้งการกระทำของ กกท. ที่ขัดต่อนโยบายของรัฐบาลหรือมติของคณะรัฐมนตรี ตลอดจนมีอำนาจสั่งการให้ กกท. ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลหรือมติของคณะรัฐมนตรี รวมทั้งกำหนดกรณีที่ กกท. ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนจึงจะดำเนินการได้ |
||||||||||||||||||||||||
30043 | ผลการพิจารณาค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย | นร07 | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กองบัญชาการกองทัพไทยใช้จ่ายจากเงินที่ส่วนราชการส่งคืนงบประมาณ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ (๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท) ในระบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) เพื่อดำเนินโครงการจากการตรวจติดตามงานในพื้นที่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำของนายกรัฐมนตรีในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดลำพูน เป็นเงิน ๔๘๘.๙๖๗๓ ล้านบาท ตามที่สำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
30044 | การจัดทำความตกลงในรูปแบบหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างรัฐบาลไทย และสำนักเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ว่าด้วยการจัดประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจภายใต้ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างไม่เป็นทางการและการประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง | ทส | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการจัดทำความตกลงในรูปแบบหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างรัฐบาลไทยกับสำนักเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ว่าด้วยการจัดประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างไม่เป็นทางการและการประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง ๑.๒ เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างรัฐบาลไทยและสำนักเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ว่าด้วยการจัดประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างไม่เป็นทางการและการประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๒.๑ รัฐบาลไทยจะให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันแก่ผู้มาร่วมประชุมฯ และสถานที่จัดการประชุมฯ ตามอนุสัญญาว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของสหประชาชาติ ค.ศ. ๑๙๔๖ และอนุสัญญาว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของทบวงการชำนัญพิเศษ ค.ศ. ๑๙๔๗ ที่ประเทศไทยเป็นภาคี ๑.๒.๒ ผู้เข้าร่วมการประชุมฯ และบุคคลที่ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวเนื่องกับการประชุมฯ จะมีสิทธิเข้าและออกจากประเทศไทยโดยปราศจากอุปสรรค ๑.๒.๓ การให้ยกเว้นภาษีศุลกากรการนำเข้าวัสดุอุปกรณ์สำหรับใช้ในการประชุมฯ ๑.๒.๔ รัฐบาลไทยจะจัดให้มีการคุ้มครองโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจตามความจำเป็น ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้มีอำนาจลงนามในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ในนามรัฐบาลไทย ๒. เห็นชอบให้มีข้อสัญญาอนุญาโตตุลาการในหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ได้ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา |
||||||||||||||||||||||||
30045 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) | กค | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ ๐.๐๐๕ โดยน้ำหนัก ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔ ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร ออกไปอีก ๑ เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
30046 | การแต่งตั้งข้าราชการดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (นักบริหารระดับสูง) (สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ) (นายสุวัฒน์ เทพอารักษ์) | กร | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสุวัฒน์ เทพอารักษ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
30047 | มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการศึกษาและการกีฬา | กค | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดย
๑. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการศึกษาและการกีฬา โดยกำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้แก่บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่มีการบริจาคเงินให้แก่สถาบันการศึกษาของทางราชการและเอกชน และการบริจาคเพื่อสนับสนุนการกีฬา สำหรับการบริจาคที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ดังนี้ ๑.๑ การบริจาคเงินให้แก่สถาบันการศึกษาของทางราชการและเอกชนโดยไม่รวมโรงเรียนนอกระบบ สามารถนำมาหักเป็นค่าลดหย่อนได้ ๒ เท่า ของจำนวนเงินที่บริจาค แต่ไม่เกินร้อยละ ๑๐ ของเงินได้พึงประเมินหรือกำไรสุทธิ แล้วแต่กรณี ๑.๒ ยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สิน หรือการขายสินค้า หรือสำหรับการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการบริจาคให้สถานศึกษา ๑.๓ การบริจาคให้แก่สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยที่ได้รับการรับรองโดยการกีฬาแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาจังหวัดที่จัดตั้งขึ้นโดยได้รับอนุญาตจากการกีฬาแห่งประเทศไทย สามารถหักเป็นค่าลดหย่อนหรือรายจ่ายได้เท่าจำนวนที่บริจาคแต่ไม่เกินร้อยละ ๑๐ ของเงินได้สุทธิ หรือร้อยละ ๒ ของกำไรสุทธิ แล้วแต่กรณี ๑.๔ การบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่การกีฬาแห่งประเทศไทย คณะกรรมการกีฬาจังหวัด กรมพลศึกษา สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยที่ได้รับการรับรองโดยการกีฬาแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬาจังหวัดที่จัดตั้งขึ้นโดยได้รับอนุญาตจากการกีฬาแห่งประเทศไทยและกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ สามารถนำมาหักเป็นค่าลดหย่อนได้ ๒ เท่า ของจำนวนที่บริจาค แต่ไม่เกินร้อยละ ๑๐ ของเงินได้พึงประเมินหรือกำไรสุทธิ แล้วแต่กรณี ๑.๕ ยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สิน หรือการขายสินค้า หรือสำหรับการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการบริจาคให้แก่หน่วยงานตามข้อ ๑.๓ - ๑.๔ ๑.๖ การได้รับสิทธิประโยชน์ตามข้อ ๑.๓ - ๑.๕ ต้องเป็นการสนับสนุนเงินหรือทรัพย์สินเพื่อนำไปใช้ในการจัดหาอุปกรณ์กีฬา การฝึกซ้อมหรือการแข่งขัน การจัดสร้างและพัฒนาสนามกีฬาหรือศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ การส่งเสริมสนับสนุนการจัดการแข่งขันกีฬา หรือการพัฒนานักกีฬาและบุคลากรด้านกีฬา ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน ๒ ฉบับ และร่างกฎกระทรวง จำนวน ๑ ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๒.๑.๑ กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดา บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เป็นจำนวน ๒ เท่า สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่สถานศึกษาของทางราชการ สถานศึกษาขององค์การของรัฐบาล โรงเรียนเอกชนที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน แต่ไม่รวมถึงโรงเรียนนอกระบบตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนหรือสถาบันอุดมศึกษาเอกชนที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ๒.๑.๒ กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่บุคคลธรรมดา บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สิน หรือการขายสินค้า หรือสำหรับการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการบริจาคให้สถานศึกษาตามข้อ ๒.๑.๑ ทั้งนี้ สำหรับการบริจาคที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ๒.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๒.๒.๑ กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้ ให้แก่บุคคลธรรมดา บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เป็นจำนวน ๒ เท่า สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่การกีฬาแห่งประเทศไทย คณะกรรมการกีฬาจังหวัด กรมพลศึกษา สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยที่ได้รับการรับรองโดยการกีฬาแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬาจังหวัดที่จัดตั้งขึ้นโดยได้รับอนุญาตจากการกีฬาแห่งประเทศไทยและกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ เพื่อนำไปใช้ในการจัดหาอุปกรณ์กีฬา การฝึกซ้อม หรือการแข่งขัน การจัดสร้างและพัฒนาสนามกีฬาหรือศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ การส่งเสริมสนับสนุนการจัดการแข่งขันกีฬา หรือการพัฒนานักกีฬาและบุคลากรด้านกีฬา ๒.๒.๒ กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่บุคคลธรรมดา บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สิน หรือการขายสินค้า หรือสำหรับการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการบริจาคให้องค์กรตามข้อ ๒.๒.๑ ๒.๓ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้เงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนเท่าจำนวนเงินที่ได้บริจาคเพื่อการกีฬา ให้แก่การกีฬาแห่งประเทศไทย คณะกรรมการกีฬาจังหวัด สมาคมกีฬาจังหวัด กรมพลศึกษา หรือสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา |
||||||||||||||||||||||||
30048 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางวัชรี วิมุกตายน) | พณ | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงพาณิชย์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๗ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่กระทวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. นางวัชรี วิมุกตายน ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ ๒. นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ ๓. นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมส่งเสริมการส่งออก ๔. นางพิรมล เจริญเผ่า ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ๕. นางสาววิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมการค้าภายใน ๖. นางปราณี ศิริพันธ์ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมการค้าต่างประเทศ ๗. นายนพดล สระวาสี ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์
|
||||||||||||||||||||||||
30049 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 6 คน 1. นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ฯลฯ) | พณ | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงพาณิชย์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๗ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่กระทวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. นางวัชรี วิมุกตายน ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ ๒. นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ ๓. นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมส่งเสริมการส่งออก ๔. นางพิรมล เจริญเผ่า ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ๕. นางสาววิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมการค้าภายใน ๖. นางปราณี ศิริพันธ์ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมการค้าต่างประเทศ ๗. นายนพดล สระวาสี ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์
|
||||||||||||||||||||||||
30050 | องค์กรร่วมไทย - มาเลเซียขอความเห็นชอบในร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 3 สัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติแปลง A-18 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย - มาเลเซีย | พน | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ ๓ สัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติแปลง A-18 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย - มาเลเซีย ระหว่างองค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย และบริษัทผู้ประกอบการ คือ บริษัท PC JDA Limited และบริษัท Hess Oil Limited ในฐานะกลุ่มผู้ขายก๊าซกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัทเปโตรนาสในฐานะกลุ่มผู้ซื้อก๊าซ ๑.๒ ให้องค์กรร่วมไทย - มาเลเซียลงนามในร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ ๓ สัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติแปลง A-18 กับกลุ่มผู้ซื้อก๊าซ เมื่อร่างสัญญาฯ ได้ผ่านการตรวจพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว ๒. อนุมัติให้นำวิธีระงับข้อพิพาท โดยวิธีการของอนุญาโตตุลาการมาใช้บังคับในสัญญา (SA3) ได้ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๒ (เรื่อง การทำสัญญาระหว่างหน่วยงานของรัฐกับเอกชน) |
||||||||||||||||||||||||
30051 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ไตรมาสที่ 3 (ตุลาคม 2554 - มิถุนายน 2555) | กค | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ไตรมาสที่ ๓ (ตุลาคม ๒๕๕๔-มิถุนายน ๒๕๕๕) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑,๖๐๖,๖๒๗.๒๗ ล้านบาท หรือร้อยละ ๖๗.๕๑ ของวงเงินงบประมาณ จำนวน ๒,๓๘๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายตามมติคณะรัฐมนตรี (ร้อยละ ๖๗ อยู่ที่ร้อยละ ๐.๕๑ โดยมีการเบิกจ่ายในส่วนของรายจ่ายประจำ จำนวน ๑,๔๒๗,๒๘๕.๓๕ ล้านบาท หรือร้อยละ ๗๒.๔๖ ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำหลังโอนเปลี่ยนแปลง จำนวน ๑,๙๖๙,๘๖๔.๗๐ ล้านบาท และการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุน จำนวน ๑๗๙,๓๔๑.๙๒ ล้านบาท หรือร้อยละ ๔๓.๗๓ ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนหลังโอนเปลี่ยนแปลง จำนวน ๔๑๐,๑๓๕.๓๐ ล้านบาท โดยมีหน่วยงานที่เบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนต่ำกว่าเป้าหมาย (ร้อยละ ๔๓) ซึ่งมีผลการเบิกจ่ายอยู่ระหว่าง ๐-๔๒.๗๗ จำนวนทั้งสิ้น ๒๕๓ หน่วยงาน และหน่วยงานที่ยังไม่มีการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุน จำนวนทั้งสิ้น ๔๔ หน่วยงาน สำหรับผลการเบิกจ่ายเงินงบกลางรายการที่ควรให้ความสำคัญ ได้แก่ รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ จำนวน ๑๒๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท มีการจัดสรรแล้ว ๒. เงินงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีและขยายเวลาเบิกจ่ายเงิน ประกอบด้วย เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๗- ๒๕๕๔ วงเงินรวม ๒๑๕,๘๙๓.๑๕ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑๒๒,๕๙๖.๘๐ ล้านบาท หรือร้อยละ ๕๖.๗๙ ของวงเงินงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี ๓. เงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ วงเงินรวม ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท มีการจัดสรรแล้ว ณ วันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๕ จำนวน ๓๔๒,๔๓๑.๖๙ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๓๑๒,๐๑๑.๐๑ ล้านบาท หรือร้อยละ ๙๑.๑๒
|
||||||||||||||||||||||||
30052 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2555 | กษ | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการ กนป. เสนอ โดยที่ประชุม กนป. มีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่คณะทำงานยกร่างพระราชบัญญัติปาล์มน้ำมันได้กำหนดกรอบขั้นตอนการดำเนินงานและงบประมาณการดำเนินการ ๕.๐๗๕ ล้านบาท และให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเจียดจ่ายงบประมาณในการดำเนินการรับฟังความเห็นสาธารณะทั้ง ๒ ครั้ง สำหรับค่าใช้จ่ายในการจัดจ้างที่ปรึกษา ให้หารือกระทรวงพาณิชย์และสำนักงบประมาณเพื่อจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการดำเนินการ ๒. รับทราบตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะทำงานยกร่างแผนพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม ปี พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐ ได้หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดเตรียมกรอบและแนวทางการยกร่างแผนฯ ดังกล่าว ๓. เห็นชอบตามที่คณะทำงานยกร่างพระราชบัญญัติปาล์มน้ำมันมีมติขอให้ กนป. พิจารณาปรับเปลี่ยนชื่อคณะทำงานยกร่างพระราชบัญญัติปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม ปี ๒๕๕๖-๒๕๖๐ เป็นคณะอนุกรรมการยกร่างพระราชบัญญัติปาล์มน้ำมันและคณะอนุกรรมการยกร่างแผนพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม ปี ๒๕๕๖-๒๕๖๐ โดยคงองค์ประกอบและหน้าที่ของคณะอนุกรรมการเช่นเดียวกับองค์ประกอบและหน้าที่ของคณะทำงาน ทั้งนี้ ให้ฝ่ายเลขาฯ ยกร่างคำสั่งเสนอประธานกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติเพื่อแต่งตั้งต่อไป ๔. เห็นชอบการนำเข้าน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ จำนวน ๓๐,๐๐๐ ตัน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้นำเข้าเสร็จสิ้นภายในวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ และให้กระทรวงพาณิชย์ติดตามสถานการณ์ ผลการนำเข้าน้ำมันปาล์ม รวมทั้งหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาความสอดคล้องของราคาน้ำมันพืชปาล์มและราคาผลปาล์ม และรายงาน กนป. ในการประชุมครั้งต่อไปเดือนสิงหาคม ๒๕๕๕ สำหรับการปรับเปลี่ยนสัดส่วนการใช้น้ำมันไบโอดีเซล (B100) ในน้ำมันดีเซล ให้นำเสนอ กนป. ก่อนประกาศใช้
|
||||||||||||||||||||||||
30053 | การปรับปรุงวันหยุดพักผ่อนประจำปีของโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง | กค | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับเพิ่มจำนวนวันหยุดพักผ่อนประจำปีสำหรับพนักงานของโรงงานยาสูบ (รยส.) ที่ทำงานตั้งแต่ ๑๐ ปีขึ้นไป จาก ๑๐ วันทำงาน เป็น ๑๓ วันทำงาน และสะสมได้ไม่เกิน ๓๐ วันทำงาน ตามมติของคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๔ เพื่อให้เป็นตามนัยพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓ มาตรา ๑๓ วรรคสาม ทั้งนี้ รยส. ควรบริหารจัดการองค์กรภาพรวมโดยมิให้กระทบต่อการผลิตยาสูบ ค่าใช้จ่ายองค์กร รวมทั้งฐานะทางการเงินเป็นสำคัญ และในการปรับเพิ่มจำนวนวันหยุดพักผ่อนประจำปีดังกล่าวอาจทำให้รัฐวิสาหกิจอื่นเสนอขอปรับเพิ่มตาม ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของรัฐวิสาหกิจในภาพรวม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้คณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์พิจารณาความเหมาะสมของจำนวนวันหยุดพักผ่อนประจำปีสำหรับพนักงานรัฐวิสาหกิจโดยรวม โดยเฉพาะพนักงานรัฐวิสาหกิจที่มีอายุการทำงานตั้งแต่ ๑๐ ปีขึ้นไป เพื่อให้รัฐวิสาหกิจถือปฏิบัติเป็นหลักเกณฑ์เดียวกัน และเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของรัฐวิสาหกิจโดยรวม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
30054 | ผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ครั้งที่ 6/2555 | นร | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ครั้งที่ ๖/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๕ และเห็นชอบมติคณะกรรมการ กยอ. ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการ กยอ. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการโครงการแม่บทประเทศไทย : การจัดระบบบัญชีรายการทรัพยากรพันธุกรรมที่ทรงคุณค่าการใช้ประโยชน์ และการจัดทำระบบฐานข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการด้านการเก็บรักษา การปกป้องคุ้มครอง และการให้บริการ โดยให้สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) (สพภ.) เสนอโครงการฯ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาก่อนและเป็นผู้ลงนามเสนอโครงการถึงประธาน กยอ. เพื่อให้ความเห็นชอบก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการและการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ต่อไป สำหรับงบประมาณดำเนินการ ให้เสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติวงเงินงบประมาณดำเนินการเฉพาะในปีแรก วงเงิน ๓๐๐.๐๔ ล้านบาท จากโครงการเพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตของประเทศ (ภายใต้กรอบวงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท) ส่วนปีถัดไปให้ขอรับการจัดสรรงบประมาณตามแผนงานปกติของหน่วยงาน โดยเพิ่มเติมรายละเอียดการดำเนินงานให้เกิดความชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องการบริหารจัดการระบบฐานข้อมูล วิธีการให้ได้มาซึ่งข้อมูล และระบบควบคุมการเข้าถึงฐานข้อมูล ทั้งนี้ ให้ สพภ. จัดทำรายละเอียดตามแบบฟอร์มที่กำหนดในระเบียบฯ มาพร้อมหนังสือนำส่งโครงการฯ รวมทั้งให้จัดทำแผนแม่บทประเทศไทยว่าด้วยทรัพยากรพันธุกรรม ที่เสนอภาพรวมของฐานข้อมูลทรัพยากรพันธุกรรม การนำไปใช้ประโยชน์ และการเชื่อมโยงต่อยอดผลการศึกษาวิจัย และรายงานความก้าวหน้าหรือปัญหาอุปสรรคของการดำเนินงานโครงการฯ ให้ กยอ. เพื่อทราบต่อไป ๑.๒ รับทราบและเห็นด้วยกับข้อเสนอของธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) ในการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการเกี่ยวกับการพัฒนาระบบรถไฟของประเทศไทย โดยให้กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินการตามขั้นตอนรับความช่วยเหลือทางวิชาการต่อไป โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาธุรกิจและตลาดใหม่ การขนส่งสินค้า และการพัฒนาให้สามารถรองรับรถไฟความเร็วสูง ทั้งนี้ ให้ฝ่ายเลขานุการประสานกับ ADB เพื่อรับความเห็นของ กยอ. ไปดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๑.๓ เห็นชอบการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์และบริหารทรัพยากรน้ำ ลุ่มน้ำตะวันออก ๙ จังหวัด เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (อยอ.) ประกอบด้วย จังหวัดฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี สมุทรปราการ สระแก้ว ชลบุรี จันทบุรี ตราด และระยอง โดยให้ฝ่ายเลขานุการฯ ปรับปรุงคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ ตามความเห็นของที่ประชุมแล้วให้นำเสนอประธาน กยอ. พิจารณาลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ ต่อไป ๑.๔ รับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานเพื่อฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรมของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม ในส่วนของการสำรวจสถานะของผู้ประกอบการในนิคม/เขต/สวนอุตสาหกรรม และการก่อสร้างเขื่อนหรือพนังกั้นน้ำ และให้ กนอ. กระทรวงอุตสาหกรรม รายงานความคืบหน้าการฟื้นฟูพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมให้ กยอ. ทราบต่อไป ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการ กยอ. ถือเป็นหลักปฏิบัติว่าในกรณีที่ กยอ. ได้พิจารณามีมติเกี่ยวกับแผนงาน/โครงการใด ๆ แล้ว ให้ฝ่ายเลขานุการ กยอ. แจ้งมติให้หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องกับแผนงาน/โครงการนั้น ๆ พิจารณาให้ความเห็นก่อนนำเรื่องดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีด้วย เพื่อมิให้เกิดปัญหาความซ้ำซ้อนหรือมีความเห็นแย้งในภายหลัง |
||||||||||||||||||||||||
30055 | ผลการประชุมประจำปีของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (เอสแคป) สมัยที่ 68 | กต | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมประจำปีของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (เอสแคป) สมัยที่ ๖๘ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๗ - ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ณ ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพฯ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเทศส่วนใหญ่ยังคงเห็นว่า แนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนและครอบคลุมเป็นแนวทางการพัฒนาที่เหมาะสม ซึ่งการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเป็นหนทางหนึ่งที่จะรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก โดยเฉพาะสนับสนุนข้อตกลงการค้าเอเชียและแปซิฟิก (Asia - Pacific Trade Agreement : APTA) ซึ่งที่ประชุมรับทราบการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างเอสแคปกับกระทรวงพาณิชย์ในการส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการด้านการค้าและการลงทุน ทั้งนี้ ที่ประชุมย้ำความสำคัญของการพัฒนาเครือข่ายทางหลวงสายเอเชีย ทางรถไฟสายเอเชีย ท่าบก ท่าเรือ ๒. ที่ประชุมรับทราบผลการประชุมเตรียมการสำหรับการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน (UNCSD หรือ Rio+20) แนวทางการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนของภูมิภาค การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานภายในภูมิภาค ๓. ที่ประชุมเห็นพ้องว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืน และได้ให้ความสำคัญต่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ โดยเฉพาะกองทุนสึนามิ รวมถึงความสำคัญของการใช้เทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ซึ่งที่ประชุมรับทราบบทบาทของไทยในการจัดการภัยพิบัติจากอุทกภัย และการดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการอาเซียนด้านภัยพิบัติ ซึ่งไทยจะอยู่ในวาระจนถึงเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ ๔. ที่ประชุมเห็นพ้องต่อการส่งเสริมสิทธิผู้พิการในภูมิภาค การต้านและเยียวยาโรคเอดส์ และบทบาทของสตรีในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (Millennium Development Goals : MDGs) และย้ำความสำคัญของข้อมูลสถิติในการกำหนดนโยบายด้านการพัฒนาของประเทศ ๕. ไทยได้รับเลือกตั้งให้เป็นสมาชิกคณะมนตรีประศาสน์การของศูนย์เพื่อการขจัดความยากจนผ่านการเกษตรที่ยั่งยืน (Centre for Alleviation of Poverty through Sustainable Agriculture : CAPSA) ศูนย์เอเชียและแปซิฟิกเพื่อวิศวกรรมและเครื่องจักรกลเกษตรแห่งสหประชาชาติ (United Nations Asian and Pacific Centre for Agricultural Engineering and Machinery : UNAPCAEM) และศูนย์ฝึกอบรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชียและแปซิฟิก (Asian and Pacific Centre for Information and Communication Technology for Development : APCICT) อีกสมัยหนึ่ง ๖. ที่ประชุมเห็นชอบต่อร่างแผนยุทธศาสตร์การดำเนินงานของเอสแคป ประจำปี ค.ศ. ๒๐๑๔ - ๒๐๑๕
|
||||||||||||||||||||||||
30056 | การแต่งตั้งผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาของกระทรวงคมนาคม | คค | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งนางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา ของกระทรวงคมนาคม ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
30057 | ร่างเอกสารสำคัญด้านเศรษฐกิจที่จะเสนอรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 44 | พณ | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างเอกสารสำคัญด้านเศรษฐกิจที่จะเสนอรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Ministers Meeting : AEM) ครั้งที่ ๔๔ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างเอกสารแผนงานความร่วมมืออาเซียน-รัสเซียด้านการค้าและการลงทุน (ASEAN-Russia Trade and Investment Cooperation Roadmap) จัดทำขึ้นเพื่อเป็นกลไกในการหารือเกี่ยวกับการขยายความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุน และส่งเสริมความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ ที่อาเซียนและรัสเซียมีความสนใจร่วมกัน อาทิ การพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พลังงาน การเงินและการธนาคาร การเกษตรสุขภาพ การคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การท่องเที่ยว และสิ่งแวดล้อมอันแสดงถึงการให้ความสำคัญในการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่าย และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารกับรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนของประเทศสมาชิกอื่น ๆ ของอาเซียน ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ ๔๔ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการไปได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๑.๒ ร่างเอกสารแผนงานเพื่อดำเนินการตามปฏิญญาร่วมอาเซียน-แคนาดาด้านการค้าและการลงทุน ปี ๒๕๕๕-๒๕๕๘ (2012-2015 Workplan to Implement the ASEAN-Canada Joint Declaration on Trade and Investment) จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นแผนการดำเนินงานในช่วงระหว่างปี ๒๐๑๒-๒๐๑๕ ตามปฏิญญาร่วมระหว่างอาเซียนและแคนาดาด้านการค้าและการลงทุน โดยแผนงานดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าและยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียนกับแคนาดาและวางพื้นฐานสำหรับการขยายความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือในสาขาการค้าและการลงทุนที่มีความสนใจร่วมกัน และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารกับรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนของประเทศสมาชิกอื่น ๆ ของอาเซียน ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ ๔๔ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการไปได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับการดำเนินงานตามแผนงานฯ ให้คำนึงถึงหลักการเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ที่มุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพความเป็นอยู่ เพิ่มความเป็นธรรมในสังคม รวมถึงการลดความเสี่ยงทางด้านสิ่งแวดล้อมและปัญหาการขาดแคลนทรัพยากร และไม่ใช้มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมมาเป็นข้อกีดกันทางการค้า นอกจากนี้ ให้เพิ่มความร่วมมือด้านภูมิสารสนเทศ (geo-informatics) รวมกับความร่วมมือด้านอวกาศ ในร่างเอกสารแผนงานเพื่อดำเนินการตามปฏิญญาร่วมอาเซียน-แคนาดาฯ และให้มีการหารือระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกับกระทรวงพาณิชย์ถึงแนวทางและกลไกในการใช้ประโยชน์จากประเด็นความร่วมมือที่ระบุในเอกสารทั้งสองฉบับ ภายหลังเอกสารดังกล่าวได้รับความเห็นชอบและมีผลบังคับใช้แล้ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
30058 | รายงานผลการหาข้อยุติกรณีการขอลดหย่อนค่ารายปีและภาษีโรงเรือนและที่ดิน ประจำปี 2554 ของโรงไฟฟ้าวังน้อย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย | พน | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานรายงานผลการหาข้อยุติกรณีการขอลดหย่อนค่ารายปีและภาษีโรงเรือนและที่ดิน ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ของโรงไฟฟ้าวังน้อย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยกระทรวงพลังงานได้มอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นเจ้าภาพจัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย พลังงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายอำเภอวังน้อย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลข้าวงาม (อบต. ข้าวงาม) ปลัด อบต. ข้าวงาม และผู้แทน กฟผ. เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการประชุมมีข้อยุติรวมกัน ดังนี้ ๑.๑ การคำนวณค่ารายปีของเครื่องจักร ให้ใช้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๑๒ เดือน ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) อัตราร้อยละ ๒.๕ เป็นเกณฑ์ในการคำนวณ ซึ่งเมื่อคำนวณเป็นค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินจะได้เป็นเงิน ๕,๒๒๘,๕๖๐.๔๕ บาท ๑.๒ พื้นที่อาคารซึ่งเป็นที่ตั้งเครื่องจักรผลิตไฟฟ้า (อาคารผลิตไฟฟ้า) ที่จะนำมาคำนวณค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดิน ให้คำนวณตามพื้นที่ที่ใช้งานจริงตามที่ กฟผ. คำนวณไว้ ซึ่งเมื่อคำนวณเป็นค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินจะได้เป็น ๓๙๕,๙๒๘ บาท ๑.๓ การคำนวณพื้นที่อื่น ๆ ที่ไม่ได้ติดตั้งเครื่องจักร กฟผ. ยอมรับการประเมินตามที่ อบต. ข้าวงาม คำนวณค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินไว้เป็นเงิน ๑,๓๓๗,๙๐๙.๓๓ บาท รวมเป็นเงินค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินทั้งสิ้น ๖,๙๖๒,๓๙๗.๗๘ บาท ๒. อบต. ข้าวงาม และ กฟผ. เห็นด้วยกับหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการคำนวณหาค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ของโรงไฟฟ้าวังน้อย ของ กฟผ. ตามมติที่ประชุมเมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ และได้ดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ อบต.ข้าวงาม มีหนังสือถึง กฟผ. เรียกเก็บเงินค่าภาษีโรงเรือนและที่ดิน ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามใบแจ้งรายการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดิน (แบบ ภ.ร.ด. ๘) เป็นเงิน ๖,๙๖๒,๓๙๗.๗๘ บาท และเรียกเก็บเงินเพิ่มค้างชำระอีกร้อยละ ๑๐ ตามมาตรา ๔๓ แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. ๒๔๗๕ เป็นเงิน ๖๙๖,๒๓๙.๗๘ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๗,๖๕๘,๖๓๗.๕๖ บาท ๒.๒ กฟผ. ได้ชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดิน ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ รวมเป็นเงินเพิ่มค้างชำระให้แก่ อบต. ข้าวงาม เป็นเงินทั้งสิ้น ๗,๖๕๘,๖๓๗.๕๖ บาท เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๔
|
||||||||||||||||||||||||
30059 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงิน และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างอาคารรักษาพยาบาล (โรงพยาบาลขนาด 400 เตียง) โรงพยาบาลนครนายก จังหวัดนครนายก | สธ | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณค่าก่อสร้างอาคารรักษาพยาบาล (โรงพยาบาล ขนาด ๔๐๐ เตียง) เป็นอาคาร คสล. ๔ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๕,๗๗๔ ตารางเมตร พร้อมอุปกรณ์ประกอบอาคาร โรงพยาบาลนครนายก จังหวัดนครนายก ๑ หลัง ในวงเงิน ๗,๖๗๗,๖๐๐ บาท เพื่อสมทบกับวงเงินค่าก่อสร้างที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ - พ.ศ. ๒๕๕๕ แล้ว จำนวน ๙๗,๙๙๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นวงเงินทั้งสิ้น ๑๐๕,๖๖๗,๖๐๐ บาท สำหรับวงเงินค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว ให้ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเสนอขอตั้งงบประมาณไว้แล้ว และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ - พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ - พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
30060 | การถวายพระราชสมัญญา "อัคราภิรักษศิลปิน" แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (กระทรวงวัฒนธรรม) | วธ | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการถวายพระราชสมัญญา “อัคราภิรักษศิลปิน” ซึ่งมีความหมายว่า “ศิลปินยิ่งใหญ่ผู้ปกปักรักษางานศิลปะ” แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
.....