ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1038 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 20741 - 20760 จากข้อมูลทั้งหมด 124006 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20741 | การแก้ไขปัญหาการใช้ความเค็มในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืด | ทส | 26/04/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบร่างคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ .../๒๕๕๙ เรื่อง มอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการจังหวัด ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการแก้ไขคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๖/๒๕๕๓ โดยแก้ไขนิยามคำว่า “สัตว์น้ำ” หมายความว่า สัตว์น้ำมาตรา ๔ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. ๒๔๙๐ เป็น “สัตว์น้ำ” หมายความว่า สัตว์น้ำที่กำหนดนิยามไว้ตามกฎหมายว่าด้วยการประมง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสัตว์น้ำในอนาคต และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการใช้ความเค็มในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืด เกี่ยวกับการระงับความเค็มในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืดโดยด่วนต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการเร่งดำเนินการศึกษาแผนแม่บทการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของประเทศให้แล้วเสร็จควบคู่กับการศึกษาผลกระทบของการเลี้ยงสัตว์น้ำด้วยระบบปิดที่มีต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่น้ำจืดในภูมิภาคต่าง ๆ และศึกษาการกำหนดเขตพื้นที่น้ำจืดใหม่ที่ชัดเจนโดยละเอียด รวมทั้งการเร่งพิจารณาและกำหนดกรอบระยะเวลาในการจัดทำและประกาศใช้แผนแม่บทการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของประเทศ การจัดเตรียมแนวทางและความพร้อมในการชี้แจงความจำเป็นในการเร่งปรับระบบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืดให้มีความยั่งยืนและการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้งขาวในเบื้องต้นอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม และการพิจารณาถึงความจำเป็นและเหมาะสมในการผ่อนผันให้เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้งขาวที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมประมงภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
20742 | ร่างปฏิญญาการประชุมว่าด้วยการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์และมาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย (CICA) ระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ครั้งที่ 5 | กต | 26/04/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการร่างปฏิญญาการประชุมว่าด้วยการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์และมาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย (Conference on Interaction and Confidence Building Measures in Asia : CICA) ระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ครั้งที่ ๕ ภายใต้หัวข้อ “การส่งเสริมสันติภาพ ความมั่นคง เสถียรภาพและการพัฒนาอย่างยั่งยืนในเอเชียผ่านการเสวนาระหว่างอารยธรรมต่าง ๆ” (Promoting Peace, Security, Stability and Sustainable Development in Asia through Dialogue among Civilizations) โดยสาระสำคัญของร่างปฏิญญาฯ เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของประเทศสมาชิก CICA ที่จะร่วมมือกันเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันในการเผชิญกับปัญหาและสิ่งท้าทายต่าง ๆ ผ่านกรอบความร่วมมือทั้ง ๕ มิติ ได้แก่ การเมืองและการทหาร เศรษฐกิจ ภัยคุกคามและความท้าทายรูปแบบใหม่ สิ่งแวดล้อม และมนุษย์ โดยให้ความสำคัญของการส่งเสริมการเสวนาระหว่างวัฒนธรรม ศาสนาและอารยธรรมต่าง ๆ เพื่อความเข้าใจและสันติภาพ ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองปฏิญญาฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับร่างปฏิญญาฯ วรรคที่ ๒๕ ควรให้ความสำคัญต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างเท่าเทียมกัน วรรคที่ ๓๑ ควรให้ความสำคัญต่อการขับเคลื่อนประชาคมอาเซียนอย่างต่อเนื่องภายหลังการจัดตั้งอย่างเป็นทางการ วรรคที่ ๓๙ ควรหยิบยกให้เห็นความสำคัญต่อ ๑๗ เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งมุ่งลดความยากจน ต่อต้านความอยุติธรรมและความเหลื่อมล้ำ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีความไม่แน่นอน และวรรคที่ ๔๓ ควรหยิบยกให้เห็นว่าการให้ความสำคัญของประธาน CICA ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน ต่อการเข้ามีส่วนร่วมของกลุ่มเยาวชน สภาธุรกิจ และมาตรการสร้างความเชื่อมั่นต่าง ๆ เป็นการเสริมสร้างการเข้ามีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนและช่วยลดความเหลื่อมล้ำระหว่างกัน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาความเป็นไปได้ในการเพิ่มประเด็นที่น่าสนใจและจะเป็นประโยชน์ต่อการประชุมในครั้งนี้ เช่น การใช้สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Information and Communication Technology) |
||||||||||||||||||||||||||||||
20743 | โครงการส่งเสริมการใช้ยางในหน่วยงานภาครัฐ | กษ | 26/04/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ชี้แจงว่า เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์ระดับราคารับซื้อยางในตลาดได้ปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและสูงกว่าราคารับซื้อยางเฉลี่ยที่กำหนดไว้ในโครงการส่งเสริมการใช้ยางในหน่วยงานภาครัฐ ดังนั้น จึงอาจจะยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการรับซื้อยางตามโครงการในช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะต้องขอกรอบงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการไว้ก่อนเพื่อเตรียมการรับซื้อยางในกรณีที่ราคายางลดลงกลับสู่ระดับที่ต่ำกว่าราคากำหนดซื้อยางภายใต้โครงการดังกล่าว ๒. รับทราบแผนการลงทุน (งบทำการ) โครงการส่งเสริมการใช้ยางในหน่วยงานภาครัฐ ปีงบประมาณ ๒๕๕๙-๒๕๖๐ เป็นเงินงบประมาณทั้งสิ้น ๕,๔๗๙ ล้านบาท ประกอบด้วย แผนการใช้จ่ายเงิน แผนการกู้เงิน และแผนการชำระเงินกู้ ตามมาตรา ๕๕ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยค่าใช้จ่ายในการรับซื้อยางจากเกษตรกร ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในการบริหารโครงการ และการชดเชยส่วนต่างของทุนดำเนินการตามโครงการส่งเสริมการใช้ยางในหน่วยงานภาครัฐในกรอบวงเงิน ๕,๔๗๙ ล้านบาท ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ส่วนการค้ำประกันการกู้เงินให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในประเด็นการวางแนวทางปฏิบัติภารกิจให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
20744 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 งบกลาง เพิ่มเติม (โครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ) | กห | 26/04/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป จำนวน ๖๒๕,๙๕๗,๒๐๐ บาท ให้กองทัพบก เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๘๔ โครงการ ต่อไป ตามมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
20745 | ขอความเห็นชอบคณะรัฐมนตรีในการเข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิกความตกลงว่าด้วยมาตรการของรัฐเจ้าของท่าเพื่อป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงานและไร้การควบคุมขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ | กษ | 26/04/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการเข้าเป็นภาคีตามความตกลงว่าด้วยมาตรการของรัฐเจ้าของท่าเพื่อป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำประมงผิดกฎหมายขาดการรายงาน และไร้การควบคุมขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations : FAO) ซึ่งการเข้าเป็นภาคีความตกลงดังกล่าวจะเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายของประเทศไทย โดยความตกลงดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมโดยการปฏิบัติตามมาตรการของรัฐเจ้าของท่าอย่างมีประสิทธิภาพอันจะนำไปสู่การอนุรักษ์ และการใช้ทรัพยากรที่มีชีวิตในทะเลและระบบนิเวศทางทะเลอย่างยั่งยืนในระยะยาว ๑.๒ มอบหมายกระทรวงการต่างประเทศพิจารณาดำเนินการภาคยานุวัติความตกลงฉบับนี้ ๑.๓ มอบหมายกรมประมงเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก (Contact point) ในการประสานการปฏิบัติตามมาตรา ๑๖ ของความตกลงฉบับนี้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรบูรณาการแผนและกระบวนการทำงาน รวมทั้งกำหนดและซักซ้อมแนวทางปฏิบัติในรายละเอียดให้มีความคล่องตัวและมีระยะเวลาดำเนินการในแต่ละขั้นตอนการปฏิบัติที่ชัดเจน เพื่อให้การดำเนินการตามพันธกรณีตามความตกลงดังกล่าวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องไม่กลายเป็นอุปสรรคต่อการขนถ่ายสินค้าและการใช้บริการของท่าเรือเพื่อดำเนินธุรกิจประมงและอุตสาหกรรมต่อเนื่องของภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการประชาสัมพันธ์แนวทางปฏิบัติให้ภาคเอกชนและธุรกิจที่เกี่ยวข้องรับทราบอย่างทั่วถึงก่อนดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
20746 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) (นายเจษฎา กตเวทิน) | กต | 26/04/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเจษฎา กตเวทิน ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมัสกัต รัฐสุลต่านโอมาน ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
20747 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงคมนาคม) (จำนวน 3 ราย 1. นายกฤชเทพ สิมลี ฯลฯ) | คค | 26/04/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงคมนาคม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. นายกฤชเทพ สิมลี ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายธานินทร์ สมบูรณ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทางหลวง ๓. นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร |
||||||||||||||||||||||||||||||
20748 | แต่งตั้งกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (นายฉัตรชัย ศิริไล) | กค | 26/04/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายฉัตรชัย ศิริไล ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ ตั้งแต่วันที่สัญญาจ้างมีผลบังคับใช้เป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้ให้ความเห็นชอบการกำหนดอัตราเงินเดือน ผลประโยชน์ตอบแทนอื่น และเงื่อนไขการจ้างตามพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๑๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และพระราชบัญญัติธนาคารอาคารสงเคราะห์ พ.ศ. ๒๔๙๖ แล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้นายฉัตรชัย ศิริไล ลาออกจากการเป็นพนักงานก่อนลงนามในสัญญาจ้างด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
20749 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (จำนวน 10 คน 1. นางปัจฉิมา ธนสันติ ฯลฯ) | ทส | 26/04/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ชุดใหม่ จำนวน ๑๐ คน เนื่องจากกรรมการชุดเดิมได้พ้นจากตำแหน่ง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ เมษายน ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นางปัจฉิมา ธนสันติ ประธานกรรมการ ๒. นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ กรรมการ ๓. นายดุสิต เขมะศักดิ์ชัย กรรมการ ๔. นางจิราพร คูสุวรรณ กรรมการ ๕. พลตรี ณัฏฐพัชร สกุลรังสฤษฏ์ กรรมการ ๖. นายสิรินทร์ แก้วละเอียด กรรมการ ๗. นายธนิต ธงทอง กรรมการ ๘. นายจรูญ อิ่มเอิบสิน กรรมการ ๙. นางสาวสิริวรรณ สุวรรณศร กรรมการ ๑๐. นางสาวเยาวนุช วิยาภรณ์ กรรมการ ผู้แทนกระทรวงการคลัง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
20750 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) (นางนงนุช เพ็ชรรัตน์ และนายธีรวัฒน์ ภูมิจิตร) | กต | 26/04/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน ในจำนวนนี้เป็นการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศ จำนวน ๑ ราย ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับแล้ว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นางนงนุช เพ็ชรรัตน์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายธีรวัฒน์ ภูมิจิตร ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี |
||||||||||||||||||||||||||||||
20751 | รายงานผลการเดินทางไปราชการในการจัดกิจกรรมชักจูงการลงทุน (Road Show) โครงการนิคมอุตสาหกรรมยางพารา (Rubber City) จังหวัดสงขลา ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน | อก | 26/04/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานผลการเดินทางไปราชการในการจัดกิจกรรมชักจูงการลงทุน (Road Show) โครงการนิคมอุตสาหกรรมยางพารา (Rubber City) จังหวัดสงขลา ณ นครชิงต่าว มณฑลซานตง สาธารณรัฐประชาชนจีน ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะ ระหว่างวันที่ ๘-๑๑ เมษายน ๒๕๕๙ โดยได้มีการจัดสัมมนาส่งเสริมการลงทุน การลงนามในบันทึกความเข้าใจ การเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและสถาบันยางพารามณฑลซานตง โดยการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพารา การจัดทำหนังสือแสดงเจตจำนงในการขยายการลงทุน ระยะที่ ๓ ของบริษัท Linglong International Tire Co., Ltd. ในนิคมอุตสาหกรรม ส่งผลดีต่อการชักจูงการลงทุน และการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ศักยภาพของโครงการนิคมอุตสาหกรรมยางพารา (Rubber City) ไปยังกลุ่มเป้าหมายผู้ประกอบการจีน โดยได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นการยกระดับความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมยางพาราของทั้งสองฝ่ายให้มากขึ้นด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
20752 | สรุปผลการเยือนไทยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และคณะ ระหว่างวันที่ 25 - 27 กุมภาพันธ์ 2559 | ยธ | 26/04/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานสรุปผลการเยือนไทยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และคณะ ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เพื่อประชุมหารือข้อราชการและศึกษาดูงานหน่วยงานด้านกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย เพื่อเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์การดำเนินงานด้านกระบวนการยุติธรรม และส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือและสร้างเครือข่ายการดำเนินงานด้านกระบวนการยุติธรรมร่วมกันของทั้งสองประเทศ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. ไทยและเวียดนามได้มีการพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือ โดยได้มีการยกระดับความสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม ไปสู่ความเป็น "หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์" ผ่านการขยายความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ รวมทั้งประสานความร่วมมือเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงาน ตลอดจนร่วมกันพัฒนาข้อกฎหมายเพื่อพัฒนากระบวนการยุติธรรมให้มีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืนและเป็นรูปธรรม ๒. ไทยและเวียดนามเห็นชอบในแผนการดำเนินงาน ประจำปี ๒๕๕๙ (Work Plan for 2016) ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนความร่วมมือระหว่างกันตามข้อตกลงของบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงยุติธรรมเวียดนามและกระทรวงยุติธรรมไทย ซึ่งได้มีการลงนามไปแล้วเมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๘ โดยมุ่งเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเวียดนามในมิติด้านกระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือทางกฎหมายที่ทั้งสองประเทศได้ให้ความสำคัญ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนเอกสารทางกฎหมาย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างกระทรวงยุติธรรมของทั้งสองประเทศ ๓. เวียดนามได้เสนอแนะให้มีการพัฒนาความร่วมมือในด้านต่าง ๆ เช่น การสืบพยานข้ามประเทศ การส่งผู้ร้ายข้ามแดน และการค้าเด็กข้ามชาติ เป็นต้น รวมทั้งได้แสดงความสนใจที่จะให้บุคลากรในกระบวนการยุติธรรมและนักวิจัยจากเวียดนามเข้าศึกษาในหลักสูตรต่าง ๆ หรือแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการดำเนินงานจากบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมของไทย ๔. กระทรวงยุติธรรมเวียดนามอยู่ระหว่างเสนอรัฐสภาเพื่อปฏิรูปงานด้านกฎหมาย โดยปี ค.ศ. ๒๐๑๓ ได้กำหนดให้ในการดำเนินคดีอาญาต้องมีทนายความเข้าร่วมด้วย และในปี ค.ศ. ๒๐๑๕ ได้ริเริ่มให้มีการจัดทำความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนบุคลากรกับไทย และหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้มีการร่วมมือกับกระทรวงยุติธรรมไทยและเนติบัณฑิตยสภาในการผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ๕. กระทรวงยุติธรรมไทย (กรมบังคับคดี) ได้มีการพัฒนาความร่วมมือกับต่างประเทศ (International Cooperation) โดยในปี ค.ศ. ๒๐๑๘ จะมีการจัดประชุมระหว่างประเทศด้านล้มละลายระหว่างประเทศอาเซียนบวกสามร่วมกับหน่วยงานระดับโลกอื่น ได้แก่ World Bank และ UNCITRAL โดยประสงค์จะให้กระทรวงยุติธรรมเวียดนามเข้าร่วมด้วย ๖. เวียดนามหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในการแลกเปลี่ยนคณาจารย์ นักศึกษา และพัฒนาหลักสูตรร่วมกันในอนาคต ซึ่งไทยได้แสดงความพร้อมที่จะร่วมมือกับสถาบันการศึกษาของเวียดนาม โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนคณาจารย์ นักศึกษา รวมไปถึงมีการจัดการสัมมนาทางวิชาการร่วมกัน สำหรับความร่วมมือในการพัฒนาหลักสูตร มีความจำเป็นต้องหารือในรายละเอียดก่อนการดำเนินการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
20753 | สรุปผลการดำเนินงานกระทรวงพาณิชย์ รอบ 6 เดือน (ตุลาคม 2558 - มีนาคม 2559) | พณ | 26/04/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า ในปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ได้รับจัดสรรงบประมาณรวม ๘,๘๔๘ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้วประมาณร้อยละ ๖๐ สูงกว่าเป้าหมายที่คณะรัฐมนตรีกำหนดไว้ โดยในรอบ ๖ เดือนที่ผ่านมา (ตุลาคม ๒๕๕๘-มีนาคม ๒๕๕๙) มีผลการดำเนินงานที่สำคัญ ดังนี้
๑. การดูแลราคาสินค้าเกษตร ได้ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจรขึ้นเป็นครั้งแรกตามนโยบายการตลาดนำการผลิต และมีแผนจะดำเนินการในทำนองเดียวกันกับพืชชนิดอื่น ๆ ในระยะต่อไปด้วย ๒. การดูแลค่าครองชีพ ได้จัดจำหน่ายสินค้าธงฟ้าราคาประหยัดเพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชน และได้เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคผ่านโครงการร้านอาหารราคาประหยัด “หนูณิชย์...พาชิม” ทั่วประเทศ ๓. การสร้างความเข้มแข็งให้ท้องถิ่นผ่านกลไก “ประชารัฐ” ได้พัฒนาตลาดชุมชนเดิมสู่ “ตลาดต้องชม” พัฒนาศูนย์จำหน่ายสินค้าเกษตรชุมชน (Farm Outlet) และมีแผนจะพัฒนา “หมู่บ้านทำมาค้าขาย” รวมทั้งพัฒนาร้านค้าส่งต้นแบบ ๔. การสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยทรัพย์สินทางปัญญา สนับสนุน SMEs ให้มี Brand ของตนเอง เร่งแก้ไขปัญหาความล่าช้าในการจดทะเบียน และมุ่งพัฒนาสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ จีไอ รวมทั้งสนับสนุน SMEs Start-up ให้สามารถสร้างนวัตกรรมและต่อยอดเทคโนโลยีด้วยทรัพย์สินทางปัญญา ๕. การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อเพิ่มช่องทางการค้าและอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ เช่น ส่งเสริมระบบตลาด e-Commerce ผ่านเว็บไซต์ thaitrade.com บริการข้อมูลของทุกหน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์ผ่านเว็บไซต์เดียว รวมทั้งให้บริการผ่าน Application บน Smart Phone ๖. การผลักดันการส่งออก ได้ริเริ่มผลักดันความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวในอนุภูมิภาค แสวงหาโอกาสทางการค้าในตลาดใหม่ เจาะลึกเมืองรองในตลาดสำคัญ โดยเริ่มจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งตั้งเป้าขยายการค้าสู่ภาคบริการที่ไทยมีศักยภาพให้มากขึ้น รวมถึงได้สร้างเครือข่ายผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน หรือ YEN-D Program ด้วย ๗. การปรับโครงสร้างองค์กร ได้ปรับรวมหน่วยงานทุกสังกัดในส่วนภูมิภาคเข้าด้วยกันภายใต้แนวคิด One Roof ทั้ง ๗๖ จังหวัด เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เข้มแข็ง และจัดทำแผนกรอบอัตรากำลังใหม่เพื่อรองรับยุทธศาสตร์การส่งออก รวมถึงได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการและเครือข่ายการต่อต้านการทุจริตขึ้นในทุกหน่วยงาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
20754 | ข้อคิดเห็นของรองนายกรัฐมนตรี | อื่นๆ | 26/04/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รายงาน และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงคมนาคมรับข้อสังเกตตามผลการประชุมเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันตกร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดไปพิจารณาดำเนินการต่อไป สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ ผลการประชุมเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันตกร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๙ ณ จังหวัดเพชรบุรี ที่ประชุมมีข้อสังเกตว่าควรเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น การแก้ปัญหาภัยแล้ง เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาเร่งรัดการดำเนินโครงการพัฒนาระบบผันน้ำเชื่อมโยง ๒ จังหวัด จากแม่น้ำเพชรบุรีถึงอ่างเก็บน้ำห้วยมงคล (เพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์) ระยะทางประมาณ ๔๒ กิโลเมตร เพื่อสนับสนุนการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และการปรับปรุงเส้นทางคมนาคมทางบก เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมปรับปรุงเส้นทางโดยเฉพาะในจุดที่เป็นเส้นทางท่องเที่ยวสำคัญ เช่น การทำทางยกระดับเพื่อแก้ปัญหาการจราจรบริเวณถนนพระราม ๒ และเร่งปรับปรุงซ่อมแซมเส้นทางที่ชำรุดทรุดโทรมโดยเฉพาะเส้นทางสายหลักสู่ภาคใต้ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวและประชาชน ๑.๒ การพัฒนาด้านการท่องเที่ยวและการแก้ไขปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญควบคู่ไปกับการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวคุณภาพ สร้างศักยภาพการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยมีเป้าหมายในการรักษาฐานการท่องเที่ยวของประเทศ เพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการ และเพิ่มการกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนท้องถิ่นอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ๒. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รายงานว่า ๒.๑ ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน ITU Telecom World 2016 ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยการจัดงานในครั้งนี้จะเป็นการสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย และเป็นการเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าร่วมงานดังกล่าวได้ เช่น วิสาหกิจเริ่มต้น (Start Up) วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ๒.๒ ในการเป็นผู้แทนนายกรัฐมนตรีเพื่อเปิดการสัมมนาเพื่อเสริมสร้างธรรมาภิบาลให้กับคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด และเครือข่าย ๘ จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๙ ได้ชี้แจงเกี่ยวกับนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนและความห่วงใยในความเดือดร้อนของประชาชน เช่น นโยบายประชารัฐ มาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว พร้อมทั้งได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นต่าง ๆ กับผู้เข้าสัมมนาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
20755 | ความตกลงอาเซียนว่าด้วยบทบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (ASEAN Agreement on Medical Device Directive) (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 26/04/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอความตกลงอาเซียนว่าด้วยบทบัญญัติเครื่องมือแพทย์ (ASEAN Agreement on Medical Device Directive) ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
20756 | ร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 26/04/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
20757 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 26/04/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงการคลังพิจารณาแนวทางเพิ่มเติมเพื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงโครงการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการบ้านประชารัฐ ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวต้องคำนึงถึงความสามารถและฐานะของสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการในอนาคตด้วย ๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการปรับปรุงเส้นทางคมนาคมทางบก โดยเฉพาะในจุดที่เป็นเส้นทางท่องเที่ยวสำคัญ เช่น ทางยกระดับเพื่อแก้ปัญหาการจราจรบริเวณถนนพระราม ๒ เส้นทางสายหลักสู่ภาคใต้ที่ชำรุดทรุดโทรม เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวและประชาชน ๑.๓ ให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินโครงการเพื่อสนับสนุนการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เช่น พัฒนาระบบผันน้ำเชื่อมโยง ๒ จังหวัด จากแม่น้ำเพชรบุรีถึงอ่างเก็บน้ำห้วยมงคล (จังหวัดเพชรบุรี-จังหวัดประจวบคีรีขันธ์) ๑.๔ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาแนวทางการส่งเสริมเมล็ดพันธุ์ข้าวให้เกษตรกร โดยหาวิธีอื่นแทนการแจกเมล็ดพันธุ์ เช่น การนำเมล็ดพันธุ์ดีไปแลกเมล็ดพันธุ์ของเกษตรกร ๒. ด้านการต่างประเทศ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำสรุปกรอบความร่วมมือในภารกิจสำคัญที่ประเทศไทยร่วมมือกับต่างประเทศในระดับต่าง ๆ เช่น กรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue : ACD) กรอบความร่วมมืออาเซียน กรอบความร่วมมือในกลุ่มประเทศกัมพูชา-ลาว-เมียนมา-เวียดนาม (CLMV) กรอบความร่วมมือกับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในองค์การสหประชาชาติ (Group of 77 : G77) กรอบความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ โดยจัดทำกรอบระยะเวลาการดำเนินการให้ชัดเจนว่ากิจกรรมใดจะต้องดำเนินการภายในช่วงการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล (ภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐) และกิจกรรมใดจะต้องส่งต่อให้รัฐบาลชุดต่อไป โดยให้นำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ทุกส่วนราชการจัดทำแผนงานในภารกิจหลักของหน่วยงานระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) ส่งให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรวบรวมนำเสนอนายกรัฐมนตรี รวมทั้งมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีทุกท่านจัดทำแผนการปฏิรูปภารกิจที่สำคัญในความรับผิดชอบที่จะดำเนินการในช่วงปี ๒๕๕๙-๒๕๖๐ โดยให้มีแผนที่นำทาง (Roadmap) ในแต่ละภารกิจที่ชัดเจน จำแนกเป็นภารกิจหลัก ภารกิจรอง และภารกิจเสริม โดยให้ความสำคัญกับการบูรณาการทั้งในเชิงการบริหารงานและการบริหารงบประมาณ ความพร้อมในด้านกฎหมาย การกำหนดกลไกการขับเคลื่อนการวางแผนการบริหารจัดการในระยะยาวอย่างเป็นระบบ การบริหารและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน นั้น ให้ดำเนินการ ๓.๑.๑ ให้รองนายกรัฐมนตรีทุกท่านกำกับให้ทุกส่วนราชการเร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าว โดยในการจัดทำ Roadmap ให้คำนึงถึงความเป็นไปได้ในการดำเนินการให้แล้วเสร็จในช่วงปี ๒๕๕๙-๒๕๖๐ เป็นสำคัญ และให้พิจารณาในด้านต่าง ๆ ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เช่น การเกษตร การบริหารจัดการน้ำ ระบบโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ การศึกษา สาธารณสุข เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ความมั่นคง การค้าการลงทุน การสนับสนุนวิสาหกิจเริ่มต้น (Start Up) ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การจัดระเบียบพื้นที่ ระบบการคมนาคมขนส่ง การจัดการเมืองใหญ่ การบริหารจัดการแรงงานทั้งในและต่างประเทศ กฎหมายและการแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบ วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา การอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ ทั้งนี้ ให้รองนายกรัฐมนตรีทุกท่านส่ง Roadmap ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) ในฐานะประธานกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ภายในสัปดาห์หน้าเพื่อรวบรวมนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๓.๑.๒ ให้ทุกส่วนราชการดำเนินการเกี่ยวกับภารกิจที่สำคัญในความรับผิดชอบโดยเฉพาะอย่างยิ่งภารกิจที่เป็นประโยชน์โดยตรงต่อประชาชนหรือเรื่องที่สมควรสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชน โดยจัดทำสื่อวีดิทัศน์เผยแพร่ภารกิจในลักษณะดังกล่าวส่งให้กรมประชาสัมพันธ์เพื่อนำไปออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยผ่านรายการคืนความสุขให้คนในชาติหรือรายการเดินหน้าประเทศไทย รวมทั้งเชื่อมโยงข้อมูลภารกิจในลักษณะดังกล่าว และ Application ในความรับผิดชอบกับศูนย์กลางแอปพลิเคชันภาครัฐ (Government Application Center : GAC) ๓.๒ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๕๙ ให้ทุกส่วนราชการขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายต่าง ๆ โดยใช้กลไกประชารัฐในการขับเคลื่อนตามแนวทางที่นายกรัฐมนตรีเสนอ นั้น ในการจัดทำโครงการหรือดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของส่วนราชการในระยะต่อไป ให้ส่วนราชการเชิญคณะกรรมการสานพลังประชารัฐและคณะทำงาน ๑๒ คณะ ภาคธุรกิจ เข้าร่วมตามความเหมาะสมด้วย เพื่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ตามแนวทางประชารัฐอย่างมีประสิทธิภาพ ๓.๓ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดดำเนินการจัดหารถไฟฟ้าสำหรับโครงการระบบรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Airport Rail Link) และพิจารณาเพิ่มเติมสิ่งอำนวยความสะดวกในสถานี เช่น ลิฟท์ และทางลาดสำหรับผู้โดยสารที่มีสัมภาระ รวมทั้งพิจารณาช่องทางการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนอื่น โดยให้คำนึงถึงความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนเป็นหลัก
|
||||||||||||||||||||||||||||||
20758 | แผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agricultural Map for Adaptive Management : Agri - Map) | กษ | 26/04/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า
๑. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดทำแผนที่เพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agricultural Map for Adaptive Management : Agri-Map) มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นแผนที่สำหรับบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การเพาะปลูกและผลผลิตด้านการเกษตรรายจังหวัด ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต ในมิติของปัจจัยการผลิต อุปสงค์และอุปทาน โดยแสดงการใช้พื้นที่เกษตรกรรมของแต่ละจังหวัดให้เกิดความสมดุลและมีเป้าหมายสำหรับบริหารจัดการสินค้าเกษตร การใช้พื้นที่เกษตรกรรม การพัฒนาแหล่งน้ำทั้งบนดินและแหล่งน้ำใต้ดิน ๒. แผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agri-Map) ประกอบด้วย แผนที่ขอบเขตการปกครอง การใช้ที่ดินในปัจจุบัน พื้นที่ปลูกพืชเศรษฐกิจ พื้นที่ที่เหมาะสมและไม่เหมาะสมกับพืชเศรษฐกิจรายชนิดที่ปลูกในปัจจุบัน แหล่งน้ำผิวดิน/บ่อบาดาลในปัจจุบัน และแผนการพัฒนาแหล่งน้ำระหว่างปี ๒๕๖๐-๒๕๗๐ รวมทั้งข้อมูลด้านการตลาดและระบบการจัดการส่งสินค้า (Logistics) โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถนำแผนที่ไปใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการในระดับจังหวัด ซึ่งเป็นการดำเนินงานในเชิงนโยบายและการขับเคลื่อน และระดับปฏิบัติการในศูนย์การเรียนรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร
|
||||||||||||||||||||||||||||||
20759 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรการแทนการฟ้องคดีอาญา พ.ศ. .... | นร09 | 26/04/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติมาตรการแทนการฟ้องคดีอาญา พ.ศ. .... ยังมีประเด็นข้อห่วงกังวลหลายประการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงมีมติให้ชะลอการดำเนินการเรื่องนี้ไว้ก่อน และให้กระทรวงยุติธรรมนำร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ไปหารือร่วมกับสำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งเมื่อมีความชัดเจนและได้ข้อยุติในหลักการแล้ว ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๙ (เรื่อง การดำเนินการด้านกฎหมาย)
|
||||||||||||||||||||||||||||||
20760 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) (นางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา) | ทก | 26/04/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน นางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งที่ปรึกษาการพัฒนาระบบราชการ (นักพัฒนาระบบราชการทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ
|
.....