ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 75 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 1481 - 1500 จากข้อมูลทั้งหมด 9659 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1481 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นางสาวพัดชา พงศ์กีรติยุต และ นายไพโรจน์ เจือประทุม) | กค | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวพัดชา พงศ์กีรติยุต ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๐ ๒. นายไพโรจน์ เจือประทุม ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาฐานภาษี (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1482 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [การยกเลิกการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 454) พ.ศ. 2549] | กค | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกมาตรการส่งเสริมทางภาษีตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๔๕๔) พ.ศ. ๒๕๔๙ โดยเป็นการยกเลิกการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล และการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ บางกรณี ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ซึ่งกู้ยืมเงินตราจากต่างประเทศเพื่อให้กู้ยืมในต่างประเทศ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการยกเลิกการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีดังกล่าว ควรพิจารณาถึงความจำเป็นและประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับ ตลอดจนผลกระทบต่อรายได้ของรัฐ ความน่าเชื่อถือในนโยบายส่งเสริมการลงทุน และความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้เสียภาษีที่ได้รับสิทธิประโยชน์อยู่แล้วประกอบด้วย นอกจากนี้ ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการยกเลิกการให้สิทธิประโยชน์ตามมาตรการทางภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้อย่างน้อย ๓ ปี เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตามนัยของกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1483 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (นางอมรา กลับประทุม) | กค | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางอมรา กลับประทุม เป็นกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร แทน นายสันติ กีระนันทน์ ที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ มิถุนายน ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1484 | การลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติมภายใต้โครงการไทยนิยม ยั่งยืน ในกลุ่มผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาลงทะเบียนได้ในปี 2560 | กค | 28/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี ๒๕๖๐ และเห็นชอบในหลักการและแนวทางการดำเนินการการลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี ๒๕๖๐ โดยผลการลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนฯ ปี ๒๕๖๐ ซึ่งเปิดให้ลงทะเบียนระหว่างวันที่ ๓ เมษายน ถึงวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐ มีผู้มาลงทะเบียนทั้งสิ้น ๑๔.๒ ล้านคน ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติทั้งสิ้น ๑๑.๔ ล้านคน (เป็นผู้สูงอายุ ๓.๖ ล้านคน และเป็นผู้พิการ ๓.๘ แสนคน) ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้มีสิทธิได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยปัจจุบันมีผู้รับบัตรสวัสดิการฯ แล้ว ๑๑.๑ ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ ๙๖ ของผู้ที่ผ่านคุณสมบัติทั้งหมด และมีรายการใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการฯ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ ถึงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑ แล้ว ๒๗,๐๐๐ ล้านบาท สำหรับแนวทางการดำเนินการการลงทะเบียนเพิ่มเติมฯ เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนฯ ปี ๒๕๖๐ สามารถลงทะเบียนเพิ่มเติมฯ ได้ โดยผ่านกลไกการดำเนินงานของโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ทั้งนี้ ผู้ที่ลงทะเบียนในโครงการลงทะเบียนฯ ปี ๒๕๖๐ ที่ไม่ผ่านคุณสมบัติและไม่มีสิทธิได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่สามารถมาลงทะเบียนในการลงทะเบียนเพิ่มเติมฯ ได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรพิจารณาวิธีการลงทะเบียนและวิธีการตรวจสอบการลงทะเบียนที่เหมาะสม รวมถึงการอำนวยความสะดวกที่จะเอื้อต่อการเข้าร่วมโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติมภายใต้โครงการไทยนิยม ยั่งยืน ของกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว และเมื่อกระทรวงการคลังดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนเพิ่มเติม และได้จำนวนผู้ลงทะเบียนที่มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์แล้ว ให้ดำเนินการตามนัยมาตรา ๒๗ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ในโอกาสแรก แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง รวมทั้งควรประเมินจำนวนผู้ที่จะลงทะเบียนเพิ่มเติมและงบประมาณที่ต้องใช้ในเบื้องต้น ตลอดจนควรมีการติดตามผลภาระต่องบประมาณที่เกิดขึ้นจริงและผลสัมฤทธิ์ของโครงการลงทะเบียนฯ ปี ๒๕๖๐ เพื่อประโยชน์ในการปรับปรุงโครงการลงทะเบียนฯ ปี ๒๕๖๐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1485 | แผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2562-2564) และกรอบในการบริหารหนี้สาธารณะ ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 (การปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ในการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี) | กค | 28/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัด โดยในกรณีที่มีความจำเป็นต้องเสนอเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อคณะรัฐมนตรี ให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องส่งเรื่องดังกล่าวให้กระทรวงการคลังและ/หรือสำนักงบประมาณก่อน เพื่อพิจารณาเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี แล้วให้ส่งเรื่องดังกล่าวพร้อมความเห็นของกระทรวงการคลังและ/หรือสำนักงบประมาณไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งเรื่องที่อยู่ระหว่างการดำเนินการของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีประเด็นเกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ คืนให้แก่ส่วนราชการ/หน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ครบถ้วนตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1486 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต (จำนวน 5 คน 1. นางดาราพร ถิระวัฒน์ ฯลฯ) | กค | 28/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต จำนวน ๕ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ได้แก่ นางดาราพร ถิระวัฒน์ และนายอรรถพล อรรถวรเดช ๒. ด้านการเงินการธนาคาร ได้แก่ นางจรี วุฒิสันติ ๓. ด้านคอมพิวเตอร์ ได้แก่ นายอนุชิต อนุชิตานุกูล ๔. ผู้แทนผู้ประกอบการด้านธุรกิจภาคเอกชน ได้แก่ นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1487 | รายงานการเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | กค | 22/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ประกอบด้วย งบรายได้และค่าใช้จ่าย และงบแสดงฐานะการเงิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. งบรายได้และค่าใช้จ่าย ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑๗๖,๕๗๓.๕๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘.๑๖ ส่วนใหญ่เป็นรายได้จากภาษีอากรและค่าธรรมเนียม และรัฐบาลมีค่าใช่จายเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑๓๒,๖๕๐.๐๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๕.๓๘ ส่วนใหญ่เป็นรายจ่ายจากเงินงบประมาณจากหน่วยงาน โดยเป็นค่าใช้จ่ายจากงบลงทุน งบอุดหนุน และงบบุคลากรที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ รัฐบาลมีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายสุทธิน้อยกว่าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๔๓,๙๒๓.๔๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑๔.๕๙ ๒. งบแสดงฐานะการเงิน รัฐบาลมีสินทรัพย์สุทธิหรือส่วนทุน ณ วันสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๒,๐๒๐,๒๙๙.๔๓ ล้านบาท สินทรัพย์สุทธิลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๔๗๐,๐๗๑.๑๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑๘.๘๘ เป็นผลจากการปรับปรุงลดทุนของหน่วยงาน การดำเนินงานประจำปีที่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่ารายได้สะสม การปรับปรุงมูลค่าเงินลงทุนในหลักทรัพย์ในความต้องการของตลาดระยะยาว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1488 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นางแพตริเซีย มงคลวนิช) | กค | 22/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางแพตริเซีย มงคลวนิช ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกิจพลังงาน) (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1489 | ผลการดำเนินงานและการขอขยายระยะเวลาดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 | กค | 15/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสถานะการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะที่ ๒ การติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงาน และเหตุผลความจำเป็นของหน่วยงานเจ้าของโครงการที่ยังดำเนินโครงการไม่แล้วเสร็จ โดยพบว่า โครงการภายใต้โครงการเงินกู้ฯ ส่วนใหญ่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้ แต่ยังคงมีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เนื่องจากมีปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินโครงการ เช่น ปัญหาการเข้าใช้พื้นที่ และปัญหาอุทกภัย ซึ่งหน่วยงานเจ้าของโครงการมีความประสงค์จะดำเนินการต่ออีก ๑๑ หน่วยงาน รวม ๑๒๖ โครงการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. เห็นชอบการขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการตามแผนการใช้จ่ายเงินกู้และแผนการดำเนินงานของแต่ละโครงการภายใต้โครงการเงินกู้ฯ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการและจะดำเนินการต่อ โดยมีแผนการใช้จ่ายเงินกู้ในช่วงปีงบประมาณ ๒๕๖๑-๒๕๖๒ และมีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดการดำเนินโครงการในภาพรวมภายในปีงบประมาณ ๒๕๖๒ และให้กระทรวงต้นสังกัดติดตามเร่งรัดการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินโครงการเงินกู้ฯ ให้เสร็จสิ้น ตามแผนงานของแต่ละหน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้กำหนดไว้ โดยไม่เกินปีงบประมาณ ๒๕๖๒ พร้อมทั้งให้จัดทำรายงานผลการดำเนินโครงการส่งให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ) ทุกเดือน ภายในวันที่ ๗ ของเดือนถัดไป และกำกับดูแลให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินงานตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และมาตรฐานของทางราชการอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินโครงการให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติทราบด้วย ทั้งนี้ หากหน่วยงานเจ้าของโครงการใดไม่สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ให้ใช้เงินจากแหล่งอื่นเพื่อดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามวัตถุประสงค์ของโครงการต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่มีความประสงค์จะยกเลิกโครงการ ดำเนินการเสนอขอความเห็นชอบยกเลิกโครงการและยกเลิกการใช้เงินกู้ไปยังกระทรวงการคลัง (สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ) เพื่อให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ) รวบรวมโครงการดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบการยกเลิกโครงการและยกเลิกการใช้เงินกู้ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔. ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งรัดการคืนเงินคงเหลือจากการดำเนินโครงการที่แล้วเสร็จเข้าบัญชี “เงินฝากเงินกู้สำหรับโครงการเงินกู้ฯ” ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๘ ข้อ ๒๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอโดยเร็วต่อไป ๕. ให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ) รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรมีการติดตามและเร่งรัดการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดตามแผน และรายงานความก้าวหน้าการดำเนินโครงการต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อรับทราบเป็นระยะ รวมทั้งควรมีการจัดทำรายงานการประเมินผลโครงการเงินกู้ฯ หลังจากโครงการเงินกู้ฯ ได้เสร็จสิ้นแล้ว เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการจัดทำมาตรการเชิงนโยบายของรัฐบาลในอนาคตต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1490 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 08/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้กองทุนการออมแห่งชาติเป็นหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1491 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาการของธนาคารโลก ครั้งที่ 97 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | กค | 08/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาการของธนาคารโลก ครั้งที่ ๙๗ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๘-๒๔ เมษายน ๒๕๖๑ ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมคณะกรรมการพัฒนาการของธนาคารโลก ครั้งที่ ๙๗ ที่ประชุมเห็นชอบให้ดำเนินกระบวนการเพิ่มทุนที่ชำระแล้ว (Paid-In Capitals) จำนวน ๑๓,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่ธนาคารระหว่างประเทศเพื่อการบูรณะและวิวัฒนาการ (The International Bank for Reconstruction and Development : IBRD) จำนวน ๗,๕๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ และบรรษัทการเงินระหว่างประเทศ (The International Finance Corporation : IFC) จำนวน ๕,๕๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะเพิ่มความแข็งแกร่งของฐานะการเงินและประสิทธิภาพในการดำเนินงานเพื่อการพัฒนาของกลุ่มธนาคารโลก และที่ประชุมได้ขอให้ธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund : IMF) ร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาระดับหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นของประเทศที่มีรายได้ต่ำซึ่งเป็นข้อจำกัดของการพัฒนา นอกจากนี้ ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าของการบริหารความเสี่ยงด้านภัยพิบัติ (Mainstreaming Disaster Risk Management) และแนวทางเพิ่มความเท่าเทียมกันในคณะกรรมการพัฒนาการของธนาคารโลกในเรื่องของ Gender Diversity ๒. การประชุมร่วมของผู้ว่าการประเทศสมาชิกกลุ่มออกเสียงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (Joint Governors’ Meeting of the World Bank-IMF Southeast Asia Voting Group : Joint Meeting OF SEA Group) เป็นการประชุมร่วมกันของผู้ว่าการธนาคารโลกของกลุ่มออกเสียง SEA Group ๑๑ ประเทศ (บรูไนดารุสซาลาม ฟิจิ อินโดนีเซีย ลาว เมียนมา มาเลเซีย เนปาล สิงคโปร์ ตองกา เวียดนาม และไทย) และผู้ว่าการกองทุนการเงินระหว่างประเทศของกลุ่มออกเสียง SEA Group ๑๓ ประเทศ (บรูไนดารุสซาลาม กัมพูชา ฟิจิ อินโดนีเซีย ลาว เมียนมา มาเลเซีย เนปาล ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ตองกา เวียดนาม และไทย) มีวัตถุประสงค์เพื่อรับทราบการดำเนินงานและนโยบายที่สำคัญในช่วง ๑ ปีที่ผ่านมา และพร้อมกับรายงานความคืบหน้าของแผนการดำเนินการที่สำคัญ ๓. การประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคณะผู้แทนไทย ประกอบด้วย (๑) การประชุมหารือทวิภาคีกับนาง Victoria Kwakwa รองประธานธนาคารโลกดูแลภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (๒) การประชุมในหัวข้อ Maximizing the Development Impact of the Belt and Road (๓) การสัมมนาด้านภาพรวมเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก IMF (๔) การสัมมนา Fiscal Forum ในหัวข้อ Corruption and Public Sector Governance และ (๕) การสัมมนาด้านภาษี (Tax Conference) ในหัวข้อ Splitting the Riches : The Present and Future of Taxation by Formula
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1492 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นางสาวรสา กาญจนสาย) | กค | 01/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวรสา กาญจนสาย ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการประเมินผลรัฐวิสาหกิจ (นักวิเคราะห์รัฐวิสาหกิจทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1493 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ขยายระยะเวลามาตรการส่งเสริมให้บุคคลธรรมดาประกอบธุรกิจในรูปของนิติบุคคล) | กค | 01/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ขยายระยะเวลามาตรการส่งเสริมให้บุคคลธรรมดาประกอบธุรกิจในรูปของนิติบุคคล) มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาในการส่งเสริมให้บุคคลธรรมดาประกอบธุรกิจในรูปของนิติบุคคล โดยให้ได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สินให้แก่นิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้แก้ไขระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจาก “ตั้งแต่วันถัดจากวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบพระราชกฤษฎีกานี้ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๑” เป็น “ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๑” ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอเพิ่มเติม แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการทางภาษีดังกล่าวให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ และสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของมาตรการส่งเสริมให้บุคคลธรรมดาประกอบธุรกิจในรูปแบบของนิติบุคคลในระบบภาษีมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการยกเว้นภาษีดังกล่าวจะต้องคำนึงถึงการสูญเสียรายได้ในอนาคต และกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน เพื่อใช้เป็นกรอบในการวางแผนทางการเงินการคลัง และงบประมาณของรัฐ และกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังดำเนินการประเมินผลมาตรการในเรื่องนี้ และเร่งรัดการออกกฎหมายลำดับรองตามร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายมีความชัดเจนและประสิทธิภาพต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1494 | การเรียกให้ทุนหมุนเวียนนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน | กค | 01/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการเรียกให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ปีบัญชี ๒๕๖๑ ในกรอบวงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๑ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ โดยให้กระทรวงพลังงานและกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานประสานงานในรายละเอียดกับกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) เพื่อดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับทุนหมุนเวียนต่าง ๆ เกี่ยวกับการเรียกให้ทุนหมุนเวียนนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ว่าเป็นหน้าที่ที่จะต้องดำเนินการในโอกาสแรก โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่รัฐหรือประชาชนจะได้รับ ความคุ้มค่า รวมถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1495 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 24/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๓๙ เพื่อให้มีความเหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่เห็นควรเพิ่มเติมถ้อยคำในร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวบางประการและในร่างมาตรา ๙ (๔/๒) อาจไม่จำเป็นต้องระบุรูปแบบของผลประโยชน์ตอบแทน เนื่องจากผลประโยชน์ตอบแทนดังกล่าวอาจสามารถเป็นได้หลายรูปแบบไม่ใช่เฉพาะในรูปแบบของเงินปันผล ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ให้สมาชิกองทุนรับทราบในโอกาสแรก และในการจัดตั้งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจำกัดจะต้องได้รับใบอนุญาตและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ว่าด้วยการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการจัดการกองทุนส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1496 | รายงานการตรวจสอบสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | กค | 17/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการตรวจสอบสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการตรวจสอบการดำเนินงาน (Operation Auditing) การตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง (Compliance Auditing) การตรวจสอบทางการเงินและบัญชี (Financial Auditing) และรายงานการเงินของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน งบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน รายงานรายได้แผ่นดิน และหมายเหตุประกอบงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1497 | ร่างพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 17/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. ๒๕๑๗ โดยแก้ไขเพิ่มเติมคำนิยามคำว่า พนักงาน กองทุน และสถานศึกษา แก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล อำนาจหน้าที่ของผู้อำนวยการ การจัดตั้งกองทุนบริหารสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อพัฒนาสังคม และการแก้ไขการจัดสรรเงินจากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมบทกำหนดโทษสำหรับความผิดในกรณีการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา และกำหนดเพิ่มเติมความผิดในกรณีการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในสถานศึกษาและการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลแก่บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่า ๒๐ ปีบริบูรณ์ เพื่อให้การดำเนินกิจการของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้กระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกันพิจารณาความเห็นของรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เพื่อประกอบการตรวจพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ดังนี้ ๑.๑ ควรกำหนดบทนิยามคำว่า “สลากกินแบ่งรัฐบาล” ในร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้เพื่อความชัดเจนและมิให้เกิดปัญหาในการบังคับใช้กฎหมาย ๑.๒ การกำหนดให้ผู้ทำการแทนผู้อำนวยการมีอำนาจหน้าที่อย่างเดียวกับผู้อำนวยการ เว้นแต่อำนาจหน้าที่ของผู้อำนวยการในฐานะกรรมการ นั้น (ร่างมาตรา ๙ แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๒๐) อาจทำให้คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลไม่สามารถประชุมได้เนื่องจากไม่ครบองค์ประชุม สมควรแก้ไขถ้อยคำดังกล่าวเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ ๑.๓ การกำหนดโทษสำหรับผู้ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลแก่บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์ (ร่างมาตรา ๑๘ เพิ่มเติมมาตรา ๓๙/๑) โดยมิได้กำหนดโทษสำหรับผู้ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลซึ่งมีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์ด้วย อาจทำให้เกิดความลักลั่นต่อการบังคับใช้กฎหมาย ดังนั้น ถ้าจะคงหลักการนี้ไว้ ก็สมควรกำหนดโทษให้ครอบคลุมกรณีที่ผู้ขายเป็นผู้เยาว์ด้วย ๑.๔ การกำหนดวัตถุประสงค์ของกองทุนสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อพัฒนาสังคม กรณีเพื่อเป็นทุนสำหรับดำเนินโครงการตามนโยบายของรัฐซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม (ร่างมาตรา ๑๖ เพิ่มเติมมาตรา ๓๘/๑) ควรกำหนดขอบเขตของ “นโยบายของรัฐ” ให้มีความชัดเจนเพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาในการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมและเป็นรูปธรรมควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายในโอกาสแรกด้วยและการจัดตั้งกองทุนสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อพัฒนาสังคมจะต้องไม่ซ้ำซ้อนกับภารกิจของหน่วยงานหรือทุนหมุนเวียนอื่นที่จัดตั้งไว้แล้ว และการดำเนินการเกี่ยวกับกองทุนสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อพัฒนาสังคมควรคำนึงถึงความมุ่งหมายของวัตถุประสงค์ในประการที่จะดำเนินโครงการตามนโยบายรัฐบาลที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ รวมทั้งมีการบริหารจัดการให้สามารถตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1498 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการเพื่อสนับสนุนการควบรวมธนาคารพาณิชย์ไทย) | กค | 17/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการเพื่อสนับสนุนการควบรวมธนาคารพาณิชย์ไทย) มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่ผู้ถือหุ้นของธนาคารพาณิชย์ หรือธนาคารพาณิชย์ที่ควบเข้ากัน หรือโอนกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนให้แก่กัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับมาตรการทางภาษีตามร่างพระราชกฤษฎีกานี้ ควรกำหนดให้ครอบคลุมถึงกรณีการควบเข้ากันหรือการโอนกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนให้แก่กันในกรณี (๑) กรณีของกลุ่มธุรกิจทางการเงินตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน และ (๒) กรณีของสถาบันการเงินหรือบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน ทั้งในกรณีที่เป็นการควบเข้ากันหรือการโอนกิจการให้แก่กันภายในกลุ่มธุรกิจทางการเงิน และข้ามกลุ่มธุรกิจการเงิน รวมทั้งควรสนับสนุนมาตรการทางภาษีเฉพาะกรณีเมื่อมีการควบเข้ากันหรือการโอนกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนให้แก่กันแล้ว สถาบันการเงิน หรือบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินแล้ว แต่กรณีที่ควบเข้ากันหรือรับโอนกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนดังกล่าว ต้องมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นต่างชาติไม่เกินร้อยละ ๔๙ ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการให้มีการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์หรืออาคารชุดตามประมวลกฎหมายที่ดินและกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด ค่าธรรมเนียมการโอนทะเบียนรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก และค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเครื่องจักรตามกฎหมายว่าด้วยเครื่องจักร ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมธนาคารพาณิชย์ไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการขยายกิจการไปต่างประเทศ สถาบันการเงินไทยควรมีความพร้อมและความสามารถในการแข่งขันอย่างแท้จริง และมีแนวทางรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินการในระดับภูมิภาค เพื่อให้การดำเนินการตามร่างพระราชกฤษฎีกานี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก และจัดให้มีการติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการภาษีดังกล่าว เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์และรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการให้คณะรัฐมนตรีทราบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1499 | แนวทางการพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทางการเงิน (Financial Technology : FinTech) | กค | 17/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการแนวทางการพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทางการเงิน (Financial Technology : FinTech) ซึ่งประกอบด้วย ๓ แนวทางหลัก ได้แก่ (๑) การพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานทางอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศ (๒) การผลักดันหน่วยงานภาครัฐเป็นผู้ให้และผู้ใช้ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับ FinTech และ (๓) การจัดตั้งสถาบันนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการเงิน (Institute for Financial Innovation and Technology : InFinIT) เพื่อส่งเสริมและพัฒนาระบบนนิเวศที่เอื้อต่อการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรม FinTech ในประเทศไทย โดยจัดตั้งมูลนิธิเพื่อพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ และจัดตั้ง InFinIT ภายใต้มูลนิธิดังกล่าว รวมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการ InFinIT ขึ้นเพื่อทำหน้าที่กำหนดนโยบายและกำกับดูแลการดำเนินงานของ InFinIT ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย และธนาคารแห่งประเทศไทย รวมทั้งความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะพิเศษ ในคราวประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๑ ดังต่อไปนี้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒.๑ ให้กระทรวงการคลังพิจารณาถึงความเหมาะสมและรูปแบบในการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ที่จะดำเนินการในรูปแบบมูลนิธิ โดยอาจพิจารณาปรับปรุงกลไกที่มีอยู่ในปัจจุบันมาใช้ดำเนินงาน เช่น มูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลังของกระทรวงการคลัง เป็นต้น ทั้งนี้ หากกระทรวงการคลังเห็นว่า ยังมีความจำเป็นต้องมีการจัดตั้งสถาบันขึ้นใหม่เพื่อทำหน้าที่ขับเคลื่อนการพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรม FinTech อย่างเป็นรูปธรรม ก็ให้กำหนดบทบาทหน้าที่ของสถาบันที่จัดตั้งใหม่ให้มีความชัดเจน เหมาะสม เพื่อลดความซ้ำซ้อนกับกลไกเดิมที่มีอยู่ด้วย ๒.๒ ในกรณีที่มีการจัดตั้งสถาบันนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการเงิน (Institute for Financial Innovation and Technology : InFinIT) ขึ้นในอนาคต ให้สถาบัน InFinIT บูรณาการและประสานการทำงานร่วมกับหน่วยงานของรัฐและเอกชนที่ทำหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาองค์ความรู้และสร้างสภาพแวดล้อมให้เอื้ออำนวยต่อการประกอบกิจการ FinTech เช่น กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) และสมาคมฟินเทคประเทศไทย เป็นต้น เพื่อช่วยให้การดำเนินการขับเคลื่อนการพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรม FinTech มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ๓. ในส่วนของการดำเนินการเพื่อการจัดตั้งมูลนิธิเพื่อพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจและสถาบัน InFinIT รวมทั้งการขอรับเงินสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ และการขอรับการสนับสนุนด้านงบประมาณจากภาครัฐ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการจัดตั้งสถาบัน InFinIT ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1500 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายประสงค์ พูนธเนศ) | กค | 17/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายประสงค์ พูนธเนศ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งเดิมซึ่งได้รับอนุญาตให้ลาออกจากราชการ (๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง และไม่ก่อนวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
