ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1501 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 30001 - 30020 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
30001 | ขออนุมัติเพิ่มกรอบอัตรากำลังพลสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ในส่วนภูมิภาค | มท | 28/08/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเพิ่มกรอบอัตรากำลังพลสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน จำนวน ๘๒ อัตรา เพื่อบรรจุสั่งใช้ให้แก่กองบังคับการกองอาสารักษาดินแดน จังหวัดบึงกาฬ จำนวน ๒ กองร้อย ได้แก่ กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดบึงกาฬ จำนวน ๖๐ อัตรา และกองร้อยบังคับการและบริการจังหวัดบึงกาฬ จำนวน ๒๒ อัตรา และให้กระทรวงมหาดไทยปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ของกรมการปกครอง สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเบื้องต้นในการบรรจุสั่งใช้กำลังพลสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน จำนวน ๘๒ อัตราดังกล่าว ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในเดือนกันยายน ๒๕๕๕ ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๔ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๑๐/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๕ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๔ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ
|
||||||||||||||||||
30002 | การจัดผู้เข้ารับการศึกษาหลักสูตรของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ประจำปีการศึกษา 2555 - 2556 แทนผู้ที่ขอสละสิทธิ์ | กห | 28/08/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการขอสละสิทธิ์เข้ารับการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐ เอกชน และการเมือง (วปม.) รุ่นที่ ๖ ของนายธนา ตันศิริ ผู้ชำนาญการกฎหมาย บริษัท บี.ดี.ดี. ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และอนุมัติให้นางสาวแก้วใจ เผอิญโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย วี.พี. คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด เป็นผู้เข้ารับการศึกษาแทน ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||
30003 | การรายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินงานและการขออนุมัติเพิ่มวงเงินกู้ตามโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง | กษ | 28/08/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นในโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ความก้าวหน้าการดำเนินโครงการฯ มีสถาบันเกษตรกรสนใจเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน ๕๒ จังหวัด เพิ่มขึ้นจากเดิม ๓ จังหวัด มีสถาบันเกษตรกรเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน ๖๗๖ สถาบัน เพิ่มขึ้นจากเดิม จำนวน ๑๓๖ แห่ง โดยอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการฯ แล้ว จำนวน ๖๑๑ แห่ง เพิ่มขึ้นจากเดิม จำนวน ๑๑๗ แห่ง อยู่ระหว่างการพิจารณา จำนวน ๔๗ แห่ง และไม่ผ่านการอนุมัติ จำนวน ๕ แห่ง องค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) เปิดจุดรับซื้อยางตามโครงการฯ เพิ่มขึ้น จำนวน ๑๑ จุด คือ ภาคใต้ ๗ จุด ภาคตะวันออก ๑ จุด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๓ จุด รวมทั้งสิ้น ๔๒ จุด การรับซื้อยางจากสถาบันเกษตรกร ข้อมูล ณ วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ อ.ส.ย. ซื้อยางไปแล้ว จำนวน ๖๑,๗๖๒ ตัน คงเหลือพื้นที่โกดังเก็บยางได้อีก ๑๓,๐๐๐ ตัน ซึ่ง อ.ส.ย. ได้ประสานงานหาสถานที่เก็บยางเพิ่มอีก ๘,๐๐๐ ตัน การเบิกเงินกู้ อ.ส.ย. ได้เบิกเงินเต็มจำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๒ ปัญหาและอุปสรรคของการดำเนินโครงการฯ ๑.๒.๑ จุดรับซื้อของ อ.ส.ย. ยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ เนื่องจากยังไม่มีโรงงานแปรรูปยาง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการปลูกยาง และสถาบันเกษตรกรเข้าร่วมโครงการฯ มาก เช่น จังหวัดพัทลุง และตามพื้นที่ที่มีปัญหาเกี่ยวกับความปลอดภัย เช่น จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นต้น ๑.๒.๒ จุดรับซื้อของ อ.ส.ย. อยู่ไกล ทำให้สถาบันเกษตรกรต้องแบกรับภาระค่าขนส่ง ๑.๒.๓ อ.ส.ย. ยังไม่ได้มีการเปิดรับซื้อน้ำยางสด ทำให้สถาบันเกษตรกรที่ซื้อขายน้ำยางสดไม่ได้รับประโยชน์จากโครงการฯ โดยเฉพาะในเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้ ๑.๒.๔ การคัดชั้นยาง ณ จุดรับซื้อยางของ อ.ส.ย. เป็นไปตามมาตรฐานของกรมวิชาการเกษตร โดยมีคณะกรรมการคัดชั้นยางที่คณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การสวนยางแต่งตั้งขึ้นเป็นผู้ตรวจสอบคุณภาพและน้ำหนักยางทำให้สถาบันเกษตรกรบางแห่งที่ไม่ได้คัดคุณภาพยางตามมาตรฐานมีความเห็นขัดแย้ง ๑.๒.๕ การลงยาง ณ จุดรับซื้อล่าช้า สหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรติดคิวในการลงยางทำให้ไม่สามารถนำส่งยางได้ภายใน ๑ วัน ทำให้เกิดการสะสมและไม่สามารถขายยางที่เหลือต่อได้ ๑.๒.๖ สถาบันเกษตรกรมีการนำยางซึ่งไม่ใช่ของสมาชิกมาสวมสิทธิ์สมาชิกแล้วคิดค่าบริหารจัดการเพื่อหากำไรจากโครงการฯ ๑.๒.๗ ผลผลิตยางจากวิสาหกิจชุมชนมาจากหลายสถานที่และคุณภาพไม่สม่ำเสมอ ไม่สามารถควบคุมคุณภาพและปริมาณได้ ๑.๒.๘ เกษตรกรไม่สามารถเข้าร่วมเป็นสมาชิกหรือสมาชิกสมทบของสหกรณ์ได้ เนื่องจากสหกรณ์มีผลผลิตยางเต็มกำลังการผลิต จึงไม่สามารถรับสมาชิกเพิ่มได้ ๒. อนุมัติให้ อ.ส.ย. กู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จากวงเงิน ๕,๐๐๐ ล้านบาท ในส่วนของสถาบันเกษตรกร จำนวน ๒,๐๐๐ ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๐ เพื่อดำเนินการตามโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยให้กระทรวงการคลังค้ำประกันและยกเว้นค่าธรรมเนียมในการค้ำประกัน รวมทั้งให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะบรรจุวงเงินส่วนของสถาบันเกษตรกร จำนวน ๒,๐๐๐ ล้านบาทดังกล่าวในแผนบริหารหนี้สาธารณะปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๖ ด้วย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๓. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) รับไปเร่งรัดจัดประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อพิจารณาและจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้มีรายละเอียดแนวทางการดำเนินการต่าง ๆ ที่ชัดเจน เป็นระบบ ครอบคลุมถึงการรับซื้อในราคาที่เหมาะสม การบริหารจัดการสต๊อก (stock) ยางพารา และแนวทางการนำยางพาราไปใช้ประโยชน์ในการประกอบการต่าง ๆ ให้แพร่หลายมากขึ้นเพื่อเพิ่มอุปสงค์ของยางพารา โดยให้นำผลงานศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณาด้วย เช่น การนำยางพาราไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตยางล้อเครื่องบินทดแทนส่วนผสมที่เป็นโลหะมากขึ้น และการนำยางพาราไปเป็นวัตถุดิบในการก่อสร้างถนนแทนยางแอสฟัลต์ เป็นต้น ๔. ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ อ.ส.ย. เร่งดำเนินการแก้ไขข้อจำกัดในการดำเนินโครงการฯ โดยเฉพาะการเพิ่มจุดรับซื้อเพื่ออำนวยความสะดวกและลดต้นทุนการขนส่งให้กับเกษตรกร การคัดชั้นยางตามมาตรฐานทางวิชาการอย่างโปร่งใสและเป็นที่ยอมรับจากเกษตรกร การพิจารณาความเหมาะสมในการเปิดโอกาสให้กับเกษตรกรผู้ปลูกยางทั่วไปสามารถขายยางให้กับ อ.ส.ย. ได้ และให้ กนย. กำกับให้ อ.ส.ย. จัดทำแผนบริหารจัดการระบายยางในสต๊อก และช่วงจังหวะเวลาที่เหมาะสมให้ชัดเจน รวมถึงอัตราการขาดทุนที่ยอมรับได้ และแผนการบริหารเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินโครงการฯ โดยไม่ต้องขอรับสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติม พร้อมทั้งปรับปรุงหลักเกณฑ์การตั้งราคารับซื้อยางพาราให้มีความยืดหยุ่นเพื่อให้ดำเนินธุรกิจของ อ.ส.ย. มีความคล่องตัวและไม่เป็นภาระในการชดเชยส่วนต่างของราคาซึ่งสูงกว่าที่ควรจะเป็น นอกจากนี้ ให้ กนย. กำกับและติดตามการดำเนินโครงการฯ ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับภาวะตลาดทั้งในและต่างประเทศเพื่อให้เกิดภาระงบประมาณที่เกิดจากการชดเชยผลการขาดทุนน้อยที่สุด ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||
30004 | ขอความเห็นชอบร่างเอกสารว่าด้วยหลักการทั่วไปและวัตถุประสงค์ของการเจรจาความตกลง RCEP | พณ | 28/08/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดย
๑. เห็นชอบร่างเอกสารว่าด้วยหลักการทั่วไปและวัตถุประสงค์ของการเจรจาความตกลง RCEP (Guiding Principles and Objectives for Negotiating the Regional Comprehensive Economic Partnership) ที่จะมีการรับรองในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ ๔๔ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๖-๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ ณ เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา โดยร่างเอกสาร RCEP เป็นการกำหนดหลักการทั่วไปและวัตถุประสงค์สำหรับการเจรจาความตกลง RCEP เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการเป็นความตกลงที่ทันสมัยและมีคุณภาพสูงบนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันรอบด้านโดยครอบคลุมการค้าสินค้า การค้าบริการ การลงทุน ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและทางเทคนิค และประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการค้า ซึ่งการเจรจาจะตระหนักถึงบทบาทของอาเซียนในการเป็นศูนย์กลาง (ASEAN Centrality) ของภูมิภาคและสนับสนุนการรวมกลุ่มเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยหัวข้อสำคัญอย่างกว้าง ๆ ดังนี้ ๑.๑ สอดคล้องกับกฎกติกาภายใต้ความตกลงขององค์การการค้าโลก ๑.๒ สร้างผลประโยชน์เพิ่มเติมจากความตกลงการค้าเสรีอาเซียนกับประเทศคู่ภาคีที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยตระหนักถึงระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกันระหว่างประเทศสมาชิก และให้ความยืดหยุ่นที่เหมาะสมแก่ประเทศกำลังพัฒนาและประเทศด้อยพัฒนา ๑.๓ ส่งเสริมการอำนวยความสะดวกและความโปร่งใสทางการค้าสินค้า การค้าบริการ และการลงทุน รวมทั้งส่งเสริมการเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานภายในภูมิภาคและตลาดโลก ๑.๔ ส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและขีดความสามารถเพื่อลดช่องว่างความแตกต่างของการพัฒนา ๑.๕ ส่งเสริมความร่วมมือด้านประเด็นอื่นที่มีบทบาทต่อการค้ายุคใหม่ อาทิ ทรัพย์สินทางปัญญา การแข่งขัน รวมทั้งเปิดโอกาสให้พิจารณาประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการค้า อาทิ สิ่งแวดล้อม การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ และแรงงาน โดยคำนึงถึงสภาพความเป็นจริงทางธุรกิจ ๑.๖ เปิดโอกาสให้ประเทศอื่น ๆ ที่สนใจเข้าร่วมในภายหลัง ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสาร RCEP ที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๓. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายรับรองเอกสาร RCEP ร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศภาคีความตกลงการค้าเสรีของอาเซียน |
||||||||||||||||||
30005 | ข้อเสนอเกี่ยวกับการค้าสินค้าสิ่งแวดล้อมของเอเปค และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการค้าและการลงทุนสำหรับการประชุมรัฐมนตรีเอเปค (AMM) และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (AELM) ปี 2555 | พณ | 28/08/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ความร่วมมือกับสมาชิกอื่น ๆ ของเอเปค ในการจัดทำรายการสินค้าสิ่งแวดล้อมของเอเปคให้บรรลุผลสำเร็จ ตามที่ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคได้ตกลงร่วมกันในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยคำนึงถึงประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม ประโยชน์ทางการค้า ด้านการพัฒนา เป็นสินค้าที่ไทยไม่สามารถผลิตได้ มีความจำเป็นในการนำเข้า หรือเป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีขั้นสูง นอกจากนี้ อาจจะเป็นสินค้าที่ประเทศไทยมีนโยบายเปิดเสรีภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTAs) ที่มีอยู่ หรือเป็นสินค้าที่ปัจจุบันมีอัตราภาษีไม่สูง (ไม่เกินร้อยละ ๒๐) หรือเป็นสินค้าที่สมาชิกเอเปคส่วนใหญ่เห็นพ้องร่วมกันว่าเป็นสินค้าสิ่งแวดล้อม โดยกระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาผลประโยชน์โดยรวมของประเทศ ๑.๒ ให้ความร่วมมือกับสมาชิกอื่น ๆ ของเอเปค ในการดำเนินการเพื่อหาข้อสรุปในเรื่องของสาระที่เกี่ยวข้องกับการค้าและการลงทุน ภายใต้แถลงการณ์รัฐมนตรีเอเปค และแถลงการณ์ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค โดยให้กระทรวงพาณิชย์เจรจากับสมาชิกอื่นของเอเปคเพื่อปรับถ้อยคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องเกี่ยวกับการค้าสินค้าและบริการสิ่งแวดล้อมให้มีความยืดหยุ่นเท่าที่จะสามารถทำได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับไปหารือร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการยอมรับรายการสินค้าสิ่งแวดล้อมให้เป็นที่เข้าใจสอดคล้องตรงกันว่ามีรายการสินค้าสิ่งแวดล้อมโครงการใดสมควรที่ฝ่ายไทยยังคงสงวนสิทธิ์ไว้ประการใดหรือไม่ โดยให้นำความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการจัดทำรายการสินค้าสิ่งแวดล้อมของเอเปคในครั้งนี้ ควรมีการกำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกรายการสินค้าเพื่อให้เกิดประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง แนวทางที่เหมาะสมในการจัดทำรายการสินค้าสิ่งแวดล้อมของไทย ควรเป็นแบบ Project Approach ซึ่งเป็นการให้สิทธิพิเศษกับโครงการต่าง ๆ ที่เข้ามาลงทุนด้วยวัตถุประสงค์เพื่อสิ่งแวดล้อม สำหรับรายการสินค้า จำนวน ๙๗ รายการ ที่เสนอโดยออสเตรเลีย มีหลายรายการสินค้าที่ไม่ใช่สินค้าสิ่งแวดล้อม รวมถึงมีหลายรายการที่เป็นรายการสินค้าที่สามารถนำไปใช้งานได้หลายประเภท ไม่ใช่เพื่อสิ่งแวดล้อมเพียงอย่างเดียว ดังนั้น การยอมรับรายการสินค้า จำนวน ๙๗ รายการดังกล่าว ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมแต่อย่างใด และไม่ควรยอมรับให้เป็นรายการสินค้าสิ่งแวดล้อมของเอเปค ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้รายงานคณะรัฐมนตรีในการประชุมครั้งต่อไปก่อนการนำไปเจรจาในการประชุมรัฐมนตรีเอเปค (APEC Ministerial Meeting : AMM) และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (APEC Economic Leaders’ Meeting : AELM) ในวันที่ ๕ - ๙ กันยายน ๒๕๕๕ |
||||||||||||||||||
30006 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 28/08/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ดังนี้
๑. สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันพุธที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ๒. สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๕
|
||||||||||||||||||
30007 | ร่างพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. .... | 28/08/2555 | ||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันพุธที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติควบคุมอาหารสัตว์ พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||
30008 | การดำเนินงานป้องกันอุทกภัยบริเวณคลองมหาสวัสดิ์ | นร | 28/08/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่รัฐบาลได้กราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ทอดพระเนตรการดำเนินงานป้องกันอุทกภัยบริเวณพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระพิมล สำนักชลประทานที่ ๑๑ กรมชลประทาน เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๕ นั้น ขอขอบคุณกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่ได้ร่วมกันดำเนินงานดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยอย่างดียิ่ง โดยตลอดทางที่เรือพระที่นั่งล่องจากวัดสุวรรณาราม อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ไปตามคลองมหาสวัสดิ์ มีประชาชนมาเฝ้ารอรับเสด็จและชื่นชมพระบารมีอย่างเนืองแน่นตลอดสองฝั่งคลอง รวมทั้งมีการช่วยกันดูแลรักษาและปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์ของสองฝั่งคลองให้สะอาด เรียบร้อย และสวยงาม ซึ่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้มีพระราชดำรัสเกี่ยวกับการส่งเสริมให้คลองมหาสวัสดิ์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวได้ จึงมอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับเรื่องนี้ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยให้พิจารณาความเป็นไปได้ในการพัฒนาและส่งเสริมคลองอื่น ๆ ที่มีศักยภาพให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในทำนองเดียวกันด้วย
|
||||||||||||||||||
30009 | การจัดงานนิทรรศการ "มุ่งมั่นทำงาน บริหารจัดการน้ำเพื่อประชาชน" | นร04 | 28/08/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) จัดงานนิทรรศการ “มุ่งมั่นทำงาน บริหารจัดการน้ำเพื่อประชาชน” ขึ้นในวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕-๒ กันยายน ๒๕๕๕ มีเป้าหมายเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและความมั่นใจให้กับประชาชน ภาคธุรกิจ และนักลงทุนต่างชาติ เกี่ยวกับการดำเนินงานตามมาตรการและแผนงานต่าง ๆ ของรัฐบาลในการบริหารจัดการน้ำเพื่อรองรับกับสถานการณ์น้ำในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ นี้ โดยขอเชิญรัฐมนตรีทุกท่านเข้าร่วมงานดังกล่าว และหากรัฐมนตรีท่านใดประสงค์ที่จะให้เชิญผู้เข้าร่วมชมงานเป็นหมู่คณะด้วย เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด กลุ่มนักศึกษา เป็นต้น ขอให้ประสานงานกับสำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (สนอช.) เพื่อดำเนินการต่อไป ๒. รับทราบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) เสนอเพิ่มเติมว่า การจัดงานนิทรรศการ “มุ่งมั่นทำงาน บริหารจัดการน้ำเพื่อประชาชน” จะมีการฉายวีดิทัศน์เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำ เช่น การน้อมนำพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาอุทกภัย สาเหตุการเกิดน้ำท่วมที่ผ่านมา โครงการผันน้ำที่เชื่อมโยง ๒๕ ลุ่มน้ำ การป้องกันน้ำในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมและการเสริมแนวคันกั้นน้ำ เป็นต้น โดยมีกำหนดการ คือ ๒.๑ งานรอบพิเศษ ในวันศุกร์ที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีเปิด โดยจะจัดเป็น ๒ รอบ ได้แก่ รอบสื่อมวลชน เวลา ๐๙.๐๐-๑๐.๓๐ น. เชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมงานและรับฟังการแถลงข่าวและเยี่ยมชมงานนิทรรศการเผยแพร่ผลการดำเนินงานบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล และรอบเปิดงานของคณะทูตและนักธุรกิจ เวลา ๑๐.๓๐-๑๑.๓๐ น. เชิญทูตานุทูตและนักธุรกิจจากประเทศต่าง ๆ เข้ารับฟังคำชี้แจง แนะนำและให้ข้อมูลเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลและเยี่ยมชมงานนิทรรศการ ๒.๒ งานรอบประชาชน ในวันเสาร์ที่ ๑-วันอาทิตย์ที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๕ เวลา ๑๐.๐๐-๒๑.๐๐ น. เชิญประชาชนทั่วไปเข้าร่วมชมงาน
|
||||||||||||||||||
30010 | ร่างแผนงานยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น ระยะ 10 ปี (2555-2565) ที่จะเสนอรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 44 | พณ | 21/08/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแผนงานยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น ระยะ ๑๐ ปี (๒๕๕๕-๒๕๖๕) (ASEAN-Japan 10-Year Strategic Economic Cooperation Roadmap : 2012-2022) ที่จะเสนอรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Ministers Meeting : AEM) ครั้งที่ ๔๔ โดยสาระสำคัญของร่างแผนยุทธศาสตร์ฯ ประกอบด้วย ๒ ส่วน ดังนี้ ๑.๑ วัตถุประสงค์หลักของแผนงานยุทธศาสตร์ฯ ได้แก่ การเพิ่มปริมาณการค้าของสินค้า บริการ และการลงทุน การเพิ่มการดึงดูดการลงทุนสู่ภูมิภาคอาเซียน การเพิ่มการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากญี่ปุ่น การเสริมสร้างความร่วมมือในสาขาที่มีความสนใจร่วมกันเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน การขยายความร่วมมือในสาขาอื่น ๆ ที่มีความสนใจร่วมกัน อาทิ การพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สหกรณ์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การอนุรักษ์และใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ สินค้าเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร โลจิสติกส์และการขนส่ง เทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม การสื่อสาร การศึกษา การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การท่องเที่ยว และสิ่งแวดล้อมสีเขียว รวมทั้งการลดช่องว่างระดับการพัฒนา โดยเฉพาะในประเทศสมาชิกอาเซียนที่มีระดับการพัฒนาต่ำ และพัฒนาการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิต ๑.๒ แผนงานยุทธศาสตร์ฯ ประกอบด้วย ๓ เสาหลัก ได้แก่ การบูรณาการตลาดในภูมิภาคอาเซียนกับภูมิภาคเอเชียตะวันออก การเสริมสร้างความแข็งแกร่งในความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนาไปสู่อุตสาหกรรมที่ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น และการพัฒนาความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและมาตรฐานการครองชีพ ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารดังกล่าวกับรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนของประเทศสมาชิกอื่น ๆ ของอาเซียน ในระหว่างการประชุม AEM ครั้งที่ ๔๔ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการไปได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก |
||||||||||||||||||
30011 | ขออนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบแห่งชาติ | รง | 21/08/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบแห่งชาติ โดยมีนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นรองประธานกรรมการ กรรมการ จำนวน ๓๐ คน โดยมีรองปลัดกระทรวงแรงงานที่ได้รับมอบหมาย เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านแรงงานนอกระบบของประเทศ รวมทั้งนโยบายเกี่ยวกับงบประมาณเพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน การกำกับ ติดตามการดำเนินงานด้านแรงงานนอกระบบของประเทศ รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานด้านแรงงานนอกระบบ เสนอแนะแนวทางการดำเนินงานต่อคณะรัฐมนตรี แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะทำงาน และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้ตามความเหมาะสม ตลอดจนปฏิบัติการอื่นใดตามที่ประธานกรรมการมอบหมาย ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. ให้อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นหรือผู้แทน เป็นกรรมการในคณะกรรมการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบแห่งชาติ เพิ่มเติม ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๓. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ ควรให้ความสำคัญกับการสร้างเครือข่าย/กลไกการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการแรงงานนอกระบบ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙ ในระดับต่าง ๆ อย่างเป็นรูปธรรม อาทิ การจัดทำและพัฒนาฐานข้อมูลแรงงานนอกระบบ และการพัฒนาระบบคุ้มครองทางสังคมอย่างมีส่วนร่วมในท้องถิ่น/ชุมชน รวมทั้งให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของแรงงานนอกระบบในการเสริมสร้างหลักประกันความมั่นคงในการดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||
30012 | พิจารณาแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ลาออกจากตำแหน่ง (นายธีระ อภัยวงศ์) | ทก | 21/08/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายธีระ อภัยวงศ์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ
|
||||||||||||||||||
30013 | แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารการส่งออกสินค้าที่ใช้ได้สองทาง | พณ | 21/08/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารการส่งออกสินค้าที่ใช้ได้สองทางชุดใหม่ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. องค์ประกอบของคณะกรรมการ ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นรองประธานกรรมการ กรรมการ จำนวน ๒๒ คน โดยมีอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นกรรมการและเลขานุการ ๒. อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ๒.๑ กำหนดนโยบายในการควบคุมการส่งออก การผ่านแดน การถ่ายลำ และการนำเข้ามาแล้วส่งกลับออกไปของสินค้าที่ใช้ได้สองทางให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงสั่งการ กำกับ และติดตามการปฏิบัติงานของส่วนราชการ ตลอดจนหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายที่กำหนด ๒.๒ พิจารณากำหนดบัญชีรายชื่อสินค้าที่ใช้ได้สองทาง รวมทั้งแนวทาง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการควบคุมการส่งออก การผ่านแดน การถ่ายลำ และการนำเข้ามาแล้วส่งกลับออกไปของสินค้าดังกล่าว โดยเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบและแจ้งหน่วยงานที่มีอำนาจปฏิบัติภายใต้บทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป ๒.๓ ขอให้ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรที่เกี่ยวข้อง ผู้เชี่ยวชาญหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงให้ข้อมูลข้อคิดเห็น ส่งเอกสารหลักฐาน รายงานผลการดำเนินงาน หรือให้ความร่วมมือสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการตามที่ได้รับการร้องขอ ๒.๔ แต่งตั้งที่ปรึกษา คณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงาน เพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานของคณะกรรมการตามความจำเป็นและเหมาะสม ๒.๕ ดำเนินการอื่นใดตามที่คณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีมอบหมาย ทั้งนี้ การเบิกจ่ายเบี้ยประชุมให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยเบิกจ่ายจากกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ |
||||||||||||||||||
30014 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สอง และแนวโน้มปี 2555 | นร11 | 21/08/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบการรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สอง และแนวโน้มปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สอง ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ขยายตัวร้อยละ ๔.๒ เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ ๐.๔ ในไตรมาสแรก การขยายตัวด้านการผลิต มีปัจจัยสนับสนุนจากการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เริ่มขยายตัวเป็นบวกหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมในช่วงปลายปีที่ผ่านมา และการขยายตัวเร่งขึ้นของสาขาก่อสร้าง การค้าส่งค้าปลีก โรงแรมและภัตตาคาร ด้านการใช้จ่าย มีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของอุปสงค์ในประเทศ โดยเฉพาะการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนและการลงทุนภาคเอกชน รวมทั้งรายจ่ายภาครัฐที่เริ่มขยายตัวและมีบทบาทสำคัญมากขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑.๑ การใช้จ่ายภาคครัวเรือน ขยายตัวร้อยละ ๕.๓ ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสแรกที่ขยายตัวร้อยละ ๒.๙ เป็นผลมาจากกำลังซื้อของประชาชนที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะมาตรการคืนเงินภาษีรถยนต์คันแรก มาตรการลดค่าครองชีพของรัฐ และการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ๑.๑.๒ การลงทุนภาคเอกชน ขยายตัวร้อยละ ๑๑.๘ ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสแรกที่ขยายตัวร้อยละ ๙.๒ เป็นผลมาจากการขยายตัวของการลงทุนในเครื่องมือเครื่องจักรเพื่อซ่อมแซมและทดแทนความเสียหายที่เกิดจากอุทกภัย และการก่อสร้างที่ขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ๑.๑.๓ ภาคการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเมืองไทยในไตรมาสสอง มีจำนวน ๔.๘ ล้านคน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว จำนวน ๒๐๐,๙๖๕ ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ ๘.๒ และ ๑๒.๐ ตามลำดับ อัตราการเข้าพักอยู่ที่ระดับร้อยละ ๕๕.๓ ปรับตัวสูงขึ้นจากร้อยละ ๕๑.๘ ในไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ๑.๑.๔ ภาคอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ ๒.๗ ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสแรกที่หดตัวร้อยละ ๔.๓ และเป็นการขยายตัวครั้งแรกนับตั้งแต่ไตรมาสสี่ของปี พ.ศ. ๒๕๕๔ เนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยสามารถเริ่มการผลิตได้อีกครั้ง โดยอัตราการใช้กำลังการผลิตรวมอยู่ที่ระดับร้อยละ ๖๙.๒ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ ๖๒.๖ ในไตรมาสก่อน ๑.๑.๕ ภาคเกษตรกรรม ขยายตัวร้อยละ ๑.๓ ชะลอตัวจากไตรมาสแรกที่ขยายตัวร้อยละ ๓.๔ เป็นผลจากการขยายตัวของผลผลิตทางการเกษตรในทุกหมวด ยกเว้นอ้อยที่ผลผลิตลดลงถึงร้อยละ ๕๘.๑ ในขณะที่ราคาสินค้าเกษตรลดลงต่อเนื่องร้อยละ ๑๑.๙ โดยเฉพาะราคายางพาราและมันสำปะหลัง ทำให้รายได้เกษตรกรหดตัวร้อยละ ๙.๓ ๑.๑.๖ ภาคการส่งออกสินค้า มีมูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐ จำนวน ๕๖,๖๘๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวร้อยละ ๐.๔ ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสแรกที่หดตัวร้อยละ ๔.๐ เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ โดยการส่งออกสินค้าเกษตรยังคงหดตัว โดยเฉพาะข้าว และยางพารา โดยตลาดส่งออกที่ขยายตัว ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา อาเซียน จีน ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง ขยายตัวร้อยละ ๔.๖, ๗.๒, ๑๓.๗, ๒๐.๕ และ ๙.๘ ตามลำดับ ในขณะที่การส่งออกไปยุโรปและญี่ปุ่นยังหดตัวต่อเนื่องร้อยละ ๗.๕ และ ๑.๔ ตามลำดับ ๑.๒ แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี พ.ศ. ๒๕๕๕ คาดว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ ๕.๕-๖.๐ เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ ๐.๑ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ และในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ ๒.๙-๓.๔ การบริโภคภาคครัวเรือนขยายตัวร้อยละ ๔.๘ การลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๑๑.๓ มูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐขยายตัวร้อยละ ๗.๓ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลประมาณร้อยละ ๐.๑ ของ GDP ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) รับไปดำเนินการเพื่อให้มีการชี้แจงแนวทางการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมตลอดถึงสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่มีผลกระทบต่อปัญหาราคาสินค้าและค่าครองชีพของประชาชน ให้ภาคประชาชนได้ทราบอย่างถูกต้องชัดเจนต่อไป ๓. ให้สำนักงบประมาณจัดทำสรุปสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ และแจ้งให้รัฐมนตรีทราบเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการชี้แจงต่อสื่อมวลชน และให้ประชาชนผู้สนใจได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ที่อยู่ในความสนใจและมีผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง เข่น มาตรการที่มีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ การเพิ่มรายได้ของประชาชนอย่างต่อเนื่อง การฟื้นฟูประเทศ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การยกระดับคุณภาพชีวิต และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||
30015 | การจัดงาน "รัฐบาลพบประชาชน ทุนเพื่อคุณภาพชีวิต" | นร04 | 21/08/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า รัฐบาลได้เตรียมจัดงาน “รัฐบาลพบประชาชน ทุนเพื่อคุณภาพชีวิต” พร้อมกันทุกจังหวัดทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๕ เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลและเข้าถึงแหล่งทุนได้อย่างถูกต้อง ทั่วถึง และอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น โดยให้รัฐมนตรีทุกท่านเข้าร่วมงานที่จะจัดขึ้นในจังหวัดต่าง ๆ ระหว่างวันดังกล่าวด้วย และมอบหมายให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีประสานงานและรวบรวมรายชื่อรัฐมนตรีที่แสดงความจำนงว่าจะลงพื้นที่เพื่อเข้าร่วมงานในจังหวัดใดแล้วแจ้งไปยังรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย) เพื่อดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้แจ้งข้อมูลดังกล่าวให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีทราบด้วย ๒. รับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย) เสนอเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดงาน “รัฐบาลพบประชาชน ทุนเพื่อคุณภาพชีวิต” ในส่วนของพื้นที่กรุงเทพมหานครจะจัดงานในบริเวณสนามราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานในพิธีเปิดในวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๕ ที่กรุงเทพมหานคร เวลา ๐๙.๐๐ น. และจะเปิดงานพร้อมกันทุกจังหวัดทั่วประเทศ ทั้งนี้ ภายในงานจะมีการจัดนิทรรศการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลและกองทุนต่าง ๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงต่าง ๆ ซึ่งกระทรวงการคลังได้จัดทำเอกสารข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งทุนต่าง ๆ จำนวน ๕๐๐ เล่ม เพื่อเผยแพร่ให้รัฐมนตรีทุกท่านและบุคคลทั่วไปได้รับทราบ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้มอบหมายให้ผู้บริหารของกระทรวงการคลังตั้งแต่ระดับผู้อำนวยการสำนักหรือผู้เชี่ยวชาญหรือเทียบเท่าขึ้นไปตรวจเยี่ยมการจัดงานและรายงานผลการดำเนินงานในทุกจังหวัดด้วยแล้ว
|
||||||||||||||||||
30016 | ร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ว่าด้วยการอนุวัติการตามความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดนภายในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน The GMS Agreement) | นร | 21/08/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ว่าด้วยการอนุวัติการตามความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดนภายในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน The GMS Agreement) ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||
30017 | ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (โอนกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ไปเป็นของกรมป่าไม้) | นร | 21/08/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันอังคารที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (โอนกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ไปเป็นของกรมป่าไม้) ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||
30018 | การจัดงานหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ "OTOP Midyear 2012 สู่ประชาคมอาเซียน" | นร04 | 21/08/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า การจัดงานหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ “OTOP Midyear 2012 สู่ประชาคมอาเซียน” ที่จัดขึ้นที่ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ ๑๘ - ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๕ ได้มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดแสดงสินค้าจากรายจังหวัดและกลุ่มจังหวัดมาเป็นการจัดแสดงเป็นรายกลุ่มผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด โดยคัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีตั้งแต่ระดับ ๓ ดาวขึ้นไปมาแสดง เพื่อให้สามารถมองเห็นภาพรวมในการที่จะพัฒนาหรือยกระดับผลิตภัณฑ์ OTOP แต่ละชนิดจากชุมชนไปสู่ตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อไป รวมทั้งมีการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา และนำวิทยากรมาให้ความรู้แก่ผู้ผลิตและผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ OTOP ให้มีศักยภาพที่พร้อมจะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดบูธ (booth) พิเศษที่นำผลิตภัณฑ์ OTOP ชนิดต่างๆ มาจัดวางและตกแต่งในรถไฟความเร็วสูง เพื่อเป็นการส่งเสริมและขยายช่องทางการกระจายสินค้าดังกล่าวให้มากยิ่งขึ้น ดังนั้น รัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายควรจะได้ไปเยี่ยมชมงานดังกล่าวและศึกษาลู่ทางเพื่อเตรียมการจัดงานหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ในช่วงปลายปีนี้ต่อไปให้สัมฤทธิ์ผลมากยิ่ง ๆ ขึ้น รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรบูรณาการการดำเนินงานร่วมกันในการเพิ่มช่องทางการตลาดและการส่งออกผลิตภัณฑ์ OTOP จากระดับชุมชนไปสู่ตลาดทั่วโลก ตลอดจนขอความร่วมมือห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP ด้วย
|
||||||||||||||||||
30019 | ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. .... | นร | 21/08/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเมื่ออนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และพิธีสารที่เกี่ยวข้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||
30020 | รัฐบาลสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายโซเฮล คาน (Mr. Sohail Khan)] | กต | 21/08/2555 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายโซเฮล คาน (Mr. Sohail Khan) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายโซเฮล มะห์มูด (Mr. Sohail Mahmood) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
.....