ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 77 จากทั้งหมด 482 หน้า แสดงรายการที่ 1521 - 1540 จากข้อมูลทั้งหมด 9623 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1521 | มาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ | กค | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการของมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแต่ละโครงการเพื่อรองรับมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ ๑.๒ เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (คนส.) คณะอนุกรรมการติดตามการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (คอต.) และคณะอนุกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประจำจังหวัด (คอจ.) รวมทั้งเห็นชอบในหลักการของการแต่งตั้งคณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประจำอำเภอ (ทีม ปรจ.) ๑.๓ เห็นชอบมาตรการส่งเสริมให้พัฒนาตนเอง โดยจะได้รับวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษาและวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม จากร้านธงฟ้าประชารัฐ และร้านอื่น ๆ ที่กระทรวงการคลังกำหนด ตามแนวทางประชารัฐสวัสดิการเพิ่มเติม โดยผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้ไม่เกิน ๓๐,๐๐๐ บาท ในปี ๒๕๕๙ จะได้รับวงเงินเพิ่มเติม จำนวน ๒๐๐ บาท/คน/เดือน และผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้สูงกว่า ๓๐,๐๐๐ บาท ในปี ๒๕๕๙ จะได้รับวงเงินเพิ่มเติม จำนวน ๑๐๐ บาท/คน/เดือน ๑.๔ เห็นชอบในหลักการของมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทั้งนี้ เมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้ว กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพากรจะได้เสนอร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ รวมทั้งประสานธนาคารกรุงไทย เพื่อดำเนินการรับชำระค่าจ้างผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐต่อไป ๑.๕ เห็นชอบให้ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดำเนินมาตรการพัฒนาผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวม ๖ มาตรการ ๑๘ โครงการ และให้โครงการดังกล่าวเป็นโครงการธุรกรรมนโยบายรัฐ (Public Service Account : PSA) ๑.๖ อนุมัติงบประมาณเป็นวงเงินทั้งสิ้น ๓๕,๖๗๙,๐๙๐,๗๙๑ บาท ซึ่งประกอบด้วยรายการ ดังนี้ ๑.๖.๑ งบประมาณค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายของคณะกรรมการและคณะทำงาน เช่น ค่าเบี้ยประชุม ค่าเบี้ยเลี้ยง เป็นต้น และค่าตอบแทนลูกจ้างชั่วคราวของธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. เพื่อปฏิบัติงานในโครงการเป็นวงเงินไม่เกิน ๒,๙๙๙,๑๖๗,๗๒๓ บาท ๑.๖.๒ งบประมาณสำหรับโครงการเพื่อรองรับมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ เป็นวงเงินไม่เกิน ๖,๗๗๔,๔๐๙,๘๖๗ บาท และงบประมาณสำหรับธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ในการดำเนินงานเป็นวงเงินไม่เกิน ๑๒,๐๓๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นวงเงินไม่เกิน ๑๘, ๘๐๗,๔๐๙,๘๖๘ บาท ๑.๖.๓ งบประมาณสำหรับค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษาและวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม จากร้านธงฟ้าประชารัฐ และร้านอื่น ๆ ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด เป็นวงเงินไม่เกิน ๑๓,๘๗๒,๕๐๓,๒๐๐ บาท โดยใช้จ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่ายภายใต้กองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ทั้งนี้ งบประมาณตามข้อ ๑.๖.๑-๑.๖.๓ ให้แต่ละหน่วยงานทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการตามมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ มารองรับกลุ่มเป้าหมายตามมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตเป็นลำดับแรกก่อน โดยควรชะลอการดำเนินการสำหรับกลุ่มเป้าหมายเดิมที่ได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ รองรับไว้ หากไม่เพียงพอ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเป็นรายเดือนพร้อมรายละเอียดประกอบให้ชัดเจน เพื่อขอทำความตกลงแหล่งเงินกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ (ตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๖๑) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอนและกระบวนการงบประมาณ โดยค่าใช้จ่ายสำหรับการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคฯ ให้ใช้จ่ายจากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น การดำเนินโครงการภายใต้มาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ ควรให้ความสำคัญในเรื่องความพร้อมของโครงการ ระยะเวลาดำเนินโครงการ ความชัดเจนของกลุ่มเป้าหมาย การติดตามและประเมินผล การสร้างความรับรู้และความเข้าใจของทุกภาคส่วนต่อการดำเนินมาตรการฯ และผลสัมฤทธิ์ที่คาดว่าจะได้รับทั้ง ๔ มิติของการดำเนินการ (มิติที่ ๑ การมีงานทำ มิติที่ ๒ การฝึกอบรมและการศึกษา มิติที่ ๓ การเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ และมิติที่ ๔ การเข้าถึงสิ่งจำเป็นพื้นฐาน) เพื่อลดความเสี่ยงของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือหนี้เสียที่จะเกิดขึ้น และความซ้ำซ้อนของการดำเนินการในแต่ละโครงการ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประสานการทำงานกับคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค และร่วมกันพิจารณากำหนดนโยบายด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้มีรายได้น้อยในภาพรวมให้มีความสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกันต่อไป ๔. ให้กระทรวงการคลังดำเนินการซักซ้อมความเข้าใจและเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจของคณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประจำอำเภอ หรือ ทีม ปรจ. รวมถึงผู้ดูแลผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (Account Officer : AO) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนมาตรการดังกล่าวได้ถูกต้อง ชัดเจน ทั้งนี้ ในการพิจารณาคัดกรองผู้ดูแลผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทีม ปรจ. จะต้องคำนึงถึงความรู้ความสามารถและประสบการณ์ของเจ้าหน้าที่ และจะต้องจัดสรรเจ้าหน้าที่ให้เพียงพอสำหรับการดูแลผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในปริมาณที่เหมาะสมด้วย ๕. ให้กระทรวงการคลังเร่งเสนอร่างกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็วต่อไป ๖. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1522 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดทำบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ (จำนวน 6 คน 1. นายสมชัย ฤชุพันธุ์ ฯลฯ) | กค | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดทำบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๖ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๕๘ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ มกราคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายสมชัย ฤชุพันธุ์ ๒. นายพชร ยุติธรรมดำรง ๓. นายวรากรณ์ สามโกเศศ ๔. นายมนูญ สรรค์คุณากร ๕. นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ๖. นายประสัณห์ เชื้อพานิช
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1523 | รายงานผลการดำเนินการตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 ประจำปีงบประมาณ 2560 | กค | 03/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้นำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป โดยรายงานดังกล่าวประกอบด้วย ๒ ส่วน ดังนี้
๑. ผลการดำเนินการตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ประกอบด้วย รายงานการกู้เงินและการค้ำประกันที่กระทำในปีงบประมาณที่ล่วงมาแล้ว และรายงานสถานะหนี้สาธารณะ ๒. รายงานผลการประเมินความสำเร็จของโครงการหรือแผนงานที่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ ประกอบด้วย ความสอดคล้องของวัตถุประสงค์ ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ผลกระทบของโครงการ และความยั่งยืนของโครงการ โดยในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะได้พิจารณาคัดเลือกโครงการจากส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วอย่างน้อย ๒-๕ ปี รวมทั้งมีความพร้อมของข้อมูลมาประเมินผล รวม ๓ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒ ของกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และกรมชลประทาน (๒) โครงการขยายเขตไฟฟ้าให้พื้นที่ทำกินทางการเกษตร ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และ (๓) โครงการปรับปรุงทางรถไฟ ระยะที่ ๖ ระหว่างสถานีชุมทางบัวใหญ่-หนองคาย ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1524 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [มาตรการป้องกันการกำหนดราคาโอนระหว่างบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน (Transfer Pricing)] | กค | 03/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [มาตรการป้องกันการกำหนดราคาโอนระหว่างบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน (Transfer Pricing)] โดยกำหนดหลักเกณฑ์การจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันในด้านทุน การจัดการ หรือการควบคุมเพื่อป้องกันมิให้มีการถ่ายโอนกำไรระหว่างกันเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีอากรที่พึงเสีย ของกระทรวงการคลัง ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาประสานกับกระทรวงการคลัง แล้วให้เสนอคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1525 | ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับคนพิการซึ่งไม่มีสัญชาติไทย) | กค | 03/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับคนพิการซึ่งไม่มีสัญชาติไทย) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่ผู้มีเงินได้ที่เป็นคนพิการซึ่งไม่มีสัญชาติไทยที่มีหนังสือรับรองความพิการจากกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และมีอายุไม่เกิน ๖๕ ปีบริบูรณ์ เฉพาะเงินได้ส่วนที่ไม่เกิน ๑๙๐,๐๐๐ บาทต่อปี ทั้งนี้ สำหรับเงินได้ที่ได้รับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติต่อคนพิการซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1526 | โครงการบ้านฅนไทย | กค | 03/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กรอบการดำเนินโครงการบ้านฅนไทย ประกอบด้วย วัตถุประสงค์ ประเภทที่อยู่อาศัย กลุ่มเป้าหมาย กรอบวงเงินโครงการ และรูปแบบ : โครงการการผ่อนชำระสู่การเช่าระยะยาว ๑.๒ ให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารออมสิน แยกบัญชีโครงการบ้านฅนไทย เป็นบัญชีธุรกรรมนโยบายรัฐ (Public Service Account : PSA) โดยไม่ขอรับการชดเชยจากรัฐบาลและขอนำผลกระทบรายได้และค่าใช้จ่ายในการจัดทำโครงการบ้านฅนไทยมาปรับตัวชี้วัดทางการเงินที่เกี่ยวข้องตามบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ และขอไม่นับรวมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loans : NOLs) ที่เกิดจากการดำเนินโครงการฯ เป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของ ธอส. และธนาคารออมสิน (กรณี % NPLs ที่เกิดขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ย NPLs ของธนาคารในภาพรวม) และขอนำผลกระทบต่อรายได้และค่าใช้จ่ายในการจัดทำโครงการบวกกลับกำไรสุทธิเพื่อการคำนวณโบนัสพนักงาน ๒. ให้เปลี่ยนชื่อโครงการจากเดิม “โครงการบ้านฅนไทย” เป็น “โครงการบ้านคนไทยประชารัฐ” และให้กระทรวงการคลังดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าของการดำเนินการ มาตรฐานของที่อยู่อาศัยที่จะพัฒนาขึ้น และการตรวจสอบคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ของผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการฯ ให้มีความชัดเจน รวมทั้งควรคำนึงถึงการกระจายพื้นที่โครงการให้ครอบคลุมทั้ง ๖ ภาค การมีส่วนร่วมของกลุ่มเป้าหมาย และภาระหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่อาจจะเกิดขึ้น รวมถึงการสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องของวัตถุประสงค์การดำเนินโครงการฯ ตลอดจนความรับผิดชอบ และประโยชน์ที่ผู้มีรายได้น้อยจะได้รับเป็นสำคัญ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และระยะเวลาการพิจารณาการจัดสรรที่อยู่อาศัยตามโครงการบ้านคนไทยประชารัฐ กรณีที่มีอุปทาน (supply) เหลือจากกลุ่มเป้าหมายที่ ๑ (ประชาชนที่อยู่ในทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐกับกระทรวงการคลัง) เพื่อพิจารณาให้กลุ่มเป้าหมายที่ ๒ (ประชาชนที่มีรายได้ไม่เกิน ๓๕,๐๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน) และกลุ่มเป้าหมายที่ ๓ (ประชาชนทั่วไป) ให้เหมาะสม ชัดเจน และประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ได้รับทราบอย่างถูกต้องและทั่วถึง เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ดังกล่าวสามารถเข้าร่วมโครงการฯ ได้อย่างถูกต้องต่อไป ๔. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1527 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรายใหม่) | กค | 26/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรายใหม่) มีสาระสำคัญเป็นการขอขยายระยะเวลาเกี่ยวกับมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการรายใหม่ (New Start-up) โดยยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ในอุตสาหกรรมเป้าหมายหลักที่มีศักยภาพขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ โดยให้ขยายระยะเวลาออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๑ จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๙ [เรื่อง ขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อสนับสนุนกิจการเงินร่วมลงทุนและส่งเสริมผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรายใหม่ (ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ] โดยเคร่งครัดต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1528 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวและจัดอบรมสัมมนาในจังหวัดท่องเที่ยวรอง) | กค | 26/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวง รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้เป็นจำนวนร้อยละหนึ่งร้อยของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าห้องสัมมนา ค่าห้องพัก ค่าขนส่ง หรือรายจ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องในการจัดอบรมสัมมนาใน ๕๕ จังหวัด หรือเขตพื้นที่อื่นใดที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากำหนด ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้จัดให้แก่ลูกจ้าง หรือรายจ่ายที่ได้จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์เพื่อการอบรมสัมมนาดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑.๒ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ ..(พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว และค่าที่พักในโรงแรมให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวภายในจังหวัดท่องเที่ยวรอง ระหว่างวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่รวมกันทั้งหมดแล้วไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ บาท เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งสร้างความรับรู้และความเข้าใจให้กับทุกภาคส่วนเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวในโอกาสแรก รวมทั้งดำเนินการเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการและภาคประชาชนในจังหวัดท่องเที่ยวรอง เพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นควบคู่ไปกับการพัฒนาสาธารณูปโภคและการรักษาความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ของจังหวัดท่องเที่ยวรอง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1529 | โครงการของขวัญปีใหม่ปี 2561 ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ | กค | 26/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการของขวัญปีใหม่ ๒๕๖๑ ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชนปี ๒๕๖๑ ซึ่งประกอบด้วย (๑) โครงการเพื่อส่งเสริมวินัยทางการเงินให้แก่ประชาชน โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และ (๒) โครงการสนับสนุนให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดย ธอส. ซึ่งการดำเนินโครงการดังกล่าวมีกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมทั้งเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่มีเงื่อนไขผ่อนปรนเพื่อให้สามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้มากขึ้น รวมทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดการสร้างวินัยทางการเงินให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดย ธ.ก.ส. และ ธอส. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการนำค่าใช้จ่ายในการจัดทำโครงการบวกกลับกำไรสุทธิเพื่อการคำนวณโบนัสพนักงาน เห็นควรให้มีการดำเนินการตามกฎเกณฑ์และขั้นตอนการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง และให้ ธอส. จัดเตรียมแนวทางรองรับ NPLs ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต กรณีประชาชนผู้มีรายได้น้อยตามกลุ่มเป้าหมายของโครงการเกิดข้อจำกัดในการชำระหนี้ รวมทั้งให้ ธ.ก.ส. ประชาสัมพันธ์โครงการชำระดีมีคืนอย่างทั่วถึงแก่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เพื่อจูงใจให้ลูกหนี้ชำระหนี้ตามเงื่อนไขโครงการ โดยการปลูกฝังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการชำระหนี้ ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างวินัยทางการเงินให้แก่ประชาชน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1530 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ราคาสิบบาท ห้าบาท สองบาท หนึ่งบาท ห้าสิบสตางค์ ยี่สิบห้าสตางค์ สิบสตางค์ ห้าสตางค์ และหนึ่งสตางค์ พ.ศ. .... | กค | 19/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ราคาสิบบาท ห้าบาท สองบาท หนึ่งบาท ห้าสิบสตางค์ ยี่สิบห้าสตางค์ สิบสตางค์ ห้าสตางค์ และหนึ่งสตางค์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการจัดทำเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชุดใหม่ จำนวน ๙ ชนิดราคา ได้แก่ ชนิดราคาสิบบาท ห้าบาท สองบาท หนึ่งบาท ห้าสิบสตางค์ ยี่สิบสตางค์ สิบสตางค์ ห้าสตางค์ และหนึ่งสตางค์ เพื่อใช้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1531 | เป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี 2561 | กค | 19/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี ๒๕๖๑ พร้อมข้อตกลงร่วมกันระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในการกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลาง และเป้าหมายสำหรับปี ๒๕๖๑ ซึ่งกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินไว้ที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปีที่ร้อยละ ๒.๕ ? ๑.๕ เช่นเดียวกับเมื่อปี ๒๕๖๐ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังและ กนง. รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินควรให้ความสำคัญกับการสื่อสารเพื่อยึดเหนี่ยวการคาดการณ์เงินเฟ้อของสาธารณชน รวมทั้งรักษาระดับการผ่อนคลายนโยบายการเงินจนกว่าอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะสามารถกลับเข้าสู่ค่ากลางของเป้าหมายการเงินได้อย่างชัดเจนควบคู่ไปกับการดูแลรักษาเสถียรภาพในระบบการเงิน และหากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเคลื่อนไหวอยู่นอกกรอบเป้าหมาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นสำหรับการบริโภคและการลงทุน ให้ กนง. เร่งพิจารณาหาแนวทางแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว และรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรี ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1532 | การรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2560 ณ วันที่ 30 กันยายน 2560 | กค | 19/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ มียอดหนี้สาธารณะคงค้าง จำนวนทั้งสิ้น ๖,๓๖๙,๓๓๑.๓๑ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๔๒.๓๙ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) โดยเป็นหนี้รัฐบาล จำนวน ๔,๙๕๙,๑๖๔.๔๑ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจ จำนวน ๙๗๐,๒๑๖.๓๑ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินซึ่งรัฐบาลเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ จำนวน ๔๒๖,๓๒๑.๐๔ ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ จำนวน ๑๓,๖๒๙.๕๕ ล้านบาท ๒. ผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะได้จัดทำแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ เพื่อใช้เป็นกรอบในการบริหารจัดการหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ โดยได้มีการปรับปรุงแผนฯ แล้ว ๒ ครั้ง มีวงเงินรวมในแผนฯ ๑,๗๓๙,๐๐๗.๔๔ ล้านบาท โดย ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ กระทรวงการคลังและหน่วยงานต่าง ๆ ได้ดำเนินการกู้เงินและบริหารหนี้เป็นวงเงินทั้งสิ้น ๑,๖๙๕,๘๖๕.๔๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๗.๕๒ ของแผนฯ ๓. ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินโครงการลงทุนตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ของรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๕ แห่ง ได้แก่ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ การเคหะแห่งชาติ และการประปาส่วนภูมิภาค พบว่ามีโครงการที่มีการดำเนินการล่าช้ากว่าแผน จำนวน ๘ โครงการ เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ๕ สายทาง โครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟระหว่างไทย-จีน ช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา และโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ ๑ ปี ๒๕๕๗ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1533 | รายงานผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน พ.ศ. 2560 - 2564 ประจำปีงบประมาณ 2560 | กค | 19/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้จัดประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาตัวชี้วัดความสำเร็จของแผนพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ รวมถึงติดตามและรายงานผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ซึ่งกระทรวงการคลังได้ดำเนินการเสร็จสิ้นทั้ง ๑๕ โครงการ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของแผนพัฒนาฯ และ ๔ มาตรการเร่งด่วน ได้แก่ (๑) การสนับสนุนสินเชื่อเพื่อสร้างรายได้ (๒) การแก้ไขปัญหาหนี้สิน (๓) การให้ความรู้ทางการเงินแก่ประชาชน และ (๔) การติดตามและขับเคลื่อนนโยบายตามแผนพัฒนาฯ ๒. ภาพรวมโครงการของแผนพัฒนาฯ กระทรวงการคลังจะเร่งผลักดันและสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีการจัดทำโครงการส่งเสริมการออมและการเข้าถึงสวัสดิการเพิ่มขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาโครงการส่วนใหญ่มุ่งเน้นสินเชื่อที่สนับสนุนการเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อประกอบอาชีพเพื่อเพิ่มรายได้ รวมทั้งจะติดตามและกำชับให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการตามแผนพัฒนาฯ อย่างเคร่งครัด โดยหากมีการปรับเปลี่ยน/ยกเลิกโครงการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องชี้แจงเหตุผลและความจำเป็นให้กระทรวงการคลังทราบ เพื่อรายงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1534 | การดำเนินการด้านข้อมูลเครดิตเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจของประเทศไทยและแนวทางบูรณาการข้อมูลของประเทศ | กค | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการด้านข้อมูลเครดิตเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจของประเทศไทยและแนวทางบูรณาการข้อมูลของประเทศ ซึ่งเป็นการดำเนินการเพื่อให้ประเทศไทยมีการจัดเก็บและเผยแพร่ข้อมูลสาธารณูปโภคและข้อมูลค้าปลีก โดยพิจารณาในประเด็นผลกระทบต่อประชาชน ความเป็นไปได้ ข้อกฎหมาย และประโยชน์โดยรวม ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง โดยธนาคารแห่งประเทศไทย ได้มีการศึกษา เรื่องการจัดเก็บและเปิดเผยข้อมูลค่าสาธารณูปโภค ข้อมูลผู้ค้าปลีก และแนวทางบูรณาการข้อมูลของประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศไทยมีการบริหารจัดการข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้คะแนนเพิ่มจากการประเมินและการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการเข้าไปประกอบธุรกิจ (Ease of doing business) ของธนาคารโลก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1535 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (กรณีพ้นตำแหน่งเนื่องจากอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์) (ศาสตราจารย์ตีรณ พงศ์มฆพัฒน์ และรองศาสตราจารย์ชโยดม สรรพศรี) | กค | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง ศาสตราจารย์ตีรณ พงศ์มฆพัฒน์ ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ และรองศาสตราจารย์ชโยดม สรรพศรี ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินในคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างลงและที่จะว่าง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ โดยให้การแต่งตั้งศาสตราจารย์ตีรณ พงศ์มฆพัฒน์ เป็นประธานกรรมการ มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป และรองศาสตราจารย์ชโยดม สรรพศรี เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1536 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (จำนวน 7 คน 1. นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ฯลฯ) | กค | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ จำนวน ๗ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ๒. รองศาสตราจารย์กุลภัทรา สิโรดม ๓. นายอนุชิต อนุชิตานุกูล ๔. นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล ๕. นายอภิชาต ชินวรรโณ ๖. รองศาสตราจารย์กำจร ตติยกวี ๗. พลเอก วุฒินันท์ ลีลายุทธ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1537 | รายงานผลการกู้เงินภายใต้ Euro Commercial Paper (ECP Programme) ประจำปีงบประมาณ 2560 | กค | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินภายใต้ Euro Commercial Paper (ECP Programme) ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศภายใต้ ECP Programme จำนวน ๖ ครั้ง ภายใต้กรอบวงเงิน ๑๕๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามสัญญาให้กู้ยืมเงินต่อบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (บกท.) โดย บกท. นำรายได้มาชำระหนี้คืน จำนวน ๒๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น ณ สิ้นปีงบประมาณ ๒๕๖๐ กระทรวงการคลังมีเงินกู้คงค้างภายใต้ ECP Programme จำนวน ๑๓๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีวงเงินกู้คงเหลือภายใต้ ECP Programme วงเงิน ๑,๘๗๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1538 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความ ในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร รวม 2 ฉบับ (มาตรการสร้างความเป็นกลางทางภาษีกรณีผลตอบแทนจากการฝากเงินตามหลักการของศาสนาอิสลาม) | กค | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการสร้างความเป็นกลางทางภาษีกรณีผลตอบแทนจากการฝากเงินตามหลักการของศาสนาอิสนาม โดยยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผลตอบแทนเงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยให้สอดคล้องกับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผลตอบแทนจากเงินฝากประเภทดังกล่าวของสถาบันการเงินอื่น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับความเป็นกลางและสิทธิประโยชน์ทางภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1539 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการสานพลังประชารัฐ) | กค | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการสานพลังประชารัฐ) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับเงินได้ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนโครงการสานพลังประชารัฐ หรือเพื่อดำเนินการภายใต้โครงการสานพลังประชารัฐ สำหรับเงินได้ที่ได้จ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1540 | การบริหารจัดการท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ 1 จังหวัดเชียงราย | กค | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๔ (เรื่อง ขอความเห็นชอบให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้บริหารท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ ๒ จังหวัดเชียงราย และให้ใช้ประโยชน์ท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ ๑ จังหวัดเชียงราย เป็นท่าเรือท่องเที่ยว) ในส่วนของข้อ ๒ ของมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว จากเดิม ที่มอบหมายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นหน่วยงานบริหารท่าเรือเชียงแสน แห่งที่ ๑ จังหวัดเชียงราย เป็น มอบหมายให้เทศบาลตำบลเวียงเชียงแสนเป็นผู้บริหารจัดการท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ ๑ จังหวัดเชียงราย สำหรับการกำหนดอัตราค่าเช่าให้เป็นไปตามกฎระเบียบของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดเงื่อนไขในสัญญาให้มีการซ่อมแซมและบำรุงรักษาท่าเรือให้มีความมั่นคงแข็งแรง ตลอดจนจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบถ้วนตามมาตรฐานที่กำหนด และจัดหาบุคลากรที่มีประสบการณ์มาบริหารจัดการท่าเรือ รวมทั้งให้ความสำคัญของการประมาณการเรือท่องเที่ยวและจำนวนนักท่องเที่ยว ประมาณการรายได้และรายจ่าย เพื่อใช้เป็นแนวทางสำหรับการพิจารณาแผนการพัฒนาท่าเรือแห่งที่ ๑ ของเทศบาลตำบลเวียงเชียงแสน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อสนับสนุนให้การบริหารจัดการท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ ๑ จังหวัดเชียงราย เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยพิจารณากรอบแนวทางบริหารจัดการท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ ๑ จังหวัดเชียงราย ของเทศบาลตำบลเวียงเชียงแสน โดยคำนึงถึงความสามารถในการชำระค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุให้แก่กรมธนารักษ์ และความสามารถในการจัดหาแหล่งเงินทุนสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการพัฒนาท่าเรือดังกล่าวและบริเวณโดยรอบให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ (landmark) ของอำเภอเชียงแสน ตามความเห็นของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และเมื่อกระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเห็นชอบกรอบแนวทางการบริหารจัดการท่าเรือดังกล่าวแล้ว ให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) เร่งรัดดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อให้เทศบาลตำบลเวียงเชียงแสนสามารถดำเนินการบริหารจัดการท่าเรือดังกล่าวได้โดยเร็ว ๒.๒ ให้กระทรวงคมนาคม (กรมเจ้าท่า) สนับสนุนการดำเนินงานของท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ ๑ จังหวัดเชียงราย โดยดำเนินการตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการท่าเรือดังกล่าว ๒.๓ ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยดำเนินการสนับสนุนให้ท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ ๑ จังหวัดเชียงราย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ (landmark) โดยการจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติทราบอย่างทั่วถึง รวมทั้งดำเนินการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างท่าเรือดังกล่าวกับแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อสนับสนุนการยกระดับการท่องเที่ยวของภาคเหนือในภาพรวมด้วย
|
.....