ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1502 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 30021 - 30040 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
30021 | รายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการการยุติธรรมและการตำรวจ วุฒิสภา เรื่อง การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทคดีอาญาชั้นสอบสวน | สว | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการการยุติธรรมและการตำรวจ วุฒิสภา พร้อมข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ กับผลการดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะดังกล่าวที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ เรื่อง การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทคดีอาญาชั้นสอบสวน และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป โดยในส่วนของข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ เห็นว่ารัฐบาลควรเร่งให้มีการตรากฎหมายเกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทคดีอาญาชั้นสอบสวนเพื่อรองรับการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนต่อไป โดยมีข้อสังเกต ดังนี้
๑. หากกำหนดให้กระบวนการไกล่เกลี่ยเป็นภารกิจของหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นใหม่โดยเฉพาะ จะทำให้การไกล่เกลี่ยมีประสิทธิภาพเกิดผลสัมฤทธิ์มากขึ้น หรือไม่ ๒. หากในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทผู้กระทำความผิดให้การรับสารภาพว่ากระทำความผิด ไม่ว่าจะด้วยประสงค์ให้ข้อพิพาทนั้นยุติโดยเร็วหรือเป็นผู้กระทำความผิดที่แท้จริงก็ตาม คำให้การรับสารภาพดังกล่าวจะถือเป็นคำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนแล้วนำไปเป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีได้หรือไม่ อย่างไร ๓. ขณะนี้ร่างพระราชบัญญัติมาตรการแทนการฟ้องคดีอาญา พ.ศ. .... ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเนื้อหาในร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีทั้งส่วนของการไกล่เกลี่ยคดีอาญาชั้นสอบสวนและมาตรการชะลอฟ้องในชั้นพนักงานอัยการรวมกัน โดยที่กำหนดให้พนักงานอัยการสามารถใช้ดุลยพินิจในผลของการไกล่เกลี่ยคดีอาญาได้ด้วย จะทำให้ร่างพระราชบัญญัตินี้ไม่เหมาะสมกับสภาวการณ์หรือไม่ ๔. กรณีของการไกล่เกลี่ยหากมีกรณีที่คณะกรรมการอำนวยการไกล่เกลี่ยลงนามไว้ก่อน โดยติดภารกิจไม่สามารถร่วมประชุมได้อาจเป็นประเด็นให้คู่กรณีโต้แย้งว่าการไกล่เกลี่ยกระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมายได้ ๕. ความผิดอันยอมความได้เป็นความผิดที่คู่กรณีสามารถตกลงกันโดยไม่ดำเนินคดีต่อไปตามกฎหมายโดยไม่มีขั้นตอนใดรองรับ หากนำคดีความผิดอันยอมความได้และความผิดลหุโทษมาเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยจะเป็นการเพิ่มขั้นตอนและสร้างภาระแก่คู่กรณีได้ ๖. ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาททุกประเภทสามารถไกล่เกลี่ยได้จะทำให้มีการบิดเบือนจากเจตนาเป็นประมาท ๗. ควรกำหนดให้มีการชดใช้ค่าเสียหายเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งอาจกระทำได้ในรูปของการทำงานที่สร้างสรรค์แก่ชุมชน การทำงานบริการสังคม หรือการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ในร่างพระราชบัญญัตินี้ ๘. ควรมีการจัดทำฐานข้อมูลกลางเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลของผู้กระทำความผิดที่เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยเพื่อป้องกันการไกล่เกลี่ยซ้ำ ๙. ควรกำหนดให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการไกล่เกลี่ยมากกว่านี้ เช่น องค์การบริหารส่วนตำบล องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล และนักการเมืองท้องถิ่น ซึ่งปัจจุบันบุคคลเหล่านี้เป็นผู้มีความน่าเชื่อถือในชุมชนบางท้องที่อย่างยิ่ง จะส่งผลให้หลักกระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันทน์ในร่างพระราชบัญญัตินี้ชัดเจนยิ่งขึ้น ๑๐. ควรมีการกำหนดให้ตั้งข้อรังเกียจคณะกรรมการอำนวยการไกล่เกลี่ยได้และกำหนดให้คณะกรรมมการสามารถสละสิทธิในการเป็นกรรมการได้ ๑๑. ควรมีกระบวนการสอดส่องดูแลคุณธรรมจริยธรรมของคณะกรรมการอำนวยการไกล่เกลี่ยและผู้ไกล่เกลี่ยที่ชัดเจนกว่านี้ ๑๒. ควรจะต้องเปิดโอกาสให้คู่พิพาทมีสิทธิโต้แย้งคัดค้านการเสนอรายชื่อบุคคลที่จะเป็นผู้ไกล่เกลี่ยดังกล่าวได้ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
30022 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานเริงราง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานเริงราง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญดังนี้
๑. กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๒๓ ขวา ของคลองชัยนาท-ป่าสัก จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลสร้างโศก อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี ถึงกิโลเมตรที่ ๑๗.๘๐๐ ในท้องที่ตำบลดอนพุด อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒. กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๒๔ ขวา ของคลองชัยนาท-ป่าสัก จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบางโขมด อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี ถึงกิโลเมตรที่ ๔๔.๕๐๐ ในท้องที่ตำบลทางกลาง อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บ ค่าชลประทาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
30023 | ผลการประชุมของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ครั้งที่ 7/2555 | วท | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ครั้งที่ ๗/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ที่มีมติเห็นชอบข้อเสนอของหน่วยงานต่าง ๆ ในการจัดหา/ผลิต เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำและส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และข้อเสนอแผนงานเร่งด่วน การติดตั้งตะแกรงกันขยะ การขยายเขตไฟฟ้า การติดตั้งแพลูกบวบสำหรับเครื่องสูบน้ำ ของกรมชลประทาน และข้อเสนอโครงการเร่งด่วนอื่น ๆ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประธาน กบอ. เสนอ ๒. อนุมัติงบประมาณตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ (เงินกู้ ๓๕๐,๐๐๐ ล้านบาท) ตามข้อเสนอหน่วยงานในการจัดหา/จัดทำ เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ และส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นรายการที่ขอทดแทนของเดิมที่ชำรุดเสียหาย/หมดอายุใช้งานและรายการที่ขอเพิ่มเติม จำนวนทั้งสิ้น ๑๔๘,๖๒๐,๐๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๒.๑ กองทัพเรือ จำนวน ๑ รายการ คือ เรือผลักดันน้ำขนาด ๑๐๐,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร/วัน (ลำ) จำนวน ๑๐ เครื่อง เป็นเงินทั้งสิ้น ๑๙,๘๕๐,๐๐๐ บาท ๒.๒ กรุงเทพมหานคร จำนวน ๓ รายการ คือ เครื่องสูบน้ำไฟฟ้าชนิดจุ่ม (Submersible Propeller) ๑๒๐ ลูกบาศก์เมตร/นาที จำนวน ๑๔ เครื่อง วงเงิน ๔๒,๘๔๐,๐๐๐ บาท เครื่องสูบน้ำไฟฟ้าชนิดจุ่ม (Submersible Propeller) ๑๘๐ ลูกบาศก์เมตร/นาที จำนวน ๑๐ เครื่อง วงเงิน ๓๒,๖๘๐,๐๐๐ บาท และเครื่องสูบน้ำไฟฟ้าชนิดจุ่ม (Submersible Propeller) ๒๕๘ ลูกบาศก์เมตร/นาที จำนวน ๖ เครื่อง วงเงิน ๕๓,๒๕๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๒๘,๗๗๐,๐๐๐ บาท ๓. ในส่วนของข้อเสนอตามแผนงานเร่งด่วน การติดตั้งตะแกรงกันขยะ การติดตั้งแพลูกบวบ ของกรมชลประทาน จำนวน ๓ โครงการ วงเงิน ๒๔๙,๔๗๖,๐๐๐ บาท นั้น คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง ผลการพิจารณาค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย) อนุมัติให้กรมชลประทานใช้จ่ายจากเงินที่ส่วนราชการส่งคืนงบประมาณงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ ๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท แล้ว จึงให้กรมชลประทานเร่งจัดทำรายละเอียดเสนอให้สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติงบประมาณโดยเร็ว เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ทันกับฤดูน้ำหลากที่จะมาถึง ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๔. สำหรับข้อเสนอตามแผนงานเร่งด่วน การขยายเขตไฟฟ้าของกรมชลประทาน จำนวน ๒ โครงการ วงเงิน ๑๗๔,๙๖๑,๒๐๐ บาท (โครงการซื้อหม้อแปลงไฟฟ้าสำหรับเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ จำนวน ๕๘ แห่ง วงเงิน ๔๘,๘๔๖,๓๐๐ บาท และโครงการขยายเขตระบบจำหน่ายไฟฟ้าแรงสูงสำหรับเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ จำนวน ๕๙ แห่ง วงเงิน ๑๒๖,๑๑๔,๙๐๐ บาท) นั้น ให้กระทรวงมหาดไทยรับไปประสานงานให้การไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเร่งรัดดำเนินการโครงการที่เกี่ยวข้องข้างต้นให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อให้มีไฟฟ้าสำหรับเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ได้ทันฤดูน้ำหลาก ทั้งนี้ ในกรณีมีปัญหาเกี่ยวกับงบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อการนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ โดยหากจำเป็นต้องขอใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง เพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการข้างต้นด้วย ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วภายใน ๒ สัปดาห์ ๕. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กองทัพเรือ กรุงเทพมหานคร รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อรองรับสถานการณ์น้ำหลากที่จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝนนี้ โดยเมื่อได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการและสำนักงบประมาณพิจารณาตรวจสอบความเหมาะสมของราคาในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่งก่อนการอนุมัติเบิกจ่ายต่อไป รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการและการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๑๕ ที่ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการส่งแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินกู้ต่อสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ และจัดสรรวงเงินกู้ตามที่ได้รับอนุมัติ ให้สำนักงบประมาณส่งข้อมูลแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินกู้ให้แก่สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เพื่อประกอบการพิจารณาจัดหาเงินกู้ และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจัดส่งประมาณการการเบิกจ่ายเงินกู้รายเดือนให้แก่ สบน. เพื่อประกอบการพิจารณาเบิกจ่าย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
30024 | แจ้งผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2553 รวม 12 คดี | 21/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||
30025 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนทับคล้อ จังหวัดพิจิตร พ.ศ. .... | นร09 | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนทับคล้อ จังหวัดพิจิตร พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลทับคล้อ อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และ
การดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
30026 | รัฐบาลสาธารณรัฐฟิจิเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายเมลี ไบนีมารามา (Mr. Meli Bainimarama)] | กต | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเมลี ไบนีมารามา (Mr. Meli Bainimarama) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐฟิจิประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ สืบแทน นายซูลีอาซี ลูตูบูลา (Mr. Suliasi Lutubula) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
30027 | รายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ และการจัดสรรเงินกู้โครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. 2555 | นร07 | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ และการจัดสรรเงินกู้โครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. โครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ จำนวน ๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๑ การจัดสรร/การเบิกจ่าย/ลงนามสัญญาหรือดำเนินการเอง สำนักงบประมาณจัดสรรสุทธิ เป็นเงิน ๑๑๘,๑๑๑.๒๘๖๐ ล้านบาท มีการลงนามในสัญญาหรือดำเนินการเองแล้ว เป็นเงิน ๑๐๗,๕๒๖.๙๖๗๘ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๕ เป็นเงิน ๕๓๒.๒๒๕๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๕๐ และผลการเบิกจ่ายจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) เป็นเงิน ๘๔,๒๖๙.๕๗๓๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๗๑.๓๕ จากยอดจัดสรร ๑.๒ ผลการดำเนินงาน มิติส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐที่มีผลการดำเนินงานสูงกว่าร้อยละ ๘๐ จำนวน ๑๐ กระทรวง ที่เหลือมีผลการดำเนินงานต่ำกว่าร้อยละ ๘๐ จำนวน ๘ กระทรวง และมิติจังหวัดที่มีผลการดำเนินงานสูงกว่าร้อยละ ๘๐ มีจำนวน ๔๙ จังหวัด ส่วนจังหวัดที่เหลือมีผลการดำเนินงานต่ำกว่าร้อยละ ๘๐ จำนวน ๒๔ จังหวัด ๑.๓ การส่งคืนเงินงบประมาณและการใช้จ่ายจากเงินที่แจ้งส่งคืน ส่วนราชการฯ ส่งคืนเงินในระบบ GFMIS เป็นเงิน ๕,๒๐๘.๐๓๕๓ ล้านบาท และเงินที่ส่วนราชการจะใช้จ่ายจริงน้อยกว่ากรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ เป็นเงิน ๑๓๙.๐๐๖๐ ล้านบาท รวมเป็นเงินที่จะจัดสรรเพิ่มเติมได้อีก จำนวน ๕,๓๔๗.๐๔๑๓ ล้านบาท สำหรับการใช้จ่ายเงินที่แจ้งส่งคืน คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินที่ส่วนราชการฯ ส่งคืนงบประมาณรวม ๕ ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๔,๘๒๔.๕๗๗๖ ล้านบาท (สำนักงบประมาณจัดสรรแล้ว ๓,๓๔๖.๔๘๖๖ ล้านบาท) คงเหลือวงเงินที่คณะรัฐมนตรีจะอนุมัติเพิ่มเติมได้อีก เป็นเงิน ๕๒๒.๔๖๓๗ ล้านบาท ๒. การจัดสรรเงินกู้โครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ คณะรัฐมนตรีอนุมัติวงเงินรวมทั้งสิ้น ๒๘,๙๑๘.๘๖๑๒ ล้านบาท สำนักงบประมาณจัดสรรเงินกู้ฯ ให้ส่วนราชการ จำนวน ๒๑,๓๗๒.๑๐๕๘ ล้านบาท คงเหลือ จำนวน ๗,๕๔๖.๗๕๕๔ ล้านบาท ได้แก่ กระทรวงคมนาคม จำนวน ๓,๙๘๑.๙๘๘๐ ล้านบาท กระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน ๓,๒๓๖.๖๙๔๐ ล้านบาท กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๓๑๐.๗๔๘๔ ล้านบาท กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๑๗.๑๒๕๐ ล้านบาท และกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๐.๒๐๐๐ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
30028 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โดยใช้เงินบำรุงโรงพยาบาลระยองสมทบและขอขยายระยะเวลาก่อสร้าง รายการก่อสร้างอาคารบริการ 12 ชั้น โรงพยาบาลระยอง | สธ | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างอาคารบริการ ๑๒ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๒๔,๐๖๖ ตารางเมตร พร้อมอุปกรณ์ประกอบอาคารโรงพยาบาลระยอง จังหวัดระยอง ๑ หลัง โดยใช้จ่ายจากเงินบำรุงของโรงพยาบาลระยองเป็นค่างานก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นตามอัตราค่าจ้างหรือราคาที่กำหนดไว้ในสัญญา จำนวน ๑๖๗,๓๓๑,๐๐๐ บาท สมทบกับวงเงินค่าก่อสร้างตามสัญญาเดิม ซึ่งผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑ - พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๔๙๙,๕๐๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นวงเงินทั้งสิ้น จำนวน ๖๖๖,๘๓๑,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ตามนัยข้อ ๗ (๓) ของระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๙ และข้อ ๑๑ ของระเบียบกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยเงินบำรุงของหน่วยบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๖ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๔ สำหรับการขยายระยะเวลาการก่อสร้างเพิ่มเติมจากสัญญาเดิม ๔๕๐ วัน ให้เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
30029 | สรุปรายงานการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 36 ระหว่างวันที่ 24 มิถุนายน-6 กรกฎาคม 2555 ณ นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สหพันธรัฐรัสเซีย | ทส | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๓๖ ระหว่างวันที่ ๒๔ มิถุนายน-๖ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ณ นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สหพันธรัฐรัสเซีย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมมีมติรับรองแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) จำนวน ๑๐๓ แห่ง ทำให้ปัจจุบันมีแหล่งมรดกอยู่ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น จำนวน ๑,๕๔๑ แห่ง จากรัฐภาคี จำนวน ๑๖๘ ประเทศ ๒. ที่ประชุมมีมติถอดถอนแหล่งมรดกโลกที่อยู่ในภาวะอันตราย ๒ แห่ง คือ Fort and Shalamar Gardens in Lahore (Pakistan) และ Rice Terraces of the Philippine Cordilleras (Philippines) และเพิ่มเติมบัญชีรายชื่อแหล่งมรดกโลกที่อยู่ในภาวะอันตราย ๕ แห่ง ทำให้ปัจจุบันมีมรดกโลกในภาวะอันตราย จำนวน ๓๘ แห่ง ใน ๓๐ ประเทศ แบ่งออกเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติในภาวะอันตราย จำนวน ๑๗ แห่ง และแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมในภาวะอันตราย จำนวน ๒๑ แห่ง ๓. ที่ประชุมมีมติให้ขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติเป็นแหล่งมรดกโลก จำนวน ๒๖ แห่ง ประกอบด้วย แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม จำนวน ๒๐ แห่ง แหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ จำนวน ๕ แห่ง แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ (Mixed Sites) จำนวน ๑ แห่ง ทำให้ปัจจุบันมีแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ จำนวน ๙๖๒ แห่ง โดยแบ่งออกเป็นแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม จำนวน ๗๔๕ แห่ง แหล่งมรดกทางธรรมชาติ จำนวน ๑๘๘ แห่ง และแหล่งมรดกทางธรรมชาติและวัฒนธรรม จำนวน ๒๙ แห่ง ใน ๑๕๗ ประเทศ จากรัฐภาคีอนุสัญญาฯ ทั้งหมด จำนวน ๑๘๙ ประเทศ โดยมีรัฐภาคีที่มีแหล่งมรดกขึ้นทะเบียนเป็นครั้งแรกในการประชุมฯ จำนวน ๔ ประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐชาด สาธารณรัฐคองโก สาธารณรัฐปาเลา และรัฐปาเลสไตน์ ๔. การขอปรับเปลี่ยนชื่อแหล่งมรดกโลก จำนวน ๔ แห่ง ได้แก่ Los Glaciares (Argentina) เป็น Los Glaciares National Park (ภาษาอังกฤษ) และ Parc national de Los Glaciares (ภาษาฝรั่งเศส), Skellig Michael (Ireland) เป็น Sceilg Mhichil (ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศส), Pueblo de Taos (United States of America) เป็น Taos Pueblo (ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศส) และ Samarkand-Crossroads of Cultures (Uzbekistan) เป็น Samarkand-Crossroad of Cultures (ภาษาอังกฤษ) ๕. ที่ประชุมมีมติรับรองรายงานแผนการอนุรักษ์แหล่งมรดกโลก จำนวน ๑๐๕ แห่ง โดยในส่วนที่เกี่ยวข้องกับราชอาณาจักรไทย คือ การรายงานสถานภาพการอนุรักษ์พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ซึ่งที่ประชุมได้ร้องขอให้ราชอาณาจักรไทยดำเนินการจัดส่งเอกสารข้อมูลการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของทางหลวงสาย ๓๐๔ และเขื่อนห้วยโสมง และรายงานความก้าวหน้าสถานะการอนุรักษ์พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ถึงศูนย์มรดกโลก ภายในวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ (ค.ศ. ๒๐๑๒) ตามรูปแบบที่กำหนด ตามข้อเสนอแนะตามมติคณะกรรมการมรดกโลก โดยร่วมกับศูนย์มรดกโลก/IUCN Reactive monitoring mission (RM Mission) ในการปฏิบัติการตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗ และให้ราชอาณาจักรไทยเสนอรายงานสถานภาพการอนุรักษ์แหล่งทรัพย์สินที่เป็นปัจจุบัน และรายงานความสำเร็จในการดำเนินการตามข้อเสนอแนะในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ต่อศูนย์มรดกโลกภายในวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ เพื่อเสนอคณะกรรมการมรดกโลกในการประชุม ครั้งที่ ๓๗ ซึ่งคณะกรรมการฯ สามารถพิจารณาถึงความจำเป็นในการติดตามตรวจสอบต่อไป และความเป็นไปได้ในการขึ้นทะเบียนทรัพย์สินในภาวะอันตราย ๖. ที่ประชุมมีมติให้รัฐภาคีเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายโดยสมัครใจ (Voluntary) ของคณะผู้เชี่ยวชาญขององค์กรที่ปรึกษาในกรณีที่จะต้องเดินทางไปเพื่อให้คำแนะนำในการเตรียมการ หรือการทบทวนการเสนอขึ้นบัญชีมรดกโลก หรือกรณีที่จะต้องมีการประเมิน หรือสำรวจแหล่งมรดกโลก ตามมติคณะกรรมการ ๗. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในการจัดตั้งศูนย์การดำเนินงานร่วมด้านมรดกโลก (เพิ่มเติม) ในราชอาณาจักรสเปนและสาธารณรัฐอิตาลี ทำให้ปัจจุบันมีศูนย์การดำเนินงานร่วมด้านมรดกโลก จำนวนทั้งสิ้น ๑๐ แห่ง ๘. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ราชอาณาจักรกัมพูชาเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๓๗ ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๖ ณ Peach Palace กรุงพนมเปญ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
30030 | ร่างพระราชบัญญัติกองอาสารักษาดินแดน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติกองอาสารักษาดินแดน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนที่ได้รับบำนาญพิเศษเพราะเหตุทุพพลภาพเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ถึงแก่ความตาย ให้จ่ายเงินเป็นบำเหน็จตกทอดให้แก่ทายาทเป็นจำนวนสามสิบเท่าของบำนาญพิเศษรายเดือนที่ได้รับเดือนสุดท้าย ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
30031 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบักดอง และตำบลพราน อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. ..... | กษ | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบักดอง และตำบลพราน อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบักดอง และตำบลพราน อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน การส่งน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่ มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
30032 | การกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้ายฤดูการผลิต ปี 2553/2554 | อก | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้ายฤดูการผลิตปี ๒๕๕๓/๒๕๕๔ ในอัตรา ๑,๐๓๙.๑๔ บาทต่อตันอ้อย ณ ระดับความหวานที่ ๑๐ ซี.ซี.เอส. และกำหนดอัตราขึ้น/ลงของราคาอ้อยเท่ากับ ๖๒.๓๕ บาท ต่อ ๑ หน่วย ซี.ซี.เอส. ต่อเมตริกตัน และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย เฉลี่ยทั่วประเทศที่ ๔๔๕.๓๕ บาทต่อตันอ้อย ตามมติคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการทบทวนหลักเกณฑ์และวิธีการการกำหนดราคาอ้อยและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย โดยกำหนดปัจจัยที่ใช้ในการกำหนดราคาที่ชัดเจน สอดคล้องกับข้อเท็จจริงด้านสถานการณ์อ้อยและน้ำตาลทราย และต้นทุนการผลิตอ้อยที่แท้จริงของชาวไร่อ้อยในปัจจุบัน รวมทั้งเร่งรัดการศึกษาแนวทางการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบให้แล้วเสร็จ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายได้ในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
30033 | แผนงานโครงการที่เสนอต่อการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี | นร11 | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนงานโครงการที่เสนอต่อการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการในพื้นที่จังหวัดอุดรธานีตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
๑. ให้เปลี่ยนแปลงกิจกรรมโครงการเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวงรองรับการใช้ประโยชน์สะพานมิตรภาพ ๓ (นครพนม-คำม่วน) เชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมขนส่งตามแนวชายแดนสู่ประเทศเพื่อนบ้านจากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้เดิม วงเงิน ๗๐ ล้านบาท เพื่อให้กรมทางหลวงชนบท ดำเนินการโครงการเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวงรองรับการใช้ประโยชน์สะพานมิตรภาพ ๓ (นครพนม-คำม่วน) เชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมขนส่งตามแนวชายแดนสู่ประเทศเพื่อนบ้านของจังหวัดนครพนม (โครงการยกระดับมาตรฐานโครงข่ายทางหลวงชนบทโดยการก่อสร้างถนนลาดยาง) จำนวน ๙ สายทาง ระยะทางรวม ๑๔.๔๒๙ กม. วงเงิน ๖๘.๒๗๒ ล้านบาท ตามที่จังหวัดนครพนมเสนอ ๒. ให้ปรับเพิ่มกิจกรรมก่อสร้างเรือนพักญาติ (อาคารชั้นเดียว) จำนวน ๒ หลัง วงเงินรวม ๑.๗๐ ล้านบาท ภายใต้โครงการโรงพยาบาลศูนย์สุขภาพแห่งอนุภูมิภาคอินโดจีน จังหวัดนครพนม ตามที่จังหวัดนครพนมเสนอ ทำให้วงเงินโครงการโรงพยาบาลศูนย์สุขภาพแห่งอนุภูมิภาคอินโดจีน จังหวัดนครพนม เพิ่มขึ้นจากเดิมที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติวงเงิน ๓๐ ล้านบาท เป็น ๓๑.๗๐ ล้านบาท ส่งผลให้กรอบวงเงินแผนงาน/โครงการที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการได้ทันทีในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๒ โครงการ ของจังหวัดนครพนม ลดลงจากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติจำนวน ๑๐๐ ล้านบาท เหลือเป็น ๙๙.๙๗๒ ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
30034 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 บังคับในเขตเทศบาลตำบลกรับใหญ่ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี พ.ศ. .... | มท | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในเขตเทศบาลตำบลกรับใหญ่ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในเขตเทศบาลตำบลกรับใหญ่ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เพื่อประโยชน์ในด้านการควบคุมเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย การป้องกันอัคคีภัย การสาธารณสุข การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
30035 | ผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว | นร04 | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอรายงานของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายทองสิง ทำมะวง นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๕ ตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรี ซึ่งการเยือนไทยของนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในครั้งนี้ เป็นการเยือนอย่างเป็นทางการครั้งแรกตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง และเพื่อเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum (WEF) on East Asia ครั้งที่ ๒๑ ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ ๓๑ พฤษภาคม -๑ มิถุนายน ๒๕๕๕ ในการนี้ นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวได้พบหารือกับนายกรัฐมนตรีไทย โดยมีประเด็นหารือที่สำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. ประเด็นที่ฝ่ายลาวผลักดัน ได้แก่ ๑.๑ การแลกเปลี่ยนการเยือนและการประชุมร่วม โดยขอให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงและประชุมหารือร่วมกันอย่างสม่ำเสมอในทุกกลไกความร่วมมือ ๑.๒ เขตแดน โดยขอให้ไทยจัดประชุม Joint Boundary Commission (JBC) ครั้งที่ ๙ ในโอกาสแรก และหวังว่าจะสามารถสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนไทย-ลาวให้แล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๗ (ทางบก) และปี พ.ศ. ๒๕๕๙ (ทางน้ำ) ๑.๓ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยขอให้ไทยสนับสนุนการศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างสะพานมิตรภาพ แห่งที่ ๕ (บึงกาฬ- ปากซัน) และสะพานข้ามแม่น้ำโขงสำหรับทางรถไฟ (เวียงจันทน์-หนองคาย) และขอให้ไทยจัดพิธีเปิดสะพานมิตรภาพแห่งที่ ๔ (เชียงของ-ห้วยทราย) ในวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๕ ๒. ประเด็นที่ฝ่ายไทยผลักดัน ได้แก่ ๒.๑ ความเชื่อมโยงการคมนาคมในอนุภูมิภาค (ไทย-ลาว-เวียดนาม) โดยขอให้ลาวช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าบนเส้นทาง R8 และ R12 ซึ่งยังมีอุปสรรคอยู่ ๒.๒ การยกระดับจุดผ่านแดน ไทยพร้อมยกระดับจุดผ่อนปรนภูดู่ จังหวัดอุตรดิถต์ และจุดผ่อนปรนบ้านฮวก จังหวัดพะเยา เป็นจุดผ่านแดนถาวร และจะสนับสนุนฝ่ายลาวในการเตรียมความพร้อมเพื่อยกระดับจุดผ่านแดนฝั่งลาว รวมทั้งขอให้เร่งรัดการจัดประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจร่วมเพื่อพิจารณาเปิดและยกระดับจุดผ่านแดนไทย-ลาว ๒.๓ การค้าและการลงทุน โดยเสนอให้ปรับเป้าหมายการค้าระหว่างกันโดยให้เพิ่มมูลค่าการค้าจากปี พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็น ๒ เท่าในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ๒.๔ การก่อสร้างโรงเรียนมัธยมสมบูรณ์ เมืองเวียงไซ แขวงหัวพัน โดยจะมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเพื่อให้เริ่มการก่อสร้างได้ ๒.๕ การบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน โดยเสนอจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
30036 | รัฐบาลมาเลเซียเสนอขอแต่งตั้งกงสุลใหญ่มาเลเซียประจำจังหวัดสงขลา [นายไฟซัล แอต มุฮัมมัด ไฟซัล บิน ราซาลี (Mr. Faizal @ Mohd Faizal Bin Razali)] | กต | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายไฟซัล แอต มุฮัมมัด ไฟซัล บิน ราซาลี (Mr. Faizal @ Mohd Faizal Bin Razali) เป็นกงสุลใหญ่มาเลเซียประจำจังหวัดสงขลา โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดสงขลา ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี พังงา ภูเก็ต กระบี่ นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สตูล ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และเกาะในภาคใต้ ได้แก่ เกาะสมุย เกาะภูเก็ต เกาะพีพี เกาะพะยาม เกาะลันตา เกาะเต่า และเกาะพะงัน สืบแทน นายโมฮัมมัด ไอนี บิน อาตัน ซึ่งครบวาระการปฏิบัติหน้าที่ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
30037 | ผลการประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการ (กศร.) ครั้งที่ 1/2555 | นร | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) ประธานกรรมการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการ เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการ (กศร.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๕ ซึ่งมีมติ ดังนี้ ๑.๑.๑ เห็นชอบผังแม่บทโครงการศูนย์ราชการ จังหวัดพังงา ตามที่จังหวัดพังงาเสนอ และให้จังหวัดปรับปรุงรายละเอียดของผังแม่บทฯ ตามความเห็นของ กศร. เช่น การปรับเปลี่ยนตำแหน่งที่ตั้งของกลุ่มงานศาลยุติธรรมกับอาคารองค์การบริหารส่วนจังหวัด เป็นต้น และจัดส่งให้ กศร. เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๑.๑.๒ ให้จังหวัดพังงา โดยคณะกรรมการบริหารศูนย์ราชการระดับจังหวัดประสาน ซักซ้อมความเข้าใจ และกำกับดูแลให้ส่วนราชการใช้ประโยชน์พื้นที่ รวมทั้งปฏิบัติตามแผนการดำเนินงานที่กำหนดไว้ในผังแม่บทฯ นอกจากนี้ควรประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานในจังหวัดที่มีพื้นที่ทำงานไม่เพียงพอขอเข้าใช้พื้นที่ว่างภายในศูนย์ราชการต่อไป ๑.๑.๓ ให้สำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จังหวัดพังงา พิจารณาออกแบบอาคารภายในศูนย์ราชการให้มีลักษณะของสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นภาคใต้ และพิจารณาเพิ่มข้อกำหนดเพื่อจำกัดการใช้ประโยชน์ที่ดินในบริเวณใกล้เคียงที่อาจไม่เหมาะสม หรือทำลายทัศนียภาพของศูนย์ราชการ ต่อไป ๑.๒ เห็นชอบผังแม่บทฯ และให้จังหวัดพังงาเร่งทำความตกลงกับสำนักงบประมาณในการดำเนินโครงการเตรียมพื้นที่ ปรับปรุงพื้นที่ ถมดินบริเวณโครงการจัดตั้งศูนย์ราชการระดับจังหวัด จังหวัดพังงา วงเงิน ๓๕ ล้านบาท ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ ณ จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๕ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายตามผังแม่บทฯ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้ดำเนินการภายในกรอบวงเงิน ๘๗๗,๗๙๐,๐๐๐ บาท ประกอบด้วย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๙ หน่วยงาน ได้แก่ จังหวัดพังงา ศาลจังหวัดพังงา สำนักงานอัยการจังหวัดพังงา สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดพังงา สำนักงานสรรพากรพื้นที่จังหวัดพังงา สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ ๕ สาขาพังงา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพังงา องค์การบริหารส่วนจังหวัดพังงา และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพังงา ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดทำรายละเอียด แบบรูปรายการและประมาณการค่าใช้จ่ายให้เหมาะสม สอดคล้องกับลักษณะภูมิประเทศ กิจกรรม โดยบางหน่วยงานอาจใช้อาคารสถานที่ร่วมกันเพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณ และขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||||||||
30038 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำพูน เขตเลือกตั้งที่ 2 แทนตำแหน่งที่ว่าง | ลต | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำพูน เขตเลือกตั้งที่ ๒ แทนตำแหน่งที่ว่าง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๑,๐๒๓,๐๐๐ บาท ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าวจากเงินรายได้ โดยการปรับแผนการใช้จ่ายเงินอุดหนุนที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐ และหากพิจารณาตรวจสอบแล้วมีไม่เพียงพอ ก็ให้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณอีกครั้ง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
30039 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ดังนี้
๑. สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันอังคารที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (โอนกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชไปรวมกับกรมป่าไม้) ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ๒. สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน สำหรับร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. .... ให้เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรเมื่ออนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และพิธีสารที่เกี่ยวข้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๕
|
||||||||||||||||||||||||||||||
30040 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พ.ศ. .... | ศธ | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑. กำหนดให้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มีฐานะเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐ ไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินและกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม และไม่เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณหรือกฎหมายอื่น ๒. กำหนดให้มหาวิทยาลัยมีรายได้จากเงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้เป็นรายปี เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้ และเงินกองทุนที่รัฐบาลหรือมหาวิทยาลัยจัดตั้งขึ้น และรายได้หรือผลประโยชน์จากกองทุน เป็นต้น และให้รายได้ของมหาวิทยาลัยไม่เป็นรายได้ที่ต้องนำส่งกระทรวงการคลังตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลังและกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ ๓. กำหนดให้มีสภามหาวิทยาลัย ประกอบด้วย นายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กรรมการโดยตำแหน่ง กรรมการซึ่งเลือกจากผู้ดำรงตำแหน่ง และคณาจารย์ประจำตามที่กำหนด กำหนดวาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่ง และให้สภามหาวิทยาลัยมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๔. กำหนดให้มีคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัย สภาวิชาการ และสภาพนักงาน โดยมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด และให้จำนวน คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มา วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง ตลอดจนการประชุม เป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย ๕. กำหนดให้มีอธิการบดีเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด และรับผิดชอบการบริหารงานของมหาวิทยาลัย กำหนดวาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม และให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๖. กำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษาและการประเมินการดำเนินงานของมหาวิทยาลัย ๗. กำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการการบัญชีและการตรวจสอบทางบัญชีและการเงินของมหาวิทยาลัย ให้อธิการบดีเป็นผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และให้รัฐมนตรีมีอำนาจและหน้าที่กำกับและดูแลโดยทั่วไปซึ่งกิจการของมหาวิทยาลัย ๘. กำหนดบทเฉพาะกาลเกี่ยวกับการโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน งบประมาณฯ การดำรงตำแหน่งและคณะกรรมการต่าง ๆ ส่วนราชการ การโอนบรรดาข้าราชการ ลูกจ้างของส่วนราชการ พนักงานของมหาวิทยาลัย ตำแหน่งทางวิชาการ ตลอดจนระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศที่มีอยู่ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ เป็นต้น |
.....