ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 71 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 1401 - 1420 จากข้อมูลทั้งหมด 9659 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1401 | การแต่งตั้งรองประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (จำนวน 3 ราย 1. นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ฯลฯ) | กค | 24/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งรองประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร รวม ๓ คน แทนผู้ที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป และให้ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งตามวาระของผู้ซึ่งตนแทน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ เป็นรองประธานกรรมการ แทนนายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ ที่ขอลาออก ๒. นาวสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ เป็นกรรมการอื่น แทนนายสมชาย ชาญณรงค์กุล ที่ขอลาออก ๓. นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เป็นกรรมการอื่น แทนนายสุรจิตต์ อินทรชิต ที่ขอลาออก
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1402 | รายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และบริษัทย่อยปี 2560 และข้อเสนอแนะจากการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิก ปี 2561 | กค | 16/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และบริษัทย่อยสำหรับปีสิ้นสุด วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับงบแสดงฐานะทางการเงิน และผลการดำเนินงานของ กบข. พร้อมข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้รับจากการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิก เมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เช่น (๑) ควรแก้ไขพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญ เพื่อให้สมาชิกออมเพิ่มได้ร้อยละ ๕๐ และรัฐสมทบให้กับสมาชิกที่ออมเพิ่ม รวมทั้งขอให้ปรับสัดส่วนเงินสมทบของรัฐจากร้อยละ ๓ เป็นร้อยละ ๔ (๒) ควรให้มีเงินชดเชยสำหรับข้าราชการที่เสียชีวิต (๓) ควรเปิดโอกาสให้ผู้ที่ลาออกจาก กบข. และรับเงินไปแล้ว รวมถึงให้พนักงานมหาวิทยาลัยสมัครเป็นสมาชิก กบข. ใหม่ได้ (๔) ควรจัดสวัสดิการการกู้ยืมให้สมาชิก กบข. ที่ยังไม่เกษียณ โดยคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าธนาคาร และ (๕) ควรจัดกิจกรรมเดินสายพบสมาชิกในทุกจังหวัด ทุกหน่วยงาน เพื่อให้สมาชิกเข้าใจบริการต่าง ๆ ของ กบข. เช่น บริการออมต่อ ออมเพิ่ม เปลี่ยนแปลงแผนการลงทุน ไม่ควรคาดหวังให้สมาชิกศึกษาข้อมูล กบข. ด้วยตนเอง เป็นต้น เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา ๘๒ แห่งพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๓๙ และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1403 | ร่างพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | กค | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ของกระทรวงการคลัง ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. ๒๕๓๕ และพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. ๒๕๓๕ ให้สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติของธุรกิจ เหมาะสมกับสภาวการณ์และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน โดยปรับปรุงแก้ไขบทบัญญัติในการกำกับดูแลตัวแทนประกันชีวิต นายหน้าประกันชีวิต ผู้ประเมินวินาศภัย ตัวแทนประกันวินาศภัย และนายหน้าประกันวินาศภัย ให้สอดคล้องกับสภาวการณ์และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการกำกับการทำธุรกิจประกันภัยผ่านเทคโนโลยี ตลอดจนเพิ่มเติมบทบัญญัติเพื่อคุ้มครองประชาชนจากการฉ้อฉลประกันภัย และให้เสนอคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1404 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดและลักษณะของแสตมป์สรรพสามิต และเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีของทางราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดและลักษณะของแสตมป์สรรพสามิต และเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีของทางราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดชนิดและลักษณะของแสตมป์สรรพสามิต และเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี ลักษณะแสตมป์สำหรับยาสูบชนิดอื่นที่ผลิตในราชอาณาจักร นอกจากบุหรี่ซิกาแรต ขนาดบรรจุต่ำกว่า ๒๐ กรัม และขนาดบรรจุตั้งแต่ ๒๐ กรัมขึ้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1405 | ขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ประจำปี 2561 | กค | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ประจำปี ๒๕๖๑ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ในการส่งเสริมความร่วมมือด้านการเงินการคลังระหว่างกันของกลุ่มประเทศสมาชิกเอเปค ใน ๔ ประเด็นสำคัญ คือ (๑) การเร่งรัดการลงทุนและระดมทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (๒) การสนับสนุนการเข้าถึงบริการทางการเงิน (๓) การผลักดันความร่วมมือด้านภาษีและความโปร่งใส และ (๔) การดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเซบู โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของประเทศสมาชิกเอเปคให้การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค (APEC Finance Ministers’ Meeting : APEC FMM) ครั้งที่ ๒๕ ในวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงพอร์ตมอร์สบี รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1406 | ร่างพระราชบัญญัติการกำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงิน พ.ศ. .... | กค | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการกำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยการกำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงินบางประเภทที่ยังไม่มีหน่วยงานภาครัฐกำกับดูแลอย่างชัดเจน เพื่อประโยชน์ในการกำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงินอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเป็นการคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงาน คปภ. และสำนักงาน ก.ล.ต. เช่น การกำหนดอัตราเงินเดือนและการออกระเบียบต่าง ๆ ควรพิจารณาเทียบเคียงกับองค์กรอิสระอื่นที่มีรูปแบบการบริหารงานโดยคณะกรรมการด้วย โดยให้คำนึงถึงความประหยัด คุ้มค่า โปร่งใส และประโยชน์ที่รัฐหรือประชาชนจะได้รับ การกำหนดหลักเกณฑ์ในการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจการเงินในลักษณะเดียวกันที่เป็นสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย และที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจการเงินที่อยู่ภายใต้การกำกับของสำนักงานคณะกรรมการกำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงิน ควรมีความเท่าเทียมกัน มีมาตรการสนับสนุนให้มีผู้ให้บริการทางการเงินเข้าเป็นสมาชิกของบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ เพื่อเป็นการสร้างฐานข้อมูลเครดิตของประชาชนทั่วไป การกำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้กำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงินโดยไม่ต้องมีคณะกรรมการกำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงิน การยุบเลิกสำนักนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนกับสำนักงานที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ นอกจากนี้ ผู้ให้บริการทางการเงินประเภทให้สินเชื่อตามร่างพระราชบัญญัตินี้ยังไม่ครอบคลุมถึงผู้ประกอบธุรกิจให้สินเชื่อ Home for cash นิติสัมพันธ์ระหว่างผู้ให้บริการทางการเงินกับลูกค้าหรือผู้ใช้บริการทางการเงินในกรณีที่มีการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจของผู้ให้บริการทางการเงิน พนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจหรือออกคำสั่งทางปกครอง ควรเป็นผู้มีคำสั่งปรับทางปกครองเอง การบัญญัติกฎหมายที่มีโทษทางอาญาแก่ประชาชนโดยเกินความจำเป็น และการนำประมวลกฎหมายอาญามาปรับใช้บังคับ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย รวมทั้งให้ปรับแก้ไขร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๐ เรื่อง แนวทางในการจัดทำร่างกฎหมายให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (มาตรา ๒๖ และมาตรา ๘๑ ประกอบกับมาตรา ๒๖๓) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๐ เรื่อง แนวทางการจัดทำร่างกฎหมายให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เพิ่มเติม) ด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1407 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างและห้องชุดเพื่อใช้อยู่อาศัย สำหรับโครงการประชารัฐสวัสดิการของกรมบังคับคดี) | กค | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างและห้องชุดเพื่อใช้อยู่อาศัย สำหรับโครงการประชารัฐสวัสดิการของกรมบังคับคดี) มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นอากรแสตมป์ให้แก่ผู้ออกใบรับ สำหรับการโอนอสังหาริมทรัพย์ กรณีการซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างและห้องชุดเพื่อใช้อยู่อาศัย สำหรับโครงการประชารัฐสวัสดิการของกรมบังคับคดี เฉพาะการโอนให้แก่ผู้ซื้อทอดตลาดที่ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า เพื่อให้การดำเนินการตามร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เห็นควรที่กระทรวงการคลังจะคำนึงถึงระยะเวลาการดำเนินโครงการที่เหมาะสม การสร้างความรับรู้ และความเข้าใจถึงประโยชน์ที่จะได้รับเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งมอบหมายให้กรมบังคับคดีซึ่งเป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการดังกล่าวได้จัดทำรายงานเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้รับกับการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริงกับประมาณการที่ได้จัดทำไว้ เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบเป็นประจำทุกสิ้นปีงบประมาณ จนกว่าการดำเนินการดังกล่าวจะแล้วเสร็จ ตามนัยมาตรา ๒๗ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1408 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 4 ฉบับ (การปรับปรุงมาตรการภาษีเกี่ยวกับสำนักงานใหญ่) | กค | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๔ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรการภาษีเกี่ยวกับสำนักงานใหญ่ที่เป็นการยกเลิกมาตรการภาษีเกี่ยวกับสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค (Regional Operating Headquarters หรือ ROH1) สำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค (ROH2) สำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ (International Headquarters หรือ IHQ) และบริษัทการค้าระหว่างประเทศ (International Trading Center หรือ ITC) รวมทั้งออกมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business Centre หรือ IBC) มาทดแทน เพื่อให้ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศควบคู่กับการให้ความร่วมมือแก่นานาประเทศ อันจะส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีเกี่ยวกับความโปร่งใสด้านภาษี การจัดเก็บภาษีอย่างเป็นธรรม การต่อต้าน BEPS และป้องกันไม่ให้ถูกมาตรการตอบโต้จากประเทศอื่น ๆ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมถึงควรแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้สามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้องเมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1409 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก ปี 2561 ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ | กค | 02/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก ปี ๒๕๖๑ ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งศูนย์ข้อมูลฯ สามารถดำเนินงานตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย โดยทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางในการจัดเก็บข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ ให้เป็นฐานข้อมูลที่มีความถูกต้องและน่าเชื่อถือ และทำหน้าที่จัดทำข้อมูลทางด้านอสังหาริมทรัพย์ให้กับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงมีการพัฒนาระบบฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์มือสอง และอสังหาริมทรัพย์รอการขาย (Non-Performing Asset : NPA) เพื่อความสะดวกในการเข้าถึงแหล่งข้อมูล ทั้งนี้ ศูนย์ข้อมูลฯ ได้นำข้อมูลไปเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ และมีการให้ความรู้เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรก ปี ๒๕๖๑ ได้มีการจัดอบรมและสัมมนาเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์และสร้างบทบาทของศูนย์ข้อมูลฯ และให้ผู้ที่สนใจนำไปใช้ในการวิเคราะห์เพื่อประกอบการตัดสินใจได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1410 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางญาณี แสงศรีจันทร์) | กค | 02/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางญาณี แสงศรีจันทร์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบการเงินการคลัง (นักวิชาการคลังทรงคุณวุฒิ) กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1411 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อการจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีตามข้อผูกพันที่ได้ทำขึ้น) | กค | 02/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้อัตราร้อยละ ๐ ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับการประกอบกิจการการขายสินค้าหรือการให้บริการกับองค์การสหประชาชาติ ทบวงการชำนัญพิเศษของสหประชาชาติ สถานเอกอัครราชทูต สถานทูต สถานกงสุลใหญ่ สถานกงสุล องค์การระหว่างประเทศอื่น ๆ ที่ประเทศไทยมีพันธกรณีตามความตกลงที่จะต้องให้ผลปฏิบัติเท่าเทียมกับสถานเอกอัครราชทูต องค์การสหประชาชาติ หรือทบวงการชำนัญพิเศษของสหประชาชาติ สำนักงานเศรษฐกิจและการค้าที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีตามข้อผูกพันที่ได้ทำขึ้น ทั้งนี้ เฉพาะการขายสินค้าหรือการให้บริการที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ยกเว้นบรรดารัษฎากรประเภทต่าง ๆ ซึ่งเรียกเก็บตามประมวลรัษฎากรแก่สำนักงานเศรษฐกิจและการค้าที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีตามข้อผูกพันที่ได้ทำขึ้น และเจ้าหน้าที่ของสำนักงานนั้นในส่วนของ (๑) สถานทำการของสำนักงาน ที่อยู่ของหัวหน้าของสำนักงาน (๒) ยานพาหนะของสำนักงาน และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน และ (๓) เงินเดือน ค่าตอบแทน และค่าเบี้ยเลี้ยงที่เจ้าหน้าที่ของสำนักงานได้รับจากสำนักงาน เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติตามข้อ ๑.๑ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้กำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน เพื่อใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศตามนัยของกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1412 | ความคืบหน้าการระดมทุนผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund) ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย | กค | 02/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบความคืบหน้าการระดมทุนผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund) ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๐ เพื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ให้การระดมทุนผ่านกองทุนรวมฯ ของ กทพ. เป็นไปตามเป้าหมายและระยะเวลาที่กำหนด โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ทำให้การระดมทุนผ่านกองทุนรวมฯ ของ กทพ. มีความพร้อมแล้ว โดยกองทุนรวมฯ ได้ยื่นขออนุญาตเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมฯ (Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แล้วเมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๑ และคาดว่าจะเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมฯ ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ภายในเดือนตุลาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคม โดย กทพ. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงการคลัง และ กทพ. พิจารณาแนวทางการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งร่วมกันพิจารณาความเหมาะสมในการใช้ประโยชน์จากเงินที่ได้จากการระดมทุนผ่านกองทุนรวมฯ ของ กทพ. ให้เกิดประโยชน์สูงสุดภายใต้กรอบการวินัยการเงินการคลังของประเทศ และมีการกระจายผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากการระดมเงินผ่านกองทุนรวมฯ ไปยังประชาชนได้อย่างทั่วถึง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1413 | การโอนเงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ยเงินกู้ FIDF 1 และ FIDF 3 | กค | 25/09/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนเงินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเข้าบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ในปีงบประมาณ ๒๕๖๒ จำนวน ๗,๐๐๐ ล้านบาท โดยให้กองทุนฯ ทยอยโอนเงินดังกล่าวเข้าบัญชีสะสมฯ ตามปริมาณสภาพคล่องของกองทุนฯ เนื่องจากจำนวนเงินดังกล่าวมีความเหมาะสมกับเงินสดรับคงเหลือของกองทุนฯ ที่ประมาณว่าจะมีอยู่จำนวน ๗,๙๐๘ ล้านบาท อย่างไรก็ดี หากกองทุนฯ ได้รับเงินที่มีนัยสำคัญ ให้พิจารณาทบทวนเพื่อขออนุมัตินำส่งเงินเข้าบัญชีสะสมฯ เพิ่มเติมต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1414 | แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2562 | กค | 25/09/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ วงเงินรวม ๑,๖๖๓,๐๐๑.๙๘ ล้านบาท ได้แก่ แผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงิน ๗๔๓,๙๐๑.๓๑ ล้านบาท และแผนการบริหารหนี้เดิม วงเงิน ๙๑๙,๑๐๐.๖๗ ล้านบาท และรับทราบแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนฯ วงเงิน ๑๖๕,๑๑๗.๒๐ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งอนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อดำเนินโครงการลงทุนและการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ภายใต้กรอบวงเงินของแผน ฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ๑.๓ อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ภายใต้แผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๑.๔ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือการค้ำประกันเงินกู้และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะรายงานผลการดำเนินการตามแผนฯ ตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๙ ๑.๕ รับทราบแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้คงค้างขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ๑.๖ มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้รัฐบาลรับภาระหนี้ของ ขสมก. เฉพาะในส่วนดอกเบี้ยจ่ายที่เกิดขึ้นจริง เพื่อ ขสมก. จะได้รับขอจัดสรรงบประมาณในการชำระดอกเบี้ยตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๒๐ (๓) การตั้งงบประมาณรายจ่ายเพื่อชำระหนี้ภาครัฐ ซึ่งเป็นหนี้สาธารณะที่กระทรวงการคลังค้ำประกันทั้งต้นเงินกู้และดอกเบี้ยอย่างพอเพียง และประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เรื่อง กำหนดสัดส่วนต่าง ๆ เพื่อเป็นกรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ข้อ (๓) สัดส่วนงบประมาณเพื่อการชำระดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายในการกู้เงินของรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐซึ่งรัฐบาลรับภาระ ต้องตั้งตามภาระที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีงบประมาณนั้น ๑.๗ รับทราบประมาณการหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในช่วงปีงบประมาณ ๒๕๖๒-๒๕๗๑ และมอบหมายให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการลงทุนให้เป็นไปตามแผนที่กำหนด เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ๒. ให้กระทรวงเจ้าสังกัดและหน่วยงานเจ้าของวงเงินกู้กำกับติดตามการดำเนินแผนงาน/โครงการให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด โปร่งใส และตรวจสอบได้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการบริหารหนี้สาธารณะให้สอดคล้องกับความต้องการเบิกจ่ายเงินในแต่ละช่วงเวลาได้ภายใต้ความร่วมมือและการประสานงานอย่างใกล้ชิดของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการติดตามและเร่งรัดให้หน่วยงานภาครัฐสามารถดำเนินการเบิกจ่ายเงินได้สอดคล้องกับแผนการกู้เงิน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานหลักร่วมกับสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกระทรวงการคลัง (สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ) เร่งรัดดำเนินการตามแผนการบริหารหนี้ของ ขสมก. ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๐ (เรื่อง แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑) ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ๔. ให้กระทรวงคมนาคม และ ขสมก. เร่งดำเนินการเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการตามแผนการแก้ไขปัญหาองค์กร ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๑ (เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๑) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1415 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R-Bill) ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2561 | กค | 25/09/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1416 | การโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุคืนให้แก่ผู้ยกให้ ราย นางสาวรัตนาภรณ์ ตันเวทติยานนท์ | กค | 25/09/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ สบ. ๖๓๗ ตำบลขุนโขลน อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เนื้อที่ ๔๖-๒-๘๐ ไร่ คืนให้แก่ นางสาวรัตนาภรณ์ ตันเวทติยานนท์ ผู้ยกให้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1417 | รายงานผลการดำเนินงานของระบบประกันภัยและพัฒนาการที่สำคัญ รอบ 12 เดือน ปี 2560 | กค | 25/09/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของระบบประกันภัยและพัฒนาการที่สำคัญ รอบ ๑๒ เดือน ปี ๒๕๖๐ ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) โดยธุรกิจประกันภัยไทยในช่วงเดือนมกราคม-ธันวาคม ปี ๒๕๖๐ มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวมทั้งสิ้น จำนวน ๘๑๘,๖๙๐ ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ ๕.๒๗ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี ๒๕๕๙ (๗๗๗,๗๑๗ ล้านบาท) แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงของธุรกิจประกันชีวิต จำนวน ๖๐๐,๒๕๖ ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ ๕.๖๘ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี ๒๕๕๙ (๕๖๗,๙๗๔ ล้านบาท) และเบี้ยประกันวินาศภัยรับโดยตรงของธุรกิจประกันวินาศภัย จำนวน ๒๑๘,๔๓๔ ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ ๔.๑๔ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี ๒๕๕๙ (๒๐๙,๗๔๓ ล้านบาท) สำหรับแนวโน้มของธุรกิจประกันภัยไทย ปี ๒๕๖๑ สำนักงาน คปภ. คาดการณ์ว่า ณ สิ้นปี ๒๕๖๑ จะมีเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งปี จำนวน ๘๖๗,๕๘๒ ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี ๒๕๖๐ ร้อยละ ๕.๙๗ แยกเป็นเบี้ยประกันชีวิต จำนวน ๖๓๗,๘๗๗ ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี ๒๕๖๐ ร้อยละ ๖.๒๗ และเบี้ยประกันวินาศภัย จำนวน ๒๒๙,๗๐๕ ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี ๒๕๖๐ ร้อยละ ๕.๑๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1418 | ขอความเห็นชอบและลงนามพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ 8 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน | กค | 18/09/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ ๘ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน (ASEAN Framework Agreement on Services : AFAS) และตารางข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ซึ่งเป็นภาคผนวกแนบท้ายพิธีสารฯ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงตารางข้อผูกพันในสาขาหลักทรัพย์ สาขาย่อยบริการจัดการลงทุน (Asset Management) ในการอนุญาตให้มีสัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติในบริษัทจัดการลงทุน (Asset Management Company) ได้ถึงร้อยละ ๑๐๐ ของทุนที่ชำระแล้ว โดยยกเลิกเงื่อนไขที่กำหนดให้ต้องมีสถาบันการเงินที่จัดตั้งภายใต้กฎหมายไทยถือหุ้นอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๐ ของทุนที่ชำระแล้ว ในระยะ ๕ ปีแรก หลังจากที่ได้รับใบอนุญาต เป็นการยกระดับข้อผูกพันให้เทียบเท่ากฎหมายและแนวปฏิบัติที่ใช้บังคับในปัจจุบัน ทั้งนี้ จะมีการลงนามในร่างพิธีสารฯ ในช่วงการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี ๒๕๖๑ ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๑ ณ เกาะบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังลงนามในร่างพิธีสารฯ และตารางข้อผูกพันฯ ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญ และไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) และเมื่อลงนามแล้วให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา แล้วเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบพิธีสารฯ และตารางข้อผูกพันฯ ก่อนแสดงเจตนาเพื่อให้มีผลผูกพัน ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังลงนามในร่างพิธีสารฯ ๔. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดดำเนินการเพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและได้รับการเยียวยาที่จำเป็นอันเกิดจากผลกระทบของการทำหนังสือสัญญาดังกล่าวตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก่อนเสนอคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ๕. ให้กระทรวงการคลังประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีที่กำหนดในร่างพิธีสารฯ และตารางข้อผูกพันฯ ๖. ให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนว่าไทยพร้อมที่จะให้พิธีสารฯ มีผลผูกพันต่อไป เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติเห็นชอบต่อพิธีสารฯ และตารางข้อผูกพัน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1419 | การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สำหรับโครงการพัฒนาถนนหมายเลข 11 (R11) ช่วงครกข้าวดอ-บ้านโนนสะหวัน-สานะคาม-บ้านวัง-บ้านน้ำสัง | กค | 18/09/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) ดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการพัฒนาถนนหมายเลข ๑๑ (R11) ช่วงครกข้าวดอ-บ้านโนนสะหวัน-สานะคาม-บ้านวัง-บ้านน้ำสัง ในวงเงินรวม ๑,๘๒๖.๕๐ ล้านบาท ตามขอบเขตของโครงการ แหล่งที่มาของเงินทุน รูปแบบ วิธีการ และเงื่อนไขทางการเงินสำหรับการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ สปป.ลาว และให้ สพพ. ตกลงกับสำนักงบประมาณในรายละเอียดการจัดสรรงบประมาณเป็นรายปีต่อไป ตามที่กระทรวงการคลัง โดย สพพ. เสนอ และให้ สพพ. รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้งบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม สำหรับการชดเชยค่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้และดอกเบี้ยที่ สพพ. กู้ รวมทั้งความเสี่ยงกรณี สปป.ลาว ผิดนัดชำระหนี้ เห็นควรให้ สพพ. ใช้เงินสะสมของหน่วยงาน และกำหนดแนวทางและวิธีการบริหารจัดการเพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นโดยต้องดำเนินการให้เป็นไปตามนัยของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดย สพพ. ประเมินและติดตามความเสี่ยงด้านความสามารถในการชำระหนี้ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวอย่างต่อเนื่อง และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้น เร่งผลักดันการใช้ประโยชน์จากเส้นทางคมนาคมตามแนวระเบียงเศรษฐกิจ เชียงใหม่-นครหลวงเวียงจันทน์ เพื่อขยายการค้าการลงทุนระหว่างไทยและ สปป.ลาว ให้มากยิ่งขึ้นต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1420 | มาตรการชดเชยเงินให้แก่ผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐโดยใช้ข้อมูลจากจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้มีรายได้น้อยได้ชำระ | กค | 18/09/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการชดเชยเงินให้แก่ผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยใช้ข้อมูลจากจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้มีรายได้น้อยได้ชำระจากราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษา และวัตถุดิบเพื่อการเกษตรจากร้านธงฟ้าประชารัฐผ่านเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Data Capture : EDC) ที่มีการเชื่อมต่อระบบเครื่องบันทึกการเก็บเงิน (Point of Sale : POS) ซึ่งผู้มีรายได้น้อยจะได้รับเงินชดเชยจากข้อมูลตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑-๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ เท่านั้น และให้กรมบัญชีกลางดำเนินการจ่ายเงินชดเชยดังกล่าว โดยใช้จ่ายจากเงินกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ทั้งสิ้นจำนวน ๕,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น การพิจารณาถึงความคุ้มค่าในการลงทุนและการจัดการกับความเสี่ยงในการดำเนินการจัดหาเครื่อง EDC อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง และการพัฒนาระบบการชำระเงิน POS เพื่อรองรับการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้แก่ผู้ประกอบการร้านธงฟ้าประชารัฐกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงความเป็นไปได้และแรงจูงใจเพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายอื่น ๆ การเตรียมความพร้อมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งความพร้อมของระบบงานในการจัดเก็บข้อมูลจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มและระบบงานที่รองรับการใช้เงินชดเชยที่ได้รับ และการประชาสัมพันธ์ให้ร้านค้าที่เกี่ยวข้องสามารถใช้งานระบบงานได้อย่างถูกต้อง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินมาตรการฯ ให้ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่มีเหลือจ่ายจากการดำเนินโครงการจัดทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้แก่ผู้มีสิทธิตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี ๒๕๖๐ จำนวน ๖๐,๐๖๗,๒๐๐ บาท สำหรับส่วนที่เหลือ จำนวน ๒๔,๔๓๒,๘๐๐ บาท ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้ขยายระยะเวลาเบิกจ่ายถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๖๑ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบ POS ให้กับร้านธงฟ้าประชารัฐกลุ่มเป้าหมาย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับมาตรการฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัตถุประสงค์ รูปแบบ และขั้นตอนการดำเนินมาตรการฯ ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ร้านธงฟ้าประชารัฐ ร้านค้าเอกชน และผู้ที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ให้ชัดเจนและถูกต้อง ตรงกัน เพื่อให้สามารถดำเนินมาตรการฯ ได้อย่างบรรลุผลและเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ รวมทั้งให้กำกับ ติดตามการดำเนินการตามมาตรการฯ อย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการบิดเบือนและแสวงหาประโยชน์จากการดำเนินมาตรการฯ ในรูปแบบต่าง ๆ ด้วย ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทยดำเนินการตรวจสอบและติดตามการดำเนินการจำหน่ายสินค้าของร้านธงฟ้าประชารัฐในพื้นที่ต่าง ๆ ให้มีการนำสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีคุณภาพมาจัดจำหน่ายให้สอดคล้องและเพียงพอต่อความต้องการของประชาชนด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
