ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 312 จากทั้งหมด 567 หน้า แสดงรายการที่ 6221 - 6240 จากข้อมูลทั้งหมด 11336 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
6221 | ขอแต่งตั้งผู้ประสานงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Officer : CCO) (นายณอคุณ สิทธิพงศ์ และนางอารีย์รัตน์ อยู่หุ่น) | พน | 03/11/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบการมอบหมายให้บุคคลดำรงตำแหน่งผู้ประสานงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Officer : CCO) ได้แก่ นายณอคุณ สิทธิพงศ์ รองปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นหัวหน้า CCO และ นางอารีย์รัตน์ อยู่หุ่น นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการพิเศษ เป็นผู้ช่วย CCO ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ 2. ให้หน่วยงานที่ต้องจัดตั้งผู้ประสานงาน CCO ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2552 (เรื่อง การจัดตั้งผู้ประสานงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Officer : CCO) เสนอรายชื่อผู้ ประสานงาน CCO ไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ รวบ รวมเสนอนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีในคราวเดียวกัน
|
||||||||||||||||||||||||
6222 | การเลื่อนเงินเดือนข้าราชการพลเรือนผู้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ | นร | 27/10/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเลื่อนเงินเดือนข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จ
ความชอบเป็นกรณีเศษนอกเหนือโควตาปกติ ตามมติที่ประชุม ก.พ. ครั้งที่ 3/2552 เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2552 ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบข้อเสนอของสำนักงาน ก.พ. โดยให้คงหลักการ สาระสำคัญของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน ที่ 31 กรกฎาคม 2544 วันที่ 18 กันยายน 2544 และวันที่ 17 มิถุนายน 2551 และปรับเฉพาะในส่วนของข้า ราชการพลเรือนสามัญ และให้ส่วนราชการถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ให้พิจารณาให้เฉพาะผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นการ ประจำด้วยความมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างแท้จริง รวมทั้งประเมินในส่วนของพฤติกรรมการปฏิบัติราช การหรือสมรรถนะของผู้รับการประเมินตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ |
||||||||||||||||||||||||
6223 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ 7/2552 | นร | 27/10/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ
(กรอ.) ครั้งที่ 7/2552 เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2552 และเห็นชอบมติคณะกรรมการ กรอ. และมอบหมายให้หน่วย งานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะกรรมการ กรอ. ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการ แล้วรายงานคณะกรรมการ กรอ. และคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการ และเลขานุการคณะกรรมการ กรอ. เสนอ ดังนี้ 1. ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาดำเนินการโครงการให้ความช่วยเหลือทาง การเงินแก่ผู้ประกอบการ ของธนาคารแห่งประเทศไทยให้มีความต่อเนื่อง โดยไม่ต้องรอให้ถึงวันหมดอายุโครงการใน วันที่ 29 พฤษภาคม 2554 และรายงานคณะกรรมการ กรอ. ต่อไป 2. ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของคณะกรรมการ กรอ. เกี่ยวกับแนวทางใน การอำนวยสินเชื่อของสถาบันการเงินเฉพาะกิจไปพิจารณาดำเนินการ และให้มีภาคเอกชนเข้าร่วมในการกำหนดแนว ทางการอำนวยสินเชื่อของสถาบันการเงินเฉพาะกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งมอบหมายกระทรวงการคลังและ กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาดำเนินการออกมาตรการ และระเบียบในการส่งเสริมและช่วยเหลือการประกอบธุรกิจ อุตสาหกรรมก่อสร้างในต่างประเทศ และรายงานคณะกรรมการ กรอ. ต่อไป 3. ที่ประชุมมีมติมอบหมายรองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) รับไปพิจารณเรื่อง Post FTA ใน คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) โดยอาจใช้กลไกของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลการเจรจา ความตกลงการค้าเสรี ภายใต้คณะกรรมการ กนศ. ที่มีอยู่ หรือพิจารณาจัดตั้งขึ้นใหม่ โดยมีประธานผู้แทนการค้าไทย เข้าร่วมเป็นองค์ประกอบด้วย แล้วนำเสนอคณะกรรมการ กรอ. ต่อไป 4. ที่ประชุมมีมติเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำตาลทรายโควตา ก. โดยคงอัตราการนำเข้าเงินกอง ทุนอ้อยและน้ำตาลทราย โดยใช้ราคาน้ำตาลทรายโควตา ก. ที่ปรับเพิ่มตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2551 คือ เพิ่มขึ้นกิโลกรัมละ 5 บาท จนครบกำหนดการชำระหนี้ให้กองทุนประมาณเดือนพฤศจิกายน 2553 และ มอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาแนวทางการยกเลิกอัตราการนำเงินเข้ากอง ทุนอ้อยและน้ำตาลทรายภายหลังจากครบกำหนดชำระหนี้ของกองทุน รวมทั้งมอบให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาทบ ทวนรายการสินค้าที่ถูกควบคุมราคา และสินค้าที่ต้องติดตามภาวะและสถานการณ์อย่างใกล้ชิด (Watch List) 5. ที่ประชุมมีมติรับทราบเกี่ยวกับความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) และให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) รับไปศึกษาทบทวนหลักการของการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว โดยให้พิจารณาถึงหลักการและประเภทสินค้า/โครงการที่ควรจะใช้ระบบ e-Auction และประเมินผลการดำเนินงานก่อนและหลังการใช้ระบบดังกล่าว โดยพิจารณาราคาประมูลเทียบกับราคากลางด้วย 6. ที่ประชุมมีมติรับทราบเกี่ยวกับความก้าวหน้าการศึกษาแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมและ ชุมชนอย่างยั่งยืน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ 7. ที่ประชุมมีมติรับทราบความคืบหน้ากรณีการฟ้องร้องต่อศาลปกครอง เพื่อบังคับให้รัฐต้องปฏิบัติตาม กฎหมายทุกขั้นตอนตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 67 และมอบหมายให้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไปปรับปรุงร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยบูรณาการเรื่องร่างหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพของสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่ง ชาติไว้ในกระบวนการเดียวกัน แล้วนำเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพื่อพิจารณาในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2552
|
||||||||||||||||||||||||
6224 | รายงานการหยุดเดินรถของพนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 27/10/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
1. รับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอสถานการณ์การหยุดเดินรถ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า การ ให้ความช่วยเหลือผู้โดยสาร และการแก้ไขปัญหาระยะยาว สรุปได้ดังนี้ จากกรณีที่พนักงานการรถไฟแห่งประเทศ ไทย (รฟท.) ในพื้นที่เส้นทางภาคใต้ได้ยื่นขอลาป่วยพร้อมกันเป็นจำนวนมาก ในวันที่ 19 ตุลาคม 2552 และต่อ มาได้อ้างว่าหัวรถจักรอยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ไม่สามารถให้บริการได้ทำให้มีการหยุดเดินรถไฟในเส้นทางภาคใต้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถขบวนท้องถิ่น และจากการหยุดเดินรถทำให้เกิดความเสียหายแก่ รฟท. ประมาณ 20.16 ล้าน บาท นั้น กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า โดยมอบหมายให้กรมการขนส่งทางบก บริษัท ขนส่ง จำกัด และบริษัทเอกชนร่วมบริการจัดรถโดยสารมาให้บริการขนถ่ายสัมภาระและรับผู้โดยสารที่ตกค้างเพื่อ ไปส่งยังจุดหมายปลายทาง และให้กรมการขนส่งทางบก กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบทจัดส่งเจ้าหน้าที่ ในพื้นที่เข้าดูแลและช่วยเหลือประชาชนเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง จัดหาอาหาร ที่พักชั่วคราว ขนถ่าย สัมภาระ เพื่อเปลี่ยนถ่ายผู้โดยสารไปยังจุดหมายปลางทาง รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ได้แก่ ทหาร ตำรวจ และ ฝ่ายปกครองจัดกำลังเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร ในส่วนของรถจักร จำนวน 4 คัน ที่ถูกยึดไว้ที่โรงรถ จักรหาดใหญ่ ซึ่งพนักงานอ้างว่ามีสภาพไม่สมบูรณ์ไม่อาจนำมาใช้เดินรถได้ ขณะที่วิศวกรใหญ่ฝ่ายช่างกลยืนยันว่า รถจักรดังกล่าวอยู่ในสภาพที่ใช้การได้ นั้น ทางผู้บริหาร รฟท. ได้จัดหาพนักงานขับรถและช่างเครื่องจำนวน 4 ชุด จากส่วนกลางไปสำรองในพื้นที่เพื่อเดินรถทันที เมื่อกู้รถจักรคืนได้ เป็นต้น สำหรับการแก้ไขปัญหาระยะยาว ได้ แต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการ รฟท. จำนวน 4 คณะ ประกอบด้วย คณะกรรมการ ฯ ด้าน โครงสร้างพื้นฐาน คณะกรรมการ ฯ ด้านทรัพย์สิน คณะกรรมการ ฯ ด้านกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ และคณะ กรรมการ ฯ ด้านบุคลากรและอัตรากำลัง 2. เห็นชอบให้ รฟท. ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2541 โดยอนุมัติ ให้ รฟท. รับพนักงาน รฟท. จำนวน 171 อัตรา ประกอบด้วย ตำแหน่งช่างเครื่องฝึกหัด จำนวน 121 อัตรา และ ตำแหน่งพนักงานเดินรถและโยธา จำนวน 50 อัตรา |
||||||||||||||||||||||||
6225 | โครงการพัฒนานักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ รุ่นที่ 4 | นร | 27/10/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงาน ก.พ.ร. ดำเนินการพัฒนานักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ รุ่นที่
4 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 จำนวน 35 คน เป็นกรณีพิเศษเป็นการชั่วคราวตามวงเงินงบประมาณที่ได้รับ ส่วน การดำเนินการพัฒนานักบริหารเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่รุ่นต่อ ๆ ไป เริ่มตั้งแต่รุ่นที่ 5 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ให้ ดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2551 ตามเดิม
|
||||||||||||||||||||||||
6226 | ความก้าวหน้าของการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกร ณ วันที่ 26 ตุลาคม 2552 | นร | 27/10/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรม
การประสานการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกร เสนอดังนี้ 1. รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกร ณ วันที่ 26 ตุลาคม 2552 2. รับทราบกำหนดระยะเวลาการดำเนินงานโครงการ ฯ โดยให้ถือเป็นเพียงมาตรการในการเร่งรัดการ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยยึดหลักการว่า เกษตรกรผู้ปลูกพืชเศรษฐกิจควรต้องได้รับสิทธิ เข้าร่วมในโครงการ ฯ ตรงตามข้อเท็จจริงของการเพาะปลูก 3. เห็นชอบระบบการตรวจสอบพื้นที่การขึ้นทะเบียนผู้ปลูกพืชเศรษฐกิจ ดังนี้ 3.1 ให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรระบุพื้นที่ระดับตำบลที่มีความผิดปกติสูงเกินกว่าร้อยละ 20 ส่ง ให้คณะอนุกรรมการติดตามผลการดำเนินงานโครงการประกันรายได้ ฯ ทราบและดำเนินการ 3.2 ให้คณะอนุกรรมการติดตาม ฯ แจ้งคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิต ผลการเกษตรระดับจังหวัด และคณะทำงานฯ ระดับอำเภอและตำบลดำเนินการตรวจสอบข้อมูลทะเบียนเกษตรกร และทะเบียนการปลูกพืชเศรษฐกิจ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2552 3.3 ให้คณะทำงานระดับอำเภอและตำบลตรวจสอบพื้นที่และรับรองข้อมูลทะเบียน ฯ และแจ้งผลการ ตรวจสอบให้คณะกรรมการ ฯ ระดับจังหวัดทราบภายใน 5 วันทำการ นับแต่วันที่ได้รับแจ้งให้ดำเนินการจากคณะ อนุกรรมการติดตาม ฯ 3.4 ให้คณะกรรมการ ฯ ระดับจังหวัดพิจารณาให้ความช่วยเหลือ และแจ้งผลไปยังคณะอนุกรรมการ ติดตาม ฯ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ภายใน 5 วันทำการ เพื่อให้ ธ.ก.ส. ดำเนิน การในกรณีที่พบความผิดปกติ คือ กรณีที่ได้มีการจ่ายเงินชดเชยไปแล้ว ให้มีการติดตามและประเมินความเสียหาย ที่เกิดขึ้น และให้ ธ.ก.ส. พิจารณาแนวทางดำเนินการที่เหมาะสมต่อไป และกรณีที่ยังไม่ได้จ่ายเงินชดเชย ให้ชะลอ การจ่ายเงินชดเชยไว้ 3.5 กรณีคณะอนุกรรมการติดตาม ฯ ดำเนินการสุ่มตรวจสอบพื้นที่และข้อมูลเกษตรกร และทะเบียน การปลูกพืชเศรษฐกิจในพื้นที่ที่มีความผิดปกติ ให้สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด และสำนักงานพัฒนาที่ดิน เขต/สถานีพัฒนาที่ดิน สนับสนุนการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการติดตาม ฯ ในการพิจารณาคัดเลือกพื้นที่ที่ จะทำการตรวจสอบ
|
||||||||||||||||||||||||
6227 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ. .... (การกระจายการถือครองที่ดินในรูปแบบโฉนดชุมชน) | นร | 20/10/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญคือ ๑.๑ กำหนดนิยามคำว่า “โฉนดชุมชน” หมายความว่า สิทธิร่วมกันของชุมชนในการบริหารจัดการ การครอบครองที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่ดินเพื่อสร้างความมั่นคงในการถือครองและใช้ประโยชน์ในที่ดินของชุมชน และเป็นการรักษาพื้นที่เกษตรในการผลิตพืชอาหารเพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาหาร โดยการเลือกรูปแบบการผลิตที่สอดคล้องกับภูมิปัญญาท้องถิ่นและระบบภูมินิเวศ รวมทั้งการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้สมดุล ๑.๒ กำหนดให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะกรรมการประสานงานและจัดโฉนดชุมชน” เรียกโดยย่อว่า “ปจช.” และกำหนดอำนาจหน้าที่ของ ปจช. เช่น เสนอนโยบาย แผนงานและงบประมาณในการดำเนินงานโฉนดชุมชนต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อกำหนดเป็นมติคณะรัฐมนตรีในการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐ ๑.๓ กำหนดให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการ และให้มีอำนาจหน้าที่ประสานนโยบายการปฏิบัติระหว่างหน่วยงานของรัฐเกี่ยวกับการดำเนินงานโฉนดชุมชนให้สำเร็จเป็นไปตามกฎหมาย กฎ คำสั่ง และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และติดตามประเมินผล และปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่คณะกรรมการมอบหมาย ๑.๔ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมดูแลใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐ ๑.๕ กำหนดให้ในกรณีที่มีการกระทำผิดเงื่อนไขที่ให้ไว้ของชุมชนที่ได้รับสิทธิให้หน่วยงานของรัฐโดยความเห็นชอบของ ปจช. มีอำนาจยกเลิกโฉนดชุมชนได้ ๑.๖ กำหนดให้มีพื้นที่นำร่องในการดำเนินงานโฉนดชุมชนจำนวนไม่น้อยกว่าสามสิบพื้นที่ให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ๒. ให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับกรณีที่คณะกรรมการกำหนดให้พื้นที่ใดดำเนินการให้มีโฉนดชุมชนแล้ว ให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องสั่งการให้เป็นไปตามกฎหมาย อาจใช้ได้เฉพาะที่ดินของรัฐบางประเภท ส่วนที่ดินของรัฐที่มีกฎหมายกำหนดอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐไว้เป็นการเฉพาะ จะต้องดำเนินการตามกฎหมายนั้น ๆ เสียก่อน และต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐมนตรีจึงจะดำเนินการได้ รวมทั้งกรณีผู้บุกรุกเข้าถือครองที่ดินของรัฐก่อนวันที่ระเบียบฯ ใช้บังคับและอยู่ระหว่างดำเนินคดีตามกฎหมาย จะได้รับสิทธิตามระเบียบฯ ด้วยหรือไม่ ควรกำหนดให้ชัดเจน และความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการให้คณะกรรมการมีอำนาจกำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่มีที่ดินของรัฐพิจารณาให้ชุมชนซึ่งรวมตัวกันอยู่อาศัยอยู่ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งระยะเวลาไม่น้อยกว่าสามปีก่อนระเบียบฯ ใช้บังคับมีสิทธิครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินของรัฐร่วมกันภายใต้หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด นั้น อาจจะไม่สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๖ ที่เห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการอำนวยการและกำกับนโยบายบริหารจัดการการใช้ประโยชน์ที่ดินของรัฐเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน (กอ.ชตจ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๔๖ เมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๔๖ เกี่ยวกับการรับรองสิทธิในที่ดินต้องเป็นการถือครองทำประโยชน์สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๑ ที่เห็นชอบการกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ดินในเขตป่าไม้ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๔๕ สำหรับที่ราชพัสดุส่วนผู้บุกรุกเข้าถือครองที่ดินของรัฐภายหลังวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๔๖ จะไม่ได้รับสิทธิใด ๆ ตามนโยบายของรัฐบาลและจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. เห็นชอบให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการ ส่วนอัตรากำลังให้ปรับเกลี่ยจากบุคลากรภายในของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และให้เบิกจ่ายจากงบประมาณเพื่อการนี้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยให้ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
6228 | เสนอของบประมาณโครงการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของสำนักงานอัยการสูงสุดตามแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2552 - 2555 และแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. 2552 - 2555 | อส | 20/10/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบหลักการโครงการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของสำนักงานอัยการสูงสุดตามแผน แม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2552-2555 และแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศกระบวนการยุติ ธรรม พ.ศ. 2552-2555 โดยวัตถุประสงค์ของโครงการ ฯ เพื่อปรับปรุงพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและ โปรแกรมสารบบคดีอิเล็กทรอนิกส์ให้มีสมรรถนะสามารถเชื่อมต่อและรองรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงาน ในกระบวนการยุติธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความมั่นคงปลอดภัย และโดยที่โครงการ ฯ มีวงงบประมาณ เกิน 100 ล้านบาท จึงให้สำนักงานอัยการสูงสุดส่งโครงการนี้ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (คณะกรรมการคอมพิวเตอร์ภาครัฐ) พิจารณา ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2547 (เรื่อง หลัก เกณฑ์และแนวทางปฏิบัติการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ) ต่อไป และให้สำน้กงานอัยการสูงสุดร้บความเห็น ของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานตำรวจแห่ง ชาติที่ให้สำนักงานอัยการสูงสุดจัดทำกรอบระยะเวลาดำเนินงานและรายละเอียดกิจกรรมโครงการให้ชัดเจนเพื่อ ให้การจัดสรรและเบิกจ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และควรพิจารณาระบบการบริหารจัดการใน การแลกเปลี่ยนข้อมูลทั้งผู้รับและผู้ส่งหรือภายในหน่วยงานตนเองและระหว่างหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ไว้เป็นระบบที่กำหนดให้ชัดเจนเหมือนเป็นแผนการดำเนินงาน รวมทั้งควรกำหนดแผนที่ยุทธศาสตร์ (Strategy Map) ในการแสดงความเชื่อมโยงของระบบบริหารจัดการแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบครบวงจรทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวให้เห็นแนวทางการบริหารจัดการระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลในกระบวนการยุติธรรม สามารถมองเห็น เหตุและผลในการพัฒนาแนวทางของการพัฒนาระบบการบริหารจัดการแลกเปลี่ยนข้อมูล รวมทั้งเครือข่ายการ บริหารจัดการแลกเปลี่ยนข้อมูลในกระบวนการยุติธรรมทั้งภายในหน่วยตนเองและระหว่างหน่วยงานที่เป็นเครือ ข่าย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย 2. ส่วนงบประมาณสำหรับดำเนินงานตามโครงการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของสำนักงาน อัยการสูงสุด จำนวน 285,034,100 บาท เนื่องจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 สำนักงานอัยการสูงสุดมิได้เสนอ ขอรับการจัดสรรงบประมาณโครงการดังกล่าวไว้ จึงให้สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณ รายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมที่ต้องใช้จ่ายในแต่ละปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
6229 | การแก้ไขปัญหาการหยุดเดินรถไฟสายใต้ ของพนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทย | นร | 20/10/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรายงานการแก้ไขปัญหาการหยุด
เดินรถไฟสายใต้ของพนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทย ช่วงตั้งแต่วันที่ 16-19 ตุลาคม 2552 โดยได้ดำเนินการ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการให้กรมการขนส่งทางบก บริษัท ขนส่ง จำกัด และบริษัทเอกชนร่วมบริการจัดรถ โดยสารมาให้บริการขนถ่ายสัมภาระ และรับผู้โดยสารที่ตกค้างที่สุราษฎร์ธานีไปส่งยังจุดหมายปลายทาง โดย การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมทั้งให้กรมการขนส่งทางบก กรมทาง หลวง และกรมทางหลวงชนบท จัดส่งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เข้าดูแลและช่วยเหลือประชาชนเพื่ออำนวยความสะดวกใน การเดินทาง จัดหาอาหาร และที่พักชั่วคราว นอกจากนี้ รฟท. ได้เตรียมที่จะรับอดีตพนักงานขับรถไฟของ รฟท. ที่เพิ่งเกษียณอายุเมื่อเดือนกันยายน 2552 กลับเข้ามาช่วยงานในด้านการเดินรถไฟเพื่อบรรเทาปัญหาการขาด พนักงานขับรถไฟ โดยกระทรวงคมนาคมจะดำเนินการขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งได้แต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการ รฟท. ขึ้น เพื่อพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาของ รฟท. และจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจภายใน 2 สัปดาห์
|
||||||||||||||||||||||||
6230 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยนครพนม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 20/10/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทย ฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยนครพนม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้สาขาวิชา อุตสาหกรรมศาสตร์ ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2552 และกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับ สาขาวิชาการบัญชี และสาขาวิชาอุตสาหกรรมศาสตร์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยให้กระทรวงศึกษาธิการชี้แจงเหตุผลความจำเป็นใน การกำหนดให้ร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ มีผลใช้บังคับย้อนหลังเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในการนำร่างพระ ราชกฤษฎีกาขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวายต่อไป 2. ให้กระทรวงศึกษาธิการกำชับมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษา ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันที่ 8 กันยายน 2541 ที่กำหนดหลักการว่า เมื่อมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาใดอนุมัติหลักสูตรสาขาวิชา ใดแล้วจะต้องเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดปริญญาในสาขาวิชานั้นเสียก่อน แล้วจึงจะเปิดทำการสอนในสาขา วิชานั้นได้ ทั้งนี้ เพื่อมิให้มีการเสนอขอให้พระราชกฤษฎีกากำหนดปริญญาในแต่ละสาขาวิชามีผลใช้บังคับย้อนหลัง ซึ่งเป็นการไม่เหมาะสมและไม่บังควร
|
||||||||||||||||||||||||
6231 | ขออนุมัติหลักการยกเว้นดำเนินการตามกรอบและหลักเกณฑ์การเยียวยาผู้ประสบวิกฤตด้านการท่องเที่ยว | กก | 20/10/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการยกเว้นดำเนินการตามกรอบและหลักเกณฑ์การดำเนินการเยียวยาผู้ประสบวิกฤตด้าน การท่องเที่ยวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2551 รวม 5,171 ราย เป็นเงิน 22,438,268.94 บาท และอนุมัติงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเยียวยาผู้ประสบวิกฤตด้านการท่องเที่ยวดังกล่าว โดยให้ เบิกจ่ายจากงบประมาณที่เหลือจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงิน สำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในวงเงิน 1,912,970,000 บาท ที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติเมื่อวันที่ 9 ธันวา คม 2551 ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ 2. ทั้งนี้ การเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเยียวยาผู้ประสบวิกฤตด้านการท่อง เที่ยวดังกล่าว ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาเพื่อปฏิบัติให้ถูกต้องตามระเบียบ และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย |
||||||||||||||||||||||||
6232 | ขอความเห็นชอบการแต่งตั้งผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (นายชูเกียรติ โพธยานุวัตร) | คค | 20/10/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบการแต่งตั้งผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (นายชูเกียรติ โพธยานุวัตร) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ 2. เห็นชอบให้กระทรวงคมนาคมติดตามกำกับดูแลการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงบางใหญ่ -บางซื่อ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ให้อยู่ในกรอบวงเงินค่าก่อสร้างงานโยธา จำนวน รวม 36,055 ล้านบาท ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2551 (เรื่อง ขออนุมัติขยายกรอบวง เงินค่าก่อสร้างงานโยธาและค่าจ้างที่ปรึกษาบริหารโครงการ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ) และวันที่ 11 สิงหาคม 2552 (เรื่อง การดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ) อย่างเคร่งครัด ด้วย ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเพิ่มเติม
|
||||||||||||||||||||||||
6233 | ขออนุมัติลงนามร่างความตกลงว่าด้วยการจัดการด้านการเงินสำหรับงานก่อสร้างโครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงตามแนวเศรษฐกิจเหนือ - ใต้ (ห้วยทราย - เชียงของ) ของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และขออนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้าง ค่าควบคุมงาน | คค | 20/10/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติการลงนามร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐ ประชาชนจีนว่าด้วยการจัดการด้านการเงินสำหรับงานก่อสร้างโครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงตามแนวเศรษฐกิจ เหนือ-ใต้ (ห้วยทราย-เชียงของ) ของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่าง ความตกลงดังกล่าว ที่มิใช่สาระสำคัญก่อนการลงนามและเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ก็ให้กระทรวงคมนาคม สามารถดำเนินการได้โดยประสานกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ และให้รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงคมนาคม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย และให้กระทรวงการต่างประเทศออก หนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือผู้แทน สำหรับการลงนามดัง กล่าว รวมทั้งอนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างโครงการ ฯ ในส่วนที่รัฐบาลไทยต้องรับผิดชอบเป็นเงิน 812 ล้านบาท และเพิ่มวงเงินค่าควบคุมงานในส่วนที่รัฐบาลไทยต้องรับผิดชอบเป็นเงิน 45.5 ล้านบาท และขยายระยะเวลาก่อ หนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. 2552-2555 เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. 2552-2556 และ อนุมัติในหลักการการจ่ายค่างานส่วนที่เพิ่มขึ้นโดยเจียดจ่ายจากงบประมาณปกติ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ 2. ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2551 (เรื่อง การพิจารณาช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพงานก่อสร้างและผู้ประกอบอาชีพอื่น) ในการคำนวณราคา กลางงานก่อสร้างให้เป็นปัจจุบันก่อนดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างและเสนอผลการจัดซื้อจัดจ้างให้สำนักงบประมาณ พิจารณาความเหมาะสมของราคาอีกครั้งหนึ่งตามระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2534 และที่ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมกำกับ การดำเนินงานก่อสร้างให้เป็นไปตามกำหนดเวลา และหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ต้นเกี่ยวกับกระบวน การของความตกลงการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Cross Border Transport Agreement : CBTA) เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถอำนวยความสะดวกการขนส่งและการเดินทางข้ามพรมแดนได้เมื่อสะพานก่อ สร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2556 ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติด้วย |
||||||||||||||||||||||||
6234 | ราษฎร "กลุ่มแผ่นดินของเรา" ร้องเรียนเกี่ยวกับการขอออกโฉนดที่ดินในที่ดินเขตพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดิน อำเภอปากน้ำโพ อำเภอพยุหะคีรี อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. 2479 | มท | 13/10/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้มีการเพิกถอนการหวงห้ามโดยการกันเขตพระราชกฤษฎีกา
กำหนดเขตหวงห้ามที่ดินอำเภอปากน้ำโพ อำเภอพยุหะคีรี อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. 2479 ในที่ดินของราษฎร ที่กระทรวงมหาดไทยได้แต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของราษฎรเรื่องที่ ดินในเขตพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินอำเภอปากน้ำโพ อำเภอพยุหะคีรี อำเภอโกรกพระ จังหวัด นครสวรรค์ พ.ศ. 2479 ขึ้นดำเนินการ และคณะกรรมการ ฯ ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวรวม 3 คณะ ซึ่งจังหวัดนครสรรค์ได้รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของอนุกรรม การ ฯ ระดับอำเภอทั้ง 3 อำเภอแล้ว น่าเชื่อว่าราษฎรมีการครอบครองทำประโยชน์มาก่อนการหวงห้ามที่ ดินในปี พ.ศ. 2479 สมควรที่จะดำเนินการให้ราษฎรกลุ่มดังกล่าวได้มีสิทธิในที่ดินทำกินอย่างถูกต้อง จำนวน 1,215 แปลง และให้กระทรวงการคลังรับไปประสานกระทรวงกลาโหม และกระทรวงมหาดไทย เพื่อดำเนิน การเพิกถอนที่ดินที่กำหนดเป็นเขตหวงห้ามดังกล่าวตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2550 (เรื่อง การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของราษฎรในที่ดินเขตพระราช กฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้าม ฯ จังหวัดนครสวรรค์ พระพุทธศักราช 2479) รวมทั้งมติคณะรัฐมนตรีอื่นที่เกี่ยว ข้องด้วย |
||||||||||||||||||||||||
6235 | ขออนุมัติใช้วิธีการอนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทในสัญญาจ้างก่อสร้างงานโยธาสัญญาจ้างที่ปรึกษาบริหารและควบคุมโครงการ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ - บางซื่อ | คค | 13/10/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้ใช้วิธีการอนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทไว้ในสัญญาจ้างก่อสร้างงานโยธาสัญญาที่ 1, 2 และ 3 ที่ดำเนินการประกวดราคาแล้วเสร็จ และงานโยธาสัญญาที่ 6 (งานระบบราง) โครงการรถไฟฟ้าสาย สีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่ประเทศไทย (รฟม.) จะดำเนินการประกวดราคาใน ลำดับต่อไป รวมทั้งสัญญาจ้างที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานโครงการที่ รฟม. กำลังอยู่ในระหว่างการคัดเลือก บริษัทที่ปรึกษา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2552 (เรื่อง การทำสัญญาระหว่างหน่วยงานของรัฐกับเอกชน) เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย 2. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงยุติธรรมที่เห็นควรกำหนดให้ใช้วิธีการอนุญาโตตุลา การชี้ขาดในกรณีที่มีข้อพิพาทระหว่างกันในประเทศไทยเพื่อประโยชน์ในเชิงคดีและการบริหารงบประมาณของรัฐ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
6236 | คณะกรรมการที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง (กระทรวงมหาดไทย) | มท | 13/10/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
1. รับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 1) (เรื่อง การแต่งตั้งคณะกรรมการ พิจารณาเรื่องการขอเปลี่ยนแปลงชื่อจังหวัด อำเภอ และตำบล หมู่บ้าน หรือสถานที่ราชการอื่น ๆ ย้อนหลัง ให้ มีผลตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2551) โดยเห็นว่าสถานะของคณะกรรมการ ฯ ดังกล่าว ได้สิ้นสุดลงเมื่อพ้นวันที่ 30 พฤศจิกายน 2551 โดยผลของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2551 การเปลี่ยนแปลงชื่อจังหวัด อำเภอ และตำบล หมู่บ้าน หรือสถานที่ราชการอื่น ๆ ในระหว่างที่ไม่มีคณะกรรมการ ฯ ดังกล่าว ต้องเป็นไปตามบท บัญญัติแห่งกฎหมายซึ่งใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น ดังนั้น หากการดำเนินการเปลี่ยนแปลงชื่อได้กระทำโดยถูกต้อง ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว ย่อมมีผลตามกฎหมาย 2. อนุมัติการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาเรื่องการขอเปลี่ยนแปลงชื่อจังหวัด อำเภอ และตำบล หมู่ บ้าน หรือสถานที่ราชการอื่น ๆ ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานกรรมการ ผู้แทนกระทรวง ศึกษาธิการ ผู้แทนกระทรวงคมนาคม ผู้แทนราชบัณฑิตยสถาน ผู้แทนกรมการปกครอง ผู้แทนกรมศิลปากร ผู้แทนกรมแผนที่ทหาร ผู้แทนส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องในฐานะเจ้าของเรื่อง เป็นกรรมการ โดยมี ผู้อำนวยการกองตรวจราชการและเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นกรรมการและเลขา นุการ และนักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ กองตรวจราชการและเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานปลัด กระทรวงมหาดไทย เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (13 ตุลาคม 2552) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
6237 | แนวทางดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการรับเรื่องราวร้องเรียนของประชาชน และการใช้ พ.ร.บ. กฎหมายความมั่นคงฯ ในพื้นที่ 4 อำเภอ ของจังหวัดสงขลา | นร | 13/10/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรับแนวทางการรับเรื่องร้องเรียนของประชาชนเกี่ยวกับการ ปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไปหารือร่วมกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นาย สาทิตย์ วงศ์หนองเตย) และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายถาวร เสนเนียม) ในการจัดตั้งคณะ กรรมการระดับสูงเพื่อรับผิดชอบในการวางกรอบและระบบการอำนวยการ การเร่งรัด ติดตาม ประเมินผล และ การประสานงานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อให้กระบวนการสอบสวนข้อร้องเรียนของประชาชนเกี่ยวกับการ ปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ 2. เห็นชอบในหลักการให้มีการยกเลิกประกาศบังคับใช้กฎอัยการศึกในพื้นที่ 4 อำเภอของจังหวัด สงขลา ได้แก่ อำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอสะบ้าย้อย และอำเภอนาทวี ภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2552 นี้ และให้นำพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 มาบังคับใช้แทน โดยมอบ ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรับไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับกระทรวงกลาโหม |
||||||||||||||||||||||||
6238 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพิจารณาอนุญาตโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ พ.ศ. .... | อก | 13/10/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่อง ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ด้วยการพิจารณาอนุญาตโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งด้านคุณภาพสิ่ง แวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ พ.ศ. .... ที่เห็นว่า ร่างระเบียบเรื่องนี้มิได้มีสาระสำคัญในการวางระเบียบ ปฏิบัติเฉพาะกับส่วนราชการเท่านั้น แต่เป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ปฏิบัติสำหรับภาคเอกชน และคณะกรรมการ ชำนาญการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติด้วย ซึ่งการกำหนดหลักเกณฑ์ ดังกล่าวนอกจากขัดกับพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 แล้ว ยังเป็นการ กำหนดให้องค์การอิสระใช้อำนาจรัฐ ไม่อาจกระทำได้ เว้นแต่อาศัยอำนาจตามกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติ ดังนั้น การตราร่างระเบียบโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 11 (8) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่น ดิน พ.ศ. 2534 จึงไม่อาจกระทำได้เพราะเกินอำนาจที่พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 บัญญัติไว้ 2. ให้ถอนร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพิจารณาอนุญาตโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อ ให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ พ.ศ. .... ตาม มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2552 ออกจากการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
|
||||||||||||||||||||||||
6239 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 13/10/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยา ภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตาม ที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอ คณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบ ฯ มีสาระสำคัญคือ 1.1 กำหนดให้ยกเลิก บัญชี 12 และ บัญชี 13 ท้ายระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎ ไทย พ.ศ. 2536 และให้ใช้ บัญชี 12 และ บัญชี 13 ท้ายระเบียบนี้แทน 1.2 กำหนดให้เพิ่ม บัญชี 39 ถึง บัญชี 44 ท้ายระเบียบสำน้กนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระ ราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย พ.ศ. 2536 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 33 ลงวันที่ 30 กันยายน พุทธศักราช 2549 2. เห็นชอบให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2552 เรื่อง ร่างระเบียบสำนักนายก รัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||
6240 | รายงานการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีและขอให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบการขอยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีและระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 | ยธ | 13/10/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
1. รับทราบผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่องการจัดซื้ออาหารเพื่อประกอบเลี้ยงนักโทษ ผู้ต้องขังเด็ก และเยาวชนในเรือนจำ ทัณฑสถาน สถานกักขังและสถานพินิจต่าง ๆ เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2552 และการขอยกเว้นการดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่ม เติมข้อ 22 วรรคสอง ที่กำหนดห้ามการแบ่งซื้อแบ่งจ้างโดยลดวงเงินที่จะซื้อหรือจ้างในคราวเดียวกันเพื่อให้วง เงินต่ำกว่าที่กำหนด โดยวิธีหนึ่งวิธีใด หรือเพื่อให้อำนาจสั่งจ้างเปลี่ยนไปเป็นการชั่วคราวในระหว่างการทดลอง ดำเนินการเป็นเวลาสามเดือน นับแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 2. อนุมัติให้กระทรวงยุติธรรมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2552 (เรื่อง ขอให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบการจัดระบบการจัดซื้ออาหาร เครื่องบริโภค และวัสดุเพื่อการหุงหาอาหาร)
|
.....