ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1039 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 20761 - 20780 จากข้อมูลทั้งหมด 124006 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20761 | ข้อคิดเห็นของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี | นร04 | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รายงานเกี่ยวกับการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการพลิกฟื้นผืนป่าต้นน้ำ (เขาหัวโล้น) โดยมีแนวทางการดำเนินการประกอบด้วย (๑) การสร้างความเข้าใจแก่ทุกภาคส่วน (๒) การจัดระเบียบคนและพื้นที่ (๓) การป้องกันและรักษาป่า (๔) การฟื้นฟูระบบนิเวศน์ (๕) การพัฒนาและส่งเสริมอาชีพ (๖) การสร้างองค์ความรู้ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ (๗) การส่งเสริมการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน ระยะเวลาดำเนินการ ๒๐ ปี ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๗๘ ระยะที่ ๑ (ปี พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๕๙) จะดำเนินการนำร่องในพื้นที่จังหวัดน่านและจังหวัดเชียงใหม่ ระยะที่ ๒ (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐-พ.ศ. ๒๕๖๙) ดำเนินการในพื้นที่ ๑๓ จังหวัด และระยะที่ ๓ (ปี พ.ศ. ๒๕๗๐-พ.ศ. ๒๕๗๙) ดำเนินการในพื้นที่ส่วนที่เหลือต่อไป ๒. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รายงานว่า ขณะนี้ได้มีภาคเอกชนจ้างสำนักงานที่ปรึกษาจากต่างประเทศเพื่อดำเนินการวิเคราะห์ทบทวนความจำเป็นของกฎหมายทุกระดับที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันที่เป็นอุปสรรคต่อการสร้างความเข้มแข็งในการพัฒนาประเทศ โดยนำร่องในส่วนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการภาครัฐเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Doing Business) ก่อนให้มีความคล่องตัว เพื่อเอื้อต่อการลงทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีหลายประเทศได้ดำเนินการยกเลิกกฎหมายที่ไม่มีความจำเป็นแล้ว เช่น เวียดนาม เม็กซิโก และเกาหลี เป็นต้น ๓. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รายงานว่า กระทรวงวัฒนธรรมกำหนดจัดงานมหกรรมวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Cultural Expo 2016) ภายใต้การจัดงาน “ใต้ร่มพระบารมี ๒๓๔ ปี กรุงรัตนโกสินทร์” ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๔ เมษายน ๒๕๕๙ ณ โรงละครแห่งชาติ เวทีกลางท้องสนามหลวง ศูนย์วัฒนธรรมอาเซียน และมิวเซียมสยาม ประกอบด้วยการแสดงงานมหกรรมรามายณะอาเซียน (ASEAN Plus Ramayana) โดยความร่วมมือของประเทศสมาชิกอาเซียน (ได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย) และอินเดีย รวม ๘ ประเทศ รวมทั้งการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของประชาชนในประเทศอาเซียน รวมถึงเป็นการแสดงความพร้อมการเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางศิลปะและวัฒนธรรมของอาเซียน ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างกันเพื่อนำไปสู่ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน และให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยกรมประชาสัมพันธ์เร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์การจัดงานดังกล่าวเพื่อสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง ๔. รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) รายงานว่า (๑) มาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจภายในประเทศ อาทิ โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ โครงการสินเชื่อ ๑ ตำบล ๑ SMEs เกษตร เพื่อสร้างความยั่งยืนของภาคเกษตรไทย และโครงการบ้านประชารัฐ ได้รับการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดีและมีการดำเนินการเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ (๒) การประชุมคณะกรรมการสานพลังประชารัฐ (นัดพิเศษ) ครั้งที่ผ่านมาประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี โดยคณะทำงานร่วมรัฐ-เอกชน-ประชาชน (ประชารัฐ) ทั้ง ๑๒ คณะ จะต่อยอดและขยายผลการดำเนินงานลงสู่ระดับพื้นที่ให้มากขึ้น รวมทั้งจะประสานกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และภาคเอกชนเพื่อจัดให้มีช่องโทรทัศน์ประชารัฐ เพื่อประชาสัมพันธ์การขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดินโดยใช้กลไกประชารัฐ และ (๓) ข้อมูลหนี้ครัวเรือนของประเทศที่อยู่ในระดับสูง นั้น ไม่สะท้อนสภาพความเป็นจริง เนื่องจากการจัดเก็บข้อมูลและการวิเคราะห์หนี้สินแต่ละประเภทยังไม่ชัดเจน โดยเฉพาะในส่วนของสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อเพื่อการประกอบธุรกิจ ซึ่งสินเชื่อแต่ละประเภทส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้และเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน และให้กระทรวงการคลังร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางการจัดเก็บข้อมูลและการวิเคราะห์หนี้ครัวเรือนที่สะท้อนสภาพความเป็นจริง
|
|||||||||||||||||||||
20762 | รายงานการดำเนินงานเพิ่มเติมตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเรื่อง การสร้างการรับรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของชนชาติไทยและประวัติศาสตร์ของชาติไทย | วธ | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมรายงานเกี่ยวกับการดำเนินงานเพิ่มเติมของกระทรวงวัฒนธรรม (กรมศิลปากร) ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เรื่อง การสร้างการรับรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของชนชาติไทยและประวัติศาสตร์ของชาติไทย สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ การสัมมนาทางวิชาการเรื่อง “ประวัติศาสตร์ของไทย : รากเหง้าที่คนไทยควรรู้” เมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๘ ณ โรงละครแห่งชาติ เพื่อเปิดโอกาสและสร้างการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายในการแสดงความเห็น และเป็นการกระตุ้นให้นักเรียน นักศึกษา ตลอดจนบุคคลทั่วไปให้สนใจศึกษา วิเคราะห์ และค้นคว้าเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทยมากยิ่งขึ้น ๑.๒ โครงการส่งเสริมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุทยานประวัติศาสตร์ และโบราณสถาน มีการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ (๑) การพัฒนารูปแบบการจัดแสดงพิพิธภัณฑ์โดยนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ เช่น QR Code Application และ Audio Guide เพื่อสนับสนุนการนำชมที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดสุโขทัย เป็นต้น และ (๒) การจัดกิจกรรมเข้าชมพิพิธภัณฑ์ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด (โครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ นำเยาวชนสู่พิพิธภัณฑ์) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงศึกษาธิการ โดยได้มีการจัดกิจกรรมนำร่อง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ระหว่างเดือนมีนาคม-กันยายน ๒๕๕๙ เน้นกลุ่มเป้าหมายคือ เยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชน ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมจะขยายความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ในการดำเนินงานตามแนวทางข้างต้นไปยังแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมในส่วนภูมิภาค โดยตั้งเป้าหมายจำนวนผู้เข้าชมในปี ๒๕๕๙ ไม่ต่ำกว่า ๑๐ ล้านคน ๒. ให้กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางดำเนินการให้ปี ๒๕๕๙ เป็นปีแห่งการส่งเสริมวัฒนธรรมของไทย โดยให้มีการเชื่อมโยงด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี การแต่งกายด้วยผ้าไทย อาหารไทย และการท่องเที่ยวไทยให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ๓. ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแนวทางและความเหมาะสมในการนำรถรางไฟฟ้ามาใช้ในการนำชมสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเส้นทางสายวัฒนธรรม
|
|||||||||||||||||||||
20763 | การดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองและแผนการเสนอกฎหมายลำดับรอง และการเร่งรัดดำเนินการเสนอกฎหมายหรือปรับปรุงกฎหมายสำคัญ | นร | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองและแผนการเสนอกฎหมายลำดับรอง และการเร่งรัดดำเนินการเสนอกฎหมายหรือปรับปรุงกฎหมายสำคัญ ดังนี้
๑. ในการเสนอร่างพระราชบัญญัติต่อคณะรัฐมนตรี ให้ทุกส่วนราชการเสนอแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาเพื่อให้คณะรัฐมนตรีรับทราบและเพื่อติดตามความคืบหน้าด้วย ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีทุกท่านกำกับติดตามและเร่งรัดให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการเสนอกฎหมายหรือปรับปรุงกฎหมายสำคัญ เช่น กฎหมายเกี่ยวกับเขตเศรษฐกิจพิเศษ กฎหมายเกี่ยวกับด้านภาษี กฎหมายเกี่ยวกับการเงินการคลัง กฎหมายเกี่ยวกับวิธีการงบประมาณ กฎหมายเกี่ยวกับการให้บริการภาครัฐเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Doing Business) กฎหมายเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากที่ดินที่ได้มาจากการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์และไม่ได้ใช้ประโยชน์ เพื่อให้สามารถนำที่ดินดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในโครงการอื่น ๆ ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐต่อไป กฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ โดยให้มีการกำหนดให้ชัดเจนเกี่ยวกับสหกรณ์ด้านการเกษตรและสหกรณ์ด้านอื่น ๆ รวมทั้งกฎหมายที่ต้องปรับปรุงกฎระเบียบและลดขั้นตอนในการดำเนินการให้กระชับและรวดเร็วขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มโอกาสในการแข่งขัน เช่น กฎหมายเกี่ยวกับการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กฎหมายเกี่ยวกับการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) กฎหมายว่าด้วยการผังเมือง กฎหมายเกี่ยวกับศุลกากร กฎหมายคนเข้าเมือง ตลอดจนจัดทำกฎหมายลำดับรองซึ่งออกตามกฎหมายสำคัญ เช่น กฎหมายเกี่ยวกับการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (Digital Economy) กฎหมายเกี่ยวกับการประมง กฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ กฎหมายเกี่ยวกับการบินพลเรือน ทั้งนี้ ให้ดำเนินการเพื่อให้มีผลใช้บังคับภายในเดือนตุลาคม ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||
20764 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เพิ่มช่องทางชำระค่าปรับ) ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ๒. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
20765 | สรุปการจัดกิจกรรมเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ของกระทรวงวัฒนธรรม ประจำปี พ.ศ. 2559 | วธ | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมรายงานเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ของกระทรวงวัฒนธรรม ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ว่า กระทรวงวัฒนธรรมได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดแนวทางในการป้องกันเพื่อไม่ให้มีการแต่งกายและแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ รวมทั้งได้มีการรณรงค์ภายใต้แนวคิด “สงกรานต์แบบไทยใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า" โดยได้มีการจัดกิจกรรมทั้งในส่วนกลางและในส่วนภูมิภาค ดังนี้
๑. กิจกรรมในส่วนกลาง ๑.๑ จัดกิจกรรมรดน้ำขอพรศิลปินแห่งชาติและผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม จัดงานสงกรานต์เมษา ผ้าขาวม้ารวมใจ เล่นน้ำแบบไทย ใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า ณ สยามสแควร์ จัดงานสงกรานต์สืบสานประเพณี ส่งเสริมวิถีไทย ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน และจัดงาน Water Festival 2016 เทศกาลวิถีน้ำ วิถีไทย ณ จุดต่าง ๆ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ๑.๒ จัดกิจกรรมร่วมกับวัดสำคัญ ๗ แห่ง เพื่อเปิดโอกาสให้ชาวไทยและชาวต่างชาติได้สัมผัสกับบรรยากาศและประเพณีสงกรานต์แบบดั้งเดิมที่งดงาม ๑.๓ จัดทำสื่อเพื่อใช้ในการรณรงค์ ส่งเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสาระและคุณค่าของประเพณีสงกรานต์ ๒. กิจกรรมในส่วนภูมิภาค ได้จัดกิจกรรมเพื่อสืบสานประเพณีสงกรานต์ และเฝ้าระวังเพื่อให้ประเพณีสงกรานต์เป็นไปอย่างสนุกสนานและปลอดภัย ตามวิถีถิ่น วิถีไทยของแต่ละท้องถิ่น รวมทั้งได้จัดกิจกรรมสงกรานต์อาเซียนร่วมกับจังหวัดที่มีชายแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อสานสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วยมิติทางวัฒนธรรม ทั้งนี้ การจัดเทศกาลสงกรานต์ภายใต้แนวคิดดังกล่าวข้างต้นเป็นการอนุรักษ์ สืบสานประเพณีสงกรานต์ของไทย รวมทั้งเป็นการจูงใจให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางกลับมาเที่ยวประเทศไทยอีกในปีต่อ ๆ ไป
|
|||||||||||||||||||||
20766 | ร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เพิ่มช่องทางชำระค่าปรับ) (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เพิ่มช่องทางชำระค่าปรับ) ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
20767 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ มีข้อสังเกต ดังนี้
๑. ปัจจุบันการตรวจสอบการติดตามนิติบุคคลไทยซึ่งมีกรรมการเป็นต่างด้าวในการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมยังไม่มีองค์กรในการตรวจสอบโดยตรง จึงมีความจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยใช้อำนาจทางบริหารแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการควบคุมการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ซึ่งมีอำนาจกำหนดมาตรการในการตรวจสอบและติดตามนิติบุคคลซึ่งมีกรรมการเป็นคนต่างด้าว โดยการใช้อำนาจตามกฎหมายดังกล่าวอาจออกมาในรูปมติคณะรัฐมนตรี ๒. การแต่งตั้งผู้แทนผู้เช่าและผู้แทนผู้ให้เช่าเป็นกรรมการในคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม (คชก.) ทุกระดับ ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ที่ตนจะแต่งตั้งก่อนดำเนินการต่อไป เนื่องจาก คชก. มีอำนาจและหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมฯ ซึ่งเป็นการใช้อำนาจทางปกครองของรัฐในการดำเนินการทางกฎหมาย มีผลทำให้ คชก. เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ |
|||||||||||||||||||||
20768 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการคมนาคมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างกิจการรถไฟฟ้า โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่ - ราษฎร์บูรณะ ช่วงบางใหญ่ - บางซื่อ ในท้องที่อำเภอบางบัวทอง อำเภอบางใหญ่ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี และเขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | สว | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการคมนาคมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างกิจการรถไฟฟ้า โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-ราษฎร์บูรณะ ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ในท้องที่อำเภอบางบัวทอง อำเภอบางใหญ่ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี และเขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... ซึ่งมีข้อสังเกตว่า ในการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ผู้ถูกเวนคืนจะต้องดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ให้แก่หน่วยงานที่เวนคืนตามที่กฎหมายกำหนดและต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ แต่ปัจจุบันผู้ถูกเวนคืนที่เป็นนิติบุคคลขอรับเงินค่าทดแทนที่เจ้าหน้าที่ได้วางไว้ตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์โดยไม่ดำเนินการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ทำให้รัฐไม่อาจเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะได้ คณะกรรมาธิการฯ พิจารณาแล้วเห็นควรเสนอแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวเป็นสามแนวทาง คือ (๑) ควรกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อให้หน่วยงานที่เวนคืนหักภาษีธุรกิจเฉพาะจากเงินค่าทดแทนและนำส่งคลังเป็นรายได้ของแผ่นดิน หากรัฐพิจารณาเห็นว่าสมควรยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะแก่นิติบุคคลที่ถูกเวนคืนเช่นเดียวกับบุคคลธรรมดาที่ถูกเวนคืน (๒) ควรให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป และ (๓) ควรแจ้งให้นิติบุคคลที่ถูกเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ดำเนินการยื่นขอแก้ไขหลักฐานทางทะเบียนและเสียภาษีธุรกิจเฉพาะให้ถูกต้องตามกฎหมาย ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลังว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ได้หรือไม่ประการใดก่อน แล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20769 | รายงานผลการสอบบัญชีของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำหรับปีบัญชี 2558 | อก | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานผลการสอบบัญชีของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สำหรับปีบัญชี ๒๕๕๘ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุด วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ของ กนอ. เสร็จเรียบร้อยแล้ว และมีความเห็นว่า งบการเงินดังกล่าวแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ผลการดำเนินงานและกระแสเงินสดสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของปี ๒๕๕๘ โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่รับรองโดยทั่วไป โดยฐานะการเงิน ณ วันสิ้นงวดปีบัญชี ๒๕๕๘ มีสินทรัพย์รวม จำนวน ๒๕,๒๗๕ ล้านบาท หนี้สินรวม จำนวน ๑๑,๘๓๐ ล้านบาท และส่วนของทุน จำนวน ๑๓,๔๔๕ ล้านบาท ผลประกอบการในปี ๒๕๕๘ มีกำไรสุทธิ จำนวน ๒,๑๔๙ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||
20770 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ตช | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งของผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจไม่น้อยกว่าสองปี และการกำหนดหลักเกณฑ์ในระหว่างวาระแรกของการดำรงตำแหน่ง ห้ามมิให้แต่งตั้งหรือโยกย้ายผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้นำข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ มาเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาดำเนินการร่างกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ. .... ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎ ก.ตร. ดังกล่าวให้สอดคล้องกับกฎหมายที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
20771 | ผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. .... ซึ่งสภาปฏิรูปแห่งชาติเป็นผู้เสนอ | นร09 | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. .... ซึ่งสภาปฏิรูปแห่งชาติเป็นผู้เสนอ โดยมีประเด็นเกี่ยวกับการจัดตั้งสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมแห่งชาติ การจัดตั้งกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม การจัดตั้งธนาคารเพื่อกิจการเกี่ยวกับการสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคม และการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ๒. มอบให้กระทรวงการคลังและลำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หากเห็นสมควรตราเป็นพระราชบัญญัติก็ให้ดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบและขั้นตอนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาให้คณะกรรมการประสานงานรวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) ทราบด้วย |
|||||||||||||||||||||
20772 | การเพิ่มเงื่อนไขการจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา | นร10 | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเพิ่มเงื่อนไขการพิจารณาจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของส่วนราชการ โดยให้คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาพิจารณาจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุกรณีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาสำหรับตำแหน่งในสังกัดสถาบันการพลศึกษา คือ “ญ. ตำแหน่งในสังกัดสถาบันการพลศึกษา” ตามที่คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20773 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจปฏิบัติการเกี่ยวกับธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย พ.ศ. .... | สว | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจปฏิบัติการเกี่ยวกับธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย พ.ศ. .... ซึ่งมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการเร่งดำเนินการประกาศวันที่ข้อบทของความตกลงว่าด้วยธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย (Articles of Agreement of the Asian Infrastructure Investment Bank) มีผลใช้บังคับกับประเทศไทยให้ตรงหรือใกล้เคียงกับความเป็นจริงให้มากที่สุด และพิจารณาดำเนินการสงวนสิทธิ์ที่จะไม่ยกเว้นภาษีอากรที่เกิดขึ้นในประเทศไทยให้แก่บุคลากรของธนาคารที่เป็นพลเมืองไทยหรือมีสัญชาติไทยไปพร้อมกับการมอบสัตยาบันสารของประเทศไทย ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20774 | รายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษามาตรการการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานพร้อมทั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษามาตรการการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้แก่ การศึกษาติดตามการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ การศึกษามาตรการส่งเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในฐานะประมุขของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย รวมทั้งการติดตามและตรวจสอบการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่มีผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาร่วมกับสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าวและสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20775 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง "ระบบสารสนเทศด้านมาตรฐานและข้อมูลการแพทย์" ของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานพร้อมทั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง “ระบบสารสนเทศด้านมาตรฐานและข้อมูลการแพทย์” ซึ่งมีข้อเสนอแนะต่อกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลด้านสุขภาพในปัจจุบัน และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับมาตรฐานการส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาร่วมกับสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20776 | ขออนุมัติแผนยุทธศาสตร์การควบคุมยาสูบแห่งชาติ ฉบับที่สอง พ.ศ. 2559 - 2562 | สธ | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติแผนยุทธศาสตร์การควบคุมยาสูบแห่งชาติ ฉบับที่สอง พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๒ ประกอบด้วย ๖ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) สร้างเสริมความเข้มแข็งและพัฒนาขีดความสามารถในการควบคุมยาสูบของประเทศ (๒) ป้องกันมิให้เกิดผู้เสพยาสูบรายใหม่และเฝ้าระวังธุรกิจยาสูบที่มุ่งเป้าไปยังเด็ก เยาวชน และนักสูบหน้าใหม่ (๓) ช่วยผู้เสพให้เลิกใช้ยาสูบ (๔) ควบคุมและเปิดเผยส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบ (๕) ทำสิ่งแวดล้อมให้ปลอดควันบุหรี่ และ (๖) ใช้มาตรการทางภาษีและปราบปรามเพื่อควบคุมยาสูบ ๑.๒ เห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามแผนยุทธศาสตร์ฯ และให้จัดทำแผนปฏิบัติการและงบประมาณรองรับแผนยุทธศาสตร์ฯ ไว้ในแผนปฏิบัติราชการประจำปี ๑.๓ เห็นชอบให้สำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาให้ความสำคัญในการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินงานและบริหารจัดการเพื่อให้เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ฯ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดทำความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างไทยกับประเทศต่าง ๆ ในระยะแรกไม่มีการระบุถึงข้อยกเว้นที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพสาธารณะไว้อย่างชัดเจน ดังนั้น การออกนโยบายหรือมาตรการเกี่ยวข้องกับการควบคุมยาสูบ จึงต้องระมัดระวังเพื่อมิให้กระทบสิทธิของนักลงทุนที่ได้รับภายใต้ความตกลงเหล่านั้น ในส่วนของแผนดังกล่าวต้องได้รับความร่วมมือกับทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อให้เกิดการบูรณาการหลาย ๆ ด้านจากทุกภาคส่วน และการแก้ไขชื่อหน่วยงานที่ระบุไว้ในแผนจาก “สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ (สท.)” เป็น “กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.)” เนื่องจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้มีการปรับโครงสร้างใหม่ รวมทั้งการเพิ่มหน่วยงานของกระทรวงมหาดไทย ประกอบด้วย กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไว้ในยุทธศาสตร์ที่ ๒ และกรมการพัฒนาชุมชนไว้ในยุทธศาสตร์ที่ ๕ ตลอดจนการปรับกรอบระยะเวลาของ (ร่าง) แผนยุทธศาสตร์ฯ ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ และการขยายสาระในเรื่องการทำสิ่งแวดล้อมให้ปลอดควันบุหรี่ภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ ๕ ให้ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ยาสูบไร้ควัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20777 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การฟื้นฟูกิจการ) | สว | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การฟื้นฟูกิจการ) เกี่ยวกับการสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ โดยดำเนินการประชาสัมพันธ์และจัดการอบรมเกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าวให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน และควรเร่งรัดในการออกกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องมารองรับเพื่อให้พระราชบัญญัติฉบับนี้ใช้ได้ทันสถานการณ์ เป็นรูปธรรม และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งมีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดให้มีรูปแบบแผนฟื้นฟูกิจการสำเร็จรูปเพื่อให้เกิดความสะดวกแก่ผู้ที่จะยื่นคำร้องขอ และขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อให้พระราชบัญญัติฉบับนี้ได้มีการบังคับใช้อย่างเป็นรูปธรรมและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าว และสรุปผลการดำเนินการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20778 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีค้ามนุษย์ พ.ศ. .... | สว | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีค้ามนุษย์ พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การกำหนดว่า “ให้โจทก์ส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมสำเนาต่อศาล” ตามร่างมาตรา ๒๖ อาจเป็นการเพิ่มภาระให้กับผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ เนื่องจากสำนวนการสอบสวนและเอกสารในคดีค้ามนุษย์ส่วนใหญ่จะมีผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจำนวนมาก ทำให้มีเอกสารในคดีจำนวนมาก ซึ่งส่งผลต่อภาระงบประมาณของหน่วยงานที่รับผิดชอบ ด้วยเหตุนี้เมื่อร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้มีผลใช้บังคับ รัฐควรจัดเตรียมอัตรากำลังบุคลากรเพิ่มเติม และสนับสนุนด้านงบประมาณแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เพียงพอ ๑.๒ การแต่งตั้งบุคคลหรือคณะบุคคลเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่มอบหมายตามร่างมาตรา ๒๙ วรรคสอง ต้องเป็นการมอบหมายเพื่อช่วยเหลือศาลในการตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐาน ไม่ใช่การสืบพยาน การนั่งพิจารณา และการพิพากษาคดี ๑.๓ บทบัญญัติมาตรา ๓๙ กำหนดให้จำเลยที่จะยื่นอุทธรณ์ต้องแสดงตนต่อเจ้าพนักงานศาลในขณะยื่นอุทธรณ์นั้น กรณีหากจำเลยไม่สามารถแสดงคนขณะยื่นอุทธรณ์ได้ด้วยเหตุเจ็บป่วยหรือเดินทางไปต่างประเทศ สามารถยื่นคำร้องต่อศาลขอขยายระยะเวลาแสดงตนต่อศาลได้ ๑.๔ ในหมวด ๓ และหมวด ๔ เรื่องอุทธรณ์และฎีกานั้นใช้เฉพาะคดีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานศาลยุติธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20779 | ผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย [เรื่อง การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ (แผนปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม)] | ยธ | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย [เรื่อง การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ (แผนปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม)] ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการปฏิรูปการยกร่างกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพ การปฏิรูปองค์กรและการทำงานในกระบวนการยุติธรรม การปฏิรูปการแก้ไขปัญหายาเสพติดให้โทษร้ายแรง และการปฏิรูปโครงสร้างอำนาจหน้าที่และกระบวนการทำงานตำรวจเพื่อประโยชน์ของประชาชน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นชอบด้วยในหลักการของข้อเสนอแนะดังกล่าว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งรายงานผลการพิจารณาของกระทรวงยุติธรรมให้คณะกรรมการประสานงานรวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) เพื่อพิจารณาความสอดคล้องและความเหมาะสมกับการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20780 | แผนมุ่งเป้าด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย | วท | 19/04/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแผนมุ่งเป้าด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกรอบและทิศทางในการดำเนินโครงการวิจัย พัฒนา และสนับสนุนองค์ความรู้ในการผลิตชิ้นส่วนที่เป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับใช้ในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย และเพื่อให้ประเทศไทยสามารถผลิตชิ้นส่วน อุปกรณ์สำคัญสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าขึ้นเองภายในประเทศ และลดการนำเข้าชิ้นส่วนจากต่างประเทศ รวมทั้งเพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการกำหนดให้มีการวิจัยในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานเครื่องอุปกรณ์ส่วนควบที่สำคัญอื่น ๆ เพิ่มเติม การศึกษาคุณลักษณะเฉพาะของยานยนต์ไฟฟ้าที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย สภาพของถนนและพื้นที่ในการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าที่ปลอดภัย การดูแลรักษาและตรวจสอบสภาพยานยนต์ไฟฟ้าระหว่างการใช้งาน การส่งเสริมการพัฒนาบุคลากร โดยจัดโครงการฝึกอบรมให้ความรู้แก่บุคลากรในหลายภาคส่วน เช่น บุคลากรภาครัฐ ผู้ประกอบการหรือผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า นักเรียน นักศึกษา ประชาชนทั่วไปที่สนใจ และอาจพิจารณาจัดหาทุนการศึกษาในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินการสู่สาธารณชนให้เกิดการรับรู้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ แผนมุ่งเป้าฯ ควรต้องเชื่อมโยงกับแผนที่นำทางการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยที่มีเป้าหมายเพื่อให้ประเทศไทยมีความสามารถในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ให้ได้ภายในปี ๒๕๖๒ และการกำหนดผู้รับผิดชอบในแต่ละแผนงานให้ชัดเจนและแสดงให้เห็นถึงแนวทางการดำเนินงานที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันวิจัย และสถาบันการศึกษา สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ นั้น สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินการชนิดและพัฒนาเรื่องดังกล่าวไว้แล้ว ส่วนในปีต่อ ๆ ไป เห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
.....