ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1033 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 20641 - 20660 จากข้อมูลทั้งหมด 124006 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20641 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องซักผ้าใช้ในที่อยู่อาศัยต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องซักผ้าใช้ในที่อยู่อาศัยต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องซักผ้าใช้ในที่อยู่อาศัยต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
20642 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติเพื่อให้เกิดการบูรณาการและทำให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
20643 | การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 | กค | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินโครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ ๓ เดือนแรก ณ วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ หน่วยงานมีการเบิกจ่ายเงินรวมทั้งสิ้น ๒๐,๕๐๐.๐๙ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๙๑.๗๖ ของวงเงินที่หน่วยงานลงนามในสัญญาแล้ว จำนวน ๒๒,๓๔๑.๕๗ ล้านบาท แบ่งเป็น ๑.๑.๑ หน่วยงานที่ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน ๒ หน่วยงาน วงเงินลงนามในสัญญารวม ๖,๒๒๐.๑๒ ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายรวม ๖,๑๙๖.๘๔ ล้านบาท ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วงเงิน ๒,๓๗๑.๓๘ ล้านบาท และกระทรวงคมนาคม วงเงิน ๓,๘๒๕.๔๖ ล้านบาท ๑.๑.๒ หน่วยงานที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน ๓ หน่วยงาน วงเงินลงนามในสัญญารวม ๑๖,๑๒๑.๔๕ ล้านบาท เบิกจ่ายไปแล้ววงเงินรวม ๑๔,๓๐๓.๒๔ ล้านบาท คงเหลือวงเงินที่คาดว่าจะเบิกจ่าย ๑,๘๑๖.๘๔ ล้านบาท ได้แก่ กระทรวงกลาโหม คงเหลือ ๑ โครงการ คือ โครงการงานก่อสร้างบ้านพัก พันเอก (พิเศษ) ของศูนย์ต่อสู้ป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบกที่ ๔ วงเงิน ๑.๙๐๗ ล้านบาท (๒) กระทรวงศึกษาธิการ วงเงิน ๑,๐๓๗.๖๓ ล้านบาท และ (๓) กระทรวงสาธารณสุข วงเงิน ๗๗๗.๓๐ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติขยายระยะเวลาให้หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก กระทรวงกลาโหม สามารถเบิกจ่ายเงินกู้สำหรับโครงการงานก่อสร้างบ้านพัก พันเอก (พิเศษ) ของศูนย์ต่อสู้ป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบกที่ ๔ ตามโครงการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะ ๓ เดือนแรก จำนวน ๑,๙๐๗,๐๖๑ บาท ได้จนถึงวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ทั้งนี้ หากหน่วยงานไม่สามารถดำเนินการเบิกจ่ายได้แล้วเสร็จให้ไปใช้เงินจากแหล่งอื่นต่อไป ๒. ให้กระทรวงกลาโหม (หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก) เร่งรัดการเบิกจ่ายเงินกู้สำหรับโครงการงานก่อสร้างบ้านพัก พันเอก (พิเศษ) ของศูนย์ต่อสู้ป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบกที่ ๔ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงถึงสาเหตุที่ทำให้โครงการก่อสร้างต้องล่าช้า ซึ่งหากพบว่าผู้รับจ้างต้องรับผิดก็ให้ดำเนินการเรียกร้องค่าปรับและค่าเสียหายตามสัญญาและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไปตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒) ๓. ในส่วนของโครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ ๓ เดือนแรก ที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการและยังเบิกจ่ายไม่แล้วเสร็จ ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒) อย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20644 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2559 | กษ | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๙ ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) การยกร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการปฏิรูปปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้งระบบ (๒) การบริหารจัดการน้ำมันปาล์มของกลางของกรมศุลกากร (๓) ค่าใช้จ่ายจากการตรวจจับการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์ม (๔) การระบายน้ำมันปาล์มดิบ (๕) ร่างพระราชบัญญัติปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม พ.ศ. .... (๖) ข้อเสนอเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผลปาล์มน้ำมันจังหวัดกระบี่ และ (๗) แนวทางการพัฒนาคุณภาพปาล์มน้ำมันจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ประธานกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติเสนอ ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการปฏิรูปปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้งระบบที่จะดำเนินการโดยคณะอนุกรรมการปฏิรูปปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้งระบบนั้น ควรนำแนวทางตามยุทธศาสตร์ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม ภายใต้ยุทธศาสตร์สินค้าเกษตร ๔ สินค้า (ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลังผลิตภัณฑ์ ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม อ้อยโรงงานและน้ำตาลทราย) ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๘ มาประกอบการพิจารณาด้วย เพื่อให้การดำเนินนโยบายมีความชัดเจน ต่อเนื่อง และเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20645 | ผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีแห่งรัฐปาเลสไตน์ | กต | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีแห่งรัฐปาเลสไตน์ (นายมามุด อับบาส) ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ซึ่งการเยือนครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีกับประเทศไทยในทุกมิติ และจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่ดีอยู่แล้วให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยทั้งสองฝ่ายได้มีการหารือทวิภาคีระหว่างกัน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ มีประเด็นสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ความสัมพันธ์ในภาพรวม ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่า การที่ไทยมอบหมายให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอัมมาน มีอาณาเขตครอบคลุมรัฐปาเลสไตน์จะช่วยเพิ่มการติดต่อ ส่งเสริมความสัมพันธ์ และความร่วมมือระหว่างไทยกับรัฐปาเลสไตน์มากขึ้น ตลอดจนช่วยส่งเสริมให้เกิดความสัมพันธ์ในระดับภาคเอกชนและประชาชนระหว่างประเทศทั้งสอง โดยประธานาธิบดีแห่งรัฐปาเลสไตน์ได้แสดงความมุ่งหวังที่จะจัดตั้งสถานเอกอัครราชทูตปาเลสไตน์ในประเทศไทย ๑.๒ ความร่วมมือทางวิชาการ/ความร่วมมือเพื่อการพัฒนา นายกรัฐมนตรีได้แสดงความพร้อมที่จะสนับสนุนการพัฒนารัฐปาเลสไตน์ทั้งในด้านการพัฒนาทรัพยากรบุคคล และด้านอื่น ๆ ที่สอดคล้องกับความต้องการของปาเลสไตน์ เช่น การท่องเที่ยว กีฬา การเกษตร สาธารณสุขและการพัฒนาทักษะวิชาชีพ พร้อมย้ำว่า ไทยยังคงสนับสนุนทุนฝึกอบรมประจำปีต่อไป นอกจากนี้ ไทยได้ให้ความช่วยเหลือรัฐปาเลสไตน์ภายใต้กรอบความร่วมมือ Conference on Cooperation among East Asian Countries for Palestinian Development (CEAPAD) ซึ่งที่ผ่านมา ไทยได้จัดการฝึกอบรมด้านการท่องเที่ยวให้แก่บุคลากรของรัฐปาเลสไตน์ และยินดีจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม CEAPAD ระดับรัฐมนตรีครั้งที่ ๓ ร่วมกับญี่ปุ่นด้วย ๑.๓ กระบวนการสันติภาพในตะวันออกกลาง ทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับกระบวนการสันติภาพในตะวันออกกลาง โดยประธานาธิบดีแห่งรัฐปาเลสไตน์แสดงความหวังให้มีการเจรจากับรัฐอิสราเอลตามแนวทาง two-State solution ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยสนับสนุนการเจรจาระหว่างรัฐปาเลสไตน์กับรัฐอิสราเอลภายใต้กรอบสหประชาชาติและตามแนวทาง two-State solution พร้อมทั้งได้ยกตัวอย่างการแก้ไขปัญหาระหว่างไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชาโดยยึดแนวทางการแสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง ๒. มอบหมายหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวเนื่องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ได้แก่ สนับสนุนการพัฒนารัฐปาเลสไตน์โดยใช้กลไกการให้ความช่วยเหลือ/ความร่วมมือเพื่อการพัฒนา โดยเน้นด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในสาขาการท่องเที่ยว การเกษตร การพัฒนาทักษะวิชาชีพ ส่งเสริมความสัมพันธ์ในระดับประชาชน สนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกัน รวมทั้งความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านความมั่นคงระหว่างกัน |
|||||||||||||||||||||
20646 | รายงานงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2559 ของการยางแห่งประเทศไทย | กษ | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ของการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ในส่วนของงบทำการ จำนวนทั้งสิ้น ๒๓,๓๒๗.๓๓๒๖ ล้านบาท สำหรับงบลงทุนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรีเป็นภาพรวมระดับประเทศต่อไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (การยางแห่งประเทศไทย) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้การยางแห่งประเทศไทยพิจารณาดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วนและสอดคล้องตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๕๙ ที่กำหนดให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ในประเด็น “ค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง ให้ใช้จากสภาพคล่องของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำรองจ่ายไปก่อน และให้การยางแห่งประเทศไทยนำเงินกองทุนพัฒนายางพาราคืนให้ ธ.ก.ส. เป็นลำดับแรกก่อน หากไม่เพียงพอจึงเห็นควรให้ ธ.ก.ส. เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป” และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไปด้วย นอกจากนี้ การยางแห่งประเทศไทยควรให้ความสำคัญกับภารกิจที่กำหนดไว้ตามกฎหมายและการสนับสนุนการพัฒนายางทั้งระบบตามนโยบายรัฐบาล ตลอดจนการพัฒนาตามยุทธศาสตร์พัฒนายางพารา ฉบับใหม่ที่อยู่ระหว่างการจัดทำต่อไป รวมทั้งควรมีการจัดทำรายงานการประเมินผลโครงการที่ได้ดำเนินการ โดยเฉพาะโครงการสำคัญตามนโยบายรัฐบาลและโครงการและกิจกรรมสำคัญที่การยางแห่งประเทศไทยดำเนินการเอง เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีและการพิจารณางบทำการและงบลงทุนของการยางแห่งประเทศไทยในปีงบประมาณถัดไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20647 | ผลการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 14 | กต | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue : ACD) ครั้งที่ ๑๔ เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๙ ณ โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพมหานคร โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธานการประชุมและได้ร่วมรับรองถ้อยแถลงประธาน (Chairman’s Statement) พร้อมกับรัฐมนตรีและผู้แทนระดับสูงของประเทศสมาชิก ACD และมอบหมายหน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ในประเด็นเกี่ยวกับการจัดทำวิสัยทัศน์ความร่วมมือเอเชีย ค.ศ. ๒๐๓๐ การส่งเสริมการพัฒนาความเชื่อมโยง การปรับปรุงสาขาความร่วมมือใน ACD การจัดตั้งสำนักงาน ACD การส่งเสริมความร่วมมือกับภาคเอกชน และการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (ACD Summit) ครั้งที่ ๒ ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณที่เห็นว่า หลายหน่วยงานไม่ได้มีส่วนร่วมในการประชุม ACD ครั้งที่ ๑๔ ประกอบกับประเด็นที่ต้องดำเนินการ อาทิ การส่งเสริมการพัฒนาความเชื่อมโยง และการส่งเสริมความร่วมมือกับภาคเอกชน มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก จึงเห็นควรมอบหมายกระทรวงการต่างประเทศประสานหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ จัดทำแผนงานโครงการหรือกิจกรรมภายใต้กรอบความร่วมมือเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติและสามารถติดตามผลการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และโดยที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีแผนงาน GMS ครั้งที่ ๒๑ (the 21st GMS Ministerial Conference) ในระหว่างวันที่ ๒๔-๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ จึงเห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือเพื่อเน้นย้ำและผลักดันประเด็นต่าง ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันต่อไป นอกจากนี้ ผลการประชุม ACD ครั้งที่ ๑๔ มีความสอดคล้องกับนโยบายของประเทศไทยในการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ รวมทั้งส่งเสริมความสัมพันธ์พหุภาคีในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งจะนำไปสู่การผลักดันเพื่อเป็นผลลัพธ์ของการประชุม ACD Summit ครั้งที่ ๒ ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในช่วงเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในการประชุมดังกล่าวให้กระทรวงการต่างประเทศปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอจึงขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20648 | การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของกรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 [การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 (7 หน่วยงาน)] | นร | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติอัตราข้าราชการตั้งใหม่ ๖ หน่วยงาน จำนวน ๑,๔๕๗ อัตรา ได้แก่ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (กรมอุตุนิยมวิทยา) จำนวน ๑๒๖ อัตรา กระทรวงพาณิชย์ (กรมทรัพย์สินทางปัญญา) จำนวน ๑๒๐ อัตรา กระทรวงมหาดไทย (กรมที่ดิน) จำนวน ๙๗๑ อัตรา สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ) จำนวน ๔๘ อัตรา สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน ๘ อัตรา และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จำนวน ๑๘๔ อัตรา โดยไม่ให้นำตำแหน่งที่ได้รับการจัดสรรไปยุบเลิกเพื่อปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งเป็นระดับสูงขึ้น ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ และครั้งที่ ๒/๒๕๕๙ วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๙ ส่วนงบประมาณดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้หน่วยงานปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ๒. รับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ เกี่ยวกับอัตราข้าราชการตั้งใหม่ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน จำนวน ๒๒๑ อัตรา เป็นเงิน ๗๑,๑๕๓,๑๖๐ บาทต่อปี และให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเพิ่มอัตรากำลังข้าราชการตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘) ให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยด่วนด้วย |
|||||||||||||||||||||
20649 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2553 (เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาการใช้ความเค็มในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ในพื้นที่น้ำจืด) | กษ | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๓ (เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาการใช้น้ำเค็มในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืด) โดยได้มีการจัดทำแผนแม่บทการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของประเทศ การกำหนดหลักเกณฑ์การกำหนดเขตพื้นที่น้ำจืดใหม่ การกำหนดมาตรการรองรับผลกระทบและมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ การออกกฎกระทรวงกำหนดให้การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำโดยใช้ความเค็มในพื้นที่น้ำจืดเป็นกิจการการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ต้องมีการควบคุม และการกำหนดแนวทางและดำเนินการติดตามประเมินผลการใช้ความเค็มในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืด ภายใต้คำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ ๖/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๓
|
|||||||||||||||||||||
20650 | การเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงนูอากชอต และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงนูอากชอต สาธารณรัฐอิสลามมอริเตเนีย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายอะมาดู เราะเซน บา (Mr. Amadou Racine Ba)] | กต | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงนูอากชอต สาธารณรัฐอิสลามมอริเตเนีย ๒. แต่งตั้ง นายอะมาดู เราะเซน บา (Mr. Amadou Racine Ba) เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงนูอากชอต สาธารณรัฐอิสลามมอริเตเนีย |
|||||||||||||||||||||
20651 | รัฐบาลสาธารณรัฐโมซัมบิกเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นางมาเรีย กุสตาวา (Mrs. Maria Gustava)] | กต | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางมาเรีย กุสตาวา (Mrs. Maria Gustava) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐโมซัมบิกประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สืบแทน นายการ์ลูส อากูสตินโย ดู โรซารีอู (Mr. Carlos Agostinho do Rosario) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20652 | การแต่งตั้งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จังหวัดสงขลา (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายโจว ไห่เฉิง (Mr. Zhou Haicheng)] | กต | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายโจว ไห่เฉิง (Mr. Zhou Haicheng) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จังหวัดสงขลา โดยมีเขตกงสุลครอบคลุม ๑๔ จังหวัดทางภาคใต้ของประเทศไทย ได้แก่ จังหวัดสงขลา กระบี่ ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ภูเก็ต ยะลา ระนอง สตูล และสุราษฎร์ธานี สืบแทน นายจาง จิ้นสยง (Mr. Zhang Jinxiong) ซึ่งครบวาระการปฏิบัติหน้าที่ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20653 | รัฐบาลสหพันธรัฐไมโครนีเซียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายคาร์ลสัน ดี. แอพิส (Mr. Carlson D. Apis)] | กต | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายคาร์ลสัน ดี. แอพิส (Mr. Carlson D. Apis) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหพันธรัฐไมโครนีเซียประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน สืบแทน นายอาคิลลีโน แฮร์ริส ซูซาเอีย (Mr. Akillino H. Susaia) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20654 | แผนการเสนอร่างกฎหมายในระยะ 1 ปี (พฤศจิกายน 2558 - ตุลาคม 2559) และแผนการเสนอกฎหมายของหน่วยงานตามกรอบระยะเวลาการบริหารราชการแผ่นดินและการปฏิรูปประเทศของคณะรัฐมนตรี | นร | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแผนการเสนอกฎหมายของหน่วยงานตามกรอบระยะเวลาการบริหารราชการแผ่นดิน และการปฏิรูปประเทศของคณะรัฐมนตรี (ตุลาคม ๒๕๕๘-กรกฎาคม ๒๕๖๐) และเห็นชอบแผนการเสนอร่างกฎหมายในระยะ ๑ ปี (พฤศจิกายน ๒๕๕๘-ตุลาคม ๒๕๕๙) ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ในฐานะรองประธานกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ ๓ (คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านระบบราชการ กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และสร้างความปรองดองสมานฉันท์) เสนอ และให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องปฏิบัติให้เป็นไปตามแผนดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้ ให้ส่งแผนดังกล่าวให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบเพื่อเป็นข้อมูลด้วย ๒. เห็นชอบนโยบายการปฏิรูปกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวกับฝ่ายบริหาร ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ และให้ส่วนราชการถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ในการเสนอร่างกฎหมายต่อคณะรัฐมนตรีต้องมีการตรวจสอบ “ความจำเป็นในการตราพระราชบัญญัติ” (Checklist) รวม ๑๐ ประการ อย่างเคร่งครัดด้วย รวมทั้งต้องเสนอแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลา และบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในรายละเอียดของเนื้อหาให้ได้ความชัดเจนและให้ได้ข้อยุติในหลักการก่อนนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี และกรณีที่ต้องมีการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลจะต้องเป็นกรณีที่มีความจำเป็นและเพื่อประโยชน์ของประชาชนและของประเทศเป็นสำคัญเท่านั้น ตลอดจนต้องพิจารณาความเร่งด่วนตาม Function (ภารกิจพื้นฐาน) Agenda (ภารกิจยุทธศาสตร์ นโยบายเร่งด่วน แนวทางปฏิรูปภาครัฐ งบประมาณบูรณาการ) ที่มีผลต่อการปฏิรูปประเทศ และมีความทันสมัยและเป็นสากล รวมทั้งพิจารณาความจำเป็นในการคงอยู่ของคณะกรรมการต่าง ๆ เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายปฏิรูปที่สำคัญมีความต่อเนื่อง และการสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้วย ทั้งนี้ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดทำแนวปฏิบัติในเรื่องนี้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ส่วนราชการถือปฏิบัติตามนโยบายการปฏิรูปกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวกับฝ่ายบริหารอย่างเคร่งครัดต่อไป กรณีร่างกฎหมายที่อยู่ระหว่างสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาดำเนินการเสนอคณะรัฐมนตรี ที่ไม่ได้เป็นไปตามแนวปฏิบัตินี้ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งเรื่องให้ส่วนราชการไปพิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติในเรื่องนี้ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓. ให้ส่วนราชการเร่งรัดดำเนินการตรากฎหมายลำดับรองทั้งในส่วนที่ต้องออกตามพระราชบัญญัติที่มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว และเร่งรัดดำเนินการเพื่อให้กฎหมายลำดับรองที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาหรือคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเสร็จแล้วและอยู่ระหว่างส่วนราชการพิจารณายืนยันให้ความเห็นชอบ มีผลใช้บังคับโดยเร็ว ๔. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งดำเนินการตรวจพิจารณาร่างกฎหมาย รวม ๓ ฉบับ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ (การใช้ประโยชน์ที่ดินที่เหลือจากการใช้ตามวัตถุประสงค์ของการเวนคืน เช่น พื้นที่สองข้างรถไฟฟ้า) และร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์พื้นที่แนวเขตทางด่วน เพื่อเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติโดยด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
20655 | แผนแม่บทการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ (พ.ศ. 2559 - 2564) | ทส | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินงานตาม Road Map การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการกำจัดขยะมูลฝอยตกค้างสะสมในสถานที่กำจัดขยะมูลฝอย การสร้างรูปแบบการจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายที่เหมาะสม การวางระเบียบมาตรการการบริหารจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย และการสร้างวินัยของคนในการจัดการขยะมูลฝอย ๑.๒ เห็นชอบแผนแม่บทการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔) โดยมีกรอบแนวคิดในการลดการเกิดขยะมูลฝอยหรือของเสียอันตรายที่แหล่งกำเนิด การนำของเสียกลับมาใช้ซ้ำและใช้ประโยชน์ใหม่ ณ แหล่งกำเนิดตามหลักการ 3Rs (Reduce, Reuse, Recycle) เพื่อให้เกิดการจัดการขยะมูลฝอยอย่างยั่งยืน การส่งเสริมการกำจัดขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายแบบศูนย์รวม โดยใช้เทคโนโลยีแบบผสมผสานและการแปรรูปผลิตพลังงานอย่างเหมาะสม และความรับผิดชอบและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลให้จังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดทำแผนการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของจังหวัดให้สอดคล้องกับแผนแม่บทการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔) และจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด เพื่อขอตั้งงบประมาณรายปีในการจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการบูรณาการการดำเนินงานร่วมกันของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เพื่อขับเคลื่อนแผนไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม และให้มีการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงานจัดการขยะมูลฝอยของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำหรับในส่วนที่เกี่ยวกับการงบประมาณ ให้จัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ กรณีการบริหารจัดการขยะและสิ่งแวดล้อมให้ครอบคลุมครบถ้วน ทั้งหน่วยงานเจ้าภาพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งงบประมาณของแต่ละแนวทาง ตลอดจนมีความสอดคล้องกับปฏิทินงบประมาณอย่างเคร่งครัด และให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมดำเนินการควบคู่ไปกับการสร้างความตระหนักและจิตสำนึกในการจัดการขยะมูลฝอย การติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงานตามแผนแม่บทฯ โดยการกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จทั้งในระดับประเทศและในระดับจังหวัดเพื่อให้ทราบถึงการบรรลุเป้าหมายการดำเนินงานการจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทยจัดทำแผนแม่บทการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศระยะสั้น (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐) และให้เร่งรัดการดำเนินการโครงการเกี่ยวกับการบริหารจัดการขยะมูลฝอยทั้งในพื้นที่นำร่องและในระดับชุมชนและหมู่บ้านภายใต้ Road Map การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๗ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ของส่วนราชการเป็นลำดับแรก เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่รับรู้ถึงผลสัมฤทธิ์และตระหนักถึงความสำคัญเกี่ยวกับการบริหารจัดการขยะมูลฝอย รวมทั้งให้รับความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของแผนแม่บทดังกล่าวมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณในการดำเนินการเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันเงินรายได้ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดเก็บและเงินอุดหนุนจากรัฐบาลไม่เพียงพอ และจำเป็นที่จะต้องได้รับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
20656 | ร่างพระราชบัญญัติสถานพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สธ | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติสถานพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขให้สถานพยาบาลซึ่งดำเนินการโดยภาครัฐต้องมีลักษณะและมาตรฐาน หรือผ่านการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานที่กำหนด แก้ไของค์ประกอบของคณะกรรมการสถานพยาบาล แก้ไขเพิ่มเติมรายละเอียดที่ผู้รับอนุญาตต้องแสดงในสถานพยาบาล และแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การดำเนินการของสถานพยาบาลสำหรับผู้ป่วยที่ต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยฉุกเฉิน รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการโฆษณาสถานพยาบาล บทกำหนดโทษ และองค์ประกอบของคณะกรรมการเปรียบเทียบคดีให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง และกรอบระยะเวลาในการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติสถานพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ |
|||||||||||||||||||||
20657 | ข้อตกลงรับความช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากธนาคารโลก โครงการเตรียมความพร้อมต่อกลไกเรดด์พลัส (Readiness Preparation Proposal: R-PP) | กค | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างข้อตกลงรับความช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากธนาคารโลก โครงการเตรียมความพร้อมต่อกลไกเรดด์พลัส (Readiness Preparation Proposal : R-PP) โดยสาระสำคัญของร่างข้อตกลงฯ ธนาคารโลกได้อนุมัติความช่วยเหลือแบบให้เปล่าแก่ประเทศไทย ในวงเงิน ๓,๖๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนโครงการเตรียมความพร้อมต่อกลไกเรดด์พลัสหรือกลไกการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในพื้นที่ป่า โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีหน้าที่ในการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือและดำเนินโครงการ การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมภายใต้โครงการดังกล่าว และเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่จากธนาคารโลกเข้าเยี่ยมชมและตรวจสอบการดำเนินโครงการได้ การจัดทำรายงานฉบับสมบูรณ์ส่งให้แก่ธนาคารโลกภายหลังวันสิ้นสุดโครงการ รวมทั้งการจัดซื้อสินค้าและจัดจ้างบริการที่ไม่ใช่ที่ปรึกษา และการว่าจ้างที่ปรึกษา ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้กระทรวงการคลัง โดยนางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน เป็นผู้ลงนามในร่างข้อตกลงฯ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ดำเนินโครงการให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ แผนงานโครงการ และเงื่อนไขตามมาตรฐานของธนาคารโลกอย่างเคร่งครัด รวมทั้งจะต้องไม่มีความซ้ำซ้อนกับภารกิจที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว ตลอดจนปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน นอกจากนี้ ควรพิจารณาประเด็นที่เกี่ยวข้องกับชุมชนในเขตป่า โดยเน้นให้มีกลไกการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน และคำนึงถึงการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ดำเนินการอย่างรอบด้าน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20658 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - เมียนมา | คค | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างไทย-เมียนมา และบันทึกการหารือระหว่างไทย-เมียนมา โดยบันทึกการหารือฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศ สิทธิความจุความถี่และสายการบินที่กำหนด ข้อตกลงเกี่ยวกับความร่วมมือ/การทำการบินโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน และการใช้อากาศยานเช่า ๒. มอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการเพื่อให้มีการลงนามความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างไทย-เมียนมา และแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของความตกลงฯ และบันทึกการหารือดังกล่าวต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20659 | ขออนุมัติโครงการเพิ่มเติมภายใต้กรอบโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2558 ของกรมทางหลวง | คค | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบความก้าวหน้าของการดำเนินโครงการก่อสร้างทางกลับรถต่างระดับบนทางหลวงหมายเลข ๔๐๒ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งภายหลังจากที่มีการขอถอนเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง กรมทางหลวงโดยแขวงทางหลวงภูเก็ตและจังหวัดภูเก็ตได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นประชาชน เพื่อชี้แจงรายละเอียดและรูปแบบของโครงการเพิ่มเติม ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับแนวทาง รูปแบบและตำแหน่งที่จะทำการก่อสร้าง กรมทางหลวงจึงเริ่มดำเนินโครงการ โดยประกาศประกวดราคาแล้วเมื่อวันที่ ๑๘-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ และจะประกวดราคาโดยวิธี e-bidding ในวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ รวมถึงจะลงนามในสัญญาก่อสร้างภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙ ๒. อนุมัติโครงการเพิ่มเติมภายใต้กรอบโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๘ ของกรมทางหลวง แผนงานบำรุงรักษาทางหลวง จำนวน ๕๓ รายการ ภายในกรอบวงเงิน ๒๔๓,๗๗๐,๐๐๐ บาท ตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรปฏิบัติตามขั้นตอนของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๘ และหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินกู้ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการเงินกู้ฯ พ.ศ. ๒๕๕๘ อย่างเคร่งครัด รวมทั้งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน ตลอดจนพิจารณาความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายแต่ละรายการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20660 | การนำเงินต้นของกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศมาใช้ในการดำเนินงาน | พณ | 03/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบนำเงินต้นกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศส่งคืนคลังเป็นรายได้แผ่นดินตามมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๒๖๙,๕๒๑,๓๐๒.๘๕ บาท ๑.๒ อนุมัติหลักการในการใช้เงินต้น จำนวน ๒,๔๖๗,๔๕๐,๗๘๓.๓๒ บาท ภายหลังส่งคืนเงินเป็นรายได้แผ่นดิน เพื่อดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์กองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ตั้งแต่ปีงบประมาณ ๒๕๕๙ เป็นต้นไป โดยคณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเป็นผู้พิจารณาอนุมัติแผนงานและจัดสรรเงินตามระเบียบและหลักเกณฑ์เงินกองทุนฯ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ (กองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ) จัดทำแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี ประกอบด้วยรายละเอียดแผนงาน โครงการ งานหรือกิจกรรม และงบประมาณรายจ่ายเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป ทั้งนี้ ในการพิจารณาการใช้จ่ายเงินภายใต้กองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศให้ดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกิจการและขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ครบถ้วนอย่างเคร่งครัด ๓. ให้คณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศพิจารณาปรับเปลี่ยนแนวทางในการบริหารจัดการเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเพื่อให้กองทุนฯ มีรายได้เพียงพอกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานแต่ละปี ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ |
.....