ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 80 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 1581 - 1600 จากข้อมูลทั้งหมด 9659 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1581 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ในประเทศของรัฐบาลที่ดำเนินการในปีงบประมาณ 2560 | กค | 04/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ในประเทศของรัฐบาลที่ดำเนินการในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ จำนวนรวม ๑๘๐,๔๑๔.๙๐ ล้านบาท ประกอบด้วย การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ/เมื่อรายจ่ายสูงกว่ารายได้และการบริหารหนี้ จำนวน ๑๕๓,๖๘๒.๐๐ ล้านบาท การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ จำนวน ๑๔,๓๑๘.๐๐ ล้านบาท และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้มาเพื่อให้กู้ต่อ จำนวน ๑๒,๔๑๔.๙๐ ล้านบาท ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ในประเทศของรัฐบาลที่ดำเนินการในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ จำนวน ๗ ฉบับ และลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1582 | รายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปีบัญชี 2559 | กค | 04/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ พร้อมข้อสังเกต และข้อเสนอแนะจากการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปีบัญชี ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ในปีบัญชี ๒๕๕๙ มีรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในระบบประเมินผลการดำเนินงาน จำนวนทั้งสิ้น ๕๔ แห่ง โดยการประเมินจำแนกเป็น ๒ ระบบ ประกอบด้วย (๑) ระบบประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจตามระบบปัจจุบัน โดยในปี ๒๕๕๙ รัฐวิสาหกิจที่มีผลการประเมินสูงสุด ๓ อันดับแรก (จากรัฐวิสาหกิจ ๒๑ แห่ง) ได้แก่ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด สำนักงานธนานุเคราะห์ และองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย และ (๒) ระบบการประเมินคุณภาพรัฐวิสาหกิจ (State Enterprise Performance Appraisal : SEPA) โดยในปี ๒๕๕๙ มีรัฐวิสาหกิจเข้ารับการประเมินในระบบ SEPA ทั้งหมด ๓๓ แห่ง ซึ่งรัฐวิสาหกิจที่มีคะแนนผลการประเมินสูงที่สุด ได้แก่ สาขาพลังงาน และรัฐวิสาหกิจที่มีผลการประมินสูงสุด ๓ อันดับแรก ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ๒. ในปี ๒๕๕๙ มีรัฐวิสาหกิจที่มีผลการดำเนินงานเข้าข่ายต้องเร่งฟื้นฟูกิจการ จำนวน ๗ แห่ง ได้แก่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) การรถไฟแห่งประเทศไทย องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โดยรัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่ไม่สามารถดำเนินงานได้ตามแผนและเป้าหมายที่กำหนดในแผนฟื้นฟูกิจการ ๓. ณ สิ้นปีบัญชี ๒๕๕๙ รัฐวิสาหกิจในระบบประเมินผลงานรัฐวิสาหกิจ มีสินทรัพย์รวม ๑๔.๓๔ ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี ๒๕๕๘ ร้อยละ ๒.๕๐ ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของสาขาพลังงาน ขนส่ง และสถาบันการเงิน รวมทั้งรัฐวิสาหกิจมีกำไรสุทธิในภาพรวมเพิ่มขึ้นจากปี ๒๕๕๘ ถึงร้อยละ ๘๑ โดยรัฐวิสาหกิจที่มีกำไรสุทธิสูงสุด ๓ อันดับแรก ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1583 | มาตรการด้านการเงินสำหรับเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ | กค | 28/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบในหลักการมาตรการด้านการเงินสำหรับเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ขยายระยะเวลาโครงการรวมถึงปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบกิจการใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และอนุมัติงบประมาณชดเชยไม่เกิน ๒,๘๓๗.๕๐ ล้านบาท โดยให้ธนาคารออมสินทำความตกลงในการเบิกจ่ายงบประมาณดังกล่าวตามภาระที่เกิดขึ้นจริงกับสำนักงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ ให้สถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการมีความเข้มงวดในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ โดยต้องเป็นผู้ประกอบการที่มีสถานประกอบการและมีการดำเนินธุรกิจอยู่ในพื้นที่อย่างแท้จริง รวมถึงขอความร่วมมือให้สถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการเร่งดำเนินการอนุมัติคำขอสินเชื่อที่ยังค้างอยู่ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๑.๒ ขยายเวลามาตรการพักชำระหนี้ลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และอนุมัติงบประมาณชดเชยไม่เกิน ๖๗๓.๒ ล้านบาท ซึ่งเป็นการชดเชยตามหลักการเดิม โดยให้ ธ.ก.ส. ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณตามความความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๑.๓ ขยายระยะเวลาและปรับปรุงหลักเกณฑ์โครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากภัยก่อการร้ายในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และอนุมัติงบประมาณชดเชยไม่เกิน ๙๐ ล้านบาท โดยให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นหน่วยงานจัดสรรงบประมาณและทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๑.๔ เห็นชอบโครงการสินเชื่อฉุกเฉินเพื่อมุสลิม และอนุมัติงบประมาณชดเชยไม่เกิน ๒๐๐ ล้านบาท โดยให้ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) ทำความตกลงในการเบิกจ่ายงบประมาณดังกล่าวตามภาระที่เกิดขึ้นจริงกับสำนักงบประมาณต่อไป ๑.๕ รับทราบโครงการสินเชื่อบ้านมุสลิมชายแดนใต้ของ ธอท. และโครงการสินเชื่อสำหรับจังหวัดชายแดนภาคใต้ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เกี่ยวกับการขยายระยะเวลา หลักเกณฑ์และเงื่อนไข และวงเงินงบประมาณชดเชยสำหรับโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบกิจการใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาตรการพักชำระหนี้ลูกค้า ธ.ก.ส. และโครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยก่อการร้ายในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามภาระที่เกิดขึ้นจริงตามความจำเป็นและความเหมาะสมต่อไป สำหรับโครงการสินเชื่อฉุกเฉินเพื่อมุสลิม ให้ ธอท. กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการพิจารณาสินเชื่อด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง ส่วนโครงการสินเชื่อบ้านมุสลิมชายแดนใต้ของ ธอท. และโครงการสินเชื่อสำหรับจังหวัดชายแดนภาคใต้ของ ธอส. ที่ไม่ขอรับการชดเชยจากรัฐบาล ให้ธนาคารตรวจสอบความซ้ำซ้อนของโครงการในลักษณะเดียวกันกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจอื่น ๆ ที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน และมีการติดตามประเมินผลอย่างเข้มงวด เพื่อนำมาปรับปรุงและแก้ไขการดำเนินการในระยะต่อไปให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับ ศอ.บต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการประเมินผลสัมฤทธิ์ของมาตรการและรายงานผลต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ทราบเป็นระยะ ๆ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาปรับปรุงแนวทาง/มาตรการในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป ๔. ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย หน่วยงานฝ่ายความมั่นคง เช่น ศอ.บต. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางในการส่งเสริมและสนับสนุนการประกอบกิจการขนาดเล็กต่าง ๆ ที่มีผู้ประกอบการในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเจ้าของกิจการและมีการจ้างแรงงานในพื้นที่ และให้เร่งดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1584 | ร่างพระราชบัญญัติโอนที่ราชพัสดุที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะในท้องที่ตำบลกมลาไสย อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ให้แก่นางบุญมี ดอนเมือง และนางสวาท ดอนกระสินธุ์ พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | กค | 28/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติโอนที่ราชพัสดุที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ในท้องที่ตำบลกมลาไสย อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ให้แก่นางบุญมี ดอนเมือง และนางสวาท ดอนกระสินธุ์ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1585 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้บุคคลอื่นเป็นผู้รับหลักประกัน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 21/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้บุคคลอื่นเป็นผู้รับหลักประกัน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเฉพาะกรณีกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวทางประชารัฐ ธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ นิติบุคคลซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจให้เช่าซื้อ และให้เช่าแบบลีซชิ่ง และนิติบุคคลซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจให้สินเชื่อเป็นทางการค้าปกติ เป็นผู้รับหลักประกันเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับการกำหนดให้สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเฉพาะกรณีกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวทางประชารัฐเป็นผู้รับหลักประกันอาจไม่เป็นไปตามกรอบโครงสร้างการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวทางประชารัฐที่สนับสนุนให้ SMEs มีเงินทุนที่จะสามารถพัฒนาธุรกิจให้มีศักยภาพเพียงพอที่จะเข้าสู่ระบบการเงินปกติของสถาบันการเงินเอกชนได้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1586 | เงินกู้จากธนาคารพัฒนาเอเชียสำหรับโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ทางหลวงหมายเลข 22 ช่วงอำเภอหนองหาน - อำเภอพังโคน ทางหลวงหมายเลข 22 ช่วงสกลนคร - นครพนม (กิโลเมตรที่ 180 - 213) และทางหลวงหมายเลข 23 ช่วงร้อยเอ็ด - ยโสธร | กค | 21/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างสัญญาเงินกู้โครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น ๔ ช่องจราจร (ระยะที่ ๒) ทางหลวงหมายเลข ๒๒ ช่วงอำเภอหนองหาน-อำเภอพังโคน ทางหลวงหมายเลข ๒๒ ช่วงสกลนคร-นครพนม (กิโลเมตรที่ ๑๘๐-๒๑๓) และทางหลวงหมายเลข ๒๓ ช่วงร้อยเอ็ด-ยโสธร กรอบวงเงิน ๙๙.๔๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ อายุเงินกู้ ๑๓ ปี รวมระยะเวลาปลอดหนี้ (Grace Period) ๓ ปี อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ ๐.๐๕ ต่อปี ค่าธรรมเนียมผูกพันเงินกู้ ร้อยละ ๐.๑๕ ต่อปี ๒. เห็นชอบในการใช้อนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทตามเงื่อนไขที่กำหนดใน Asian Development Bank Ordinary Operations Loan Regulations ลงวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๐ ของธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) ๓. อนุมัติให้กระทรวงการคลังดำเนินการกู้เงินในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยจาก ADB สำหรับโครงการฯ กรอบวงเงิน ๙๙.๔๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ๔. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามในรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยในสัญญาเงินกู้โครงการฯ ๕. มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดเตรียมทำคำรับรองทางกฎหมาย (Legal Opinion) สำหรับสัญญาเงินกู้โครงการฯ ภายหลังจากที่ได้มีการลงนามในสัญญาเงินกู้โครงการฯ แล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1587 | ร่างพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติเงินคงคลัง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 21/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ จำนวน ๒ ฉบับ ของกระทรวงการคลัง ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป ดังนี้
๑. ร่างพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมให้อำนาจกระทรวงการคลังในการกู้เงินเพื่อบริหารสภาพคล่องของเงินคงคลัง และกำหนดให้อำนาจแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในการขยายระยะเวลาการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณหรือเมื่อมีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ออกไปภายหลังวันสิ้นปีงบประมาณ สำหรับกรณีที่มีการอนุมัติให้เบิกจ่ายเงินงบประมาณได้ภายหลังวันสิ้นปีงบประมาณ ๒. ร่างพระราชบัญญัติเงินคงคลัง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังในการสั่งจ่ายเงินจากบัญชีเงินคงคลังบัญชีที่ ๒ เพื่อชำระคืนต้นเงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อบริหารสภาพคล่องของเงินคงคลังตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1588 | รายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี 2560 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | กค | 21/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี ๒๕๖๐ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นหัวหน้าคณะเข้าร่วมการประชุมฯ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี ๒๕๖๐ โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund : IMF) คาดว่า การเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวร้อยละ ๓.๖ ในปี ๒๕๖๐ และร้อยละ ๓.๗ ในปี ๒๕๖๑ ซึ่งได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของการลงทุน การค้าระหว่างประเทศ และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งนี้ ธนาคารโลก และ IMF ยังคงเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจ สังคม และกฎระเบียบภายในประเทศที่เอื้ออำนวยต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนและทั่วถึง (Inclusive Growth) ในระยะยาว โดยในส่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้นำเสนอถ้อยแถลงถึงภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นของไทย ซึ่งเป็นผลจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ส่งผลให้ประมาณการเศรษฐกิจของไทยในปี ๒๕๖๐ เติบโตในอัตราร้อยละ ๓.๗ และในปีหน้าจากเดิมคาดว่าจะเติบโตร้อยละ ๓.๓ เพิ่มเป็นร้อยละ ๓.๕ ๒. การประชุมร่วมระหว่างประเทศสมาชิกกลุ่มออกเสียงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของธนาคารโลก และ IMF (Joint Meeting of the World Bank-IMF Southeast Asia Group : SEA Group) โดย IMF ได้แนะนำประเทศสมาชิกให้ใช้โอกาสที่สภาวะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวขึ้นในขณะนี้ เร่งปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจในประเทศให้สมดุล นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญจากธนาคารโลก และ IMF ได้นำเสนอบทบาทที่เพิ่มขึ้นของนวัตกรรมทางการเงินในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลในการช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการทางการเงินของผู้มีรายได้น้อย ๓. การประชุมคณะกรรมการพัฒนาการของธนาคารโลก ครั้งที่ ๙๖ (96th Development Committee Meeting) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้กล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุมฯ ๔ ประเด็นหลัก ได้แก่ (๑) การพัฒนาระบบการศึกษาเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และเสริมสร้างทักษะที่ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต ซึ่งจะสามารถบรรเทาปัญหาความเหลื่อมล้ำและนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน (๒) การส่งเสริมบทบาทและมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในการลงทุนเพื่อการพัฒนา (๓) ให้ธนาคารโลกเป็นองค์กรอิสระที่มีความคล่องตัวและประสิทธิภาพในการสนับสนุนประเทศสมาชิกทั้งด้านโครงการเงินกู้และการช่วยเหลือทางวิชาการ และ (๔) เรียกร้องให้ประเทศสมาชิกเร่งหาข้อสรุปเกี่ยวกับแนวทางเพิ่มทุนของธนาคารโลกให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม ๒๕๖๑ ๔. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ประชุมหารือทวิภาคีกับรองประธานธนาคารโลกประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก คณะผู้จัดทำรายงาน Doing Business และ Logistics Performance Index และผู้บริหารระดับสูงของสถาบันการเงินต่างประเทศ โดยมีการหารือที่สำคัญ เช่น (๑) แนวทางความร่วมมือระหว่างไทยและธนาคารโลกภายใต้กรอบความเป็นหุ้นส่วนระหว่างประเทศที่อยู่ระหว่างการจัดทำ (๒) ผลงานของรัฐบาลไทยที่ได้ปฏิรูปกฎหมาย และลดกฎระเบียบที่ไม่จำเป็น และ (๓) สถาบันการเงินต่างประเทศเล็งเห็นถึงความสำคัญของไทยในฐานะศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของอนุภูมิภาคและอาเซียน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1589 | รายงานของผู้สอบบัญชี งบการเงินและรายงานการใช้จ่ายเงินของกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ สำหรับงวดตั้งแต่วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2559 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2559 | กค | 21/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชี งบการเงินและรายงานการใช้จ่ายเงินของกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (กองทุนฯ) สำหรับงวดตั้งแต่วันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ประกอบด้วย (๑) งบแสดงฐานะทางการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ กองทุนฯ มีสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน จำนวน ๗,๑๙๗.๗๗ ล้านบาท และ (๒) รายงานการรับ-จ่ายเงิน สำหรับงวดตั้งแต่วันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ กองทุนฯ มีเงินคงเหลือ ๗,๑๘๓.๘๑ ล้านบาท ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ได้ตรวจสอบรับรองงบการเงินและรายงานการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ แล้วเห็นว่า งบการเงินดังกล่าวถูกต้องตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังประกาศใช้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1590 | รายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 และปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | กค | 14/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ ๓ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ (เดือนเมษายน-มิถุนายน ๒๕๖๐) โดยสินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่ม ได้แก่ ผลไม้ น้ำหอมและเครื่องสำอาง นาฬิกาและอุปกรณ์ กระเป๋าหนังและเข็มขัดหนัง สูท เสื้อ กระโปรง กางเกง สำหรับบุรุษ สตรี เด็กชาย เด็กหญิง และเนคไท สุราต่างประเทศ รองเท้าหนังและรองเท้าผ้าใบ แว่นตา ปากกาและอุปกรณ์ ไวน์ เครื่องประดับที่ทำด้วยคริสตัล กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์ ผ้าทอทำด้วยขนสัตว์ ไฟแช็คและอุปกรณ์ ดอกไม้ และเครื่องแก้วชนิดใช้บนโต๊ะอาหารหรือใช้ตกแต่งภายในที่ทำด้วยคริสตัล มีมูลค่านำเข้า ๙๐๒.๓๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ (มีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ ๑.๖๗ ของมูลค่านำเข้ารวม) ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ๕๔.๒๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๕.๖๘ โดยสินค้าที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด ๓ อันดับแรก ได้แก่ น้ำหอมและเครื่องสำอาง กระเป๋าหนังและเข็มขัดหนัง และผลไม้ สำหรับการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ (เดือนตุลาคม ๒๕๕๙-มิถุนายน ๒๕๖๐) สินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่ม มีมูลค่านำเข้ารวม ๒,๗๖๗.๕๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ๒๗๒.๑๗ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๘.๙๕ โดยสินค้าที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด ๓ อันดับแรก ได้แก่ น้ำหอมและเครื่องสำอาง ผลไม้ กระเป๋าหนังและเข็มขัดหนัง ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวทางส่งเสริมการใช้สินค้าไทยชนิดต่าง ๆ ที่ได้มาตรฐานให้แพร่หลายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคแทนการใช้สินค้านำเข้า โดยเฉพาะสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีราคาสูง เช่น เครื่องสำอาง ให้คณะรัฐมนตรีทราบภายในเดือนธันวาคม ๒๕๖๐
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1591 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB17OA ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2560 | กค | 14/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB17OA ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ จำนวน ๗๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ (Pre-funding) จำนวน ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท และออกตั๋วสัญญาใช้เงิน ประมูลเมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๐ จำนวน ๔๕,๐๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการกู้เงิน จำนวน ๑ ฉบับ เพื่อนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1592 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการซื้อขายทองคำแท่งตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่มีการรับมอบส่งมอบทองคำแท่ง) | กค | 14/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ (๑) ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้จากการขายทองคำแท่งที่มีความบริสุทธิ์ร้อยละ ๙๙.๙๙ ตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ตามกฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าซึ่งกระทำในศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และสำหรับเงินชดเชยเลื่อนการรับมอบส่งมอบทองคำแท่งตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และ (๒) ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการประกอบกิจการซื้อขายทองคำแท่งที่มีความบริสุทธิ์ร้อยละ ๙๙.๙๙ ตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าตามกฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าซึ่งกระทำในศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา และให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่เสนอให้เพิ่มเติมบทนิยามคำว่า “ศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า” ไว้ในร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง ๒ ฉบับด้วย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีฯ ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งติดตามผลกระทบของมาตรการภาษีฯ และรายงานต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบในโอกาสต่อไปด้วย นอกจากนี้ ในการสนับสนุนให้เกิดการซื้อขายทองคำในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าตามมาตรการภาษีฯ ที่กระทรวงการคลังเสนอนั้น อาจจะพิจารณาใช้มาตรการอื่นควบคู่ไปด้วย เช่น การปรับลดค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับการซื้อขายของศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เป็นต้น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีแนวทางเพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการพัฒนาต่อยอดให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางซื้อขายทองคำของภูมิภาคอาเซียน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1593 | แนวทางการส่งเสริมการออมทั้งระบบ | กค | 14/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการส่งเสริมการออมทั้งระบบ ซึ่งแบ่งออกเป็น ๔ ด้าน คือ (๑) การจัดทำแผนการส่งเสริมความรู้ทางการเงินแห่งชาติ (๒) การสร้างความแข็งแกร่งให้สถาบันหรือองค์กรการออมที่ไม่ใช่สถาบันการเงินในระบบ (๓) การเพิ่มผลิตภัณฑ์การออมและมาตรการลดรายจ่ายฟุ่มเฟือย และ (๔) การเติมเต็มระบบการออมเพื่อการเกษียณอายุ ทั้งนี้ แนวทางการส่งเสริมการออมทั้งระบบจะส่งผลดี คือ ทำให้ประชาชนตระหนักรู้และเห็นถึงความสำคัญของการบริหารการเงิน รวมทั้งมีความสามารถในการบริหารจัดการเงินของตนเอง ทำให้สหกรณ์ สถาบัน และองค์กรการเงินในระดับชุมชนมีความแข็งแกร่ง ยั่งยืน และเป็นเสาหลักทางการเงินให้กับประชาชนในระดับฐานราก และทำให้ระบบการออมเพื่อการเกษียณอายุของประเทศไทยมีความครอบคลุมแรงงานทั้งในระบบและนอกระบบได้อย่างแท้จริง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1594 | ร่างพระราชบัญญัติการยาสูบแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสาานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | กค | 14/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการยาสูบแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1595 | รายงานการชำระบัญชีกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ | กค | 07/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการชำระบัญชีกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ โดยคณะกรรมการชำระบัญชีได้ดำเนินการชำระบัญชีกองทุนเสร็จสิ้นตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการตรวจสอบทรัพย์สินและชำระบัญชีเพื่อยุบเลิกกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ และกำหนดวันที่เสร็จการชำระบัญชี คือ วันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามประกาศกระทรวงการคลัง ข้อ ๘ (๑) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1596 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคให้แก่สถานศึกษาที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามสัญญาระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ) | กค | 07/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคให้แก่สถานศึกษาที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามสัญญาระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ) มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับการบริจาคให้แก่สถานศึกษาที่จัดตั้งในประเทศไทยตามสัญญาระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ สำหรับการบริจาคที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินที่สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาประเทศในอนาคต รวมทั้งควรพิจารณากำหนดมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนให้มีการจูงใจให้บริจาคเงินให้แก่สถานศึกษาต่าง ๆ ที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยในภาพรวม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1597 | รายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | กค | 07/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน งบรายได้และค่าใช้จ่ายของรัฐบาลกลางและหน่วยงานภาครัฐ ทุนหมุนเวียน รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน ๘,๓๔๙ หน่วยงาน จาก ๘,๔๑๑ หน่วยงาน คิดเป็นร้อยละ ๙๙.๒๖ ๑.๒ เห็นชอบข้อเสนอแนะเพิ่มเติมสำหรับการจัดทำรายงานการเงินรวมภาครัฐ ดังนี้ (๑) หน่วยงานภาครัฐต้องนำส่งงบการเงินให้กรมบัญชีกลางเพื่อจัดทำรายงานการเงินรวมของภาครัฐให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ (๒) ควรให้มีการบูรณาการการบริหารสินทรัพย์และเงินลงทุนของกลุ่มส่วนราชการ (๓) ควรจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนให้สอดคล้องกับฐานะการเงินขององค์การมหาชนและหน่วยงานอิสระ (๔) ควรให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลังกำหนดแนวทางการบริหารเงินฝากธนาคารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และ (๕) ควรมีการเพิ่มการใช้จ่ายของ อปท. ด้านโครงสร้างพื้นฐาน และด้านการส่งเสริมอาชีพให้แก่ประชาชน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ น่าเชื่อถือ สามารถใช้ข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ และตัดสินใจเชิงนโยบายด้านการเงินการคลังได้อย่างถูกต้อง ๒. ให้หน่วยงานภาครัฐทุกแห่งถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง รายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘) ที่กำหนดให้หน่วยงานภาครัฐทุกแห่งบันทึกและส่งข้อมูลงบการเงินภายในระยะเวลาที่กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) กำหนด รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดให้การบันทึกและส่งข้อมูลรายงานการเงินประจำปีเป็นเกณฑ์การประเมินของผู้บริหารระดับหน่วยงานนั้น ๆ อย่างเคร่งครัด ๓. ให้หน่วยงานภาครัฐทุกแห่งรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับกรณีหน่วยงานที่มีรายได้เงินงบประมาณมากกว่าที่มีการใช้จ่ายจริง หรือมีเงินสะสมคงเหลือ เห็นควรพิจารณานำเงินดังกล่าวมาใช้จ่ายในลำดับแรก หรือสมทบกับเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีในการดำเนินงานตามภารกิจของหน่วยงาน โดยคำนึงถึงความจำเป็น ความคุ้มค่า และความเหมาะสม เพื่อให้เม็ดเงินได้กระจายเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และเป็นการแบ่งเบาภาระทางการคลังของประเทศ รวมทั้งควรเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามข้อเสนอแนะของกระทรวงการคลังอย่างเคร่งครัดเพื่อให้การบริหารจัดการด้านการเงินการคลังของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1598 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดท่า ที่ หรือสนามบินในราชอาณาจักรให้เป็นด่านศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สนามบินบุรีรัมย์) | กค | 07/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดท่า ที่ หรือสนามบินในราชอาณาจักรให้เป็นด่านศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สนามบินบุรีรัมย์) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สนามบินบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นด่านศุลกากร เพื่อเป็นที่สำหรับการนำของเข้า การส่งของออก การผ่านแดน การถ่ายลำ และการศุลกากรอื่น ๆ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติพิธีการศุลกากร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้ตรวจพิจารณารวมกับร่างกฎกระทรวงกำหนดท่า ที่ หรือสนามบิน ในราชอาณาจักรให้เป็นด่านศุลกากร และกำหนดที่ใด ๆ ให้เป็นด่านพรมแดน พ.ศ. .... เป็นฉบับเดียวกัน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งดำเนินการก่อสร้างขยายต่อเติมอาคารที่พักผู้โดยสาร การก่อสร้างขยายลานจอดอากาศยานและทางขับเพิ่มเติมของสนามบินบุรีรัมย์ให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ รวมถึงเร่งดำเนินการจัดสรรพื้นที่สำหรับดำเนินพิธีการศุลกากรนำเข้าส่งออกสินค้า รวมทั้งหาแนวทางและมาตรการในการพัฒนาหรือส่งเสริมให้มีการใช้สนามบินที่เปิดเป็นสนามบินศุลกากรแล้ว อาทิ สนามบินอุดรธานี และสนามบินนครศรีธรรมราช เพื่อให้สนามบินดังกล่าวมีการใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของการเป็นสนามบินศุลกากรมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1599 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 07/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดประเภทและลักษณะของการจัดซื้อจัดจ้างที่สามารถใช้วิธีเฉพาะเจาะจง โดยการเชิญผู้ประกอบการที่มีอาชีพขายหรือรับจ้างนั้นโดยตรงมายื่นเสนอราคา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1600 | ร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน 1 ฉบับ และร่างกฎกระทรวง จำนวน 15 ฉบับ ออกตามความในพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 | กค | 07/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน ๑ ฉบับ และร่างกฎกระทรวง จำนวน ๑๕ ฉบับ ออกตามความในพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อกำหนดเขตควบคุมศุลกากร ราคาศุลกากร ด่านศุลกากร ค่าธรรมเนียม หรือยกเว้นค่าธรรมเนียม การยื่นใบขนสินค้าและการเสียอากร การยกเว้นอากร การเก็บและการขนถ่ายสินค้าอันตราย การจัดตั้งและการแจ้งเลิกเขตปลอดอากร คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ยื่นคำขอต่าง ๆ เป็นต้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตบางท้องที่ในจังหวัดสระแก้ว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดเชียงราย จังหวัดตาก จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดตรัง จังหวัดนราธิวาส จังหวัดสตูล จังหวัดยะลา และจังหวัดสงขลา เป็นเขตควบคุมศุลกากร พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการใช้ราคาและกำหนดราคาศุลกากร พ.ศ. .... ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การลดเงินเพิ่ม พ.ศ. .... ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดท่า ที่ หรือสนามบิน ในราชอาณาจักรให้เป็นด่านศุลกากร และกำหนดที่ใด ๆ ให้เป็นด่านพรมแดน พ.ศ. .... ๕. ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียม หรือยกเว้นค่าธรรมเนียม พ.ศ. .... ๖. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยื่นใบขนสินค้าและการเสียอากรสำหรับก๊าซธรรมชาติและพลังงานไฟฟ้าที่นำเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... ๗. ร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดหรือประเภทของสินค้าอันตราย การเก็บและการขนถ่ายสินค้าอันตรายที่อยู่ในเขตศุลกากรและที่นำออกไปจากเขตศุลกากร รวมทั้งวิธีการจัดเก็บอากรสำหรับสินค้าอันตรายดังกล่าว พ.ศ. .... ๘. ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าใช้จ่ายการเก็บรักษาของในที่เก็บรักษาหรือในคลังสินค้าของศุลกากร พ.ศ. .... ๙. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การขออนุญาต การอนุญาต และการแจ้งเลิกการดำเนินการเกี่ยวกับคลังสินค้าทัณฑ์บน โรงพักสินค้า ที่มั่นคง และท่าเรือรับอนุญาต พ.ศ. .... ๑๐. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การขออนุญาต และการอนุญาตจัดตั้งเขตปลอดอากร พ.ศ. .... ๑๑. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตจัดตั้งเขตปลอดอากร พ.ศ. .... ๑๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การแจ้งเลิกการดำเนินการเขตปลอดอากร พ.ศ. .... ๑๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การขออนุญาต และการอนุญาตประกอบกิจการในเขตปลอดอากร พ.ศ. .... ๑๔. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการในเขตปลอดอากร พ.ศ. .... ๑๕. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยกเว้นอากรสำหรับของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อนำเข้าไปในเขตปลอดอากร และของที่ปล่อยออกไปจากเขตปลอดอากรเพื่อส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... ๑๖. ร่างกฎกระทรวงกำหนดพื้นที่ที่ได้รับยกเว้นไม่อยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวกับการควบคุมการนำเข้ามาในราชอาณาจักร การส่งออกไปนอกราชอาณาจักร การครอบครองหรือการใช้ประโยชน์ซึ่งของในเขตปลอดอากร พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
