ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1037 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 20721 - 20740 จากข้อมูลทั้งหมด 124006 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20721 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) (สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ) (นางสาวอุศนีย์ ธูปทอง) | กร | 26/04/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวอุศนีย์ ธูปทอง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งแต่วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเสนอ
|
||||||||||||||||||
20722 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการโครงการบูรณะโครงข่ายสายหลักระหว่างภาค ทางหลวงหมายเลข 4 สาย อ. ปราณบุรี - ประจวบคีรีขันธ์ ตอน 3 (LT, RT เป็นตอน ๆ) | คค | 26/04/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกรณีกรมทางหลวงก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการโครงการบูรณะโครงข่ายสายหลักระหว่างภาค ทางหลวงหมายเลข ๔ สาย อ. ปราณบุรี-ประจวบคีรีขันธ์ ตอน ๓ (LT, RT เป็นตอน ๆ) ระยะทาง ๓๒.๙๗๙ กิโลเมตร วงเงิน ๙๔๙,๕๘๔,๕๓๓ บาท โดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||
20723 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 1/2559 | กค | 26/04/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๙ และมอบหมายผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่าง ๆ ดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจดังกล่าวต่อไป สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินงานตามแผนการแก้ไขปัญหาของรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๗ แห่ง ในช่วง ๑ ปีที่ผ่านมา ได้แก่ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) รวมถึงการประเมินผลการแก้ไขปัญหาของรัฐวิสาหกิจครั้งที่ ๑ (ณ สิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๘) และมอบหมายให้รัฐวิสาหกิจ กระทรวงเจ้าสังกัด และกระทรวงการคลัง ดำเนินการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหา รวมถึงกำหนดตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายสำหรับการประเมินผลในครั้งที่ ๒ (ณ สิ้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๙) ๑.๒ เห็นชอบในหลักการและแนวทางการปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... ที่ได้มีการปรับปรุงแก้ไขตามความเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะของผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนจากการสัมมนารับฟังความเห็นเกี่ยวกับกฎหมาย และมอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๓ เห็นชอบหลักการการคงอยู่ของบริษัทในเครือที่มีการดำเนินการสอดคล้องกับภารกิจตามวัตถุประสงค์ของรัฐวิสาหกิจ และบริษัทในเครือที่จัดตั้งขึ้นตามความจำเป็นต่อการดำเนินภารกิจเฉพาะตามวัตถุประสงค์ของรัฐวิสาหกิจ โดยหากบริษัทในเครือใดมีผลประกอบการขาดทุน ให้รัฐวิสาหกิจร่วมกับบริษัทในเครือจัดทำแผนแก้ไขปัญหาโดยเร็ว รวมทั้งเห็นชอบการยุบเลิกหรือถอนการลงทุนบริษัทในเครือที่มิได้ดำเนินการสอดคล้องกับภารกิจตามวัตถุประสงค์ของรัฐวิสาหกิจ ๑.๔ เห็นชอบในหลักการให้นำค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการของขวัญปีใหม่ ๒๕๕๙ ให้แก่ประชาชน ของธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารอาคารสงเคราะห์ บวกกลับกำไรสุทธิเพื่อการคำนวณโบนัสพนักงานรัฐวิสาหกิจในปีที่เกิดค่าใช้จ่ายขึ้นจริง ๑.๕ รับทราบความคืบหน้าการปรับปรุงและเพิ่มเติมข้อมูลที่เปิดเผยของโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ปีงบประมาณ ๒๕๕๔-๒๕๖๐) ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) เพื่อแก้ไขปัญหาธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ควรมีมาตรการที่เป็นรูปธรรมและชัดเจนในการเตรียมการแก้ไขปัญหาและรับมือกับสถานการณ์หรือการป้องกันการบริหารหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ สำหรับการดำเนินการเพื่อรองรับร่างพระราชบัญญัติการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจและหลักทรัพย์ของรัฐ พ.ศ. .... ควรเตรียมการจัดทำแผนยุทธศาสตร์รัฐวิสาหกิจและหลักเกณฑ์การประเมินผลบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ส่วนกรณีขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ นั้น ให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพพิจารณาจัดทำแผนปรับปรุงการบริหารจัดการและบริการระบบขนส่งมวลชนเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และเพิ่มรายได้จากการบริการ รวมทั้งเร่งรัดการแก้ไขปัญหาอุปสรรคและปรับปรุงระบบการบริหารการเงินให้เป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||
20724 | การบริจาคเงินเพิ่มทุนของไทยในกองทุนพัฒนาเอเชีย 12 (Asian Development Fund 12) | กค | 26/04/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าร่วมการบริจาคเพิ่มทุนในกองทุนพัฒนาเอเชีย ๑๒ (Asian Development Fund 12) หรือกองทุน ADF 12 เพื่อรักษาจุดยืนของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการมีบทบาทเป็นประเทศผู้นำในการให้ความช่วยเหลือประเทศที่ยากจน โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว และเมียนมา รวมทั้งรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยกับธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) ๑.๒ อนุมัติให้บริจาคเงินตามสัดส่วนเดิมของประเทศไทยที่ได้บริจาคไว้เดิมในกองทุน ADF 11 ที่อัตราร้อยละ ๐.๐๘๓๕ คิดเป็นจำนวนเงิน ๒.๕๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น ๙๑,๙๑๑,๓๐๒ บาท ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีสำหรับเงินเพิ่มทุนดังกล่าวตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
20725 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 18/2559 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 10/2558 และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 19/2559 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 27/2558 | สลธ.คสช. | 26/04/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๘/๒๕๕๙ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๐/๒๕๕๘ สั่ง ณ วันที่ ๒๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ (แก้ไขอำนาจหน้าที่ของศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย เพื่อให้เกิด การบูรณาการการทำงานกับคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ ๕) ๒. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๙/๒๕๕๙ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๗/๒๕๕๘ สั่ง ณ วันที่ ๒๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ (แก้ไขอำนาจหน้าที่ของศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน เพื่อให้เกิดการบูรณาการ การทำงานกับคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ ๕)
|
||||||||||||||||||
20726 | การแลกเปลี่ยนหนังสือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเนเธอร์แลนด์และเลขาธิการอาเซียนสำหรับโครงการ Annual Diplomatic Training for Diplomats from ASEAN Member States and ASEAN Secretariat Officers 2016 - 2019 | กต | 26/04/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างหนังสือจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเนเธอร์แลนด์ถึงเลขาธิการอาเซียน และร่างหนังสือตอบของเลขาธิการอาเซียนถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเนเธอร์แลนด์ (รวม ๒ ฉบับ) สำหรับโครงการ Annual Diplomatic Training for Diplomats from ASEAN Member States and ASEAN Secretariat Officers 2016-2019 โดยหนังสือจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเนเธอร์แลนด์ฯ ระบุถึงข้อตกลงของการดำเนินโครงการฯ ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันสนับสนุนโครงการฯ มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนและจัดการฝึกอบรมให้แก่นักการทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนและเจ้าหน้าที่สำนักเลขาธิการอาเซียน เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับการรวมตัวระดับภูมิภาค โดยเน้นเรื่องวิวัฒนาการการรวมตัวในระดับภูมิภาค การระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธี การเชื่อมโยงและความร่วมมือทางวัฒนธรรม สำหรับหนังสือตอบของเลขาธิการอาเซียนฯ มีสาระสำคัญเป็นการยอมรับข้อตกลงตามที่ระบุในหนังสือของฝ่ายเนเธอร์แลนด์ ๑.๒ อนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือตอบเลขาธิการอาเซียนถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเนเธอร์แลนด์ สำหรับโครงการฯ ดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างหนังสือแลกเปลี่ยนดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
||||||||||||||||||
20727 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | อื่นๆ | 26/04/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และความตกลงอาเซียนว่าด้วยบทบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (ASEAN Agreement on Medical Device Directive) ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ๒. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||
20728 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 20/2559 เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง | สลธ.คสช. | 26/04/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๐/๒๕๕๙ เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง สั่ง ณ วันที่ ๒๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||
20729 | ร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อื่นๆ | 26/04/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||
20730 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมการอุทธรณ์ฎีกา) | ศย | 26/04/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมการอุทธรณ์ฎีกา) ของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาที่เห็นควรทบทวนหลักการของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง ๒. เห็นชอบข้อสังเกตที่คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติเสนอหลักการเกี่ยวกับ (๑) ระบบสิทธิเป็นระบบอนุญาตจึงเป็นเพียงการแก้ไขบทบัญญัติในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาในบางมาตราเท่านั้น อาจไม่เป็นทางแก้ไขที่จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นในการอำนวยการความยุติธรรมให้กับประชาชน ศาลยุติธรรมจึงจำเป็นต้องพิจารณาปรับปรุงในเชิงโครงสร้างของระบบการพิจารณาคดีอาญาทั้งระบบด้วย (๒) ศาลควรกำหนดกลไกในการพิจารณากลั่นกรองคดีที่จะต้องผ่านการกลั่นกรองให้เกิดความชัดเจน มีประสิทธิภาพ เพื่อให้สมเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ประสงค์ให้การพิจารณาคดีอาญาเป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้น และ (๓) กรณีเมื่ออัยการสูงสุดลงลายมือชื่อรับรองในคำฟ้องฎีกาว่ามีเหตุอันควรที่ศาลฎีกาจะได้วินิจฉัย ศาลฎีกามีอำนาจที่จะพิจารณารับหรือไม่รับก็ได้ ซึ่งในประเด็นนี้ควรกำหนดให้ศาลฎีการับไว้พิจารณาได้เลย นอกจากนี้ยังมีถ้อยคำที่ไม่ชัดเจนในการตีความ อาทิ “ประโยชน์สาธารณะ” “ข้อกฎหมายที่สำคัญ” “แนวบรรทัดฐานของคำพิพากษา” และให้ส่งร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับไปทบทวนตามข้อสังเกตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||
20731 | ขออนุมัติดำเนินงานโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร | คค | 26/04/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย) ดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และเห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทยกู้เงินในประเทศ จำนวน ๑๗,๑๖๔.๐๘ ล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณากู้เงินในประเทศและนำมาให้การรถไฟแห่งประเทศไทยกู้ต่อ รวมทั้งให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเป็นงบชำระหนี้ให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทยทั้งในส่วนเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องตามความเห็นของกระทรวงการคลัง สำหรับค่าเวนคืนที่ดินและค่าจ้างที่ปรึกษาดำเนินการประกวดราคา วงเงิน ๑๒๖.๕๕ ล้านบาท ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และประธานกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจที่เห็นควรเร่งรัดการประกวดราคาและลงนามในสัญญาจ้างให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อที่จะได้สามารถเบิกจ่ายเงินกู้ให้เป็นไปตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ การกำหนดราคากลางให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน ก่อนเริ่มดำเนินการจัดหาตามนัยระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม การเร่งพิจารณาเสนอขออนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ๓ เส้นทาง ได้แก่ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ช่วงนครปฐม-หัวหิน และช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาในคราวเดียวกัน รวมถึงการเร่งพิจารณากำหนดแผนพัฒนาระบบรถไฟให้สามารถสนับสนุนการพัฒนาเส้นทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ การพิจารณาจัดหาแหล่งเงินทุนที่เหมาะสม ประหยัด และสร้างภาระงบประมาณต่อภาครัฐและภาระหนี้สาธารณะของประเทศให้น้อยที่สุด โดยให้คำนึงถึงบทบาทของภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศที่จะสามารถเข้ามาร่วมลงทุนดำเนินโครงการอีกทางหนึ่ง การพิจารณาการจัดหาประโยชน์ในการใช้ที่ดินตามแนวเส้นทางรถไฟ การดำเนินการแก้ไขปัญหาองค์กรทั้งในส่วนของการแก้ไขปัญหาภาระหนี้สินที่เกิดจากการดำเนินการในอดีต รวมทั้งการเร่งปรับปรุงการบริหารจัดการองค์กรในด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับระบบเทคโนโลยีใหม่ ๆ การจัดทำบัญชี/งบการเงินให้เป็นไปตามมาตรฐานที่รับรองโดยทั่วไปและเป็นปัจจุบัน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. รับทราบความก้าวหน้าของการดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงนครปฐม-หัวหิน และช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ และให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาว่า โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ทั้ง ๒ ช่วงดังกล่าวเข้าข่ายคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๙/๒๕๕๙ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ลงวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๙ หรือไม่ หากเห็นว่าเข้าข่ายคำสั่งดังกล่าว ให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการในขั้นตอนอื่น ๆ ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องควบคู่ไปกับการรอผลการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ๔. ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเร่งรัดการยกระดับคุณภาพการให้บริการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง รายงานผลการให้บริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย) รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดดำเนินการจัดตั้งกรมการขนส่งทางรางให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ๕. ให้กระทรวงคมนาคมประชาสัมพันธ์สร้างความรับรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับความก้าวหน้าและแผนการดำเนินการโครงการพัฒนาระบบรถไฟทางคู่ ขนาดทาง ๑ เมตร (Meter Guage) และโครงการด้านคมนาคมขนส่งอื่น ๆ โดยแสดงให้เห็นถึงผลประโยชน์จากการพัฒนาโครงการดังกล่าวต่อประเทศชาติทั้งผลประโยชน์เชิงเศรษฐกิจและการเชื่อมโยงเส้นทางไปยังประเทศเพื่อนบ้านในอนาคต ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี |
||||||||||||||||||
20732 | ขอความเห็นชอบและลงนามพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ 7 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน | กค | 26/04/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ ๗ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน และตารางข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ซึ่งเป็นภาคผนวกแนบท้ายพิธีสารฯ โดยร่างพิธีสารฯ มีสาระสำคัญเป็นการขยายความร่วมมือด้านการค้าบริการระหว่างประเทศสมาชิก โดยลดหรือยกเลิกข้อจำกัดที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าบริการภายใต้กรอบอาเซียนให้มากกว่าที่เปิดเสรีตามกรอบองค์การการค้าโลก และประเทศสมาชิกจะให้สิทธิประโยชน์ตามตารางข้อผูกพันแก่ประเทศสมาชิกอื่น ตามหลักการให้การประติบัติเยี่ยงชาติที่ได้รับความอนุเคราะห์ยิ่ง (Most-Favored Nation Treatment : MFN) รวมถึงการดำเนินการภายใต้กรอบการรวมตัวภาคการธนาคารของอาเซียน (ASEAN Banking Integration Framework : ABIF) ที่ระบุให้ประเทศสมาชิกตั้งแต่สองประเทศหรือมากกว่านั้นอาจดำเนินการเจรจาและตกลงเปิดเสรีสาขาการธนาคารของประเทศตน โดยแต่ละประเทศสมาชิกที่เข้าร่วมการเจรจาอาจสรุปผลการเจรจา ณ เวลาใดก็ได้ ส่วนตารางข้อผูกพันฯ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงตารางข้อผูกพันในสาขาย่อยประกันชีวิต (Life Insurance) และประกันวินาศภัย (Non-life Insurance) ในส่วนของข้อจำกัดการเข้าสู่ตลาด เฉพาะใน Mode 3 (การเข้าสู่ตลาดในรูปแบบการจัดตั้งธุรกิจ) โดยได้ปรับปรุงข้อผูกพันในเรื่องสัดส่วนผู้ถือหุ้นต่างชาติและเรื่องสัดส่วนกรรมการที่ไม่มีสัญชาติไทยให้เท่ากับกฎหมายที่บังคับใช้ในปัจจุบัน ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามร่างพิธีสารฯ ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างพิธีสารฯ ๔. ในชั้นการให้สัตยาบันพิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ ๗ ให้กระทรวงการคลังเสนอพิธีสารดังกล่าวเพื่อขอความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป ๕. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการจัดทำสัตยาบันสารของพิธีสารฯ และส่งมอบให้สำนักเลขาธิการอาเซียน เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเห็นชอบพิธีสารฯ แล้ว |
||||||||||||||||||
20733 | ร่างพระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวนเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครองเป็นการทั่วไป พ.ศ. .... | กค | 26/04/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขขั้นตอนกระบวนการจ่ายคืนเงินฝากแก่ผู้ฝากเงิน กระบวนการดำเนินงานของสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวนเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครองเป็นการทั่วไป พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดระดับวงเงินความคุ้มครองเงินฝากเป็นการทั่วไปใหม่ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาตามที่กระทรวงการคลังเสนอ (ตามหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค ๑๐๐๘/๗๕๙๗ ลงวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๙) และให้กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการตรวจสอบระบบการเชื่อมโยงข้อมูลของสถาบันคุ้มครองเงินฝากและสถาบันการเงินให้มีความสมบูรณ์ การตรวจสอบรายงานฐานะทางการเงินของสถาบันการเงินอย่างรอบคอบ การพิจารณาทบทวนอัตราการนำส่งเงินของสถาบันการเงินให้มีความเหมาะสมกับสภาวะทางเศรษฐกิจและความเสี่ยงในระบบสถาบันการเงิน รวมทั้งการให้สถาบันคุ้มครองเงินฝากชี้แจงรายละเอียดของเงินคืนรวมถึงการหักหนี้ให้ผู้ฝากได้รับทราบอย่างชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||
20734 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อื่นๆ | 26/04/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอว่า ไม่ขัดข้องกับร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) เสนอ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการที่ดิน (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ และขยายระยะเวลาดำเนินการของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ที่กำหนดไว้ ๕ ปี เป็น ให้สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ยุบเลิกเมื่อมีการจัดตั้งธนาคารที่ดินหรือองค์กรอื่นที่มีวัตถุประสงค์ทำนองเดียวกับธนาคารที่ดินหรือเมื่อพ้นระยะเวลาสามปีนับแต่วันที่ร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้มีผลใช้บังคับแม้จะยังมิได้มีการจัดตั้งธนาคารที่ดินหรือองค์กรอื่นที่มีวัตถุประสงค์ทำนองเดียวกับธนาคารที่ดิน ตามที่สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับร่างมาตรา ๑๓ ที่ให้ยกเลิกความในมาตรา ๓๒ แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๔ และกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของเจ้าหน้าที่และลูกจ้างของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ขึ้นใหม่ แต่ความในร่างมาตรา ๓๒ (๕) มีความซ้ำซ้อนกับร่างมาตรา ๓๒ (๗) สมควรให้ใช้ร่างมาตรา ๓๒ (๗) และควรแก้ไขรายละเอียดของร่างมาตรา ๑๗ ที่ให้ยกเลิกความในมาตรา ๓๙ แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๔ และกำหนดขึ้นใหม่ ให้สอดคล้องกับมาตรา ๔๓ แห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ จากเดิมที่กำหนด “ให้รัฐมนตรีผู้รักษาการมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแล... ยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติราชการที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งสถาบัน ...” เป็น “ให้รัฐมนตรีผู้รักษาการมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแล... ยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติราชการที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน ...” ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) เร่งดำเนินการจัดตั้งธนาคารที่ดินให้แล้วเสร็จโดยเร็ว |
||||||||||||||||||
20735 | ขออนุมัติหลักการในการดำเนินงานตามแผนงานฟื้นฟูและพัฒนาบึงบอระเพ็ดและขออนุมัติงบกลาง ปี 2559 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินการตามแผนระยะเร่งด่วน | กษ | 26/04/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติงบกลาง ปี ๒๕๕๙ รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๑๑๔,๐๓๗,๐๐๐ บาท เพื่อดำเนินการขุดลอกแก้มลิงบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ ตามแผนงานฟื้นฟูและพัฒนาบึงบอระเพ็ด ระยะเร่งด่วน โดยมอบหมายให้กรมชลประทานเป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินงาน ๑.๒ อนุมัติในหลักการให้คณะกรรมการฟื้นฟู อนุรักษ์ และพัฒนาบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๐ และวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ รับผิดชอบการดำเนินงานตามแผนงานฟื้นฟูและพัฒนาบึงบอระเพ็ด ระยะเร่งด่วน และระยะที่ ๒ ต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรวางระบบการขุดลอกและกำจัดตะกอนดินที่ถูกหลักวิชาการ มีการสร้างระบบดักตะกอนที่จะลงสู่บึงเพื่อป้องกันปัญหาระยะยาว รวมทั้งควรพิจารณาความคุ้มค่าระหว่างการจัดซื้อเครื่องมือเครื่องจักรของรัฐ กับการจ้างเหมารายปี เพื่อหาวิธีประหยัดค่าใช้จ่ายในการขุดลอกตะกอนดิน และควรมีการแต่งตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัดเป็นการถาวร ตลอดจนควรจัดเวทีระดมความคิดเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องและชุมชนท้องถิ่นเพื่อร่วมกันพิจารณาทางเลือกตามข้อเสนอในรายงานการศึกษา และร่วมกันจัดลำดับความสำคัญของกิจกรรมและความจำเป็นของการพัฒนาให้สอดคล้องกับบริบทการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ต่อไป นอกจากนี้ การดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใส และตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
20736 | โครงการระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา (THEOS-2) | นร11 | 26/04/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินโครงการระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา (Thailand Earth Observation System : THEOS-2) มีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับ การกำหนดหน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการ ขั้นตอน กระบวนการดำเนินโครงการ และการเสนอขออนุมัติดำเนินโครงการลงทุนขนาดใหญ่ขององค์การมหาชน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) รับไปดำเนินการจัดทำรายละเอียดโครงการให้ครบถ้วน เช่น การวิเคราะห์ความคุ้มค่าการลงทุนโครงการ (Feasibility Study) ก่อนที่จะเสนอรายชื่อประเทศเป้าหมายที่จะจัดทำความร่วมมือในโครงการฯ หรือขออนุมัติดำเนินโครงการฯ ต่อไป โดยให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงยุติธรรม กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย เกี่ยวกับกรณีที่มีการให้เอกชนร่วมลงทุนในโครงการฯ ตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ควรให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนของพระราชบัญญัติฯ โดยเคร่งครัด การเปรียบเทียบต้นทุนและความคุ้มค่าในการดำเนินงานระหว่างการใช้งบประมาณของรัฐกับการให้เอกชนร่วมลงทุน การกำหนดเป้าหมายในการดำเนินโครงการฯ ที่เป็นรูปธรรม พร้อมทั้งจัดให้มีการติดตามประเมินผลการดำเนินงานโครงการ การพิจารณาดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบของทางราชการ และคำนึงถึงถ้อยคำตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๘ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้มีการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง และเร่งดำเนินการให้เกิดความชัดเจนและได้ข้อยุติโดยเร็ว เพื่อให้สามารถเริ่มดำเนินโครงการดังกล่าวได้ภายในปี ๒๕๕๙ ๓. ให้คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนที่จะจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ รับไปพิจารณาเกี่ยวกับการเสนอเรื่องและการขออนุมัติดำเนินโครงการลงทุนขององค์การมหาชนว่า จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องฉบับใดบ้างหรือไม่ และควรต้องมีการกำหนดระเบียบ แนวทางปฏิบัติ หรือขั้นตอนการดำเนินการอย่างไรหรือไม่ โดยเฉพาะการเสนอขออนุมัติดำเนินโครงการลงทุนขนาดใหญ่ขององค์การมหาชน ที่มีวงเงินลงทุนสูงเกินกว่า ๑,๐๐๐ ล้านบาท และมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป |
||||||||||||||||||
20737 | ยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการกำจัดโรคไข้มาลาเรียประเทศไทย | สธ | 26/04/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการยุทธศาสตร์การกำจัดโรคไข้มาลาเรียประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๙ โดยมีวิสัยทัศน์ “ประเทศไทยปลอดจากโรคไข้มาลาเรีย ภายในปี ๒๕๖๗ (ค.ศ. ๒๐๒๔)” และแผนปฏิบัติการกำจัดโรคไข้มาลาเรียประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ คือ (๑) การเร่งรัดกำจัดการแพร่เชื้อมาลาเรียในประเทศไทย (๒) การพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรม มาตรการ และรูปแบบที่เหมาะสม ในการกำจัดโรคไข้มาลาเรีย (๓) การสร้างความร่วมมือระหว่างภาคีเครือข่ายระดับประเทศ และระดับนานาชาติ เพื่อขับเคลื่อนงานกำจัดโรคไข้มาลาเรีย และ (๔) การส่งเสริมให้ประชาชนมีศักยภาพในการดูแลตนเองจากโรคไข้มาลาเรีย ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้มีการพัฒนายาหรือวัคซีนตัวใหม่ โดยรัฐบาลสนับสนุนทั้งด้านบุคลากรและงบประมาณ และส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือจากทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่องเพื่อดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายการกำจัดมาลาเรียให้หมดไปจากประเทศไทย รวมทั้งควรมีมาตรการส่งเสริมและพัฒนาวัคซีนให้สามารถควบคุมการเกิดโรคไข้เลือดออกด้วย และควรมีการพิจารณากำหนดตัวชี้วัดให้ครอบคลุมมาตรการที่สำคัญภายใต้แผนปฏิบัติการฯ โดยเฉพาะประเด็นการกำจัดเชื้อมาลาเรียดื้อยา การผลักดันนโยบาย/กลไกระดับประเทศ ระหว่างประเทศ และแนวชายแดนให้เกิดแนวทางการทำงานร่วมกัน สำหรับการจัดสรรงบประมาณภายใต้แผนปฏิบัติการฯ ควรมีลักษณะเป็นงบประมาณแบบบูรณาการเพื่อลดความซ้ำซ้อนในการจัดสรรงบประมาณและส่งเสริมให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทำงานเชื่อมโยงกัน นอกจากนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนยุทธศาสตร์ฯ ไปใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โดยคำนึงถึงความประหยัดและคุ้มค่า ตลอดจนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
20738 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดตั้งเขตสุขภาพเพื่อประชาชน พ.ศ. .... | สช | 26/04/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดตั้งเขตสุขภาพเพื่อประชาชน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการจัดตั้งเขตสุขภาพเพื่อประชาชน จำนวน ๑๓ เขต เพื่อเป็นการขับเคลื่อนการปฏิรูประบบสุขภาพโดยยึดประโยชน์สุขของประชาชนในเขตพื้นที่เป็นหลัก เน้นกระบวนการทำงานแบบมีส่วนร่วม และให้ทุกภาคส่วนที่มีบทบาทเกี่ยวข้องกับสุขภาพรับผิดชอบร่วมกัน ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย) ในฐานะประธานกรรมการสุขภาพแห่งชาติเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดให้มี “สภาวิชาชีพด้านสาธารณสุข” และ “บุคลากรสาธารณสุข” เป็นองค์ประกอบหนึ่งของคณะกรรมการเขตสุขภาพเพื่อประชาชนนั้น โดยที่ร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพการสาธารณสุข พ.ศ. .... ยังอยู่ระหว่างกระบวนการยกร่าง จึงอาจส่งผลกระทบต่อร่างระเบียบนี้ภายหลังมีการประกาศใช้บังคับแล้วได้ จึงเห็นควรให้มีบทเฉพาะกาลไว้ด้วย ส่วนการบริหารจัดการและการใช้จ่ายงบประมาณของคณะกรรมการฯ ควรคำนึงถึงการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ และความเหมาะสมตามภารกิจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมิให้มีลักษณะเป็นการนำงบประมาณรายจ่ายของหน่วยงานหนึ่งไปใช้จ่ายในภารกิจของอีกหน่วยงานหนึ่ง รวมทั้งระบุแหล่งงบประมาณที่ใช้ในการบริหารจัดการของคณะกรรมการฯ ให้ชัดเจน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีไปดำเนินการด้วย ๒.๑ ในการขับเคลื่อนการปฏิรูประบบสุขภาพเพื่อประชาชน นั้น ภาครัฐต้องสร้างความไว้วางใจให้เกิดขึ้นแก่ประชาชนและควรคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มด้วย เพื่อนำพาประเทศไปสู่ความมั่นคงและเพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพกายและใจที่เข้มแข็ง ๒.๒ ควรมีกลไกที่เปิดโอกาสให้ข้าราชการและผู้มีสิทธิประกันสังคมที่สมัครใจและมีความพร้อมทางเศรษฐกิจมีทางเลือกในการได้รับบริการสาธารณสุขในระบบหลักประกันสุขภาพโดยอาจจ่ายเงินเพิ่มเติม เพื่อให้ได้รับการบริการสุขภาพจากสถานพยาบาลของเอกชน |
||||||||||||||||||
20739 | การลงนามความตกลงในการเป็นเจ้าภาพจัดงาน ITU Telecom World 2016 | ทก | 26/04/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยและสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union : ITU) ในการเป็นเจ้าภาพจัดงาน ITU Telecom World 2016 ฉบับแก้ไขสุดท้าย โดยมีส่วนประกอบสำคัญ เช่น ชื่องานแสดงและคำนิยาม สถานที่และวันในการจัดงานแสดง ภาระหน้าที่ของประเทศเจ้าภาพ เงื่อนไข และสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นที่ประเทศไทยในฐานะประเทศเจ้าภาพจะต้องดำเนินการและจัดเตรียม การระงับข้อพิพาท เป็นต้น และให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและสำนักงบประมาณ ในส่วนของเอกสารแนบท้าย ข้อ ๒.๔ การจัดเตรียมพื้นที่แก่รัฐบาลไทยโดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายสำหรับการเช่าพื้นที่เป็นจำนวนจนถึงสองพัน (๒,๐๐๐) ตารางเมตร ในส่วนที่ระบุว่า “เป็นจำนวนจนถึงสองพัน (๒,๐๐๐) ตารางเมตร” ที่ถูกต้องควรจะเป็น “เป็นจำนวนไม่เกิน ๒,๐๐๐ (สองพัน) ตารางเมตร” โดยขอให้ตรวจสอบจากต้นฉบับที่เป็นภาษาอังกฤษอีกครั้งหนึ่ง และเพื่อให้การเป็นเจ้าภาพดังกล่าว เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ควรเร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นควรคำนึงถึงความจำเป็นและเหมาะสม โดยมีความประหยัด คุ้มค่า รวมทั้งพิจารณาจากทุกแหล่งเงิน และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อมิให้เป็นภาระงบประมาณเกินความจำเป็น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เป็นผู้ลงนามความตกลงฯ ๔. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อลงนามในความตกลงฯ ต่อไป |
||||||||||||||||||
20740 | ขอผ่อนผันยกเว้นมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2534 วันที่ 22 สิงหาคม 2543 และวันที่ 17 ตุลาคม 2543 เพื่อใช้ประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่าชายเลน สำหรับดำเนินโครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองตำมะลัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลตำมะลัง อำเภอเมือง จังหวัดสตูล | คค | 26/04/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงคมนาคมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการห้ามใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลน เป็นการเฉพาะราย เพื่อใช้ประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่าชายเลน สำหรับดำเนินโครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองตำมะลัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลตำมะลัง อำเภอเมือง จังหวัดสตูล ของกรมทางหลวงชนบท และให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวงชนบท) รับความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินการในประเด็นการจัดให้มีท่อลอด (Box culvert) ที่เหมาะสมและใช้การได้ตลอด และดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ไปดำเนินการอย่างเคร่งครัดต่อไป รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับกรณีมีการดำเนินการในที่จับสัตว์น้ำ จะต้องขออนุญาตต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๖๒ และมาตรา ๖๓ แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ และจะต้องมีมาตรการในการควบคุม ป้องกัน มิให้น้ำเสีย หรือของเสียใด ๆ ที่เกิดจากกิจกรรมการก่อสร้างของโครงการลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อมิให้เกิดผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำตามมาตรา ๕๘ แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ และให้ดำเนินการกระบวนการอนุรักษ์พื้นที่ป่าชายเลนโดยสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนที่อยู่โดยรอบเขตพื้นที่ป่าชายเลน ให้ความสำคัญของพื้นที่ป่าชายเลน และร่วมกันรักษา ตลอดจนใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสม เพื่อให้พื้นที่นั้นรักษาความอุดมสมบูรณ์ได้อย่างยั่งยืน สำหรับค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างตามโครงการฯ ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โดยคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า และประโยชน์ที่ทางราชการและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ เพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการตามระเบียบกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ว่าด้วยการปลูกและบำรุงป่าชายเลนทดแทนเพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อมกรณีการดำเนินการโครงการใด ๆ ของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน พ.ศ. ๒๕๕๖ อย่างเคร่งครัด ตามความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งรวมถึงการจัดสรรงบประมาณให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปลูกและบำรุงป่าชายเลนทดแทนไม่น้อยกว่า ๒๐ เท่า ของพื้นที่ป่าชายเลนที่ใช้ประโยชน์ ให้แล้วเสร็จก่อนดำเนินโครงการต่อไปด้วย |
.....