ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 318 จากทั้งหมด 567 หน้า แสดงรายการที่ 6341 - 6360 จากข้อมูลทั้งหมด 11336 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
6341 | โครงการบริหารจัดการผลไม้ภาคตะวันออก ปี 2552 | กษ | 26/05/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลความก้าวหน้าการดำเนินโครง
การบริหารจัดการผลไม้ภาคตะวันออก ปี พ.ศ. 2552 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2552 โดยในส่วน ของวงเงินงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ ฯ สำนักงบประมาณได้พิจารณาอนุมัติให้สำนักงาน ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการ เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 60,000,000 บาท ในงบรายจ่ายอื่น และที่ประชุมคณะกรรม การสงเคราะห์เกษตรกร ครั้งที่ 5/2552 เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2552 ได้มีมติอนุมัติให้กรมส่งเสริมการเกษตร ยืมเงินปลอดดอกเบี้ย จำนวน 60,000,000 บาท แต่เนื่องจากระยะเวลาการดำเนินการเร่งด่วน จึงให้เบิกเงินจาก กองทุนสงเคราะห์เกษตรกรไปก่อน และเมื่อสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับเงินงวดแล้ว ก็ให้นำ เงินส่งเข้ากองทุน ฯ โดยเร่งด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6342 | ขอปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2541 เรื่อง มาตรการในการควบคุมการก่อสร้างอาคารของภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐอย่างอื่นที่อาจพึงมีในบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ | ทส | 19/05/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้ปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2541 เรื่อง มาตรการในการควบคุมการก่อ สร้างอาคารของภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐอย่างอื่นที่อาจพึงมีในบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ ตามที่ รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) ประธานกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมือง เก่า เสนอ โดยมติที่ปรับปรุงใหม่จะปรับเปลี่ยน ดังนี้ 1.1 ชื่อคณะกรรมการ จากเดิม คณะกรรมการโครงการกรุงรัตนโกสินทร์ เป็น คณะกรรมการอนุรักษ์ และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า 1.2 หน่วยงาน จากเดิม กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เป็น กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2. ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ให้ควรปรับปรุง ข้อความจาก "ส่งเรื่องและแบบแปลนให้คณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า" เป็น "ส่ง เรื่องและแบบแปลนที่จะทำการก่อสร้างให้คณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า" และให้ กำหนดกรอบระยะเวลาให้คณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนา ฯ พิจารณาให้ความเห็นถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ภายในระยะเวลาสองเดือนเพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถวางแผนการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมอบหมายให้ หน่วยงานหรือสถาบันการศึกษาประเมินผลมาตรการในการควบคุมการก่อสร้างในบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์นับตั้ง แต่ ปี พ.ศ. 2542 จนถึงปัจจุบันว่ามีผลดี หรือผลกระทบอย่างไรเกิดขึ้นบ้าง รวมทั้งกลไกการขับเคลื่อนมาตรการ ดังกล่าวโดยพิจารณาความเหมาะสมในการปรับปรุงและเสริมบทบาทของกรุงเทพมหานครซึ่งปัจจุบันมีความพร้อม ในการควบคุมการก่อสร้างอาคารในเชิงอนุรักษ์และพัฒนาอยู่แล้ว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6343 | ขอมติคณะรัฐมนตรีให้หน่วยงานราชการสำรวจและจัดทำสิ่งอำนวยความสะดวกให้คนพิการเข้าถึงได้ | พม | 19/05/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
ดังนี้ 1. กำหนดให้น่วยงานราชการดังต่อไปนี้ดำเนินการสำรวจและจัดทำสิ่งอำนวยความสะดวกเนื่องจากมี คนพิการใช้บริการมาก ตามลำดับ คือ 1.1 โรงพยาบาล จัดทำสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบถ้วนสมบูรณ์ตามกฎกระทรวง พ.ศ. 2548 ซึ่ง กำหนดให้มีการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกภายในอาคารสำหรับคนพิการหรือทุพพลภาพและคนชรา 1.2 หน่วยงานราชการ ได้แก่ ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ/สำนักงานเขต ที่ทำการขององค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น (องค์การบริหารส่วนจังหวัด/ส่วนตำบล/สำนักงานเทศบาลนคร/เมือง/ตำบลและเมือง พัทยา) สถาบันการศึกษา และสถานีตำรวจ จัดทำสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน ได้แก่ ทางลาด ห้องน้ำ ที่ จอดรถ ป้ายและสัญญลักษณ์ และบริการข้อมูล ภายในปี พ.ศ. 2554 2. ให้หน่วยงานราชการดังกล่าวสามารถขอตั้งงบประมาณหรือเจียดจ่ายหรือเปลี่ยนแปลงงบประมาณ ในการจัดทำสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการ โดยให้เป็นอำนาจของหัวหน้าส่วนราชการ หรือผู้ว่าราชการ จังหวัดอนุมัติ 3. ให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับความจำเป็นต้องจัดให้มีสิ่ง อำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการ ให้ใช้จากเงินรายได้หรือเงินเหลือจ่าย หรือปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณ รายจ่ายประจำปีของหน่วยงาน หรือเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความเหมาะสมและความจำเป็น โดยพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการ ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6344 | การขออนุญาตดำเนินการก่อสร้างเสริมระบบจำหน่ายด้วยสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ | มท | 19/05/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทย โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2534 (เรื่อง รายงานการศึกษาสถานภาพปัจจุบันของป่าไม้ชายเลนและปะการัง ของประเทศ) วันที่ 22 สิงหาคม 2543 (เรื่อง มติคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการ จัดการพื้นที่ป่าชายเลน) และวันที่ 17 ตุลาคม 2543 (เรื่อง มติคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ ครั้งที่ 3/ 2543 เรื่อง การแก้ไขปัญหาการจัดการพื้นที่ป่าชายเลน) รวมทั้งมติคณะรัฐมนตรีอื่น ๆ ที่กำหนดห้ามการใช้ ประโยชน์ในพื้นที่ปาชายเลน เพื่อให้ กฟภ. ใช้พื้นที่ป่าชายเลนก่อสร้างจุดขึ้น-ลงสายเคเบิลใต้น้ำ และปักเสาพาด สายขยายเขตระบบจำหน่ายไฟฟ้าไปยังเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย โดยให้กระทรวงมหาด ไทย โดย กฟภ. ดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 2. ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กฟภ. รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่ให้ กฟภ. ดำเนินศึกษา สำรวจทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญในพื้นที่บริเวณแนววางสายเคเบิลใต้น้ำให้ชัดเจนก่อนดำเนินการและจัดทำแผน ปฏิบัติงานที่สามารถใช้ในการปฏิบัติงานได้ชัดเจนโดยใช้เทคนิคและวิชาการที่เหมาะสมในการวางสายเคเบิลใต้น้ำ และการดำเนินการโครงการก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ต้องไม่ขัดกับประกาศกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในท้องที่อำเภออ่าว ลึก อำเภอเมืองกระบี่ อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท่อม และอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ในเรื่องที่เกี่ยวกับ มาตรการห้ามกระทำการหรือประกอบกิจกรรมการเก็บหรือทำลายปะการัง ซากปะการัง หรือหินปะการัง หรือ การกระทำใด ๆ ที่อาจเป็นอันตรายหรือมีผลกระทบ หรือทำให้ปะการัง ซากปะการัง หรือหินปะการัง ถูกทำลาย หรือเสียหาย และให้ กฟภ. หลีกเลี่ยงการก่อสร้างจุดขึ้น-ลงในพื้นที่ป่าชายเลนให้มากที่สุด เป็นต้น ไปพิจารณา ดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6345 | การส่งคืนวัตถุโบราณจำนวน 7 ชิ้น ให้แก่ประเทศกัมพูชา | นร | 19/05/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการให้รัฐบาลไทยเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการ บรรจุหีบห่อและการขนส่งวัตถุโบราณ จำนวน 7 ชิ้น คืนให้แก่ราชอาณาจักรกัมพูชา จำนวน 336,980 บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณของกระทรวงการต่างประเทศ 2. อนุมัติให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2552 (เรื่อง การ มอบโบราณวัตถุเขมร จำนวน 7 ชิ้น คืนให้ประเทศกัมพูชา) ซึ่งกำหนดให้ราชอาณาจักรกัมพูชาออกค่าใช้ จ่ายในการบรรจุหีบห่อและการขนส่งวัตถุโบราณดังกล่าวเป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6346 | แต่งตั้งผู้แทนกระทรวงการคลังเป็นกรรมการในคณะกรรมการบริษัท ทุ่งคาฮาเบอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ชลสิน จำกัด | กค | 19/05/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้แต่งตั้งผู้แทนจากกระทรวงการคลังเป็นกรรมการผู้แทนภาครัฐบาลในคณะกรรมการบริษัท ทุ่งคาฮาเบอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ชลสิน จำกัด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 แต่งตั้งนายจักรกฤศฏ์ พาราพันธกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวง การคลัง เป็นกรรมการผู้แทนภาครัฐบาลในคณะกรรมการบริษัท ทุ่งคาฮาเบอร์ จำกัด (มหาชน) 1.2 แต่งตั้งนายสุวิชญ์ โรจนนานิช รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการ คลัง เป็นกรรมการผู้แทนภาครัฐบาลในคณะกรรมการบริษัท ชลสิน จำกัด 2. สำหรับการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2551 ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม เสนอโดยขอให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาแต่งตั้งผู้แทนกระทรวงการคลังเป็นผู้แทนฝ่ายรัฐบาลในคณะกรรม การบริษัท ทุ่งคาฮาเบอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ชลสิน จำกัด ในโอกาสต่อไป นั้น อาจมีปัญหาเกี่ยวกับข้อ กำหนดในสัญญาให้ผลประโยชน์พิเศษตอบแทนในการอนุญาตทำเหมืองแร่ในทะเล ข้อ 5(2) ซึ่งกำหนดให้นายก รัฐมนตรีแต่งตั้งผู้แทนเป็นกรรมการบริษัท ทุ่งคาฮาเบอร์ จำกัด (มหาชน) อย่างน้อย 1 คน และข้อกำหนดใน สัญญาเกี่ยวกับการสำรวจและทำเหมืองแร่ทองคำ ข้อ 7(9) ซึ่งกำหนดให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท ชลสิน จำกัด แต่งตั้งผู้แทนของรัฐบาลเข้ามาเป็นกรรมการในคณะกรรมการของบริษัท ฯ จำนวน 1 คน และในทางปฏิบัติที่ผ่าน มากระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงการคลังได้เสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณามาโดยตลอด และโดยที่เป็นเรื่อง เกี่ยวกับสัญญา จึงให้กระทรวงการคลังรับไปหารือร่วมกับสำนักงานอัยการสูงสุด แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง หนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6347 | รายงานความคืบหน้าของการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาและการสนับสนุนส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว | คค | 19/05/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานความคืบหน้าของการดำเนินการตามมติ
คณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาและการสนับสนุนส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว สรุปได้ดังนี้ 1. กรมการขนส่งทางอากาศ ได้ปรับลดค่าธรรมเนียมในการขึ้นลงของอากาศยาน และค่าธรรมเนียม ที่เก็บอากาศยาน ณ สนามบินที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมการขนส่งทางอากาศ ลงร้อยละ 50 ของอัตราที่ กำหนด ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2552 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2552 2. บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้มีมาตรการเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยและ ช่วยเหลือผู้ประกอบการสายการบิน ให้แก่เที่ยวบินแบบประจำที่ทำการบิน ณ ท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับ ผิดชอบของบริษัท ท่าอากาศยานไทย ฯ ทุกแห่ง เป็นระยะเวลา 8 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา 00.01 น. ถึงวันที่ 30 กันยายน 2552 เวลา 24.00 น. โดยลดอัตราค่าธรรมเนียมในการขึ้นลงของอากาศยาน (Landing Fee) ในอัตราร้อยละ 20 และยกเว้นค่าธรรมเนียมที่เก็บอากาศยาน (Parking Fee) จากเดิม 3 ชั่วโมง แรก ไม่เก็บค่าธรรมเนียมที่เก็บอากาศยาน เป็น 24 ชั่วโมงแรก ไม่เก็บค่าธรรมเนียมที่เก็บอากาศยาน รวมทั้ง มีมาตรการอื่น ๆ ที่มีส่วนส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทย อาทิ มาตรการส่งเสริมการบินของเที่ยวบินเช่าเหมาลำ โดยการปรับลดค่าธรรมเนียมในการขึ้นลงของอากาศยาน (Landing Fee) และค่าธรรมเนียมที่เก็บอากาศยาน (Parking Fee) ให้แก่สายการบินที่มีเที่ยวบินเช่าเหมาลำระหว่างประเทศซึ่งทำการบินขึ้น-ลง ณ ท่าอากาศยาน ดอนเมือง และท่าอากาศยานภูมิภาค 3 แห่ง (ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานเชียงราย และท่าอากาศ ยานหาดใหญ่) ในอัตราร้อยละ 50 มีกำหนดระยะเวลา 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2551 ถึงวันที่ 31 ตุลา คม 2553 เป็นต้น 3. ความคืบหน้าของร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยท่าอากาศ ยานสุวรรณภูมิ พ.ศ. .... ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6348 | แนวทางการบริหารของคณะกรรมการองค์การมหาชน | นร | 19/05/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบแนวทางการบริหารของคณะกรรมการองค์การมหาชน และให้องค์การมหาชนทุกแห่งนำไป ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติต่อไป ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ 2. เห็นชอบปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2547 (เรื่อง การปรับปรุงหลักเกณฑ์การ กำหนดอัตราเงินเดือน ฯ หลักเกณฑ์การกำหนดเบี้ยประชุม ฯ และการพัฒนาการดำเนินงานและการประเมินผล องค์การมหาชน) ที่อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 8 (ฝ่ายกฎหมาย ระบบ ราชการและการประชาสัมพันธ์) ข้อ 2.4 จากเดิม ที่กำหนดว่า "เห็นควรกำหนดกรอบวงเงินรวมสำหรับค่าใช้จ่าย ด้านบุคลากรสำหรับองค์การมหาชน เช่น เงินเดือน ค่าตอบแทน เบี้ยประชุม เป็นต้นไป ไว้ไม่เกินร้อยละ 30 ของ เงินอุดหนุนประจำปี หากองค์การมหาชนใดไม่สามารถดำเนินการให้อยู่ในกรอบวงเงินดังกล่าวได้ ให้เสนอคณะ รัฐมนตรีพิจารณายกเว้นเป็นราย ๆ ไป" เป็น "เห็นควรกำหนดกรอบวงเงินรวมสำหรับค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร สำหรับองค์การมหาชน เช่น เงินเดือน ค่าตอบแทน เบี้ยประชุม เป็นต้น ไว้ไม่เกินร้อยละ 30 ของเงินอุดหนุน ประจำปี หากองค์การมหาชนใดไม่สามารถดำเนินการให้อยู่ในกรอบวงเงินดังกล่าวได้ ให้นำเสนอต่อ ก.พ.ร. เพื่อ พิจารณาเป็นรายกรณี โดยให้ขอความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณเพื่อประกอบการพิจารณา ด้วย" 3. ให้คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับข้อสังเกตของคณะ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ว่า ในการ ดำเนินงานขององค์การมหาชน รวมถึงกองทุนและเงินทุนหมุนเวียนบางแห่งมีแนวทางการดำเนินงานที่คล้ายคลึง กับส่วนราชการ แต่มีการใช้จ่ายเกี่ยวกับบุคลากรและการดำเนินงานในอัตราที่สูงและมีลักษณะไม่ประหยัด จึงเห็น ควรพิจารณาทบทวนภารกิจ ผลการดำเนินงาน โครงสร้างองค์กร และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ขององค์กร รวมทั้งอาจ พิจารณายุบเลิกหน่วยงานดังกล่าวอย่างจริงจัง ไปพิจารณาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6349 | การระบายจำหน่ายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตามโครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2551/52 และขอทบทวนคณะกรรมการเกี่ยวกับสินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ | พณ | 13/05/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบผลการรับจำนำตามโครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2551/52 ซึ่งสิ้นสุดระยะ เวลารับจำนำเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2552 โดยมีปริมาณทั้งหมด 1,110,398.581 ตัน และประมาณการค่าใช้จ่าย และค่าชดเชยที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ ฯ ประมาณ 4,088 ล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นทุก ๆ เดือนตามระยะ เวลาการเก็บรักษาประมาณเดือนละ 83 ล้านบาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้กระทรวงพาณิชย์นำเรื่อง การจำหน่ายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่รับจำนำ ปี 2551/52 เพื่อส่งออกไปต่างประเทศโดยวิธีการประมูลให้กับผู้ซื้อใน ประเทศปริมาณ 449,342.856 ตัน ซึ่งได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2551 เสนอคณะ กรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) เป็นประธานกรรมการ เพื่อ พิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป 2. ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งหารือตามประเด็นความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เกี่ยวกับแนว ทางการระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากการรับจำนำตามโครงการ ฯ โดยวิธีการจำหน่ายแบบรัฐบาลกับรัฐบาล (G to G) หรือรัฐบาลกับเอกชนต่างประเทศ (G to P) ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาตามมาตรา 190 วรรคสอง ของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยก่อนดำเนินการหรือไม่ โดยหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ เกิดความชัดเจนเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และคณะรัฐมนตรี ต่อไป 3. อนุมัติให้คงคณะกรรมการเกี่ยวกับสินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์รวม 5 คณะ ได้แก่ คณะกรรมการนโยบาย อาหาร คณะกรรมการกำกับการรับจำนำโครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2551/52 คณะกรรมการ บูรณาการการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตร คณะกรรมการตรวจสอบโครงการแทรกแซง ตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2551/52 (เพิ่มเติมครั้งที่ 2) และโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี 2551/52 และคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รวมทั้งอนุมัติให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2551 (เรื่อง โครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2551/52) ในส่วนที่มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ องค์การคลังสินค้าและหน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการรับจำนำและระบายข้าวโพดที่รับจำนำ ตามที่กระทรวง พาณิชย์เสนอ 4. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการต่างประเทศ สำนัก งบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่าโครงการแทรกแซงตลาด ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2551/52 โดยวิธีการรับจำนำได้ดำเนินการรับจำนำในราคาที่สูงกว่าราคาตลาดมาก ซึ่งจะ ส่งผลให้เกิดภาระการขาดทุนเป็นจำนวนมากจนอาจขัดต่อข้อผูกพันเรื่องการอุดหนุนภายในภายใต้ WTO และอาจ ทำให้ถูกฟ้องร้องหรือถูกตอบโต้ ส่วนการอนุมัติการจำหน่ายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่รับจำนำ ปี 2551/52 เพื่อส่งออก ต่างประเทศโดยวิธีการประมูลให้กับผู้ซื้อในประเทศ นั้น มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา ในประเด็นข้อกฎหมายว่า การอนุมัติให้มีการระบายจำหน่ายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์งวดที่ 1 ควรเป็นอำนาจหน้าที่ของ คณะกรรมการชุดใด ระหว่างคณะกรรมการระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ หรือคณะอนุกรรมการด้านการตลาดข้าวโพด เลี้ยงสัตว์ ภายใต้คณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รวมทั้งขั้นตอนการดำเนินการที่ผ่านมาถูกต้องตามกฎ หมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องหรือไม่ และในการระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากการรับจำนำตามโครงการ ฯ ส่วนที่ เหลือประมาณ 660,000 ตัน โดยวิธีการจำหน่ายแบบรัฐบาลกับรัฐบาล และ/หรือรัฐบาลกับเอกชนต่างประเทศ ต้องผ่านกระบวนการพิจารณาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 190 หรือไม่ และให้ยก เลิกคณะกรรมการระบายข้าวโพดที่รับจำนำ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ เพื่อลดความซ้ำซ้อนและเพื่อสร้างความ เป็นเอกภาพในการทำหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อ ไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6350 | ขอเปลี่ยนแปลงวงเงินงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ของกระทรวงมหาดไทย | มท | 13/05/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอขอเปลี่ยนแปลงวงเงินงบประมาณ
รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ของกระทรวงมหาดไทย โดยให้มีวงเงินเป็นค่าใช้จ่ายตามโครงการสนับ สนุนงบบริหารจัดการผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ (งบผู้ว่า ฯ CEO) ของสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย จำนวน 750 ล้านบาท แยกเป็นวงเงินจำนวน 375 ล้านบาท ให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาปรับปรุงรายการ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 รองรับแล้ว ให้ส่งข้อเสนอการปรับปรุงดังกล่าวให้สำนักงบ ประมาณตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2552 (เรื่อง การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2553) โดยด่วนต่อไป ส่วนวงเงินส่วนที่เหลืออีกจำนวน 375 ล้านบาท ให้กระทรวงมหาดไทยได้ รับสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมจากกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 (งบกลาง)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6351 | การขยายระยะเวลารับจำนำมันสำปะหลังตามโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี 2551/52 | พณ | 06/05/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาดำเนินการรับจำนำมันสำปะหลัง โครงการแทรกแซง
ตลาดมันสำปะหลัง ปี 2551/52 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2552 [เรื่อง การดำเนินโครงการ แทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี 2551/52 (เพิ่มเติม)] จากเดิม "สิ้นสุดเดือนเมษายน 2552" เป็น "สิ้นสุดภาย ใน 10 วัน นับถัดจากวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ขยายระยะเวลารับจำนำ" (สิ้นสุดวันที่ 16 พฤษภาคม 2552) ภายใต้หลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้เดิม ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6352 | การส่งกองพันทหารราบเข้าร่วมในภารกิจรักษาสันติภาพผสมระหว่างสหภาพแอฟริกาและสหประชาชาติในดาร์ฟูร์ | กต | 06/05/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบยืนยันตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2550 [เรื่อง การสนับสนุนกอง
พันทหารราบเข้าร่วมในภารกิจรักษาสันติภาพผสมระหว่างสหภาพแอฟริกาและสหประชาชาติในดาร์ฟูร์ (UNAMID)] ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ส่วนค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติภารกิจของกองกำลังทหารไทยในกรอบวงเงิน 350 ล้านบาท ต่อวงรอบ 6 เดือน ซึ่งสหประชาชาติจะเป็นผู้ให้การสนับสนุน โดยประเทศไทยจะต้องสำรองค่าใช้จ่ายไป ก่อนนั้น ให้กระทรวงกลาโหมขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป และเมื่อส่วนราชการได้รับ เงินช่วยเหลือจากสหประชาชาติแล้ว ให้นำส่งเป็นรายได้แผ่นดินต่อไป ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6353 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีรายการก่อสร้างอาคารชุดพักอาศัยของสำนักงานสรรพากรพื้นที่สงขลา 1 | กค | 06/05/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคารชุดพักอาศัย ขนาด 39 หน่วย ของสำนักงานสรรพา
กรพื้นที่สงขลา 1 จำนวน 4,243,600 บาท จากที่ได้รับอนุมัติ 36,000,000 บาท เป็น 40,243,600 บาท และ ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปี รายการก่อสร้างอาคารชุดพักอาศัยดังกล่าว จากปีงบประมาณ พ.ศ. 2551- พ.ศ. 2552 เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2553 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ หากกรมสรรพากรได้ ดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งกฎหมายและ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องแล้วให้กรมสรรพากรดำเนินการก่อสร้างอาคารชุดพักอาศัยดังกล่าวได้ โดยให้เบิกจ่าย จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จำนวนเงิน 7,200,000 บาท งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จำนวนเงิน 28,800,000 บาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 จำนวนเงิน 4,243,600 บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6354 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการพัฒนาพื้นที่ชุ่มน้ำ : กรณีศึกษากว๊านพะเยา จังหวัดพะเยา | สสป | 06/05/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น และข้อเสนอแนะ ของสภา ฯ เรื่อง แนวทางการพัฒนาพื้นที่ชุ่มน้ำ : กรณีศึกษากว๊านพะเยา จังหวัดพะเยา สรุปได้ดังนี้ 1.1 จัดทำแผนแม่บทพัฒนากว๊านพะเยาโดยการมีส่วนร่วมของประชาชนในท้องถิ่น องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น หน่วยราชการในจังหวัดพะเยา และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง 1.2 เร่งดำเนินการขอขึ้นทะเบียนกว๊านพะเยาเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ (Ram sar Site) ตามอนุสัญญาว่าด้วยการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ (Ramsar Convention) ที่ไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาเมื่อ วันที่ 13 กันยายน 2541 เป็นการยกระดับกว๊านพะเยาที่ได้ขึ้นบัญชีไว้ให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำระดับนานาชาติแล้ว ให้ เป็นที่ยอมรับในระดับสากลเพิ่มขึ้น 1.3 สนับสนุนให้มีการจัดตั้งองค์กรใหม่ระดับจังหวัดทำหน้าที่ดูแล รักษา และพัฒนากว๊านพะเยา 1.4 กำหนดกระบวนการในการดำเนินโครงการกู้วัดติโลกอาราม ในกว๊านพะเยา โดยให้ปฏิบัติตาม ขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องคือ ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 พระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 และพระราชบัญญัติส่งเสริมและ รักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 รวมถึงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2543 และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2532 อย่างเคร่งครัด และดำเนินการต่อผู้ที่กระทำความผิดตามกฎหมาย 2. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณาและผลการดำเนินการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงการพัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์ 3. ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับโครงการกู้วัดติโลกอารามไปศึกษาผลกระทบด้านต่าง ๆ ร่วมกับหน่วย งานที่เกี่ยวข้อง โดยให้รับความเห็นของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าวเนื่อง จากสภาพวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างมีอายุนับร้อยปีและจมอยู่ในน้ำเป็นเวลานานมีสภาพอิ่มน้ำไม่สามารถคงรูปเดิม ไว้ได้ รวมทั้งส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศวิทยา และการดำเนินงานจะต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวน มาก นอกจากนี้ เมื่อดำเนินการแล้วจะทำให้ทัศนียภาพกว๊านพะเยาขาดความงดงามตามธรรมชาติ ไปประกอบ การพิจารณาด้วย แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6355 | การลงนามในหนังสือเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีของสำนักงานอัยการสูงสุด | อส | 06/05/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) เกี่ยวกับการลงนามเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีของสำนักงานอัยการสูงสุดตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่อง และการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 โดยเห็นว่า สำนักงานอัยการสูงสุดมีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่อยู่ใน กำกับของราชการฝ่ายบริหารตามความหมายของพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว ดังนั้น การที่สำนักงานอัยการสูงสุดใน ฐานะที่ทำหน้าที่เป็นหน่วยธุรการขององค์กรอัยการได้เสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีโดยอัยการสูงสุดเป็นผู้ลงนามเรื่อง ดังกล่าว และส่งมายังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยตรง จึงเป็นการดำเนินการที่เป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 6 แห่งพระราชกฤษฎีกา ฯ ดังกล่าว 2. คณะรัฐมนตรีเห็นว่า เพื่อให้การพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ตามระเบียบและมติคณะรัฐมนตรีต่าง ๆ ทั้งที่ต้อง เสนอคณะรัฐมนตรีและไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีของสำนักงานอัยการสูงสุดชอบด้วยกฎหมาย ระเบียบ และแนวทาง ปฏิบัติ สมควรให้อัยการสูงสุดหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้พิจารณาอนุมัติ อนุญาต หรือให้ความเห็น ชอบ รวมทั้งเป็นผู้เสนอเรื่องต่าง ๆ ต่อคณะรัฐมนตรี โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับไปพิจารณา แล้วนำ เสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6356 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 | นร | 06/05/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบการกำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 จำนวน 1,700,000 บาท โดยเป็นนโยบายงบประมาณขาดดุล จำนวน 350,000 ล้านบาท รายได้จำนวน 1,350,000 ล้านบาท โดย อนุมัติให้ปรับโครงสร้างหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 เพิ่มขึ้นอีกจำนวน 12,000 ล้านบาท 2. เห็นชอบรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ของกระทรวง ส่วนราช การ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น 3. เห็นชอบการยกเว้นมติคณะรัฐมนตรี กรณีรายจ่ายลงทุนที่ขออนุมัติผูกพันข้ามปีงบประมาณในปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2553 4. เห็นชอบการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 5. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นใดที่มีโครงการจำนวนมาก ให้ส่งผลการพิจารณาข้อ เสนอการปรับปรุงให้สำนักงบประมาณได้ภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2552
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6357 | ขอเบิกค่าใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ส่วนตัวในการประสานงานสำหรับการประชุมสุดยอดอาเซียนและการประชุมที่เกี่ยวข้อง | กต | 28/04/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศเบิกค่าใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ส่วนตัวของ
เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยซึ่งสังกัดส่วนราชการภายในประเทศ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ เฉพาะค่าใช้จ่ายใน รอบเดือนที่มีการติดต่อประสานงานเกี่ยวกับการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 15 การประชุมสุดยอดผู้นำกับคู่ เจรจา การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 42 รวมทั้งการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับ ประเทศคู่เจรจา ในช่วงก่อนและระหว่างการประชุม ทั้งนี้ ให้หัวหน้าส่วนราชการเจ้าของงบประมาณควบคุมดูแล รับผิดชอบการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้เป็นไปโดยถูกต้องเท่าที่จำเป็นเพื่อไม่ให้เป็นภาระกับงบประมาณ และ สำหรับส่วนราชการที่มีหน่วยงานประจำในต่างประเทศ ให้ถือปฏิบัติตามหนังสือกระทรวงการคลัง ที่ กค 0409. 5/ว49 ลงวันที่ 12 กรกฎาคม 2549 ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง และให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2550 (เรื่องการปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการติดตั้งและใช้โทรศัพท์ของ ทางราชการ) เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6358 | การบริหารจัดการตำแหน่งว่างของส่วนราชการ | นร | 28/04/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลาการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กุมภา
พันธ์ 2552 (เรื่อง การบริหารจัดการตำแหน่งว่างของส่วนราชการ) โดยให้ส่วนราชการดำเนินการสรรหาบุคคล เพื่อบรรจุแต่งตั้งในตำแหน่งว่างต่อไปจนถึงวันที่ 15 มิถุนายน 2552 และรายงานให้สำนักงาน ก.พ. ทราบภาย ในวันที่ 30 มิถุนายน 2552 ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6359 | ข้อเสนอมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจต่อภาคอุตสาหกรรมไทย (การใช้พัสดุที่ผลิตในประเทศหรือเป็นกิจการของคนไทย) | อก | 21/04/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. ให้ส่วนราชการถือปฏิบัติเกี่ยวกับการใชัพัสดุที่ผลิตในประเทศหรือเป็นกิจการของคนไทย ตามข้อ 16 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ด้วยการพัสดุ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2539 และ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2541 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2550 เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง หลักเกณฑ์การใชัพัสดุที่ผลิตในประเทศ อย่างเคร่งครัด 2. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมประสานขอความร่วมมือรัฐวิสาหกิจและองค์การมหาชนนำระเบียบ ฯ และ มติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวมาปรับใช้ตามความเหมาะสม และหาแนวทางและมาตรการในการรณรงค์ส่งเสริมการใช้ ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศ ตลอดจนการลดการใช้ผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศในอีกทางหนึ่ง 3. ให้กระทรวงมหาดไทยประสานขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ใช้พัสดุที่ผลิตในประเทศ หรือเป็นกิจการของคนไทย ทั้งนี้ ในการปฏิบัติดังกล่าวส่วนราชการควรระมัดระวังมิให้ขัดหรือแย้งกับข้อตกลงระหว่างประเทศต่าง ๆ เช่น ข้อตกลงขององค์การการค้าโลก การประกวดราคานานาชาติ เป็นต้น โดยอาจประสานกับกระทรวงพาณิชย์ ก่อนดำเนินการ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6360 | มาตรการและแนวทางการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 เพิ่มเติม | กค | 21/04/2552 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบมาตรการและแนวทางการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2552 เพิ่มเติม ดังนี้ 1.1 ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดเร่งรัดหน่วยงานในสังกัดเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐให้เป็นไปตามเป้า หมายที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ ควรให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาการเบิกจ่ายงบประมาณต่ำในช่วงต้นปีงบประมาณ โดยการปรับกระบวน การ/ขั้นตอนการใช้จ่ายเงินงบประมาณ ซึ่งอาจจะพิจารณากำหนดตารางเวลาการจัดทำรายละเอียดโครงการ ให้เร็วขึ้น โดยเฉพาะงบรายจ่ายลงทุน เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ และจะทำให้ การใช้จ่ายของภาครัฐสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เศรษฐกิจและการค้าโลกชะลอตัว ไปพิจารณา ดำเนินการด้วย 1.2 ให้ส่วนราชการปรับแผนการฝึกอบรมและการประชุมสัมมนาให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนา ยน 2552 โดยให้ยึดแนวทางตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2552 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันที่ 3 มีนาคม 2552 โดยให้ผ่านความเห็นชอบของรัฐมนตรีเจ้าสังกัดตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 2. สำหรับการพิจารณาจัดสรรงบประมาณสำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ให้สำนักงบประมาณ ระงับการจัดสรรงบประมาณสำหรับการศึกษาดูงานในต่างประเทศ ส่วนการจัดประชุม อบรม และสัมมนาใน ประเทศ ให้ดำเนินการในต่างจังหวัดอย่างเหมาะสม
|
.....