ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1504 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 30061 - 30080 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
30061 | การปรับปรุงแผนงาน/โครงการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนล่าง 1 และตอนล่าง 2 รวม 8 จังหวัด ในการประชุมคณะรัฐมนตรี นอกสถานที่ ณ จังหวัดสุรินทร์ วันที่ 30 กรกฎาคม 2555 | นร11 | 21/08/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ โครงการ/กิจกรรมของจังหวัดในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ๑ (จังหวัดนครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์) และตอนล่าง ๒ (จังหวัดอุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร) รวม ๘ จังหวัด ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ณ จังหวัดสุรินทร์ วันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕ โดยให้ใช้เงินงบประมาณประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ในส่วนที่สามารถเจียดจ่ายของหน่วยงานรับผิดชอบเพื่อดำเนินการโครงการหรือกิจกรรม จำนวน ๖ โครงการ และ ๑๔ กิจกรรมย่อย วงเงินรวม ๘๕.๖๐ ล้านบาท ประกอบด้วย ๑.๑.๑ จังหวัดนครราชสีมา จำนวน ๓ โครงการ ได้แก่ โครงการซ่อมสร้างถนนลาดยางผิว AC เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในการเดินทางสัญจรไปมา และการขนส่งผลิตภัณฑ์การเกษตร สาย นม.๔๐๐๙ แยกทางหลวงหมายเลข ๒๑๕๐-บ้านทำนบพัฒนา ตำบลหนองหอย ตำบลทัพรั้ง อำเภอขามสะแกแสง อำเภอพระทองคำ จังหวัดนครราชสีมา ระยะทาง ๒.๐๐๐ กิโลเมตร วงเงิน ๑๐.๐๐ ล้านบาท โครงการก่อสร้างถนนลาดยางผิว AC เพื่อการขนส่งผลผลิตทางการเกษตร บ้านศูนย์กลาง-บ้านโนนสำราญ ตำบลโนนสำราญ อำเภอแก้งสนามนาง จังหวัดนครราชสีมา ระยะทาง ๒.๐๐๐ กิโลเมตร วงเงิน ๑๐.๐๐ ล้านบาท และโครงการซ่อมสร้างถนนลาดยางผิว AC สาย บ้านชลประทาน-บ้านวงเกษตร ตำบลหนองไม้แดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ระยะทาง ๑.๓๒๕ กิโลเมตร วงเงิน ๕.๐๐ ล้านบาท ๑.๑.๒ จังหวัดชัยภูมิ จำนวน ๗ กิจกรรมย่อย ได้แก่ กิจกรรมการขุดลอกแก้มลิง/ลำห้วย/คลอง/อ่างเก็บน้ำ จำนวน ๔ กิจกรรม วงเงิน ๑๓.๕๑ ล้านบาท และก่อสร้างสะพานจำนวน ๓ กิจกรรม วงเงิน ๑๓.๘๐ ล้านบาท ๑.๑.๓ จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน ๑ โครงการ ได้แก่ โครงการขุดลอกห้วยเมฆา วงเงิน ๖.๖๓ ล้านบาท ๑.๑.๔ จังหวัดสุรินทร์ จำนวน ๒ โครงการ ได้แก่ โครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัยตำบลหนองหลวง อำเภอโนนนารายณ์ วงเงิน ๓.๐๐ ล้านบาท และโครงการบูรณะผิวทางลาดยาง AC สายบ้านจรัส-ช่องพริก ตำบลจรัส อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ วงเงิน ๕.๖๐ ล้านบาท ๑.๑.๕ จังหวัดศรีสะเกษ จำนวน ๗ กิจกรรมย่อย ได้แก่ กิจกรรมการขุดลอกคลองและเพิ่มประสิทธิภาพระบบสูบ จำนวน ๒ กิจกรรม และการก่อสร้างสะพาน ถนน และวางท่อระบายน้ำ จำนวน ๕ กิจกรรม วงเงิน ๑๘.๐๖ ล้านบาท ๑.๒ แผนงาน/โครงการของจังหวัดในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ๑ และตอนล่าง ๒ เป็นโครงการที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการได้ทันที (เพิ่มเติม) จำนวน ๖ โครงการ วงเงิน ๘๔.๘๒ ล้านบาท เพื่อทดแทนโครงการ/กิจกรรมของจังหวัดที่ควรให้ความเห็นชอบใช้งบประมาณที่สามารถเจียดจ่ายของหน่วยงานรับผิดชอบดำเนินการตามข้อ ๑.๑ โดยให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งจัดทำรายละเอียดคำขอรับการจัดสรรงบประมาณประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ จัดส่งให้สำนักงบประมาณภายใน ๒ สัปดาห์ เพื่อสำนักงบประมาณพิจารณาวงเงินงบประมาณที่เหมาะสม โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นต่อไป ประกอบด้วย ๑.๒.๑ จังหวัดนครราชสีมา จำนวน ๑ โครงการ ได้แก่ โครงการปรับปรุงอาคารระบายน้ำล้นอ่างเก็บน้ำลำตะคองพร้อมงานส่วนประกอบ วงเงิน ๒๔.๘๕ ล้านบาท ๑.๒.๒ จังหวัดชัยภูมิ จำนวน ๒ โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานคุณภาพชีวิตประชาชน วงเงิน ๑๗.๓๑ ล้านบาท และโครงการพัฒนาอาชีพ (การผลิตพริกให้ได้มาตรฐานปลอดภัยต่อผู้บริโภคเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ประชาชน) วงเงิน ๑๐.๐๐ ล้านบาท ๑.๒.๓ จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน ๑ โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาศูนย์ฝึกวิชาชีพสู่ชุมชนเมืองแป๊ะอย่างยั่งยืน วงเงิน ๖.๐๐ ล้านบาท ๑.๒.๔ จังหวัดสุรินทร์ จำนวน ๑ โครงการ ได้แก่ โครงการก่อสร้างทางเดินเคาะระฆังพันใบขึ้นเขาสวาย วงเงิน ๘.๖๐ ล้านบาท ๑.๒.๕ จังหวัดศรีสะเกษ จำนวน ๑ โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาอาชีพเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ประชาชน วงเงิน ๑๘.๐๖ ล้านบาท ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปประกอบการพิจารณาด้วยว่า โครงการต่าง ๆ ที่สมควรจะดำเนินการได้นั้น ต้องเป็นโครงการที่มีรายละเอียดแสดงให้เห็นถึงวัตถุประสงค์และผลลัพธ์ของโครงการที่เป็นรูปธรรมชัดเจน หากกรณีเป็นโครงการเพื่อการฝึกอบรม ประชุมสัมมนา ไม่สมควรดำเนินการ
|
|||||||||||||||||||||
30062 | การประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ครั้งที่ 16 | กต | 21/08/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างเอกสารสุดท้าย (Draft Final Document) ของการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ครั้งที่ ๑๖ (XVI Summit of Heads of State or Government of the Non-Aligned Movement) ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๖ - ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ ณ กรุงเตหะราน สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน โดยการประชุมสุดยอดผู้นำฯ ครั้งนี้ จะมีการรับรองร่างเอกสารสุดท้ายฯ ซึ่งสะท้อนท่าทีและการดำเนินการของกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดในเรื่องต่าง ๆ ในระดับโลกและภูมิภาค อาทิ ปัญหาการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ สิทธิมนุษยชนและการพัฒนา ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับรองเอกสารสุดท้ายดังกล่าว ๓. หากมีการแก้ไขร่างเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาและดำเนินการได้เลย โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก |
|||||||||||||||||||||
30063 | ขอความอนุมัติหลักการดำเนินโครงการจัดหาระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่องเอ็กซเรย์ และเรื่อง การบริหารโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan: DPL) | กค | 21/08/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการดำเนินโครงการจัดหาระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์ (โครงการระยะที่ ๕) ของกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง และอนุมัติจัดสรรเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : DPL) วงเงิน ๒,๔๕๓.๓๗๖๐ ล้านบาท สำหรับโครงการจัดหาระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์ (โครงการระยะที่ ๕) ของกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไป ๒. ส่วนวิธีการจัดหาโครงการจัดหาระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์ (โครงการระยะที่ ๕) ของกรมศุลกากร ในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (G to G) กับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน นั้น เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลเพียงพอประกอบการพิจารณา ดังนั้น หากกระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) จำเป็นต้องดำเนินการในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (G to G) ให้กระทรวงการคลังจัดทำข้อมูลรายละเอียดและเหตุผลความจำเป็นที่ชัดเจนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||
30064 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ เพิ่มเติม | กษ | 21/08/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งผู้แทนสภาเกษตรกรแห่งชาติเป็นกรรมการในคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ เพิ่มเติม ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการนโยบายยางธรรมชาติเสนอ โดยให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติประสานงานกับสภาเกษตรกรแห่งชาติตรวจสอบคุณสมบัติของผู้แทนสภาเกษตรกรแห่งชาติให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
30065 | การแต่งตั้งกรรมการสภาวิศวกร (จำนวน 5 คน 1. นายประศาสน์ จันทราทิพย์ ฯลฯ) | มท | 21/08/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการสภาวิศวกร จำนวน ๕ คน เนื่องจากกรรมการชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งมาครบกำหนดสามปีตามวาระแล้วเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นายประศาสน์ จันทราทิพย์ ๒. นายการุญ จันทรางศุ ๓. นายฐิระวัตร กุลละวณิชย์ ๔. นายสุรชัย พรภัทรกุล ๕. นายชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์
|
|||||||||||||||||||||
30066 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (จำนวน 6 คน 1. พลตำรวจโท ภาณุ เกิดลาภผล ฯลฯ) | คค | 21/08/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก จำนวน ๖ คน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. พลตำรวจโท ภาณุ เกิดลาภผล ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการวางแผนจราจร ๒. นายอร่าม ก้อนสมบัติ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมจราจร ๓. นายสุธา ขาวเธียร ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม ๔. นายภาณุมาศ ศรีศุข ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ ๕. นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจการคลัง ๖. นายรัชทิน ศยามานนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการผังเมือง
|
|||||||||||||||||||||
30067 | การแต่งตั้งรองประธานกรรมการในคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกกรอบแนวคิดเพื่อออกแบบก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศ | นร | 14/08/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๕ เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกกรอบแนวคิดเพื่อออกแบบก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย เสนอไปแล้ว นั้น เพื่อสนับสนุนการดำเนินการในทางวิชาการของคณะกรรมการฯ ดังกล่าวให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น จึงเห็นควรแต่งตั้งให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์) เป็นรองประธานกรรมการในคณะกรรมการฯ ดังกล่าวเพิ่มเติม และให้ทำหน้าที่โฆษกของคณะกรรมการร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยด้วย
|
|||||||||||||||||||||
30068 | รัฐบาลสาธารณรัฐไซปรัสเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นางมาเรีย มิคาอิล (Mrs. Maria Michail)] | กต | 14/08/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางมาเรีย มิคาอิล (Mrs. Maria Michail) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐไซปรัสประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงนิวเดลี สืบแทน นางสาวนัฟซิกา คริสตอส ครูสตี (Ms. Nafsika Chr. Krousti) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
30069 | รัฐบาลสาธารณรัฐฟิลิปปินส์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นางจอสลิน เอส. บาทูน-การ์เซีย (Mrs. Jocelyn S. Batoon-Garcia)] | กต | 14/08/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางจอสลิน เอส. บาทูน-การ์เซีย (Mrs. Jocelyn S. Batoon-Garcia) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นางลิงลีไง เอฟ. ลาคันลาเล (Mrs. Linglingay F. Lacanlale) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
30070 | ร่างกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ. 2551 รวม 4 ฉบับ | ศธ | 14/08/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ. ๒๕๕๑ รวม ๔ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง และภาคีเครือข่าย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือภาคีเครือข่าย ๑.๒ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการขอรับการส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยของสำนักงาน สำนักงาน กศน. กทม. สำนักงาน กศน. จังหวัด และสถานศึกษา ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนอนุกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มาของประธานและอนุกรรมการ วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง และอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการภาคีเครือข่าย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๒.๑ กำหนดให้มีคณะอนุกรรมการภาคีเครือข่าย จำนวน ๑๒ คน โดยมาจากภาคีเครือข่ายตามที่กำหนด และข้าราชการในสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยเป็นเลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการ ๒.๒ กำหนดให้ภาคีเครือข่ายที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็นอนุกรรมการต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด ๒.๓ กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม หลักเกณฑ์การได้มา วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่ง การแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง และอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการ ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติ วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และการประชุมของคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกรุงเทพมหานครและคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๓.๑ กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่ง การแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓.๒ กำหนดองค์ประชุมของคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกรุงเทพมหานครและคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพภายในสำหรับสถานศึกษาที่จัดการศึกษานอกระบบ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๔.๑ กำหนดให้กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับกับการศึกษานอกระบบ ประกอบด้วย การศึกษาพื้นฐาน และการศึกษาต่อเนื่อง ๔.๒ กำหนดให้มีระบบการประกันคุณภาพภายใน ประกอบด้วยการพัฒนาคุณภาพการศึกษา การติดตามตรวจสอบคุณภาพการศึกษา และการประเมินคุณภาพภายใน ๔.๓ กำหนดให้สถานศึกษาดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการประกันคุณภาพภายในตามที่กำหนด ๔.๔ กำหนดให้สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดหรือสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกรุงเทพมหานครมีหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนการประกันคุณภาพภายในของศูนย์การศึกษาที่อยู่ในพื้นที่ที่รับผิดชอบตามที่กำหนด ๔.๕ กำหนดให้สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาตามที่กำหนด
|
|||||||||||||||||||||
30071 | รายงานผลการเข้าร่วมประชุม World Economic Forum on East Asia ด้านพลังงาน | พน | 14/08/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานรายงานผลการประชุม World Economic Forum on East Asia ด้านพลังงาน (Private session on Energy) ระหว่างวันที่ ๓๐ พฤษภาคม - ๑ มิถุนายน ๒๕๕๕ ณ กรุงเทพมหานคร โดยการประชุม Private session on Energy จัดขึ้นในวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ซึ่งมีการประชุม ๒ เรื่อง คือ การประชุม Energy Security and Infrastructure Roundtable : ASEAN Five-Year Plan in Energy และการประชุม New Energy Architecture for East Asia ส่วนการประชุม Public Session จัดขึ้นในวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๕ คือ การประชุม Powering the Region’s Growth : The Future of Energy สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุม Energy Security and Infrastructure Roundtable : ASEAN Five-Year Plan in Energy ๑.๑ การรวมตัวกันเพื่อเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ (game changer) ที่จะนำไปสู่การได้ประโยชน์ร่วมกันของชาติสมาชิกอาเซียนเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงาน โดยแนวทางที่จะสามารถนำไปสู่การรวมตัวกันได้อย่างแท้จริงจะต้องเกิดขึ้นจากการผลักดันยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติและการแสดงภาวะผู้นำที่เข้มแข็ง (strategy and strong leadership) ของผู้นำชาติสมาชิกอาเซียนเพื่อผลักดันแนวทางต่าง ๆ ที่จะนำไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจังในระดับชาติและระดับภูมิภาค ๑.๒ การรวมตัวกันของอาเซียนจะนำไปสู่การแบ่งปันผลประโยชน์สูงสุดในด้านทรัพยากรธรรมชาติของภูมิภาค โดยจะต้องมีการปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน และการลดการอุดหนุนราคาด้านพลังงาน แต่ทั้งนี้จะต้องมุ่งเน้นนโยบายในการส่งเสริมการเพิ่มความมั่นคงทางพลังงานอย่างทั่วถึงในทุกภาคส่วน ๑.๓ การจัดตั้งศูนย์กลางการค้าพลังงานอาเซียน (ASEAN Energy Market Centre) จะช่วยให้นโยบายและโครงสร้างทางพลังงานมีเสถียรภาพมากขึ้น การกำหนดกลไกราคาพลังงาน และมาตรฐานทางเทคนิคต่าง ๆ และการสร้างหลักธรรมาภิบาลในรูปแบบที่เหมาะสม ๒. การประชุม New Energy Architecture for East Asia ๒.๑ การรวมตัวทางด้านพลังงานของอาเซียนจะก่อให้เกิดการแบ่งปันผลประโยชน์สูงสุดเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งประเทศสมาชิกจะสามารถเสริมสร้างจุดแข็งของตน และอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนต่างชาติในตลาดอาเซียน ๒.๒ ความสำเร็จในเบื้องต้นในการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานทางด้านพลังงานระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนในปัจจุบันจะเริ่มต้นจากการร่วมมือกันในระดับทวิภาคี (bilateral) ซึ่งเห็นได้จากการร่วมมือในด้านก๊าซธรรมชาติ (Trans ASEAN Gas Pipeline-TAGP) และการร่วมมือด้านการเชื่อมโยงสายส่งไฟฟ้า (ASEAN Power Grid-APG) ส่วนการเชื่อมโยงในระดับภูมิภาคอาจจะยังมีข้อจำกัดในด้านการร่วมมือกัน ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือด้านพหุภาคี (Multilateral) ที่เข้มแข็ง ๒.๓ การเชื่อมโยงในประเด็น New Energy Architecture จะต้องมีการสร้างความสมดุลของการพัฒนาพลังงานใน ๓ มิติ ได้แก่ ความมั่นคงทางด้านพลังงาน (energy security and access) การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (economic growth) และการพัฒนาอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (environmental sustainability) ๓. การประชุม Powering the Region’s Growth : The Future of Energy ๓.๑ หลักการที่สำคัญสำหรับการดำเนินการเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงทางด้านโครงสร้างพื้นฐานทางด้านพลังงานในอาเซียน ชาติสมาชิกจะต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังในการวางแผนให้มีกระบวนการที่มุ่งไปสู่การบรรลุเป้าหมายอย่างแท้จริง ๓.๒ ชาติสมาชิกอาเซียนจะต้องมีการปรับปรุงกฎระเบียบ กลไกของราคา และมาตรฐานทางเทคนิคที่เหมาะสมในการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานทางด้านไฟฟ้าและระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติภายในภูมิภาค ๓.๓ ภาคธุรกิจต่างชาติที่มาร่วมประชุมได้ประมาณการการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนใน ๑๐ ปีข้างหน้าว่าจะมีมูลค่าประมาณ ๒ แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ ๖,๒๐๐ ล้านล้านบาท) ซึ่งการลงทุนขนาดใหญ่นี้จะได้จากการลงทุนที่มาจากภาครัฐและภาคเอกชนทั้งในและนอกภูมิภาคอาเซียนที่จะนำไปสู่การพัฒนาด้านอื่น ๆ เช่น สังคม และการศึกษา เป็นต้น ๓.๔ การร่วมมือของอาเซียนจะประสบความสำเร็จได้จะต้องกำหนดแนวทางหรือนโยบายด้านพลังงานให้สอดคล้องกันสามด้าน คือ ความมั่นคงในการจัดหา (security of supply) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change) และความสามารถในเชิงการแข่งขัน (competitiveness) โดยประเทศสมาชิกอาเซียนซึ่งมีทรัพยากรธรรมชาติด้านพลังงานที่แตกต่างกัน อาทิ ก๊าซธรรมชาติ น้ำมัน พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานใต้พิภพ สิ่งเหล่านี้ชาติสมาชิกจะต้องจัดสรรให้มีความเหมาะสมต่อบริบททางเศรษฐกิจและสังคมของอาเซียนโดยรวมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
30072 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างและค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดนครสวรรค์ขนาด 24 บัลลังก์ และศาลอุทธรณ์ภาค 6 1 หลัง พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบขอขยายระยะเวลา และขอใช้เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 งบกลาง สำหรับงบประมาณที่เพิ่มขึ้น | ศย | 14/08/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานศาลยุติธรรมดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. เพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดนครสวรรค์ ขนาด ๒๔ บัลลังก์ และศาลอุทธรณ์ภาค ๖ จำนวน ๑ หลัง พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ จากวงเงิน ๕๔๘,๔๑๐,๙๖๙ บาท เป็นวงเงิน ๕๗๘,๒๓๑,๙๖๙ บาท โดยมีค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้น จำนวน ๒๙,๘๒๑,๐๐๐ บาท และเพิ่มวงเงินค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดนครสวรรค์ ขนาด ๒๔ บัลลังก์ และศาลอุทธรณ์ภาค ๖ จำนวน ๑ หลัง พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ จากวงเงิน ๘,๙๘๓,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๙,๕๑๙,๐๐๐ บาท โดยมีค่าควบคุมงานเพิ่มขึ้น จำนวน ๕๓๖,๐๐๐ บาท รวมวงเงินที่เพิ่มขึ้น จำนวน ๓๐,๓๕๗,๐๐๐ บาท ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ๒. ครุภัณฑ์ประกอบ จำนวน ๕๕,๐๓๔,๐๐๐ บาท ให้ปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ หรือใช้จ่ายจากเงินรายได้ของสำนักงานศาลยุติธรรมไปดำเนินการต่อไป ๓. ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันการก่อสร้างและควบคุมงานก่อสร้างไปถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖
|
|||||||||||||||||||||
30073 | รัฐบาลญี่ปุ่นเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายชิเกะกะซุ ซะโตะ (Mr. Shigekazu Sato)] | กต | 14/08/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายชิเกะกะซุ ซะโตะ (Mr. Shigekazu Sato) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งญี่ปุ่นประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายเซอิจิ โคจิมะ (Mr. Seiji Kojima) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
30074 | การแต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงศึกษาธิการ) (นางวาทินี ธีระตระกูล) | ศธ | 14/08/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางวาทินี ธีระตระกูล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านมาตรฐานการศึกษา (นักวิชาการศึกษาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
30075 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสูงเม่น จังหวัดแพร่ พ.ศ. .... | มท | 14/08/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสูงเม่น จังหวัดแพร่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่บางส่วนของตำบลพระหลวง บางส่วนของตำบลดอนมูล บางส่วนของตำบลบ้านเหล่า บางส่วนของตำบลสูงเม่น บางส่วนของตำบลหัวฝาย และบางส่วนของตำบลน้ำชำ อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ เพื่อใช้เป็นแนวทาง ในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
30076 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการด้านทรัพยากรน้ำและการชลประทานไทย-สาธารณรัฐประชาชนจีน | กษ | 14/08/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติจัดทำและลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงทรัพยากรน้ำแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำและการชลประทาน โดยวัตถุประสงค์ในการจัดทำบันทึกความเข้าใจฯ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการในสาขาทรัพยากรน้ำและการชลประทานระหว่างสองประเทศ โดยมีขอบเขตความร่วมมือครอบคลุมในประเด็นการป้องกันและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน การบริหารจัดการและก่อสร้างเขื่อน ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อทรัพยากรน้ำและการรับมือ การป้องกันและบรรเทาอุทกภัย การอนุรักษ์ดินและน้ำ การชลประทานและการระบายน้ำ การประสานงานและร่วมมือในกิจกรรมที่เกี่ยวกับน้ำในระดับนานาชาติและความร่วมมือในด้านอื่น ๆ ที่สนใจร่วมกัน ๑.๒ อนุมัติในหลักการว่า ก่อนจะมีการลงนาม หากมีการแก้ไขร่างบันทึกความเข้าใจในประเด็นที่ไม่ใช่หลักการสำคัญ ขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สามารถลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในนามของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ โดยไม่จำเป็นต้องได้รับหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) จากกระทรวงการต่างประเทศ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมทั้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปรับปรุงถ้อยคำของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศก่อนการลงนามด้วย |
|||||||||||||||||||||
30077 | ผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 45 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | กต | 14/08/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ ๔๕ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกัมพูชาในฐานะประธานอาเซียนเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๘-๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ในกรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปประเด็นสำคัญได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนมีมติให้คณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชนพัฒนาร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชนต่อไป โดยหารือกับทุกภาคส่วนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถจัดทำร่างปฏิญญาฯ เสร็จสิ้นสำหรับให้ผู้นำอาเซียนรับรองในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๑ ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕ ๒. อาเซียนและประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ ได้แก่ จีน ฝรั่งเศส รัสเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ยังไม่สามารถลงนามในเอกสารใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสนธิสัญญาเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ เนื่องจากฝรั่งเศส รัสเซีย และสหราชอาณาจักรได้แจ้งข้อสงวนในเรื่องนี้แก่อาเซียนในระยะเวลาที่กระชั้นชิดก่อนการประชุม ซึ่งอาเซียนจำเป็นต้องพิจารณาข้อสงวนดังกล่าวอย่างถี่ถ้วน ส่งผลให้มีการเลื่อนการลงนามเอกสารที่เกี่ยวข้องกับสนธิสัญญาฯ ออกไป โดยคาดว่าจะลงนามได้ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๑ ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕ ๓. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนได้รับรองร่าง Terms of Reference ของสถาบันอาเซียนเพื่อสันติภาพและความสมานฉันท์ ซึ่งกำหนดขอบเขตหน้าที่เพื่อจัดตั้งสถาบันและส่งเสริมสันติภาพในภูมิภาคตามเป้าหมายของแผนงานการจัดตั้งประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน โดยจะประกาศการจัดตั้งสถาบันฯ อย่างเป็นทางการระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๑ ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕ ๔. สหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรได้ลงนามในตราสารเพื่อเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลำดับที่ ๒๙ และ ๓๐ ตามลำดับ ๕. เวียดนามได้เสนอชื่อนาย Le Luong Minh รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามเป็นเลขาธิการอาเซียนคนต่อไปสำหรับวาระปี พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐ และที่ประชุมสุดยอดอาเซียนจะพิจารณาแต่งตั้งนาย Le Luong Minh ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๑ ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕ ๖. ที่ประชุมเห็นพ้องว่า อาเซียนควรร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะด้านการค้ามนุษย์ และยาเสพติด ซึ่งไทยได้แจ้งที่ประชุมเกี่ยวกับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด ระหว่างวันที่ ๓๐ สิงหาคม-๑ กันยายน ๒๕๕๕ ๗. ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับวิกฤตยูโรโซน รวมทั้งผลกระทบที่อาจมีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเห็นว่าควรส่งเสริมความร่วมมือทางการเงินให้ภูมิภาคพร้อมรับมือกับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก พร้อมทั้งยินดีกับการเพิ่มประสิทธิภาพของ Chiang Mai Initiative Multilateralization (CMIM) โดยการขยายวงเงินจาก ๑๒๐ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น ๒๔๐ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ หุ้นส่วนเขตการค้าเสรีกับอาเซียนได้แสดงความสนใจที่จะเข้าร่วม Regional Comprehensive Economic Partnership (RCEP หรือ ASEAN++ FTA) อาทิ ออสเตรเลีย จีน และนิวซีแลนด์ ๘. ประเทศอาเซียนและคู่เจรจายังคงให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อเรื่องความเชื่อมโยงในภูมิภาค โดยคู่เจรจาหลายประเทศ อาทิ จีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และอินเดีย ได้แสดงความพร้อมที่ให้การสนับสนุนอาเซียนในเรื่องนี้ โดยในส่วนของไทยได้มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้มีความร่วมมือด้านความเชื่อมโยงในกรอบอาเซียน+๓ โดยประเทศอาเซียน+๓ ได้สนับสนุนข้อริเริ่มของไทย และเห็นชอบกับข้อเสนอของไทยที่จะให้มีการออกแถลงการณ์ผู้นำว่าด้วยหุ้นส่วนความเชื่อมโยงอาเซียน+๓ ในการประชุมสุดยอดอาเซียน+๓ ครั้งที่ ๑๕ ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕ ซึ่งไทยจะเป็นผู้ยกร่าง ๙. ประเทศคู่เจรจาของอาเซียน อาทิ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และนิวซีแลนด์ ได้แสดงความพร้อมที่จะสนับสนุนอาเซียนในการพัฒนาศักยภาพด้านการบริหารจัดการภัยพิบัติ และการพัฒนากลไกเพื่อรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างทันท่วงที ซึ่งไทยได้แจ้งที่ประชุม ARF ถึงความพร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพร่วมกับสาธารณรัฐเกาหลีเพื่อจัดการฝึก Disaster Relief Exercise (DiREx) ในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ๑๐. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนเห็นพ้องว่า อาเซียนได้พัฒนาความสัมพันธ์กับภายนอกภูมิภาคอย่างต่อเนื่องในกรอบต่าง ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์กับอาเซียนทั้งด้านการเมืองและความมั่นคง เศรษฐกิจ และการพัฒนา โดยควรให้ทุกกรอบสามารถเกื้อกูลกันและส่งเสริมซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ อาเซียนจำเป็นต้องรักษาและส่งเสริมความเป็นแกนกลางของอาเซียน รวมทั้งมีความเป็นผู้นำในการริเริ่มข้อเสนอในกรอบความร่วมมือต่าง ๆ เพื่อให้ความสัมพันธ์ภายนอกของอาเซียนเป็นประโยชน์กับอาเซียนอย่างแท้จริง ๑๑. ประเด็นภูมิภาคและประเด็นระหว่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ๑๑.๑ ฟิลิปปินส์และเวียดนามมีท่าทีที่แข็งกร้าวในประเด็นที่เกี่ยวกับทะเลจีนใต้ โดยยืนยันให้มีการระบุสถานการณ์ในทะเลจีนใต้ที่เกี่ยวกับ Scarborough Shoal (สำหรับฟิลิปปินส์) และเขตเศรษฐกิจพิเศษจำเพาะ (Exclusive Economic Zone : EEZ) และไหล่ทวีป (Continental Shelf) (สำหรับเวียดนาม) ซึ่งเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาค หลายประเทศจึงเห็นว่าอาเซียนควรมีท่าทีร่วมกันในเรื่องนี้ และควรมีประเด็นนี้บรรจุอยู่ในแถลงการณ์ร่วม (Joint Communique) ของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ ๔๕ ๑๑.๒ ในการประชุมอาเซียน-จีน อาเซียนได้แสดงความพร้อมที่จะเริ่มเจรจา Code of Conduct in the South China Sea (CoC) กับจีน โดยอาเซียนสามารถบรรลุท่าทีเกี่ยวกับองค์ประกอบที่สำคัญที่ควรบรรจุใน CoC แล้ว ๑๑.๓ ประเทศอาเซียนและคู่เจรจาต่างแสดงความยินดีต่อพัฒนาการทางการเมืองและการปฏิรูปในเมียนมาร์ และเห็นว่าควรยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่าง ๆ ต่อเมียนมาร์ รวมทั้งให้การสนับสนุนเมียนมาร์เพื่อให้กระบวนการปฏิรูปต่าง ๆ เดินหน้าต่อไปอย่างยั่งยืน
|
|||||||||||||||||||||
30078 | ผลการเข้าร่วมการประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขง-ญี่ปุ่น ครั้งที่ 4 และการเยือนเกาะคิวชู ของนายกรัฐมนตรี | นร | 14/08/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอรายงานของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับผลการเข้าร่วมการประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๔ ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๑ เมษายน ๒๕๕๕ ณ กรุงโตเกียว และการเยือนเกาะคิวชู ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๕ ของนายกรัฐมนตรี และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามผลการเยือน สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขง-ญี่ปุ่น ครั้งที่ ๔ ๑.๑ ที่ประชุมได้หารือในประเด็นความร่วมมือเพื่อพัฒนาลุ่มน้ำโขงและประเด็นภูมิภาคและระหว่างประเทศ พร้อมรับรองเอกสารยุทธศาสตร์โตเกียว ค.ศ. ๒๐๑๒ เพื่อความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ซึ่งเป็นกรอบความร่วมมือใน ๓ ปีข้างหน้า ได้แก่ (๑) การส่งเสริมความเชื่อมโยงในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยเน้นความเชื่อมโยงภายในภูมิภาคและกับภูมิภาคอื่นเพื่อยกสถานะภูมิภาคลุ่มน้ำโขงในเวทีระหว่างประเทศและในตลาดโลก (๒) การพัฒนาไปพร้อมกัน โดยเน้นความแข็งแกร่ง ความมั่นคง และดุลยภาพการเจริญเติบโตผ่านความร่วมมือในกรอบลุ่มน้ำโขง เพื่อผลักดันการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย และ (๓) การสร้างความมั่นใจด้านความมั่นคงของมนุษย์และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม โดยเน้นด้านความปลอดภัยแก่ประชาชนและการลดความเสี่ยงทั้งในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ๑.๒ ญี่ปุ่นได้ประกาศสนับสนุนงบประมาณ จำนวนเงิน ๖๐๐,๐๐๐ ล้านเยน (ประมาณ ๒๓๐,๐๐๐ ล้านบาท) พร้อมทั้งระบุโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่ญี่ปุ่นสนใจในประเทศลุ่มน้ำโขง ๕๗ โครงการ จำนวน ๒.๓ ล้านล้านเยน (ประมาณ ๘๗๔,๐๐๐ ล้านบาท) ๑.๓ ไทยได้เน้นย้ำความสำคัญและความต่อเนื่องในการที่รัฐบาลไทยให้ความช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านและการพัฒนาประเทศลุ่มน้ำโขง โดยในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ไทยได้จัดสรรงบประมาณ จำนวนประมาณ ๒,๓๐๐ ล้านบาท ในการให้ความช่วยเหลือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ความช่วยเหลือทางวิชาการ และพร้อมที่จะเร่งรัดการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์โตเกียว โดยเสนอความร่วมมือกับญี่ปุ่นในการสนับสนุนกิจกรรม ๓ โครงการ ได้แก่ (๑) การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก - ตะวันตก และแนวพื้นที่เศรษฐกิจทางใต้ ให้เป็นแนวพื้นที่เศรษฐกิจอย่างแท้จริงและสามารถรองรับความเสี่ยงจากภัยพิบัติ (๒) เชิญชวนให้ญี่ปุ่นมีส่วนร่วมในโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมทวายในเมียนมาร์ และ (๓) ร่วมกันจัดทำหลักสูตรฝึกอบรมเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ๑.๔ ไทยและญี่ปุ่นแสดงความห่วงกังวลอย่างยิ่งต่อการทดลองยิงดาวเทียมของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี พร้อมย้ำถึงความจำเป็นของการปฏิรูปคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และประสงค์ให้มีการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือทางทะเลในกรอบการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ๒. การเยือนเกาะคิวชู เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๕ นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมกิจการรถไฟความเร็วสูงของกลุ่มบริษัทเจอาร์ คิวชู ซึ่งดำเนินกิจการเดินรถไฟบนเกาะคิวชูเป็นหลัก โดยเยี่ยมชมสถานที่ที่เป็นจุดเด่น ๓ แห่ง ของกิจการรถไฟของกลุ่มกิจการฯ ได้แก่ สถานีรถไฟฮากาตะในนครฟุกุโอกะ รถไฟความเร็วสูงชินกันเซ็นสายเกาะคิวชู และรถไฟท่องเที่ยวอาโสะ บอย พร้อมทั้งดูงานสินค้า One Village One Product (OVOP) ของเกาะคิวชู บริเวณสถานีรถไฟฮากาตะ ๓. การดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศเพื่อผลักดันให้ผลการเยือนนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม มีดังนี้ ๓.๑ ประสานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อประมวลข้อคิดเห็นของหน่วยงานไทยเกี่ยวกับร่างแผนปฏิบัติการใหม่ของกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ๓.๒ เตรียมการจัดการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำเพื่อเตรียมรองรับภัยพิบัติจากทั้งอุทกภัยและภัยแล้ง และความมั่นคงทางอาหารของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปลายปี ๒๕๕๕ หรือช่วงต้นปี ๒๕๕๖ ๓.๓ เร่งรัดประสานกับประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่นในการเชิญนักออกแบบญี่ปุ่นมาร่วมหารือกับกระทรวงคมนาคมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
30079 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (นักบริหารระดับสูง) (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายจิรชัย มูลทองโร่ย) | นร | 14/08/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายจิรชัย มูลทองโร่ย ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
30080 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. 2505 บังคับในท้องที่อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช และอำเภอป่าพะยอม อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง พ.ศ. .... | กษ | 14/08/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช และอำเภอป่าพะยอม อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช และอำเภอป่าพะยอม อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง เพื่อให้มีการจัดทำคันและคูน้ำอันจะเป็นประโยชน์ในการเกษตรและทำให้การใช้น้ำเป็นไปโดยประหยัด ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
.....