ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 77 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 1521 - 1540 จากข้อมูลทั้งหมด 9659 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1521 | สรุปผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่ภาคกลาง | กค | 20/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่ภาคกลาง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การเร่งรัดดำเนินการเขตเศรษฐกิจพิเศษกาญจนบุรี โดยให้กรมธนารักษ์เร่งรัดดำเนินการเปิดประมูลให้เอกชนเช่าที่ดิน กรมธนารักษ์ได้เปิดประมูลสรรหาผู้ลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษที่มีความพร้อมตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ให้ความเห็นชอบแล้ว รวม ๓ พื้นที่ ประกอบด้วย จังหวัดตาก กาญจนบุรี และนครพนม โดยกำหนดกรอบระยะเวลาการดำเนินการสรรหาและคัดเลือกผู้พัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษฯ แล้ว ๑.๒ การขอรับการสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์แปรรูปอาหารทะเลครบวงจรและจำหน่ายอาหารทะเล และขอยกเว้นระเบียบกรมธนารักษ์ในการเช่าที่ราชพัสดุ โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณาลดค่าเช่าตามความเหมาะสม ซึ่งเมื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วปรากฏว่า อาคารตลาดปลาและอาคารระบบบำบัดน้ำเสียปลูกสร้างบนที่ดินขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสงคราม ดังนั้น ในกรณีดังกล่าวมิได้เป็นการเช่าที่ราชพัสดุแต่อย่างใด ๒. ให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) หารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเร่งรัดการพิจารณาหาแนวทางที่เหมาะสมในการช่วยเหลือผู้ประกอบการในศูนย์แปรรูปอาหารทะเลครบวงจรและจำหน่ายอาหารทะเล จังหวัดสมุทรสงคราม โดยดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1522 | รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานประชารัฐสวัสดิการ การให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ | กค | 20/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานประชารัฐสวัสดิการ การให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามการดำเนินการและการเบิกจ่ายงบประมาณ ตามแนวทางการจัดประชารัฐสวัสดิการ โดยมีอำนาจหน้าที่ เช่น ติดตามผลการดำเนินการและการเบิกจ่ายงบประมาณตามแนวทางประชารัฐสวัสดิการผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อรายงานผลต่อคณะรัฐมนตรีทราบทุก ๓ เดือน พิจารณาทบทวน ปรับปรุง หรือเสนอแนะสวัสดิการสังคมเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ๒. ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามผลการดำเนินการและการเบิกจ่ายงบประมาณ ตามแนวทางการจัดประชารัฐสวัสดิการ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๑ มีประเด็นสำคัญ เช่น (๑) การผลิตและการแจกจ่ายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้แก่ผู้มีสิทธิ (๒) การใช้สิทธิและการจ่ายเงินให้แก่หน่วยงานหรือร้านค้าที่รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (๓) การวางเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) (๔) แนวทางการควบคุมภายในการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐกรณีร้านธงฟ้าประชารัฐ (๕) ความก้าวหน้าของร่างพระราชบัญญัติกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม พ.ศ. .... และ (๖) หลักเกณฑ์การพิจารณาการให้ข้อมูลผู้มีสิทธิตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี ๒๕๖๐ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1523 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2561 ครั้งที่ 1 | กค | 20/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ (แผนฯ) ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๑ ที่มีวงเงินปรับเพิ่มขึ้นสุทธิ ๘๕,๙๐๖.๔๒ ล้านบาท จากเดิม ๑,๕๐๒,๙๗๗.๐๖ ล้านบาท เป็น ๑,๕๘๘,๘๘๓.๔๘ ล้านบาท ๑.๒ รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนฯ ที่มีวงเงินปรับเพิ่มขึ้น ๙,๘๓๐.๑๑ ล้านบาท จากเดิม ๑๖๑,๔๓๓.๔๕ ล้านบาท เป็น ๑๗๑,๒๖๓.๕๖ ล้านบาท ๑.๓ อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งอนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อดำเนินโครงการลงทุนและการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ตามนัยข้อ ๓.๔ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ปรับปรุงครั้งที่ ๑ ๑.๔ อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ปรับปรุงครั้งที่ ๑ ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๑.๕ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมาย เป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือการค้ำประกันเงินกู้และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะรายงานผลการดำเนินการตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะดังกล่าวตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๙ ๑.๖ รับทราบผลการติดตามการบริหารจัดการระบายยางพาราคงค้างของการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) พร้อมทั้งมอบหมายให้ กยท. ดำเนินการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพยางพาราคงเหลือ และดำเนินการจำหน่ายยางพาราในระดับราคาที่เหมาะสม โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา และให้ กยท. รายงานผลการดำเนินงานให้คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะและคณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะต่อไป ๒. ให้ กยท. เร่งดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะที่เห็นควรให้ กยท. ดำเนินการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพยาง และดำเนินการจำหน่ายยางพาราคงค้างของโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง และโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางออกสู่ตลาด โดยเร็วต่อไป โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำกับและติดตามการดำเนินงานของ กยท. อย่างใกล้ชิด ๓. ให้กระทรวงเจ้าสังกัดและหน่วยงานเจ้าของวงเงินกู้ ทั้งในส่วนของการดำเนินการตามแผนงานปกติและการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการที่ใช้จ่ายจากงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ กำกับและติดตามการดำเนินแผนงาน/โครงการให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดอย่างเคร่งครัด โปร่งใส และตรวจสอบได้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรมีการกำกับ ติดตาม และเร่งรัดหน่วยงานดำเนินโครงการตามแผนและใช้จ่ายเงินตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๔. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาความเหมาะสมของระดับหนี้สาธารณะที่สอดคล้องกับบริบทของประเทศที่อยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องมีการลงทุนในแผนงาน/โครงการขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ๕. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำประมาณการการคลัง ซึ่งรวมถึงหนี้สาธารณะและงบประมาณในระยะปานกลางและระยะยาวที่สะท้อนกรอบการลงทุนในภาพรวมของประเทศ รวมถึงพื้นที่การคลังที่เหลือ (fiscal space) และให้รายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ เพื่อใช้ในการกำหนดกรอบแนวทางการพิจารณาจัดสรรแหล่งเงินทุนที่เหมาะสมในการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาล และเพื่อให้ภาพรวมของการบริหารงบประมาณและระดับหนี้สาธารณะเป็นไปด้วยความเหมาะสม ทั้งนี้ ให้ทุกหน่วยงานจัดทำภาพรวมการใช้จ่ายที่เป็นภาระผูกพันในระยะยาวโดยเฉพาะโครงการลงทุนภาครัฐ โดยให้ครอบคลุมทุกแหล่งเงินในมิติต่าง ๆ เช่น โครงสร้างพื้นฐาน/การบริหารจัดการน้ำ โดยคำนึงถึงการดำเนินงานให้บรรลุตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศที่กำหนดไว้ และนำเสนอภาพรวมการใช้จ่ายดังกล่าวต่อกระทรวงการคลังเพื่อรวบรวมข้อมูลโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1524 | โครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน ระยะที่ 2 ของธนาคารออมสิน | กค | 20/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักเกณฑ์และเงื่อนไขโครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน ระยะที่ ๒ ของธนาคารออมสิน โดยให้สินเชื่อแก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินฉุกเฉินเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนภายในครอบครัว วงเงินสินเชื่อรวมไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท วงเงินสินเชื่อต่อรายไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท ระยะเวลาการให้กู้ยืมไม่เกิน ๕ ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ไม่เกินร้อยละ ๐.๘๕ ต่อเดือน และอนุมัติวงเงินงบประมาณที่ใช้ในโครงการฯ เป็นวงเงินงบประมาณสูงสุดไม่เกิน ๔,๐๐๐ ล้านบาท โดยให้ธนาคารออมสินทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณเป็นรายปีตามความเหมาะสมและความจำเป็นต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารออมสิน) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรให้กระทรวงการคลังกำกับดูแลธนาคารออมสินพิจารณาอนุมัติสินเชื่อด้วยความรอบคอบและระมัดระวังเพื่อมิให้เกิดภาระหนี้เสีย หรือหนี้สงสัยจะสูญ รวมทั้งให้ธนาคารออมสินมีส่วนร่วมรับผิดชอบในการดำเนินโครงการฯ และควรมีมาตรการดำเนินการบริหารสินเชื่อให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ควรกำหนดแนวทางการบริหารความเสี่ยงและการประเมินความเสี่ยงที่ชัดเจน รวมถึงติดตามผลกระทบของโครงการฯ อย่างใกล้ชิดเพื่อดูแลรักษาคุณภาพของลูกหนี้ในภาพรวม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อให้แก่ผู้มีรายได้น้อยที่เข้าร่วมโครงการฯ ของธนาคารออมสิน ให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารออมสิน) พิจารณาดำเนินการด้วยความรอบคอบและระมัดระวังเพื่อป้องกันการเกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing loan : NPL) และปัญหาการปล่อยสินเชื่อไม่เหมาะสม (moral hazard) ซึ่งจะเป็นภาระต่องบประมาณของภาครัฐเกินความจำเป็น ทั้งนี้ ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ กระทรวงการคลัง (ธนาคารออมสิน) จะต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับการอนุมัติสินเชื่อในโครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน ระยะที่ ๒ ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และให้พิจารณาอนุมัติสินเชื่อให้แก่ผู้มีรายได้น้อยที่ยังไม่เคยเข้าร่วมโครงการฯ ในระยะที่ ๑ เป็นลำดับแรกก่อนเพื่อความเป็นธรรม ๔. ให้กระทรวงการคลังติดตามการดำเนินโครงการฯ ทั้งในส่วนของ ธ.ก.ส. และธนาคารออมสินอย่างใกล้ชิด รวมทั้งให้มีระบบตรวจสอบที่รัดกุมและโปร่งใส และให้พิจารณานำข้อมูลผู้เข้าร่วมโครงการฯ มาเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลผู้มีรายได้น้อยของกระทรวงการคลังเพื่อประโยชน์ในการปรับปรุงฐานข้อมูลดังกล่าวให้ถูกต้องครบถ้วนและสอดคล้องกัน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1525 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน)] | กค | 20/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดกิจกรรมที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน)] มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะให้แก่สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ที่ประกอบกิจการเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ สำหรับรายรับจากการให้สินเชื่อเพื่อการจัดหาและพัฒนาที่ดินและรายรับจากการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) พิจารณาดำเนินการด้วยความรอบคอบ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และภารกิจของสถาบันฯ ในการกระจายการถือครองที่ดินที่เป็นธรรมและยั่งยืนอย่างแท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1526 | ขอขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายสินเชื่อ "โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สำหรับผู้ประกอบกิจการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)" | กค | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายสินเชื่อโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สำหรับผู้ประกอบกิจการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) จากเดิม ให้ธนาคารออมสินเบิกจ่ายสินเชื่อให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๐ เป็น ให้ธนาคารออมสินเบิกจ่ายสินเชื่อให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๑ โดยการขยายระยะเวลาดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดภาระงบประมาณเพิ่มขึ้น เนื่องจากอยู่ภายใต้กรอบวงเงินเดิมที่ธนาคารออมสินได้รับอนุมัติไว้ ทั้งนี้ ให้ธนาคารออมสินร่วมกับสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการฯ เร่งรัดการเบิกจ่ายสินเชื่อให้ทันภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๑ เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ในการส่งเสริมการลงทุนในประเทศของผู้ประกอบการ SMEs ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ธนาคารออมสินร่วมกับสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการฯ ให้ทันภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๑ และดำเนินการปิดโครงการฯ ให้แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับภาระงบประมาณที่รัฐบาลจะต้องชดเชยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น เห็นควรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป รวมทั้งเห็นควรมีการติดตามและประเมินผลลัพธ์และผลกระทบการดำเนินโครงการฯ เป็นระยะอย่างต่อเนื่อง และรายงานให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ในฐานะหน่วยงานวางแผนและประสานการขับเคลื่อนการส่งเสริม SMEs รับทราบ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1527 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายวโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล) | กค | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง (เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1528 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ) | กค | 06/03/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้นายจ้างที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถนำรายจ่ายค่าจ้างที่จ่ายให้แก่ลูกจ้างผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยการจ่ายค่าจ้างผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้เป็นจำนวน ๑.๕ เท่าของค่าจ้างที่จ่ายให้แก่ลูกจ้างผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เฉพาะในส่วนที่ไม่เกินร้อยละ ๑๐ ของจำนวนลูกจ้างในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๑ จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดให้มีการติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการภาษีดังกล่าว เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ และรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไปด้วย นอกจากนี้ ควรมุ่งเน้นให้มีการจ้างงานผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในลักษณะการจ้างงานระยะยาวหรือเป็นพนักงานประจำเพื่อสนับสนุนให้คุณภาพชีวิตของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้รับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1529 | การเสนอความเห็นการยุบเลิกทุนหมุนเวียนของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน | กค | 27/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ยุบเลิกเงินทุนสำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา ตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ครั้งที่ ๖/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๐ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ ๒. ให้สำนักงบประมาณรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรสนับสนุนงบประมาณแก่สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษาเพิ่มเติมตามความจำเป็น เพื่อให้สามารถบริหารงานในฐานะหน่วยบริการรูปแบบพิเศษได้อย่างมีประสิทธิภาพและพัฒนาคุณภาพการให้บริการงานพิมพ์แก่ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และประชาชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1530 | ร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ชุดยกระดับการกำกับดูแลตลาดทุนให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล) | กค | 27/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณาให้มีมาตรการควบคุม กำกับดูแลผลิตภัณฑ์ทางการเงินดิจิทัล (Crypto Currencies) และสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets) รวมทั้งปรับปรุงกฎหมาย กฎเกณฑ์ และระเบียบที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรายงาน และให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการต่อไปโดยเร็ว ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับบทนิยามการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ การกำหนดทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทหลักทรัพย์ การเพิ่มเติมกลไกในการหาทางออกเพื่อแก้ไขปัญหาของบริษัทจดทะเบียนในกรณีที่ไม่สามารถใช้กลไกปกติได้ การจัดการกองทุนรวม การกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล การเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดทุน การจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (Capital Market Development Fund : CMDF) รวมทั้งปรับปรุงบทกำหนดโทษเพื่อให้เป็นไปในแนวทางเดียวกับหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินอื่น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๔. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี (คณะพิเศษ) ที่เห็นควรให้กระทรวงการคลังพิจารณาดำเนินการปรับโครงสร้างของตลาดหลักทรัพย์โดยแยกบทบาทและอำนาจหน้าที่ให้ชัดเจนระหว่างการกำกับดูแล (Regulators) และการดำเนินการ (Operators) อันจะส่งผลให้การกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจในตลาดทุนให้มีประสิทธิภาพและมีความสอดคล้องมากขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดทุนไทยและเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในตลาดทุน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1531 | การเตรียมการเพื่อดำเนินนโยบายสำคัญของทางราชการ | กค | 27/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการพิจารณาของคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐเกี่ยวกับการดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหายางพาราซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลว่า การกำหนดรายละเอียดหรือคุณลักษณะของงานก่อสร้างหรือปรับปรุงถนน สนามกีฬา ฯลฯ โดยมีความจำเป็นจะต้องกำหนดที่มาของวัตถุดิบที่ใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อใช้ในการดำเนินการดังกล่าว โดยกำหนดให้ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกจะต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีวัตถุดิบจากน้ำยางพาราที่ซื้อจากการยางแห่งประเทศไทย หรือที่ได้รับรองจากการยางแห่งประเทศไทยว่าได้ซื้อน้ำยางพาราจากเกษตรกรโดยตรง ก็ถือเป็นดุลพินิจของหน่วยงานที่จะกำหนดได้ตามความต้องการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1532 | รายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ 4 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 และปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 (ตุลาคม 2559 - กันยายน 2560) | กค | 20/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ ๔ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ (กรกฎาคม-กันยายน ๒๕๖๐) และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ (ตุลาคม ๒๕๕๙-กันยายน ๒๕๖๐) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ไตรมาสที่ ๔ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ (กรกฎาคม-กันยายน ๒๕๖๐) สินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่ม ได้แก่ ผลไม้ น้ำหอมและเครื่องสำอาง นาฬิกาและอุปกรณ์ กระเป๋าหนังและเข็มขัดหนัง สูท เสื้อ กระโปรง กางเกง สำหรับบุรุษ สตรี เด็กชาย เด็กหญิง และเนคไท สุราต่างประเทศ รองเท้าหนังและรองเท้าผ้าใบ แว่นตา ปากกา และอุปกรณ์ ไวน์ เครื่องประดับที่ทำด้วยคริสตัล กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์ ผ้าทอทำด้วยขนสัตว์ ไฟแช็คและอุปกรณ์ ดอกไม้ และเครื่องแก้วชนิดใช้บนโต๊ะอาหารหรือใช้ตกแต่งภายในที่ทำด้วยคริสตัล มีมูลค่านำเข้า ๙๗๗.๖๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ๒๐.๐๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๒.๐๑ สินค้าที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด ๓ อันดับแรก ได้แก่ น้ำหอมและเครื่องสำอาง ผลไม้ กระเป๋าหนังและเข็มขัดหนัง ๑.๒ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ (ตุลาคม ๒๕๕๙-กันยายน ๒๕๖๐) สินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่ม มีมูลค่ารวม ๓,๗๔๕.๑๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ๒๙๒.๑๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๗.๒๔ สินค้าที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด ๓ อันดับแรก ได้แก่ น้ำหอมและเครื่องสำอาง ผลไม้ กระเป๋าและเข็มขัดหนัง ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลรายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยมาใช้ประกอบการพิจารณากำหนดแนวทางส่งเสริมการผลิตและเพิ่มมูลค่าทางการตลาดให้กับสินค้าในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น น้ำหอม เครื่องสำอาง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1533 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเฉพาะประเภท ลักษณะ และขนาด หรือที่มีการให้บริการหรือธุรกรรมของผู้มีหน้าที่รายงาน พ.ศ. .... | กค | 13/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเฉพาะประเภท ลักษณะ และขนาด หรือที่มีการให้บริการหรือธุรกรรมของผู้มีหน้าที่รายงาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดผู้มีหน้าที่รายงานตามพระราชบัญญัติการปฏิบัติการตามความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อความร่วมมือในการปรับปรุงการปฏิบัติตามการภาษีอากรระหว่างประเทศ พ.ศ ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยเกี่ยวกับการแก้ไขถ้อยคำในร่างมาตรา ๔ (๗) วรรคสอง (ก) ร่างมาตรา ๕ และร่างมาตรา ๗ (๑) โดยเห็นควรมีการปรับปรุงถ้อยคำเพื่อความชัดเจนยิ่งขึ้น รวมทั้งแก้ไขถ้อยคำในร่างมาตรา ๕ มาตรา ๖ และมาตรา ๗ เล็กน้อย เพื่อให้ถ้อยคำสอดคล้องกับหลักการและเจตนารมณ์ของความตกลงฯ ฉบับภาษาอังกฤษและฉบับภาษาไทย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการตรวจสอบระบบการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1534 | ขอความเห็นชอบการชดเชยค่าใช้จ่ายกรณีเกิดภาวะขาดทุนจากการดำเนินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2558/59 ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 13/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการชดเชยภาระขาดทุนจากการดำเนินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๘/๕๙ จำนวน ๙๐๖.๘๒ ล้านบาท ให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ผ่านการขอรับการจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป และให้ ธ.ก.ส. จัดทำรายละเอียดและหลักฐานแสดงผลการดำเนินโครงการที่ขาดทุน พร้อมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดย ธ.ก.ส. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในการดำเนินการร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์การผลิต การตลาด และราคาข้าวเปลือก ในการดำเนินการระบายข้าวเปลือกเพื่อลดภาระขาดทุนจากการดำเนินโครงการ รวมทั้งนำบทเรียนจากการดำเนินการที่ผ่านมาและข้อเสนอแนะของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีตามนัยมติคณะรัฐมนตรี (๙ มกราคม ๒๕๖๑) มาพิจารณากำหนดเป็นแนวทางในการดำเนินการโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีในปีต่อ ๆ ไป รวมทั้งกำหนดให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินโครงการเพื่อพิจารณาความคุ้มค่าในการดำเนินงาน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1535 | ร่างพระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ในท้องที่ตำบลบ้านแร่ อำเภอเขวาสินรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ให้แก่ทายาทของนายกี สุบินยัง พ.ศ. .... | กค | 13/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ในท้องที่ตำบลบ้านแร่ อำเภอเขวาสินรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ให้แก่ทายาทของนายกี สุบินยัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ เพื่อแลกเปลี่ยนกับที่ดินที่อยู่ในความครอบครองของทายาทนายกี สุบินยัง ใช้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนบ้านกันเตรียง จังหวัดสุรินทร์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1536 | รายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 2559 และรายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำงวดครึ่งปีงบประมาณ 2560 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และรายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 2559 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | กค | 13/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ และรายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำงวดครึ่งปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ซึ่งมีผลการขาดทุนจากการให้บริการสาธารณะ จำนวน ๙๗๓.๙๐๗ ล้านบาท และจำนวน ๕๕๕.๗๐๐ ล้านบาท ตามลำดับ และเห็นสมควรให้ ขสมก. เบิกจ่ายเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งวดที่ ๒ และเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งวดที่ ๒ จำนวน ๒๗๑.๕๕๓ ล้านบาท และ ๑๐๗.๕๒๓ ล้านบาท ตามลำดับ ๑.๒ รายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งมีผลขาดทุนจากการให้บริการสาธารณะ จำนวน ๑,๙๔๖.๔๔๙ ล้านบาท และเห็นสมควรให้ รฟท. เบิกจ่ายเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งวดที่ ๒ จำนวน ๔๕๐.๗๑๕ ล้านบาท ๒. ให้ ขสมก.และ รฟท. รับความเห็นของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุมค่าใช้จ่ายเพื่อลดภาระต้นทุนขององค์กรและเงินงบประมาณอุดหนุนของภาครัฐ โดยไม่กระทบต่อคุณภาพการให้บริการ และให้เร่งรัดดำเนินการลงทุนโครงการต่าง ๆ ตามที่ได้รับอนุมัติไว้แล้ว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะด้านความปลอดภัยและการตรงต่อเวลา รวมทั้งเร่งรัดจัดทำแผนขับเคลื่อนองค์กรในระยะยาวตามแนวทางที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจมอบหมาย เพื่อให้สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้อย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงคมนาคมกำกับดูแลให้ ขสมก. และ รฟท. เร่งรัดพัฒนาคุณภาพการให้บริการ โดยอาจพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในการบริหารจัดการการเดินรถโดยสารสาธารณะตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง ข้อเสนอการขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ของการรถไฟแห่งประเทศไทยและองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ) และนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพิจารณาต่อไป ๔. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการจัดทำข้อตกลงการให้บริการสาธารณะและเบิกจ่ายเงินอุดหนุนบริการสาธารณะให้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพื่อลดปัญหาการขาดสภาพคล่องของรัฐวิสาหกิจและภาระดอกเบี้ยที่เกิดจากการกู้ยืมเงินมาให้บริการสาธารณะ และให้กระทรวงการคลังในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำหนดเป้าหมายของตัวชี้วัดการให้บริการสาธารณะและการปรับปรุงระบบการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะ และการสร้างการรับรู้เพื่อให้ประชาชนได้ทราบถึงต้นทุนที่แท้จริงจากการให้บริการสาธารณะ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1537 | ร่างพระราชบัญญัติสถาบันการเงินประชาชน พ.ศ. .... | กค | 06/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสถาบันการเงินประชาชน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยสถาบันการเงินประชาชนเพื่อรับรองสถานะองค์กรการเงินระดับชุมชนให้มีสภาพเป็นนิติบุคคล และบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในด้านการเงินให้แก่ชุมชนฐานรากเพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมโดยการสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างทั่วถึง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ และคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ เช่น ในการพิจารณาจัดตั้งสถาบันการเงินประชาชนควรเลือกองค์กรการเงินชุมชนที่มีความเข้มแข็ง มีการบริหารจัดการที่ดี มีความโปร่งใส มีธรรมาภิบาล และมีความพร้อมที่จะปรับตัวไปสู่สถาบันการเงินประชาชน และในการปล่อยสินเชื่อให้กับคนในชุมชนควรมีการสร้างรายได้หรือพัฒนาอาชีพเพื่อยกระดับสภาพความเป็นอยู่ของคนในชุมชน รวมทั้งควรวางหลักเกณฑ์ วิธีการ ตลอดจนเงื่อนไขในการให้บริการทางการเงินควบคู่ไปกับการกำกับดูแลความมั่นคงทางการเงินที่ชัดเจน และควรให้มีการเพิ่มประเด็นในร่างมาตรา ๑๒ (๘) เรื่อง อำนาจและหน้าที่ของธนาคารผู้ประสานงานเกี่ยวกับการจัดทำรายงานสถานการณ์ ผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินชุมชน และการประเมินความเสี่ยง เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1538 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศ) | กค | 06/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศ) มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้ที่จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาให้แก่สถานศึกษาของทางราชการ สถานศึกษาขององค์การของรัฐบาล โรงเรียนเอกชนที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน สถาบันอุดมศึกษาเอกชนที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน หรือสถาบันอุดมศึกษาที่ตั้งขึ้นตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๙/๒๕๖๐ เรื่อง การส่งเสริมการจัดการศึกษาโดยสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศ ลงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ ทั้งนี้ สำหรับการบริจาคที่กระทำตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดดำเนินการสรรหาสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศเพื่อให้เข้ามาดำเนินการจัดการศึกษาในประเทศไทยโดยเร็ว เพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาประเทศตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1539 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม) | กค | 30/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม) มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับการบริจาคเงินให้แก่ กองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กองทุนสนับสนุนการวิจัย กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบมาตรวิทยา และกองทุนเพื่อการพัฒนาระบบสาธารณสุข ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณากำหนดมาตรการสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนและผู้ประกอบการบริจาคเงินให้แก่กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยอาจไม่กำหนดระยะเวลาสิ้นสุด หรือขยายระยะเวลาเพิ่มมากกว่าปี ๒๕๖๒ เพื่อให้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลสามารถหักลดหย่อนได้ ๒ เท่า ซึ่งจะช่วยทำให้มาตรการดังกล่าวนี้เกิดประสิทธิผลมากขึ้น รวมทั้งควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก และรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการให้คณะรัฐมนตรีทราบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1540 | ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร [มาตรการสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่นักลงทุนที่ลงทุนในวิสาหกิจเริ่มต้น (Angel Investor)] | กค | 30/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร [มาตรการสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่นักลงทุนที่ลงทุนในวิสาหกิจเริ่มต้น (Angel Investor)] มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้มีเงินได้ที่ได้จ่ายเงินลงทุนในหุ้นเพื่อจัดตั้งหรือเงินลงทุนในหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเป็นวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) สามารถนำเงินลงทุนดังกล่าวมาหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันทั้งหมดแล้วไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับปีภาษีนั้น โดยผู้มีเงินได้ต้องถือหุ้นในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น ไม่น้อยกว่า ๒ ปีต่อเนื่องกันนับแต่วันที่ลงทุนในหุ้นนั้น เว้นแต่ทุพพลภาพหรือตาย ทั้งนี้ เฉพาะที่ได้จ่ายไปในระหว่างวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณาดำเนินการ ดังต่อไปนี้ ๒.๑ จัดทำแผนปฏิรูปโครงสร้างภาษี (Tax Structure Plan) เพื่อให้การจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคล ของกรมสรรพากร ภาษีสรรพสามิต ของกรมสรรพสามิต และภาษีศุลกากร ของกรมศุลกากร มีความเชื่อมโยงและสอดคล้องกัน รวมทั้งจัดทำแผนการจัดเก็บภาษีให้สอดคล้องกับโครงสร้างเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการดำเนินนโยบายการค้าระหว่างประเทศเพื่อให้การพัฒนาฐานเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งต่อไป ๒.๒ รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการเผยแพร่รายชื่อบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีคุณสมบัติและลักษณะตรงตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ตลอดจนสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และให้ความสำคัญกับการบูรณาการมาตรการสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่นักลงทุนที่ลงทุน (Angel Investor) รวมทั้งข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีและความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการดำเนินการในระยะต่อไป เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในเรื่องนี้แล้ว ควรประเมินผลว่าสิทธิประโยชน์ทางภาษีดังกล่าวสามารถจูงใจนักลงทุนที่ลงทุน (Angel Investor) ได้มากน้อยเพียงใด เพื่อจะได้กำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษีต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม โดยให้พิจารณาเทียบเคียงกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สิงคโปร์ และมาเลเซีย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.๓ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดระบบจดทะเบียนให้กับนักลงทุน (Angel Investor) เพื่อสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการรายใหม่ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น รวมทั้งกำหนดแนวทางสร้างการพัฒนา การรับรู้ และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ให้กับผู้ประกอบการรายใหม่ และใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสร้างพื้นฐานความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชนต่าง ๆ ไปยังประชาชนและชุมชนให้มากขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของการดำเนินงานตามแนวคิดประเทศไทย ๔.๐ ที่มุ่งเน้นให้ประชาชนปรับตัวเรียนรู้ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงและใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างรู้เท่ากัน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
