ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1509 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 30161 - 30180 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
30161 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 100 ปี กระทรวงคมนาคม พ.ศ. .... | กค | 26/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๑๐๐ ปี กระทรวงคมนาคม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๑๐๐ ปี กระทรวงคมนาคม ชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ น้ำหนัก ขนาดอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ลวดลาย และลักษณะอื่น ๆ ของเหรียญกษาปณ์โลหะสองสี (สีขาวและสีทอง) ราคาสิบบาท ประเภทธรรมดา (จำนวนผลิตไม่เกิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ เหรียญ) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
30162 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2551 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความสมควรเดินอากาศ (การรับรองความสมควรเดินอากาศของอากาศยาน) จำนวน 3 ฉบับ | คค | 26/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง จำนวน ๓ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดวัตถุประสงค์อื่นสำหรับการใช้งานอากาศยานเพื่อขอรับใบสำคัญสมควรเดินอากาศแบบพิเศษประเภทที่สอง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ใบสำคัญสมควรเดินอากาศแบบพิเศษประเภทที่สองออกให้สำหรับอากาศยานเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ได้แก่ การวิจัยและพัฒนา การแสดงด้านการบิน และการแข่งขันในการบิน ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอและการต่ออายุใบสำคัญสมควรเดินอากาศ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๒.๑ กำหนดให้ยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๔ (พ.ศ. ๒๕๓๖) ออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๔๙๗ ๒.๒ กำหนดให้ผู้ใดประสงค์จะขอใบสำคัญสมควรเดินอากาศให้ยื่นคำขอต่ออธิบดีตามแบบที่ประกาศกำหนด พร้อมด้วยเอกสารและหลักฐาน ๒.๓ กำหนดหลักเกณฑ์การขอต่ออายุใบสำคัญสมควรเดินอากาศ และการขอรับใบแทนใบสำคัญสมควรเดินอากาศซึ่งสูญหาย ถูกทำลาย หรือชำรุดในสาระสำคัญ ให้ยื่นคำขอต่ออธิบดี พร้อมด้วยเอกสารและหลักฐาน ๒.๔ กำหนดให้คำขอรับใบสำคัญสมควรเดินอากาศที่ยื่นไว้ก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับและยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาให้ถือเป็นคำขอรับใบสำคัญสมควรเดินอากาศตามกฎกระทรวงนี้ ๓. ร่างกฎกระทรวงการขอรับใบสำคัญสมควรเดินอากาศสำหรับการส่งออกอากาศยาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ผู้จะขอใบสำคัญสมควรเดินอากาศสำหรับการส่งออกอากาศยานให้ยื่นคำขอต่ออธิบดีตามแบบที่ประกาศกำหนด พร้อมด้วยเอกสารหลักฐาน เช่น คู่มือประกอบการบินและคู่มือบำรุงรักษาอากาศยาน สำเนารายงานเกี่ยวกับการชั่งน้ำหนักและสมดุล สำเนาข้อตกลงหรือสัญญาระหว่างคู่สัญญา สำเนาใบสำคัญสมควรเดินอากาศที่เคยได้รับ และสำเนารายงานการบินทดสอบ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
30163 | ร่างกฎกระทรวงการอนุญาตประกอบกิจการโรงงานผลิตอาวุธ พ.ศ. .... | กห | 26/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการอนุญาตประกอบกิจการโรงงานผลิตอาวุธ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอและการออกใบอนุญาตการขอและการต่ออายุใบอนุญาต และการขอรับและการออกใบแทนใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานผลิตอาวุธ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
30164 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยคณะกรรมการตรวจสอบและหน่วยตรวจสอบภายในของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... | กค | 26/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยคณะกรรมการตรวจสอบและหน่วยตรวจสอบภายในของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ยกเลิกระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการตรวจสอบภายในของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๓๘ ๒. หมวด ๑ กำหนดคำนิยามให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น ๓. หมวด ๒ กำหนดเรื่อง คณะกรรมการตรวจสอบ ได้แก่ องค์ประกอบ การแต่งตั้ง ค่าตอบแทน คุณสมบัติของคณะกรรมการตรวจสอบ การประชุม หน้าที่ความรับผิดชอบ การรายงานผลการดำเนินงาน และการรักษาคุณภาพงาน ๔. หมวด ๓ กำหนดเรื่อง หน่วยตรวจสอบภายใน ได้แก่ คุณสมบัติของผู้ตรวจสอบภายใน โครงสร้างหน่วยตรวจสอบภายใน ความสัมพันธ์กับฝ่ายบริหาร หน้าที่ความรับผิดชอบ การปฏิบัติงานและการรายงาน การรักษาคุณภาพงาน
|
|||||||||||||||||||||||||||
30165 | แนวทางการดำเนินโครงการบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) | กก | 26/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาการขาดสภาพคล่องด้านการเงินของบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด ในช่วงเดือนสิงหาคม ถึงกันยายน ๒๕๕๕ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเร่งดำเนินการจัดทำแผนบริหารจัดการและแผนธุรกิจของบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด ที่จะดำเนินโครงการบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) ต่อไปให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายใน ๒ เดือน ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการจัดทำรายละเอียดของแผนธุรกิจที่สะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันด้านการตลาดและมีแนวทางการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม การกำหนดกลยุทธ์ในการจัดหาสมาชิก เงื่อนไขสิทธิประโยชน์ และคุณสมบัติของสมาชิกที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) อย่างชัดเจน การกำกับดูแลการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนธุรกิจที่กำหนดอย่างมีประสิทธิภาพ บรรลุตามเป้าหมายสูงสุดที่กำหนด การพิจารณาผลสำเร็จของการดำเนินโครงการฯ ในห้วงเวลาที่ผ่านมาเปรียบเทียบกับประโยชน์ที่รัฐจะได้รับ การจัดทำแนวทางติดตามผลการดำเนินการของโครงการฯ อย่างเป็นระบบเพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินการโครงการฯ ในอนาคต การประเมินผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงต่อประเทศเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง การวางแนวทางการดำเนินการต่าง ๆ ที่อาจกระทบต่อกฎหมายคนเข้าเมืองและกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการศึกษาเปรียบเทียบผลประโยชน์และผลกระทบในกรณียุบเลิกโครงการฯ กับกรณีดำเนินโครงการฯ ต่อ ให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการ และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีประกอบการพิจารณาทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๔ [เรื่อง การจำหน่ายกิจการโครงการบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card)] อีกครั้งหนึ่งต่อไป ๓. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายชุมพล ศิลปอาชา) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอเพิ่มเติมว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้เสนอความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินโครงการบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) มาด้วย ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะได้นำความเห็นดังกล่าวไปพิจารณาประกอบการดำเนินโครงการฯ ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
30166 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวน ที่ตั้ง เขตศาล และวันเปิดทำการของศาลแรงงานภาค (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศย | 26/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวน ที่ตั้ง เขตศาล และวันเปิดทำการของศาลแรงงานภาค (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวน ที่ตั้ง เขตศาล และวันเปิดทำการศาลแรงงานภาค พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวน ที่ตั้ง เขตศาล และวันเปิดทำการศาลแรงงานภาค (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๘ เพื่อเปลี่ยนแปลงเขตศาลแรงงานภาค ๔ ได้แก่ เขตศาลในจังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดนครพนม จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดเลย จังหวัดสกลนคร จังหวัดหนองคาย จังหวัดหนองบัวลำภู และจังหวัดอุดรธานี ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. เห็นชอบให้สำนักงานศาลยุติธรรมทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง |
|||||||||||||||||||||||||||
30167 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 บังคับในท้องที่บางแห่งในเขตเทศบาลตำบลนางแล อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... | มท | 26/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในท้องที่บางแห่งในเขตเทศบาลตำบลนางแล อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในท้องที่บางแห่งในเขตเทศบาลตำบลนางแล อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย เพื่อประโยชน์ในด้านการควบคุมเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย การป้องกันอัคคีภัย การสาธารณสุข การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
30168 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของมูลนิธิปิดทองหลังพระสืบสานแนวพระราชดำริ | นร | 26/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานสรุปผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ของมูลนิธิปิดทองหลังพระสืบสานแนวพระราชดำริ โดยสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระสืบสานแนวพระราชดำริได้ดำเนินงานพัฒนาในพื้นที่ต้นแบบ “โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบบูรณาการแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่จังหวัดน่าน” และ “โครงการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน อ่างเก็บน้ำห้วยคล้าย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดอุดรธานี” ซึ่งผลสำเร็จของการพัฒนามีความก้าวหน้าและบรรลุเป้าหมายในระดับอยู่รอด กล่าวคือ ประชาชนมีผลิตผลทางการเกษตรเพิ่มมากขึ้น มีรายได้เพิ่ม หนี้สินลดลง ระดับการพัฒนาต่อไปคือ อยู่อย่างพอเพียงและเตรียมความพร้อมที่จะพัฒนาไปสู่ระดับความยั่งยืน โดยมีรายละเอียดของการดำเนินงาน สรุปได้ ดังนี้
๑. โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบบูรณาการแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่จังหวัดน่าน ดำเนินการใน ๓ อำเภอ คือ อำเภอท่าวังผา อำเภอสองแคว และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่อยู่รอด พอเพียงและอยู่ได้ด้วยตัวเองอย่างยั่งยืน ควบคู่กับการอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสอดคล้องกับความต้องการของชาวบ้านในพื้นที่ และมีการบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยมีกิจกรรมการดำเนินงาน ได้แก่ การพัฒนาแหล่งน้ำ อาทิ การสร้างฝายน้ำอนุรักษ์ ฝายน้ำการเกษตรรูปแบบต่าง ๆ การพัฒนาระบบต้นแบบการส่งและกักเก็บน้ำ การปรับปรุงระบบน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค ระบบท่อส่งน้ำเข้าสู่พื้นที่เกษตรชาวบ้านโดยตรง เป็นต้น การปรับปรุงสภาพพื้นที่ให้เหมาะสมกับการเพาะปลูก และการจัดตั้งกองทุน อาทิ กองทุนเมล็ดพันธุ์ผักผู้รับประโยชน์ กองทุนสุกร กองทุนยาและสุขภาพสัตว์ กองทุนหัตถกรรมและการแปรรูป เป็นต้น ๒. โครงการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน อ่างเก็บน้ำห้วยคล้าย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลกุดหมากไฟ อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี เป็นพื้นที่ที่มูลนิธิชัยพัฒนาเสนอ เนื่องจากมีการใช้ประโยชน์จากอ่างเก็บน้ำไม่เต็มศักยภาพ มาเป็นพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาในรูปแบบใหม่ คือ การบูรณาการการทำงานร่วมกัน ทำเล็ก ประหยัด ขยายผลได้เร็วในวงกว้าง และได้ประโยชน์สูงสุด โดยมีบ้านโคกล่าม และบ้านแสงอร่าม เป็นพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาด้านระบบน้ำและร่วมกับโครงการฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พัฒนาการเกษตรด้วยการปรับปรุงดิน ทำการเกษตรผสมผสานด้วยการปลูกพืช ๓ ระดับ เลี้ยงหมูจินหัว เป็ดอี้เหลียง และปลาในบ่อ โดยมีแผนกิจกรรมพัฒนา ได้แก่ การพัฒนาแหล่งน้ำ อาทิ การเสริมตอม่อเพื่อยกระดับกักเก็บน้ำบริเวณ Spill way การปรับปรุงฝายเดิมลักษณะเป็นอ่างพวง ๓ ตัว การวางท่อส่งน้ำเข้าสู่แปลงเกษตรกรชาวบ้านโดยตรง เป็นต้น และการส่งเสริมด้านกองทุน อาทิ กองทุนสุกร กองทุนเมล็ดพันธุ์ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
30169 | เร่งรัดการดำเนินงานแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำ | นร | 26/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) เร่งรัดการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๕ [เรื่อง ผลการประชุมของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ. ) ครั้งที่ ๕/๒๕๕๕ และเรื่อง ขอยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๕] เกี่ยวกับการจัดทำแผนปฏิบัติการบริหารจัดการน้ำ การป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยแห่งชาติเสนอคณะกรรมการนโยบายน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (กนอช.) และคณะรัฐมนตรี เพื่อให้การพิจารณาอนุมัติแผนงาน/โครงการของ กบอ. มีทิศทางที่ชัดเจน สอดคล้องกับแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และเป็นไปตามนโยบายที่ กนอช. กำหนด การดำเนินการแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๕ การประสานและหารือในรายละเอียดร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่รับน้ำนองในพื้นที่ ๑๑ จังหวัด เพื่อจัดทำแผนเผชิญเหตุและการกำหนดแนวทางการปฏิบัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการอพยพ การจัดเตรียมพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกในศูนย์พักพิง การแก้ไขปัญหาการรุกล้ำพื้นที่รับน้ำและทางระบายน้ำ และการป้องกันไม่ให้มีการรุกล้ำพื้นที่เพิ่มเติม และให้มีการซักซ้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ทราบข้อมูลต่างๆ ดังกล่าวข้างต้นอย่างทั่วถึงกันเป็นการล่วงหน้าด้วย โดยให้ศูนย์บัญชาการ (Command Center) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการต่าง ๆ โดยให้ใช้ฐานข้อมูลและแผนที่ในการประกอบการดำเนินงานที่มีมาตรฐานเดียวกันเพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพด้วย ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์) เร่งรัดการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ [เรื่อง ผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (กนอช.) ครั้งที่ ๒/๒๕๕๕] เกี่ยวกับการจัดทำประกาศเชิญชวนและขอบเขตงาน (TOR) ของการดำเนินโครงการที่ใช้เงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ (๓๕๐,๐๐๐ ล้านบาท) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้ผู้ที่สนใจทั้งในและต่างประเทศที่มีความเชี่ยวชาญจัดทำแผนงานโครงการในการดำเนินการบริหารจัดการน้ำของประเทศไทยตามรายละเอียดที่รัฐบาลจะได้กำหนดไว้เพื่อพิจารณาคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพดีที่สุดมาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
30170 | ขอความเห็นชอบ ข้อกำหนดว่าด้วยระบบการจำแนกและการสื่อสารความเป็นอันตรายของวัตถุอันตราย | อก | 26/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบข้อกำหนดว่าด้วยระบบการจำแนกและการสื่อสารความเป็นอันตรายของวัตถุอันตรายแนบท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ระบบการจำแนกและการสื่อสารความเป็นอันตรายของวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๕๕ และให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการกำกับ ดูแล สารเคมีและวัตถุอันตรายนำข้อกำหนดว่าด้วยระบบการจำแนกและการสื่อสารความเป็นอันตรายของวัตถุอันตรายไปใช้เป็นแนวทางปฏิบัติในการควบคุม กำกับ ดูแล สารเคมี และวัตถุอันตรายให้เกิดความปลอดภัยต่อไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยข้อกำหนดว่าด้วยระบบการจำแนกและการสื่อสารความเป็นอันตรายของวัตถุอันตราย มีดังนี้ ๑.๑ เกณฑ์การจำแนกความเป็นอันตรายสำหรับวัตถุอันตรายที่เป็นสารเดี่ยว (substance) หรือสารผสม (mixture) โดยแบ่งเกณฑ์การจำแนกความเป็นอันตรายของวัตถุอันตรายเป็น ๓ ประเภท ได้แก่ เกณฑ์การจำแนกความเป็นอันตรายทางกายภาพและองค์ประกอบการสื่อสารความเป็นอันตรายในฉลาก เกณฑ์การจำแนกความเป็นอันตรายต่อสุขภาพและองค์ประกอบการสื่อสารความเป็นอันตรายในฉลากวัตถุอันตราย และเกณฑ์การจำแนกความเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและองค์ประกอบการสื่อสารความเป็นอันตรายในฉลากวัตถุอันตราย ซึ่งเกณฑ์การจำแนกความเป็นอันตรายดังกล่าวเป็นไปตาม Annex 2 Classification and Labelling summary tables ของคู่มือสำหรับระบบ GHS (Globally Harmonized System of Classification and Labelling of Chemicals) หรือระบบการจำแนกความเป็นอันตรายและการติดฉลากสารเคมีที่เป็นระบบเดียวกันทั่วโลก หรือ Purple Book ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ ๓ ปี พ.ศ. ๒๕๕๒ (ค.ศ. ๒๐๐๙) ๑.๒ องค์ประกอบการสื่อสารความเป็นอันตรายบางส่วน ซึ่งองค์ประกอบของฉลากจะต้องประกอบด้วยอย่างน้อย ๓ องค์ประกอบ ได้แก่ รูปสัญลักษณ์ (pictogram) คำสัญญาณ (signal word) และข้อความแสดงความเป็นอันตราย (hazard statement) ซึ่งการแสดงองค์ประกอบของการสื่อสารความเป็นอันตรายจะต้องสอดคล้องกับการจำแนกความเป็นอันตรายของวัตถุอันตราย ๑.๓ ข้อสนเทศที่ต้องระบุในเอกสารข้อมูลความปลอดภัย มีทั้งหมด ๑๖ หัวข้อ ซึ่งข้อมูลขั้นต่ำของเอกสารข้อมูลความปลอดภัยดังกล่าวเป็นไปตาม Chapter 1.5 Hazard Communication : Safety Data Sheet (SDS) ของคู่มือสำหรับระบบ GHS หรือ Purple Book ฉบับปรับปรุงครั้งที่ ๓ ปี พ.ศ. ๒๕๕๒ (ค.ศ. ๒๐๐๙) ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจำแนกและสื่อสารความเป็นอันตรายของสารเคมีให้ครอบคลุมความปลอดภัยในการขนส่ง ความปลอดภัยในสถานประกอบการ และการคุ้มครองผู้บริโภค และการปกป้องสิ่งแวดล้อม การเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้สามารถให้ข้อมูลทางวิชาการที่สอดคล้องกับเอกสารข้อกำหนดว่าด้วยระบบการจำแนกและการสื่อสารความเป็นอันตรายของวัตถุอันตราย การให้หน่วยงานที่กำกับดูแล วัตถุอันตรายในภาคส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ภาคการเกษตร ภาคผู้บริโภค และภาคการขนส่งนำข้อกำหนดว่าด้วยระบบการจำแนกและการสื่อสารความเป็นอันตรายของวัตถุอันตรายไปใช้เป็นแนวทางปฏิบัติในการควบคุม กำกับ ดูแล สารเคมีและวัตถุอันตราย การส่งเสริมบทบาทของประเทศไทยในเวทีประชาคมโลกในการให้ความร่วมมือระหว่างประเทศภายใต้แผนปฏิบัติการ ๒๑ (Agenda 21) ในส่วนของแผนปฏิบัติการบทที่ ๑๙ (Chapter 19) ซึ่งกล่าวถึงแผนการจัดการสารเคมีที่เป็นพิษอย่างเหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมตามแผนงานใน Program Area B การพัฒนาฐานข้อมูลสารเคมีและเชื่อมโยงกับระบบข้อมูลสารเคมีของแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เป็นระบบฐานข้อมูลกลางเพื่อการจัดการสารเคมีได้อย่างมีประสิทธิภาพตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ รวมทั้งการพิจารณาช่องว่างทางกฎหมายที่ยังมีอยู่เพื่อพัฒนาให้มีการออกกฎระเบียบ มาตรฐาน และแนวปฏิบัติให้สอดคล้องอย่างเหมาะสมเพื่อประโยชน์ในการควบคุมและกำกับดูแลสารเคมีทั้งด้านการนำเข้า ส่งออก การผลิต การขนส่ง การดำเนินการกับสารเคมีที่มีอยู่ จนถึงการบำบัด กำจัดและทำลาย โดยให้ครอบคลุมทั้งสารเคมีในภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม การขนส่ง ผู้บริโภค และสาธารณสุข เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
30171 | กรอบเจรจาเพื่อจัดทำบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารทางบกระหว่างไทย - มาเลเซีย | คค | 26/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบกรอบการเจรจาเพื่อจัดทำบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารทางบกระหว่างไทย - มาเลเซีย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยกรอบการเจรจาฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ วัตถุประสงค์ บันทึกความเข้าใจฯ ที่จะจัดทำขึ้นเป็นการขยายโอกาสการให้บริการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารระหว่างไทยกับมาเลเซีย และมีผลเป็นการยกเลิกบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการขนส่งสินค้าเน่าเสียง่ายทางถนนจากประเทศไทยผ่านแดนมาเลเซียไปยังสิงคโปร์ ซึ่งมีการจำกัดประเภทของสินค้าและปริมาณของสินค้าเน่าเสียง่าย โดยจะทำให้การขนส่งสินค้าและผู้โดยสารระหว่างประเทศไทยและมาเลเซียเป็นไปด้วยความสะดวกและรวดเร็ว เป็นผลให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศทั้งในด้านการค้าและบริการท่องเที่ยว ๑.๒ สิทธิการจราจร อนุญาตให้มีการประกอบการรถขนส่งสินค้าและผู้โดยสารข้ามแดนและผ่านแดนทางถนนตามเส้นทางและด่านพรมแดนเข้า - ออก ที่กำหนดร่วมกัน และอนุญาตให้ผู้ประกอบการรถโดยสารทั้งประจำทางและไม่ประจำทางที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานประเทศผู้รับ ได้รับสิทธิในการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารในประเทศผู้ได้รับ โดยไม่รวมการขนส่งในประเทศ ทั้งนี้ การขนส่งข้ามแดนและผ่านแดนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายของประเทศผู้รับ ๑.๓ เส้นทางการขนส่งข้ามแดน/ผ่านแดนและสิ่งอำนวยความสะดวก ให้มีการกำหนดเส้นทางการขนส่ง และสิ่งอำนวยความสะดวกบริเวณพรมแดนตามที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน ๑.๔ การอำนวยความสะดวกพิธีการข้ามแดน ให้มีการกำหนดด่านพรมแดนโดยความเห็นชอบร่วมกัน และให้มีการดำเนินการตรวจปล่อยร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในบริเวณเดียวกัน รวมทั้งปรับประสานและทำให้ง่ายขึ้นของพิธีการทางศุลกากร ๑.๕ การขนส่งสินค้าอันตราย ไม่อนุญาตให้ขนส่งสินค้าอันตราย เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากประเทศภาคีเป็นกรณี ๆ ไป ซึ่งเป็นไปตามพิธีสาร ๙ ของกรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านแดน ๑.๖ การขนส่งสินค้าเน่าเสียง่าย ประเทศภาคีต้องอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าเน่าเสียง่าย ๑.๗ การยอมรับรถ กำหนดให้มีการยอมรับรถขนส่งสินค้าและรถโดยสารที่จดทะเบียนในประเทศภาคี การยอมรับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ข้ามแดนและผ่านแดนซึ่งกันและกัน ประเทศภาคีต้องอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าเน่าเสียง่าย ๑.๘ การขนส่งบุคคลข้ามแดนผ่านแดน ให้นำหลักเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลกมาใช้สำหรับการขนส่งบุคคลข้ามแดน ๑.๙ การขนส่งข้ามแดนและผ่านแดนทางรถไฟ ให้เป็นไปตามข้อตกลงการเดินรถร่วมระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทยและการรถไฟสหพันธ์มลายา บังคับใช้เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๗ ๑.๑๐ คณะกรรมาธิการร่วม ให้มีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อประสานงานในการดำเนินการตามความตกลงฯ ๑.๑๑ การเริ่มมีผลบังคับใช้ ความตกลงจะมีผลใช้บังคับในวันที่ลงนามและมีผลเป็นการยกเลิกบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการขนส่งสินค้าเน่าเสียง่ายทางถนนจากประเทศไทยผ่านแดนมาเลเซียไปยังสิงคโปร์ พ.ศ. ๒๕๒๒ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการกำหนดแนวทางและมาตรการในเชิงป้องกันปัญหาในมิติด้านความมั่นคง เช่น การป้องกันการลักลอบเข้าเมือง การขนส่งสินค้าผิดกฎหมาย เพื่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดทั้งในด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง การนำหลักการและสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดน พ.ศ. .... ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรมาพิจารณาประกอบในการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการกำหนดพื้นที่ควบคุมร่วมกัน เพื่อให้สามารถดำเนินพิธีการต่าง ๆ ในการขนส่งข้ามพรมแดนร่วมกันได้อย่างเบ็ดเสร็จในจุดเดียว รวมทั้งเพิ่มเติมการคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ของผู้โดยสารและบุคคลที่สามด้านการประกันภัยในระหว่างการเดินทางในกรอบเจรจาฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
30172 | ขอความเห็นชอบในการสมทบเงินให้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศตามโครงการ bilateral borrowing | กค | 26/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ธนาคารแห่งประเทศไทยสมทบเงินให้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund : IMF) ตามโครงการ bilateral borrowing เป็นจำนวน ๑ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีเหตุผลสนับสนุน ดังนี้ ๑.๑ เป็นการสนับสนุนความร่วมมือระหว่างประเทศที่เป็น Global effort เพื่อให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศมีเงินทุนเพียงพอสำหรับแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจการเงินโลก และยืนยันสถานะของประเทศไทยที่มีพื้นฐานเศรษฐกิจเข้มแข็งในประชาคมโลก ๑.๒ เป็นการรักษาสถานภาพของไทยในการเป็นประเทศแกนหลักของกลุ่มออกเสียงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ร่วมกับสิงคโปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อการเจรจาทบทวนโควตากองทุนการเงินระหว่างประเทศในอนาคต ๑.๓ เงินที่สมทบให้แก่โครงการฯ จะเบิกใช้จริงก็ต่อเมื่อจำเป็น และเมื่อเบิกใช้แล้ว ก็ยังคงนับเป็นเงินสำรองทางการได้ทั้งจำนวน โดยให้ผลตอบแทนตามอัตราตลาดของสกุล Special Drawing Rights (SDR) และมีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากเป็นการลงทุนในตราสารของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ๒. ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการดำเนินการจ่ายเงินสมทบดังกล่าวด้วยความระมัดระวัง เพื่อรักษาระดับสภาพคล่องของเงินสำรองระหว่างประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
30173 | การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซม ครั้งที่ 10 | กค | 26/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซม [ASEM Finance Ministers’ Meeting (ASEM FinMM)] ครั้งที่ ๑๐ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ภายในกรอบวงเงิน ๔๒,๒๐๕,๔๐๐ บาท โดยให้กระทรวงการคลังเสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามขั้นตอน ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
30174 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2554 | กค | 26/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งหลังของปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เป้าหมายนโยบายการเงิน กนง. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีมติเห็นชอบร่วมกันให้เสนออัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยรายปีที่ร้อยละ ๓.๐ ? ๑.๕ เป็นเป้าหมายนโยบายการเงินประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนการนำเสนอเป้าหมายนโยบายการเงินต่อคณะรัฐมนตรี ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในไตรมาสที่ ๓ และ ๔ ของปี พ.ศ. ๒๕๕๔ อยู่ที่ร้อยละ ๑๒.๗๙ และ ๒.๘๒ ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในช่วงเป้าหมายนโยบายการเงินประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ๒. สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจในการดำเนินนโยบายการเงินในช่วงครึ่งหลังของปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ๒.๑ เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ ๔ หดตัวอย่างรุนแรงจากผลของอุทกภัยที่ทำให้ภาคการผลิตและการคมนาคมบางส่วนหยุดชะงัก อย่างไรก็ตาม ปัญหาอุทกภัยไม่ได้กระทบต่อศักยภาพการผลิตในระยะยาว โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาสที่ ๑ ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ และกลับสู่ระดับปกติได้ในไตรมาสที่ ๓ ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ๒.๒ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยในช่วงครึ่งหลังของปี พ.ศ. ๒๕๕๔ อยู่ที่ร้อยละ ๔.๐๕ และ ๒.๘๐ ตามลำดับ ทั้งนี้ ในระยะต่อไป กนง. ประเมินว่า แรงกดดันเงินเฟ้อจะยังคงมีอยู่ จากนโยบายภาครัฐที่มีผลทำให้ราคาสินค้าบางประเภทและต้นทุนแรงงานสูงขึ้น ประกอบกับความต้องการในช่วงฟื้นฟูเศรษฐกิจจะสนับสนุนให้การส่งผ่านต้นทุนทำได้ง่ายขึ้น ๓. การดำเนินนโยบายการเงิน กนง. มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๔ และครั้งที่ ๖/๒๕๕๔ ครั้งละร้อยละ ๐.๒๕ ต่อปี รวมร้อยละ ๐.๕๐ ต่อปี ส่งผลให้ระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับสูงขึ้น จากร้อยละ ๓.๐๐ ต่อปี เป็นร้อยละ ๓.๕๐ ต่อปี เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและดูแลแรงกดดันเงินเฟ้อ และในการประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๕๔ กนง. มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ ๓.๕๐ ต่อปี รวมทั้งในการประชุมครั้งที่ ๘/๒๕๕๔ ได้มีมติให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ ๐.๒๕ จากร้อยละ ๓.๕๐ ต่อปี เป็นร้อยละ ๓.๒๕ ต่อปี ดังนั้น ณ สิ้นปี พ.ศ. ๒๕๕๔ อัตราดอกเบี้ยนโยบายจึงปรับมาอยู่ที่ระดับร้อยละ ๓.๒๕ ต่อปี ๔. การดำเนินนโยบายบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยน ๔.๑ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เข้าบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อมิให้มีความผันผวนมากเกินไปจนเป็นอุปสรรคต่อการปรับตัวของภาคธุรกิจ ส่งผลให้ค่าความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงครึ่งหลังของปี พ.ศ. ๒๕๕๔ เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ ๕.๒๑ ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าค่าความผันผวนของเงินสกุลอื่น ๆ โดยเฉพาะค่าเงินภูมิภาคที่ส่วนใหญ่มีความผันผวนเฉลี่ยอยู่ที่ระดับร้อยละ ๖ - ๑๒ ในช่วงเวลาเดียวกัน ๔.๒ ดัชนีค่าเงินบาทที่สะท้อนการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทเทียบกับสกุลเงินของประเทศคู่ค้าคู่แข่งสำคัญอ่อนค่าลงร้อยละ ๐.๘๓ จากระดับเฉลี่ย ๑๐๒.๒๙ ในช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ. ๒๕๕๔ มาอยู่ที่ระดับเฉลี่ย ๑๐๑.๔๔ ในช่วงครึ่งหลังของปี ตามการอ่อนค่าของเงินบาทเทียบกับเงินสกุลหลัก ยกเว้นเงินยูโร สำหรับดัชนีค่าเงินบาทที่แท้จริงที่สะท้อนความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของสินค้าไทยเทียบกับคู่ค้าคู่แข่งอ่อนค่าลงร้อยละ ๐.๘๒ ตามทิศทางของดัชนีค่าเงินบาทเป็นสำคัญ ขณะที่ระดับราคาสินค้าและบริการของไทยเคลื่อนไหวสอดคล้องกับประเทศคู่ค้าคู่แข่ง ๕. แนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ กนง. ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ จะขยายตัวในอัตราร้อยละ ๔.๙ โดยมีอุปสงค์ภายในประเทศเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากภาวะอุทกภัยจะสามารถฟื้นตัวกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ภายในไตรมาสที่ ๓ ของปี โดยการบริโภคภาคเอกชนจะฟื้นตัวได้เร็ว ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนจะใช้เวลาในการฟื้นตัวเข้าสู่ภาวะปกตินานกว่า สำหรับแรงกดดันเงินเฟ้อในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ จะเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ ๓.๒ และ ๒.๒ ตามลำดับ โดยในช่วงครึ่งปีหลังแรงกดดันเงินเฟ้อจากต่างประเทศจะชะลอลง อย่างไรก็ตาม แรงกดดันจากปัจจัยภายในประเทศจะเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
|
|||||||||||||||||||||||||||
30175 | รายงานผลการปฏิบัติหน้าที่ประจำปี พ.ศ. 2554 | อื่นๆ | 26/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติหน้าที่ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ผลการดำเนินงานของคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) ได้แก่ ๑.๑.๑ สำรวจ ศึกษา และวิเคราะห์ทางวิชาการ รวมตลอดทั้งวิจัยและสนับสนุนการวิจัย เพื่อประโยชน์ในการวางเป้าหมาย นโยบาย และจัดทำแผนโครงการและมาตรการต่าง ๆ ในการดำเนินการ โดย (คปก.) ได้ดำเนินการจัดให้มีโครงการสัมมนาเพื่อรับฟังความคิดเห็นของภาคส่วนต่างๆ ในสังคมที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงและพัฒนากฎหมายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และภาคประชาสังคมเพื่อรับฟังความคิดเห็นและรวบรวมประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการผลักดันกฎหมายแต่ละด้าน จำนวน ๑๕ โครงการ ๑.๑.๒ ปรับปรุงและพัฒนากฎหมายของประเทศ รวมทั้งปรับปรุงและพัฒนากฎหมายให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของประชาชน ๑.๑.๓ เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแผนการให้มีกฎหมาย หรือการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย โดยพิจารณาภาพรวมของกฎหมายในเรื่องนั้นหรือกลุ่มกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่มีความสัมพันธ์กันในเรื่องนั้น ๑.๑.๔ เสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแผนการตรากฎหมายที่จำเป็นต่อการดำเนินการตามนโยบายและแผนการบริหารราชการแผ่นดินเพื่อประกอบการพิจารณา ๑.๑.๕ เสนอความเห็นและข้อสังเกตต่อคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาเกี่ยวกับร่างกฎหมายฉบับหนึ่งฉบับใดที่เสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ศาล องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ หรือประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งตามที่เห็นสมควร โดยอาจจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของหน่วยงานและประชาชนที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาด้วย ๑.๑.๖ ให้คำปรึกษาและสนับสนุนการดำเนินการในการร่างกฎหมายของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการประกาศกำหนด ๑.๑.๗ ออกระเบียบหรือประกาศเกี่ยวกับการบริหารงานทั่วไป การบริหารงานบุคคล การงบประมาณ การเงินและทรัพย์สิน การรักษาการแทนและการปฏิบัติการแทน การกำหนดอัตราเงินเดือนและค่าตอบแทนสวัสดิการหรือการสงเคราะห์อื่นแก่พนักงานและลูกจ้างของสำนักงาน และการดำเนินการอื่นของสำนักงาน ๑.๑.๘ จัดทำรายงานผลการปฏิบัติหน้าที่ประจำปีเสนอต่อคณะรัฐมนตรี รัฐสภา และเผยแพร่ต่อสาธารณชน โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพในการเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว ๑.๑.๙ ปฏิบัติการอื่นตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๕๓ หรือกฎหมายอื่นหรือตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย ๑.๒ เป้าหมาย นโยบาย และแผนปฏิบัติการ ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายได้วางแนวทางดำเนินการเพื่อปรับปรุงและพัฒนากฎหมายของประเทศให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน ไว้ในเบื้องต้นทั้งสิ้น ๘ ด้าน และมีโครงการเพื่อสนับสนุนในแต่ละด้าน ได้แก่ ด้านการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ด้านกระบวนการยุติธรรม ด้านที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านสวัสดิการสังคม ด้านความเสมอภาคระหว่างเพศ ด้านหลักประกันทางธุรกิจ ด้านการกระจายอำนาจและการมีส่วนร่วมของประชาชน และด้านข่าวสารของคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ๒. ให้คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายศึกษา วิเคราะห์ กฎหมายที่ตราขึ้นในสมัยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ว่าต้องมีการปรับปรุง แก้ไขเพิ่มเติม หรือไม่ อย่างไร แล้วให้เสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ตามมาตรา ๑๙ (๙) แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๕๓
|
|||||||||||||||||||||||||||
30176 | รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศ เดือนพฤษภาคม 2555 | พณ | 26/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศ เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๕ เท่ากับ ๑๑๕.๒๓ เทียบกับเดือนเมษายน ๒๕๕๕ เท่ากับ ๑๑๔.๗๘ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๓๙ (เดือนเมษายน ๒๕๕๕ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๔๒) จากการสูงขึ้นของดัชนีราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่ม ร้อยละ ๑.๔๑ ขณะที่ดัชนีหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลงร้อยละ ๐.๒๘ ๑.๑ ดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น ร้อยละ ๑.๔๑ ตามการสูงขึ้นของราคาข้าวสารเจ้า ร้อยละ ๐.๒๑ เนื้อสัตว์สด ร้อยละ ๔.๐๑ (เนื้อสุกร กระดูกซี่โครงหมู เนื้อโค) ไก่สด ร้อยละ ๑.๘๘ ปลาและสัตว์น้ำ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๔๙ (ปลาช่อน ปลาดุก และปลาน้ำทะเลสด) ไข่และผลิตภัณฑ์นม สูงขึ้นร้อยละ ๑.๑๗ (ไข่ไก่ ไข่เป็ด) ผักสด สูงขึ้นร้อยละ ๑๘.๖๓ (ผักกาดขาว ผักคะน้า กะหล่ำปลี แตงกวา ผักบุ้ง ถั่วฝักยาว ต้นหอม ผักชี) ผลไม้สดบางชนิด (ส้มเขียวหวาน แตงโม องุ่น แอ๊ปเปิ้ล) เครื่องปรุงอาหาร สูงขึ้นร้อยละ ๐.๐๘ (น้ำมันพืช กะทิสำเร็จรูป) เครื่องปรุงรส สูงขึ้นร้อยละ ๐.๒๔ (น้ำปลา ซีอิ้ว ซอสหอยนางรม) และอาหารสำเร็จรูป สูงขึ้นร้อยละ ๐.๖๖ (กับข้าวสำเร็จรูป ข้าวผัด ก๋วยเตี๋ยว) สำหรับสินค้าอื่นที่มีราคาลดลง ได้แก่ ข้าวสารเหนียว ลดลงร้อยละ ๑.๗๗ และผลไม้สด ร้อยละ ๑.๑๐ ๑.๒ ดัชนีราคาหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลงร้อยละ ๐.๒๘ สาเหตุจากการลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงขายปลีกในประเทศโดยเฉลี่ย ลดลงร้อยละ ๓.๔๘ และตามการยกเลิกชั่วคราวการปรับโครงสร้างราคาพลังงานของรัฐบาล ๑.๒.๑ สินค้าอุปโภคบริโภคที่มีการเคลื่อนไหวของราคาโดยเฉลี่ยสูงขึ้น ได้แก่ หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า สูงขึ้นร้อยละ ๐.๒๙ (เครื่องแบบนักเรียน รองเท้านักเรียน รองเท้ากีฬาและผ้าใบเด็ก) วัสดุก่อสร้าง ร้อยละ ๐.๐๒ (แผ่นไม้อัด ปูนซีเมนต์ กระเบื้องซีเมนต์ใยหินมุงหลังคา) ค่าน้ำประปา ๐.๗๔ สิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาดบางชนิด [น้ำยาล้างจาน น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยารีดผ้า ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้น (น้ำยาถูพื้น)] ค่ายาและเวชภัณฑ์ ร้อยละ ๐.๒๓ (ยาแก้ปวดลดไข้ ยาวิตามินบีคอมเพล็กซ์ ถุงยางอนามัย) ค่าของใช้ส่วนบุคคล สูงขึ้นร้อยละ ๐.๐๕ (ยาสีฟัน แชมพูสระผม กระดาษชำระ ผ้าอนามัย แป้งทาผิวกาย) และค่าโดยสารสาธารณะ สูงขึ้นร้อยละ ๑.๕๒ [ค่ารถเมล์เล็ก รถสองแถว ค่าโดยสารรถสามล้อเครื่องและค่าโดยสารรถประจำทางปรับอากาศ (ชั้น ๑ ชั้น ๒)] เป็นต้น ๑.๒.๒ สินค้าที่มีราคาเคลื่อนไหวลดลงตามการแข่งขันด้านการตลาดและการส่งเสริมการจำหน่าย ได้แก่ ค่าเช่าบ้าน ลดลงร้อยละ ๐.๐๒ บริภัณฑ์อื่น ๆ ลดลงร้อยละ ๐.๐๔ ประเภทหม้อหุงข้าวไฟฟ้า เตารีด เครื่องซักผ้า สิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด ลดลงร้อยละ ๐.๑๙ (ผงซักฟอก น้ำยาล้างห้องน้ำ สารกำจัดแมลง/ไล่แมลง) อุปกรณ์ยานพาหนะ ลดลงร้อยละ ๐.๑๔ (ยางรถยนต์ แบตเตอรี่รถยนต์) และเบียร์ ลดลงร้อยละ ๐.๐๓ ๒. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๕ เท่ากับ ๑๐๘.๑๕ เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน ๒๕๕๕ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๒๙ (เดือนเมษายน ๒๕๕๕ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๑๐) โดยมีผลกระทบมาจากการเคลื่อนไหวของราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ เครื่องนุ่งห่มและรองเท้า วัสดุก่อสร้าง ค่าน้ำประปา ค่ายาและเวชภัณฑ์ ค่าของใช้ส่วนบุคคลและค่าโดยสารสาธารณะ สำหรับสินค้าที่มีราคาลดลง ได้แก่ หม้อหุงข้าวไฟฟ้า เตารีด เครื่องซักผ้า สิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาดบ้าน และอุปกรณ์ยานพาหนะ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
30177 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) | กค | 26/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ ๐.๐๐๕ โดยน้ำหนัก ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔ ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร ออกไปอีก ๑ เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
30178 | สรุปผลการประชุมหารือเพื่อติดตามภาวะเศรษฐกิจ ครั้งที่ 5/2555 | นร | 26/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมหารือเพื่อติดตามภาวะเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๕/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๕ โดยที่ประชุมได้รับทราบสถานการณ์เศรษฐกิจในภาพรวม และวิกฤติเศรษฐกิจยูโร พร้อมทั้งได้มีมติเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) เสนอ ดังนี้
๑. ให้มีคณะทำงานสำหรับการติดตามผลกระทบจากวิกฤตการเงินในยุโรป จำนวน ๓ คณะ ดังนี้ ๑.๑ การประชุมหารือเพื่อติดตามภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) เป็นประธาน จัดประชุมทุกสัปดาห์ แล้วนำเสนอผลการพิจารณาต่อที่ประชุมหารือเพื่อติดตามภาวะเศรษฐกิจที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในสัปดาห์ถัดไป ๑.๒ คณะทำงานติดตามภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) เป็นประธาน จัดประชุมทุกสัปดาห์ แล้วนำเสนอผลการพิจารณาต่อที่ประชุมหารือเพื่อติดตามภาวะเศรษฐกิจที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในสัปดาห์ถัดไป ๑.๓ คณะทำงานร่วมระหว่างสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อติดตามภาวะเศรษฐกิจในประเด็นที่เกี่ยวข้องรายวัน รายสัปดาห์ โดยให้จัดทำ Template เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รายงานสถานการณ์ในรูปแบบเดียวกัน รวมทั้งวิเคราะห์สถานการณ์และกำหนด Trigger point เพื่อช่วยในการติดตามสถานการณ์และดำเนินมาตรการในกรณีต่าง ๆ ที่จำเป็นได้อย่างทันท่วงที รวมทั้งศึกษาผลกระทบของการส่งออกของไทยไปกลุ่มยูโรโซนทั้งทางตรงและทางอ้อมแยกรายสาขาที่สำคัญ ๒. ให้กระทรวงการคลังติดตามข้อมูลผู้ประกอบการที่ทำการค้ากับประเทศในกลุ่มยูโรโซนโดยใช้ฐานข้อมูลลูกค้าของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ๓. ให้กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงคมนาคม เสนอแนะแนวทางการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของรัฐวิสาหกิจให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงค่าเงิน ๔. ให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงแรงงาน และกระทรวงพาณิชย์ เตรียมมาตรการรองรับผลกระทบที่คาดว่าอาจจะเกิดขึ้นใน ๔ อุตสาหกรรม ได้แก่ สิ่งทอ อิเล็กทรอนิกส์ อัญมณี และยานยนต์
|
|||||||||||||||||||||||||||
30179 | โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2555 | กค | 26/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๕ โดยหลักการของโครงการฯ มีดังนี้ ๑.๑.๑ กำหนดอัตราเบี้ยประกันภัย ๑๒๐ บาทต่อไร่ (ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม) อัตราเบี้ยประกันภัยสุทธิเท่ากับ ๑๒๙.๔๗ บาทต่อไร่ เท่ากับการดำเนินโครงการฯ ในปีที่ผ่านมา วงเงินความคุ้มครอง ๑,๑๑๑ บาทต่อไร่ ตลอดช่วงการเพาะปลูก สำหรับภัยธรรมชาติทั้งหมด ๖ ภัย ได้แก่ อุทกภัย ฝนทิ้งช่วง ลมพายุ อากาศหนาว ลูกเห็บ และอัคคีภัย และขยายเพิ่มเติมความคุ้มครองรวมถึงภัยศัตรูพืชและโรคระบาด โดยมีวงเงินความคุ้มครอง ๕๕๕ บาทต่อไร่ ๑.๑.๒ กองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติจะเป็นผู้รับประกันภัยต่อในกรณีที่บริษัทประกันวินาศภัยในประเทศ (ผู้รับประกันภัย) รับประกันภัยที่อัตราเบี้ยประกันภัย ๑๒๐ บาทต่อไร่ และไม่สามารถเอาประกันภัยต่อกับบริษัทรับประกันภัยต่อในต่างประเทศได้ ๑.๑.๓ เกษตรกรผู้เอาประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเมื่อพื้นที่เพาะปลูกได้รับความเสียหาย (ใช้เกณฑ์การประเมินความเสียหายที่รัฐดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน) เพิ่มเติมจากเดิมที่จะได้รับเฉพาะเงินช่วยเหลือจากรัฐตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ส่วนเกษตรกรที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับเฉพาะเงินช่วยเหลือจากรัฐเท่านั้น ๑.๑.๔ กำหนดจำนวนไร่ที่เอาประกันภัยสูงสุดไม่เกิน ๘ ล้านไร่ จากพื้นที่เพาะปลูกข้าวทั้งหมดของประเทศโดยเฉลี่ยในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๔๗ - ๒๕๕๔ จำนวน ๕๗.๔๗ ล้านไร่ เป็นระดับพื้นที่เหมาะสม และอยู่ในวิสัยที่จะปฏิบัติได้ เนื่องจากการตัดสินใจทำประกันภัยหรือไม่เป็นความสมัครใจของเกษตรกร และกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติสามารถรองรับความเสียหายในกรณีที่ร้ายแรงที่สุด (Worst case scenario) ได้ ๑.๑.๕ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นผู้บริหารโครงการ โดยเป็นตัวกลางระหว่างเกษตรกรผู้เอาประกันภัยและบริษัทผู้รับประกันภัย เช่นเดียวกับการดำเนินโครงการฯ ในปีที่ผ่านมา ๑.๒ อนุมัติวงเงินงบประมาณ จำนวน ๕๕๕,๗๖๐,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัย ๑.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรจัดส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้กับ ธ.ก.ส. ประกอบด้วย ข้อมูลการขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าว และข้อมูลการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยของรัฐรายบุคคลที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ (ก.ช.ภ.อ.) แล้ว เพื่อความรวดเร็วในการจ่ายสินไหมทดแทน ๒. ยกเว้นหลักการที่กำหนดว่า “กองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติจะเป็นผู้รับประกันภัยต่อในกรณีที่บริษัทประกันวินาศภัยในประเทศ (ผู้รับประกันภัย) รับประกันภัยที่อัตราเบี้ยประกัน ๑๒๐ บาทต่อไร่ และไม่สามารถเอาประกันภัยต่อกับบริษัทรับประกันภัยต่อในต่างประเทศได้” ให้ตัดออก และยกเว้นในส่วนของการเบิกเงินชดเชย ให้ ธกส. เบิกเงินชดเชยตามจำนวนที่จ่ายจริงพร้อมด้วยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๖ เดือน ประเภทบุคคลธรรมดา ของ ๔ ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR) + 1 ในปีงบประมาณถัดไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
30180 | รายงานติดตามความก้าวหน้าผลการดำเนินงานป้องกันและบรรเทาปัญหาอุทกภัย | นร | 26/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปรายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินงานป้องกันและบรรเทาปัญหาอุทกภัยในส่วนของ PMOCFLOOD และปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะของรัฐมนตรีที่ได้สั่งการในการตรวจพื้นที่ จากข้อมูลระบบ PMOC ณ วันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๕ มีจำนวน ๓๑ จังหวัด มีผลการเบิกจ่าย ความก้าวหน้าการดำเนินงาน ดังนี้ ๑.๑ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๑ จำนวน ๓ จังหวัด (จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง) ผลการเบิกจ่ายร้อยละ ๖๐.๔๔ ความก้าวหน้าดำเนินงานร้อยละ ๗๑.๔๔ ๑.๒ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๒ จำนวน ๔ จังหวัด (จังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน และแพร่) ผลการเบิกจ่ายร้อยละ ๓๘.๓๔ ความก้าวหน้าดำเนินงานร้อยละ ๕๘.๗๕ ๑.๓ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนกลาง จำนวน ๔ จังหวัด (จังหวัดตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ และพิษณุโลก) ผลการเบิกจ่ายร้อยละ ๔๘.๒๕ ความก้าวหน้าดำเนินงานร้อยละ ๖๗.๗๕ ๑.๔ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง จำนวน ๔ จังหวัด จังหวัดกำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ และอุทัยธานี) ผลการเบิกจ่ายร้อยละ ๗๔.๔๑ ความก้าวหน้าดำเนินงานร้อยละ ๖๖.๕๐ ๑.๕ กลุ่มจังหวัดภาคกลาง และ กทม. จำนวน ๑๖ จังหวัด (จังหวัดชัยนาท อ่างทอง ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี สิงห์บุรี พระนครศรีอยุธยา นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และกรุงเทพมหานคร และส่วนกลาง) ผลการเบิกจ่ายร้อยละ ๕๓.๒๕ ความก้าวหน้าดำเนินงานร้อยละ ๕๙.๑๓ ๒. เร่งรัดการดำเนินงานของหน่วยงานที่ยังไม่มีการรายงานฯ และให้มีการดำเนินการตามที่รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบพื้นที่ได้สั่งการไว้แล้ว
|
.....