ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 78 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 1541 - 1560 จากข้อมูลทั้งหมด 9659 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1541 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ) | กค | 30/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้นายจ้างซึ่งเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน ๑๐๐ ล้านบาท และมีการจ้างแรงงานไม่เกิน ๒๐๐ คน ที่มีการจ่ายค่าจ้างแรงงานรายวันตามอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่มีการปรับขึ้นใหม่ให้แก่ลูกจ้างสามารถนำรายจ่ายค่าจ้างรายวันที่ได้จ่ายให้แก่ลูกจ้างมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้เป็นจำนวน ๑.๑๕ เท่าของค่าจ้างรายวันที่จ่ายให้แก่ลูกจ้าง ทั้งนี้ สำหรับค่าจ้างรายวันที่จ่ายให้แก่ลูกจ้างไปตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๑ จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังรับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดมาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำให้แก่นายจ้างที่ไม่ได้เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอย่างเหมาะสมด้วย รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข ในการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จะทำให้มีสิทธิได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรการดังกล่าวให้ชัดเจนและเหมาะสม เพื่อให้การดำเนินมาตรการดังกล่าวเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล และบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งกำหนดให้มีการติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว และรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1542 | ขออนุมัติเงินงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | กค | 30/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเงินงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี ถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ จำนวน ๒๙๐,๕๙๓,๒๔๖ บาท เพื่อให้กรมบัญชีกลางใช้ในการดำเนินโครงการจัดทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้แก่ผู้มีสิทธิตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี ๒๕๖๐ เพิ่มเติม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการโดยคำนึงถึงความประหยัด คุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุดของราชการเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินโครงการจัดทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้แก่ผู้มีสิทธิตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐในปี ๒๕๖๐ ที่ผ่านมา รวมทั้งประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินโครงการฯ รวบรวมปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการฯ พร้อมทั้งแนวทางการแก้ไขปรับปรุง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลร้านธงฟ้าประชารัฐที่มีอยู่ในปัจจุบันให้ดำเนินกิจการตามมาตรฐานที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดอย่างเคร่งครัด และให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการธงฟ้าประชารัฐให้ทราบถึงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของการเข้าร่วมโครงการฯ อย่างชัดเจนต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1543 | ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบการจอดรถในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... | กค | 23/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบการจอดรถในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการจัดระเบียบการจอดรถยนต์ในเขตเทศบาลและสุขาภิบาลเพื่อให้มีผลใช้บังคับถึงองค์การบริหารส่วนตำบล ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติฯ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๓. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรพิจารณาให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดทำรายงานการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการจอดรถขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และแจ้งหรือเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งให้พิจารณาการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมและเงินค่าปรับตามร่างพระราชบัญญัติฯ ให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับศักยภาพและความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ โดยคำนึงถึงผลกระทบของประชาชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1544 | การขอกู้เงินของธนาคารอาคารสงเคราะห์ประจำปีงบประมาณ 2561 | กค | 23/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์กู้เงินโดยการออกพันธบัตรวงเงินรวมไม่เกิน ๓๓,๒๐๐ ล้านบาท ในปี ๒๕๖๑ แบ่งเป็น (๑) การกู้เงินโดยการออกพันธบัตรใหม่ จำนวน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งได้กำหนดไว้ในแผนการจัดหาแหล่งเงินทุนและการปรับสมดุลโครงสร้างเงินทุนในระยะยาวของธนาคารอาคารสงเคราะห์ ที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจได้ให้ความเห็นชอบแล้ว และ (๒) การกู้เงินโดยการออกพันธบัตรเพื่อ Roll-over จำนวน ๑๘,๒๐๐ ล้านบาท ซึ่งเป็นกรอบวงเงินการออกพันธบัตรเพื่อทดแทนพันธบัตรเดิมที่มีอายุครบกำหนด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังร่วมกับธนาคารอาคารสงเคราะห์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาออกแบบผลิตภัณฑ์เงินฝากหรือผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่น ๆ ที่มีความสอดคล้องกับการให้สินเชื่อระยะยาวเพื่อเพิ่มสัดส่วนการระดมทุนของธนาคารอาคารสงเคราะห์จากเงินฝากระยะยาว ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การขอกู้เงินของธนาคารอาคารสงเคราะห์) อย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารอาคารสงเคราะห์) รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรจัดทำแผนการบริหารความเสี่ยงด้านสภาพคล่องจากปัญหาความไม่สัมพันธ์กันระหว่างอายุของสินทรัพย์และหนี้สินและความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ยในการดำรงเงินรับฝาก รวมถึงการพัฒนาระบบการบริหารจัดการทางการเงินให้มีประสิทธิภาพเพื่อไม่ก่อให้เกิดภาระงบประมาณในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1545 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (นายสันติ กีระนันทน์ และนายประสิทธิ์ อำภรณ์) | กค | 23/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
๑. แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร แทนกรรมการที่อายุครบ ๖๕ ปีบริบูรณ์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ มกราคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.๑ นายสันติ กีระนันทน์ เป็นกรรมการ แทน นายวัฒนา ธรรมศิริ ๑.๒ นายประสิทธิ์ อำภรณ์ เป็นกรรมการ แทน นายพีระวัฒน์ ดวงแก้ว ๒. กรณีนายประสิทธิ์ อำภรณ์ ให้มีผลไม่ก่อนวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๑ และให้ผู้ได้รับการแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งตามวาระของผู้ซึ่งตนแทน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1546 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (นายสมพร จิตเป็นธม และนายอวยชัย คูหากาญจน์) | กค | 23/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ แทนผู้ที่ลาออกและแทนตำแหน่งที่ว่าง จำนวน ๒ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ มกราคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ตามลำดับ ดังนี้
๑. นายสมพร จิตเป็นธม เป็นกรรมการ แทน นายกฤษฎา บุญราช ๒. นายอวยชัย คูหากาญจน์ เป็นกรรมการ (เพิ่มเติม)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1547 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารออมสิน (จำนวน 5 ราย 1. นางพิลาสลักษณ์ ยุคเกษมวงศ์ ฯลฯ) | กค | 23/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการธนาคารออมสิน จำนวน ๕ คน แทนผู้ที่ลาออกและมีอายุครบหกสิบห้าปีบริบูรณ์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ มกราคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป และให้ผู้ได้รับการแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นางพิลาสลักษณ์ ยุคเกษมวงศ์ เป็นกรรมการอื่น (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) ๒. นายทวีศักดิ์ ฟุ้งเกียรติเจริญ เป็นกรรมการอื่น ๓. นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ เป็นกรรมการอื่น ๔. รองศาสตราจารย์เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ เป็นกรรมการอื่น ๕. นายยรรยง เต็งอำนวย เป็นกรรมการอื่น แทนนายชูศักดิ์ สาลี ที่อายุครบ ๖๕ ปีบริบูรณ์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1548 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งศูนย์รับเลี้ยงเด็กเพื่อเป็น สวัสดิการของลูกจ้างสำหรับสถานประกอบการของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล) | กค | 16/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งศูนย์รับเลี้ยงเด็กเพื่อเป็นสวัสดิการของลูกจ้างสำหรับสถานประกอบการของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถนำค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งศูนย์รับเลี้ยงเด็กในสถานประกอบการมาหักเป็นรายจ่ายได้ตามที่จ่ายจริงและสามารถหักได้เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่าตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน ๑ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังรับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีและความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และระเบียบปฏิบัติในการจัดตั้งศูนย์รับเลี้ยงเด็กในสถานประกอบการ และมีการติดตามผลการดำเนินงานการจัดตั้งศูนย์รับเลี้ยงเด็กของสถานประกอบการอย่างใกล้ชิด รวมทั้งรวบรวมมาตรการการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ตลอดจนติดตามประเมินผลกระทบต่อฐานะทางการคลังที่เกิดขึ้นจริงจากการดำเนินมาตรการต่าง ๆ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีทราบด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1549 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคให้แก่สถานพยาบาลตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541) | กค | 16/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคให้แก่สถานพยาบาลตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๑) มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่สถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล ซึ่งดำเนินการโดยกระทรวง ทบวง กรม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษาของรัฐ หน่วยงานอื่นของรัฐ สภากาชาดไทย และสถานพยาบาลอื่นที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด สำหรับการบริจาคตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๓ วรรคสาม เพื่อให้เกิดความชัดเจนตามหลักการที่จะยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่สถานพยาบาลภาครัฐเท่านั้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีดังกล่าวให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1550 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการมีบุตร) | กค | 16/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ปรับเพิ่มค่าลดหย่อนบุตรชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่คนที่ ๒ เป็นต้นไป ของผู้มีเงินได้หรือของสามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้ซี่งเกิดตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นต้นไป โดยให้หักลดหย่อนได้เพิ่มอีก ๓๐,๐๐๐ บาทต่อคนต่อปีภาษี และให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปีภาษี พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่จะต้องยื่นรายได้ในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้มีเงินได้หรือคู่สมรสสามารถนำค่าฝากครรภ์หรือค่าคลอดบุตรไปหักเป็นค่าลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามจำนวนที่จ่ายจริงสำหรับการตั้งครรภ์แต่ละคราว แต่ไม่เกิน ๖๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. มอบหมายให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินมาตรการให้สอดคล้องกับลักษณะโครงสร้างประชากรของประเทศไทย เนื่องจากมาตรการดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการสูญเสียรายได้ภาครัฐเป็นจำนวนมากในแต่ละปี และมีมาตรการรองรับในเรื่องของการเลี้ยงดูและปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีให้กับเด็กที่เกิดในครอบครัวเดี่ยว เพื่อให้เติบโตเป็นประชากรวัยแรงงานที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง รวมทั้งรวบรวมมาตรการการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ตลอดจนติดตามประเมินผลกระทบต่อฐานะทางการคลังที่เกิดขึ้นจริงจากมาตรการต่าง ๆ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1551 | มาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการประกันภัย | กค | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณามาตรการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการประกันภัยของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงการคลังได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ โดยที่ประชุมเห็นว่า ในปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยและสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคมีกลไกการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนและการให้ความคุ้มครองผู้บริโภคเกี่ยวกับการประกันภัยที่มีประสิทธิภาพอยู่แล้ว นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยยังได้ดำเนินมาตรการและนโยบายต่าง ๆ เกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิของผู้เอาประกันภัยและประชาชน ซึ่งเป็นมาตรการที่นอกเหนือจากมาตรการของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพการจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นแก่ผู้ประสบภัยจากรถ การจัดทำหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการโฆษณาเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตผ่านสื่อโฆษณา และการกำกับดูแลการเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันภัยผ่านตัวแทนประกันภัยและนายหน้าประกันภัย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้แจ้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1552 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน (กองทุนสิ่งแวดล้อม) | กค | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งกองทุนสิ่งแวดล้อมตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ครั้งที่ ๕/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ซึ่งเห็นชอบในหลักการการจัดตั้งกองทุนสิ่งแวดล้อม โดยมีข้อสังเกตว่า การเพิ่มแหล่งเงินของกองทุนฯ ตามร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. .... มาตรา ๒๓ (๖) ที่กำหนดให้ค่าธรรมเนียม ค่าบริการ เงินเพิ่ม ค่าปรับ หรือภาษีอากร ที่มีกฎหมายกำหนดให้เป็นของกองทุนฯ หรือส่งเข้ากองทุนฯ นั้น อาจเป็นการกำหนดแหล่งที่มาของเงินไม่สอดคล้องกับหลักการของร่างพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... ที่บัญญัติให้การเสนอกฎหมายที่มีบทบัญญัติให้จัดเก็บภาษีอากรหรือค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นจากที่กำหนดไว้ในกฎหมายเพื่อให้หน่วยงานของรัฐนำไปจ่ายตามวัตถุประสงค์ของหน่วยงานนั้น หรือเพื่อการหนึ่งการใดเป็นการเฉพาะจะกระทำมิได้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับข้อสังเกตของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน และความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นว่า หากมีการตัดมาตรา ๒๓ (๖) ออกจากร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. .... อาจส่งผลให้ในอนาคตหากมีกฎหมายที่กำหนดให้ส่งค่าธรรมเนียม ค่าบริการ เงินเพิ่ม ค่าปรับ หรือภาษีอากรเข้ากองทุนฯ อาจไม่มีช่องทางในการเปิดรับเงินดังกล่าวได้ ไปประกอบการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. .... ต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1553 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 4/2560 | กค | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ ประกอบด้วย ๕ เรื่อง ได้แก่ (๑) รายงานความคืบหน้าร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... (๒) แนวทางการแต่งตั้งกรรมการรัฐวิสาหกิจ (๓) การแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจ ๗ แห่ง ได้แก่ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการรถไฟแห่งประเทศไทย (๔) การขออนุมัติจัดตั้ง/ร่วมทุนบริษัทในเครือของบริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (PEA Encom) เพื่อดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าประชารัฐ สำหรับพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในส่วนของแผนงานผลิตไฟฟ้าชุมชนจากชีวมวล และ (๕) หลักเกณฑ์การจ่ายโบนัสกรรมการ พนักงาน และลูกจ้างของบริษัทลูกที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐวิสาหกิจที่เป็นผู้ถือหุ้น และมอบหมายผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่าง ๆ ดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจดังกล่าวต่อไป ตามที่ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย) กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย) คณะอนุกรรมการกลั่นกรองกรรมการรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยประสานกระทรวงการคลังเกี่ยวกับกระบวนการเพิ่มทุนอย่างใกล้ชิดและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นการล่วงหน้า และให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเร่งดำเนินการแนวทางต่าง ๆ ในการจัดตั้งบริษัทลูกตามที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจกำหนดให้แล้วเสร็จก่อนเริ่มเปิดให้บริการ รวมทั้งพิจารณากำหนดผู้มีอำนาจหน้าที่ในการเสนอรายชื่อบุคคลที่จะแต่งตั้งเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจให้ชัดเจนและเหมาะสม โดยหลีกเลี่ยงผลกระทบจากปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. เพื่อให้การดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม ให้รัฐวิสาหกิจทั้ง ๗ แห่ง ดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ มติคณะรัฐมนตรี และข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ตลอดจนให้กระทรวงที่กำกับการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจดังกล่าวกำกับ ติดตาม และเร่งรัดการดำเนินการของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งให้จัดทำแผนขับเคลื่อนองค์กรในระยะยาวที่สอดคล้องกับภารกิจหลักขององค์กรและการจัดทำแผนปฏิบัติการรายปีที่มีความชัดเจนและเป็นไปตามแผนขับเคลื่อนองค์กรในระยะยาวดังกล่าวให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่ได้กำหนดไว้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1554 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2560 และตั๋วสัญญาใช้เงินที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2560 | กค | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R-Bill) และตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) ที่ครบกำหนด โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการ ดังนี้
๑.กู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ R-Bill ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยการออก R-Bill รุ่นอายุ ๓๖๔ วัน จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ประมูลเมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ โดยมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยร้อยละ ๑.๔๕๗๓๗ ต่อปี ๒. กู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ PN ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ จำนวน ๒,๐๕๙.๑๔ ล้านบาท โดยการกู้เงินระยะสั้น โดยการออก PN อายุ ๔ เดือน จำนวน ๒,๐๕๙.๑๔ ล้านบาท ประมูลเมื่อวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ เบิกเงินกู้ในวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ โดยมีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๕๐ ต่อปี ๓. จัดส่งประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการกู้เงินดังกล่าว จำนวน ๑ ฉบับ ไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1555 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน (กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา และกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม) | กค | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา และกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ครั้งที่ ๖/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๐ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการการจัดตั้งกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา โดยมีข้อสังเกตว่า (๑) เงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้เป็นรายปี ควรให้กองทุนฯ เสนอขอรับการจัดสรรตามความจำเป็นต่อไป และเป็นไปตามกำลังเงินของแผ่นดิน (๒) ควรกำหนดให้มีเลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบไว้ในองค์ประกอบคณะกรรมการตรวจสอบตามร่างพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. .... (๓) ควรกำหนดให้กองทุนฯ เข้าสู่กระบวนการประเมินผลการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ (๔) ควรกำหนดกลุ่มเป้าหมายและหลักเกณฑ์วิธีการในการจัดสรรเงินสนับสนุนช่วยเหลือให้กับนักเรียนนักศึกษาให้ชัดเจน เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนกับการดำเนินงานของหน่วยงานอื่นของรัฐ และ (๕) การกำหนดโครงสร้างและกรอบอัตรากำลังควรกำหนดให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ ๑.๒ เห็นชอบในหลักการการจัดตั้งกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม โดยมีข้อสังเกตว่า คณะกรรมการกองทุนฯ ควรกำกับการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ให้เกิดประสิทธิภาพโดยสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การจัดตั้งกองทุนฯ รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์การช่วยเหลือประชาชนในภาวะลำบากให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการคลัง (สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง) รับข้อสังเกตของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1556 | ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยทรัพย์อิงสิทธิ พ.ศ. .... | กค | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยทรัพย์อิงสิทธิ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยทรัพย์อิงสิทธิ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ที่เห็นควรพิจารณาความเหมาะสมของชื่อร่างและความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับกฎหมายว่าด้วยเช่าทรัพย์และสัญญาเช่า ซึ่งกฎหมายหลายฉบับระบุอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานในการเช่าหรือให้เช่า แต่ไม่ได้ระบุเรื่องทรัพย์อิงสิทธิไว้ และให้พิจารณาความสอดคล้องของเนื้อหาในร่างเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการเสนอร่างกฎหมายนี้ในการทำสัญญาที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์รูปแบบใหม่ในเรื่องนี้ และความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการนำสิทธิการเช่ามาเป็นหลักประกันการให้เช่าช่วงหรือโอนสิทธิ สามารถทำได้ตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. ๒๕๕๘ หรือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อยู่แล้ว และยังมีความไม่ชัดเจนว่าหากมีการทำสัญญาเช่ากันก่อนแล้วจะนำมาจดทะเบียนทรัพย์อิงสิทธิได้อีกหรือไม่ แล้วหากจดทะเบียนทรัพย์อิงสิทธิไปแล้วผลจะเป็นเช่นไร และควรให้มีการกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขของอสังหาริมทรัพย์ที่จะนำมาจดทะเบียนทรัพย์อิงสิทธิในด้านการใช้ประโยชน์ ขนาดของพื้นที่ และลักษณะของการประกอบธุรกิจ ตลอดจนศึกษาผลกระทบในด้านต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อประกอบการกำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขดังกล่าว ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เกี่ยวกับการสร้างความรับรู้และความเข้าใจแก่เจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทย (กรมที่ดิน) และประชาชนที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1557 | มาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ | กค | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการของมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแต่ละโครงการเพื่อรองรับมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ ๑.๒ เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (คนส.) คณะอนุกรรมการติดตามการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (คอต.) และคณะอนุกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประจำจังหวัด (คอจ.) รวมทั้งเห็นชอบในหลักการของการแต่งตั้งคณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประจำอำเภอ (ทีม ปรจ.) ๑.๓ เห็นชอบมาตรการส่งเสริมให้พัฒนาตนเอง โดยจะได้รับวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษาและวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม จากร้านธงฟ้าประชารัฐ และร้านอื่น ๆ ที่กระทรวงการคลังกำหนด ตามแนวทางประชารัฐสวัสดิการเพิ่มเติม โดยผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้ไม่เกิน ๓๐,๐๐๐ บาท ในปี ๒๕๕๙ จะได้รับวงเงินเพิ่มเติม จำนวน ๒๐๐ บาท/คน/เดือน และผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้สูงกว่า ๓๐,๐๐๐ บาท ในปี ๒๕๕๙ จะได้รับวงเงินเพิ่มเติม จำนวน ๑๐๐ บาท/คน/เดือน ๑.๔ เห็นชอบในหลักการของมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทั้งนี้ เมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้ว กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพากรจะได้เสนอร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ รวมทั้งประสานธนาคารกรุงไทย เพื่อดำเนินการรับชำระค่าจ้างผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐต่อไป ๑.๕ เห็นชอบให้ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดำเนินมาตรการพัฒนาผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวม ๖ มาตรการ ๑๘ โครงการ และให้โครงการดังกล่าวเป็นโครงการธุรกรรมนโยบายรัฐ (Public Service Account : PSA) ๑.๖ อนุมัติงบประมาณเป็นวงเงินทั้งสิ้น ๓๕,๖๗๙,๐๙๐,๗๙๑ บาท ซึ่งประกอบด้วยรายการ ดังนี้ ๑.๖.๑ งบประมาณค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายของคณะกรรมการและคณะทำงาน เช่น ค่าเบี้ยประชุม ค่าเบี้ยเลี้ยง เป็นต้น และค่าตอบแทนลูกจ้างชั่วคราวของธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. เพื่อปฏิบัติงานในโครงการเป็นวงเงินไม่เกิน ๒,๙๙๙,๑๖๗,๗๒๓ บาท ๑.๖.๒ งบประมาณสำหรับโครงการเพื่อรองรับมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ เป็นวงเงินไม่เกิน ๖,๗๗๔,๔๐๙,๘๖๗ บาท และงบประมาณสำหรับธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ในการดำเนินงานเป็นวงเงินไม่เกิน ๑๒,๐๓๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นวงเงินไม่เกิน ๑๘, ๘๐๗,๔๐๙,๘๖๘ บาท ๑.๖.๓ งบประมาณสำหรับค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษาและวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม จากร้านธงฟ้าประชารัฐ และร้านอื่น ๆ ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด เป็นวงเงินไม่เกิน ๑๓,๘๗๒,๕๐๓,๒๐๐ บาท โดยใช้จ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่ายภายใต้กองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ทั้งนี้ งบประมาณตามข้อ ๑.๖.๑-๑.๖.๓ ให้แต่ละหน่วยงานทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการตามมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ มารองรับกลุ่มเป้าหมายตามมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตเป็นลำดับแรกก่อน โดยควรชะลอการดำเนินการสำหรับกลุ่มเป้าหมายเดิมที่ได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ รองรับไว้ หากไม่เพียงพอ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเป็นรายเดือนพร้อมรายละเอียดประกอบให้ชัดเจน เพื่อขอทำความตกลงแหล่งเงินกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ (ตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๖๑) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอนและกระบวนการงบประมาณ โดยค่าใช้จ่ายสำหรับการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคฯ ให้ใช้จ่ายจากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น การดำเนินโครงการภายใต้มาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ ควรให้ความสำคัญในเรื่องความพร้อมของโครงการ ระยะเวลาดำเนินโครงการ ความชัดเจนของกลุ่มเป้าหมาย การติดตามและประเมินผล การสร้างความรับรู้และความเข้าใจของทุกภาคส่วนต่อการดำเนินมาตรการฯ และผลสัมฤทธิ์ที่คาดว่าจะได้รับทั้ง ๔ มิติของการดำเนินการ (มิติที่ ๑ การมีงานทำ มิติที่ ๒ การฝึกอบรมและการศึกษา มิติที่ ๓ การเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ และมิติที่ ๔ การเข้าถึงสิ่งจำเป็นพื้นฐาน) เพื่อลดความเสี่ยงของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือหนี้เสียที่จะเกิดขึ้น และความซ้ำซ้อนของการดำเนินการในแต่ละโครงการ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประสานการทำงานกับคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค และร่วมกันพิจารณากำหนดนโยบายด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้มีรายได้น้อยในภาพรวมให้มีความสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกันต่อไป ๔. ให้กระทรวงการคลังดำเนินการซักซ้อมความเข้าใจและเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจของคณะทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประจำอำเภอ หรือ ทีม ปรจ. รวมถึงผู้ดูแลผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (Account Officer : AO) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนมาตรการดังกล่าวได้ถูกต้อง ชัดเจน ทั้งนี้ ในการพิจารณาคัดกรองผู้ดูแลผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทีม ปรจ. จะต้องคำนึงถึงความรู้ความสามารถและประสบการณ์ของเจ้าหน้าที่ และจะต้องจัดสรรเจ้าหน้าที่ให้เพียงพอสำหรับการดูแลผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในปริมาณที่เหมาะสมด้วย ๕. ให้กระทรวงการคลังเร่งเสนอร่างกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการพัฒนาผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็วต่อไป ๖. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1558 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดทำบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ (จำนวน 6 คน 1. นายสมชัย ฤชุพันธุ์ ฯลฯ) | กค | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดทำบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๖ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๕๘ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ มกราคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายสมชัย ฤชุพันธุ์ ๒. นายพชร ยุติธรรมดำรง ๓. นายวรากรณ์ สามโกเศศ ๔. นายมนูญ สรรค์คุณากร ๕. นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ๖. นายประสัณห์ เชื้อพานิช
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1559 | รายงานผลการดำเนินการตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 ประจำปีงบประมาณ 2560 | กค | 03/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้นำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป โดยรายงานดังกล่าวประกอบด้วย ๒ ส่วน ดังนี้
๑. ผลการดำเนินการตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ประกอบด้วย รายงานการกู้เงินและการค้ำประกันที่กระทำในปีงบประมาณที่ล่วงมาแล้ว และรายงานสถานะหนี้สาธารณะ ๒. รายงานผลการประเมินความสำเร็จของโครงการหรือแผนงานที่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ ประกอบด้วย ความสอดคล้องของวัตถุประสงค์ ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ผลกระทบของโครงการ และความยั่งยืนของโครงการ โดยในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะได้พิจารณาคัดเลือกโครงการจากส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วอย่างน้อย ๒-๕ ปี รวมทั้งมีความพร้อมของข้อมูลมาประเมินผล รวม ๓ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒ ของกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และกรมชลประทาน (๒) โครงการขยายเขตไฟฟ้าให้พื้นที่ทำกินทางการเกษตร ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และ (๓) โครงการปรับปรุงทางรถไฟ ระยะที่ ๖ ระหว่างสถานีชุมทางบัวใหญ่-หนองคาย ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 1560 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [มาตรการป้องกันการกำหนดราคาโอนระหว่างบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน (Transfer Pricing)] | กค | 03/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [มาตรการป้องกันการกำหนดราคาโอนระหว่างบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน (Transfer Pricing)] โดยกำหนดหลักเกณฑ์การจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันในด้านทุน การจัดการ หรือการควบคุมเพื่อป้องกันมิให้มีการถ่ายโอนกำไรระหว่างกันเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีอากรที่พึงเสีย ของกระทรวงการคลัง ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาประสานกับกระทรวงการคลัง แล้วให้เสนอคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
