ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ |
---|---|---|---|
1 | ผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ ครั้งที่ 5/2555 (กรณีเร่งด่วน 4 ประเด็น) | นร11 | 07/08/2555 |
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ครั้งที่ ๕/๒๕๕๕ (กรณีเร่งด่วน ๔ ประเด็น ตามข้อเสนอของประธาน กยอ.) เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการ กยอ. รวบรวมข้อมูลความคืบหน้าในการดำเนินโครงการ/แผนงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการแล้ว ให้ครบถ้วนและเป็นปัจจุบัน เพื่อรายงานให้ กยอ. ทราบเป็นระยะ ๆ ด้วย สรุปสาระสำคัญของผลการประชุมฯ ดังนี้
๑. ประเด็นที่ ๑ นโยบายการลงทุนของประเทศไทย นับตั้งแต่วิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจในปี พ.ศ. ๒๕๔๐ ภาพรวมการลงทุนของประเทศไทยรอบระยะเวลา ๑๕ ปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ทำให้ประเทศไทยไม่สามารถบริหารให้เกิดการลงทุนที่สร้างรากฐานสำหรับอนาคตของประเทศได้ดีพอ ทั้งที่ประเทศไทยมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างต่อเนื่อง การออมสุทธิสูงแต่ยังไม่มีการนำเงินออมในระบบดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ในการลงทุนเพื่อการพัฒนาโครงการสำคัญต่าง ๆ ของประเทศ ให้มีมาตรฐานและเพียงพอ ดังนั้น รัฐบาลจึงควรพิจารณากำหนดนโยบายการลงทุนในระยะ ๕-๑๐ ปีข้างหน้า โดยให้ความสำคัญกับการใช้แหล่งเงินกู้ในประเทศเป็นหลัก ๒. ประเด็นที่ ๒ โครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมทวาย มีความสำคัญในระดับภูมิภาค เนื่องจากเป็นการเชื่อมโยงพื้นที่ชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกของประเทศไปสู่ชายฝั่งทะเลด้านตะวันตก ดังนั้น เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศไทยและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เห็นควรยกระดับความร่วมมือในการพัฒนาโครงการดังกล่าวขึ้นเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล ทั้งนี้ ในระหว่างที่ประธานาธิบดีสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๒๙ พฤษภาคม-๒ มิถุนายน ๒๕๕๕ และมีกำหนดพบหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีในช่วงเวลาดังกล่าว เห็นควรเสนอฝ่ายเมียนมาร์ให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างไทย-เมียนมาร์ เพื่อให้มีกลไกในระดับรัฐบาลของทั้งสองประเทศในการขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม ๓. ประเด็นที่ ๓ การลงทุนพัฒนาระบบราง ควรดำเนินการควบคู่กันไปทั้งการปรับปรุงระบบรถไฟที่มีอยู่ในปัจจุบันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและการลงทุนเพื่อพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง โดยควรมีการวางแผนเพื่อใช้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงของทั้งสองระบบในลักษณะสนับสนุนกัน ทั้งนี้ ในส่วนของการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงควรให้ความสำคัญกับการขนส่งสินค้าเพื่อช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ของประเทศ และสนับสนุนการเชื่อมโยงโครงข่ายการขนส่งกับท่าเรือน้ำลึกฝั่งอันดามันและฝั่งทะเลจีนใต้ เพื่อรองรับการเคลื่อนย้ายเสรีสินค้าและบริการภายใต้แผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน ๔. ประเด็นที่ ๔ การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ การสนับสนุนสินเชื่อแบบผ่อนปรนของธนาคารพาณิชย์ยังมีผลการดำเนินงานในการอนุมัติสินเชื่อค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับการสนับสนุนสินเชื่อแบบผ่อนปรนผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เช่น ธนาคารออมสิน เป็นต้น ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการจัดสรรวงเงินสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษ ในวงเงิน ๓๐๐,๐๐๐ ล้านบาท ให้กับธนาคารพาณิชย์ ภายใต้พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย พ.ศ. ๒๕๕๕ แล้ว ดังนั้น เห็นควรขอความร่วมมือให้สมาคมธนาคารไทยช่วยเร่งรัดธนาคารพาณิชย์ในการอำนวยความสะดวกเพื่อปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และรายย่อย |
.....