ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1506 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 30101 - 30120 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
30101 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม) | กค | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้ลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม และคงจัดเก็บในอัตราร้อยละ ๖.๓ (ไม่รวมภาษีท้องถิ่น) สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณี ซึ่งความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ ๑.๒ กำหนดให้จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ ๙ (ไม่รวมภาษีท้องถิ่น) สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณี ซึ่งความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาความเป็นไปได้ในการให้มีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ ๙ (ไม่รวมภาษีท้องถิ่น) หรือร้อยละ ๑๐ (รวมภาษีท้องถิ่น) สำหรับสินค้านำเข้าที่เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
30102 | ร่างกฎกระทรวงการขอรับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนในระบบ การกำหนด รายการและการขอเปลี่ยนแปลงรายการในตราสารจัดตั้ง และการกำหนด ขนาดที่ดินที่ใช้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนในระบบ พ.ศ. .... | ศธ | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการขอรับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนในระบบ การกำหนดรายการและการขอเปลี่ยนแปลงรายการในตราสารจัดตั้ง และการกำหนดขนาดที่ดินที่ใช้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนในระบบ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดแบบคำขอและสถานที่ยื่นคำขอรับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนในระบบ ๒. กำหนดหลักฐานในการยื่นคำขอรับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนในระบบ กรณีผู้ยื่นคำขอเป็นบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล ๓. กำหนดรายการอื่นในตราสารจัดตั้งโรงเรียน และรายละเอียดเกี่ยวกับกิจการของโรงเรียนในระบบ ๔. กำหนดหลักเกณฑ์การออกใบอนุญาตและใบแทนใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนในระบบ ๕. กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับมาตรฐานการจัดตั้งโรงเรียน สุขลักษณะและอนามัยของนักเรียน ลักษณะและขนาดที่ดินที่ใช้ในการจัดตั้งโรงเรียนแต่ละประเภท ลักษณะอาคารเรียน ความจุและการคำนวณความจุนักเรียนต่อห้องของโรงเรียนแต่ละประเภท ๖. กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอเปลี่ยนแปลงรายการในตราสารการจัดตั้งโรงเรียน ๗. กำหนดบทเฉพาะกาลเกี่ยวกับคำขอรับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนในระบบที่ยื่นไว้ก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ
|
|||||||||||||||||||||||||||
30103 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการขึ้นทะเบียนตำรับยา พ.ศ. .... | สธ | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการขึ้นทะเบียนตำรับยา พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดให้ยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๘ (พ.ศ. ๒๕๒๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติยา พ.ศ. ๒๕๑๐ และให้กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ๒. กำหนดให้ผู้รับอนุญาตผลิตยาหรือผู้รับอนุญาตนำหรือสั่งยาเข้ามาในราชอาณาจักร ให้ยื่นคำขอขึ้นทะเบียนตำรับยาพร้อมด้วยเอกสารหรือหลักฐานตามที่กำหนด กำหนดหลักเกณฑ์การขอรับใบแทนใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับยา การแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการทะเบียนตำรับยา และแบบคำขอและใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับยา ๓. กำหนดสถานที่ยื่นคำขอขึ้นทะเบียนตำรับยา หรือวิธีการอื่นตามที่รัฐมนตรีกำหนด โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ๔ กำหนดหลักเกณฑ์การออกใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับยา และเงื่อนไขการกำหนดภาระหน้าที่หรือยอมรับภาระหน้าที่หรือความรับผิดชอบบางประการเท่าที่จำเป็นเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคต่อผู้รับอนุญาตผลิตยาหรือผู้รับอนุญาตนำหรือสั่งยาเข้ามาในราชอาณาจักร ๕ กำหนดบทเฉพาะกาลเกี่ยวกับคำขอที่ยื่นก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ
|
|||||||||||||||||||||||||||
30104 | ขอโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | คค | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) โอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จากแผนงานบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ โครงการชำระหนี้เงินกู้เพื่ออุดหนุนบริการสาธารณะ (PSO) งบรายจ่ายอื่น รายการค่าชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน ๔๗๐.๗๖๔๘ ล้านบาท และค่าดอกเบี้ยเงินกู้ จำนวน ๓๑.๘๗๕๓ ล้านบาท ไปตั้งจ่ายแผนงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โครงการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ (PSO) งบเงินอุดหนุน เงินอุดหนุนทั่วไป รายการชดเชยเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ (PSO) จำนวน ๕๐๒.๖๔๐๑ ล้านบาท เพื่อแทนการกู้เงินจำนวนดังกล่าว และเป็นการประหยัดเงินงบประมาณแผ่นดินในส่วนของค่าดอกเบี้ยการกู้เงินที่รัฐบาลต้องรับภาระ รวมทั้งการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณดังกล่าวยังคงอยู่ภายใต้วัตถุประสงค์เดิมที่กำหนดไว้เพื่ออุดหนุนบริการสาธารณะ (PSO) ทั้งนี้ ให้ ขสมก. ทำความตกลงรายละเอียดงบประมาณกับสำนักงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดย ขสมก. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ ขสมก. เตรียมดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ เมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ไว้ล่วงหน้า เพื่อให้สามารถเริ่มดำเนินงานได้ทันทีเมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้ว ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพการให้บริการแก่ประชาชนและบรรเทาปัญหาฐานะการเงินของ ขสมก. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
30105 | รัฐบาลรัฐอิสราเอลเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายชีมอน โรเดด (Mr. Simon Roded)] | กต | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายชีมอน โรเดด (Mr. Simon Roded) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทนนายอิตซ์ฮัก โชฮัม (Mr. ltzhak Shoham) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
30106 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเวียงชัย และตำบลทุ่งก่อ อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... | กษ | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเวียงชัย และตำบลทุ่งก่อ อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเวียงชัย และตำบลทุ่งก่อ อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย เพื่อก่อสร้างประตูระบายน้ำตามโครงการปรับปรุงระบบหนองหลวง เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การเก็บกักน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนป้องกันและบรรเทาอุทกภัย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
30107 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4030 สายเทพกษัตรี - เชิงทะเล พ.ศ. .... | คค | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๓๐ สายเทพกษัตรี - เชิงทะเล พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๓๐ ในท้องที่อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
30108 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานสุรินทร์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... จำนวน 4 ฉบับ | กษ | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำลุงปุง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ คือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำลุงปุง ในท้องที่ตำบลท่าตูม อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำบ้านลุมพุก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... สาระสำคัญ คือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำบ้านลุมพุก ในท้องที่ตำบลตาเบา อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒. อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ถอนร่างกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป ดังนี้ ๒.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองกา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๒.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำอำปึน เป็นทางน้ำชลประทานจะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||||||||
30109 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานเพชรบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... จำนวน 5 ฉบับ | กษ | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวง จำนวน ๓ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยตะแปด เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ คือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยตะแปด ในท้องที่ตำบลสามพระยา อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำพุหวาย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ คือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำพุหวาย ในท้องที่ตำบลห้วยทรายเหนือ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหุบกะพง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ คือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหุบกะพง ในท้องที่ตำบลเขาใหญ่ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒. อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ถอนร่างกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป ดังนี้ ๒.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำพุน้อย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๒.๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำบ้านทุ่งขาม เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||||||||
30110 | แจ้งผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2553 รวม 13 คดี | นร | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. ๒๕๕๓ รวม ๑๓ คดี ซึ่งมีคำพิพากษายกฟ้องคดีหมายเลขดำที่ ฟ. ๓๔ - ฟ. ๓๕/๒๕๕๓, ฟ. ๔๓ - ฟ. ๔๗/๒๕๕๓ และ ฟ. ๕๔ - ฟ. ๕๙/๒๕๕๓ เป็นคดีหมายเลขแดงที่ ฟ. ๔๔ - ฟ. ๕๐/๒๕๕๕ และ ฟ. ๕๗ - ฟ. ๖๒/๒๕๕๕ ระหว่างผู้ฟ้องคดี ๑๓ ราย กับนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ คณะรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ตามที่สำนักงานศาลปกครองสูงสุดเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
30111 | แจ้งผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีระหว่างนายประหยัด พิมพา กับพวกรวม 2 คน ฟ้องประธาน ก.พ. กับพวกรวม 7 คน ต่อศาลปกครองสูงสุด ขอให้ระงับ ยกเลิก เพิกถอน และหรือเพิ่มเติม กฎ ก.พ. ที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมายของพระราชกฤษฎีกา หรือกฎที่ออกโดยคณะรัฐมนตรีรักษาการ หรือโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีรักษาการ | นร | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขแดงที่ ฟ. ๗๑/๒๕๕๕ ซึ่งมีคำพิพากษายกฟ้องคดีหมายเลขดำที่ ฟ. ๖๑/๒๕๕๑ ระหว่างนายประหยัด พิมพา กับพวกรวม ๒ คน ผู้ฟ้องคดี ประธาน ก.พ. กับพวกรวม ๗ คน ผู้ถูกฟ้องคดี กรณีฟ้องขอให้ระงับ ยกเลิก เพิกถอน และหรือเพิ่มเติม กฎ ก.พ. ที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมายของพระราชกฤษฎีกา หรือกฎที่ออกโดยคณะรัฐมนตรีรักษาการ หรือโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีรักษาการ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
30112 | ปรับปรุงหลักเกณฑ์มาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย | กค | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๔ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๔ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ โดยคณะกรรมการกลั่นกรองฯ มีมติเห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์มาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ผ่านมาตรการสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ผ่านกลไกการค้ำประกันในลักษณะ Portfolio Guarantee Scheme ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (มาตรการ PGS) และสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำโดยความร่วมมือของธนาคารออมสิน (Soft Loan ออมสิน) ดังนี้
๑. กลุ่มเป้าหมายเป็น SMEs ที่ประกอบธุรกิจทุกประเภทที่อยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัย ตามประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือเป็น SMEs ที่ได้รับผลกระทบทางอ้อม โดยจะต้องมียอดการสั่งซื้อหรือยอดขายกับคู่ค้าในพื้นที่ประสบอุทกภัยไม่น้อยกว่าร้อยละ ๒๕ โดยธนาคารจะต้องเป็นผู้รับรองและยืนยัน ๒. วงเงินค้ำประกันสูงสุดทุกประเภท/วงเงินให้สินเชื่อสูงสุดทุกประเภทรวมกันไม่เกิน ๓๐ ล้านบาทต่อรายต่อสถาบันการเงิน โดยสินเชื่อที่ได้รับจากสถาบันการเงินต้องเป็นสินเชื่อใหม่ และต้องไม่นำไปชำระหนี้เดิมกับสถาบันการเงินผู้ให้กู้ ๓. ระยะเวลารับคำขอ ภายในวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๕ |
|||||||||||||||||||||||||||
30113 | ขอปิดเส้นทางจราจรในทางหลวงหมายเลข 3259 (กม. 15-กม. 30) ช่วงผ่านเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน บางช่วงเวลา | ทส | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๕ (ฝ่ายการเกษตรและการท่องเที่ยว) ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายชุมพล ศิลปอาชา) เป็นประธานกรรมการ ซึ่งเห็นชอบข้อเสนอให้มีการปิดถนนสาย ๓๒๕๙ ระหว่าง กม. ๑๕-กม. ๓๐ โดยแบ่งเป็น ๒ ช่วงเวลา คือ ช่วงที่หนึ่ง ระหว่างเดือนมกราคม-เมษายน ปิดระหว่างเวลา ๒๑.๐๐ น. -๐๕.๐๐ น. และช่วงที่สอง ระหว่างเดือนพฤษภาคม-ธันวาคม ปิดระหว่างเวลา ๑๘.๐๐ น.-๐๖.๐๐ น. โดยมอบให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) รับไปดำเนินการเพื่อประกาศปิดเส้นทางการจราจรถนนสาย ๓๒๕๙ ระหว่าง กม. ๑๕-กม. ๓๐ ในช่วงเวลาดังกล่าว ให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๒๘ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
30114 | การปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุ และการเลื่อนชั้นเงินเดือนเพื่อชดเชยผู้ได้รับผลกระทบของกระทรวงกลาโหม | กห | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายความมั่นคงและโครงสร้างพื้นฐาน) ในการประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) ประธานกรรมการกลั่นกรองฯ เสนอ โดยคณะกรรมการกลั่นกรองฯ มีมติอนุมัติในหลักการร่างกฎกระทรวง และร่างคำสั่ง จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการทหารและการให้ได้รับเงินเดือน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยให้เพิ่มเติมความข้อ ๔ ในร่างกฎกระทรวงฯ เพื่อให้การบรรจุพลทหารประจำการ (พลอาสาสมัคร) ซึ่งเลื่อนฐานะเป็นนายทหารประทวนได้รับเงินเดือนระดับ ป.๑ ในชั้นที่มีอัตราเงินเดือนใกล้เคียงที่เท่ากัน หรือสูงกว่าอัตราเงินเดือนเดิมที่ได้รับอยู่ก่อนการเลื่อนฐานะเป็นนายทหารประทวนแล้วแต่กรณี ตามที่ผู้แทนกระทรวงกลาโหมเสนอขอเพิ่มเติม ทั้งนี้ สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงฯ มีดังนี้ ๑.๑ ให้ยกเลิกบัญชีคุณวุฒิและอัตราเงินเดือนของบุคคลที่ได้รับการบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการทหาร ท้ายกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการทหารและการให้ได้รับเงินเดือน พ.ศ. ๒๕๕๕ และให้ใช้บัญชีคุณวุฒิและอัตราเงินเดือนของบุคคลที่ได้รับการบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการทหารท้ายกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการทหารและการให้ได้รับเงินเดือน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... แทน ๑.๒ กำหนดการให้ได้รับเงินเดือนของบุคคลที่ได้รับการบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการทหารให้เป็นไปตามคุณวุฒิและอัตราเงินเดือนตามบัญชีคุณวุฒิและอัตราเงินเดือนของบุคคลที่ได้รับการบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการท้ายกฎกระทรวง ดังนี้ ตารางอัตราเงินเดือน ณ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ ให้ใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ และตารางอัตราเงินเดือน ณ ๑ มกราคม ๒๕๕๗ ให้ใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๗ ๒. อนุมัติในหลักการร่างคำสั่งกระทรวงกลาโหม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการเลื่อนชั้นเงินเดือนตามคุณวุฒิที่บรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการทหาร มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการเลื่อนชั้นเงินเดือน ตามคุณวุฒิที่บรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการทหารเพื่อชดเชยแก่ข้าราชการทหารผู้ได้รับผลกระทบจากการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุ ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๕ โดยให้มีผลใช้บังคับ ณ วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ และวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไป ๓. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ สำนักงบประมาณได้เสนอตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว ส่วนในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ให้กระทรวงกลาโหมเสนอขอตั้งงบประมาณรองรับตามความจำเป็นต่อไป และเนื่องจากกระทรวงกลาโหมมีกำลังพลที่อยู่ในเกณฑ์ดำเนินการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุและการเลื่อนขั้นเงินเดือนเพื่อชดเชย ผู้ได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก ซึ่งจำเป็นต้องมีการประมาณการด้านงบประมาณรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น จึงเห็นควรหารือกับสำนักประมาณและกรมบัญชีกลางเพื่อไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
30115 | รายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ และการจัดสรรเงินกู้โครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. 2555 | นร | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ และการจัดสรรเงินกู้โครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. โครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ จำนวน ๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๑ การจัดสรร/การเบิกจ่าย/ลงนามสัญญาหรือดำเนินการเอง สำนักงบประมาณจัดสรร เป็นเงิน ๑๑๘,๑๒๑.๘๒๑๕ ล้านบาท มีการลงนามในสัญญาหรือดำเนินการเองแล้ว เป็นเงิน ๑๐๕,๙๑๓.๔๖๒๒ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๕ เป็นเงิน ๔๙๔.๕๗๘๗ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๔๗ และผลการเบิกจ่ายจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) เป็นเงิน ๘๐,๘๑๑.๒๐๙๘ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๘.๔๑ จากยอดจัดสรร ๑.๒ ผลการดำเนินงาน มิติส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐที่มีผลการดำเนินงานสูงกว่าร้อยละ ๘๐ มีจำนวน ๙ กระทรวง ที่เหลือมีผลการดำเนินงานต่ำกว่าร้อยละ ๘๐ จำนวน ๙ กระทรวง และมิติจังหวัดที่มีผลการดำเนินงานสูงกว่าร้อยละ ๘๐ มีจำนวน ๕๐ จังหวัด ส่วนจังหวัดที่เหลือมีผลการดำเนินงานต่ำกว่าร้อยละ ๘๐ จำนวน ๒๓ จังหวัด ๑.๓ การส่งคืนเงินงบประมาณและการใช้จ่ายจากเงินที่แจ้งคืน ส่วนราชการฯ ส่งคืนเงินในระบบ GFMIS เป็นเงิน ๕,๑๑๔.๐๖๕๙ ล้านบาท และเงินที่ส่วนราชการจะใช้จ่ายจริงน้อยกว่ากรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ เป็นเงิน ๑๓๙.๐๐๖๐ ล้านบาท รวมเป็นเงินที่จะจัดสรรเพิ่มเติมได้อีก จำนวน ๕,๒๕๓.๐๗๑๙ ล้านบาท สำหรับการใช้จ่ายเงินที่แจ้งส่งคืน คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินที่ส่วนราชการฯ ส่งคืนงบประมาณรวม ๕ ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๔,๘๒๔.๕๗๗๖ ล้านบาท (สำนักงบประมาณจัดสรรแล้ว ๓,๒๕๒.๐๔๖๒ ล้านบาท) คงเหลือวงเงินที่คณะรัฐมนตรีจะอนุมัติเพิ่มเติมได้อีก เป็นเงิน ๔๒๘.๔๙๔๓ ล้านบาท ๒. การจัดสรรเงินกู้โครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ คณะรัฐมนตรีอนุมัติวงเงินรวมทั้งสิ้น ๒๘,๙๑๘.๘๖๑๒ ล้านบาท สำนักงบประมาณจัดสรรเงินกู้ฯ ให้ส่วนราชการ จำนวน ๒๑,๓๗๒.๑๐๕๘ ล้านบาท คงเหลือ จำนวน ๗,๕๔๖.๗๕๕๔ ล้านบาท ได้แก่ กระทรวงคมนาคม จำนวน ๓,๙๘๑.๙๘๘๐ ล้านบาท กระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน ๓,๒๓๖.๖๙๔๐ ล้านบาท กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๓๑๐.๗๔๘๔ ล้านบาท กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๑๗.๑๒๕๐ ล้านบาท และกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๐.๒๐๐๐ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
30116 | ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งจำหน่ายคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 (พลตรี จำลอง ศรีเมือง กับพวก ผู้ร้อง) | ศร | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญจำหน่ายคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๖๘ (พลตรี จำลอง ศรีเมือง กับพวก ผู้ร้อง) ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๑๕ และข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาและการทำคำวินิจฉัย พ.ศ. ๒๕๕๐ ข้อ ๒๓ วรรคหนึ่ง ตามที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
30117 | การขยายเวลาพำนักในราชอาณาจักรไทย รวม 90 วัน สำหรับกรณีเดินทางเข้ามารับการรักษาพยาบาล | นร | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง และร่างประกาศ รวม ๒ ฉบับ ตามที่ประธานกรรมการพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์กรณีคนต่างด้าวขออยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการรักษาพยาบาลและส่งเสริมการท่องเที่ยวเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจ การยกเว้น และการเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๑.๑.๑ เพิ่มความ เป็น (๖) ของข้อ ๑๓ แห่งกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจ การยกเว้น และการเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา พ.ศ. ๒๕๔๕ ดังนี้ ๑.๑.๑.๑ กำหนดบุคคลที่จะติดตามผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อการรักษาพยาบาล ได้ไม่เกิน ๔ คน ๑.๑.๑.๒ กำหนดให้ผู้ที่จะเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อการรักษาพยาบาลต้องมีเอกสารเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลที่ออกโดยสถานบริการสุขภาพในประเทศไทยตามประกาศรายชื่อที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดหรือจากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อนำมาแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ๑.๑.๑.๓ กำหนดผู้ติดตามต้องมีเอกสารที่แสดงถึงความสัมพันธ์ในครอบครัว หรือมีหนังสือหรือสัญญาว่าจ้างงาน หรือหนังสือรับรองมาแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และให้ต้องมีการจัดทำเอกสารแสดงรายชื่อผู้ติดตามด้วย ๑.๑.๒ กำหนดให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกินเก้าสิบวันนับแต่วันที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ๑.๒ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดรายชื่อประเทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทางซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อรับการรักษาพยาบาลและผู้ติดตามได้รับยกเว้นการตรวจลงตรา และให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกินเก้าสิบวัน มีสาระสำคัญคือ กำหนดรายชื่อประเทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทางซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อรับการรักษาพยาบาลและผู้ติดตามของบุคคลดังกล่าว จำนวนไม่เกิน ๔ คน ได้รับยกเว้นการตรวจลงตราและให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกินเก้าสิบวัน จำนวน ๖ ประเทศ ได้แก่ รัฐบาห์เรน รัฐคูเวต รัฐสุลต่านโอมาน รัฐกาตาร์ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และธนาคารแห่งประเทศไทย หารือร่วมกันในการให้คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อรับการรักษาพยาบาลสามารถเปิดบัญชีเงินฝากกับสถาบันการเงินในประเทศไทยได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
30118 | สรุปสถานการณ์น้ำ ณ วันที่ 6 สิงหาคม 2555 | วท | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ณ วันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๕ ตามที่คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยเสนอ ดังนี้
๑. สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ จำนวน ๓๓ แห่ง มีปริมาตรน้ำทั้งหมด จำนวน ๓๘,๙๔๐ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๕๖ ของความจุอ่างฯ (ปริมาตรน้ำใช้การได้ จำนวน ๑๕,๔๔๑ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๒๒ ของความจุอ่างฯ) มีปริมาตรน้ำไหลลงอ่าง จำนวน ๒๐๖.๘๔ ล้านลูกบาศก์เมตร และปริมาตรน้ำระบาย จำนวน ๑๑๖.๓๑ ล้านลูกบาศก์เมตร เมื่อเปรียบเทียบย้อนหลัง ๓ ปี (ปี พ.ศ. ๒๕๕๒ - ๒๕๕๔) ในช่วงเวลาเดียวกัน พบว่ามีปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่รวมทั้งประเทศ คิดเป็นร้อยละ ๖๓, ๔๖, ๖๘ ตามลำดับ ๒. สถานการณ์น้ำท่า แม่น้ำเจ้าพระยา สถานี C.2 ปริมาณน้ำไหลผ่าน ๖๐๐ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ระดับน้ำ +๒๐.๑๒ เมตรระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) ต่ำกว่าตลิ่ง ๖.๐๘ เมตร เขื่อนเจ้าพระยา สถานี C.13 ปริมาณน้ำไหลผ่าน ๒๙๘ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ระดับน้ำเหนือเขื่อน +๑๖.๕๐ ม.รทก. ระดับน้ำท้ายเขื่อน +๘.๑๔ ม.รทก. อำเภอบางไทร สถานี C.29 อัตราการไหลเฉลี่ย ๔๒๓ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ๓. คุณภาพน้ำ จุดเฝ้าระวังน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำแม่กลอง พบว่า แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณปากคลองสำแล จังหวัดปทุมธานี ค่าออกซิเจนละลายในน้ำ (Do) และค่าความเค็มอยู่ในเกณฑ์ปกติ และบริเวณท่าน้ำจังหวัดนนทบุรี ค่าออกซิเจนละลายในน้ำ (Do) อยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่าปกติ ส่วนบริเวณแม่น้ำแม่กลอง บริเวณปากน้ำดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี ค่าออกซิเจนละลายในน้ำ (Do) และค่าความเค็มอยู่ในเกณฑ์ปกติ
|
|||||||||||||||||||||||||||
30119 | ขออนุมัติโครงการศูนย์ฝึกอบรมดาราศาสตร์นานาชาติภายใต้ยูเนสโก (International Training Centre on Astronomy under the Auspices of UNESCO) | วท | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการให้ดำเนินโครงการศูนย์ฝึกอบรมดาราศาสตร์นานาชาติภายใต้ยูเนสโก (International Training Centre on Astronomy under the Auspices of UNESCO) เพื่อรองรับการเข้าสู่ความร่วมมือทางวิชาการในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนและยกระดับการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทยสู่ระดับสากล ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยแสดงถึงศักยภาพในการเป็นผู้นำด้านการเป็นศูนย์ฝึกอบรมทางด้านดาราศาสตร์ในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ ทั้งนี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) จะได้เสนอข้อเสนอโครงการดังกล่าวที่ได้รับการอนุมัติในหลักการจากคณะรัฐมนตรีต่อที่ประชุมคณะผู้บริหาร (Executive Board) ของ UNESCO ต่อไป ๑.๒ เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณในการดำเนินงานโครงการศูนย์ฝึกอบรมดาราศาสตร์นานาชาติภายใต้ยูเนสโก (International Training Centre on Astronomy under the Auspices of UNESCO) ปีละ ๓๐ ล้านบาท (ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นต้นไป) ๒. ในส่วนของงบประมาณในการดำเนินงานของศูนย์ฝึกอบรมดาราศาสตร์นานาชาติภายใต้ยูเนสโก สำนักงบประมาณจะพิจารณาจัดสรรให้ตามความจำเป็นและเหมาะสมในแต่ละปีงบประมาณ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการอำนวยการศูนย์ฝึกอบรมดาราศาสตร์นานาชาติภายใต้ยูเนสโก หรือแต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ ให้มีเจ้าหน้าที่ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
30120 | ร่างแผนแม่บทการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย พ.ศ. 2557 - 2561 | มท | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างแผนแม่บทการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑ โดยปรับระยะเวลาการดำเนินการตามแผนแม่บทฯ จาก พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๗ เป็น พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑ เพื่อให้กรอบเวลาตามแผนแม่บทฯ สอดรับกับปีงบประมาณที่หน่วยงานเครือข่ายสามารถนำยุทธศาสตร์และมาตรการตามแผนแม่บทฯ ไปจัดทำแผนปฏิบัติการและงบประมาณภายใต้แผนแม่บทฯ และขอตั้งงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ได้ทัน และดำเนินการอย่างต่อเนื่องในปีงบประมาณต่อไป และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการและงบประมาณภายใต้แผนแม่บทฯ ให้เป็นรูปธรรมและเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ แผนแม่บทการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยกำหนดยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องและเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๗ ดังนี้ ๑.๑ วิสัยทัศน์ เป็นแผนหลักที่เน้นการบูรณาการความร่วมมือของหน่วยงานทุกภาคส่วน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ในระบบการบริหารจัดการสาธารณภัยของประเทศไทย ๑.๒ เป้าหมาย เพื่อให้ชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศมีความปลอดภัยจากสาธารณภัย ๑.๓ ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย ๕ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การป้องกันและลดผลกระทบ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การเตรียมความพร้อม ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การจัดการเมื่อเกิดภัย ยุทธศาสตร์ที่ ๔ การบรรเทาและฟื้นฟู และยุทธศาสตร์ที่ ๕ ความร่วมมือระหว่างประเทศ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยจัดทำแผนแม่บทฯ ให้สอดคล้องกับผลการประชุมเรื่อง โครงสร้างและระบบการบริหารจัดการภัยพิบัติ และการเตือนภัย เมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ที่มีลักษณะการบริหารจัดการแบบ Single Command และตรวจสอบการจัดตั้งหน่วยงานดำเนินการด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยคำนึงถึงการใช้ทรัพยากรร่วมกัน เพื่อไม่ให้เกิดภาระงบประมาณในอนาคตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งความจำเป็นและความซ้ำซ้อนกับหน่วยงานที่มีอยู่ในปัจจุบัน ๓. ให้รับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรเพิ่มประเด็นความสอดคล้องกับแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙ โดยเฉพาะยุทธศาสตร์การพัฒนาสินค้า บริการและปัจจัยสนับสนุนการท่องเที่ยว ในส่วนของการป้องกันและรักษาความปลอดภัยทางการท่องเที่ยว เพื่อให้เห็นภาพรวมความเชื่อมโยงของแผนในแต่ละระดับ การให้ความสำคัญกับการกำหนดหลักเกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัยในการให้บริการท่องเที่ยวในพื้นที่และการส่งเสริมให้คนในชุมชนแหล่งท่องเที่ยวเป็นอาสาสมัครดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ชุมชนของตน การเพิ่มการสำรวจจุดเสี่ยงของการเกิดสาธารณภัย การสำรวจและมาตรการป้องกันหรือบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับที่ฝังกลบขยะของท้องถิ่น การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้ประสบภัย สถานที่การขนส่งผู้ประสบภัยไปยังสถานที่ปลอดภัย หรือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บไปยังสถานพยาบาลใกล้เคียง การกำหนดจุดเริ่มต้น-จุดสิ้นสุดการเดินทางเข้าประเทศของนักท่องเที่ยว การคำนึงถึงการอนุรักษ์ความสมดุลทางธรรมชาติ โดยเฉพาะทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง การเพิ่มกรมควบคุมมลพิษร่วมเป็นหน่วยงานภาคีเครือข่าย การส่งเสริมและให้ความรู้ความเข้าใจการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ อัตลักษณ์พื้นถิ่นของไทย วิถีชุมชนแบบไทย การขอความร่วมมือกับสถาบันอุดมศึกษาที่มีความเชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศในการศึกษาวิจัยในเชิงพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพท้องถิ่น และในเชิงพัฒนาเครื่องมือในการป้องกัน หรือวิจัยเพื่อหาแนวทางหรือมาตรการป้องกันรูปแบบที่เหมาะสมกับประเทศและสภาพภูมิอากาศ การให้ชุมชนมีแผนพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยภายใต้ขีดความสามารถของระบบธรรมชาติในการทดแทน ฟื้นฟูมรดก และทรัพย์สินทางวัฒนธรรม เพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ตลอดจนปรับปรุง พัฒนากฎหมายตามมาตรฐานสากล และมีมาตรการอำนวยความสะดวก สร้างความปลอดภัยสำหรับการท่องเที่ยวในทุกพื้นที่ และมาตรการในการบรรเทาและฟื้นฟูในการฝึกความรู้พื้นฐานในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติให้แก่ประชาชนในพื้นที่ และสร้างค่านิยมในการช่วยเหลือ นอกจากนี้ ควรปรับปรุงร่างแผนแม่บทฯ โดยแยกแยะประเด็นที่คาบเกี่ยวกับแผนแม่บทการจัดการภัยพิบัติแต่ละประเภทที่มีอยู่แล้วภายใต้แผนแม่บทการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ โดยเฉพาะในเรื่องการพยากรณ์และเตือนภัย การพัฒนาระบบเครือข่ายสารสนเทศและการสื่อสาร การพัฒนาเครือข่ายและบทบาทชุมชน การสร้างอาสาสมัคร การฝึกซ้อมการเผชิญภัย การปฏิบัติการกู้ภัยและช่วยเหลือ การฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้การดำเนินการในขั้นตอนการจัดทำแผนปฏิบัติการและงบประมาณมีความชัดเจนไม่เกิดความซ้ำซ้อน รวมทั้งให้ความสำคัญกับแนวทางการปฏิบัติตามแผนแม่บทฯ ที่มีอยู่แล้วเป็นลำดับแรก ส่วนประเด็นใดที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวซึ่งไม่ได้กล่าวไว้ในแผนจัดการภัยพิบัติแต่ละประเภท ให้ดำเนินการตามที่ระบุไว้ในแผนแม่บทฯ ไปพิจารณาปรับปรุงร่างแผนแม่บทดังกล่าว เพื่อนำเสนอคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
.....