ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 74 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 1461 - 1480 จากข้อมูลทั้งหมด 9659 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1461 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (กระทรวงการคลัง) (นายปรเมธี วิมลศิริ) | กค | 10/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายปรเมธี วิมลศิริ ให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งเดิม ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1462 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม | กค | 10/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ครั้งที่ ๓/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ที่เห็นชอบให้มีการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมตามร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. .... ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ และให้คณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับแหล่งทุนและรายรับของกองทุนฯ ซึ่งมีที่มาจากเงินบริจาคหรือเงินสมทบตามที่กฎหมายกำหนด จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกำหนดให้มีทุนประเดิมที่รัฐบาลจัดสรรให้ รวมทั้งการดำเนินกิจการของกองทุนฯ จะต้องกำหนดมาตรการและกลไกที่เหมาะสมอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงหลักความเป็นกลาง หรือความมีส่วนได้เสียกับการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับเจ้าของแหล่งเงินทุนที่จะบริจาคหรือสมทบเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1463 | รายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ 1-2 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | กค | 10/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ ๑-๒ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ (ตุลาคม ๒๕๖๐-มีนาคม ๒๕๖๑) สินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่มสินค้า ได้แก่ น้ำหอมและเครื่องสำอาง ผลไม้ กระเป๋าหนังและเข็มขัดหนัง นาฬิกาและอุปกรณ์ สูท เสื้อ กระโปรง กางเกง สำหรับบุรุษ สตรี เด็กชาย เด็กหญิง และเนคไท สุราต่างประเทศ เลนส์ รองเท้าหนังและรองเท้าผ้าใบ แว่นตา ปากกาและอุปกรณ์ เครื่องประดับที่ทำด้วยคริสตัล ไวน์ กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์ ดอกไม้ ผ้าทอทำด้วยขนสัตว์ ไฟแช็คและอุปกรณ์ และเครื่องแก้วชนิดใช้บนโต๊ะอาหารหรือใช้ตกแต่งภายในที่ทำด้วยคริสตัล มีมูลค่านำเข้ารวม ๒,๒๓๕.๗๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ร้อยละ ๑.๘๖ ของมูลค่านำเข้ารวม) ขยายตัวเป็นครั้งแรกหลังจากหดตัวลงในทุกไตรมาสในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ๓๗๐.๕๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ร้อยละ ๑๙.๘๗) โดยสินค้าฟุ่มเฟือยที่ได้รับความนิยมสูงในช่วง ๒ ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และมีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมสูงต่อเนื่อง ได้แก่ สินค้ากลุ่มน้ำหอมและเครื่องสำอาง กระเป๋าหนังและเข็มขัดหนัง นาฬิกาและอุปกรณ์ และสุราต่างประเทศ สำหรับอากรขาเข้าที่จัดเก็บจากสินค้าฟุ่มเฟือยใน ๒ ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องตามมูลค่านำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยที่เพิ่มสูงขึ้น โดยอากรขาเข้าที่จัดเก็บจากสินค้าฟุ่มเฟือยในไตรมาสแรกขยายตัวขึ้นหลังจากหดตัวต่อเนื่องในช่วง ๙ ไตรมาสที่ผ่านมา และอากรขาเข้าที่จัดเก็บจากสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ ๒ ขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาสแรก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1464 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม) | กค | 03/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่จะครบระยะเวลาการปรับลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ต่อไปอีกเป็นระยะเวลา ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒ โดยให้ยังคงจัดเก็บในอัตราร้อยละ ๖.๓ (ไม่รวมภาษีท้องถิ่น) หรือร้อยละ ๗ (รวมภาษีท้องถิ่น) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการขยายฐานการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มให้มีความครอบคลุมสินค้าและผู้ประกอบการต่าง ๆ อย่างทั่วถึง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ สร้างความเป็นธรรมในระบบเศรษฐกิจ และควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมทั้งประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากการชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยการขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจะต้องจัดทำประมาณการการสูญเสียรายได้และประโยชน์ที่จะได้รับในครั้งนี้ให้ชัดเจน และกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน เพื่อใช้เป็นกรอบในการวางแผนการเงินการคลังและงบประมาณของรัฐ ตามนัยของมาตรา ๒๗ และมาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1465 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม พ.ศ. .... | กค | 03/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนและใช้จ่ายเกี่ยวกับการสนับสนุนโครงการที่ให้บริการทางสังคม ผ่านหน่วยงาน มูลนิธิ และองค์กรการกุศล เพื่อช่วยเหลือประชาชนในภาวะลำบากทุกประเภท ตลอดจนการจัดประชารัฐสวัสดิการ เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงิน เพิ่มศักยภาพ และพัฒนาระบบคุ้มครองทางสังคมอย่างครบวงจรสำหรับประชาชนผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรที่ลงทะเบียนในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่เห็นควรกำหนดลักษณะของรายจ่ายสวัสดิการและหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนให้ชัดเจน และควรมอบหมายให้คณะกรรมการกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมพิจารณารายจ่ายเงินของกองทุนมิให้มีความซ้ำซ้อนกับภารกิจของหน่วยงานภาครัฐอื่น รวมทั้งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๑ เรื่อง การจัดตั้งกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจและฐานรากอย่างเคร่งครัดด้วย นอกจากนี้ ควรเพิ่มปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เข้าร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองซึ่งต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1466 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2561 ครั้งที่ 2 | กค | 03/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๒ ที่มีวงเงินปรับลดลงสุทธิ ๔,๒๔๙.๒๕ ล้านบาท จากเดิม ๑,๕๘๘,๘๘๓.๔๘ ล้านบาท เป็น ๑,๕๘๔,๖๓๔.๖๔ ล้านบาท ๑.๒ รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนฯ ที่มีวงเงินปรับเพิ่มขึ้น ๑๓,๐๒๔.๐๘ ล้านบาท จากเดิม ๑๗๑,๒๖๓.๕๖ ล้านบาท เป็น ๑๘๔,๒๘๗.๒๓ ล้านบาท ๑.๓ อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งขออนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อดำเนินโครงการลงทุนและการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ปรับปรุงครั้งที่ ๒ ๑.๔ อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ปรับปรุงครั้งที่ ๒ ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๑.๕ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงิน และ/หรือการค้ำประกันเงินกู้ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะรายงานผลการดำเนินการตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะดังกล่าวตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๙ ๑.๖ รับทราบแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วเงินคลัง วงเงิน ๘๐,๐๐๐ ล้านบาท เป็นตราสารหนี้ระยะยาว ๑.๗ รับทราบประมาณการการคลังในระยะปานกลางและระยะยาว และพื้นที่ทางการค้า (Fiscal Space) ในช่วงปีงบประมาณ ๒๕๖๑-๒๕๗๐ และแนวทางการบริหารหนี้สาธารณะภายใต้กรอบการบริหารหนี้สาธารณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐกำหนด ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรกำกับ ติดตาม และเร่งรัดหน่วยงานเจ้าของโครงการใช้จ่ายเงินและเบิกจ่ายเงินกู้ให้สอดคล้องและบรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังพิจารณาแนวทางในการบริหารเงินคลังในแต่ละช่วงเวลาให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการคลังของประเทศและลดภาระดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ๔. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งผลักดันมาตรการสร้างแรงจูงใจและส่งเสริมให้ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทและเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้มากยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1467 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดตราเครื่องหมายการยาสูบแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... | กค | 03/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดตราเครื่องหมายการยาสูบแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดรูปลักษณะตราเครื่องหมายการยาสูบแห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่เห็นควรเพิ่มคำอธิบายเกี่ยวกับความหมายของรูปตราดังกล่าว รวมทั้งสีของตราเครื่องหมายไว้ในร่างกฎกระทรวงฯ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1468 | รายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย ครั้งที่ 51 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+3 ครั้งที่ 21 | กค | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) ครั้งที่ ๕๑ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+๓ ครั้งที่ ๒๑ เมื่อวันที่ ๓-๕ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นหัวหน้าคณะเข้าร่วมการประชุม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการ ADB ครั้งที่ ๕๑ ภายใต้หัวข้อ “Linking People and Economies for Inclusive Development” โดยประธาน ADB ได้กล่าวถึง ADB Strategy 2030 ซึ่งจะใช้เป็นยุทธศาสตร์ระยะยาวในการดำเนินงานของ ADB โดย ADB ยังคงเป้าหมายสูงสุดในการขจัดความยากจน และขยายเป้าหมายให้ครอบคลุมการดำเนินงานเพื่อบรรลุความมั่งคั่ง การพัฒนาอย่างทั่วถึง และยั่งยืนของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และจะมีการประกาศใช้ ADB Strategy 2030 อย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๑ ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้กล่าวถึงความท้าทายที่มีต่ออัตราการจ้างงานเมื่อมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ทดแทนแรงงาน และการส่งเสริมการพัฒนาทักษะแรงงานเพื่อปรับตัวให้ทันต่อเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งได้ยกตัวอย่างการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของไทยให้เข้ากับการพัฒนาเทคโนโลยี ได้แก่ การส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ และการพัฒนาระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล ๒. การประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ (๑) การหารือทวิภาคีระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกับประธาน ADB เกี่ยวกับแนวทางความร่วมมือระหว่างไทยและ ADB ในการพิจารณาแหล่งเงินกู้ในแต่ละโครงการของไทย และการหารือทวิภาคีกับผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรการเงินระหว่างประเทศ และสถาบันการเงินชั้นนำของต่างประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจการเงินโลก และแนวทางการพัฒนาระบบสถาบันการเงินในภูมิภาค (๒) การหารือโต๊ะกลม (Governor’s Roundtable) ภายใต้หัวข้อ “The Role of Government in Harnessing New Technologies for Inclusive Growth” ได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มอัตราการเติบโตของการผลิต และผลกระทบจากเทคโนโลยีต่อการจ้างงาน และการดำเนินนโยบายของประเทศต่าง ๆ ในการลดความยากจนและความเหลื่อมล้ำในสังคม และ (๓) การประชุม Governor’s Plenary ในหัวข้อ “New ADB Strategy 2030” ซึ่งมีการนำเสนอยุทธศาสตร์ของ ADB โดยมีเป้าหมายขจัดความยากจน รวมถึงการดำเนินการเพื่อให้เกิดความมั่งคั่ง การพัฒนาอย่างทั่วถึง และยั่งยืนของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ๓. การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+๓ ครั้งที่ ๒๑ ที่ประชุมได้มีการหารือเรื่องภาวะและแนวโน้นเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน+๓ และรับทราบแนวทางการพัฒนาความร่วมมือต่าง ๆ ได้แก่ (๑) การเพิ่มประสิทธิภาพของมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี (Chiang Mai Initiative Multilateralisation : CMIM) (๒) การจัดทำยุทธศาสตร์และแผนการดำเนินงานในระยะปานกลางของสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+๓ (ASEAN+3 Macroeconomic Research Office : AMRO) และ (๓) ความคืบหน้าการดำเนินงานภายใต้มาตรการริเริ่มพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชีย (Asian Bond Markets Initiative : ABMI) ๔. การประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการ ADB ครั้งที่ ๕๒ และการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+๓ ครั้งที่ ๒๒ กำหนดจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๒-๕ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ณ เมืองนาดี สาธารณรัฐฟิจิ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1469 | การจัดให้เช่าที่ราชพัสดุ บริเวณถนนสุขุมวิท ตำบลบางพระและตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี | กค | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ผลการคัดเลือก โดยการให้เอกชนรายเดิม [บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)] เช่าที่ราชพัสดุบริเวณถนนสุขุมวิท ตำบลบางพระ และตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เพื่อดำเนินกิจการโรงกลั่นน้ำมันเป็นระยะเวลา ๓๐ ปี โดยชำระผลประโยชน์ตอบแทนการเช่าที่ราชพัสดุฯ ซึ่งมีมูลค่าปัจจุบัน ณ วันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๕ รวมทั้งสิ้น ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท และให้กรมธนารักษ์กำกับให้บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินการให้เป็นไปตามข้อเสนอแผนการลงทุนและปรับเพิ่มค่าเช่าและหรือกำหนดผลตอบแทนเพิ่มเติมในกรณีที่บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจหรือกิจการอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับกิจการโรงกลั่นน้ำมันตามเงื่อนไขของร่างสัญญาร่วมลงทุน ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจต่อไป ๑.๒ ร่างสัญญาร่วมลงทุนที่ผ่านการตรวจพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุด ทั้งนี้ ก่อนลงนามในสัญญาร่วมลงทุน ให้กรมธนารักษ์ตรวจสอบเอกสารแนบท้ายสัญญาต่าง ๆ ให้ถูกต้องครบถ้วนและเป็นไปตามความประสงค์ของกรมธนารักษ์และผลการเจรจาของคู่สัญญา ตามข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุดต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุดที่เห็นควรดำเนินการให้เป็นไปตามข้อเสนอแผนการลงทุนที่บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ได้เสนอประกอบการพิจารณาคัดเลือก และควรตรวจสอบเอกสารแนบท้ายสัญญาต่าง ๆ ให้ถูกต้องครบถ้วนและเป็นไปตามความประสงค์ของกรมธนารักษ์และผลการเจรจาของคู่สัญญา ก่อนการลงนามสัญญา รวมทั้งกำกับ ติดตาม และดูแลคู่สัญญาให้ดำเนินการตามสัญญาอย่างเคร่งครัด ไปดำเนินการอย่างเคร่งครัด ๓. ให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) ประสานงานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำกับดูแลให้บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ตรวจสอบและเฝ้าระวังการรั่วซึมของสารเบนซินบริเวณพื้นที่โรงกลั่นน้ำมันอย่างสม่ำเสมอ และปฏิบัติตามมาตรการที่เสนอไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ตามความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1470 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน (กองทุนส่งเสริมการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน) | กค | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียน ตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ครั้งที่ ๒/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๑ เห็นชอบในหลักการการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน เนื่องจากการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว เป็นการจัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานตามร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. .... เพื่อเป็นกลไกสนับสนุนการดำเนินโครงการที่เกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะ รวมถึงส่งเสริมให้มีมาตรการการร่วมลงทุนที่เหมาะสม ซึ่งจะมีผลเป็นการยุบเลิกกองทุนส่งเสริมการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ภายใต้พระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เช่น การพิจารณาให้ความเห็นชอบให้แหล่งเงินของกองทุนดังกล่าวไม่ต้องนำส่งคลังตามนัยมาตรา ๒๕ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นต้น เพื่อนำไปประกอบการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. .... ของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกานำร่างพระราชบัญญัติที่ตรวจพิจารณาแล้วเสร็จเสนอต่อคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1471 | สัญญาความตกลงทวิภาคีว่าด้วยการแลกเปลี่ยนเงินตรา (Bilateral Swap Arrangement) ระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลังญี่ปุ่น | กค | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการปรับปรุงสัญญาความตกลงทวิภาคีว่าด้วยการแลกเปลี่ยนเงินตรา (Bilateral Swap Arrangement : BSA) ระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลังญี่ปุ่น ซึ่งกระทรวงการคลังญี่ปุ่นได้เสนอให้มีการปรับปรุงสัญญาความตกลง BSA เพื่อให้การแก้ไขปัญหาสภาพคล่องที่เกิดจากปัญหาการขาดดุลการชำระเงินมีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยมีการเจรจาปรับปรุงสัญญาความตกลง BSA มาอย่างต่อเนื่องจนสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกัน และคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๑ อนุมัติให้ธนาคารแห่งประเทศไทยปรับปรุงสัญญาความตกลง BSA โดยจัดทำเป็นสัญญาความตกลงฉบับใหม่ (ร่างสัญญาความตกลง BSA ฉบับปรับปรุง) และมีกำหนดลงนามในช่วงเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๑ ทั้งนี้ ร่างสัญญาความตกลง BSA ฉบับปรับปรุง มีสาระสำคัญที่เปลี่ยนแปลงจากฉบับปัจจุบัน เช่น (๑) ขยายสัดส่วนวงเงินการเบิกถอนในกรณีที่ไม่เชื่อมโยงกับความช่วยเหลือของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF De-linked Portion : IDLP) เพิ่มขึ้นจากร้อยละ ๓๐ (๙๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เป็นร้อยละ ๔๐ ของวงเงินสุดสุด (๑,๒๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และ (๒) ปรับแก้สัญญาโดยกำหนดเพิ่มให้ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถเลือกเบิกถอนเป็นเงินสกุลเงินเยนได้ นอกเหนือจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นต้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1472 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน และกำหนดวิธีการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีคัดเลือกและวิธีเฉพาะเจาะจง พ.ศ. 2560 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน และกำหนดวิธีการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีคัดเลือกและวิธีเฉพาะเจาะจง พ.ศ. ๒๕๖๐ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการให้พัสดุส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา หรือการให้บริการทางการศึกษากรณีงานจ้างบริการทางวิชาการ และการวิจัยและพัฒนาของสถาบันที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในราชการ และของสถาบันพระปกเกล้า เป็นพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติที่เห็นควรสำรวจหน่วยงานที่มีวัตถุประสงค์ด้านการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา หรือการให้บริการทางการศึกษาในประเทศไทยให้ครบถ้วนและกำหนดในกฎกระทรวงพร้อมกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1473 | ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 13 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง | กค | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเชีย-ยุโรป (Asia-Europe Finance Ministers’ Meeting : ASEM FinMM) ครั้งที่ ๑๓ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๑ ณ กรุงโซเฟีย สาธารณรัฐบัลแกเรีย โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นหัวหน้าคณะเข้าร่วมการประชุม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุม ASEM FinMM ครั้งที่ ๑๓ มีผลการหารือใน ๓ ประเด็นที่สำคัญ ได้แก่ (๑) การเตรียมการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ที่ประชุมได้สนับสนุนความร่วมมือระหว่างภูมิภาคเอเชียและยุโรปในการดำเนินนโยบายภาคการเงิน การคลัง ควบคู่ไปกับการปฏิรูปโครงสร้าง พร้อมทั้งมาตรการดูแลความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมหภาคและสถาบันการเงิน (๒) การรับมือกับความท้าทายด้านภาษีระหว่างประเทศ โดยผู้แทนจากองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organization for Economic Co-operation and Development : OECD) ได้สนับสนุนให้สมาชิก ASEM เข้าร่วมภายใต้กรอบความร่วมมือ (Inclusive Framework) ของ OECD เพื่อป้องกันการหลบเลี่ยงภาษีระหว่างประเทศและเพิ่มประสิทธิภาพของความร่วมมือระหว่างประเทศในการขจัดภาระภาษีซ้ำซ้อน และ (๓) การรับมือกับความเสี่ยงใหม่ ๆ ในระบบการเงินโดยเฉพาะการเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) ที่ประชุมมุ่งเน้นสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสถาบันการเงินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การส่งเสริมการแลกเปลี่ยนข้อมูล และการสร้างความไว้วางใจ เพื่อเป็นแนวทางในการเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ร่วมกันออกแถลงการณ์ของการประชุม ASEM FinMM ครั้งที่ ๑๓ ๒. การประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ (๑) การประชุมหารือทวิภาคีกับรองผู้อำนวยการอันดับที่หนึ่งของ IMF ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความเห็นและมุมมองต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย และ (๒) การประชุมหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสาธารณรัฐฟินแลนด์ โดยฝ่ายฟินแลนด์แสดงความสนใจต่อการดำเนินโครงการ National E-Payment ของไทย และเชิญชวนให้ไทยศึกษาเกี่ยวกับเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัลและระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ที่ประสบความสำเร็จของฟินแลนด์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1474 | ร่างความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันทางบริหารในเรื่องทางศุลกากร | กค | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันทางบริหารในเรื่องทางศุลกากร ซึ่งจะมีการลงนามระหว่างการประชุมประจำปีขององค์การศุลกากรโลก ณ กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม ในระหว่างวันที่ ๒๘-๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๑ และอนุมัติให้อธิบดีกรมศุลกากรเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ รวมทั้งให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดขอบเขตความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านศุลกากร เช่น แนวทางการบังคับใช้กฎหมายศุลกากร การกระทำความผิดทางศุลกากร และข้อมูลการนำเข้า-ส่งออกสินค้าระหว่างประเทศคู่ภาคี ซึ่งร่างความตกลงฯ จะมีส่วนสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถดำเนินการประเมินราคาศุลกากร การตรวจสอบแหล่งกำเนิดของสินค้า และการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางศุลกากรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๗๘ วรรคสอง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1475 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2561 เรื่อง การปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ในการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี | กค | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี (๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๑) เรื่อง การปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ในการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีในส่วนของข้อ ๑ ที่กำหนดให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องส่งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้กระทรวงการคลังและ/หรือสำนักงบประมาณก่อน เพื่อพิจารณาเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี แล้วให้ส่งเรื่องดังกล่าวพร้อมความเห็นของกระทรวงการคลังและ/หรือสำนักงบประมาณไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้ส่วนราชการ/หน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี ดังนี้ ๒.๑ ให้ส่วนราชการ/หน่วยงานของรัฐในฐานะผู้รับผิดชอบการดำเนินกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการ เป็นผู้พิจารณาว่ากิจกรรม มาตรการ หรือโครงการที่จะเสนอต่อคณะรัฐมนตรีนั้น ก่อให้เกิดภาระต่องบประมาณหรือภาระทางการคลังในอนาคตตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เรื่อง การดำเนินกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการที่ก่อให้เกิดภาระต่องบประมาณหรือภาระทางการคลังในอนาคต พ.ศ. ๒๕๖๑ หรือไม่ และในการเสนอเรื่องดังกล่าวข้างต้นต่อคณะรัฐมนตรี ให้ส่วนราชการ/หน่วยงานของรัฐจัดเตรียมข้อมูลตามแบบฟอร์มที่กระทรวงการคลังได้จัดทำขึ้น เพื่อประกอบการขออนุมัติการดำเนินกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการนั้นต่อคณะรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด ๒.๒ ให้ส่วนราชการ/หน่วยงานของรัฐที่ได้รับมอบหมายตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ จัดทำประมาณการต้นทุนทางการเงินและการบริหารจัดการที่รัฐจะต้องรับภาระทั้งหมดสำหรับกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการนั้น ๆ เพื่อประกอบการเสนอขออนุมัติการดำเนินกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรี พร้อมทั้งให้แจ้งคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐและกระทรวงการคลังทราบด้วย และให้กระทรวงการคลังแจ้งอัตรายอดคงค้างของภาระที่รัฐต้องรับชดเชยค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าวเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลังในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐเร่งดำเนินการจัดทำแนวปฏิบัติและหลักเกณฑ์ในการติดตามประเมินผลตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว พร้อมทั้งให้ชี้แจงทำความเข้าใจแก่ส่วนราชการ/หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1476 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน (กองทุนส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนต์ต่างประเทศในประเทศไทย) | กค | 27/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียน ตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ครั้งที่ ๒/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๑ ที่เห็นควรไม่ให้มีการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย เนื่องจากปัจจุบันมีกรมการท่องเที่ยวเป็นหน่วยงานหลักและได้รับงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานอยู่แล้ว หากกรณีมีความจำเป็นก็สามารถขอรับงบประมาณเพิ่มเติมได้ ประกอบกับการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยเป็นไปตามนโยบายของรัฐในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1477 | การรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2561 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2561 | กค | 19/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๑ มียอดหนี้สาธารณะคงค้าง จำนวนทั้งสิ้น ๖,๔๕๔,๑๖๘.๘๙ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๔๑.๐๔ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) โดยเป็นหนี้รัฐบาล จำนวน ๕,๑๔๕,๐๒๘.๙๘ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจ จำนวน ๙๑๘,๘๙๘.๑๖ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินซึ่งรัฐบาลเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ จำนวน ๓๘๑,๐๔๖.๙๔ ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ จำนวน ๙,๑๙๔.๘๑ ล้านบาท ๒. ผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะได้จัดทำแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ เพื่อใช้เป็นกรอบในการบริหารจัดการหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ ซึ่งได้มีการปรับปรุงแผนฯ ครั้งที่ ๑ มีวงเงินรวมในแผนฯ ๑,๗๖๐,๑๔๗.๐๔ ล้านบาท โดย ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๑ กระทรวงการคลังและหน่วยงานต่าง ๆ ได้ดำเนินการกู้เงินและบริหารหนี้ เป็นวงเงินทั้งสิ้น ๗๕๐,๑๒๑.๐๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๒.๖๒ ของแผนฯ ๓. ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินโครงการลงทุนตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ของรัฐวิสาหกิจ จากการติดตามผลการดำเนินโครงการลงทุนของรัฐวิสาหกิจพบว่า มีรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๓ แห่ง ได้แก่ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ มีการดำเนินการล่าช้ากว่าแผน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1478 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ ในส่วนค่าสิทธิที่ได้รับจากวิสาหกิจในเครือ) | กค | 19/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงเงื่อนไขการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีของบริษัทของห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งประกอบกิจการสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ (International Headquarters หรือ IHQ) จากเดิมซึ่งเป็นการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี สำหรับรายได้ค่าสิทธิที่ได้รับจากวิสาหกิจในเครือที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ เป็น การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี สำหรับค่าสิทธิที่ได้รับจากวิสาหกิจในเครือที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ เฉพาะค่าสิทธิที่เกิดจากผลการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่กระทำขึ้นในประเทศไทย ไม่ว่าการวิจัยและพัฒนานั้นจะกระทำโดย IHQ หรือโดยการจ้างผู้อื่น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการปรับปรุงมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการจัดทำประมาณการสูญเสียรายได้และประโยชน์ที่จะได้รับในครั้งนี้ให้ชัดเจน โดยจัดทำประมาณการรายได้อย่างน้อย ๓ ปี เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตามนัยของกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐต่อไป นอกจากนี้ กรมสรรพากรควรเร่งออกกฎหมายลำดับรองกำหนดวิธีการและเงื่อนไขการได้สิทธิประโยชน์เมื่อพระราชกฤษฎีกาฯ มีผลบังคับใช้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1479 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการธนาคารออมสิน (นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข) | กค | 19/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) เป็นกรรมการในคณะกรรมการธนาคารออมสิน แทน นายประภาศ คงเอียด ที่ขอลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ทั้งนี้ ให้ผู้ได้รับแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1480 | แจ้งผลการดำเนินมาตรการลงโทษทางแพ่ง | กค | 05/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินมาตรการลงโทษทางแพ่งของผู้กระทำความผิดภายหลังการใช้บังคับมาตรการลงโทษทางแพ่งตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยระหว่างวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๙-๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ได้เสนอคดีให้คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่งพิจารณาใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด ๒๗ ราย รวม ๑๐ คดี ซึ่งมี ๙ คดี ที่ผู้กระทำความผิดยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่ง โดยที่ผู้กระทำความผิด ๒๕ ราย ได้ชำระค่าปรับทางแพ่งและชดใช้ผลประโยชน์ที่ได้จากการกระทำความผิด รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๕๓,๘๘๖,๖๔๐.๘๗ บาท และสำนักงาน ก.ล.ต. ได้นำส่งเป็นรายได้แผ่นดินให้กับกระทรวงการคลังแล้ว และมี ๑ คดี ที่ผู้กระทำความผิด ๒ ราย ไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่ง ซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต. ได้นำส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการฟ้องคดีผู้กระทำความผิดดังกล่าวต่อศาลแพ่งแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
